ศรชล. ร่วมกับ UNODC จัดการประชุม ASEAN Coast Guard Forum 2025 (ACF 2025) ภายใต้หัวข้อ 'Fostering Maritime Safety, Security, and Prosperity in ASEAN'

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ผอ.ศรชล.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมหน่วยยามฝั่งอาเซียน ปี พ.ศ.2568 (ASEAN Coast Guard Forum 2025 : ACF 2025) พร้อมทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (นปท.) ร่วมคณะในครั้งนี้ด้วย โดยมี พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ/รอง ผอ.ศรชล. และ พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ/เลขาธิการ ศรชล. ให้การต้อนรับ ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (Thai Maritime Enforcement Command Center: Thai-MECC) และ United Nations of Drugs and Crime (UNODC) เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุม ACF 2025 โดยประเทศสมาชิกอาเซียน ได้ส่งหน่วยงานยามฝั่ง หน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล ตลอดจนผู้สังเกตการณ์ เข้าร่วมประชุมฯ อีก 9 หน่วยงาน ได้แก่ หน่วย Royal Brunei Police Force (RBPF) หน่วย Indonesia Maritime Security Agency (Badan Keamanan Laut Republik Indonesia: BakamlaRI) หน่วย Embassy of Laos People’s DemocraticRepublic หน่วย Malaysian Maritime EnforcementAgency (MMEA) หน่วย Myanmar Coast Guard หน่วย Philippine Coast Guard (PCG) หน่วย SingaporePolice Coast Guard หน่วย Vietnam Coast Guard(VCG) และ หน่วย The Naval Component of theTimor-Leste Defence Force (F-FDTL) โดยมี UNODC เป็นผู้สนับสนุนหลักของจัดการประชุมฯ ซึ่งสาระสำคัญของการประชุม ACF 2025 คือ “Fostering Maritime Safety, Security, and Prosperity in ASEAN” หรือ “การส่งเสริมความปลอดภัย ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองทางทะเลในอาเซียน”

โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี/ผอ.ศรชล. ได้กล่าวถึงความสำคัญของการรักษาผลประโยชน์ทางทะเลในภูมิภาคอาเซียนว่า ความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาคอาเซียน โดยได้เน้นย้ำ “ความสำคัญของการสร้างเครือข่ายของภูมิภาคอาเซียน (Network of ASEAN) และ เครือข่ายความเป็นหุ้นส่วน’ (Network of Partnerships) ในการร่วมมือกันปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ทางทะเลของชาติอาเซียน (Common Maritime Interests) บนความไว้เนื้อเชื่อใจ (Mutual Trust) เพื่อให้ภูมิภาคมีความปลอดภัย  (Safety) และทุกประเทศสามารถดำเนินกิจกรรมทางทะเลได้อย่างมั่นคง (Stable) มั่งคั่ง (Prosperity) และมีความยั่งยืนร่วมกันในภูมิภาค (Regional-Shared Sustainability) ” โดยการประชุม ACF.จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนของทุกความสำคัญข้างต้น

ทั้งนี้ การประชุม ACF มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลและการปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในภูมิภาค สำหรับการประชุม ACF 2025 ในครั้งนี้ นับเป็นการประชุมหน่วยยามฝั่งอาเซียนครั้งที่ 4 โดยการประชุม ACF ครั้งที่ 1 และ 2 เป็นเจ้าภาพโดย BAKAMLA (อินโดนีเซีย) และการประชุมครั้งที่ 3 มี PCG (ฟิลิปปินส์) เป็นเจ้าภาพ

ซึ่งภายหลังพิธีเปิดการประชุมฯ นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมรับชมการฝึกค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ประจำปี 2568 ร่วมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมทั้งหัวหน้าหน่วยงานยามฝั่งและผู้แทน อีกด้วย


นิราช ทิพย์ศรี ชลบุรี รายงาน