Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ส่งต่อเครื่องผลิตออกซิเจน รักษาผู้ป่วย รพ.สมเด็จพระยุพราชตะพานหิน จ.พิจิตร

5 สิงหาคม เวลา 10.00 น. นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบเครื่องผลิตออกซิเจน ขนาด 5 ลิตร จำนวน 9 เครื่อง มูลค่าเครื่องละ 27,900 บาท เป็นเงิน 251,100 บาท ให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ตะพานหิน จ.พิจิตรเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยมี นายแพทย์สุธน  ชินวุฒิ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลและคณะ เป็นผู้รับมอบ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน จ.พิจิตร

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า สำหรับเครื่องผลิตออกซิเจนที่นำมามอบให้กับโรงพยาบาลในวันนี้ เป็นเครื่องมือบริการทางการแพทย์ ที่ทางมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ร่วมกับคณะกรรมการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา นำไปมอบให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ  ทั้งนี้ การมอบเครื่องผลิตออกซิเจน จำนวน 9 เครื่อง ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน  ถือว่าเป็นกิจกรรมตามเจตนารมณ์ของมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์  ที่สนับสนุนงานด้านสาธารณสุขของประเทศ

ด้าน นายแพทย์สุธน  ชินวุฒิ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน กล่าวว่า ในนามโรงพยาบาล ขอขอบคุณ คุณเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์เป็นอย่างสูงที่ได้มอบเครื่องผลิตออกซิเจนให้ในวันนี้  โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสะพานหิน จังหวัดพิจิตร  เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 90 เตียง ให้บริการผู้ป่วยในอำเภอตะพานหินและอำเภอใกล้เคียง ในปี 2566 มีผู้รับบริการรวมเกือบ 200,000 คน โดยการได้รับเครื่องผลิตออกซิเจน ในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลจะนำไปให้บริการ สำหรับผู้ป่วยที่มารับบริการต่อไป

“ตำรวจ ปส. รวบ 2 ผู้ต้องหาขาโหดหลบหนีคดีฆ่าเผานั่งยางมาขนยา พร้อมอาวุธปืนและระเบิดมือเพียบ หวิดปะทะ! ”

วันนี้ (3 ส.ค. 67) เวลา 09.00 น.  พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พร้อม พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 ได้เดินทางไปที่ศูนย์ปฏิบัติการยาเสพติดนครราชสีมา  อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เพื่อไปติดตามการปฏิบัติหน้าที่และสอบสวนผู้ต้องหารายสำคัญจำนวน 2 คน ที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้ร่วมกันจับกุมได้พร้อมยาเสพติดของกลาง พร้อมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและลูกระเบิดจำนวนมาก

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.67 เวลา 01.45 น. ตำรวจ ได้จับกุม น.ส.ทิวาพร กับพวกรวม 3 คน พร้อมยาบ้า  1,200,000 เม็ด  บริเวณหน้าห้องน้ำ ปั๊มน้ำมัน ปตท. แยกพัฒนานิคมขาเข้า ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี  ก่อนจะสืบสวนขยายผลจากกลุ่มลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว จนพบรถยนต์ต้องสงสัยของกลุ่มเครือข่ายที่อาจใช้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จึงได้ติดตามสืบสวนและเฝ้าระวังเรื่อยมา กระทั่ง วันที่ 2 ส.ค.67 ตำรวจ บก.ปส.2 ตรวจพบรถยนต์ทั้งสองคันมีความเคลื่อนไหวเข้าไปในพื้นที่ จว.เลย พื้นที่ขึ้นยาเสพติดจากฝั่งลาว  จึงได้จัดกำลังติดตาม และพบรถวิ่งอยู่บน ถนนสายสระบุรี-หล่มศักดิ์ (ถนนสาย 21) ในพื้นที่ อ.วิเชียรบุรี จว.เพชรบูรณ์ มาถึง อ.ศรีเทพ จว.เพชรบูรณ์ โดยรถกระบะ หมายเลขทะเบียน 3ฒฬ 86xx กรุงเทพฯ ได้เลี้ยวเข้าไปในใบทองธารารีสอร์ท และจอดบริเวณหน้าห้อง B1 โดยมีรถยนต์หมายเลขทะเบียน 1กษ 90xx กรุงเทพฯ จอดอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่คนขับรถกระบะจะลงจากรถ และเดินเข้าไปในห้องพัก ตำรวจจึงวางกำลังรอบห้องพัก B1 และแสดงตัวขอตรวจค้น แต่สงสัยทั้งสองไม่ยอมเปิดประตู  จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและใช้ยุทธวิธีเพื่อเข้าตรวจค้น จนสามารถควบคุมผู้ต้องหาได้ คือ 1.นายอนุชิต ทำหน้าที่ขับรถนำ
2.นายศักดิ์สิทธิ์ฯ ทำหน้าที่ขับรถกระะบะขนยาเสพติด ตรวจค้นในห้องพัก พบของกลางอาวุธปืนขนาด .45 ในลักษณะพร้อมใช้งาน 2 กระบอก และระเบิดลูกเกลี้ยง M 26 พร้อมใช้งาน  7 ลูก  และกระสุน 95 นัด ก่อนจะควบคุมตัวไปตรวจค้นที่รถกระบะ เบื้องต้นพบยาเสพติด เป็นยาบ้า 6,702,400 เม็ด, ยาอี 1,000 เม็ด, Erimin 5 จำนวน 1,400 เม็ด,  MDMA  (หัวเชื้อยาอี) 10 ก้อน น้ำหนักรวม 1,080 เม็ด

เบื้องต้นแจ้งข้อหาว่า  “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”

จากการซักถามผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ ว่าได้ร่วมกับลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เลย ไปส่ง จ.สระบุรี จริง  โดยนายอนุชิตฯทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการลำเลียงและขับรถนำทางคอยเฝ้าระวัง และประสานงานกับผู้สั่งการฝั่งลาว  ส่วนนายศักดิ์สิทธิ์ฯ มีหน้าที่ขับรถกะบะบรรทุกยาเสพติด ด้าน นายศักดิ์สิทธิ์ฯ รับว่ารู้จักกับนายอนุชิตฯ จากเพื่อนที่ติดคุกด้วยกันในเรือนจำ  และนายอนุชิตฯ ชักชวนมาขนยาเสพติด โดยจะได้รับเงินค่าจ้างจากนายอนุชิตฯ 30,000  บาท   ส่วนนายอนุชิตฯ พบว่ามีประวัติโชกโชนทั้งคดียาเสพติดและคดีลักทรัพย์ในพื้นที่ จ.ลพบุรี และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่าและเผาอำพรางศพ ของ สภ.ชัยบาดาล เหตุเกิดเมื่อ 12 ก.ย.66 จากการซักถามนายอนุชิต ฯรับว่าตนได้ก่อเหตุฆ่าจริง ซึ่งมีสาเหตุจากการไปทวงหนี้ค่ายาเสพติดจากผู้ตายให้ผู้ค้าชาวลาว  และได้ลงมือฆ่าแล้วเผาด้วยยางรถยนต์  แล้วหลบหนีไปประเทศลาว จนไปรู้จักท้าวเสือ คนลาวซึ่งเป็นผู้สั่งการให้จัดหาทีมงานลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้  โดยจะได้ค่าจ้างกระสอบละ 40,000 บาท ครั้งนี้ถ้างานสำเร็จจะได้เงิน 520,000 บาท โดยตนเคยลักลอบลำเลียงให้ท้าวเสือมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ละครั้งจะแอบข้ามกลับมาประเทศไทยโดยนั่งเรือข้ามมา และนัดหมายพรรคพวกพร้อมรถยนต์มาร่วมกันลำเลียงยาเสพติด ส่วนลูกระเบิดและอาวุธปืนของกลางที่ตรวจพบ นายอนุชิตฯ อ้างว่าซื้อจากฝั่งลาวเพื่อไปขายให้พรรคพวกเป็นรายได้เสริม ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตนได้ยินนายศักดิ์สิทธิ์ฯร้องไห้ตกใจ และเจ้าหน้าที่เข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว จึงยังไม่ได้ใช้อาวุธต่อสู้แต่อย่างใด
พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส.เผยว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ในการสืบสวนและเฝ้าติดตามกลุ่มเครือข่ายนี้มาอย่างต่อเนื่องกว่าสองเดือน  จนนำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้  ในครั้งนี้ผู้ต้องหามีอาวุธและวัตถุระเบิดจำนวนมากมาด้วย แต่เจ้าหน้าที่ของเราไม่ประมาทและได้ใช้ยุทธวิธีในการเข้าจับกุม จึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้โดยไม่เกิดการบาดเจ็บหรือสูญเสียชีวิต  และยาเสพติดของกลางที่พบเป็นยาบ้าจำนวนมากเช่นก่อนหน้า และพบ Erimin 5 จำนวน 1,400 เม็ด ,ยาอี 1,000 เม็ด และก้อนสารMDMA จำนวน 10 ก้อนซึ่งแทบไม่เคยพบเห็นมาก่อน ที่คาดว่าอาจใช้เป็นหัวเชื้อในการผลิตยาอีหรือสารเสพติดรูปแบบใหม่อื่นๆ ซึ่งจะต้องมีการสืบสวนขยายผลถึงวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ต่อไป ตำรวจ ปส.จะยังคงทำงานอย่างเข้มข้นในการสกัดกั้นและทำลายเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

'รัดเกล้า' ชี้!! บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายไม่น้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป แนะ!! ต้องป้องกันเด็ก-เยาวชน ให้ห่างไกลวงโคจรยาเสพติด

เมื่อวานนี้ (4 ส.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ร่วมเป็นองค์เสวนา ชื่อหัวข้อ 'เยาวชนความรู้เท่าทันเรื่องอะไรบ้างจึงป้องกันตัวเองได้' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม 'โครงการเยาวชนรู้เท่าทัน ป้องกันตนเอง' ที่จัดขึ้น ณ ชุมชนบ้านปูนใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด กรุงเทพมหานครฯ ระหว่างเวลา 08:30 – 14:00 น. โดย นายกีรติ กีรติยุติ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และนางอิง ภาสกรนที ประธานผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ร่วมเป็นประธานในการเปิดงาน

ทั้งนี้ รองโฆษกรัฐบาล รัดเกล้า ได้กล่าวว่า นโยบายและแนวทางของรัฐบาลในการจัดการกับปัญหายาเสพติด ว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะนำมาสู่ปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายเช่น ปัญหาอาชญากรรมอื่น ปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นต้น ทางรัฐบาลได้ให้ทิศทางนโยบายโดยเน้นตัดต้นตอกระบวนการค้ายาเสพติด ด้วยการเน้นทำลายโครงสร้างการค้าและการเงินของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ความน่ากังวลใจคือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้รายงานว่าปัจจุบันมีการจับการค้ายาเสพติดได้จำนวนเพิ่มขึ้นถึง 4-5 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีแพร่ระบาดของยาเป็นจำนวนมาก 

"ในสภาวะเช่นนี้หน่วยปฏิบัติต้องทำงานหนักมาก และต้องพบความเสี่ยงในการทำงานมากขึ้น ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่สำคัญที่สุด เมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มอบอุปกรณ์เพื่อใช้ในการป้องกัน และตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด อาทิ กล้อง Night Vision โดรนตรวจการณ์ ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ ANTI-DRONE และรถโฟร์วีล เป็นต้น" รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าว

รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าวอีกว่า "นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ดีที่สุด คือ การป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าสู่วงโคจรของยาเสพติด ที่เริ่มต้นจากผู้เสพ ซึ่งมีผลกระทบมากมาย อาทิ ปัญหาสุขภาพทั้งกายและใจ ปัญหาครอบครัว ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงอยากแนะนำไปยังเด็กและเยาวชนว่า เรื่องของยาเสพติดต้องหลีกเลี่ยงตั้งแต่ต้น และยังได้แสดงความห่วงใยจากการที่เด็กและเยาวชนจะถูกหลอกลวงจากผู้ไม่หวังดีให้ขนย้ายยาเสพติด"

เมื่อพูดถึงเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า รองโฆษกฯ รัดเกล้าแสดงความห่วงใยด้วยว่า “นอกจากปัญหายาเสพติดแล้ว ปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาอีกปัญหาหนึ่งซึ่งแพร่ระบาดในเด็กและเยาวชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งความอันตรายไม่ได้น้อยไปกว่าบุหรี่ มีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อเข้าถึงเด็กโดยเฉพาะ และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายของประเทศไทยด้วย” 

สำหรับการเสวนาในครั้งนี้นอกจากนางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกรัฐบาลแล้ว ยังมีนางสาวนิชญา ปราณีจิตต์ เลขานุการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นายอุดมชัย โลหณุต ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร นายแพทย์ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และร้อยตำรวจโทพิมดาว พวงพิลา รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจบางยี่ขัน เข้าร่วมการเสวนาด้วย

ทั้งนี้ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในฐานะผู้จัดงานเปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นเพียงแค่การคิ๊กออฟโครงการ เป็นต้นแบบที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมุ่งหวังจะเดินหน้าจัดในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป เป้าหมายของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางคือให้ความรู้ในเรื่องคดีต่างๆ ที่เด็กและเยาวชนควรมีความรู้ ความเข้าใจ โดยในเฟสแรกนี้จะมุ่งเป้าหาความร่วมมือกับคณะกรรมการชุมชนต่างๆ สำนักงานเขตต่างๆ ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และมีความพร้อม โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะครอบคลุมให้ได้มากถึง 4 ชุมชนต่อปี โดยงบประมาณหลักในการจัดงานนี้มาจากการระดมทุนของคนในศาลโดยมุ่งหวังสร้างภูมิคุ้มกันทางปัญญา ให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติด และอยากเห็นเยาวชนไทยได้รับโอกาสที่ดีในชีวิต

ด้าน นายกีรติ ระบุว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และได้รับความร่วมมือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุม ปราบปราม และเยียวยา เยาวชนที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเผชิญความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ภัยจากการล่อลวง (เช่น การเปิดบัญชีม้า และการค้าประเวณี) ซึ่งท้ายสุดก็ทำให้กลุ่มเยาวชนเข้าไปอยู่ในวงจรสีเทาที่มีการค้าขายยาเสพติดสอดแทรกอยู่ในนั้น ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นเพียงแค่การคิกออฟโครงการ เป็นต้นแบบที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมุ่งหวังจะเดินหน้าจัดในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป  

สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีกิจกรรมการแสดงความสามารถของเยาวชนในชุมชนเพื่อนบ้าน การแสดงกระบี่กระบอง จากชุมชนวัดฉัตรแก้ว ที่เป็นแบบที่ดีของชุมชนที่สร้างกิจกรรมดังกล่าวให้เยาวชนในพื้นที่ใช้เวลาว่างมาทำในสิ่งที่มีประโยชน์ สร้างรายได้เสริม และเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชน มีการแสดงรำร่ายไหว้ครูมวยไทย ชุดผู้ใหญ่และชุดเด็ก และการแสดงคีตะมวยไทย จากชุมชนเขตคลองเตย นอกจากนั้นในบริเวณรอบข้างยังมีการออกร้านให้ชุมชนรอบข้างนำของดีในพื้นที่มาวางขาย เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้เพลิดเพลินและร่วมอุดหนุนสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่อีกด้วย

‘วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ เอาชนะ ‘ลี ซี เจีย’ จากมาเลเซีย 2-0 เกม สร้างประวัติศาสตร์!! เข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตันชายเดี่ยวโอลิมปิก

(4 ส.ค. 67) การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ในกีฬาแบดมินตันประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ หรือ รอบ 4 คนสุดท้าย ระหว่าง ‘วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ มืออันดับ 8 ของโลกของไทย ที่รอบก่อนรองชนะเลิศเอาชนะ ฉี ยู่ฉี มือ 1 ของโลกจากจีน พบกับ ลี ซี เจีย มืออันดับ 7 ของโลกจากมาเลเซีย 

สำหรับสถิติการพบกันของทั้งคู่รวม 7 ครั้งหลังสุด นักแบดไทย ชนะไป 4 ครั้ง โดยเกมล่าสุดที่พบกันในศึกอินโดนีเซีย โอเพ่น 2024 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วิว กุลวุฒิ เป็นฝ่ายชนะไป 2-0 เกม 

เริ่มเกมทั้งคู่อาศัยความนิ่งเข้าสู้ ทำให้รูปเกมออกมาสูสีเสมอกัน 7-7 ซึ่ง หลี่ ซื่อ เจี๋ย ไม่เข้าฟอร์ม ตรงข้ามกับ ‘วิว’ ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะความเหนียวในเกมรับ มีหลอกหน้าไม้ในเกมรุกจนเอาชนะไป 21-14

จากนั้นในเกมสองเป็นทาง ‘วิว’ ที่เล่นได้แน่นอนกว่ามีจังหวะที่ดีนำห่าง 11-6 และสุดท้าย ‘วิว’ ก็คุมสถานการณ์ไว้ได้หมดทำให้เอาชนะไป 2 เกมรวด 21-14 กับ 21-15

ทำให้ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนไทยคนแรกที่ได้เข้าชิงเหรียญทองแบดมินตันโอลิมปิกและการันตีเหรียญรางวัลแน่นอนแล้ว

โดยจะเข้าไปรอผู้ชนะระหว่าง วิคเตอร์ แอ็กเซลเซน มือ 2 ของโลก จากเดนมาร์ก วัย 30 ปี แชมป์เก่าครั้งที่แล้ว กับ ลักยา เสน มือ 22 ของโลกจากอินเดีย รอบชิงจะมีขึ้นในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 19.30 น.

'รัดเกล้า' เผย!! รัฐเปิดเกมดุ ขจัดปัญหายาเสพติดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ควบคู่!! เดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันแก่เยาวชน 'เท่าทัน-เข้าใจ-ห่างไกล'

(4 ส.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ร่วมเป็นองค์เสวนา ชื่อหัวข้อ 'เยาวชนความรู้เท่าทันเรื่องอะไรบ้างจึงป้องกันตัวเองได้' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม 'โครงการเยาวชนรู้เท่าทัน ป้องกันตนเอง' ที่จัดขึ้น ณ ชุมชนบ้านปูนใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด กรุงเทพมหานครฯ ระหว่างเวลา 08:30 – 14:00 น. โดย นายกีรติ กีรติยุติ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และนางอิง ภาสกรนที ประธานผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ร่วมเป็นประธานในการเปิดงาน

ทั้งนี้ รองโฆษกรัฐบาล รัดเกล้า ได้กล่าวว่า นโยบายและแนวทางของรัฐบาลในการจัดการกับปัญหายาเสพติด ว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะนำมาสู่ปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายเช่น ปัญหาอาชญากรรมอื่น ปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นต้น ทางรัฐบาลได้ให้ทิศทางนโยบายโดยเน้นตัดต้นตอกระบวนการค้ายาเสพติด ด้วยการเน้นทำลายโครงสร้างการค้าและการเงินของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ความน่ากังวลใจคือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้รายงานว่าปัจจุบันมีการจับการค้ายาเสพติดได้จำนวนเพิ่มขึ้นถึง 4-5 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีแพร่ระบาดของยาเป็นจำนวนมาก 

"ในสภาวะเช่นนี้หน่วยปฏิบัติต้องทำงานหนักมาก และต้องพบความเสี่ยงในการทำงานมากขึ้น ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่สำคัญที่สุด เมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มอบอุปกรณ์เพื่อใช้ในการป้องกัน และตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด อาทิ กล้อง Night Vision โดรนตรวจการณ์ ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ ANTI-DRONE และรถโฟร์วีล เป็นต้น" รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าว

รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าวอีกว่า "นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ดีที่สุด คือ การป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าสู่วงโคจรของยาเสพติด ที่เริ่มต้นจากผู้เสพ ซึ่งมีผลกระทบมากมาย อาทิ ปัญหาสุขภาพทั้งกายและใจ ปัญหาครอบครัว ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงอยากแนะนำไปยังเด็กและเยาวชนว่า เรื่องของยาเสพติดต้องหลีกเลี่ยงตั้งแต่ต้น และยังได้แสดงความห่วงใยจากการที่เด็กและเยาวชนจะถูกหลอกลวงจากผู้ไม่หวังดีให้ขนย้ายยาเสพติด"

เมื่อพูดถึงเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า รองโฆษกฯ รัดเกล้าแสดงความห่วงใยด้วยว่า “นอกจากปัญหายาเสพติดแล้ว ปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาอีกปัญหาหนึ่งซึ่งแพร่ระบาดในเด็กและเยาวชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งความอันตรายไม่ได้น้อยไปกว่าบุหรี่ มีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อเข้าถึงเด็กโดยเฉพาะ และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายของประเทศไทยด้วย” 

สำหรับการเสวนาในครั้งนี้นอกจากนางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกรัฐบาลแล้ว ยังมีนางสาวนิชญา ปราณีจิตต์ เลขานุการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นายอุดมชัย โลหณุต ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร นายแพทย์ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และร้อยตำรวจโทพิมดาว พวงพิลา รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจบางยี่ขัน เข้าร่วมการเสวนาด้วย

ทั้งนี้ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในฐานะผู้จัดงานเปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นเพียงแค่การคิ๊กออฟโครงการ เป็นต้นแบบที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมุ่งหวังจะเดินหน้าจัดในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป เป้าหมายของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางคือให้ความรู้ในเรื่องคดีต่างๆ ที่เด็กและเยาวชนควรมีความรู้ ความเข้าใจ โดยในเฟสแรกนี้จะมุ่งเป้าหาความร่วมมือกับคณะกรรมการชุมชนต่างๆ สำนักงานเขตต่างๆ ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และมีความพร้อม โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะครอบคลุมให้ได้มากถึง 4 ชุมชนต่อปี โดยงบประมาณหลักในการจัดงานนี้มาจากการระดมทุนของคนในศาลโดยมุ่งหวังสร้างภูมิคุ้มกันทางปัญญา ให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติด และอยากเห็นเยาวชนไทยได้รับโอกาสที่ดีในชีวิต

ด้าน นายกีรติ ระบุว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และได้รับความร่วมมือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุม ปราบปราม และเยียวยา เยาวชนที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเผชิญความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ภัยจากการล่อลวง (เช่น การเปิดบัญชีม้า และการค้าประเวณี) ซึ่งท้ายสุดก็ทำให้กลุ่มเยาวชนเข้าไปอยู่ในวงจรสีเทาที่มีการค้าขายยาเสพติดสอดแทรกอยู่ในนั้น ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นเพียงแค่การคิกออฟโครงการ เป็นต้นแบบที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมุ่งหวังจะเดินหน้าจัดในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป  

สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีกิจกรรมการแสดงความสามารถของเยาวชนในชุมชนเพื่อนบ้าน การแสดงกระบี่กระบอง จากชุมชนวัดฉัตรแก้ว ที่เป็นแบบที่ดีของชุมชนที่สร้างกิจกรรมดังกล่าวให้เยาวชนในพื้นที่ใช้เวลาว่างมาทำในสิ่งที่มีประโยชน์ สร้างรายได้เสริม และเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชน มีการแสดงรำร่ายไหว้ครูมวยไทย ชุดผู้ใหญ่และชุดเด็ก และการแสดงคีตะมวยไทย จากชุมชนเขตคลองเตย นอกจากนั้นในบริเวณรอบข้างยังมีการออกร้านให้ชุมชนรอบข้างนำของดีในพื้นที่มาวางขาย เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้เพลิดเพลินและร่วมอุดหนุนสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่อีกด้วย

นักเขียนชื่อดัง วิจารณ์คลิปนักศึกษา จบมาคาดหวัง เงินเดือนสตาร์ท ‘สี่หมื่นห้า’ ชี้!! เงินเดือนอยู่ที่ความสามารถ อย่าตั้งมาตรฐานตัวเองเอาไว้สูง แล้วเกาะพ่อแม่กิน

(4 ส.ค. 67) นายปฏิพล อภิญญาณกุล นักเขียนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Padipon Apinyankul' ระบุว่า...

เห็นคลิปนี้กันยังครับ สัมภาษณ์นักศึกษาหลายคน ว่า จบมาคาดหวังเงินเดือนกันเท่าไร ?
ล้วนแต่ตอบว่า 40,000 - บ้างก็ 45,000 บ.

ไม่มีใครเลย ที่จะพูดว่า ..

มันอยู่ที่ความสามารถของเรา ที่จะมีความสำคัญกับองค์กร อย่างไร ? .. นั้นจึงเป็นค่าตอบแทนในรูปเงินเดือน
ถ้าค่าแรงทะลุฟ้า ส่วนความสามารถทะลุดิน . แล้วมันสมควรจะได้หรือไม่ ?

การวางกฎเกณฑ์เช่นนี้ สื่อออกไปให้สาธารณชนได้เห็นเช่นนี้ ผลสะท้อนจะมี 2 ลักษณะเกิดขึ้น

1. เกิดกับนักศึกษาด้วยกันบางกลุ่ม จะเห็นตาม เรียกร้องเงินเดือนเช่นนี้บ้าง .. ทำให้ไม่กล้าไปทำงานเงินเดือนต่ำ 
และเกิดภาวะเกาะพ่อแม่ เกินกว่าวัยมาตรฐาน

2. เกิดกับองค์กรบริษัท ทำให้ตัดสินใจง่ายว่า อย่าจ้างพวกนี้เลย , จ้างคนอื่นได้ 2 คน ดีกว่าจ้างคนเดียว

เมื่อตั้งเงินเดือนเอาไว้สูง พอทำงานจริง ๆ เจอเงินเดือนเริ่มต้นที่ 18,000 - 25,000 ก็จะไม่อยากทำงาน 
หรือทำไปแบบผ่าน ๆ ไม่จริงจังใส่ใจ เพื่อรอโอกาสเปลี่ยนมองหางานใหม่เร็ว อยู่เรื่อย .. เรื่อย .. และเรื่อย

การไม่จริงจังต่องาน ทำให้ขาดสิ่งที่เรียกว่า การอดทน การเรียนรู้ปรับตัว และการแก้ปัญหาเป็นศูนย์

ดังนั้น ถ้ายังไม่เริ่มต้นทำงาน ก็อย่าตั้งมาตรฐานความสามารถตนเองเอาไว้สูง
มาตรฐานความสามารถที่จะสูงได้นั้น อยู่หลังการทำงานไประยะหนึ่ง > อยู่ที่คนอื่นเป็นคนตั้ง ไม่ใช่ตัวเอง

อย่านอนกลางคืนนานไป นะครับ ไม่งั้นความฝันนั้น จะลามมาถึงกลางวัน

‘วิจารณ์ พลฤทธิ์’ เจ๋ง!! สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้วงการมวยไทย หลังเป็นนักมวยไทยคนแรก ที่คว้าเหรียญโอลิมปิก ได้ในฐานะ ‘นักกีฬา-โค้ช’

(4 ส.ค. 67) ‘อิ๊คคิวซัง’ พ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์ หัวหน้าโค้ชทีมมวยหญิงชุดโอลิมปิก ออกมาเปิดใจ หลังจากที่ “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง กำปั้นสาวไทย คว้าชัยชนะเหนือ บูเซนาส ซูร์เมเนลี เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 ว่า ต้องชื่นชมนักกีฬาของเราที่ชกได้ดีมาก ทำทุกอย่างได้ตามแผนทั้งหมด ทำให้ไทยไม่กลับบ้านมือเปล่า

จันทร์แจ่ม ต่อยได้ดีอย่างที่วางแผนกันเอาไว้ และรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่งที่โอลิมปิกเกมส์ทีมมวยไม่กลับบ้านมือเปล่า แต่ภารกิจยังไม่จบ และพวกเราจะทำเต็มที่ แม้จะต้องชนกับ อิมาน คาลิฟ นักชกแอลจีเรีย ก็ตาม

วิจารณ์ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2000 ที่ซิดนี่ย์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องความแข็งแรงต้องยอมรับว่าเราสู้ไม่ได้ แต่เรื่องความเร็ว เราอาจจะสู้ได้ เราเองเคยแพ้เขามาครั้งหนึ่ง ในรอบรองชนะเลิศ รายการชิงแชมป์โลก ปี 2022 ที่อินเดีย ตอนหลังเราแพ้ในแมตช์นั้นแล้ว เขาไปตรวจฮอรโมน ปรากฏว่าไม่ผ่าน เพราะระดับฮอร์โมนเพศชายสูงเกินไป ก็เลยเป็นเราที่ได้เข้าชิงแทน

การที่เราแพ้ครั้งนั้นก็ยอมรับครับว่าสู้ไม่ได้จริง ๆ  แต่ครั้งนี้ จันทร์แจ่ม เตรียมตัวมาดี และค่อนข้างแข็งแรงมากทีเดียว ผมเชื่อว่าบนเวทีอะไรก็เกิดขึ้นได้ เหมือนวันนี้ที่เราเอาชนะเต็ง 1 ได้ ก็เชื่อว่ายังมีระยะเวลาที่เราจะไปปรับแก้ไขอีก 2 วัน ยังเชื่อว่าได้ลุ้นเต็มตัว

สำหรับ วิจารณ์ ปัจจุบันวัย 48 ปี กลายเป็นนักมวยชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้ ทั้งในฐานะโค้ช และนักกีฬารุ่นฟลายเวท พิกัด 51 กิโลกรัม ที่ได้เหรียญทองในการแข่งขันเมื่อปี 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ชกมวยครั้งแรกใช้ชื่อว่า ‘แสนเชิง ลูกเมืองดัง’ ก่อนจะเป็นหัวหน้าโค้ชทีมหญิงคว้าเหรียญรางวัลในครั้งนี้

‘อั๋น มนัส ตั้งสุข’ ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง – พิธีกรดีเด่น ได้เสียชีวิตแล้ว หลังวูบ!! ล้มศีรษะฟาดพื้น เส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน

(4 ส.ค. 67) ภายหลังจากที่ ดร.มนัส ตั้งสุข ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรโทรทัศน์ดีเด่นแห่งปี เกิดอาการวูบและล้มศีรษะฟาดพื้น ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน ต้องรีบเข้ารับการรักษาอยู่ที่ I.C.U. โรงพยาบาลราชวิถี อย่างเร่งด่วนนั้น

ล่าสุดเฟซบุ๊ก ‘Manat Tungsuk’ โพสต์ภาพพร้อมข้อความแจ้งข่าวเศร้า ระบุว่า …

“อั๋น ดร.มนัส ตั้งสุข ได้จากพวกเราไปแล้วด้วยอาการสงบ ในเวลา 24:02 น. ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2567 วันพระ กราบขอบพระคุณทุกกำลังใจ ทางญาติจะแจ้งกำหนดการ ให้ทราบอีกครั้งนะคะ หลับให้สบายนะเพื่อนรัก”

‘ฮอนด้า’ ปรับราคา ‘ซิตี้ อี:เอชอีวี’ ถูกลง เพิ่มความคุ้มค่าให้รถ ‘ซิตี้คาร์ ฟูลไฮบริด’ ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ประหยัดน้ำมันเกินคาด รองรับไลฟ์สไตล์ ‘คนรุ่นใหม่’

(4 ส.ค.67) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความนิยมของตลาดxEV และกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย มอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ได้ง่ายขึ้น ปรับราคาใหม่ สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ลงทุกรุ่นย่อย โดยรุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท และรุ่น e:HEV RS 799,000 บาท ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับไลฟ์สไตล์หลากหลายของคนยุคใหม่ มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังให้ทั้งอัตราเร่งแรงเร้าใจ และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมพาคุณเดินทางสู่ทุกจุดหมายและไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่มาพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS อีกทั้งหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษ เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี 

หรือลูกค้าสามารถเลือกผ่อนเบาดาวน์สบาย กับโปรแกรม ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเริ่มต้น 7,265 บาท/เดือน (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV SV เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% พร้อมมอบความอุ่นใจในการใช้งานรถฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง 

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/promotions

อีกด้าน!! โฆษณา Apple ช่วยภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทย แต่ดรามาลาม เพราะ 'คลิปชาวต่างชาติ-ผู้ชมไม่เข้าใจเนื้อหาสาระ'

(3 ส.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช' โดย รศ.พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราชอดีตสมาชิกวุฒิสภาระยอง ได้โพสต์ข้อความปมดรามาโฆษณา Apple ไว้ว่า...

#คนที่อ่านหนังสือไม่เกิน 
#8บรรทัดไม่ต้องอ่านนะครับ

Apple ถอดโฆษณา The Underdogs แล้ว 
แถลงขอโทษ ชี้ ตั้งใจถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ดีของไทย

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม จากกรณีโฆษณา The Underdogs: OOO (Out Of Office) ซึ่งถ่ายทำในประเทศไทย ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการด้อยค่าการท่องเที่ยวในประเทศไทย นั้น 

ล่าสุด บริษัท Apple ได้ลบคลิปวิดีโอดังกล่าวออก ทั้งยังได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า...

สืบเนื่องจากซีรีส์โฆษณา 'The Underdogs' ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นที่ 5 ในซีรีส์นี้ ทางเรามีการทำงานใกล้ชิดร่วมกับบริษัทในประเทศไทยเพื่อดำเนินการสร้างและผลิตชิ้นงานโฆษณาซึ่งได้ทำการถ่ายทำในประเทศไทย 

ทั้งนี้เรามุ่งหวังและมีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดวัฒนธรรมและมุมมองความคิดในแง่ดีของประเทศไทย 

และเราขออภัยที่โฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้นำเสนอวิถีชีวิตของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วนและเหมาะสม ณ ตอนนี้ 

ทางเราได้ดำเนินการยุติการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวแล้ว

#ความเห็นผม
ผมขอพูดในฐานะที่เป็นคนไทยแท้ๆ คนหนึ่ง ที่ได้รับการศึกษาทั้งจากในประเทศไทยและในต่างประเทศ 

เป็นคนไทยที่ เข้าใจภาษา การสื่อสารสากล เข้าใจทั้งวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล 

ผมได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้หลายรอบ ดูแบบตั้งใจเก็บรายละเอียด 

ผมมองไม่เห็นความเสียหายใดๆ จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย จากภาพยนตร์เรื่องนี้เลย 

นอกจากไม่เสียหายแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังเสริมสร้างภาพพจน์ภาพลักษณ์ที่ดี ในเรื่องความมีน้ำใจของคนไทย และ ความสามารถในการทำเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

ผมเล่าย่อๆ ก็แล้วกัน อาจมีรายละเอียดตัวเลขคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ข้อเท็จจริงและประเด็นในมุมมองของผมครบ

ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ความยาว 10 นาทีนิดๆ

เนื้อหาเกี่ยวกับภารกิจของคณะชาวอังกฤษ 3 คน ได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้หาโรงงานผลิตกล่องไอโฟนครึ่งล้านกล่องให้ได้ภายใน 10 วัน

เจ้านายพิจารณาแล้ว ที่จะทำได้ดี มีมาตรฐานก็คือประเทศไทย

ทั้ง 3 คนก็บินมาประเทศไทย พอมาถึงสนามบิน กระเป๋าเดินทาง 1 ในขณะนั้นหาย (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ)

(บรรยากาศสนามบินในภาพยนตร์มันไม่ตรงกับความจริง ดูมันเหมือนแออัด ไม่เจริญสับสนวุ่นวาย เพราะมันเป็นภาพยนตร์ เป็นภาพยนตร์ในแนวตลกขบขัน)

คนที่หายก็ไปแจ้งกับพนักงานเคาน์เตอร์ชื่อ 'แฮปปี้'

แฮปปี้ บอกว่าไม่มีปัญหา จะติดตามกระเป๋าคืนให้ แล้วแฮปปี้ ก็ เอากระเป๋ามาคืนให้ที่โรงแรม

ที่โรงแรมแฮปปี้เห็นความทุกข์ของคณะที่จะต้องปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จ 

แต่ไม่มีที่ไปไม่รู้จะทำอย่างไร เวลาเหลืออีก 4 ชั่วโมงจะถึงเส้นตาย

แฮปปี้ ผู้ซึ่งไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แค่เอากระเป๋าเดินทางมาคืน ได้อาสาพาคณะนี้มาที่ระยองบ้านผม พามาด้วยน้ำใจล้วนๆ

โรงงานระยองได้ผลิตกล่องให้ตามความต้องการช่วยจบภารกิจนี้ได้สำเร็จ

ภาพยนตร์เป็นภาพยนตร์ในแนว ตลกขบขัน การถ่ายทำสวยงาม ดูสนุก

ในสายตาผมไม่มีเนื้อหาตรงไหนที่บอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศด้อยพัฒนา หรือหมิ่นเหยียด คนไทย 

ไม่เห็นกะหรี่ ยาเสพติดที่มีเกลื่อนประเทศ 
คณะก็ไม่ได้ถูกลัก วิ่ง ชิง ปล้น
ฆ่า ข่มขืน
มีแท็กซี่ผมยาวหน่อยก็ไม่ได้ผิดอะไร
ไปส่งโรงแรมผิดเป็นโรงแรมจิ้งหรีดชื่อมันพ้องกัน (อย่าดัดจริตว่าไม่มี)
ต่อมาก็ได้ไปนอนโรงแรมหรูตามที่จองมา
และต้องเข้าใจว่ามันเป็นภาพยนตร์ ทำให้ดูสนุก

สาเหตุที่เกิดปัญหาจากภาพยนตร์เรื่องนี้
มาจากคลิปของชาวต่างชาติคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนอังกฤษ
ผมเข้าใจว่าเขาอยู่เมืองไทย สอนภาษา หรือไม่ก็ไปๆมาเป็นประจำ
เขาพอพูดภาษาไทยได้ 
เขามักจะทำ คลิปเกี่ยวกับชีวิตคนไทย 
ผมก็เคยดู และมีคนนิยมดูมากกว่าคลิปผม (5555)

นายคนนี้มาจับประเด็นว่าภาพยนตร์นี้ หมิ่นคนไทย 
ทำคลิปชี้นำไปในทางนั้น 
คลิปที่เขาทำเป็นไวรัลมีผู้ชม 4 ล้านกว่าคน 

คนไทยที่ไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้มงคลตื่นข่าวกันใหญ่ ไปคล้อยตามที่เขาชี้นำ กระหน่ำเมนต์ด่า พาลชวนให้ไม่ใช้โทสับยี่ห้อนี้ โดยลอกขี้ปากตาม ๆ กันมา

วิจารณ์ต่อ ๆ กันโดยไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ชมภาพยนตร์ หรือถ้าชมก็ไม่เข้าใจเนื้อหาสาระ

คนที่ชมจริง ๆ โดยละเอียดหลายรอบอย่างผม ผมว่าคงคิดคล้าย ๆ ผมไม่ได้คิดแบบนายคนทำคลิป ไม่ได้มองเห็นแบบนั้น 

ผมขอฝากให้คิดกันว่า 
คนทำคลิปที่กล่าวหาว่าภาพยนตร์นี้ดูหมิ่นคนไทย 
เขาไม่ได้เป็นคนไทย เขาไม่รู้จักประเทศไทยและคนไทยดีเท่าผม
ไอ้คำที่ว่า ฝรั่งหัวใจคนไทย มันไม่มีอยู่จริง

คลิปที่เขาทำก็เพื่อผลประโยชน์รายได้ 
จากยอด Like ยอดวิว ยอดผู้ชม ของตัวเขาเอง 
เขาไม่ได้ทำเพื่อรัก หวังดีกับประเทศไทยแต่อย่างใด
เพราะเขาไม่ใช่คนไทย 
ป่านนี้มันนั่งหัวเราะเยาะแล้วว่าคนไทยโง่ที่เชื่อมัน

บริษัทที่ผลิตโฆษณานี้ ผมว่าเขามีความรับผิดชอบสูง 
เมื่อมีมุมมองเหมือนกับจะกระทบ กับประเทศไทย 
เขาก็ยกเลิกภาพยนตร์เรื่องนี้ไป โดยจรรยาบรรณและมารยาท
ผมรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง 

ในความเห็นผม ขอสรุปสั้น ๆ ในตอนท้ายอีกครั้ง 
ภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจาก ไม่หมิ่นไม่ได้เหยียดแล้ว 
ยังเป็นการเผยแพร่ ภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทย
และผมชมด้วยโยนิโสนมสิการ

อ้อ!! ตัวผม เกิดมาไม่เคยใช้ iphone ผมใช้ Samsung ครับ

ความเห็นผมนี่สิ ของจริงของแทร่ 
ความจริง จากอุดมการณ์ล้วน ๆ

นายฝรั่งที่ทำคลิปคนนั้น จะไปดีเบตเรื่องนี้กับผมที่ไหนก็ได้ ใช้ภาษาผม ภาษาคุณก็ได้ ทุกที่ทุกเวลา

#saveประเทศไทยบริโภคปลาหมอคางดำ
#ฉันรักระยองบ้านฉัน
รศ.พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช
อดีตสมาชิกวุฒิสภาระยอง

ณ บ้านสวนคลองทุเรียน
ชากพง แกลง ระยอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top