Friday, 27 June 2025
NEWS FEED

‘แพทย์หญิงปรมาภรณ์’ ผู้บริหาร BDMS ติดอันดับ ‘100 สตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย’ จากการจัดอันดับของ ‘นิตยสารฟอร์จูน’ ด้วยผลงานที่เป็นเลิศ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ

(12 ต.ค. 67) แพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารอาวุโส บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS (Bangkok Dusit Medical Services Public Company Limited) ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในสตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย ประจำปี 2024 จากการจัดอันดับของ ‘นิตยสารฟอร์จูน’ (Fortune) ซึ่งได้ประกาศรายชื่อ 100 สตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย ประจำปี 2567 หรือ The Fortune Most Powerful Women Asia 2024’ โดยแพทย์หญิงปรมาภรณ์เป็นผู้บริหารหญิงเพียงคนเดียวจากวงการเฮลท์แคร์ของไทยที่ได้รับเกียรติในปีนี้

ผลการจัดอันดับดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเชิดชูสตรีผู้นิยามความเป็นผู้นำในรูปแบบใหม่ ทั้งด้วยการพลิกโฉมบริษัทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผ่านการขับเคลื่อนให้เจริญเติบโต รวมทั้งในด้านการพัฒนานวัตกรรมที่สนับสนุนความเป็นเลิศทางธุรกิจ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้นำรุ่นต่อไป

BDMS เป็นเครือโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ปัจจุบันมีจำนวนโรงพยาบาลในเครือรวมทั้งสิ้น 59 แห่ง ประกอบด้วยกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กลุ่มโรงพยาบาลรอยัล (ประเทศกัมพูชา) และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านการดูแลสุขภาพอีกด้วย   

ภายใต้การบริหารของแพทย์หญิงปรมาภรณ์ BDMS ให้ความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการดูแลสุขภาพที่เป็นเลิศ เช่น การนำ AI ทางการแพทย์มาใช้เพื่อยกระดับการตรวจและรักษา และการนำหุ่นยนต์มาช่วยในการผ่าตัด เป็นต้น

"BDMS มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการแพทย์อย่างยั่งยืน เพื่อมอบบริการด้านสุขภาพที่ดีที่สุดให้แก่คนไทยและสังคมโลก พร้อมทั้งเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล และดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักธรรมาภิบาล" แพทย์หญิงปรมาภรณ์กล่าวทิ้งท้าย

'เผ่าภูมิ' เผยบอร์ด Fin Hub เคาะกรอบกฎหมายศูนย์กลางการเงิน ชู 6 ธุรกิจเป้าหมาย ลุยลูกค้าต่างชาติ ใช้ กทม. เป็นฐาน

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายและยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน ว่า

ที่ประชุมเห็นชอบกรอบแนวทางการจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน เพื่อยกร่างกฎหมายต่อไป ดังนี้

1. ธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจระบบการชำระเงินและบริการชำระเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

2. ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ นิติบุคคล และสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ ที่ให้บริการแก่นิติบุคคลหรือบุคคลที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Non-residents) โดยห้ามชักชวนและให้บริการลูกค้าในประเทศไทย (No Solicitation)

3. ขอบเขตการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจที่ระดมทุนจากต่างประเทศเพื่อลงทุนในต่างประเทศ (Out-out) ในระยะแรก และพิจารณาธุรกิจที่เป็นการระดมทุนจากต่างประเทศเพื่อลงทุนในประเทศไทย (Out-in) โดยไม่ให้ขัดกับเงื่อนไข Non-Residents ในระยะต่อไป

4. สถานที่ตั้งของผู้ประกอบธุรกิจ ได้แก่ กรุงเทพและปริมณฑล ในระยะแรก

5. เงื่อนไขเกี่ยวกับสถานประกอบการ ได้แก่ กำหนดให้มีเงื่อนไขขั้นต่ำในเขตที่กำหนด เช่น เงื่อนไขการจ้างงาน ระยะเวลาการประกอบธุรกิจ การมีสำนักงาน เป็นต้น โดยให้อำนาจ คกก.กำกับและส่งเสริมศูนย์กลางทางการเงินในการกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์

6. ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางทางการเงิน (One-stop Authority: OSA) ขึ้นใหม่ในรูปแบบหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ โดยหน้าที่ของ OSA ได้แก่ กำหนดแนวทางการส่งเสริมธุรกิจเป้าหมาย และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งสิทธิประโยชน์ที่เป็นตัวเงิน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น และสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น การให้ Fast Track VISA การอนุมัติใบอนุญาตทำงานคนต่างด่าว (Work Permit) การจ้างงาน เป็นต้น และกำหนดเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง และประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาต และพิจารณาอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต หรือให้ความเห็นชอบ หรือรับจดทะเบียนเพื่อประกอบธุรกิจเป้าหมาย เป็นต้น

7. สิทธิประโยชน์ (ข้อเสนอเบื้องต้น) โดยให้เป็นอำนาจของ OSA ต่อไป ได้แก่ นิติบุคคลเข้าข่ายบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ต้องปฏิบัติตาม GloBE Rules ของ Pillar 2 และกรณีนิติบุคคลอื่น สามารถกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำว่ากรณีนิติบุคคลที่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ได้ โดยอาจกำหนดแบบเป็นลำดับขั้น (Tier) หรืออัตราคงที่ สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อาจพิจารณาเป็นอัตราผ่อนปรน สำหรับภาษีหัก ณ ที่จ่าย เงินปันผลและดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้โครงการฯ จ่ายให้กับบริษัทแม่ หรือบริษัทในเครือในต่างประเทศ อาจพิจารณาเป็นอัตราผ่อนปรน

'ยุทธการระเบิดสะพานโจร' ระดมตรวจค้นจับกุมตู้ซิม ที่ลงทะเบียนให้กับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ

ตามนโยบายของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) ได้เร่งระดมกวาดล้างกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. ใช้ยุทธการ 'ระเบิดสะพานโจร' ในการตัดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างคนร้ายกับประชาชน ได้แก่ สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต ซิมผี บัญชีม้า SMS และ Social Media Platform

ในห้วงวันที่ 1-10 ตุลาคม 2567 ทาง ศปอส.ตร. ได้ระดมกำลังตำรวจทั่วประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนข้อมูลจาก กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่าย เข้าตรวจค้นตู้ซิม ร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศที่จำหน่ายและลงทะเบียนซิมให้คนร้าย 647 ร้านค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับ และดำเนินคดีกับผู้ลงทะเบียนให้กับคนร้ายโดนผลการตรวจค้น สามารถจับกุมดำเนินคดีกับร้านค้าในความผิดซึ่งหน้ากว่า 20 ร้านค้า พร้อมตรวจยึดของกลาง อาทิ ซิมการ์ดไทย 101,068 ซิม , อุปกรณ์ SIM BOX จำนวน 113 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือ 575 เครื่อง ,คอมพิวเตอร์ 23 เครื่อง และเอกสารสำเนาบัตรประชาชน / สำเนาหนังสือเดินทาง-ใบอนุญาตทำงานของบุคคลต่างด้าว สำหรับใช้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์อีกหลายรายการ 

โดยเป็นพยานหลักฐานสำคัญในการใช้ออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดทุกราย หากเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 9 10 และ 11 แห่ง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 7 และ 14(1) แห่ง พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

จากการเข้าตรวจค้นตู้ซิมที่เป็นเป้าหมายทั้งประเทศพบช่องว่างของการลงทะเบียนสองส่วนคือ (1) การถือครองซิมเป็นจำนวนมากโดยคนร้ายยังคงมีอยู่ ซึ่งการลงทะเบียนดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนประกาศของ กสทช. ในการถือครองซิมไม่เกิน 5 ซิม (2) การลงทะเบียนซิมออนไลน์ ระบบไม่สามารถตรวจจับการลงทะเบียนที่ไม่ถูกต้องได้ เช่น การอัพโหลดรูปภาพที่ไม่ใช่ตัวเอง สามารถอัพโหลดสิ่งใดก็ได้ หรือการพิมพ์ข้อความชื่อ หรือข้อความอื่นที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร ซึ่งทาง ศปอส.ตร. จะได้มีการหารือร่วมกับทาง กสทช. และทางผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อแก้ไขเรื่องนี้อย่างเป็นการเร่งด่วน

จากนี้ไป ทาง ศปอส.ตร. จะมีการตรวจสอบเบอร์โทรที่คนร้ายใช้โทรเข้ามาหลอกประชาชนที่มีการแจ้งในระบบ Thaipoliceonline ว่าตู้ซิมใดเป็นผู้ลงทะเบียนให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ซึ่งทาง ศปอส.ตร. เชื่อว่าคนร้ายที่ตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้าน จะไม่สามารถติดต่อหรือหลอกลวงคนไทยได้ ถ้าไม่มีตู้ซิมหรือผู้ที่รับผิดชอบไปช่วยเหลือลงทะเบียนซิมให้กับคนร้ายหรือระบบการลงทะเบียนที่เอื้ออำนวยให้กับคนร้ายไปลงทะเบียนโดยไม่สามารถทราบว่าเป็นใคร
ศปอส.ตร. ฝากเตือนไปถึงร้านค้าตู้ซิมที่รับลงทะเบียนให้กับคนร้ายคอลเซ็นเตอร์ ผู้จำหน่ายซิมโทรศัพท์ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย ที่ไปช่วยเหลือการลงทะเบียนให้กับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนร้ายต่างชาติที่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งคอยให้การช่วยเหลือมาหลอกลวง เอาทรัพย์สินของคนไทยไปต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งนอกจากขายชาติ จะสูญเสียอิสรภาพ ถูกตัดขาดจากครอบครัวแล้ว ยังสูญเสียอาชีพ ธุรกิจตลอดไป

ทั้งนี้ ยุทธการ 'ระเบิดสะพานโจร' จะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่อง 'ซิม เสา บัญชีธนาคาร SMS และ Social Platform' เพื่อให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดไปจากประเทศไทย ตามนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในนวมินทรมหาราช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เมื่อวานนี้ (11 ต.ค.67)  เวลา 07.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน และพิธีวางพวงมาลา เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ  เนื่องในโอกาสครบรอบวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9  โดยมี ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. และสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมพิธีดังกล่าว ณ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ วันที่ 13 ตุลาคม 2567 เป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตามที่รัฐบาลได้ขอพระราชทานพระมหากรุณา และคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ว่า "วันนวมินทรมหาราช" ซึ่งแปลว่า วันที่ระลึกถึงพระมหาราชรัชกาลที่ 9 ผู้ยิ่งใหญ่ 

เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัด ร่วมกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศล ทั่วประเทศ

นักเรียนตัวแทนประเทศไทย ร่วมกันคว้าเหรียญรางวัล ‘ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิก’ ระดับ ม.ต้น

(11 ต.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน โพสต์ข้อความแสดงความยินดีแก่นักเรียนผู้แทนประเทศไทยทุกคนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ 3 (IOAA-Jr 2024) ระหว่างวันที่ 3 – 10 ตุลาคม พ ศ. 2567 ณ กาฐมาณฑุมหานครปาลิกา สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล

โดยแบ่งเป็น นักเรียนที่ได้เหรียญทอง ได้แก่ นายธนเดช รุจานันท์ จาก โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน 

สำหรับเหรียญเงิน ได้แก่ ด.ช.วิริทธิ์พล กาญจนอลงกรณ์ , ด.ช.ธีร์ ชอบแสงจันทร์, ด.ช.ณชพล คูโณปการ จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 

สำหรับ เหรียญทองแดง ได้แก่ นายอติณัส ปัทมโยธิน จากโรงเรียน โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 

โดยมี ผศ.ดร.ศิรามาศ โกมลจินดา รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ และอาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์และวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นหัวหน้าทีม (Team Leader)

และนายศักดิ์สิทธิ์ โอปัณณา อาจารย์กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน เป็นผู้ช่วยหัวหน้าทีมและผู้สังเกตการณ์

MRT สายสีม่วง-สีน้ำเงิน เริ่มแคมเปญสุดเจ๋ง!! 20 สถานี 20 ตราประทับ สร้างความประทับใจ

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี Wanwit Niampan  (Ham) ได้เผยแพร่ข้อความว่า

'MRT' เริ่มแคมเปญ 'ตราประทับสถานี' แล้วครับบบบ

ตราประทับสถานี เป็น Tools หนึ่งในการส่งเสริมการเดินทาง อาจจะด้วยการท่องเที่ยว หรือการสะสมแต้มเพื่อ benefit โดยแนวคิดนี้จริง ๆ ในญี่ปุ่นและไต้หวันใช้มานานแล้ว ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า EkiStamp เพื่อให้เป็น 'ที่ระลึก' ว่าเคยได้เดินทางมาที่สถานที่แห่งนั้น และเกิดการ recall ของผู้บริโภคต่อในอนาคต ทั้งด้านทัศนคติที่ดี (Attitude) การมีความสัมพันธ์ (Relation) ระหว่างตัวองค์กรกับผู้ใช้บริการ 

ตรายางสามารถสร้าง perception (การรับรู้) ในด้านประสาทสัมผัส เช่น ตา (ดูลวดลาย) อารมณ์ (การตีความและความรู้สึกที่ทำให้ระลึกถึงสถานที่นั้น) เมื่อมีกิจกรรมก็สามารถทำให้คนมีอารมณ์ร่วมและอยากสะสมบ้าง

เพิ่มเติม ตอนนี้มีแค่ 20 สถานี ในสายสีน้ำเงินและม่วง ครับ

สำหรับผู้ที่สนใจติดตามข้อมูลได้ที่ https://www.mrta.co.th/th/customer-relations-activities-news/20736?fbclid=IwY2xjawF1sEtleHRuA2FlbQIxMAABHYYZAn1qZpgBO1yvlcGSI__4ejc77e4D4DMG-UZ5Ep_saUxaYOtnrl1LaA_aem_juROfHThgzga7l5K-aTVFw 

ร่วมอวยพร ‘หมูเด้ง’ เซเลปฮิปโปแคระ เขาเขียว เพจ ZPOT เปิดโหวตโลโก้ประจำตัวน้อนเด้ง

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - ZPOT’ ได้เผยแพร่โพสต์ว่า 

ครบรอบ 3 เดือน 'หมูเด้ง' สาวน้อยที่เป็นที่รักของคนทั่วโลก และเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ #องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ : ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดี ๆ เติบโตแข็งแรงร่าเริงสดใสและเป็นที่รักของทุกคนแบบนี้ตลอดไป

นอกจากนี้ทางเพจยังเปิดให้ร่วมโหวตสัญลักษณ์ประจำตัวหมูเด้ง ผ่านทางโพสต์ความว่า 

ประกาศแล้ว Logo หมูเด้ง 10 ผลงาน (จาก 1,895 ผลงาน) เชิญร่วมโหวตผลงานโลโก้น้องหมูเด้งเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว '#หมูเด้ง' และใช้ประกอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ #องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ อย่างเป็นทางการ (Official)

ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ด้อมเด้งมีส่วนร่วมในกิจกรรมสำคัญ ครั้งนี้ โหวตได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2567 เวลา 17.00 น.

โดยสามารถร่วมโหวตได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/DypBN3ry1hWuU7YE/

ส่อง ‘ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย’ หนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในประเทศไทย

(11 ต.ค. 67) ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยและคลังข้อมูลด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกลาง เช่น การบัญชี กฎหมาย เทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการ เช่น พื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working space), ห้องประชุม

เดิมห้องสมุดแห่งนี้ชื่อ ห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย เริ่มดำเนินการให้บริการแก่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2489 ต่อมาในปี 2500 ห้องสมุดได้รับการปรับปรุงให้มีฐานะเป็นหน่วยงานหนึ่งของฝ่ายวิชาการในขณะนั้น และได้รับการจัดตั้งเป็นห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.2520

ในปี 2560 ห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น 'ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย' ตามพระนามของท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยพระองค์แรก และย้ายที่ตั้งจากอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารแห่งประเทศไทยมาเปิดให้บริการในอาคารศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2561 จนถึงปัจจุบัน

ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยและคลังข้อมูลด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของธนาคารกลาง เช่น การบัญชี กฎหมาย เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการ เช่น พื้นที่ทำงานร่วม (Co-working space) ห้องประชุม และห้องบริการสื่อมัลติมีเดียที่ทันสมัย

สถานที่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นพื้นที่เปิดโล่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเดิมเคยเป็นอาคารโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย

เปิดให้บริการ 
วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 9.30 - 20.00 น. 

ปิดบริการ 
วันจันทร์ และวันหยุดตามประเพณีของสถาบันการเงิน

พิกัด https://maps.app.goo.gl/c2wbiQYrezkMp1DFA 

เผยโฉม 3 เคส โครงการ Make Your Looks เยียวยา กาย-ใจ จาก รพ. มาสเตอร์พีช

บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทย และเอเชีย มุ่งมั่นคืนกำไรสู่สังคม และช่วยเหลือผู้คนที่ขาดโอกาส ในมิติต่าง ๆ ของสังคม ขนานไปกับการประกอบธุรกิจโรงพยาบาลศัลยกรรมความงาม ตามที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ริเริ่มโครงการ Make Your Looks โครงการให้ความช่วยเหลือสังคม แก่ผู้ประสบปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ แต่ขาดโอกาสและทุนทรัพย์ ได้เติมเต็มภาวะทางจิตใจ และปรับโฉมด้วยการศัลยกรรมความงามตามความตั้งใจใฝ่ฝัน จากจุดประสงค์และเจตนารมณ์ข้างต้น เพื่อแสดงภาพความสำเร็จ และร่วมแสดงความยินดีกับ "ผู้เข้ารับการปรับลุกส์เปลี่ยนสไตล์เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่า"

‘The iCon Group’ ร่อนคำชี้แจง 5 เซเลปดัง!! ไม่มีหุ้น-อำนาจบริหาร

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘The iCon Group’ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงกรณีศิลปิน ดารา พิธีกร ชื่อดังหลายราย ที่ได้มีส่วนร่วมกับทางบริษัท ว่า

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ขอชี้แจงว่า คุณบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พรีเซ็นเตอร์ ROOM COFFEE และคุณโดม ปกรณ์ ลัม พรีเซ็นเตอร์ BOOM COLLAGEN ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์สินค้า ทำการตลาดสินค้าของบริษัท คิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จึงขอชี้แจง มาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน

ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด

และ

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ขอชี้แจงว่าคุณกันต์ กันตถาวร, คุณแซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี และคุณมิน พีชญา วัฒนามนามนตรี ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ช่วย ทำการตลาดสินค้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัดจึงขอชี้แจง มาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน

ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top