Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

ฉะเชิงเทรา-สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำระดับลุ่มน้ำ 'ลุ่มน้ำบางปะกง' ทั้ง10 จังหวัด

วันที่ 5 -6 ส.ค.67 ณ.โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อ.เมือง ฉะเชิงเทรา นางสาวธารทิพย์ จันทร์พิทักษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำบางปะกง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 2 สำนักนายกรัฐมนตรี (สทนช.) และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนโครงการ เสริมสร้างความเข้มแข็ง ขององค์กรผู้ใช้น้ำ ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกง ทั้ง 10 จังหวัดเข้าร่วมประชุมหารือ เพื่อขับเคลื่อนผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำจากภาคเกษตรกรรม 243 องค์กร ,ภาคอุตสาหกรรม 46 องค์กร,ภาคพาณิชยกรรม 16 องค์กร ได้ร่วมหารือ สภาพปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ รวมถึงเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในระดับท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน และรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้แทนองค์กรต่าง ๆ เพื่อกำหนดแนวทางพัฒนากลุ่มลุ่มน้ำบางปะกงสู่ความยั่งยืนต่อไป

'หมอเอก' โพสต์รัวๆ แฉขบวนการปล่อยเฟคนิวส์บุหรี่ไฟฟ้า ชี้อย่าบิดเบือนข้อมูล หนุนคุมบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ปกป้องเยาวชน

‘หมอเอก’ อดีต ส.ส.เชียงราย เผยรณรงค์บุหรี่ไฟฟ้าโดยใช้ข้อมูลที่ขาดข้อเท็จจริงทางวิชาการ ทำประเทศหลงทางเรื่องการคุมบุหรี่ไฟฟ้า เสียโอกาสปกป้องเยาวชน ฉะ สสส. ไม่โปร่งใส ละลายงบประมาณ ให้เครือข่ายช่วยปล่อยเฟคนิวส์ แนะใช้กฎหมายคุมการบริโภคยาสูบทั้งระบบ

จากข่าวความอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าและการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าที่พบมากขึ้นตามสื่อทั่วไป นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ หรือ หมอเอก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 1 จังหวัดเชียงราย และอดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขเรื่องปัญหาการควบคุมยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้า แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในเฟสบุ๊คส่วนตัว “หมอเอก Ekkapob Pianpises” ระบุว่า “ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอจะสรุปความเกี่ยวข้องระหว่างบุหรี่ไฟฟ้ากับวัณโรคปอด มีเพียงข้อมูลจากห้องทดลองว่าบุหรี่ไฟฟ้าก็ทำให้ภูมิต้านทานต่อเชื้อวัณโรคปอดลดลง และ ยังไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบความเสี่ยงของการเกิดโรควัณโรคระหว่างบุหรี่มวนกับบุหรี่ไฟฟ้าว่าอันไหนเสี่ยงกว่ากัน ปัญหาของการสร้างการรับรู้ที่ผิด ส่งผลต่อการตัดสินใจด้านสุขภาพของประชาชน” พร้อมย้ำว่า “บุคลากรทางการแพทย์และการนำเสนอข่าวต้องให้ข้อมูลทางการแพทย์ให้ครบถ้วน เพราะการรณรงค์ที่ใช้ข้อมูลผิด จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี”

ในโพสต์ของหมอเอกยังทิ้งท้ายว่า “อดคิดไม่ได้ว่า ที่โหมรณรงค์เรื่องบุหรี่ไฟฟ้ากันอยู่ ก็เพราะต้องการปกปิดความล้มเหลวของการควบคุมยาสูบที่ใช้งบประมาณไปรวมๆ หลายพันล้านบาทในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ ?!!!”

โดยก่อนหน้านี้ หมอเอกก็ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยแชร์ภาพข่าวของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมซึ่งสรุปว่าข้อมูลที่บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษมากกว่า 7,000 ชนิด เป็นต้นเหตุของโรคปอด EVALI เป็นข้อมูลที่บิดเบือน

“หน่วยงานที่เป็นคลังสมองของการควบคุมยาสูบกลับปล่อยข้อมูลบิดเบือนออกสู่สังคม มีการกำหนดทิศทางงานวิจัยผ่านทางนโยบายของ คณะกรรมการควบคุมยาสูบชาติ ที่ตั้งขึ้นตาม พรบ.ควบคุมยาสูบ โดยงบประมาณที่นำมาใช้ ก็ได้รับมาจาก สสส. ซึ่งควรเป็นองค์กรที่สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ด้วยการทำให้ประชาชนมี "ความรอบรู้ด้านสุขภาพ" หรือ "health literacy" แต่กลับสนับสนุนการสร้างข้อมูลบิดเบือน แล้วแบบนี้ประชาชนจะมีสุขภาพดีขึ้นได้อย่างไร????? ที่ผ่านมาการควบคุมยาสูบไทยล้มเหลว เพราะการจัดทำนโยบายและจัดสรรทรัพยากรถูกผูกขาดโดยคนบางกลุ่มและเครือข่ายพวกพ้องของตนเอง”

สอดคล้องกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ ปปช. มีมติว่าการใช้งบประมาณของ สสส. ไปให้ทุนการศึกษากับ ผอ.ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา เรียนต่อปริญญาเอกไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน สสส. ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่าแม้จะมีการใช้งบประมาณปีละกว่า 4 พันล้านบาทตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา แต่การรณรงค์ด้านสุขภาพกลับไม่บรรลุผล ไม่สามารถทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

พร้อมให้ข้อเสนอแนะว่าการควบคุมยาสูบต้องพิจารณาการ "ควบคุมการบริโภคยาสูบ" ทั้งระบบ ไม่ใช่แค่เน้นแต่บุหรี่ไฟฟ้า แม้จะมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น แต่คนสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นก็ไม่เท่ากับสัดส่วนของผู้สูบบุหรี่ที่ลดลง แสดงว่า บุหรี่ไฟฟ้าน่าจะเชื่อมโยงกับการเพิ่มอัตราเลิกบุหรี่สำเร็จในคนที่เคยสูบบุหรี่มวน รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้น (gateway) ที่จะทำให้คนสูบบุหรี่มวนมากขึ้น ขณะที่ข้อมูลสำรวจของกรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา (US CDC) พบว่าปัจจัยหลักประมาณครึ่งหนึ่งของเด็กมัธยมที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า คือ ความเครียดและต้องการความสุขจากสารนิโคติน ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือประเมินกลุ่มเสี่ยงเรื่องความเครียด และส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างความสุขในโรงเรียน เพราะเด็กนักเรียนใช้เวลาในโรงเรียนมากกว่าที่บ้าน อีกส่วนหนึ่งประมาณ 20-30% เป็นเรื่องของสังคม กลุ่มเพื่อน พฤติกรรมของวัยรุ่น ซึ่งเราควรใช้งบประมาณมาสนับสนุนความฝันให้เด็กๆ ให้เขาได้ทำกิจกรรมที่สนใจอย่างจริงจังนอกจากการเรียน ซึ่งต้องส่งเสริมต่อเนื่องไม่ใช่ทำกิจกรรมแบบทำแล้วทิ้งเหมือนที่ผ่านๆ มา”

'ในหลวง ร.9' ทรงทำนายอนาคต 'แบดมินตันไทย' หนึ่งในกีฬาที่คนไทยสามารถก้าวสู่ระดับโลกได้

(7 ส.ค. 67) ‘กีฬาแบดมินตัน’ เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 'รัชกาลที่ 9' โปรดปรานมาก พระองค์ทรงนิยมเล่นหลายประเภท ทั้งประเภทคู่ และประเภทสามคน ในช่วงเวลานั้น กีฬาแบดมินตันของประเทศไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ครั้งหนึ่ง 'ในหลวงรัชกาลที่ 9' ทรงรับสั่งกับผู้ใกล้ชิดว่า กีฬาแบดมินตันเป็นกีฬาหนึ่งในไม่กี่ประเภทที่คนไทยสามารถจะไต่เต้าไปสู่ระดับโลกได้ เพราะไม่เสียเปรียบทางด้านรูปร่าง และพละกำลังมากจนเกินไป โดยทรงมีรับสั่งถึงประเด็นนี้หลายครั้ง และต่อมาได้พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ให้กับสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย เมื่อพ.ศ. 2493

ในฐานะนักกีฬา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงแบดมินตันอย่างนักกีฬาไม่ทรงแสดงอาการกริ้ว หรือพิโรธอย่างใด เมื่อทรงลูกเสีย หรือแม้กระทั่งผู้ที่ถวายตีลูกเสีย หรือทรงถูกกระทบกระทั่งถึงพระวรกาย จากความเข้มข้นในเกมการเล่น ก็ไม่ทรงถือพระองค์แต่อย่างใด อันแสดงให้เห็นว่า ทรงเป็นนักกีฬาที่มีน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง

นอกจากทรงแบดมินตันเป็นการส่วนพระองค์แล้ว ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการกีฬาแบดมินตันเป็นอันมาก ทรงสามารถวิเคราะห์ถึงการเล่น และรับสั่งวิจารณ์ถึงวิธีการเล่นของนักแบดมินตันระดับโลกแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และทรงนำมาปรับปรุงเพื่อพัฒนาฝีมือเทคนิคการเล่นของพระองค์เอง

อีกทั้งยังทรงชี้แนะพระราชทานข้อแก้ไขเทคนิคการเล่นแก่นักกีฬาของไทยด้วยพระเมตตา และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ก่อเกิดการพัฒนาอย่างใหญ่หลวง แก่กีฬาแบดมินตันในประเทศไทย จนเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในเวทีแบดมินตันโลกได้ในที่สุด

แม้ในระยะหลังของรัชกาล จะทรงเล่นแบดมินตันน้อยลงจนต้องงดไปในที่สุด แต่ก็ยังทรงสนับสนุนกีฬาชนิดนี้เรื่อยมา และส่งต่อความสนใจมาถึง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทั้งยังทรงพระราชทานทุนทรัพย์เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพนักแบดมินตันไทยไปสู่ระดับโลกเรื่อยมา

สำหรับความเป็นมาของแบดมินตันในไทยนั้น การเล่นแบดมินตันได้เข้ามาสู่ประเทศไทยในราวปี พ.ศ. 2456 โดยเริ่มเล่นกีฬาแบดมินตันแบบมีตาข่าย โดยพระยานิพัทยกุลพงษ์ ได้สร้างสนามแบดมินตันขึ้นที่บ้าน ตั้งอยู่ริมคลองสมเด็จเจ้าพระยาธนบุรี แล้วนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายออกไป การเล่นแบดมินตันครั้งนั้น นิยมเล่นข้างละ 3 คน

จากนั้น ประมาณปี พ.ศ. 2462 สโมสรกลาโหมได้จัดแข่งขันแบดมินตันทั่วไปขึ้นเป็นครั้งแรก โดยจัดการแข่งขัน 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทเดี่ยว, ประเภทคู่ และประเภทสามคน ปรากฏว่าทีมแบดมินตันบางขวางนนทบุรี (โรงเรียนราชวิทยาลัยบางขวางนนทบุรี) ชนะเลิศทุกประเภท และมีนักกีฬาแบดมินตันฝีมือดี เดินทางไปแข่งขันยังประเทศใกล้เคียงอยู่บ่อยๆ

ปี พ.ศ. 2494 พระยาจินดารักษ์ได้ก่อตั้งสมาคมชื่อว่า 'สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย' เมื่อแรกเริ่ม มีอยู่ 7 สโมสร คือ สโมสรสมานมิตร, สโมสรบางกอก, สโมสรนิวบอย, สโมสรยูนิตี้, สโมสร ส.ธรรมภักดี, สโมสรสิงห์อุดม และ สโมสรศิริบำเพ็ญบุญ ในปีเดียวกัน สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย 

สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย มีนักกีฬาแบดมินตันที่มีฝีมือดีอยู่มาก และจากการที่ได้เข้าแข่งขันในรายการต่างๆ ของโลก ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทั้งโธมัสคัพ อูเบอร์คัพ และการแข่งขันออลอิงแลนด์ ซึ่งวงการกีฬาแบดมินตันถือว่าเป็นการแข่งขันชิงชนะเลิศระดับโลกประเภทรายบุคคล ซึ่งนักกีฬาของประเทศไทยก็เคยได้ตำแหน่งรองชนะเลิศทั้ง ประเภทชายเดี่ยว และชายคู่มาแล้ว วงการแบดมินตันของไทยยกย่อง นายประวัติ ปัตตพงศ์ (หลวงธรรมนูญวุฒิกร) เป็นบิดาแห่งวงการแบดมินตันของประเทศไทย

ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน อดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย ได้บันทึกว่า "การแข่งขันในวันนั้นเป็นการแข่งขันหน้าพระที่นั่งและเป็นการแข่งขันที่คนดูมากที่สุด เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างยิ่ง ถึงกับทรงมีรับสั่งภายหลังจากการแข่งขันว่าเป็นการแข่งขันที่สนุก ทั้งตันโจฮอค และข้าพเจ้า แข่งขันกันอย่างนักกีฬา มียิ้มหัวกันตลอดเวลาร่วมชั่วโมงที่ขับเคี่ยวกัน" 

"เป็นบุญวาสนาของวงการแบดมินตันไทยเป็นอย่างยิ่ง ที่สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย มิเพียงแต่เป็นสมาคมที่อยู่ภายใต้พระอุปถัมภ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น แต่พระองค์ท่านยังทรงกีฬาแบดมินตันเป็นพระราชกิจวัตร และโปรดปรานแบดมินตันอย่าง ชนิดจะหาพระมหากษัตริย์องค์ใดในโลกมาเปรียบเทียบมิได้ ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม วงการแบดมินตันไทยสมัยนั้นได้รับการอุ้มชูสนับสนุนอย่างดีที่สุด และพระนามของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา จึงมีความสัมพันธ์กับวงการแบดมินตันของไทยอย่างแน่นแฟ้นตราบเท่าทุกวันนี้"

“พวกเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณเข้าเฝ้ากราบบังคมลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นักแบดมินตันไทยทั้ง 4 ให้พวกเรากระทำตนเป็นนักกีฬาที่ดี รักษาชื่อเสียงของประเทศชาติ และข้าพเจ้าเนื้อตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นและตื้นตันใจ เมื่อรับสั่งชมข้าพเจ้าว่า วันที่แข่งขันกับ ตันโจฮอก เจริญเล่นได้ดี เล่นได้สนุก ไม่เคร่งเครียด สมเป็นนักกีฬาที่ดี จากกระแสรับสั่งในครั้งนั้น ได้มีอิทธิพลอย่างมหาศาลทำให้ข้าพเจ้าเพิ่มความสนุกในการเล่นของตนเองเสมอ และทำให้เข้าใจซาบซึ้งถึงแก่นแท้และคุณค่าของคำว่า นักกีฬา"

นี่คือส่วนหนึ่งของบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกถ่ายทอด คือ พระมหากรุณาธิคุณ ที่มีต่อวงการแบดมินตันของประเทศไทย ให้พัฒนาจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน 

ต่างชาติแห่ชมล้นหลาม รายการ 'การแข่งขันมวยไทยเสมือนจริง' ป้ายต่อไป!! ลุ้นบรรจุแข่งขันชิงเหรียญโอลิมปิก 2028 ที่สหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวการจัดกิจกรรมนำกีฬา ‘มวยไทย’ ไปโชว์แข่งขันเสมือนจริงช่วงการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ‘ปารีส 2024’ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม-8 สิงหาคม 2567 ภายใต้การผลักดันของ สหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) นำโดย ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA), สเตฟาน ฟ็อกซ์ เลขาธิการ IFMA ผนึกกำลังกับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติฝรั่งเศส และ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยชื่อดังของโลกวัย 42 ปีชาว อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ โดยกิจกรรมดังกล่าวนอกจากการแข่งขันโชว์มวยไทยเสมือนจริงแล้วยังทำการโปรโมทมวยไทย การแสดงปี่กลองมวยไทย การไหว้ครู ตามศิลปวัฒนธรรมมวยไทยที่ถูกต้องให้นักกีฬา เจ้าหน้าที่จากชาติต่าง ๆ ได้รับรู้ถึงศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่มีต้นกำเนิดจากประเทศไทย ซึ่งถือเป็นบันไดก้าวสำคัญสานความฝันของคนไทยในการผลักดันกีฬา ‘มวยไทย’ ให้ได้รับการบรรจุแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน ต่อไปในอนาคต

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (6 ส.ค. 67) เป็นการจัดกิจกรรมโชว์มวยไทย อย่างเป็นทางการ วันที่สอง ที่คลับฟรานซ์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมี พันโท หม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคล พร้อมด้วยผู้บริหาร IFMA, บัวขาว บัญชาเมฆ, ร.ท.ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้จัดการของบัวขาว, ทีมมวยโบราณ นำโดย ‘ครูดิน’ นายวิทวัส ค้าสม ผู้ก่อตั้งลานนา ไฟต์ติ้ง, ทีมปี่กลอง นำโดยนายแนววิทย์ นิยมวงษ์ ท่ามกลางชาวต่างชาติแน่นขนัดเข้าร่วมกิจกรรมที่คลับ ฟรานซ์ ซึ่งเจ้าภาพโอลิมปิก 2024 จัดพื้นที่แฟนโซนขนาดใหญ่ให้แฟนกีฬาจากทั่วโลกมาพักผ่อน ทานอาหาร ช็อปปิ้ง ทำกิจกรรมกีฬา ฝึกกีฬา และโชว์ศิลปวัฒนธรรมของทุกชาติ

การนำมวยไทยมาโชว์แข่งขันเสมือนจริงระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 นับเป็นความสำเร็จของ IFMA หลังจากทำงานผลักดันอย่างหนักมาตลอด 31 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งสหพันธ์ โดยเมื่อโอลิมปิก 2020 ครั้งก่อนที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กีฬามวยไทยได้รับการรับรองจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ให้เป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่ไอโอซีจะหยิบไปพิจารณาบรรจุแข่งขันอย่างเป็นทางการในอนาคต ซึ่งโอลิมปิก 2024 ถือเป็นหมุดหมายที่ดีที่ IFMA ได้รับอนุญาตให้มาร่วมกิจกรรมโชว์แข่งขันมวยไทยเสมือนจริงที่คลับ ฟรานซ์ กรุงปารีส ภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่าง IFMA, กระทรวงการต่างประเทศ, สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส เพื่อให้ชาวต่างชาติได้ประจักษ์กันทั่วโลกว่ากีฬามวยไทยก้าวเดินมาอย่างมั่นคงบนเส้นทางสู่โอลิมปิกเกมส์

บรรยากาศที่เวทีมวยไทย ภายในคลับ ฟรานซ์ ยังคงคึกคักเหมือนวันแรก แฟนกีฬาจากทั่วโลกร่วมชมการแสดงมวยโบราณพร้อมกับปรบมือให้กับความยอดเยี่ยมของศิลปะแม่ไม้มวยไทย ขณะเดียวกันแฟนกีฬาต่างชาติต่างตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของ บัวขาว บัญชาเมฆ เข้ามาถ่ายรูปคู่กับยอดนักมวยไทยกันอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นเข้าสู่การแข่งขันมวยไทย 10 คู่ภายใต้กติกาที่ IFMA รับรอง ซึ่งคู่ไฮต์ของแฟนมวยชาวไทยคือ รุ่น 48 กก.หญิง ‘น้องนุ๊ก มกช.ชัยภูมิ’ กุลณัฐ อ่อนอก ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ บัวขาว บัญชาเมฆ ดวลกับ ลูเซียร์ คัปปี นักชกสาวชาวเยอรมนีผลปรากฏว่า เสมอกันไป เช่นเดียวกับ ‘ไอซ์’ ธนวรรณ ทองดวง ที่เสมอกับ ไชนา ตาวาเรส นักชกสาวเจ้าถิ่นไปแบบสุดมัน

ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธาน IFMA ชาวไทย เปิดเผยว่า ในฐานะประธาน IFMA รู้สึกยินดีที่ได้นำมวยไทยโปรโมตช่วงการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ การแข่งขันมวยไทยช่วงวันที่ 5-6 สิงหาคม เป็นการแข่งขันโชว์เพื่อให้คนที่มาร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ได้ทราบว่ามวยไทยของประเทศไทยเป็นอย่างไร เราเองพยายามอย่างเต็มที่มาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กีฬามวยไทยได้อยู่บรรจุในกีฬาหลักที่มีแข่งขันกันในระดับโลก รวมถึงโอลิมปิกเกมส์ในโอกาสต่อไป ความหวังที่จะได้เห็นมวยไทยบรรจุในโอลิมปิกเกมส์คิดว่าวันหนึ่งในไม่ช้าเราจะประสบความสำเร็จ หากพูดถึงเรื่องของมวยไทยขณะนี้ได้แพร่หลายไปทั่วโลกแล้ว ที่สำคัญเป็นที่นิยมของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย การนำมวยไทยมาถึงจุดนี้ในโอลิมปิก 2024 เป็นการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นฯ, สมาคมมวยไทยของฝรั่งเศส, IFMA, กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งตรงนี้ถือว่าจังหวะที่ดีมากที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) จะได้มาร่วมชมการแข่งขันซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทยได้เป็นอย่างดี

ดร.ศักดิ์ชาย กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายหลังจากนี้ทุกคนอยากจะเห็นกีฬามวยไทยเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่บรรจุแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งเราพยายามทำตาม IOC กำหนดไว้ว่า กีฬานั้น ๆ จะต้องเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ข้อที่สอง เป็นกีฬาที่เล่นกันทั้งหญิง และชาย ข้อที่สามคือ เป็นกีฬาที่เล่นแล้วปลอดภัย ไม่อันตราย และข้อที่สี่ เป็นกีฬาที่ IOC ให้การรับรอง ซึ่งมวยไทยของเราโชคดีที่ IOC ให้การรับรองมวยไทยมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะนำมวยไทยให้ IOC พิจารณา ในกระบวนการโอลิมปิกที่มวยไทยเป็นสมาชิกอยู่ ได้แสดงศักยภาพได้อย่างเป็นที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากในรายการการแข่งขันมวยไทยเสมือนจริง ที่คลับฟรานซ์ กรุงปารีส การมาโชว์เป็นการประชาสัมพันธ์ให้เห็นว่ามวยไทยเราสมควรที่จะได้รับการบรรจุในโอลิมปิก 2028 หรือไม่ ซึ่งเมื่อโอลิมปิก 2024 จบลงแล้ว เรามีแผนต่อไปที่จะเดินหน้าผลักดันมวยไทยให้ไปถึงเป้าหมายที่ทุกคนวาดหวังเอาไว้

อนึ่งกิจกรรมนำกีฬา ‘มวยไทย’ ไปโชว์แข่งขันเสมือนจริงช่วงการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ‘ปารีส 2024’ ยังเหลือโปรแกรมวันที่ 7 สิงหาคม จะเริ่มต้นที่การบรรยาย และสอนมวยไทยโดย บัวขาว บัญชาเมฆ และ จิมมี่ เวียโนต์ นักชกชื่อดังชาวฝรั่งเศส จะคอยแนะนำความรู้และทักษะมวยไทยให้นักกีฬาทุกคนอย่างใกล้ชิด ก่อนที่ช่วงเย็นจะมีพิธีลงนามการโปรโมทมวยไทย ที่โอลิมปิก เฮ้าส์ โดยมี เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน เตอร์กี อัล ไฟซอล ประธานสมาคมกีฬาสมานฉันท์อิสลาม (Islamic Solidarity Sports Association), ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกเปรู และประธานคณะกรรมการโอลิมปิกบาห์เรน เข้าร่วมลงนาม ต่อด้วยงานเลี้ยงกาล่า ดินเนอร์สำหรับสมาชิกที่ร่วมงาน

'เสนาดีเวลลอปเมนท์' มอบคอนโดมูลค่า 2.5 ล้าน ให้ 'วิว กุลวุฒิ' แบบไม่มีเงื่อนไข หลังสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญเงินโอลิมปิก แบดฯ เหรียญแรกในรอบ 32 ปี

(6 ส.ค. 67) น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นายธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งผ่านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ว่าจะมอบคอนโดเสนาดิเวอลอปเมนต์ ให้ 1 ห้อง โดยไม่มีเงื่อนไขให้กับ วิว กุลวุฒิ หลังสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญเงินโอลิมปิก แบดมินตัน ชายเดี่ยว และเป็นเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ของวงการแบดมินตันไทย ในรอบ 32 ปี

โดยคอนโดตั้งอยู่ในโครงการเฟล็กซี่ (flexi) รัตนาธิเบศร์ เดินทางสะดวก เพียง 200 เมตร ถึง MRT บางกระสอ มูลค่า 2.505 ล้าน ขนาดห้อง 34.98 ตร.ม

'วิว กุลวุฒิ' น้อมเกล้าถวายเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์แด่ 'ในหลวง' เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา

(7 ส.ค. 67) หลังจาก ‘วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ ฮีโร่เหรียญเงิน แบดมินตัน ชายเดี่ยว โอลิมปิก 2024 กลับถึงไทย โดยมีพ่อแม่ น้องสาว และแฟนคลับชาวไทย มาต้อนรับด้วยความอบอุ่น ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...

โดย กุลวุฒิ ได้กล่าวเปิดใจว่า ผมขอขอบพระคุณสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงพระราชทานช่อดอกไม้ให้กระผม ซึ่งเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจ ที่จะทำให้พัฒนาตัวเองต่อไป และด้วยพระบารมีปกเกล้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงสร้างความสำเร็จให้กับประเทศไทย และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ กระผมขอน้อมเกล้าถวายเหรียญโอลิมปิกเกมส์ แด่พระองค์ท่านในครั้งนี้...

เจ้าวิว กล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากจะทำตอนนี้ คือ อยากจะพัก เนื่องจากแข่งขันมาเป็นเวลานานและต้องเดินทางไกลด้วย ส่วนรายการต่อไปคือ เจแปน โอเพน ที่ญี่ปุ่น กับ โคเรีย โอเพน ที่เกาหลีใต้ ซึ่งเจแปน โอเพน จะต้องไปแข่งขัน แต่ต้องดูสภาพร่างกายอีกครั้งว่าจะเล่นไหวหรือไม่ ส่วนโคเรีย โอเพน คงต้องถอนเพราะอยู่คนละเมือง ส่วนเป้าหมายในอนาคตนั้นตอนนี้ตนขึ้นเป็นมือ 4 ของโลก ถามว่าอยากขึ้นมือ 1 หรือไม่ ก็คืออยากแต่เป้าหมายจริง ๆ คืออยากได้แชมป์โลก อยากได้แชมป์โอลิมปิกเกมส์ และอยากได้แชมป์ ออล อิงแลนด์

“ส่วนเรื่องของเงินรางวัลอัดฉีด รวมถึงงานอีเวนต์ต่าง ๆ หลังจากนี้ ตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีแพลนยังไงบ้าง ส่วนสิ่งที่ผมอยากกินมากที่สุดคือชาบูกับปิ้งย่างครับ” เจ้าวิว กล่าว

'จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง' คว้าเหรียญทองแดง หลังพ่ายคะแนนให้กับ 'อิมาน เคลิฟ' นักชกแอลจีเรีย

(7 ส.ค.67) การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส มวยสากล รอบรองชนะเลิศ คนสุดท้าย รุ่น เวลเตอร์เวท 66 กก.หญิง มีนักกีฬาไทยลงแข่งขัน คือ 'บี' จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง วัย 23 ปี กำปั้นจากจังหวัดหนองคาย ดีกรีเหรียญเงินและเหรียญทองแดง ชิงแชมป์โลก รวมถึง เหรียญเงินเอเชียนเกมส์ ปี 2023 ที่รอบ 8 คนชนะ  บูเซญาซ ซูร์เมเนลี่ เบอร์ 1 ของรุ่นจากตุรกี โดยพบกับ อิมาน เคลิฟ กำปั้นวัย 25 ปีจากแอลจีเรีย ที่ไม่ผ่านตรวจเพศจาก IBA แต่ IOC ให้ลงแข่งได้ ซึ่งรอบที่แล้วชนะลูก้า ฮาโมรี่ จากฮังการี

คู่นี้เคยเจอกันมาแล้วในรอบรองชนะเลิศ ในศึกชิงแชมป์โลก 2023 ที่ประเทศอินเดีย โดย เคลิฟ เป็นฝ่ายชนะคะแนนเอกฉันท์ 5-0 เสียง ก่อนที่ สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (IBA) ตัดสิทธิ์และปรับแพ้ เนื่องจาก เคลิฟ ตรวจเพศไม่ผ่าน

ยกแรก เคลิฟ แย็บรักษาระยะก่อนต่อยหนึ่งสอง ขณะที่ จันทร์แจ่ม พยายามยิงหมัดตัดลำตัวใส่ หมดยกแรก เคลิฟ นำขาด

ยกที่สอง จันทร์แจ่ม แก้เกมด้วยการพยายามเดินติดไม่ให้ เคลิฟ เดินเข้าหา แต่นักมวยจากแอลจีเรีย ก็ใช้ช่วงชกที่ได้เปรียบกว่าดักแย็บซ้ายใส่ จบยกนี้ จันทร์แจ่ม คะแนนยังเป็นรอง 

ยกสุดท้าย จันทร์แจ่ม ที่รู้ว่าคะแนนเป็นรอง พยายามเดิมเข้าใส่ แต่ก็โดน เคลิฟ 2 หมัด ครบยก อิมาน เคลีฟ ชนะไปเอกฉันท์ 5-0 เสียง ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ส่วน จันทร์แจ่ม ได้เหรียญทองแดงไปแบบได้ใจชาวไทย 

'จันทร์แจ่ม' ไม่ติดใจเรื่องเพศสภาพนักชกแอลจีเรีย เผย!! วางแผนมาดีแล้ว แต่คู่ต่อสู้ 'มีความเร็ว-ช่วงชกยาว'

(7 ส.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก MGR SPORT โพสต์ข้อความระบุว่า…

ควันหลงหลังจากที่ ‘จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง’ นักชกสาวไทย แพ้ ‘อิมาน เคลิฟ’ คู่แข่งจากแอลจีเรีย ได้เหรียญทองแดงโอลิมปิก

นักชกจากจังหวัดหนองคายกล่าวว่า "วางแผนมาสู้ เป็นอย่างดีแล้วแต่ต้องยอมรับว่าคู่ต่อสู้นั้นมีความเร็วและมีช่วงชกที่ยาวกว่าทำให้แทบจะเข้าไม่ถึงตัวเลย"

“เรื่องของเพศสภาพนั้นไม่ได้ติดใจอะไร แต่ต้องยอมรับว่าเขามีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแล้วก็มีการชกที่มั่นใจมาก สายตามุ่งมั่นอยู่ตลอดเวลาและดูปราดเปรียวกว่าในการชกกันที่อินเดียเมื่อปีที่แล้ว”

นักชกสาวไทย กล่าวต่อไปอีกว่า สิ่งสำคัญก็คือเขามีโอกาสฟื้นตัวจากการชั่งน้ำหนักเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาส่วนตัวเองเมื่อคืนนอนหลับ และหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ได้หลับสนิทอีกทั้งมาเจอกับเวทีใหญ่ในวันนี้ค่อนข้างจะที่จะตื่นเต้นเนื่องจากผู้ชมเยอะมากแล้วก็กองเชียร์ของแอลจีเรียเยอะมากเหมือนชกในบ้านของเขา“

ต่อข้อซักถามที่ว่าเงินที่ได้มาจะนำไปใช้อะไร จันทร์แจ่ม ตอบว่ายังไม่ได้วางแผนเอาไว้แต่ตอนนี้อยากที่จะพักก่อน 

“อาหารที่อยากกินนั่นก็คือส้มตำ แต่ที่อยากกินที่สุดก็คือผัดเผ็ดปลาไหลฝีมือพ่อ แต่กว่าจะได้กลับบ้านก็ต้องอีกสักระยะหนึ่ง ที่ผ่านมาไม่ได้กินของที่ชอบเลยเนื่องจากต้องควบคุมน้ำหนัก”

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทยจัดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตและการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนรุ่นที่ 5 ภาคตะวันออก

เมื่อวันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2567 นายกำพล สิริรัตตนนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต 
และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รุ่นที่ 5 ภาคตะวันออก พร้อมด้วย นางนุชจารี คล้ายสุวรรณ  นายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย / กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย กรรมการภาคตะวันออกผู้แทนตำรวจภูธรภาค 2 ผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัดนครนายกผู้แทนจากหน่วยงานสาธารณสุข ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต และผู้มีเกียรติ ร่วมงานระหว่าง วันที่ 5 – 7 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมโรงแรมที วินเทจ ต.ท่าทองหลาง อ.บางคล้า  จ.ฉะเชิงเทรา

นายกำพล สิริรัตตนนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่าจากคำกล่าวรายงานของ น.ส.ฐิติพร  พริ้งเพลิด  อุปนายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย คนที่ 2 ทำให้ทราบถึงความเป็นมา และวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตและการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในวันนี้ 

ซึ่งต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน ได้รับความรู้ มีความเข้าใจ ในเรื่องสิทธิด้านต่างๆ สำหรับคนพิการ โดยเฉพาะการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูง ต่อการก่อความรุนแรง และการฆ่าตัวตาย รวมทั้ง เน้นให้เห็นความสำคัญของครอบครัว เพื่อลดความรุนแรง รวมทั้งเพื่อให้ได้แนวทางและขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

น.ส.ฐิติพร พริ้งเพลิด อุปนายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย คนที่ 2 กล่าว โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตและการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รุ่นที่ 5 ภาคตะวันออก จัดขึ้น เพื่อให้เกิดแกนนำเครือข่ายภาคปฏิบัติ ที่มีความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตเมื่ออยู่ในภาวะต่างๆได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และทันเหตุการณ์ เพื่อให้ได้แนวทาง และขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จากการทำแผนงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย  ก่อตั้งเมื่อวันที่  27  มีนาคม  2546 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา  21 ปี

การจัดโครงการฯในวันนี้ จะดำเนินการระหว่างวันที่  5 – 7 สิงหาคม 2567 โดยจะมีการจัดกิจกรรมทั้งหมดจำนวน 5 รุ่น แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 ภาคเหนือ จำนวน 140 คน รุ่นที่ 2 ภาคกลาง จำนวน 139 คน รุ่นที่ 3 ภาคอีสาน จำนวน 154 คน รุ่นที่ 4 ภาคใต้ จำนวน 117 คน  และรุ่นที่ 5 ภาคตะวันออก จำนวน 76 คน รวมกลุ่มเป้าหมายทั้งโครงการจำนวน 626 คน 

โดยกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการในรุ่นที่ 5 ภาคตะวันออก ประกอบด้วยคณะกรรมการภาคตะวันออกหรือผู้แทน คณะกรรมการและกรรมการที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ผู้แทนตำตรวจภูธรภาค 2 และผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ผู้แทนจากหน่วยงานสาธารณสุขในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต ผู้สังเกตการณ์ วิทยากรและคณะทำงาน รวมจำนวน  76 คน  

สมุทรปราการ-เทศบาลตำบลแพรกษา มอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติแก่คณะครู นักเรียน ที่เข้าแข่งขันสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน

ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เป็นประธานมอบเกียรติบัตรให้แก่คณะครู นักเรียน ในสถานศึกษาสังกัดเทศบาลตำบลแพรกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันทักษะทางวิชาการ ระดับภาคตะวันออก วังน้ำเย็นวิชาการ ครั้งที่ 29 และการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย วังน้ำเย็นเกมส์ ครั้งที่ 38

โดยมี นายวรรณวุฒิ มาสุข รองปลัดเทศบาลตำบลแพรกษา รักษาราชการแทนปลัดเทศบาลตำบลแพรกษา เป็นผู้กล่าวรายงาน โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นภายในห้องประชุม ชั้น 5 สำนักงานเทศบาลตำบลแพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ โดยมี คณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหาร คณะครูโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา และคณะครูโรงเรียนวัดแพรกษา ร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

ด้าน ตร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยที่ 25 กล่าวว่า เทศบาลตำบลแพรกษา ได้จัดส่งนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทักษะทางวิชาการ ระดับภาคตะวันออก”วังน้ำเย็นวิชาการ” ครั้งที่ 29 และการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย”วังน้ำเย็นเกมส์” ครั้งที่ 38 ระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคม เทศบาลเมืองวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว

โดยสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา ได้ส่งคณะครูและนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 74 รายการ จากทั้งหมด 107 รายการ แบ่งเป็นคณะครูจำนวน 118 คน นักเรียนจำนวน 266 คน รวมทั้งสิ้น 384 คน โดยมีโรงเรียนอนุบาลแพรกษาวิเทศศึกษา ส่งคณะครูและนักเรียนเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 7 รายการ ได้รับรางวัลเหรียญทอง 4 รางวัล เหรียญเงิน 2 รางวัล เหรียญทองแดง 1 รางวัล โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ส่งคณะครูและนักเรียนเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 39 รายการ

ได้เหรียญทอง 20 รางวัล เหรียญเงิน 11 รางวัล เหรียญทองแดง 4 รางวัล -ได้รับรางวัลเข้าร่วม 3 รางวัล โรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา เข้าร่วมแข่งขันจำนวน 28 รายการ
ได้เหรียญทอง 14 รางวัล เหรียญเงิน 9 รางวัล เหรียญทองแดง 4 รางวัล และมี 11 รายการได้ผ่านเข้าแข่งขันในระดับประเทศ ณ เทศบาลนครเชียงราย จังหวัดเชียงรายในวันที่ 2-5 กันยายน 256

นอกจากนี้ เทศบาลตำบลแพรกษา ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย วังน้ำเย็นเกมส์ ครั้งที่ 38 ระหว่างวันที่ 20-29 มิถุนายน เทศบาลเมืองวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว โดยสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลตำบลเเพรกษา
ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมแข่งขัน จำนวนหลายรายการ นอกจากนี้ มีจำนวน 8 รายการ ได้ผ่านเข้าแข่งขันในระดับประเทศ ณ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ในวันที่ 14-24 สิงหาคม อาทิเช่น หมากรุกไทย รุ่นไม่เกิน 12 ปี ชาย แบดมินตัน รุ่นไม่เกิน 12 ปี ประเภทชายเดี่ยว ประเภทชายคู่ ประเภทหญิงเดี่ยว ประเภทหญิงคู่ และประเภทคู่ผสม กรีฑา วิ่ง 200 เมตร ชาย และเทเบิลเทนนิส  ประเภทหญิงคู่

ทั้งนี้ ทางเทศบาลตำบลแพรกษา จึงได้มอบประกาศเกียรติคุณเพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและแสดงความยินดีแก่คณะครูและนักเรียนที่ร่วมกันสร้างชื่อเสียงให้แก่เทศบาลตำบลแพรกษาระดับภาคตะวันออก  รวมถึงส่งกำลังใจให้กับคณะครูและนักเรียนที่จะเดินทางเข้าร่วมการแข้งขันระดับประเทศ ณ เทศบาลนครเชียงราย จังหวัดเชียงราย รวมถึงคณะครูและนักเรียนที่จะเดินทางเข้าร่วมแข่งขัน
กีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ในระดับประเทศ ที่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป

ประกอบกับ ในวันนี้ได้นำอาหารต่างๆ หลายรายการนำมาจัดเลี้ยงแจกจ่ายให้แก่นักเรียนที่ทำคุณประโยชน์สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนทานฟรีอีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top