Monday, 30 June 2025
NEWS FEED

เชียงใหม่- สำนักงานพัฒนาพิงคนคร ประกาศผลและมอบรางวัล ประกวดถ่ายภาพเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 'ท่องเที่ยวครั้งใดคิดถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี'

(13 ก.ย.67) สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดงานประกาศผลและมอบรางวัล กิจกรรมประกวดถ่ายภาพเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 'ท่องเที่ยวครั้งใดคิดถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี' โดยมี นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธาน ณ ห้องประชุมวารีกุญชร สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า การจัดกิจกรรมประกวดถ่ายภาพเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปที่รักการถ่ายภาพ มีโอกาสเรียนรู้และถ่ายทอดเรื่องราว คุณค่าของทรัพยากรสัตว์ป่า บรรยากาศการท่องเที่ยว ความสวยงามของน้ำพุดนตรี และป่าไม้ รวมทั้งระบบนิเวศต่าง ๆ  ภายในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ผ่านภาพถ่ายที่สวยงาม เพื่อสื่อเรื่องราวให้สังคมรับรู้ ตระหนัก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สัตว์ป่า ป่าไม้ และระบบนิเวศต่อไป     

และในกิจกรรมประกวดถ่ายภาพเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ภายใต้แนวคิด 'ท่องเที่ยวครั้งใดคิดถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี' มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 77 ผลงาน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทภาพถ่ายชีวิตสัตว์ป่า จำนวน 49 ผลงาน และประเภทภาพถ่ายกิจกรรมการบริการ จำนวน 28 ผลงาน ได้ทำการคัดเลือก จำนวนประเภทละ 15 ผลงาน รวมเป็น 30 ผลงาน ที่ได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการในวันนี้  

สำหรับผลการประกวดภาพถ่ายเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 'ท่องเที่ยวครั้งใดคิดถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี' ผลงานประเภทที่ 1 ชีวิตสัตว์ป่า รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายชัยพฤกษ์ เคลื่อนเพชร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นางสาววันอธิษฐาน รักอินทร์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายชิษณุพงศ์ กาทิพย์ 

ผลงานประเภทที่ 2 ภาพถ่ายกิจกรรมการบริการ รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายสุทัศน์ ฟองมูล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายทวีศักดิ์ ใจคำสืบ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ นายสมชาย รักอินทร์ 

พร้อมทั้งได้มอบรางวัลพิเศษ Popular vote จำนวน 3 รางวัล รางวัลละ 2,000 บาท ได้แก่ นายนิสิต แสงสว่าง, นายณัฐภูมิ เสนานิคม และนายอริญชัย ภูผาอนุรักษ์

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประกวดถ่ายภาพนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกท่าน พร้อมทั้งนำประสบการณ์และความสวยงามในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปถ่ายทอดให้ชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวทั่วไปได้รับทราบอย่างแพร่หลายสืบต่อไป

'ฉลอง ภักดีวิจิตร' เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคชรา สิริอายุ 93 ปี ปิดตำนาน 'เจ้าพ่อหนังแอ็กชัน-ระเบิดภูเขาเผากระท่อม'

(13 ก.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก 'ดาราภาพยนตร์' ได้แจ้งเรื่องเศร้าคนบันเทิง ปิดตำนาน ระเบิดภูเขาเผากระท่อม 'อาหลอง-ฉลอง ภักดีวิจิตร' ศิลปินแห่งชาติ เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคชรา สิริอายุ 93 ปี

สำหรับ ฉลอง ภักดีวิจิตร หรือชื่อจริงว่า บุญฉลอง ภักดีวิจิตร เป็นผู้กำกับภาพยนตร์และผู้กำกับละครโทรทัศน์ชาวไทย มีฉายาที่วงการภาพยนตร์ขนานนามให้คือ เจ้าพ่อหนังแอ็คชั่น มีผลงานกำกับภาพยนตร์ไทยอย่าง เรื่อง ทอง และ ทอง 2 ทางด้านงานละคร ฉลองเป็นผู้บุกเบิก ละครแนวแอ็กชันของทางช่อง 7 สี คือ ระย้า นำแสดงโดยพีท ทองเจือ กับฉัตรมงคล บำเพ็ญ และยังมีผลงานกำกับละครอีกมากมาย อาทิ อังกอร์, ทอง 5, ล่าสุดขอบฟ้า, อังกอร์ 2, เหล็กไหล, ฝนเหนือ, ชุมแพ, ทอง 9, ผ่าโลกบันเทิง, เสาร์ 5 ฯลฯ

นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้กำกับภาพยนตร์) ประจำปี พ.ศ. 2556 และเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ฉลอง ภักดีวิจิตรได้ถูกบันทึกลงใน บันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ว่าเป็นผู้กำกับการแสดงที่มีอายุมากที่สุดในโลก (Oldest TV Director) (อายุวันที่จดสถิติ 1 กันยายน 2565 คือ 90 ปี 297 วัน)

'นักเขียนซีไรต์' อัด!! พวกดูถูกเหยียดหยามคนทำความดี เอาแต่ก่นด่าประเทศชาติที่เกิดและมีชีวิตอยู่มาจนวันนี้

(13 ก.ย. 67) วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'หนักแผ่นดิน' ระบุว่า...

“คนที่เผชิญกับอุทกภัยก็สาหัสแล้ว คนลุ้น-เอาใจช่วยก็เหนื่อย ซ้ำยังต้องเผชิญกับโอษฐภัยบรรลัยชาติของพวกสามกีบอีก แต่ละวันพวกมันเคยทำประโยชน์อะไรเพื่อใครบ้าง? นอกจากดูถูกเหยียดหยามคนทำความดี ก่นด่าประเทศชาติที่พวกมันเกิดและมีชีวิตอยู่มาจนวันนี้…

“ประเทศนี้สิ้นเปลืองทรัพยากร สิ้นเปลืองอาหารและสาธารณูปโภคแล้ว ยังถูกพวกมันคอยแต่บ่อนเซาะทำลายไม่รู้จบสิ้น พวกมันมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินเท่านั้น ไร้ค่าไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง…

“พวกหนักแผ่นดินของจริง!”

จี้รัฐ! ทำประชามติกาสิโนฯ - ภท.ชี้ ร่าง กม.มีปัญหา สส.ประชาชน ย้ำ! คนคลองเตยไม่เอา

วงประชุมโฟกัสกรุ๊ป 'กาสิโนถูกกฎหมาย...ทางรอดประเทศไทยจริงหรือ?' จัดโดย มสส.และ สสสย. เผย! '4 วิทยากร' ไม่คัดค้านแบบไร้เหตุผล พร้อมแนะรัฐบาลต้องทำรอบคอบ เปิดเวทีทำประชามติเข้มข้น แนะรัฐบาลปรับเงื่อนไขผ่อนปรน ปิดช่องทุนใหญ่ต่างชาติฮุบรายเดียว ชี้! ควรลดไซส์ ขยายในพื้นที่ที่มีความพร้อม เชื่อดึงเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้าน สส.ภูมิใจไทย เห็นปัญหากฎหมายนี้ ขณะที่ สส.ประชาชน ยืนยันคนคลองเตยไม่เอาด้วยแน่

เมื่อเวลา 10.30 น. (13 ก.ย.67) ณ ห้องบุษบงกช เอ ชั้น 2 โรงแรมยอรัล ริเวอร์ บางพลัด กรุงเทพฯ, มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับ เครือข่ายสื่อมวลชนขับเคลื่อนสุขภาวะเพื่อสังคมไทยยั่งยืน (สสสย.) จัดประชุม โฟกัส กรุ๊ป 'กาสิโนถูกกฎหมาย...ทางรอดประเทศไทยจริงหรือ?' โดยมีวิทยากรเข้าร่วมเวสวนา ประกอบด้วย นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.เขตวัฒนา-คลองเตย พรรคประชาชน ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารและรองประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และ นายศักดา แซ่เอียว (เซีย ไทยรัฐ) ประธาน สสสย. โดยมี นายจิระ ห้องสำเริง สื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายอภิวัชร์ เกตุทัต ประธาน มสส. กล่าวว่า ในการแถลงนโยบบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ (12) มี 2 นโยบายจาก 10 นโยบายเร่งด่วนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงไว้ โดยเฉพาะนโยบายข้อที่ 4 ว่าด้วยเศรษฐกิจนอกระบบที่จะต้องนำธุรกิจบนดินขึ้นมาไว้บนดิน ทำให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษี และนโยบายข้อที่ 7 ว่าด้วยการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยว เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ขึ้นมา ซึ่งทั้ง 2 ข้อเกี่ยวพันกับบ่อนคาสิโน ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าสิ่งนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้เข้าประเทศได้จริงหรือ? เนื่องจากอาจเกิดผลกระทบต่อเนื่องตามมาต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาระหนี้สิน, ความสัมพันธ์ในครอบครัว, ปัญหาการฆ่าตัวตาย รวมปัญหาคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐ และปัญหาการฟอกเงิน ดังนั้น การจะทำให้สิ่งนี้เป็นเรื่องถูกฎหมาย ผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ รับฟังทุกเสียงจากสังคมให้มากกว่านี้

“มีคำถามตามมาว่า ถ้ามีหรือไม่มีบ่อนคาสิโน เศรษฐกิจไทยจะอยู่รอดหรือไม่รอดอย่างนั้นหรือ? ประเด็นคือทำอย่างไรจึงสร้างความสมดุลระหว่างปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาทางสังคม รวมถึงรัฐบาลจะรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ได้อย่างไร? การจัดงานนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง มสส. กับ สสสย. ที่ต่างมีบทบาทในการส่งเสริมให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับสุขภาวะของสังคมไทย จึงคาดหวังจะเห็นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนักการเมืองที่จะมีบทบาทในการถ่วงดุล เพื่อลดปัญหาความไม่เหมาะสมต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล” ประธาน มสส. กล่าว

ด้าน นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การนำสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน และทำให้ถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอลเพล็กซ์ ก็มีเรื่องกาสิโนรวมอยู่ในนั้นด้วย ปัญหาคือใครจะเป็นผู้ให้สัมปทาน ผลประโยชน์ที่รัฐบาลจะได้มันคุ้มค่าหรือไม่? การจะมองเพียงรายได้เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จะต้องมองถึงผลเสียด้วย โดยเฉพาะผลกระทบทางสังคมที่จะมีตามมาหากรัฐบาลควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพทำในเรื่องนี้ 

“การมีคาสิโน คนไทยจะเป็นคนจ่ายค่าความเสียหายทางสังคม ขณะที่คนได้ประโยชน์คือคนทำธุรกิจฯ ส่วนตัวผมไม่อยากเห็นผลประโยชน์ไปตกอยู่กับกลุ่มนายทุน จึงอยากให้รัฐบาลเป็นคนทำในเรื่องนี้” นายกรวีร์ กล่าวและว่า เท่าที่ตนได้เห็นร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์) ยังรู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่การมีคาสิโน ขณะที่การกำหนดเงื่อนไขทั้งในส่วนของกลุ่มทุนที่สนใจจะเข้าลงทุนและการกำหนดคุณสมบัติของคนไทยที่จะเข้าไปเล่นพนันยังมีความไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ตนอยากให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายเก่าที่มีอยู่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจพนันรูปแบบใหม่ๆ ในปัจจุบันด้วย

ส่วน นายกัณฑิล น่วมเจิม สส.เขตวัฒนา-คลองเตย พรรคประชาชน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยการนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน เพื่อที่รัฐบาลจะมีรายได้เข้ามาเสริมกับการจัดเก็บรายได้ภาษีที่ปีนี้ยังจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าราว 2-3% ซึ่งการมีมาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินนั้น รัฐบาลจะต้องทำประชามติรับฟังเสียงจากประชาชน เนื่องจากสิ่งนี้จะมีผลกระทบตามมา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ไม่เว้นแม้กระทั่ง ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ แต่การจะเห็นผลได้ชัดนั้น จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเมืองไทยเพื่อการนี้เป็นการเฉพาะ

สำหรับนโยบายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์นั้น ตนเห็นว่ารัฐบาลยังขาดความชัดเจนว่าจะเน้นอะไรมากกว่ากัน พรรคประชาชนไม่ได้คัดค้านนโยบายนี้ แต่เห็นว่ารัฐบาลควรจะลดสเปคการลงทุน รวมถึงกระจายการลงทุนไปยังพื้นที่รอบนอก ไม่ใช่มากระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองหลวง ที่หากรวมกับนโยบายเช่าที่ดิน 99 ปีไปด้วยแล้ว ก็จะยิ่งสร้างปัญหาตามมา โดยเฉพาะราคาที่ดินที่จะแพงขึ้น เป็นการทำลายโอกาสการเป็นเจ้าของที่ดินของคนไทยได้ ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า คนคลองเตยไม่มีใครเห็นด้วยกันเรื่องนี้ หากจะสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ในพื้นที่ท่าเรือคลองเตย เชื่อว่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน

ขณะที่ ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการยุทธศาสตร์และรองประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วงประชุมในวันนี้ ตนน่าจะมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องบ่อนคาสิโนมากที่สุด เพราะในสมัยที่เป็นหัวหน้านักเรียนไทยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมืองลาสเวกัส ซึ่งเป็นที่ตั้งบ่อนคาสิโนจำนวนมาก ตนมีหน้าที่คอยดูแลและติดตามนักเรียนไทยจากบ่อนคาสิโนให้กลับมาเข้าเรียน โดยมีนักเรียนไทยหลายคนที่เข้าไปเล่นพนันทั้งที่ยังขอเงินจากพ่อแม่ผู้ปกครอง หลายคนได้ขอเกินวงเงินที่ใช้จ่ายจริง เนื่องจากต้องนำไปเล่นพนันในบ่อนคาสิโน หลายคนเรียนไม่จบ บางคนต้องเลิกเรียนและย้ายเมืองหนีไป นโยบายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จึงเป็นจึงเป็น “ดาบสองคม” ที่จะส่งผลเสียต่อสังคมไทย เนื่องจากผู้ลงทุนต้องหวังผลกำไรและส่งรายได้กลับประเทศตัวเอง ขณะที่ผู้เล่นซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนไทยจะเป็นคนจ่ายเงินให้กับธุรกิจนี้ จึงมีคำถามตามมาว่า ที่สุดรัฐบาลคาดหวังจะเติมเงินในกระเป๋าให้กับคนไทย หรือต้องการจะดูดเงินออกจากกระเป๋าคนไทยกันแน่

“มันไม่ต่างจากนโยบาย “อบายมุขเสรี” คำถามคือ คนไทยจะร่ำรวยได้จากนโยบายอย่างนี้จริงหรือ?” ดร.มล.กรกสิวัฒน์ ระบุและว่า หากรัฐบาลตั้งเชื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ตรงกับภารกิจ เชื่อว่าจะช่วยให้การตอบคำถามสังคมทำได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ จากที่ตนได้อ่านกฎหมายแม่ทั้ง 69 มาตรา เห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่กับกฎหมายลูกดูแล้วน่าจะกังวลใจมากกว่า เนื่องจากยังมีช่องโหว่หลายเรื่อง และการศึกษาที่รัฐบาลทำไว้ก็ยังทำได้ไม่ครบ แม้รัฐบาลจะอ้างว่ามีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลและวางเงื่อนไขในการเข้าไปเล่นพนัน แต่มันจะได้คุ้มเสียหรือไม่? เพราะแม้เมืองลาสเวกัสจะเลือกพื้นที่ทะเลทรายเป็นที่ตั้งบ่อนคาสิโน ดูแล้วเหมือนจะได้ประโยชน์ แต่ก็ยังมีข้อเสีย นั่นคือ เกิดปัญหาการก่ออาชญากรรม มีการปล้น วิ่งราว ทะเลาะวิวาท ตามมา

ขณะที่ นายศักดา แซ่เอียว (เซีย ไทยรัฐ) ประธาน สสสย. กล่าวว่า เรื่องบ่อนคาสิโนคงไม่มีใครมองเห็นภาพอนาคตได้ดีเท่ากับนักการเมืองบางคนย่านเตาปูน ดังนั้น เมื่อรัฐบาลจำเป็นต้องสร้างโครงการขึ้นมาเพื่อหารายได้มาใช้จ่ายในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ก็ควรจะทำให้มันจบในสภาผู้แทนราษฎร  ดึงเอาความร่วมมือของ สส.มาร่วมพิจารณาว่าจะเอาหรือไม่? ส่วนตัวมองว่าเมืองไทยจำเป็นจะต้องมีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ นอกเหนือจากพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วที่มีอยู่ โดยการต่อยอดในสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งคงไม่ต่างจากนโยบายซอฟท์ พาวเวอร์ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของคาสิโนอาจต้องศึกษาในสิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์และญี่ปุ่นได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ โดยหากรัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าต่อ ส่วนตัวเชื่อว่าก็น่าจะทำได้ ไม่ต่างจากการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่ต้องเวลานานถึง 40 ปี

ในช่วงที่ 2, วิทยากรได้สรุปมุมมองเอาไว้อย่างน่าสนใจ เริ่มจาก นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ที่ระบุว่า เท่าที่ตนฟังเพื่อนวิทยากรไม่มีใครคัดค้านเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ แต่หากจะมีควรกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่มีความพร้อมและต้องการจริง ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือ จ.ชลบุรี และควรลดไซส์การลงทุนให้เล็กลง ที่สำคัญ รัฐบาลควรเป็นเจ้ามือเอง โดยศึกษาบทเรียนที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากกินแบ่งฯ ซึ่งคนไทยเชื่อมั่นในความเป็นเจ้ามือของหน่วยงานรัฐแห่งนี้ ขณะที่ นายกัณฑิล น่วมเจิม ระบุว่า การเดินหน้าจัดทำโครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ จะต้องไม่มีการ 'ตีเช็คเปล่า' ให้กับฝ่ายบริหาร เพราะอาจกลายเป็นเปิดโอกาสให้มีการทุจริตในโครงการหรือมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้ โดยหากเมืองไทยจะมีคาสิโน ต้องเป็นแบบที่สิงคโปร์มี ไม่ใช่แบบพม่าหรือกัมพูชา ส่วน ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กล่าวเสริมว่า หากจำเป็นจะต้องมีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลควรเปิดให้มีการประมูลของกลุ่มทุนเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงควรลดขนาดลงทุนให้เหมาะสม ที่สำคัญจะต้องไม่มีการใช้ 'ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ' ส่วน นายศักดา แซ่เอียว ย้ำว่า ตนเห็นด้วยกับการสร้างรายได้จากเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ แต่รัฐบาลต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย 

ในส่วนของการแสดงความเห็นของสื่อมวลชนที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะมุมมองของ นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่ออาวุโสและผู้ดำเนินการข่าวเข้มประเด็นข้น เอฟเอ็ม 96.5 อสมท. กล่าวว่า ผู้ฟังรายการของตน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลายคนได้สะท้อนความเห็นในเรื่องนี้มากมาย ส่วนตัวมี 2 ประเด็นที่จะนำเสนอ คือ 1.การมีส่วนร่วมของสังคมไทยต่อนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และ 2.ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งนี้ จากที่ตนได้ศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยเฉพาะที่กัมพูชา พบว่ามีอาชีพใหม่เกิดขึ้นจากคาสิโน นั่นคือ การปล่อยเงินกู้ให้กับนักพนัน โดยหากมีกำไรจะต้องนำมาแบ่งกัน แต่หากเสียพนัน ผู้กู้จะต้องรับภาระการชำระคืนในภายหลัง ซึ่งรัฐบาลควรศึกษาทั้ง 2 ประเด็นนี้ให้ดี

'ท่านอ้น' ถึงเชียงราย ร่วมช่วยภัยน้ำท่วม 'ขนน้ำ-ทำกับข้าว' แจกจ่ายช่วยผู้ประสบภัย

(13 ก.ย. 67) ท่านชายวัชเรศร วิวัชรวงศ์ หรือ 'ท่านอ้น' โอรสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โพสต์ภาพการเดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย ผ่านเฟซบุ๊ก 'Vacharaesorn Vivacharawongse' เพื่อช่วยเหลือผู้ ประสบภัย ระบุว่า...

“มาถึงเชียงราย เตรียมน้ำและอาหารมาให้พี่น้องที่ประสบภัย ให้กำลังใจผู้ที่ทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย”

‘พีระพันธุ์’ ปลื้ม!! ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ วันแรก บรรยากาศสุดคึกคัก ประชาชนแห่ซื้อสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด บรรเทาภาระค่าครองชีพ

เมื่อวานนี้ (12 ก.ย. 67) ที่ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมเปิดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ ณ ลานกิจกรรม Avenue A ชั้น G ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมจับจ่ายสินค้าราคาถูกภายในงานอย่างคับคั่ง

นายพีระพันธุ์ เปิดเผยถึงแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ว่า ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ เป็นกิจกรรมที่แตกย่อยมาจากแนวคิดใหญ่เรื่อง ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบาย ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ และเป็นการนำหลักการแบ่งปันมาประยุกต์ใช้เพื่อลดภาระของพี่น้องประชาชนผู้ที่ไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอ

โดยคนที่มีมากสามารถแบ่งปันให้คนที่มีน้อยหรือคนที่ขาดแคลน เพื่อสร้างสังคมแห่งการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พรรครวมไทยสร้างชาติจึงได้ประสานงานเชิญผู้ค้าและภาคเอกชนที่มีความพร้อมและมีน้ำใจจะช่วยเหลือแบ่งปันให้สังคม มาร่วมจัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าราคาถูกในครั้งนี้ เพื่อช่วยลดภาระด้านค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันจากสภาพเศรษฐกิจและปัจจัยด้านอื่น ๆ และหวังว่าการจัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ จะสามารถช่วยลดภาระของพี่น้องประชาชน และต่อยอดแนวคิด ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ ได้อีกระดับหนึ่ง

“พรรครวมไทยสร้างชาติพยายามที่จะลดภาระของพี่น้องประชาชน ตามนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง ที่ได้ประกาศไว้ และเราได้เล็งเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนจากภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น จึงได้ประสานงานและขอความร่วมมือจากผู้ค้าและภาคเอกชนที่พร้อมจะเอื้อเฟื้อและช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนรวมถึงพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ในราคาถูก โดยหวังว่าการจัดงานรวมไทยสร้างชาติแฟร์ในครั้งนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระและมอบความสุขให้แก่พี่น้องประชาชนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน พรรครวมไทยสร้างชาติต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุก ๆ ฝ่ายที่ช่วยให้งานนี้เกิดขึ้นได้สำเร็จ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุก ๆ ท่านครับ” นายพีระพันธุ์กล่าว  

ทั้งนี้ ภายในงานจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายมาจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ยกตัวอย่าง ข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม จำหน่ายเพียง 100 บาท ไข่ไก่คละขนาด 40 ฟอง ราคา 100 บาท น้ำตาลทรายแพคละ 2 กิโลกรัม ราคาเพียง 20 บาท เนื้อไก่สดกิโลกรัมละ 50 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 100 บาท และอาหารพร้อมรับประทาน 20 บาททุกเมนู 

นอกจากนี้ ยังมี อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป น้ำมันพืช ผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง รวมถึงของใช้ภายในบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ มาจำหน่ายในงานด้วย

นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังสามารถลงทะเบียนรับคูปองส่วนลดพิเศษ 200 บาท สำหรับซื้อสินค้าทุกประเภทภายในงาน วันละ 2 รอบ ในเวลา 10.30 น. และ 16.00 น. วันละ 2,500 สิทธิ และภายในงานยังมีศิลปินนักร้องชื่อดังมาสร้างความคึกคัก พร้อมเวิร์กช็อปสอนการทำอาหารเพื่อต่อยอดด้านอาชีพตลอดทั้ง 4 วัน ของการจัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ ณ ลานกิจกรรม Avenue A ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ฝั่งถนนพระราม 1 ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-19.00 น.

'นายกฯ' เตรียมพร้อมงบกลางช่วยเหลือผู้ประสบภัย ลั่น!! ให้เยียวยาได้ทันที ไม่ต้องรอหลังน้ำลด

(13 ก.ย. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงราย 

ก่อนออกเดินทาง พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ (ผบ.ทอ.) นำนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อาทิ เรือท้องแบน เรือยาง ที่นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมด้วยกำลังพลที่ลงไปปฏิบัติงานเพิ่มเติม ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณกองทัพและทุกหน่วยงานที่ร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้  

พร้อมกันนี้ยังกล่าวยืนยันว่า ได้มีการจัดเตรียมงบกลาง ซึ่งสามารถนำมาช่วยประชาชนได้ทันที รวมทั้งการเยียวยา ขอให้ทำทันทีไม่ต้องรอสถานการณ์คลี่คลาย เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อน 

สำหรับสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่สูงหรือพื้นที่บนดอย ที่ถูกตัดขาด ก็ขอให้กองทัพส่งกำลังเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน และหากพื้นที่ใด ปริมาณน้ำเริ่มลดลงแล้ว ก็ขอให้ช่วยกันเร่งทำความสะอาด เพื่อคืนภาวะปกติให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว  

ขณะที่อยู่บนเครื่องบินนั้น นายกรัฐมนตรียังเชิญนายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ข้อมูลแผนการช่วยเหลือและภาพรวมสถานการณ์น้ำล่าสุดด้วย

จับ 'ลัทธิประหลาด' บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ สร้างเรื่องหลอกลวงให้คนนับถือ แถมมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง

(13 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อม นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) / นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า / นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) / นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ / นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ / พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี / พ.ต.ชาญณรงค์ อินลา ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 9 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนธิกำลังตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอศรีสวัสดิ์ ตร.บก.ปทส. และกองพลทหารราบที่ 9 ลงพื้นที่ ปฏิบัติการตรวจยึดพื้นที่และดำเนินการจับกุมกลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ท้องที่ บ้านองหลุ หมู่ 3 ตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี

นายวีระ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากพบกลุ่มคนไม่มีสัญชาติบุกรุกบริเวณตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ โดยตั้งเต็นท์กระโจมใต้ต้นไม้เพื่อเป็นที่พักอาศัย ทราบว่ามีอาวุธปืนไว้คอยปกป้องคุ้มครองตนเอง พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และมีการประสานให้สมาชิกเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์มากขึ้นเป็นระยะ

โดยปฏิบัติการครั้งนี้ พบกลุ่มคนกะเหรี่ยงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จำนวน 30 คน ประกอบด้วย ผู้ชาย 11 คน ผู้หญิง 10 คน และเด็ก 9 คน พร้อมของกลาง อาทิ ปืน 5 กระบอก เสื้อเกราะ อาวุธมีด ดาบ เลื่อยยนต์ อุปกรณ์เครื่องมือก่อสร้าง วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นกลุ่มลัทธิประหลาดที่หลอกลวงให้คนนับถือ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมของเจ้าลัทธิประหลาด อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ไม่เห็นด้วย สร้างปัญหา ความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นภัยต่อความมั่นคง

ทั้งนี้จะส่งผู้ต้องหาที่กระทำผิด ไปยังสถานีตำรวจภูธรศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในข้อกล่าวหา 

1. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐานยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ตามมาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41 ฐานเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน ตามมาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 42 ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ตามมาตรา 19 (6) ประกอบมาตรา 44 ฐานนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป ตามมาตรา 19 (7) ประกอบมาตรา 45 ฐานเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 20 ประกอบมาตรา 47

2. พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ฐานความผิดเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 11 ประกอบมาตรา 62 และ3.พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า ตามมาตรา 54,55 ประกอบมาตรา 72 ตรี

กรณีดังกล่าวนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มอบหมายให้นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อเป็นการรักษาผืนป่าให้คงอยู่ตลอดไป และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันดำเนินการจนประสบผลสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่ามียูทูบเบอร์ชาวกะเหรี่ยง รายหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ในยูทูบ ว่า หัวหน้าที่ถูกจับกุมมีหน้าที่คล้ายผู้ที่หลอกชาวกะเหรี่ยงทำบัตร โดยอ้างว่าสามารถเดินทางได้ 196 ประเทศ ชาวกะเหรี่ยงที่หลงเชื่อเสียเงินไปคนละ 5,000 บาท หลายราย

สาวร้องขอความเป็นธรรม สอบพนักงานราชการได้อันดับ 1 แต่จู่ๆ ชื่อหายไป ฟังหน่วยงานเกี่ยวข้องตอบสาเหตุถึงกับอึ้ง-โบ้ยคนจัดสอบขาดประสบการณ์

เมื่อวานนี้ (12 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ขอความเป็นธรรม หลังสอบพนักงานราชการได้อันดับ 1 แต่จู่ ๆ ชื่อของตนกลับหายไป และแทนที่ด้วยชื่อของผู้อื่นแทน โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า… 

“ขอความเป็นธรรม ชื่อฉันหายไปไหน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ความหวังของพ่อแม่หายไปหมดแล้ว

วันที่ 7 กันยายน เดินทางเป็นร้อย ๆ กิโลฯ จากอยุธยาที่ทำงานอยู่ แบกความหวังจะกลับไปดูแลพ่อแม่ที่บ้านสระแก้ว ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ นอนดึกทุกคืน เพื่ออนาคตของตัวเอง จนถึงวันประกาศผล น้ำตาแห่งความดีใจ ความภูมิใจ แบกความหวังที่หนัก วิ่งกอดพ่อกับแม่แบบดีใจสุดขีด

ฉันสอบติดพนักงานราชการทั่วไปอันดับที่ 1 เอกวิทยาศาสตร์ สพม.สระแก้ว ความตั้งใจของฉัน ฉันทำได้ ได้กลับมาดูแลคนแก่ที่บ้าน ลาออกจากที่ทำงาน เก็บของใช้ คืนหอพัก เตรียมตัวกลับบ้านสัปดาห์นี้แล้ว

อยู่ดี ๆ รายชื่ออันดับ 1 ของฉันหายไป เกิดอะไรขึ้น โทร.ไปถามทางต้นสังกัดได้รับแค่คำขอโทษ ไม่ได้รับคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วฉันต้องทำยังไงต่อไป ความรู้สึกของพ่อแม่ฉันใครจะเยียวยา เคว้งไปหมดเลยตอนนี้ เสียใจสุด ๆ ขอความเป็นธรรมให้ด้วยค่ะ

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว”

ล่าสุดวันนี้ (13 ก.ย. 67) นายประยงค์ สารภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว (สพม.สระแก้ว) ออกหนังสือชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า “แถลงการณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว เรื่อง ประกาศแก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว…

“ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วได้ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน โดยได้มีการดำเนินงานตามกระบวนการสรรหาฯ ภายหลังจากได้มีการประกาศบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาฯ ได้มีข้อทักท้วงเรื่องข้อสอบและคำตอบที่ถูกต้องในแต่ละข้อ ว่าหากไม่มีข้อที่ถูกต้องจะยกให้เป็นคะแนนสำหรับทุกคนหรือไม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าว จึงได้ดำเนินการทบทวนข้อสอบและคำตอบ และดำเนินการตรวจคะแนนประมวลผลใหม่ทั้งหมดทุกคน เพื่อประโยชน์ของผู้เข้าสอบทุกคน ว่ามีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหรือไม่

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผลคะแนนการประเมินภาค ก และภาค ข ของผู้เข้ารับการสรรหาฯ คลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อมูลเดิม โดยสาเหตุเกิดจากการเฉลยคำตอบไม่มีคำตอบที่ถูกต้องและเฉลยสลับข้อ ส่งผลให้คะแนนรวมภาค ก ภาค ข และภาค ค ของผู้เข้ารับการสรรหาฯ เกิดความคลาดเคลื่อน และทำให้ลำดับที่ของผู้ผ่านการสรรหาฯ มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีทั้งผู้ที่ได้ลำดับที่คงเดิม สูงขึ้น และลดลง และการดำเนินการจัดทำประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาฯ ผิดพลาดไป จึงได้ประกาศแก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสระแก้ว จากเหตุดังกล่าว ถือเป็นความผิดพลาดบกพร่องของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสระแก้ว ซึ่งเกิดผลกระทบต่อหลายฝ่าย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วยอมรับในความผิดพลาดดังกล่าวนี้ และยินดีร่วมมือในการแก้ไขข้อบกพร่อง…

“อีกทั้งบุคลากรที่ดำเนินการสอบยังขาดประสบการณ์ด้านการดำเนินการสอบ เนื่องจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วเป็นเขตพื้นที่การศึกษาตั้งใหม่ ขาดแคลนบุคลากรในการปฏิบัติงานและบุคลากรส่วนใหญ่เป็นผู้บรรจุใหม่ จึงขาดประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าว อีกประการหนึ่งด้วย ในการนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้เข้ารับการสรรหาที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความรอบคอบรัดกุมและเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจสอบ เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก”

'กองทัพอากาศเสริมทัพ' ส่งกำลังพลจากที่ตั้งดอนเมือง เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ฝูงบิน 416 เชียงราย ช่วยเหลือ 'ผู้ประสบอุทกภัย' อย่างเร่งด่วน

จากสถานการณ์อิทธิพลของพายุ 'ยางิ' ทำให้ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย ส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นและเอ่อเข้าท่วมชุมชน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก

เมื่อวันที่ (12 ก.ย. 67) พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ มีความห่วงใยในสถานการณ์ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จึงสั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ส่งกำลังพลชุดปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ส่วนหน้า) จากที่ตั้งดอนเมือง เข้าเสริมทัพเพิ่มเติมให้กับฝูงบิน 416 เชียงราย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชน

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ กองบิน 2 จัดเฮลิคอปเตอร์ EC-725 เพิ่มเติม จำนวน 1 เครื่อง เพื่อปฏิบัติภารกิจลำเลียงทางอากาศและสำรวจพื้นที่อุทกภัย รวมทั้งให้ กองบิน 4 สนับสนุนอากาศยาน DA-42 จำนวน 1 เครื่อง ปฏิบัติภารกิจบินลาดตระเวนถ่ายภาพทางอากาศ และให้กรมขนส่งทหารอากาศ สนับสนุนรถบรรทุกยกสูง จำนวน 5 คัน เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างเร่งด่วน

โดยวันนี้ กองบิน 6 ได้สนับสนุนเครื่องบิน C-130 จำนวน 2 เครื่อง ลำเลียงกำลังพล รถปฏิบัติการ Video Down Link เเละเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ ตลอดจนถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นที่กองทัพอากาศได้รับจากการบริจาคจากพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้เน้นย้ำกำลังพลทุกคนให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก และให้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อลดความเหนื่อยล้าของกำลังพลจากการปฎิบัติหน้าที่

กองทัพอากาศยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้ อย่างเต็มกำลังความสามารถ และมุ่งเน้นใช้ยุทโธปกรณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top