Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

'รพ.ศิริราช' แจ้ง!! ระบบคอมพิวเตอร์ของ รพ. ใช้งานได้ตามปกติแล้ว หลังเกิดปัญหา 'ใช้การไม่ได้' ยัน!! ข้อมูลผู้ป่วยไม่มีรั่วไหล

(8 ส.ค.67) จากกรณีระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลศิริราช 'ใช้การไม่ได้' ทำให้ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยที่นัดไว้ตามปกตินั้น

ล่าสุด ระบบคอมพิวเตอร์ของ รพ. ศิริราช สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว โดยไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วย

ทั้งนี้ ทางรพ.ได้ขออภัยผู้รับบริการทุกท่านที่ไม่ได้รับความสะดวกในวันนี้ และขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ ดำเนินการตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ระหว่างการแก้ไขปัญหา และให้ความอนุเคราะห์แก่ศิริราชด้วยการช่วยเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ช่วยเข้าไปอัปเดตข้อมูลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว รวมถึงให้กำลังใจบุคลากรอีกด้วย 

ทั้งหมดนี้ทางศิริราชขอรับไว้ด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

ย้อนฟัง ‘น้องเทนนิส’ เปิดใจ!! ยอมเสียสละทั้งร่างกายเพื่อชาติ พร้อมเผย ‘โอลิมปิก’ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตน ‘ยอมแลก’

(8 ส.ค.67) ‘เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ’ เจ้าของเหรียญทอง เทควันโดโอลิมปิกเกมส์ 2024 หลังเอาชนะกัว ซิง คู่ปรับจากจีน ไป 2-1 ยก (6-3, 2-3, 62) คว้าเหรียญทองไปครอง ในการแข่งขันเทควันโด รุ่น 49 กก. หญิง รอบชิงชนะเลิศ กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อคืนวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 จนทำให้แฟน ๆ ชาวไทยต่างชุ่มชื่นหัวใจกันทั่วประเทศ

โดยก่อนหน้านี้ เทนนิส พาณิภัค ได้เปิดเผยเบื้องหลังของการฝึกซ้อมอย่างหนักในรายการ ‘Made My Day วันนี้ดีสุ’ ทางช่อง Thai PBS ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าที่ผ่านมามีอาการเจ็บหลายอย่าง ต้องทรมานอดทนเพื่อเเข่งขันต่อ

เทนนิส พาณิภัค ได้กล่าวว่า "สิ่งที่หนูต้องแลกไปคือร่างกาย ร่างกายอันนี้มันพังไปทั้งตัวแล้ว เอ็นไขว้หน้าขาขาด ลูกสะบ้าพังหมดแล้ว สะโพกก็หลวม สมมติว่าถ้าหนูฉีกขาเยอะ ๆ ต้องใช้เวลาเป็น 10 นาที กว่าจะหุบขาได้ คือมันเสียสละร่างกายอันนี้ไปหมดแล้ว และหนูคิดว่าโอลิมปิกครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูจะยอมแลก"

"ตอนนี้หนูรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ๆ แต่หนูก็รู้สึกว่าความเหนื่อยนี้มันทำให้พ่อมีความสุข ทำให้คนไทยทั้งประเทศมีความสุข แล้วก็ทำให้ตัวเองมีความสุข"

ทั้งนี้ เทนนิส พาณิภัค ได้ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวหลังจบการแข่งขัน ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 โดยเผยถึงประเด็นเรื่องอนาคตในการเล่นกีฬาเทควันโด ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจกลับมาลงแข่งขันอีกหรือไม่ เจ้าตัวได้ตอบกลับว่า "คิดหนักแล้วค่ะ เดี๋ยวอาจคงต้องขอคิดดูก่อน หลังจากนี้อยากจะขอไปทำหน้าที่อื่น ๆ ดูก่อน อย่างตอนนี้ก็มียิมเทควันโด ชื่อ พาณิภัค เทควันโด เป็นของตัวเอง ซึ่งใครอยากเรียนเทควันโดก็สมัครเข้ามาลงเรียนได้ค่ะ"

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค 4,000 ชุด พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนออกบริการตรวจรักษาประชาชนฟรี ณ สุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ประจำปี 2567

วันนี้ (วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และนางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ  จัดพิธีแจกข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงรอบสุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 4,000 ชุด สิ่งของที่แจกประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำมันพืช และขนม บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ พร้อมมอบค่าพาหนะคนละ 100 บาท โดยมี นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธี ณ สุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตำบลโรงเข้ อำเภอ บ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร

ภายในงาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดเจ้าหน้าที่ – อาสาสมัครมูลนิธิฯ ดูแลอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มารอรับ พร้อมบริการอาหารและน้ำดื่ม รวมถึงจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน (หน่วยแพทย์เคลื่อนที่)  ออกบริการประชาชน โดยมีอาสาสมัครศิลปิน นำโดย นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) นายรัชต์พงษ์ ทองทับ (น้าทูล) นางสาวอรภัสญาน์ สุกใส (มิ้วส์)  นางสาวพัชรมัย บุญเลิศกุล (แพรว) นายปิยะวัฒน์ รัตนหรูวิจิตร (หรูหรา)  นายจตุรภัทร นิยมแสง (ต้า)  ฯลฯ ร่วมสร้างสีสันภายในงาน โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

นอกจากนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังมีกำหนดการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้อีก 3 แห่ง ดังนี้ แห่งที่ 1 ในวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาโคราช จังหวัดนครราชสีมา,  แห่งที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี, และแห่งที่ 3 ในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม  พ.ศ. 2567 ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ รวมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 แก่ประชาชนทั้งสิ้น 4 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 13.3 ล้านบาท

ประเพณีทิ้งกระจาด เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาทุกปีเป็นเวลาช้านานไม่ต่ำกว่า 80 ปี และคาดว่าจะเป็นมูลนิธิแห่งแรก ที่จัดงานทิ้งกระจาดอย่างเป็นทางการและเป็นกิจจะลักษณะ เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้ ในช่วงประเพณี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มีผู้มีจิตศรัทธา และผู้ใจบุญจะนำเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ ข้าวสารอาหารแห้ง และอื่น ๆ มากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมูลนิธิฯ จะรวบรวมไว้ไปสมทบกับสิ่งของที่จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร นครราชสีมา ชลบุรี และ กรุงเทพฯ พร้อมนำมอบองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้พัฒนาการแจกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้ ให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละยุคแต่ละสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุในการบรรจุสิ่งของที่มูลนิธิฯ ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นถุงผ้าเพื่อลดการใช้พลาสติก และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับ ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอบุญบารมีองค์หลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ผู้มีจิตศรัทธา เจ้าหน้าที่  อาสาสมัคร และครอบครัวของทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในงานมหาบุญมหากุศลนี้  มีความสุข ความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดปี ตลอดไป

#ป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘ตำรวจ’ ระเบิดสะพานโจร บุกจับแก๊งคอลเซนเตอร์ ตั้งออฟฟิศในชลบุรี หลังมีบอสใหญ่เป็นคนจีน ตุ๋นเหยื่อให้รัก - หลอกช่วยเหลือผ่านเฟซบุ๊ก

(7 ส.ค.67) ตามนโยบายของทางรัฐบาล ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด และเร่งแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยด่วน ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปอส.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ได้ทำงานสนองตามนโยบาย และได้มีการสืบสวนจับกุมอย่างต่อเนื่อง

ตามที่ได้มีมาตรการ ‘ระเบิดสะพานโจร ตัดซิม เสา สาย ตามแนวชายแดน’ ที่กลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซนเตอร์ใช้ในการหลอกลวงเหยื่อทั่วประเทศ จนทำให้สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศที่แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้หมดลง หรือไม่สะดวกต่อการใช้งาน แก๊งคอลเซนเตอร์จึงปรับตัว โดยลักลอบนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และพนักงานในแก๊ง มาตั้งเป็นออฟฟิศคอลเซนเตอร์หลอกลวงประชาชนในประเทศไทย ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวงประชาชนชาวไทย โดยตั้งฐานออฟฟิศอยู่ในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ได้สืบทราบว่า มีขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้บ้านภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตั้งเป็นออฟฟิศทำงาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้เดินทางไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบชายไทย 4 คน ทราบชื่อภายหลัง คือ นายชนาภัทรฯ (สงวนนามสกุล) , นายโชคชัยฯ (สงวนนามสกุล) , นายชิชณุพงษ์ฯ (สงวนนามสกุล) และนายจีรวัฒน์ฯ (สงวนนามสกุล) จากการตรวจค้นพบว่าภายในบ้านมีคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะจำนวน 10 เครื่อง และพบข้อมูลการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดรับว่าตนเองและพวกร่วมกันเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยตั้งเพจเฟซบุ๊กในการหลอกช่วยเหลือเหยื่อ มีการยิงแอดโฆษณา หลอกว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ หรือทนายความ ที่สามารถช่วยเหลือเหยื่อในการทำเรื่องฟ้องร้องได้ และทำให้ได้เงินที่ถูกหลอกไปกลับคืนมา โดยหลอกซ้ำเติมเหยื่อให้โอนเงินเข้ามาเพื่อลงทะเบียนในการช่วยเหลือ และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบโรแมนซ์สแกม (หลอกให้รัก) ซึ่งจะมีสคริปต์การพูดหลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อและโอนเงินมาให้ โดยภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดพบว่ามีการสนทนากับเหยื่อในแอปพลิเคชันเมสเซ็นเจอร์เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชันไลน์ออฟฟิศเชียลเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดคอมพิวเตอร์ทั้งหมดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิด ครอบครองอาวุธปืนพกสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ , เครื่องกระสุนปืน และเสพยาเสพติด ซึ่งได้ทำการจับกุมและแยกดำเนินคดีที่ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 

จากการขยายผลทำให้ทราบว่าขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์นี้ มีหัวหน้ากลุ่มเป็นชาวจีน คือ Mr.ZHOU หรือ นายเจ้า สัญชาติจีน , มีรองหัวหน้า คือ Mr.CHEN หรือ ปีเตอร์ สัญชาติจีน และมีเลขาเป็นคนไทย คือ นายภาวัตฯ หรือ เหว่ย มีพฤติกรรมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ , ค้ามนุษย์ , บ่อนการพนัน และฟอกเงินฯ ซึ่งต่อมาได้มีการขยายผลและขออนุมัติศาลขอหมายค้นอีก จำนวน 3 จุด ในกรุงเทพมหานคร เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดย ณ ปัจจุบันทราบว่าหัวหน้าและรองหัวหน้าคนจีนได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายฐานออฟฟิศมาในประเทศไทย เนื่องจากความไม่สะดวกเรื่องการติดต่อสื่อสารและสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ต่างประเทศ จึงกล้าเสี่ยงมาเปิดออฟฟิศในประเทศไทย

โดย บก.สส.ภ.2 จะทำการสืบสวนและขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีในข้อหา ‘นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน’ มีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และจะติดตามผู้เสียหายซึ่งถูกแก๊งคอลเซนเตอร์นี้หลอกลวง เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และความผิดฐานฟอกเงินต่อไป ซึ่งหากใครเป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์นี้หลอก สามารถให้ข้อมูลได้ที่ บก.สส.ภ.2 หมายเลขโทรศัพท์ 038 276 724 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีต่อไป

‘เพจดัง’ เปิดภาพ ‘ป้ายรถเมล์’ รักษ์สิ่งแวดล้อม แถวช่องนนทรี ชาวเน็ตจวกยับ!! เหตุมีสภาพ ‘แคบ-พื้นผิวไม่เรียบ-ขึ้นลงลำบาก’

(7 ส.ค. 67) กลายเป็นภาพที่สังคมให้ความสนใจ และหยิบยกขึ้นมาถกเถียงในโลกโซเชียลฯ หลังเพจสะท้อนปัญหาทางเท้า อย่าง ‘ฟุตบาทไทยสไตล์’ โพสต์ภาพป้ายหยุดรถโดยสารประจำทาง ที่ถูกนำมาติดตั้งไว้อยู่ในพุ่มไม้ริมฟุตบาท ที่มีสภาพทั้งแคบและพื้นผิวไม่เรียบ ประชาชนเดินทางอย่างลำบาก

โดยระบุว่า “เรื่องใหม่ครับ ฟุตบาท ถนนนราธิวาส #ช่องนนทรี แถวสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี ป้ายรถเมล์ที่เพิ่งทำใหม่ เป็นจุดจอดรถเมล์ ป้ายขึ้นลงรถ…ต้องแหวกแนวพรมแดนธรรมชาติ เพื่อขึ้นไปบนฟุตบาทครับ คงเป็นป้ายรถเมล์แบบใหม่รักษ์สิ่งแวดล้อม”

งานนี้หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้ามาแชร์ประสบการณ์ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความปลอดภัยกันเพียบ

เพราะป้ายรถเมล์ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนของประชาชน และยังเป็นที่พักพิงสำคัญสำหรับการรอคอยที่แสนยาวนานอีกด้วย การมีป้ายรถเมล์ดี ๆ คือ หนึ่งในความอุ่นใจของผู้ใช้บริการที่จะช่วยให้รู้สึกปลอดภัย

สำหรับคอมเมนต์บางส่วนนั้น ต่างระบุว่า…

- ตามภาพ+ในเมื่อเป็นสถานที่ป้ายรถเมล์+ให้คนเขายืนรอ เมื่อรถเมล์เข้าจอดเพื่อให้คนรอเขาเดินขึ้นรถ+แต่ขอให้คณะจนท.ที่ทำ+ควรเคลียร์ให้พื้นที่โล่งพอสมควร+เพื่อจะได้ดูดี+และเพื่อความสะดวกของคนที่ยืนรอรถเมล์ด้วย
- สักพักมี​ ปชช.ตามริมฟุตบาทเสียชีวิต ไม่ใช่อุบัติเหตุรถชนนะงูกัด!
- อยากรู้เหมือนว่า การกำหนดตำแหน่งป้ายรถเมล์ ใครเป็นคนทำ แถว ๆ บ้านก็มีแบบนี้เหมือนกัน มั่วไปหมด ระยะห่างระหว่างป้ายแต่อัน ก็ไม่มีระยะที่แน่นอน เหมือนกับเอาที่xูสบายใจ ตามใจคนปักป้าย

'อดีตทูตนริศโรจน์' ชื่นชม!! 'วิว' ถวายเหรียญโอลิมปิกแด่ในหลวง สะท้อนความเคารพจากพสกนิกรไทยอย่างเป็นพิธีการสูงสุด

(7 ส.ค.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า…

ถูกต้องครับ การถวายเหรียญแด่องค์พระประมุขสูงสุดของแผ่นดิน นั่นคือการแสดงถึงความเคารพในทางสัญลักษณ์เป็นพิธีการ (protocol) อย่างสูงสุด ในฐานะที่เราเป็นพสกนิกร  

ประเด็นแบบนี้ทำให้นึกถึงสมัยสเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส ส่งกองเรือไปพิชิตดินแดนต่าง ๆ เมื่อกลับมาถึงก็เข้าเฝ้าฯ ถวายดินแดนเหล่านั้นให้ King หรือ Queen ถือว่ามอบให้เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินที่ประมุขปกครอง 

สรุปง่าย ๆ คือเป็นพิธีการที่ขลังที่สุดในการมอบสิ่งมีค่านั้นให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน  

หลังจากนั้นพระองค์ก็พระราชทานเหรียญนั้นคืนให้กับเจ้าตัวเก็บรักษาต่อไป 

เหรียญนั้นก็จะทรงคุณค่ามากขึ้น !

จับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ เหิมเกริมตั้งออฟฟิตหลอกลวงประชาชนใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

ตามนโยบายของทางรัฐบาล ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี โดยให้สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด และเร่งแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยด่วน ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปอส.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ได้ทำงานสนองตามนโยบาย และได้มีการสืบสวนจับกุมอย่างต่อเนื่อง

ตามที่ได้มีมาตรการ “ระเบิดสะพานโจร ตัดซิม เสา สาย ตามแนวชายแดน” ที่กลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอล เซนเตอร์ใช้ในการหลอกลวงเหยื่อทั่วประเทศ จนทำให้สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศที่แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้หมดลง หรือไม่สะดวกต่อการใช้งาน แก๊งคอลเซนเตอร์จึงปรับตัว โดยลักลอบนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และพนักงานในแก๊ง มาตั้งเป็นออฟฟิตคอลเซนเตอร์หลอกลวงประชาชนในประเทศไทย ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวงประชาชนชาวไทย โดยตั้งฐานออฟฟิตอยู่ในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ได้สืบทราบว่า มีขบวนการ แก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้บ้านภายในหมู่บ้านดิไอคอน ม.9 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตั้งเป็นออฟฟิตทำงาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้เดินทางไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบชายไทย 4 คน ทราบชื่อภายหลัง คือ นายชนาภัทรฯ (สงวนนามสกุล) , นายโชคชัยฯ (สงวนนามสกุล) , นายชิชณุพงษ์ฯ (สงวนนามสกุล) และนายจีรวัฒน์ฯ (สงวนนามสกุล) จากการตรวจค้นพบว่าภายในบ้านมีคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะจำนวน 10 เครื่อง และพบข้อมูลการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดรับว่าตนเองและพวกร่วมกันเป็น   แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยตั้งเพจเฟสบุ๊คในการหลอกช่วยเหลือเหยื่อ มีการยิงแอดโฆษณา หลอกว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ หรือทนายความ ที่สามารถช่วยเหลือเหยื่อในการทำเรื่องฟ้องร้องได้ และทำให้ได้เงินที่ถูกหลอกไปกลับคืนมา โดยหลอกซ้ำเติมเหยื่อให้โอนเงินเข้ามาเพื่อลงทะเบียนในการช่วยเหลือ และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบโรแมนซ์สแกม (หลอกให้รัก) ซึ่งจะมีสคริปต์การพูดหลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อและโอนเงินมาให้ โดยภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดพบว่ามีการสนทนากับเหยื่อในแอพลิเคชั่นเมสเซ็นเจอร์เฟสบุ๊ค และแอพพลิเคชั่นไลน์ออฟฟิศเชียลเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดคอมพิวเตอร์ทั้งหมดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิด ครอบครองอาวุธปืนพกสั้น แบบกึ่งอัตโนมัติ , เครื่องกระสุนปืน และเสพยาเสพติด ซึ่งได้ทำการจับกุมและแยกดำเนินคดีที่ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

จากการขยายผลทำให้ทราบว่าขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์นี้ มีหัวหน้ากลุ่มเป็นชาวจีน คือ Mr.ZHOU หรือ นายเจ้า สัญชาติจีน , มีรองหัวหน้า คือ Mr.CHEN หรือ ปีเตอร์ สัญชาติจีน และมีเลขาเป็นคนไทย คือ นายภาวัตฯ หรือ เหว่ย มีพฤติกรรมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ , ค้ามนุษย์ , บ่อนการพนัน และฟอกเงินฯ ซึ่งต่อมาได้มีการขยายผลและขออนุมัติศาลขอหมายค้นอีก จำนวน 3 จุด ในกรุงเทพมหานคร เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดย ณ ปัจจุบันทราบว่าหัวหน้าและรองหัวหน้าคนจีนได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายฐานออฟฟิศมาในประเทศไทย เนื่องจากความไม่สะดวกเรื่องการติดต่อสื่อสารและสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ต่างประเทศ จึงกล้าเสี่ยงมาเปิดออฟฟิศในประเทศไทย

โดย บก.สส.ภ.2 จะทำการสืบสวนและขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน” มีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และจะติดตามผู้เสียหายซึ่งถูกแก๊งคอลเซนเตอร์นี้หลอกลวง เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และความผิดฐานฟอกเงินต่อไป ซึ่งหากใครเป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์นี้หลอก สามารถให้ข้อมูลได้ที่ บก.สส.ภ.2 หมายเลขโทรศัพท์ 038 276 724 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีต่อไป

มุกดาหาร -ตำรวจน้ำ ปศุสัตว์ ร่วมกันทำลาย ชิ้นส่วนสุกรเถื่อน ของกลาง 660กก.

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 เวลา 14.00 น. พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์  บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.3 กก.10 บก.รน. มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ สุระสะ รอง สว.(ป.ทางน้ำ) ส.รน.3 กก.10 บก.รน. ร่วมเป็นคณะกรรมการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ดำเนินการทำลายชิ้นส่วนหมูเถื่อน ของกลาง จำนวน 660 กิโลกรัม ตามระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วยการทำลายสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นโรคระบาด หรือพาหะของโรคระบาด พ.ศ. 2558 โดยวิธีฝังกลบ ณ บริเวณด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร ตำบลคำอาฮวน อำเภอมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร 

ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259777

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าว การแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีตำรวจไทย-มาเลเซีย ชิงถ้วย 'รุจิรวงศ์' ครั้งที่ 35 เพื่อสานสัมพันธภาพระหว่างสองประเทศที่มีมากว่า 6 ทศวรรษ

วันนี้ (7 สิงหาคม 2567) เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย พร้อมด้วยพล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ แถลงข่าวการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 35 ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับการแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ซึ่งมีการจัดการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช 2504 ในยุคสมัยของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจ จวบจนถึงปัจจุบันมีการจัดการแข่งขันมาแล้วถึง 34 ครั้ง รวมระยะเวลายาวนานกว่า 63 ปี โดยจะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซึ่งในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 35 สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซียได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 13-16 สิงหาคม 2567 ซึ่งจะมีการแข่งขันจริงในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ณ สนามกีฬาฮังตูวะห์ เมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ 
1. การแข่งขันชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ประเภทอายุไม่เกิน 45 ปี 
2. การแข่งขันชิงถ้วย “Razarudin Cup” ประเภทอาวุโส อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ ร่วมรับชมและส่งกำลังใจแก่นักกีฬาตำรวจไทย ในการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 35 ในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ณ สนามกีฬาฮังตูวะห์ เมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Royal Thai Police Club”

ฉะเชิงเทรา-สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำระดับลุ่มน้ำ 'ลุ่มน้ำบางปะกง' ทั้ง10 จังหวัด

วันที่ 5 -6 ส.ค.67 ณ.โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อ.เมือง ฉะเชิงเทรา นางสาวธารทิพย์ จันทร์พิทักษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำบางปะกง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 2 สำนักนายกรัฐมนตรี (สทนช.) และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนโครงการ เสริมสร้างความเข้มแข็ง ขององค์กรผู้ใช้น้ำ ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกง ทั้ง 10 จังหวัดเข้าร่วมประชุมหารือ เพื่อขับเคลื่อนผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำจากภาคเกษตรกรรม 243 องค์กร ,ภาคอุตสาหกรรม 46 องค์กร,ภาคพาณิชยกรรม 16 องค์กร ได้ร่วมหารือ สภาพปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ รวมถึงเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในระดับท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน และรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้แทนองค์กรต่าง ๆ เพื่อกำหนดแนวทางพัฒนากลุ่มลุ่มน้ำบางปะกงสู่ความยั่งยืนต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top