Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

‘อาจารย์ปานเทพ’ ออกโรงแจง พื้นที่ทะเลเป็นของไทย อย่าปล่อยให้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อน แย่งชิงผลประโยชน์

(24 ต.ค. 67) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า

อย่าปล่อยให้คนปล้นชาติ ทำให้พื้นที่ทะเลไทย กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา

18 พฤษภาคม 2516 มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 โดยการลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ของไทย ออกมาแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูด และเกาะกง ตามบทบัญญัติแห่งกรุงเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 (รับรองโดยอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982)

ดังนั้นพื้นที่ทะเลอาณาเขต พื้นที่ทะเลต่อเนื่อง และพื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะ ฝั่งอ่าวไทยรวมพื้นที่ 202,676.20 ตารางกิโลเมตร หรือ 126,672,638 ไร่ รวมทั้งทรัพยากรทั้งหมดในพื้นที่ดังกล่าวจึงย่อมเป็นของราชอาณาจักรไทย ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพบุรุษไทย รวมทั้งแลกด้วยแผ่นดินไทยจำนวนมหาศาลตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ไม่ใช่เอาไปบิดเบือนพระบรมราชโองการตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 9 ให้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ในเรื่องพลังงานอย่างไม่ถูกต้อง และไม่ได้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทยและประชาชนชาวไทย

ด้วยจิตคารวะ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
22 ตุลาคม 2567

‘หนุ่ม กรรชัย’ เทียบนาฬิกาหรู ‘บอสพอล’ ไม่ตรงรูปบนโซเชียล เหล่านักเล่นนาฬิกา ยัน!! เป็นเสียงเดียวกัน มันคือของปลอม

(23 ต.ค. 67) จากกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหมายค้นเข้าตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์สินของ นายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล ที่ถูกนำมาซุกซ่อนในห้องเช่า ภายในซอยรามอินทรา 9 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.

โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเป็นนาฬิกาหรู 19 เรือน หนึ่งในนั้นคือนาฬิกาหรู Richard Mille RM 53-01 และ Richard Mille RM 35-02 ซึ่งทั้ง 2 เรือนนี้ มีมูลค่ารวมกันกว่า 33 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่อง และสร้อยคอทองคำ รองเท้า รวมทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ‘หนุ่ม กรรชัย’ กล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เกี่ยวกับกรณี ดีเอสไอ เข้าทำการตรวจค้นแล้วเจอนาฬิกาหรูของบอสพอล โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ริชาร์ด มิลล์, โรเล็กซ์ , ปาเต๊ะ, โอเดอะมาร์ส ปิเกต์ หรือ AP, โอเมก้า และอีกมากมาย

คือนาฬิกาพวกนี้ ‘ดีเอสไอ’ ไปจับและโชว์ภาพออกมา เหล่านักเล่นนาฬิกาพูดเป็นเสียงเดียวเลยว่า ‘เก๊ยันกล่อง’ เขาบอกเลยว่าเก๊ยันกล่อง เขาพูดอันนี้เลย ก็คือน่าจะทุกเรือน กล่องพวกนี้ปาเต๊ะเขาไม่น่าจะมีนะ

หนุ่ม กรรชัย กล่าวต่อว่า อย่างเรือนที่ 2 ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า เป็น RM3502 เรือนที่เม็ดมะยมสีแดง ๆ จริงเรือนนี้คือ 01 แล้วก็น่าจะไม่แท้ด้วย ส่วนขวามือสุดคือ 5301 อันนี้ก็ไม่น่าจะแท้ด้วย คือคนที่เล่นนาฬิกาเขาจะรู้เลย รวมถึงเรือนอื่น ๆ ด้วย

แต่ทีนี้มันแปลกตรงไหนรู้ไหม อย่างเรือนข้างล่างก็คือ นาฬิกาเพอร์นอต อันนี้ก็น่าจะเก๊ จริง ๆ แล้วดีเอสไอต้องเอาเจ้าหน้าที่ของทางปาเต๊ะเอง ของทาง AP หรือจะเป็นโอเมก้า หรือริชาร์ด มิลล์ เอาเข้ามาตรวจสอบด้วย

ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะเป็นประเด็นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา เมื่อก่อนก็มีข่าวศุลกากรไปจับมาเหมือนกัน เสร็จแล้วปล่อยออกจำหน่ายเป็นนาฬิกาเก๊ อันนี้มีประเด็น

นอกจากนี้ หนุ่ม กรรชัย ยังยกตัวอย่างโดยมีการยกภาพของบอสพอลที่ใส่นาฬิกาก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีกด้วย ซึ่งไม่พบอยู่ในกล่องที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจยึดไว้ได้

‘อัจฉริยะ - ทนายตั้ม’ จับมือคืนดี!! จบแค้น 7 ปี พร้อมให้สัญญา!! จะไม่หักหลัง ไม่ทำร้ายกันอีก

(23 ต.ค. 67) กลายเป็นคู่กรณีกันมายาวยาว ระหว่าง ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และนายอัจฉริยะเรืองรัตนพงษ์ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมซึ่งมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลกันกลายคดีด้วยกัน

ล่าสุด ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นายอัจฉริยะ ได้หันมาจับมือคืนดีกัน โดยทนายตั้ม ได้โพสต์ว่า 

“วันนี้พี่อัจฉริยะ เข้ามาขอโทษผมที่บริษัท พูดตามตรงผมก็ระแวงนะ คนเคยรักกัน มาทำกันขนาดนั้นพูดตามตรงมันก็ผูกใจเจ็บ แต่พี่เขารับปากต่อหน้าสาธารณชน ว่าจะไม่หักหลังไม่ทำร้ายกันอีก และจะใช้เวลาจากนี้ในการต่างคนต่างช่วยเหลือสังคมกันต่อไปในอนาคต ผมเลยไม่ติดใจอะไรกับแกอีกครับ”

ด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาที่สำนักงานทนายตั้ม เพื่อจะบอกกับทนายตั้มว่า วันนี้ถึงเวลาที่จะต้องเลิกทะเลาะกัน เพราะทั้งสองฝ่ายไม่มีคดีต่อกันแล้วเนื่องจากในปัจจุบันมีคดีต่างที่ทำร้ายพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงอยากมาบอกให้เราเลิกทะเลาะกัน

แล้วเดินหน้าต่อสู้และทำงานเพื่อประชาชนดีกว่า อยากมาชวนทนายตั้มช่วยกันทำงานทางด้านสังคมร่วมกัน ซึ่งยกตัวอย่างคุณทักษิณ ชินวัตร และคุณเนวิน ชิดชอบ มีเรื่องไม่ถูกใจกัน สุดท้ายก็กลับมาดีกันได้

ตนจึงมองว่าตนกับทนายตั้ม ทะเลาะกันมาร่วม 7 ปี แล้ว วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเลิกแล้วต่อกัน แล้วมาช่วยกันทำงาน ต่างคนต่างทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนต่อไป เดินหน้าตรวจสอบตำรวจใหญ่ต่างๆ เรื่องดิไอคอน ในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดตัวละครสำคัญของเรื่องนี้ ในเรื่องของเทวดาต่างๆ ให้รอฟังในรายการโหนกระแส นักร้องชุดดังกล่าวตนรู้จักไม่น้อยกว่า 10 ปี ตนรู้ดีทุกอย่างไม่ว่าเขาทำอะไรมาบ้าง

‘พีระพันธุ์’ นำทีมรวมไทยสร้างชาติ ต้อนรับ ‘โปลิตบูโรจีน’ ย้ำ!! พร้อมเดินหน้า ความร่วมมือ ‘เศรษฐกิจ - การเมือง’

(23 ต.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ และคณะ ได้ให้การต้อนรับกับคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือโปลิตบูโร และคณะ ซึ่งนำโดยท่านเฉิน กัง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลชิงไห่ ท่านทูตหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ในวาระที่ทั้งสองประเทศนั้น จะมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 50 ปี 

นายพีระพันธุ์นั้น ได้กล่าวชื่นชม ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน โดยได้ยกย่องว่าเป็นผู้นำระดับโลกที่นานาชาติให้การยอมรับว่าทำให้ประเทศจีน พัฒนาอย่างรวดเร็วนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนและก็ยังกล่าวขอบคุณ ท่านผู้นำจีน ที่ได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทย ในการให้ความร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทั้งการส่งเสริม ทางด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งการต่อยอดพัฒนาทางด้านวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ 

ซึ่งทาง นายเฉิน กัง ก็ได้กล่าวยินดีในความร่วมมือของทั้งสองประเทศและจะได้มีการพัฒนาความร่วมมือในหลายมิติต่อไป โดยเล็งเห็นว่าการที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ามาบริหารงานที่กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม นั้นถือเป็นโอกาสอันดียิ่ง ที่จะต่อยอดกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน สร้างความรุ่งเรืองให้กับเศรษฐกิจของทั้งไทยและจีน นอกจากนี้ในอนาคตจะได้พัฒนาความร่วมมือด้านการเมืองร่วมกันโดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างพรรคการเมืองซึ่งกันและกันอีกด้วยเพราะพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นก็ต้องการทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติเพื่อพี่น้องประชาชนโดยยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารประเทศดังนั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ของทั้ง2ฝ่ายจะนำไปสู่ประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศในอนาคต

นอกจากนี้ก็ยังได้กล่าวเชิญ นายพีระพันธุ์ ทั้งในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไทย และในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มณฑล ชิงไห่ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกด้วย

ขสมก. ลงโทษ!! พนง.จ่ายงาน ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมกับ ‘คนขับรถเมล์’ พร้อม!! อบรมใหญ่ ให้เป็น ‘หัวหน้าที่ดี’ รับฟังปัญหา ‘ผู้ใต้บังคับบัญชา’

(23 ต.ค. 67) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพที่แคปจากแชตที่คุยกับหัวหน้างาน ขอลางานกลับไปหาแม่ที่กำลังป่วยหนัก โดยบทสนทนาระบุว่า ผมกำลังกลับบ้านนะพี่ แม่ผมไม่ไหวแล้ว ถ้างั้นผมจะบอกพี่อีกทีนะ แม่ผมจะตาย พี่ให้ผมทำไง โดยหัวหน้างานตอบกลับมาว่า ทำไมหยุดงานมั่วซั่วงี้ ไม่แจ้งล่วงหน้ากลับเชิญพบหัวหน้า ไม่ใช่มาแจ้งตอนเขาปิดงาน อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบพบว่าผู้โพสต์เป็นพนักงานขนรถโดยสารของขนส่งมวลชนแห่งหนึ่ง และมารดาเสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา

ล่าสุด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ออกแถลงการณ์ ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เรื่อง การดำเนินการพนักงานจ่ายงาน กรณีใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมกับพนักงานขับรถโดยสาร เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุบทลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือน พร้อมอบรมเกี่ยวกับการเป็นหัวหน้างานที่ดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แถลงการณ์ระบุว่า เนื่องจากสื่อโซเชียลได้มีการเผยแพร่ข่าว กรณี พนักงานจ่ายงาน ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมกับ พนักงานขับรถโดยสาร ที่ส่งข้อความขออนุญาตลางานอย่างกะทันหัน ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อเดินทางไปเยี่ยมมารดาที่ป่วยและมีอาการทรุดหนัก ซึ่งอยู่ระหว่างรักษาตัวในห้องไอซียู ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ซึ่งต่อมามารดาของพนักงานได้ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2567

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขอแสดงความเสียใจกับพนักงานขับรถโดยสารคนดังกล่าว และขอชี้แจงให้ทราบว่า จากการสอบข้อเท็จจริง พนักงานจ่ายงานคนก่อเหตุให้การยอมรับว่าได้ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมกับพนักงานขับรถโดยสารจริง เนื่องจากอ่านข้อความไม่ครบถ้วน และเสียใจกับการกระทำของตนเอง โดยให้สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ขสมก.ได้ลงโทษพนักงานจ่ายงาน ด้วยการว่ากล่าวตักเตือน พร้อมทั้งอบรมพนักงานเกี่ยวกับการเป็นหัวหน้างานที่ดี รับฟังและช่วยแก้ไขปัญหาเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับความเดือดร้อน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีความสุข นำไปสู่การให้บริการที่ดีแก่ประชาชน

ด้วยพระปรีชา ของ ‘ในหลวงรัชกาลที่ 5’ ทำให้ ‘ไทย’ ได้เป็น ‘ไท’ ไม่ตกเป็นเมืองขึ้น

(23 ต.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Nitipat Bhandhumachinda’ ได้โพสต์ข้อความสุดซึ้ง เกี่ยวกับประโยค ‘สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ’ โดยมีใจความว่า …

เวลาผมเขียนประโยคที่ว่า ‘สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ’ นั้น 

ก็ขอเรียนตรงๆว่า ไม่เคยสักครั้งที่เขียนไปแค่ตามวาระ หรือตามมารยาทอะไรใดๆ

แต่ก็จะมีที่มาที่ไปให้สามารถกล่าวได้เต็มปากทุกๆครั้งว่าทำไมที่ระลึกถึงพระมหากษัตริย์พระองค์ไหน ก็จะสามารถกล่าวได้เต็มปาก เขียนได้เต็มคำเช่นนั้น
อย่างวันปิยมหาราชนี้นั้น หากเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ใดๆเลย เกิดจะสงสัยว่ามีความสำคัญอะไรใดๆนั้น

ในรัชสมัยของ ‘ในหลวงรัชกาลที่ห้า’ นั้น ประเทศเรามีการพัฒนามากมายในทุกๆรูปแบบ มีความเจริญก้าวหน้าทันยุคทันสมัย และที่สำคัญที่สุดสำหรับคนไทยคนหนึ่งอย่างผม

ก็คือ เปิดแผนที่โลกแผ่นนี้เมื่อไหร่ ก็สามารถชี้ใครต่อใครทั่วโลกให้เห็น ขวานทองด้ามเล็กๆ ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

เพราะสีทองๆส้มๆดังกล่าวนั้น แสดงถึงความหมายถึงความเป็นไท แสดงถึงเอกราชที่ไม่ต้องขึ้นกับใคร และไม่ว่ามหาอำนาจจากสหภาพยุโรปจะแผ่อำนาจเข้ายึดครองเกือบทุกอาณาจักรทั่วโลกอย่างไร

ก็มีเพียงญี่ปุ่น เกาหลี (ที่เป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่น) ไลบีเรีย (ที่เป็นเมืองขึ้นของสหรัฐฯ) และสยามประเทศ เท่านั้น

ที่รอดพ้นการยึดครองในยุคแห่งการล่าเมืองขึ้นของมหาอำนาจจากยุโรปมาได้ตลอดรอดฝั่ง

ซึ่งถ้าไม่รู้จักสำนึกอะไรใดๆ ในพระปรีชาสามารถความอดทนอดกลั้น และความพากเพียร จนสังคมประเทศชาติรอดพ้นภัยอันตรายระดับนั้นมาได้ ของพระองค์ท่านแล้ว

ก็นึกไม่ออกจริงๆว่าชีวิตนี้จะรู้จักสำนึกบุญคุณอะไรของใครได้อีก

ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
23 ตุลาคม พุทธศักราช 2567

‘หนูนา ศิลปอาชา’ โพสต์เฟซ!! เป็นห่วง ‘พลายประกายแก้ว’ ชี้!! กฎหมายระบุชัด ช้างลากซุง ต้องมีอายุระหว่าง 25 - 50 ปี

(23 ต.ค. 67) นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หรือ ‘หนูนา’ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเดินหน้าอนุรักษ์ช้างไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีใจความว่า ...

ภารกิจต่อไปที่เราแม่ๆพ่อๆต้องส่งใจช่วยคือ…การพาน้องขุนเดชสู่คชบาลค่ะ…
เข้าใจว่าทาง ผอ. และคุณหมอคงวางแผนกันไว้แล้วถึงขั้นตอนและกำหนดการ…

และสำหรับแม่ๆที่ห่วงใยพลายประกายแก้ว..ช้างอายุ 16 ที่ถูกขาย..จากช้างงานแห่สุรินทร์..ไปเป็นช้างลากซุงที่ควนกาหลง สตูล …
ซึ่งผิดกฎหมาย…

ดิฉันบอกเสมอถึงบทบัญญัติกฎหมายว่าช้างที่จะถูกใช้ลากซุง ต้องอายุระหว่าง 25-50 ปีเท่านั้น..
ดิฉันตามตลอดนะคะ… 3 รอบแล้วที่ปศุสัตว์เข้าไปดูให้…

และเจ้าของให้คำมั่นว่า..ไม่ได้ใช้น้องลากซุงแล้ว.. ถ้าพบว่าใช้จะยินดีรับโทษตามกฎหมาย…
แต่ดิฉันก็ไม่ได้นอนใจ..ซึ่งทางปศุสัตว์จะช่วยดิฉันตามให้ตลอดค่ะ…

เรื่องนี้ต้องขยาย ไม่รู้ไม่ได้แล้ว!!

เรื่องนี้ต้องขยาย ไม่รู้ไม่ได้แล้ว!! NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า ปรับผังใหม่อีกครั้ง สมาชิกเพิ่ม แต่เนื้อหา สาระ ความรู้ คู่ข่าวสาร ยังอัดแน่น คงเดิม!! 
📌จันทร์ : ไอยรา อัลราวีย์ คู่ จ่าตรีดนุนันท์ ชวนอยู่
📌อังคาร : วสันต์ มนต์ประเสริฐ คู่ พ.จ.อ.อดิศร จันทรวัฒน์
📌พุธ : ไอยรา อัลราวีย์ คู่ จ่าเอกภูริณัฐ วิชาชู
📌พฤหัสบดี : วสันต์ มนต์ประเสริฐ คู่ พ.จ.อ.อดิศร จันทรวัฒน์
📌ศุกร์ : ไอยรา อัลราวีย์ คู่ พี่น้อย ศตกมล วรกุล

ติดตามรับชม รับฟัง ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-08.00 น. ทางวิทยุ FM93 ส.ทร.วังนันทอุทยาน และ Live ผ่านสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES  

‘โฆษกสธ.' สรุปอาการ 3 นักเรียนหญิงเหยื่อไฟไหม้รสบัสล่าสุดพบ อาการดีขึ้น อยู่ในขั้นปลอดภัย มี 1 รายเตรียมความพร้อมกลับบ้าน อีก 2 ราย จักษุแพทย์ดูแลรักษาดวงตาอย่างเต็มที่

(22 ต.ค. 67) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า ได้รับรายงานผู้ป่วยเด็กหญิงโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีรถบัสเกิดเพลิงไหม้ บริเวณถนนวิภาวดีขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถาน ตำบลคูคน อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา จำนวน 3 คน ล่าสุด ทุกคนโดยรวมมีอาการดีขึ้น ถือเป็นข่าวดีที่เด็กเหล่านี้ได้พ้นขีดอันตราย เมื่อแรกเข้ารับการรักษาอยู่ในสภาวะที่น่าห่วงอย่างมาก ตลอด 20-21 วัน แพทย์ได้ดูแลรักษาอย่างดีที่สุด มีรายละเอียด ดังนี้

คนแรก เป็นเด็กหญิงวัย 14 ปี เข้ารับการรักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ สถาบันฯออกแถลงการณ์เวลา 9.00 น. วันที่  21 ตุลาคม สรุปว่า “อาการดีขึ้น บาดแผลไฟไหม้โดยรวมดีขึ้นมาก ไม่พบการติดเชื้อ ไม่พบปัญหาข้อติดยึด สามารถทำกายบริหาร ยืดเหยียดข้อไหล่ ข้อศอกและข้อนิ้วมือ เพื่อป้องกันข้อติดได้ดี ด้านจิตใจ ผู้ป่วยมีอารมณ์คงที่ นอนหลับได้ปกติ ผลการรักษาเป็นที่พึงพอใจของทีมแพทย์  แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูทั้่งร่างกายและจิตใจเพื่อเตรียมความพร้อมในการกลับบ้านต่อไป..”

คนที่สอง เป็นเด็กหญิง อายุ 9 ปี รักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิพระเกียรติ มีอาการไฟไหม้ใบหน้า คอ แขนและมือทั้ง 2 ข้าง แผลไหม้ระดับที่สองและทางเดินอากาศบาดเจ็บจากการสูดดมควันไฟ แพทย์รักษาด้วยการปรับยาแก้ปวดและยานอนหลับต่อเนื่อง ให้อาหารผ่านสายทางจมูก ให้ยาลดความดันโลหิต ประเมินดวงตาทางจักษุแพทย์ อาการล่าสุด ผู้ป่วยหายใจได้เองโดยไม่ต้องให้ออกซิเจน สามารถพูดสื่อสารความต้องการได้ ให้ยาแก้ปวดเป็นครั้งคราว เริ่มกินอาหารทางปากได้เพิ่มมากขึ้น ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้างเพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน ทางทีมจักษุแพทย์ได้ดูแลรักษาดวงตาอย่างเต็มที่

คนที่สาม เป็นเด็กหญิงอายุ 7 ปี รักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ไฟไหม้ใบหน้าลำตัว และมือทั้ง 2 ข้าง แผลไหม้ระดับที่สอง อาการล่าสุด สามารถหายใจได้เอง ไม่ต้องใช้ออกซิเจน พูดสื่อสารความต้องการได้ รับประทานอาหารทางปากได้มากขึ้น ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้างเพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน ไม่พบตำแหน่งติดเชื้อชัดเจน เฝ้าระวังอาการและเฝ้าระวังการติดเชื้อแทรกซ้อน ทีมจักษุแพทย์มีแผนเปิดแผลเช้าวันที่ 22 ตุลาคม โดยแผนการรักษา เข้าห้องผ่าตัดเพื่อประเมินเยื่อตาและกระจกตา

น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้แสดงความขอบคุณทีมแพทย์ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยทั้ง 3 คนอย่างดียิ่ง มีความสบายใจที่ได้รับทราบข่าวว่าอาการของนักเรียนดีขึ้นตามลำดับ พร้อมกันนี้ได้ส่งกำลังใจมาถึงพ่อแม่ผู้ปกครองของน้องนักเรียน 3 คนนี้ รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่ให้ความสนใจติดตามข่าว ก็ขอให้คลายความกังวล กระทรวงสาธารณสุขจะดูแลและติดตามการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและอย่างดีที่สุด

‘สมศักดิ์’ สั่งจัดการเพจปลอม แอบอ้างชื่อ-ภาพ ขายยาปลุกเซ็กซ์ เพิ่มสมรรถนะเพศชาย หลอกลวงผู้บริโภค สั่งอ.ย.แจ้งกองปราบฯ เอาโทษถึงที่สุด เข้าข่ายผิดกฎหมาย 2 ฉบับ

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ถูกมิจฉาชีพมีพฤติการณ์ไม่เกรงกลัวกฎหมาย บังอาจทำเพจ เฟซบุคปลอมระบุ “รับรองจากกระทรวงสาธารณสุข - ยาโป๊ปลุกอารมณ์ของผู้ชาย แก้ปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศษของผู้ชาย…” ลงภาพตราสัญลักษณ์พร้อมชื่อกระทรวงสาธารณสุข ที่สำคัญ ได้ลงภาพครึ่งตัวและชื่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และข้อความโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับสมรรถภาพทางของชาย เช่น ทำให้อึดทน ใหญ่ขึ้น แข็งขึ้น ฯลฯ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชื่อเสียงของนายสมศักดิ์และกระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งทำให้ผู้ที่เห็นสื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวงให้เข้าใจผิด สั่งซื้อยามากินโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจทำให้ได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

น.ส.ตรีชฎากล่าว่า นายสมศักดิ์ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ดำเนินการโดยเร่งด่วน โดยหลังจากพบเพจเฟซบุคปลอมดังกล่าวเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยนายวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้มีหนังสือถึงผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ให้สืบหาข้อมูลและบุคคลผู้กระทำผิดที่สร้างเพจปลอมแอบอ้างผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข 

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองกล่าวต่อไปว่า เพจปลอมที่แอบอ้างชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก หากไม่ระงับยับยั้งพฤติการณ์จะนำไปสู่การลักลอบขายยาที่ไม่ได้รับอนุญาตทางเวบไซต์ต่างประเทศ หรือทางสื่อออนไลน์ ไม่เพียงแต่เข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ยังอาจเข้าข่ายโฆษณาขายยาฝ่าฝืนพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 อีกด้วย

“วอนประชาชนอย่าหลงเชื่อ จะตกเป็นเหยื่อการกระทำความผิดด้วยการแอบอ้าง ชื่อและภาพของนาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ครั้งนี้เจตนาให้ผู้บริโภคเชื่อว่าสินค้าตัวดังกล่าวได้รับการรับรองหรือรับประกันการโฆษณาขายยาปลุกเซ็กซ์ผู้ชาย เป็นการหากินบนความเดือดร้อนของคนอื่น ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้หลงเชื่อเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก ทางอ.ย.ได้แจ้งไปยังตำรวจที่ีรับผิดชอบให้เร่งสืบหาผู้กระทำความผิด งานนี้หวังว่าทางตำรวจจะเร่งดำเนินการหาผู้กระทำความผิด น่าจะใช้เวลาไม่มากก็สามารถตามจับกุมตัวคนทำเพจปลอมมาดำเนินคดีได้ ก่อนความเสียหายจะบานปลายไปมากกว่านี้” น.ส.ตรีชฎากล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top