Monday, 30 June 2025
NEWS FEED

สตม. จับผู้ร้ายสำคัญแดนภารตะ

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., นายสุภณ สยามบุญนัญ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง, นายเอกอนันต์ ศรีอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปรามปรามการทุจริตทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน สำนักบริหารการทะเบียน, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้   
สตม. จับผู้ร้ายสำคัญแดนภารตะ 

บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ให้ร่วมทำการสืบสวนกรณีพบชายชาวต่างชาติลักษณะคล้ายคนอินเดียรายหนึ่งพักอาศัยอยู่ในโรงแรมในย่าน ถนนข้าวสาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์น่าสงสัยโดยจะเก็บตัวอยู่ภายในห้องพักผิดวิสัยของนักท่องเที่ยวทั่วไป อาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรืออาจจะมาก่อเหตุร้ายในประเทศไทย จากการสืบสวนพบว่าชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวคือ MR.PARVEEN (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี สัญชาติอินเดีย จึงได้ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย 

เพื่อตรวจสอบประวัติ รับแจ้งว่า MR.PARVEEN ชื่อจริงคือ MR.RAKESH หรือ KALA (สงวนนามสกุล) เป็นบุคคลอันตรายซึ่งได้ก่อคดีอุกฉกรรจ์ในสาธารณรัฐอินเดีย จำนวน 13 คดี เช่น ฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่า ปล้น อุ้มเรียกค่าไถ่ กรรโชกทรัพย์ การโจรกรรม การเตรียมการสมรู้ร่วมคิดทางอาญา ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ส่วนหนังสือเดินทางที่ MR.PARVEEN ใช้อยู่ก็เป็นหนังสือเดินทางที่เปลี่ยนชื่อนามสกุล เพื่อใช้หลบหนีคดี ซึ่งทางการอินเดียได้แจ้งเพิกถอนหนังสือเดินทางเล่มดังกล่าวแล้ว 

พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. จึงสั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. เร่งสืบหาตัว MR.PARVEEN เนื่องจากเกรงว่าจะมาก่อเหตุร้ายขึ้นในประเทศไทย จนกระทั่งทราบว่า MR.PARVEEN ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยสามเสน 6 แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงร่วมกับ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ไปตรวจสอบ จนกระทั่งพบ MR.PARVEEN ที่ร้านอาหารภายในซอยสามเสน 4 จึงได้แสดงตัวเข้าควบคุมนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวไว้รอการส่งกลับไปยังสาธารณรัฐอินเดียต่อไป

‘โจวเทียนเฉิน’ ยกย่องคุณธรรม ความซื่อสัตย์ของ ‘น้องบอส’ ไม่ยึดติดกับชัยชนะ เดินไปบอก ‘กรรมการ’ ว่า ‘อาโจว’ ได้แต้ม

(7 ก.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Pump ตกผลึก’ ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ การแข่งขันแบดมินตัน รายการ Taipei Open 2024 ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง ‘โจวเทียนเฉิน’ จากไต้หวัน (มือวางอันดับ 9 ของโลก) กับ ‘น้องบอส’ ศรัณย์ แจ่มศรี ของไทย สังกัดบ้านทองหยอด (มือวางอันดับ 135 ของโลก) โดยได้ระบุถึงความประทับใจว่า ...

เหตุเกิด ณ การแข่งขันแบดมินตัน รายการ Taipei Open 2024 ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก 

1. เป็นการพบกันระหว่าง โจวเทียนเฉิน จากไต้หวัน (มือวางอันดับ 9 ของโลก) (คนไทยเรียก อาโจว) และ น้องบอส ศรัณย์ แจ่มศรี ของไทยเรา สังกัดบ้านทองหยอด (มือวางอันดับ 135 ของโลก)

2. ในช่วงเกมที่ 2 ระหว่างที่ทั้งคู่แข่งกันอย่างดุเดือด มีอยู่ลูกหนึ่งที่อาโจวตีออก แล้วน้องบอสสัมผัสได้ว่าลูกโดนตัวเองนิดหนึ่งก่อนจะออก แต่กรรมการไม่เห็นครับ ซึ่งถ้าปล่อยเงียบไว้ แต้มย่อมเป็นของน้องบอส

3. ต้องจินตนาการนิด ว่ามันเป็นการแข่งขันแบดมินตันระดับโลก ที่มีรางวัล และชื่อเสียงประเทศเป็นเดิมพัน ไม่เหมือนไปตีเล่นตามก๊วนหลังเลิกงานนะครับ ฉะนั้น ทุกคนที่เข้าร่วมย่อม ‘อยากชนะ’ แบบสุด ๆ และทุกแต้มมันมีความหมายมาก ๆ ถ้าเจอกรณีแบบนี้ นักกีฬาบางคนจึงปล่อยเงียบ เพราะเขาถือว่า มันเป็นเรื่องของโชค ซึ่งอาจเกิดกับคู่แข่งได้เหมือนกัน

ทว่า สิ่งที่น้องบอสทำคือ เดินไปบอกกรรมการว่าลูกโดนตัวเขาก่อน แต้มนั้นจึงกลายเป็นของอาโจว

สุดท้าย ใน match นั้น อาโจว ชนะ น้องบอส ไป 2 เกมรวด และหลังจบเกม ภาพที่น่าประทับใจก็เกิดขึ้นครับ

อาโจวขอแลกเสื้อกับน้องบอส ถ่ายรูปร่วมกัน และแชร์เรื่องราวนี้ผ่าน IG ส่วนตัว

4. ผมแปลแบบเข้าใจง่ายนะ บนคอร์ตวันนี้ เราทั้งคู่คือ ‘ผู้ชนะ’ ใน match นี้ครับ ในช่วงเกม 2 
คู่แข่งของผม ศรัณย์ แจ่มศรี จากประเทศไทย เดินไปแจ้งกรรมการว่าลูกแบดสัมผัสร่างกายของเขาทำให้ผมได้แต้มนั้นมา

ผมเชื่อว่า ความสัตย์ซื่อถือมั่นในคุณธรรม อยู่เหนือชัยชนะทั้งปวง และวันนี้ ศรัณย์ได้แสดงให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬาผ่านความซื่อสัตย์ของเขา เขาไม่เพียงแต่ชนะใจพวกเรา แต่จิตใจที่น่ายกย่องของเขา ยังเป็นเกียรติแก่ทีมโค้ชที่สอนเขามาอย่างดี

5. น้องบอสได้แสดงให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬา ที่ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้คู่แข่ง แต่ยังเป็น Soft Power ให้ประเทศไทยเราด้วย

และอาโจวก็แสดงให้เห็นถึงการให้เกียรติ เคารพนับถือคู่แข่ง แม้ตัวเองจะเป็นมือที่เหนือกว่า

ซึ่งผมว่า ในระยะยาว การกระทำเหล่านี้ มันมีคุณค่ามากกว่าชัยชนะในเกมอีกครับ งดงามมาก ๆ จริง ๆ

6. เรื่องราวนี้กำลังให้บทเรียนผมว่า "อย่ายึดติดกับชัยชนะหรือความสำเร็จ จนมองข้ามคุณธรรมและความดีที่ควรมีให้ผู้อื่น"

ในโลกแห่งทุนนิยม ที่ทุกคนต่างแข่งขัน ไม่ว่าจะกีฬา ธุรกิจ ฐานะ ชื่อเสียง เกียรติยศ มันเป็นเรื่องง่ายครับที่จะหมกมุ่นในชัยชนะหรือความสำเร็จ จนอาจเผลอเล่นไม่ซื่อ ทำผิดต่อตัวเองและผู้อื่น เพราะบรรยากาศมันพาไป

7. แต่ท้ายที่สุด เราต่างรู้ว่า ต่อให้ได้มันมา ถ้าใช้วิธีที่ไม่โปร่งใส หรือเอาเปรียบใคร เราก็ไม่ภูมิใจกับมันอยู่ดีครับ

เพราะนั่นเป็นแค่เกมย่อย ๆ ในชีวิต ที่ต่อให้เราชนะสักกี่ครั้ง มันก็แค่เกม และอย่าลืมว่าพอจบเกมเหล่านั้น (เลิกงาน, กลับบ้าน, พักผ่อน ฯลฯ) เราจะไม่ใช่ หัวหน้า ผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้ยิ่งใหญ่จากไหนแล้วนะ แต่เป็นแค่ ‘มนุษย์’ ธรรมดา ๆ คนหนึ่งนี่แหละ

8. มนุษย์ที่…อยากมีความสัมพันธ์ที่ดี อยากมีคนรักและห่วงใย อยากมอบสิ่งดี ๆ ให้ใคร ๆ เพื่อเติมเต็มหัวใจต่อให้ยากดีมีจนแค่ไหน ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ไม่อยากได้สิ่งเหล่านี้

ดังนั้น อย่ามัวแต่ยึดติดกับชัยชนะหรือความสำเร็จ จนมองข้ามคุณธรรมและความดีที่ควรมีให้ผู้อื่นเลยนะครับ

ซื่อสัตย์ในคุณธรรมที่ตัวเองยึดถือปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ ให้เกียรติและมอบสิ่งดี ๆ ให้กันและกันเหมือนที่น้องบอส และอาโจว แสดงให้เราเห็นกันครับ

นั่นอาจเป็นความหมายและความสุขในชีวิตเราก็เป็นได้

และนี่คือบทเรียนที่ผมตกผลึกได้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

‘น้องวี’ หนุ่มรปภ.วัย 18 ปี ทำงานส่งตัวเองเรียน สอบติด ‘สัตวแพทย์ จุฬาฯ’ เผย!! พ่อแม่แยกทาง ฐานะยากจน ต้องช่วยแม่ทำงาน ก่อนสานฝันเป็น ‘คุณหมอ’

(7 ก.ย.67) ‘น้องวี’ หรือ นายวีระพงศ์ แซ่หาญ หนุ่มวัย 18 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ทำงานส่งเสียตัวเองเรียน และสามารถสอบติดคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามความฝันได้สำเร็จ กลายเป็นที่ชื่นชม และแชร์กันอย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย

‘น้องวี’ ได้เปิดใจว่า ตนเองอาศัยอยู่กับแม่ที่แยกทางกับพ่อมาตั้งแต่ตนยังเด็ก และครอบครัวมีฐานะยากจน แม่ทำอาชีพรับจ้างรายได้ประมาณ 6,000-7,000 บาทต่อเดือน น้องวีเป็นลูกคนเดียว จึงพยายามช่วยแบ่งเบาภาระแม่ โดยตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเพื่อหาทุนการศึกษามาช่วยเหลือครอบครัว จนได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิจุฬาภรณ์และจบมัธยมปลายด้วยเกรดเฉลี่ย 3.92 

ในช่วงปิดเทอม น้องวีได้สมัครทำงานเป็น รปภ. ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จ.เชียงใหม่ เพื่อหารายได้และส่งเงินให้แม่ น้องวีไม่เคยอายที่จะทำงานนี้ เพราะถือว่าเป็นงานสุจริตและมีเกียรติไม่น้อยไปกว่าอาชีพอื่น ๆ ด้วยความตั้งใจและขยันหมั่นเพียร น้องวีสามารถสอบติดทั้งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในที่สุดเขาได้เลือกคณะสัตวแพทยศาสตร์ ตามความฝันที่อยากเป็นหมอตั้งแต่เด็ก

เรื่องราวของ’น้องวี’ นั้นเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมถึงความกตัญญู ขยันหมั่นเพียร และการใช้ความฝันเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิต

‘นายกฯ’ นำ ‘คณะรัฐมนตรี’ เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จะจงรักภักดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ดังนี้

- นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
- นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
- นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม

- นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
- นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
- นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
- นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

- นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
- นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
- นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

- นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
- นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
- นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
- นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
- นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
- นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
- พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
- นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
- นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่า

“...ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ...”

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสแก่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า

“...รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสพบท่านนายกฯ และคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ขอให้พรด้วยความยินดี ให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ถวายสัตย์ไปแล้ว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าจะปฏิบัติได้อย่างดี ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ณ โอกาสนี้ และตลอดไป...”

‘สายสุนีย์’ ฟอร์มร้อนแรง เอาชนะ ‘กัง ซู่’ คว้าเหรียญทองที่ 3 วีลแชร์ฟันดาบ สร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้หญิงคนแรก ที่คว้า 3 ทอง ในพาราลิมปิกเกมส์ 1 ครั้ง

เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.67) การแข่งขัน วีลแชร์ฟันดาบ พาราลิมปิกเกมส์ 2024 ประเภทเอเป้ หญิง คลาส B ‘แวว’ สายสุนีย์ จ๊ะนะ มือ 1 ของรายการจากไทย ที่ก่อนหน้านี้คว้าไปแล้ว 2 เหรียญทอง จากประเภทเซเบอร์ และฟอยล์ ลงชิงชัยฟาดดาบ

‘สายสุนีย์’ นั้นทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ‘กัง ซู่’ มือ 10 ของรายการจากจีน ผลปรากฏว่า สายสุนีย์ ที่กำลังฟอร์มร้อนแรง ติดลมบนต่อเนื่อง เอาชนะไป 15-7 คว้าเหรียญทองที่ 3 ของตัวเองในพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ได้สำเร็จ

สำหรับผลงานของ สายสุนีย์ ในครั้งนี้ ยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนแรกของโลกที่คว้า 3 เหรียญทองในพาราลิมปิกเกมส์ 1 ครั้ง และเหรียญทองประเภทเอเป้ ครั้งนี้ ยังบวกให้ทัพนักกีฬาไทย เก็บไปแล้ว 6 เหรียญทอง ในพาราลิมปิกเกมส์ 2024

นอกจากนี้ สายสุนีย์ ยังมีโอกาสลุ้นเหรียญทองที่ 4 ด้วย ในประเภทเอเป้ ทีมหญิง ซึ่งจะลงแข่งขันในวันนี้ (7 ก.ย.67) อีกด้วย 

ซึ่งงานนี้คนไทยทั้งประเทศ ก็เอาใจช่วยให้ ‘สายสุนีย์’ คว้าเหรียญทองที่ 4 ได้สำเร็จ

สู้สู้!!

สมุทรปราการ-บอกลาปัญหาน้ำท่วม!! 'อรัญญา สุวรรณบุตร' นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มุ่งมั่นดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังอย่างยั่งยืน

นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญปัญหาน้ำท่วมขังจึงประชุมวางแผนและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ภายในซอยโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) ชั้นประถม ถนนแพรกษา ตำบลแพรกษา อำเภอเมือง สมุทรปราการ 

โดยการผลักดันและการสนับสนุนของ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา โดยได้มีการประชุมวางแผนขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังภายในซอยโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา เนื่องจากที่ผ่านมาได้เกิดน้ำท่วมขังอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากสภาพถนนด้านในนั้นเป็นพื้นที่ต่ำ ประกอบกับหากเกิดมีฝนตกเป็นจำนวนมากก็ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังภายในซอยแห่งนี้ ทำให้นักเรียนและผู้ปกครองที่จะเดินทางมาส่งบุตรหลานต้องประสบกับปัญหาความยากลำบากในการเดินทาง เข้า-ออก เนื่องจากมีน้ำท่วมขัง

กระทั่งล่าสุดทางเทศบาลตำบลแพรกษา ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังอย่างยั่งยืน โดยการวางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมทั้ง ดำเนินการเทพื้นคอนกรีตให้มีขนาดความสูงมากกว่าเดิมและแข็งแรงคงทน ซึ่งขณะนี้ทางผู้รับเหมาอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงพื้นถนนทางเข้า-ออก โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา คาดว่าคงจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ ต่อจากนี้คงต้องบอกลาปัญหาน้ำท่วมขังเพราะทางเทศบาลตำบลแพรกษาบอกเลยว่า “ของเค้าดีจริง” 

 

ผบ.ทร. ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ 'น้องคิว' ประดู่เหล็ก หนึ่งเดียวของสมาคมกีฬาปัญจกีฬาฯ ใน โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 กรุงปารีส

เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.67) พลเรือโท ชนินทร์ แสงเฟื่อง อุปนายกสมาคมฯ ผู้แทนนายกสมาคมกีฬาปัญจกีฬาแห่งประเทศไทย ได้นำ จ่าโท ภูริช โยเฮือง หรือ 'น้องคิว' ประดู่เหล็กยอดมนุษย์ หนึ่งเดียวของสมาคมกีฬาปัญจกีฬาฯ เข้าพบ เพื่อรับโอวาทจาก พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกำลังพลกองทัพเรือ ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าว ชื่นชมนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติและกองทัพเรือ ที่สามารถผ่านการคัดเลือก จนสามารถเข้าแข่งขันในระดับโอลิมปิกได้ และได้ให้โอวาท มี ใจความตอนหนึ่งว่า

“บันไดที่ก้าวไปถึงโอลิมปิกนั้น มันยากมาก ๆ นักกีฬาทีมชาติของเรา จํานวนไม่มากนักที่ประสบความสําเร็จ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ เราต้องฝันไปให้ถึงให้ได้ จงไปดูว่าตัวเราเองยังอ่อนเรื่องไหนกับคู่ต่อสู้ของเรา เขาเป็นยังไง ก็ขอฝากครูฝึกสอนในเรื่องนี้ไว้ด้วย เราพอไปไหวในกีฬาที่ใช้ทักษะสูง เพราะฉะนั้นกีฬาอะไรที่ใช้ทักษะส่วนบุคคลคงต้องพัฒนานะ

เราเดินมาทางนี้แล้วเดินไปให้สุด อย่าท้อแท้ อย่าเพิ่งหมดกําลังใจ ไปถามตัวเองให้ได้ว่า เราพลาดตรงไหน เรายังไม่เก่งตรงไหน สมัยนี้มันช่วยกันได้ด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งจะมาเติมในข้อที่เราบกพร่องได้หมด"

และขอขอบคุณ ที่เป็นผู้แทนกองทัพเรือ ไปสร้างชื่อเสียงในเวทีโอลิมปิก และขอให้ทุกคนไปสู่ความสําเร็จ ขอให้สู่โอลิมปิกให้ได้ตลอดไป“  

เชียงใหม่- เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรม 'Blooming Party with Chiang Mai Night Safari 2024'

เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.67) เวลา 17.00- 22.00 น. เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรม"Blooming Party with Chiang Mai Night Safari 2024" สานสัมพันธ์สื่อมวลชน โดยมี นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวเปิดงาน ณ ห้องประชุมวารีกุญชร เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 

นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรมสานสัมพันธ์สื่อมวลชน 'Blooming Party with Chiang Mai Night Safari 2024' ขึ้น เพื่อเป็นการขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชน ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการเผยแพร่ข่าวสารให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง และมีความน่าเชื่อถือ ทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสื่อมวลชนและองค์กรอีกด้วย

ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) กำกับดูแลสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่เที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสัตว์ป่าที่สร้างรายได้ พร้อมกระจายรายได้สู่ชุมชนโดยรอบพื้นที่ 

โดยในปี 2567 นี้ ทำรายได้ไปแล้วมากกว่า 177 ล้านบาท และในปี 2568 วางเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 230 ล้านบาท และในปี 2568 นอกจากกิจกรรมหลักๆ แล้ว เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้พัฒนากิจกรรมให้มีความสนใจมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยว เช่น กิจกรรม ChiangMai Night Safari Learning Center เป็uศูนย์การ เรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ด้านสัตว์ป่า ผ่านกิจกรรมและสื่อต่าง ๆ อาทิ เกมอนุรักษ์ธรรมชาติ สัตว์ 3D animation หนังสือ AR book เป็นต้น 

และพบกับกิจกรรม Farnily Zone เป็นกิจกรรมใหม่สำหรับเด็ก ๆ และครอบครัว ในการเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์น่ารักโดยเฉพาะสัตว์ฟันแทะ โดยจะพบกับกระต่ายสายพันธุ์ต่าง ๆ อาทิ กระต่ายยักษ์, กระต่ายจิ๋ว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสัตว์น่ารักอื่น ๆ อาทิ แพ รีด็อก เมียร์แคท ที่สามารถเข้ามาเล่นและสัมผัสอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้เรายังได้ปรับปรงพื้นที่ในกิจกรรม TiperShow เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ต่อไป

'รมว.ปุ้ย' อำลากระทรวงอุตสาหกรรม ข้าราชการแห่ส่งแน่น ยกเป็นผู้นำที่ดีมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรม

(6 ก.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ เดินทางเข้ากระทรวงฯ ในโอกาสอำลาตำแหน่ง โดยได้กล่าวขอบคุณข้าราชการในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ทำงานร่วมกันตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงฯ ให้การต้อนรับกันอย่างเนืองแน่นด้วยรอยยิ้มและเสียงปรบมือ 

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ตนมีความภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับทุกท่าน ขอบคุณจากหัวใจ ที่ได้สร้างภาพจำที่ดีให้กับกระทรวงฯ ทั้งนี้ ความสำเร็จต่าง ๆ จะไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้เลยหากไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากชาวกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีความรู้ความสามารถ และได้ส่งพลังงานดี ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้วันนี้ทุกคนมีรอยยิ้มที่กว้างกว่าวันแรกที่เข้ามาทำงาน อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าทุกท่านจะร่วมแรงร่วมใจทำงานเพื่อกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านและครอบครัวของพวกเราต่อไป 

ด้านนายณัฐพล กล่าวว่า 1 ปี ที่ผ่านมา รัฐมนตรีพิมพ์ภัทรา เป็นผู้นำที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรม สามารถทำงานร่วมกับข้าราชการในทุกระดับเป็นอย่างดี ขอบคุณท่านที่ดูแลเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือชุมชน ผู้ประกอบการ และได้ผลักดันนโยบาย รื้อ ลด ปลดสร้าง ได้อย่างเป็นรูปธรรม ตนในฐานะตัวแทนของผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ขอกราบขอบพระคุณ และพร้อมที่จะสานต่อนโยบายต่อไป 

จากนั้น นางสาวพิมพ์ภัทรา ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ พระภูมิ และองค์พระนารายณ์ ก่อนเดินทางออกจากกระทรวงอุตสาหกรรมไปในช่วงเช้า

‘กองทัพเรือ’ ลำเลียงเรือหลวง ต.99 จัดวางหน้าประตูกองเรือยุทธการ เพื่อระลึกถึงพระราชกรณียกิจ ‘ในหลวง ร.9’ อันมากล้นต่อกองทัพเรือ

(6 ก.ย. 67) พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือเปิดเผยว่า กองทัพเรือ ได้ทำการลำเลียงเรือ ต.99 ที่ได้ปลดระวางประจำการแล้ว มายังหน้าประตูใหญ่ กองบัญชาการกองเรือยุทธการ ถนนสุขุมวิท อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังจากได้ทำการปรับภูมิทัศน์ พร้อมทั้งจัดทำโครงสร้างรองรับเรือ ต.99 บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้ากองเรือยุทธการ รองรับไว้แล้ว

สำหรับเรือ ต.99 เป็นเรือที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพระราชทานพระราชดำริ และพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับการต่อเรือ ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักการพึ่งพาตนเอง โดยเมื่อครั้งเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการต่อเรือยนต์รักษาฝั่ง ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในปี พ.ศ. 2503 จึงทำให้กองทัพเรือ โดยกรมอู่ทหารเรือ รับสนองพระราชดำริ โดยการต่อเรือในชุดเรือ ต.91 ( เรือ ต.91 - เรือ ต.99 ) 

ในระหว่างการดำเนินการนั้น โดยพระองค์ ทรงพระราชทานคำแนะนำ ตลอดจนแก้ปัญหาต่าง ๆ อันเกิดจากกระบวนการต่อเรือ รวมถึงทรงเป็นธุระ ติดต่อกับสถาบันวิจัย และทดลองแบบเรือแห่งชาติของประเทศอังกฤษ ให้ทำการทดสอบแบบของเรือ ต.91 แม้แต่การทดสอบเรือในทะเล พระองค์ก็ทรงเสด็จไปร่วมทดสอบด้วยพระองค์เอง ทั้งยังทรงตรวจแก้ข้อผิดพลาดต่าง ๆ จนทำให้การต่อเรือสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ในส่วนของเรือ ต.99 นั้นเป็นเรือที่ประจำการอยู่ในสังกัดกองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ ปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวนรักษาอธิปไตยของชาติและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เป็นระยะเวลายาวนานถึง 34 ปี และได้ปลดระวางเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565 เพื่อเป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีคุณูปการต่อกองทัพเรือเป็นอเนกอนันต์ กองทัพเรือ จึงได้พิจารณานำ เรือ ต.99 ซึ่งถือเป็น 1 ใน 9 เรือรบหลวงที่ต่อขึ้นใช้เองในช่วงปี 2511 - 2530 มาตั้งทดแทนประตูทางเข้ากองเรือยุทธการเดิม เพื่อเป็นสถานที่อนุรักษ์ และเชิดชูชุดเรือหลวงของพ่อที่ทรงมีดำริให้กองทัพเรือต่อเรือใช้เอง สนองโครงการเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top