Monday, 30 June 2025
NEWS FEED

ระทึก!! เรือกู้ภัยฯ 'ไทด์ เอกพันธ์' ถูกซัดล่ม ระหว่างช่วยผู้ประสบภัย เคราะห์ดีทุกคนสวมเสื้อชูชีพ เผย!! รู้ว่าเสี่ยง แต่ชาวบ้านรออยู่

(13 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก NAKON45 อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ ซึ่งเป็นอาสาสมัครร่วมกตัญญู ได้โพสต์คลิปไลฟ์สด อาสาสมัครลอยเกาะเรือท้องแบนที่ไหลมาตามกระแสน้ำ ระหว่างที่อาสาสมัครกู้ภัยฯ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมบริเวณชุมชนวังทอง อำเภอแม่สาย โดยเรือนี้มี 'ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์' ทีมสื่อมวลชน และกู้ภัย รวมถึงผู้ประสบภัยนั่งมากับในเรือลำนี้ด้วย ทั้งนี้ยังมีข้อความระบุว่า "รู้แหละว่าเสี่ยง แต่ชาวบ้านรอพวกเราอยู่"

โดยขณะเกิดเหตุพบว่า ระหว่างที่ขับเรือเข้าไปพื้นที่นั้นกระแสน้ำยังคงไหลเชี่ยว จู่ ๆ เครื่องเรือดับ เพราะมีเศษหญ้า เศษผ้า เศษขยะ และกิ่งไม้ เข้าไปพันที่ตัวเครื่องยนต์ จึงทำให้ ได้ซัดเข้าตัวเรือ ทำให้เรือค่อย ๆ เอียง และล่ม ทำให้ไทด์ เอกพันธ์ ทีมสื่อมวลชน และกู้ภัย รวมถึงผู้อยู่บนเรือทุกคน จมน้ำ และถูกน้ำซัดไหลไปตามกระแส ทีมกู้ภัยทีมร่วมภารกิจได้ช่วยกันตะโกนให้ช่วยเหลือ เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่สวมเสื้อชูชีพ ทำให้ทุกคนปลอดภัย ไม่ได้รับอันตราย ทราบต่อมาว่าอาสาสมัครได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ส่วนอาสาสมัครที่เหลือปลอดภัย รวมไปถึง 'ไทด์ เอกพันธ์' ด้วย

‘ทหาร’ แจงปมทำไม่ครบ 3 มิติ ‘โครงการเติมคนดี 1 ล้านคนให้สังคม’ ต้องซ้ำชั้น ชี้!! เพราะการทำดีไม่มีอะไรเสียหาย ควรอยู่ในกิจวัตรของ รด.ทุกคน

(12 ก.ย. 67) พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) กล่าวชี้แจงถึงโครงการ ‘เติมคนดีครั้งยิ่งใหญ่ 1 ล้านคน ให้สังคม’ รด.จิตอาสา ว่า จุดประสงค์การมีโครงการดังกล่าว ต้องการปลุกพลังความดีที่มีอยู่ในหัวใจของแต่ละคน ซึ่งเชื่อว่ามีความตั้งใจที่จะทำความดีอยู่แล้ว แต่หลายคนยังอายไม่กล้าที่จะแสดงออกในสิ่งที่ดี จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ 

โดยนักศึกษาวิชาทหาร 1 คน ไปหาสมาชิกเพิ่มจำนวน 4 คน เพื่ออัพเลเวลของตัวเอง โครงการนี้ ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องหรือใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว เราทำกันด้วยใจ มีเพื่อนฝูงก็ชักจูงคนมาทำความดี 

พล.ท.ทวีพูล ยังอธิบายต่อว่า สาเหตุที่ต้องให้นักศึกษาวิชาทหาร 1 คน ชวนเพื่อน 4 คนมาทำความดี เพราะปัจจุบัน เรามีนักศึกษาวิชาทหารประมาณ 300,000 นาย อยากให้ลองนึกภาพ แต่ละคนไปชวนมาเพิ่มอีก 4 คน ลองคิดดูว่าเราสามารถเติมคนดีครบ 3 มิติ ประกอบด้วย ครอบครัว โรงเรียน สถานศึกษา และสังคม จะได้จำนวนเท่าไหร่ 

และการทำความดีไม่เรื่องยาก เช่น จัดที่นอนให้เป็นระเบียบ ทำความสะอาดบ้าน ชวนพ่อแม่ออกกำลังกาย สอนน้องทำการบ้าน หารายได้พิเศษแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ช่วยเหลือเพื่อนฝูง แบ่งเบาภาระครูบาอาจารย์ มีความซื่อสัตย์ ตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วยเหลือผู้พิการ ผู้สูงอายุ ข้ามถนน 

พล.ท.ทวีพูล ย้ำว่า การทำความดี อยู่ในกิจวัตรประจำวันของนักศึกษาวิชาทหารอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากทำไม่ครบ 3 มิติ ต้องซ้ำชั้นนั้น อยากให้เข้าใจว่า  โครงการนี้ เปรียบเสมือนวิชาหนึ่งของนักศึกษาวิชาทหาร ที่จะต้องทำให้ผ่านเกณฑ์ ครบ 3 มิติ เช่นเดียวกับการเรียนวิชาหลัก จะมีเกณฑ์ชี้วัดว่าต้องได้คะแนนเท่าไหร่ ถึงจะผ่านวิชานั้น กรณีนี้เช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรผิดปกติ ขออย่าเอาไปบิดเบือน ขอย้ำ การให้ นศท.ทำความดีไม่ได้มีอะไรเสียหาย ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นการเพิ่มคนดีให้สังคม

"อย่ามองว่าเป็นภาระ เราปลูกฝังสิ่งที่ดีให้กับเยาวชน ให้นักศึกษาวิชาทหาร มีความภาคภูมิใจมากกว่า ผมเชื่อว่าความดีมีอยู่ในหัวใจของทุกคน เพียงแต่ว่าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ผมจึงต้องการให้ นศท.เป็นผู้ที่กระตุ้นการทำความดีที่ทุกคนต้องการทำออกมา และทำการบันทึกเพื่อเห็นผลเป็นรูปธรรม ชัดเจน จับต้องได้ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ เกิดการแข่งขันกันในการทำความดี และหากมีการบันทึกไว้จะเกิดประโยชน์ในระยะยาว จะเป็นเหมือน portfolio ของผู้ที่ทำความดี และสิ่งเหล่านี้จะสามารถนำไปใช้ได้ในกรณีที่ไปสมัครงานหรือสมัครเรียนต่อในสถาบันต่างๆ ซึ่งสามารถบอกได้ว่าคนๆนี้ เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ มีสัมมาคารวะ มีน้ำใจ มีความเอื้ออาทร ต่อครอบครัว เพื่อนๆ มิตรสหาย เป็นต้น " 

พล.ท.ทวีพูล กล่าวและย้ำว่า โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับสังคม สาเหตุที่ใช้ นศท. เพราะตนรับผิดชอบ นศท. ตนทำตามขีดความสามารถที่ทำได้ เพื่อให้น้องๆ นศท.มีจุดเริ่มต้น โดยมี นรด.เป็นคนปลุกกระแสในการทำความดีของ นศท. และเพื่อให้กิจกรรมนี้แพร่หลายไปสู่เพื่อนๆ ญาติๆ พ่อแม่ ผู้ปกครอง มาร่วมกันทำให้สังคมน่าอยู่ และมีความสุข ซึ่งที่ผ่านมาลูกๆ หลายคนอาจจะยังไม่เคยไปดูแลปู่ย่าตายาย แต่พอจัดกิจกรรมนี้ถึงวันหยุดมีเวลาว่างกลับไปดูแลเข็นรถเข็นให้ปู่ย่าตายาย พาไปดูของ ไปซื้อของ เดินเล่น ออกกำลังกาย ค่อนข้างได้รับคำชื่นชมกลับมา

'ฝนหลวงฯ' นำเฮลิคอปเตอร์ ออกส่ง 'ข้าวกล่อง-น้ำดื่ม' กว่า 10 เที่ยว หลังมีผู้ที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนและไม่ได้ทานอาหารมากว่า 2 วัน

(12 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เข้าสู่วันที่ 3 หลายพื้นที่น้ำเริ่มลดปริมาณลง แต่ยังคงมีหลายพื้นที่ ที่ยังเดือดร้อน ประชาชนติดอยู่ตามบ้านเรือนและไม่ได้ทานอาหารมากว่า 2 วัน

โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ฝนหลวง ร่วมกับเกษตร และสหกรณ์จังหวัดเชียงราย และหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในภารกิจแจกอาหาร ข้าวกล่อง และน้ำดื่ม รวมประมาณ 1,000 ชุด รวม 10 เที่ยวบิน บริเวณพื้นที่เทศบาล ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ที่ขาดน้ำและอาหารมากกว่า 2 วัน

‘โซเชียล’ ชื่นชม!! ‘เจ้าของปั๊มน้ำมันลำปาง’ จิตใจงาม ประกาศให้กู้ภัยช่วยน้ำท่วมเติมน้ำมันรถฟรี 1 แสนบาท

(12 ก.ย. 67) จากกรณีที่ นายจักรี จันทร์ไพจิตร เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้ประกาศเติมน้ำมันทุกประเภทฟรีให้กับหน่วยกู้ภัยทั่วประเทศที่จะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ประสบอุทกภัย จำนวนเงิน 100,000 บาท หลังมีการแชร์ข่าวออกไปทำให้มีกู้ภัยได้เดินทางมาเติมน้ำมันจำนวนมาก

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าวพบกับ นายวสันต์ จันทร์ไพจิตร อายุ 45 ปี ผู้จัดการ พร้อมเปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ นายจักรี จันทร์ไพจิตร เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง แจ้งให้ทราบว่าจะสนับสนุนน้ำมันให้กับกู้ภัยที่ไปช่วยชาวเชียงรายที่ประสบอุทกภัยใหญ่ จำนวน 100,000 บาท หลังจากที่โซเชียลมีการแชร์ออกไปมีกู้ภัยหลายแห่งติดต่อเข้ามาประสานเพื่อเติมน้ำมัน

ตอนนี้มีทีมกู้ภัยมากกว่า 20 กลุ่มเข้ามาใช้บริการ มียอดเติมน้ำมันกลุ่มละ 1,000-5,000 บาท ตอนนี้ยอดเติมน้ำมันทะลุไปกว่า 80,000 บาทแล้ว ซึ่งจากการพูดคุยกับกู้ภัย เขาดีใจมากที่มีผู้ใจบุญสนับสนุนงานของกู้ภัย ซึ่งตนเองก็ดีใจและขอเป็นกำลังใจให้กับชาวเชียงรายและกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือทุกคนด้วย

ด้าน สมยศ ศิลป์พูน อายุ 48 ปี ประธานกู้ภัยข่าวภาพกำแพงเพชร เปิดเผยว่า พอทราบข่าวว่าปั๊มน้ำมัน ปตท. งาว มีการสนับสนุนน้ำมันให้กับทีมงานกู้ภัยทั่วประเทศที่เข้าไปช่วยชาวจังหวัดเชียงราย

ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่มีผู้ใจบุญอย่างนี้และถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะกู้ภัยทุกคนทำงานด้วยจิตอาสา และหากมีเจ้าของปั๊มน้ำมันท่านอื่น ๆ ตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงเชียงรายมาสนับสนุนแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมไม่น้อย ซึ่งทีมกู้ภัยของตนเองได้นำเอาข้าวของน้ำดื่มที่คนช่วยบริจาคมารวมถึงอุปกรณ์ในการช่วยเหลือด้านกู้ภัยและเรือท้องแบนลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย โดยจะลงพื้นที่อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งขณะนี้ถือว่าน้ำท่วมหนักมากและต้องขอบคุณเจ้าของปั๊มที่ใจดีด้วย

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. ทางปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้อัปเดตว่า ตอนนี้ยอดเติมน้ำมันฟรีครบ 100,000 แล้ว

'เขาเขียว' ลั่น!! ระวังโทษหนัก ปาสิ่งของใส่น้อง ‘หมูเด้ง’ วอน!! อยากให้ทุกคนมีมารยาทในการมาเที่ยวสวนสัตว์

(12 ก.ย. 67) นายณรงค์วิทย์ ชดช้อย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ออกกฎเหล็กปกป้อง ‘น้องหมูเด้ง’ ลูกฮิปโปโปเตมัสแคระ เพศเมีย วัย 2 เดือน หลังจากที่มีผู้ใช้แอคเคาท์ติ๊กต่อก (TikTok) ที่ใช้ชื่อว่า ‘@kkvk_ได้โพสต์คลิปวิดีโอเผยให้เห็นนักท่องเที่ยวบางกลุ่มแสดงพฤติกรรมที่ไม่น่ารักด้วยการเขวี้ยงปาเปลือกหอยใส่น้องหมูเด้งขณะที่กำลังนอนหลับให้ตื่นขึ้นมา และยังมีนักท่องเที่ยวอีกรายนำน้ำเปล่ามาราดใส่ขณะนอนหลับอยู่จนกลายเป็นมีมในโลกออนไลน์  

โดย นายณรงค์วิทย์ ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ขอความกรุณานักท่องเที่ยวมาชมน้องในช่วงที่น้องตื่นดีกว่า และขอร้องว่าอย่าปาสิ่งของใส่น้องเลย น้องอาจจะบาดเจ็บได้ ซึ่งมารยาทในการเที่ยวชมสวนสัตว์ สิ่งสำคัญเลยคือเราต้องเคารพและมีมารยาทในการมาเที่ยวสวนสัตว์เหล่านั้น เราไม่ตะโกนหรือขว้างปาสิ่งของใส่น้องๆ เหล่านั้น เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ไม่น่ารักในการเที่ยวชมสวนสัตว์ และต้องเคารพกติกาของสถานที่นั้นๆ ด้วย

“สำหรับมาตรการในการป้องกันทางสวนสัตว์ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด รวมทั้งได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก และหากมีการล่วงละเมิดต่อสัตว์เราจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด” ผอ.สวนสัตว์เปิดเขาเขียวกล่าว

'นายกฯ' ประชุมวอร์รูมใหญ่แก้น้ำท่วม จ่อลงพื้นที่เชียงรายพรุ่งนี้ ย้ำข้าราชการไม่ต้องมาต้อนรับ ให้หน้างานอยู่กับประชาชนเป็นหลัก สั่งการดูแลอพยพประชาชน-สัตว์เลี้ยง พร้อมวอนผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เสี่ยง หลังจากนี้เรื่องการเยียวยารัฐบาลจะขอรับไว้เอง

(12 ก.ย.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม , นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย , นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข , นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ , นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยทีมราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี รับฟังรายงานสถานการณ์ และ การช่วยเหลือที่กำลังดำเนินการ จาก กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนหน้า) จ.เชียงราย , ปลัดกระทรวงมหาดไทย , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด , ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และ เชียงใหม่ , กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย , กรมชลประทาน , กองทัพบก , กรมทรัพยากรธรณี , กรมอุตุนิยมวิทยา , GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการว่า ตามที่ได้รับรายงานสถานการณ์ และการช่วยเหลือของส่วนราชการในพื้นที่เบื้องต้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเข้าถึงพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด ขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังนี้

1. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลเรื่องการอพยพประชาชน และสัตว์เลี้ยงให้มีความปลอดภัย ตลอดจนสนับสนุนด้านอาหาร  และน้ำดื่ม รวมถึงอาหารสัตว์ให้เพียงพอ

2. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ที่ศูนย์อพยพ และยารักษาโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง โดยให้แบ่งมอบพื้นที่ กำหนดภารกิจ และหน่วยปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น การดูแลด้านการดำรงชีพ การจัดตั้งศูนย์พักพิง การประกอบอาหาร ถุงยังชีพ การแพทย์ และการสาธารณสุข โดยให้มีการใช้ทรัพยากร และอุปกรณ์เครื่องมือของแต่ละหน่วยงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดูแลความปลอดภัยของทรัพย์สิน และบ้านเรือนของราษฎร

4. เมื่อน้ำลด ให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบ ความเสียหายระบบสาธารณูปโภค ถนน สะพาน ระบบไฟฟ้า และประปา เพื่อสร้างความเข้าใจ รับฟังปัญหาความต้องการ และดำเนินการปรับปรุงให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งแสวงหาความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น หน่วยทหารพัฒนา เพื่อช่วยเหลือประชาชน ร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือน ถนน และพื้นที่สาธารณะที่ถูกน้ำท่วม

5. มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบ และเสริมความมั่นคงแข็งแรงเชิงโครงสร้างให้กับคันกั้นน้ำ และระบบระบายน้ำโดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญ และเร่งรัดปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้โดยเร็ว

ในเรื่องของงกลาง รัฐบาลได้กำหนดการที่จะมีส่วนช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่แค่ตอนเยียวยาแต่ช่วยตอนนี้ด้วย และอยากให้ทุกฝ่ายรักษาชีวิตประชาชนเป็นหลักโดยด่วน และอพยพออกมาจากพื้นที่น้ำท่วมให้เร็วที่สุด นี่คือเหตุจำเป็นและเร่งด่วน

6. ขอให้กรมทรัพยากรธรณี เร่งรัดการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยสูงโดยด่วน เพื่อให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้า และเตรียมการได้ทันเวลา ซึ่งแม้ว่าระบบเตือนภัยจะมีแล้ว แต่ประชาชนจำนวนหนึ่งยังไม่อยากออกมาจากบ้าน เพราะเสียดายทรัพย์สินซึ่ง เราก็เข้าใจว่าการจะทิ้งทรัพย์สินเป็นเรื่องที่เสียดาย แม้ระบบเตือนภัยได้ทำการเตือนแล้ว ซึ่งตนเองอยากบอกพี่น้องประชาชนว่า เราจะขอรับดูเรื่องการเยียวยาและดูแลประชาชน ดังนั้นขอให้ทุกท่านรักษาชีวิตตัวเองก่อน และ ออกมาจากพื้นทีีประสบภัยโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องอื่นรัฐบาลจะช่วยได้ในรูปแบบไหนบ้าง จากนี้จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะช่วยดูแลอย่างดีที่สุด 

7. เนื่องจากประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงฤดูฝน ขอให้ส่วนราชการที่ทำหน้าที่คาดการณ์สภาพอากาศ รวมทั้ง GISTDA ติดตามปริมาณฝน และระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ แนวโน้ม และแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนในชุมชนและหมู่บ้าน ทราบถึงแนวทาง การปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย และช่องทางในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการอพยพ

8. ให้พิจารณาการใช้เงินจากกองทุน และการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย (หากมีผู้ประสงค์จะร่วมบริจาค) โดยมอบหมายสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

9. ขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำในระยะยาวต่อไป

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) ตนและคณะรัฐมนตรีบางส่วน ได้วางแผนว่าจะไปลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อไปดูสถานการณ์จริง และสั่งการได้อย่างเร่งด่วนกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้ทุกภาคส่วนดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างปกติ ไม่ต้องมาต้อนรับ เพราะไม่อยากให้กระทบถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่รอความช่วยเหลือ ตั้งใจที่จะไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ไม่ได้อยากเป็นเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่

“สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานต่อท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นรายวัน หรือเร็วกว่านั้นหากมีสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อที่จะได้ประเมินสถานการณ์ได้ทันเวลา และเตรียมรับมือกับปัญหา ตลอดจนหามาตรการเยียวยาประชาชนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งดิฉันจะเข้ามาติดตามงานด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด” นายกรัฐมตรี กล่าวจบในที่สุด

รอง ผบ.ทร. ติดตามการช่วยเหลือ ปชช.ประสบอุทกภัยในเชียงราย ยืนยันพร้อมช่วยเหลือ ปชช.อย่างเต็มที่

รองผู้บัญชาการทหารเรือ ติดตามการปฏิบัติงานในการช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง พร้อมทั้งให้กำลังใจกำลังพล และยืนยันว่าส่วนกลางพร้อมสนับสนุนสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน อย่างเต็มที่

(12 ก.ย.67) พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (รอง ผอ.ศบภ.ทร.) ตรวจเยี่ยมศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เพื่อติดตามสถานการณ์ ให้กำลังใจ และรับทราบปัญหาอุปสรรคข้อขัดข้อง ตามข้อสั่งการของ ผบ.ทร. ณ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ อ.บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ถือได้ว่าเป็นภัยพิบัติที่รุนแรง และปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย ทั้งนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (ศบภ.ทร.) ให้หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย กองทัพเรือส่วนหน้า ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ประเมินสถานการณ์ และประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ โดย ศบภ.ทร. ได้ส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากส่วนกลางเพิ่มเติม ตามการประเมินสถานการณ์ความรุนแรง ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย

ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ให้ข้อแนะนำแก่ ฝ่ายอำนวยการ ศบภ.ทร. และกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ว่า "การปฏิบัติงานครั้งนี้ สิ่งสำคัญ คือ ความปลอดภัยของกำลังพล ขอให้ทุกนายปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ช่วยเหลือประชาชนให้เร็วและได้รับความปลอดภัย หากมีสิ่งใดที่ต้องการให้ส่วนกลางให้ความช่วยเหลือ ขอให้แจ้งได้ทันที ดังนั้น ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อให้การภารกิจในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จไปด้วยดี และขอให้กำลังพลของเรามีความปลอดภัยทุกนาย…“

เป็นไปตามข้อสั่งการของ ผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้กองทัพเรือ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ อย่างสุดความสามารถจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ฐานทัพเรือสัตหีบ และชาวสัตหีบร่วมใจ 'พัฒนาสวนกรมหลวงชุมพร'

(12 ก.ย.67) พลเรือโท ชยุต นาเวศภูติกร ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วย คุณธัชกร นาเวศภูติกร ประธานชมรมภริยาฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม 'ชาวสัตหีบร่วมใจ พัฒนาสวนกรมหลวงชุมพร' ณ สวนกรมหลวงชุมพรกองทัพเรือ (สวนสาธารณะหนองตะเคียน) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยมี นาย ณรงค์ บุญบรรเจิศศรี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสัตหีบ นาย ไพโรจน์ มาลากุล ณ อยุธยา นายก เทศมนตรีเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจากอำเภอสัตหีบ คณะนายทหาร ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ประชาชนในทุกภาคส่วน เข้าร่วมกิจกรรม 

โดย ฐานทัพเรือสัตหีบ กำหนดจัดกิจกรรม ชาวสัตหีบร่วมใจ พัฒนาสวนกรมหลวงชุมพร โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการปรับปรุง ซ่อมแซม และพัฒนาพื้นที่สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ ให้มีความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความพร้อมในการจัดกิจกรรมสันทนาการ และการออกกำลังกาย สำหรับประชาชนทั่วไป และเป็นการเทิดพระเกียรติ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยได้รับความร่วมมือจาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ อำเภอสัตหีบ เทศบาลเมืองสัตหีบ เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ และประชาชนชาวสัตหีบ กิจกรรมที่ดำเนินการประกอบด้วย การทาสีรั้วด้านถนนสุขุมวิท การทาสีสนามกีฬา อุปกรณ์ออกกำลังกาย และลานกีฬาต่าง ๆ

พลเรือโท ชยุต นาเวศภูติกร กล่าวว่า ขอขอบคุณ อำเภอสัตหีบ เทศบาลเมืองสัตหีบ เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ และประชาชนชาวสัตหีบ เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เสียสละเวลามาร่วมกิจกรรมในวันนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สวนกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ จะเป็นสถานที่ ที่มีความสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย และมีความพร้อม ในการทำกิจกรรมของชาวสัตหีบ ต่อไป

'สุริยะ' สั่ง!! 'กรมเจ้าท่า' นำเรือพระราชทานเร่งช่วยเหลือเชียงราย 24 ชั่วโมง พร้อมลำเลียงอาหารและน้ำดื่มเข้าช่วยผู้ประสบภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

(12 ก.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้กรมเจ้าท่า นำกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยเรือท้องแบนพระราชทานและยานพาหนะต่าง ๆ ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง 

สำหรับการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยวันนี้ (12 ก.ย. 67) บริเวณบ้านน้ำลัด ตำบลริมกก  อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีประชาชนติดอยู่ภายในประมาณ 100 กว่าคน มีนายภูเมศ สุขม่วง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกรมเจ้าท่า ภาค 1 ได้นำเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่า พร้อมด้วย เรือพระราชทาน เรือเจ็ทสกี และรถยนต์ เข้าสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นจังหวัดเชียงราย ลำเลียงอาหารและน้ำดื่ม อย่างเร่งด่วน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ในการเข้าช่วยเหลือของศูนย์ฯ ภาค 1 จำนวน 35 คน เรือพระราชทาน 2 ลำ เรือท้องแบน 1 ลำ เรือเจ็ทสกี 3 ลำ รถบรรทุกหกล้อมีเครนยก 1 คัน รถกะบะขับเคลื่อนสี่ล้อ 8 คัน 

- สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 กำลังพล 2 คน รถ 1 คัน
- สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงราย กำลังพล 15 คน เรือเจ็ทสกี 1 ลำ รถ 3 คัน
- สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ กำลังพล 4 คน เรือเจ็ทสกี 1 ลำ รถ 1 คัน
- สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาแพร่ กำลังพล 3 คน เรือท้องแบน 1 ลำ รถ 1 คัน
- สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพิษณุโลก  กำลังพล 3  เรือเจ็ทสกี 1 ลำ รถ 1 คัน
- สำนักงานและพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 คน 8 เรือพระราชทาน 2 ลำ รถ 2 คัน 

สำหรับพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อ ขอความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง

'พล.ต.ท.ประจวบฯ' ตรวจความเรียบร้อยการรักษาความปลอดภัย การประชุมประจำปีองค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา พร้อมชื่นชมตำรวจจับกุมได้รวดเร็ว กรณีชายจากทวีปแอฟริกามีพฤติกรรมแอบอ้างขอถ่ายภาพกับคณะบุคคลสำคัญ (VIP) ของต่างประเทศ เพื่อสร้างโปรไฟล์ตัวเอง

(12 ก.ย.67) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปตรวจความเรียบร้อย การรักษาความปลอดภัย การจัดประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา (Asian - African Legal Consultative Organization: AALCO) สมัยที่ 62 ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ซอยสุขุมวิท 22 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่หัวหน้าส่วนอำนวยการ และสนับสนุน ศปก.ตร.) , พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 , ผู้แทน บช.ส. , ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ , ผู้แทนกรม การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข , ผู้แทนโรงแรมสถานที่ประชุม และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมและร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ณ ที่ทำการส่วนหน้าโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค พร้อมมอบรางวัลชมเชย ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่สามารถติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยที่พยายามที่จะขอเข้าพบ VIP ต่างประเทศ  โดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างรวดเร็ว และมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วยส่วนหนึ่ง

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัยการประชุมดังกล่าวอย่างเต็มที่ พร้อมกล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล , สน.ทองหล่อ , สน.พญาไท และ ตรวจคนเข้าเมือง 1 ที่สามารถติดตามจับกุมชายชาวแอฟริกันที่มีพฤติการแอบอ้างโดยการขอถ่ายภาพกับบุคคลสำคัญในต่างประเทศ หรือคณะวีไอพี ที่เดินทางมาประเทศไทย เพื่อวัตถุประสงค์นำไปใช้อวดอ้างในทางทุจริตเพื่อประโยชน์ของตน

โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น. ได้มีชายชาวแอฟริกัน (ขอสงวนชื่อและสัญชาติ) อายุ 41 ปี มาขอเข้าพบรัฐมนตรีของ 1 ใน 11 ประเทศ ที่มาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ภายในล็อบบี้ของโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาคีย์ ควีนส์ปาร์ค เพื่อขอถ่ายภาพ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ชุด รปภ.บุคคลสำคัญกันเอาไว้  ชายคนดังกล่าวจึงหลบหนีไป ทั้งนี้ เลขาธิการกงสุลใหญ่กิตติมาศักดิ์ของรัฐมนตรีประเทศดังกล่าว ระบุว่า ชายต้องสงสัยคนนี้มีพฤติกรรมมักจะมาขอถ่ายภาพกับบุคคลสำคัญของประเทศ เพื่อนำไปเป็นโปรไฟล์ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล แล้วนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี 

ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งขาติ (ศปก.ตร.) โดย พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าส่วนอำนวยการและสนับสนุน ศปก.ตร. ได้รับรายงานเหตุดังกล่าวแล้ว จึงได้รายงานให้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ทราบ พร้อมรับคำสั่งให้ ศปก.ตร. ประสานการปฏิบัติกับศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สันติบาล และกองการต่างประเทศ ดำเนินการตรวจสอบประวัติต่างๆ ของบุคคลดังกล่าว ว่ามีพฤติการณ์ใดๆ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือมีพฤติกรรมตามที่ได้รับการแจ้งมาจากทางสถานทูตหรือไม่ จากการสืบสวนของชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล , 

สน.ทองหล่อ , สน.พญาไท และ ตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้ดำเนินการตรวจสอบชายต่างชาติดังกล่าว พบว่าชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าว มีที่พักอยู่ที่คอนโดย่านถนนพระราม 2 และเปิดร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่อาคารใบหยก 2 ชั้น 1 ประตูน้ำ เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร วานนี้ (11 กันยายน 2567) เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันตรวจร้านดังกล่าวภายในอาคารใบหยก สกาย ชั้น 1 ตลาดประตูน้ำ พบชายชาวตะวันออกกลาง อายุ 39 ปี กำลังยืนขายสินค้าประเภทเสื้อผ้าภายในร้าน ต่อมาชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวได้เข้ามาที่ร้านและแสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาชายชาวตะวันออกกลาง ว่ากระทำผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าว ผู้มีใบอนุญาตทำงาน แต่ทำงานนอกเหนือประเภทลักษณะงานนายจ้างที่ระบุในใบอนุญาต” ส่วนชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวที่รับว่าเป็นนายจ้างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา “เป็นนายจ้าง ให้แรงงานต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานทำงานโดยผิดเงื่อนไข” ควบคุมตัวส่ง สน.พญาไท ดำเนินคดี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวไปยังถิ่นที่อยู่ตามใบอนุญาตทำงานที่ได้รับอนุญาตเป็นเจ้าของกิจการนั้น เมื่อไปถึงปรากฏพบว่าเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้า ชื่อบริษัท เอสเค เอ็กซ์พอร์ต จำกัด ตั้งอยู่ที่ซอยพระยามนธาตุ แยก 17 แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร จึงร่วมกันตรวจสอบบริษัทซึ่งเปิดดำเนินกิจการผลิตเสื้อผ้าโดยมีชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวเป็นกรรมการผู้จัดการจริง และตรวจพบลูกจ้างชาวเมียนมาอีกจำนวน 9 คน 

ซึ่งทั้ง 9 คนนั้นไม่มีใบอนุญาตทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมาย และยังไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยอีกด้วย จึงได้จับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1-7 ในความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 8-9 ในความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด(OVERSTAY) และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินการตามกฎหมาย และจะได้มีการพิสูจน์ทราบและดำเนินการเพิ่มเติมกับชายชาวแอฟริกันคนดังกล่าวว่ามีพฤติการณ์กระทำผิดอื่นๆ อีกหรือไม่ เพื่อดำเนินมาตรการเพิ่มเติมต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top