Wednesday, 11 June 2025
NEWS FEED

ผอ.ศปป.3 กอ.รมน. เป็นประธานพิธีปิดการอบรมเสริมแกร่งเครือข่ายต้านอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ขอนแก่น

ขอนแก่น- เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.68) ที่โรงแรมแก่นนคร โฮเต็ล อำเภอเมืองขอนแก่น พลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.3 กอ.รมน.) ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดการอบรมพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังและแจ้งเตือนอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13–15 พฤษภาคมที่ผ่านมา

การอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวน 90 คน ประกอบด้วยสมาชิกอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อผศ.) ผู้นำชุมชน และประชาชนจากพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น โดยมีเป้าหมายหลักในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการตระหนักถึงภัยคุกคามจากอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายภาคประชาชนที่สามารถร่วมมือกับภาครัฐในการเฝ้าระวัง วิเคราะห์ และแจ้งเตือนภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พลโท ชนินทร์ กล่าวแสดงความชื่นชมต่อผู้เข้าร่วมทุกคนที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำว่า “เครือข่ายภาคประชาชนถือเป็นด่านหน้าในการรับรู้สถานการณ์และแจ้งเตือนภัยในชุมชน หากประชาชนเข้มแข็ง เจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

จากการอบรม พบว่าผู้เข้าร่วมมีความรู้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สามารถประยุกต์ใช้ทักษะและองค์ความรู้ในการป้องกันและรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ของตนอย่างเหมาะสม ถือเป็นก้าวสำคัญของการสร้าง 'ชุมชนปลอดภัย' ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการโรงพยาบาลตำรวจ ตรวจร่างกาย 'ด.ต.นิสาธิตฯ' อย่างละเอียด หลังพบมีอาการผิดปกติ ตามองไม่ชัด ยืนยันดูแลตำรวจทุกนายเต็มที่

เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.68) พล.ต.ต.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า พยาบาล (สบ 6) โรงพยาบาลตำรวจ/โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยายาลตำรวจ ตรวจเช็คร่างกายของ 'ด.ต.นิสาธิต คงเทพ' ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 อย่างละเอียด ณ โรงพยาบาลตำรวจ ภายหลังถูกทำร้ายร่างกายขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณหน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยมีอาการตามองไม่ชัด ปวดบริเวณโหนกแก้มข้างขวา

จากการตรวจโดยทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ พบว่าผู้ป่วยมีอาการฟกช้ำบริเวณหน้าผากขวา รอบดวงตาขวา สะบักหลังขวา ใบหน้าฝั่งขวาดูบวมและไม่สมมาตรกับฝั่งซ้าย กระดูกใต้ตาขวามีลักษณะยุบลง ส่งผลให้การมองเห็นลดลงตั้งแต่วันเกิดเหตุ แพทย์ได้ทำการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทั้งสมองและกระดูกใบหน้า ผลไม่พบเลือดออกในสมองหรือกระดูกหัก

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจโดยจักษุแพทย์ พบว่ามีเลือดออกในนัยน์ตาดำ จึงให้ยา และแนะนำให้งดกิจกรรมที่อาจทำให้ดวงตาสั่นสะเทือน เช่น การออกแรงหรือกระแทก เนื่องจากเสี่ยงต่อการเลือดออกมากขึ้นหรือจอประสาทตาหลุดลอก นอกจากนี้ แพทย์ยังประเมินว่าผู้ป่วยอาจเผชิญภาวะเครียดหลังประสบเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) จึงขอให้เฝ้าระวังอาการ เช่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล หรือความเครียด หากมีอาการดังกล่าว สามารถขอรับคำปรึกษาผ่านเพจ “Because Depress We Care” หรือสายด่วน 081-932-0000 ตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่บ้าน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอยืนยันว่า จะดูแลข้าราชการตำรวจทุกนายอย่างดีที่สุด ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสิทธิที่พึงมี เพื่อให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบการดูแลอย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน”

ไทยเฉือนจีน 3-2 ทะลุชิงฟุตซอลเอเชีย คว้าตั๋วลุยฟุตซอลโลกครั้งแรก ที่ฟิลิปปินส์

(15 พ.ค. 68) ทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย โชว์ฟอร์มสุดแกร่ง เฉือนชนะเจ้าภาพจีน 3-2 ในศึก AFC Women’s Futsal Asian Cup 2025 รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา คว้าตั๋วลุยฟุตซอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 ที่ฟิลิปปินส์ พร้อมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เกมนี้ไทยต้องเล่นเพียง 4 คนช่วงต้นครึ่งหลัง หลังผู้รักษาประตูโดนใบแดง แต่ยังฮึดสู้ตามตีเสมอ 2-2 ก่อนพลิกแซงนำ 3-2 จากจังหวะยิงของอารียา แซ่เติ๋น บอลแฉลบแนวรับจีนเข้าประตูตัวเอง จบเกมไทยคว้าชัยแบบสุดมัน

โปรแกรมนัดชิงชนะเลิศ ไทยจะพบผู้ชนะระหว่าง ญี่ปุ่น หรือ อิหร่าน ในวันที่ 17 พฤษภาคม เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทาง YouTube : AFC Asian Cup 

‘แพรรี่’ โพสต์เหน็บฟาด ‘เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง’ โดนหมายจับ ซัดเก็บค่าที่แพง! นึกว่าบำรุงวัด..ที่แท้เอาไปบำรุงเว็บพนัน

(15 พ.ค. 68) หลังศาลออกหมายจับพระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ฐานยักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาทไปเล่นพนันออนไลน์ ล่าสุด แพรรี่ ไพรวัลย์ อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง โพสต์เดือดผ่านเฟซบุ๊ก “ที่เก็บค่าที่แพง ๆ นี่ นึกว่าเอาไปบำรุงวัด ที่แท้เอาไปบำรุงเว็บหรอคะ” พร้อมเหน็บ “ค่าที่แพงเพราะแทงไม่ถูก”

ชาวเน็ตโยงว่าโพสต์ดังกล่าวน่าจะพาดพิงกรณีดราม่าค่าประมูลพื้นที่ขายของในงานวัดไร่ขิงเมื่อปี 2565 ที่แม่ค้ารายหนึ่งเคยประมูลล็อคขายกาละแมในราคาสูงถึง 1.6 ล้านบาท จนเป็นที่ถกเถียงในโลกออนไลน์ว่าแพงเกินจริง

ซึ่งแม่ค้าชี้แจงในเวลานั้นว่าไม่มีใครบังคับ เป็นราคาที่ตนยอมจ่ายเพราะต้องการทำเลทอง และถือว่าได้ทำบุญ แต่เมื่อมีกระแสข่าวเจ้าอาวาสยักยอกเงิน ชาวเน็ตเริ่มตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการเงินวัดอีกครั้ง

เตือนคนไทยพกยาดมเที่ยวญี่ปุ่น ระวังถูกจับ เหตุ ตร.ระแวงสอดไส้กัญชาต้องเสียเวลาพิสูจน์ทั้งวัน

เมื่อวันที่ (14 พ.ค. 68) เฟซบุ๊กเพจ 'ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น' ที่มีผู้ติดตามกว่า 8.8 แสนคน ได้โพสต์เตือนคนไทยที่จะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแล้วพกยาดมยี่ห้อดังให้ระวังโดนคุมตัวไปโรงพัก โดยเพจระบุข้อความว่า "#เที่ยวญี่ปุ่นต้องรู้ ขณะนี้ตำรวจญี่ปุ่น มีการไล่ตรวจคนต่างชาติมากขึ้น คนไทยหลายคนโดนตรวจแล้วเจอ ยาดม ไม่ว่าจะยี่ห้ออะไร ตำรวจจะสงสัยว่าอาจมีการผสมกัญชา อาจโดนควบคุมตัว เสียเวลาไปตรวจพิสูจน์ กว่าจะได้ปล่อยตัว อาจเสียเวลาไปทั้งวัน ขณะนี้เกิดขึ้นหลายเคสแล้วในโตเกียว"

หลังจากที่ทางเพจ 'ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น' ได้โพสต์เตือนก็มีชาวโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ ก็เมืองไทยกัญชาเสรี แต่ที่เมืองนอกเค้าแอนตี้ทั้งนั้น เอาจริงๆผมอายต่างประเทศนะที่ไทยเอายาเสพติดมาทำให้ถูกกฎหมายสวนทางกับประเทศสากล สลดใจไทยแลนด์, ทางนี้หากนักเรียนพกยังสงสัยเลยนะ เพราะเคยจับนักเรียนได้ว่าเอากัญชายัดในยาดมแบบนี้มาค่ะ, น้องหมาเต็มสนามบิน เอามาดม ๆ แปป ๆ รู้เรื่อง

รัฐบาลมั่นใจ ‘ทีมไทยแลนด์’ พร้อมรับมือภาษีทรัมป์ หลังได้รับคำชมจากคลังสหรัฐฯ ก่อนเจรจารอบใหม่

(15 พ.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผย รัฐบาลได้รับสัญญาณบวกจากสหรัฐฯ ก่อนเปิดเจรจาภาษีทรัมป์ โดยรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมข้อเสนอของไทยว่า “น่าประทับใจ” และระบุว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดี สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมของ “ทีมไทยแลนด์” ที่ทำงานตามยุทธศาสตร์ของนายกรัฐมนตรี

การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหรัฐฯ ที่ไทยเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ต้นปี โดยมีการตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์และติดตามท่าทีของประเทศต่าง ๆ ที่เจรจากับสหรัฐฯ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้วางกรอบเจรจาไว้ 5 แนวทาง ได้แก่ การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร, ทบทวนภาษีนำเข้าสินค้า, ปรับปรุงกฎระเบียบภายในประเทศ, มาตรการคัดกรองสินค้านำเข้า และส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ

โดยรัฐบาลเน้นการใช้จังหวะเวลาและข้อมูลอย่างรอบคอบ เพื่อให้การเจรจาเกิดผลดีสูงสุดต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ทั้งในด้านการส่งออก การลงทุน และการเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานโลก

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี และทีมที่ปรึกษา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ได้หารือเพื่อจัดทำข้อเสนอที่เหมาะสมที่สุดสำหรับไทย คาดว่าการดำเนินการครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศอย่างยั่งยืน

นครพนม​ -​ตชด.237 ท่าอุเทน รวบยกแก๊ง ยึดยาบ้า 200,000 เม็ด เตรียมส่งเข้าประเทศ

ตามนโยบายการป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe  ของรัฐบาล และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.,พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด., พลโทบุญสิน  พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2,  พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 ,พล.ต.ต.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้เปิดยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขง ซึ่งมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 – 24 เป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อปราบปราม สกัดกั้นยาเสพติดที่จะเข้ามาทางชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง  

เมื่อวันที่ (14 พ.ค. 68) เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่า ในห้วงเวลาตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นไป จะมีกลุ่มขบวนการลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดจะลักลอบนำยาเสพติดจำนวนมากมาส่งมอบกันที่บริเวณจุดกลับรถใต้สะพานลำห้วยด่านชุม บ้านพนอมเหนือ หมู่ 5 ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวจึงได้นำเรียนผู้บังคับบัญชาทราบ และประชุมวางแผนและจัดวางกำลังเพื่อจับกุม

ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. มีบุคคลต้องสงสัยจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่บริเวณใต้สะพานลำห้วยด่านชุม และได้นำวัตถุขนาดใหญ่บางอย่างลงมาวางไว้ที่บริเวณตอหม้อสะพานฯ เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าซุ่มสังเกตการณ์ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยทั้ง 2 คนไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายจิรสิน (สงวนชื่อ-สกุล) และ นายวิศณุรักษ์ (สงวนชื่อ-สกุล) ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบกระสอบปุ๋ยสีฟ้า จำนวน 1 กระสอบ วางอยู่ที่ตอหม้อสะพานฯ เมื่อเปิดตรวจสอบพบว่าเป็นยาบ้าจำนวนหนึ่ง ผู้ต้องหาสารภาพว่า ตนเองได้รับว่าจ้างมาจากคนลาวชื่อก้องให้ไปรับเอายาบ้าจากพื้นที่บ้านนากะเสริม ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และให้นำมาวางไว้ที่บริเวณใต้สะพานลำห้วยด่านชุม จากนั้นจะมีคนมารับเอายาเสพติดดังกล่าวไป เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายจิรสินฯและนายวิศณุรักษ์ฯ มานั่งรอที่บริเวณศาลาพักคอยผู้โดยสาร  ในระหว่างที่กำลังพูดคุยสอบถามอยู่นั้น เวลาประมาณ 20.10 น. นายราตรี (สงวนชื่อ-สกุล) ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA รุ่น WAVE บีบแตรเสียงดังมาจอดที่ศาลาพักคอยผู้โดยสาร ด้วยอาการมึนเมาสุรา เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเอาไว้ 

ซึ่งนายราตรีฯ ให้การยอมรับว่าตนเองได้รับจ้างวานให้มาดูต้นทาง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวบุคคลทั้ง 3 เอาไว้ ต่อมาเวลาประมาณ 20.30 น. ได้มีโทรศัพท์ โทรมาหานายจิรสินฯ และสอบถามจุดที่วางยาบ้าของกลาง เจ้าหน้าหน้าที่จึงกระจายกำลัง เพื่อรอจับกุมผู้ที่จะมารับเอายาบ้าของกลางดังกล่าว ต่อมาเวลาประมาณ 21.00 น.ได้มีรถยนต์ (รถเก๋ง) ยี่ห้อ NISSAN รุ่น AMIRA สีบรอนซ์ กษ 8832 นครสวรรค์ ขับมาจอดที่บริเวณจุดวางกระสอบยาบ้าของกลาง จากนั้น นายอิทธิวัฒน์ (ทราบชื่อภายหลัง) ได้เปิดประตูลงมาจากรถและยกเอากระสอบยาบ้าของกลาง ขึ้นไปไว้ในรถบริเวณประตูด้านหลังคนขับ เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มดูอยู่จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจับกุม แต่นายอิทธิวัฒน์ฯ รีบวิ่งขึ้นรถและขับขี่ออกไปจากจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว 

เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร จนกระทั่งรถของนายอิทธิวัฒน์ เสียหลักพุ่งลงข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปควบคุมตัว สอบถามนายอิทธิวัฒน์ฯ ให้การยอมรับสารภาพว่าตนเองได้รับว่าจ้างจากนายเป้ ราษฎร์ สปป.ลาว ให้มารับเอายาบ้าของกลางดังกล่าว และจะนำไปกระจายต่อ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธ์, มหาสารคาม และ ขอนแก่น เจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมตัวไว้ทั้ง 4 คนและตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่า“ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้เปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ทางกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 จึงได้เปิดปฏิบัติการพิทักษ์ริมน้ำโขง ป้องกันปราบปรามยาเสพติดจากแนวชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งดำเดินการใน 3 ด้าน คือ ด้านการข่าว การลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในจุดเสี่ยงต่างๆ ในครั้งนี้ต้องชื่นชมทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ที่มีการสืบสวนหาข่าว ติดตามผู้ค้ายาเสพติดและมีผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ได้ร่วมบูรณาการจาก ตชด.,กกล.สุรศักดิ์มนตรี , นบ.ยส.24 ,ฝ่ายปกครอง ,ภ.จว.นครพนม เพื่อสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้มีการนำเข้ายาเสพติด สู่พื้นที่ตอนในประเทศต่อไป

กฎใหม่คุ้มครองสิทธิ กรณีเที่ยวบินระหว่างประเทศ 'ดีเลย์'

มาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารเที่ยวบินแบบประจำในประเทศและระหว่างประเทศ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

กรณีเที่ยวบินระหว่างประเทศดีเลย์เกิน 2 ชั่วโมง 
-สายการบินต้องจัดอาหารและเครื่องดื่มหรือคูปองสำหรับแลกซื้อ อาหารและเครื่องดื่มให้แก่ผู้โดยสารตามความเหมาะสม

กรณีเที่ยวบินระหว่างประเทศดีเลย์เกิน 5 ชม.
สายการบินจะต้องจัดอาหารและเครื่องดื่ม และอุปกรณ์สื่อสารเช่นเดียวกับกรณีล่าช้าเกิน 2 ชั่วโมง 
- ชำระค่าชดเชยเป็นเงินสดให้แก่ผู้โดยสารจำนวน 1,500 บาท หรือเป็นวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป หรือบัตรกำนัลการเดินทาง หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์ หรือสิ่งอื่นแทนค่าชดเชยดังกล่าว โดยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าการชำระค่าชดเชยเป็นเงินสด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน นับแต่วันที่เกิดเหตุเที่ยวบินล่าช้า 
-จัดที่พักพร้อมการรับส่ง หากต้องมีการพักค้างคืน 
-เมื่อผู้โดยสารไม่ประสงค์เดินทางต่อ สายการบินจะต้องเสนอทางเลือกแก่ผู้โดยสารในทันที เพื่อพิจารณาเลือกระหว่างรับเงินค่าโดยสารคืน หรือรับวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป หรือบัตรกำนัลการเดินทาง หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์ หรือสิ่งอื่นทดแทน 

กรณีเที่ยวบินระหว่างประเทศดีเลย์เกิน 10 ชั่วโมง 
สายการบินต้องจัดอาหารและเครื่องดื่ม และอุปกรณ์สื่อสารเช่นเดียวกับกรณี ล่าช้าเกิน 2 และ 5 ชั่วโมง  
1) รับค่าชดเชยเป็นเงินสดภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วันนับแต่วันที่เกิดเหตุ · 2,000 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทางไม่เกิน 1,500 กิโลเมตร · 3,500 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทาง 1,500 - 3,500 กิโลเมตร · 4,500 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทางเกิน 3,500 กิโลเมตร หรือ 
2) รับค่าชดเชยเป็นวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป หรือบัตรกำนัลการเดินทาง หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์  หรือสิ่งอื่นแทนค่าชดเชยดังกล่าว โดยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าการชำระค่าชดเชยเป็นเงินสด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน 

-จัดที่พักพร้อมการรับส่ง หากต้องมีการพักค้างคืน 
-เมื่อผู้โดยสารไม่ประสงค์เดินทางต่อไป สายการบินต้องเสนอทางเลือกทั้งหมดแก่ผู้โดยสารในทันที เพื่อพิจารณาเลือกระหว่าง        
1) รับเงินค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมอื่นใดที่ถูกเรียกเก็บคืนเต็มตามจำนวน หรือรับเป็นวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป หรือบัตรกำนัลการเดินทาง หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์ หรือสิ่งอื่นทดแทน        
2) เปลี่ยนแปลงเที่ยวบินเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ระบุไว้ในบัตรโดยสารหรือไปยังจุดหมายปลายทางอื่นที่ใกล้เคียง หรือ        
3) การขนส่งทางอื่นที่เหมาะสมเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ระบุไว้ในบัตรโดยสาร หรือจุดหมายปลายทางอื่นที่ใกล้เคียงกับจุดหมายปลายทางเดิม

‘ปฐม อินทโรดม’ แชร์มุมมอง ชี้ ’สาขาวิชาคอมพิวเตอร์‘ อดีตมนุษย์ทองคำวงการไอที อาจไม่สร้างความมั่นคงได้อีกต่อไป หลังบริษัทบิ๊กเทคทยอยปลดคน หากจะอยู่รอดต้องเจ๋งจริง สู้ AI ได้

จากเฟซบุ๊ก Pathom Indarodom โดย คุณปฐม อินทโรดม ได้โพสต์ข้อความว่า…

เรียน Computer Science ดีไหม?​ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำถามที่ตอบได้ยากจริง ๆ ในวันนี้เพราะสาขาที่น่าเรียนและได้ผลตอบแทนสูงในอดีตต้องเจอความไม่แน่นอนอย่างรุนแรง 

ข่าวใหญ่วันนี้ (14 พฤษภาคม 2025) คือ Microsoft ที่เพิ่งทุ่มงบมหาศาลกว่า 2.7 ล้านล้านบาทสำหรับการลงทุนด้าน AI, Cloud, Data Center แต่เงินมันไม่ได้งอกมาได้เองจึงต้องลดค่าใช้จ่ายก็คือค่าแรงคนลงอีก 6 พันคน หลังจากลดไป 1 หมื่นคนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

เพื่อนรักของผมคนหนึ่งสอบถามมาจะให้หลานเรียนวิทย์คอมดีไหม ผมจึงไม่ลังเลที่จะบอกว่าลองอย่างอื่นดูก่อนไหม โดยเฉพาะวิชาชีพพื้นฐานที่ยังพอมั่นใจได้ว่ายังไม่ถูกลดบทบาทในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้า เพราะวันนี้สาขาวิชาคอมพิวเตอร์มันขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอนจริง ๆ จนมันไม่ใช่สาขาวิชาที่จะสร้างความมั่นคงให้กับทุกคนได้อีกต่อไปยกเว้น...

- มี Passion เต็มเปี่ยมคือรัก Coding มีงานอดิเรกเป็น Coding และ/หรือมีรายได้จากการเขียนโปรแกรมอยู่แล้ว แบบนี้มั่นใจได้ว่าเขาจะสนุกกับมันและจะเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ด้วยใจรักอยู่แล้ว บุคลิกแบบนี้ปรับตัวได้เสมอไม่ว่าจะเจออะไร และผมเชื่อว่าเขาจะเป็นดาวรุ่งได้แน่ ๆ

- เก่งจัด เข้ารอบโอลิมปิกวิชาการ ได้ทุนมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเล็งมหาลัยท็อป ๆ ในต่างประเทศ แถมมีทุนรออยู่มากมาย อันนี้ไม่ต้องไปห่วงเขาครับ AI มากี่ตัวก็สู้ไม่ได้ 

- Logic ดีมาก ชอบแก้ปัญหาโดยเฉพาะโจทย์คณิตศาสตร์ยาก ๆ หรือใช้เครื่องมือในการจัดการปัญหาต่าง ๆ และรู้ความแตกต่างของแต่ละภาษาและเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง พวกนี้เรียนวิทย์คอมได้ชิว ๆ และหาทางไปได้แน่

- พ่อแม่มีฐานะ ส่งไปเรียนด้านนี้ในต่างประเทศโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยใกล้สำนักงานใหญ่ของสตาร์ตอัปชั้นนำและเล็งฝึกงานไว้กับบริษัทเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว แบบนี้เขาจะได้ทั้งเรียนและทำงานเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่อื่น 

- ถ้าไม่ใช่ที่กล่าวมา คือคิดจะมาเรียนวิทย์คอมเพราะคิดว่าได้เงินดี มีงานมั่นคง เลือกตามเพื่อนตามแฟน หรือเลือกเรียนเพราะคะแนนมันถึง แบบนี้มั่นใจได้ครับ

มั่นใจได้ว่าเขาคงไปเปิดร้านกาแฟทันทีหลังเรียนจบ...

ตำรวจภูธรภาค 2 ยกระดับพนักงานสอบสวน สู่มืออาชีพยุคใหม่ ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มประสิทธิภาพงานสอบสวน สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ทันสมัย

(15 พ.ค.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาผู้ปฏิบัติงานต้นแบบสู่การเป็นตำรวจมืออาชีพของตำรวจภูธรภาค 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (รุ่นที่ 1) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 16 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (The Cop Seminar & Resort) อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพนักงานสอบสวนจากทุกจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 2 เข้าร่วมจำนวน 40 นาย

สาระสำคัญของการสัมมนาครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแลกเปลี่ยน รับฟังปัญหา อุปสรรค และความต้องการของผู้ปฏิบัติงานในสายงานสอบสวนเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้และเสริมสร้างทักษะใหม่ ๆ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สนับสนุนกระบวนการสอบสวนให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า

“พนักงานสอบสวนคือด่านแรกของกระบวนการยุติธรรม ที่มีบทบาทสำคัญต่อความเป็นธรรมของสังคม หากระบบสอบสวนไม่เข้มแข็ง ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน การสัมมนาในครั้งนี้ นอกจากจะรับฟังเสียงสะท้อนจากพนักงานสอบสวนในพื้นที่จริงแล้ว เรายังผลักดันให้เกิดการนำเครื่องมือ AI มาใช้เป็นผู้ช่วยสำคัญ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลจากสำนวน, การจัดระเบียบพยานหลักฐาน, การตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึก ตลอดจนการฝึกใช้แอปพลิเคชันสืบค้นข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อให้พนักงานสอบสวนสามารถทำงานได้แม่นยำยิ่งขึ้น ลดภาระ และลดโอกาสผิดพลาด”

“เป้าหมายของเราคือให้พนักงานสอบสวนทำงานได้อย่างมีความสุข มีเครื่องมือที่ทันสมัย มีผู้บังคับบัญชาที่รับฟัง และมีระบบสนับสนุนที่มั่นคง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ตำรวจไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง” ผบช.ภ.2 กล่าวเพิ่มเติม

การขับเคลื่อนพนักงานสอบสวนยุคใหม่ของตำรวจภูธรภาค 2 จึงไม่ใช่เพียงการพัฒนาทักษะส่วนบุคคล แต่เป็นการยกระดับทั้งระบบให้ก้าวทันโลก ก้าวทันเทคโนโลยี และก้าวทันความคาดหวังของประชาชนในศตวรรษที่ 21


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top