Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

‘หมูเด้ง’ ตึงทั้งตัว!! แตกลายยันก้น รับหน้าหนาว ชาวโซเชียลชี้!! ‘สปอนเซอร์ครีมทาผิว’ต้องเข้าแล้ว

(1 ธ.ค. 67) เพจ ‘ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง’ ได้โพสต์ภาพ หมูเด้ง ที่ได้สัมผัสอากาศหนาวครั้งแรกในชีวิต ซึ่งภาพที่โพสต์ เป็นภาพของหมูเด้งยืนตากแดด พร้อมกับผิวหนังที่แห้งจนทำเอาตัวตึงไปหมด แถมผิวยังแตกลายงา ลามยันกันเลยทีเดียว

โดยทางเพจยังระบุข้อความว่า ‘เครื่องวัดอุณหภูมิรุ่นล่าสุด ทำงานครั้งแรก แสดงว่าเครื่องตรงไม่เพี้ยน’

และยังได้ระบุในคอมเมน์ใต้โพสต์ดังกล่าวอีกว่า 

‘นี่แค่วันแรกหนาวเบาๆ เองนะพ่อ ตูดยังแตกขนาดนี้ ช่วงนี้หมูเด้งหนาวจะนอนแอบมุมแล้วแม่นอนบังลมให้อีกที ทำให้อาจมองไม่เห็นหมูเด้งนะ’

ทั้งนี้ หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป แฟนๆ ก็เข้ามาคอมเมนต์แซวเด้งยับ เช่น  

หนาวๆๆ พอถึงหน้าหนาว สาวๆ ขาแตก

โอ๊ยยยย สปอนเซอร์ครีมทาผิวต้องเข้าแล้ววว หมูเด้ง เซเลปสาวแถวหน้าแห่งเมืองไทย 

อากาศเย็นนิดนุง ผิวแตกเลย

เครื่องทำน้ำอุ่นต้องเข้าแล้วลูก

หนาวตัวแตกเลย ขอครีมให้เด้งหน่อยงับ

สปอนเซอร์ครีมต้องเข้าแล้วมั้ยคะ

อิคำแก้วมันเป็นฮิปโป

เด้งตูดแตก

เห็นเลขอะไรกันบ้างคะ เราเห็น 04 ที่ก้นน้อง

ย่นไปหมด น้ำชง คอลลาเจนต้องมานะคะช่วงนี้ เย็นผิวแห้งละ

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งยังได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า … 

นึกว่าชามกระเบื้องแตกลายงา สวยน่าเก็บ

หนุ่มด่าทหาร เข้าช่วยน้ำท่วมภาคใต้ โวย!! ขับเร็ว สุดท้ายโดนทัวร์ลง ล่าสุด!! ทำคลิปขอโทษแล้ว

(1 ธ.ค. 67) จากกรณี จากกรณีฝนตกลงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ในพื้นที่ จ.ยะลานั้นทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในเขตตัวเมืองยะลา โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หน้าสถานีรถไฟยะลา โรงแรมยะลารามา น้ำได้เข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ชาวบ้านและร้านค้าต้องเร่งอพยพสิ่งของ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ จ.นราธิวาสก็ประสบกับสถานการณ์อุทกภัยเช่นกันกระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง

อย่างไรก็ตาม พบว่ามีทหารพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมกลับโดนชายรายหนึ่งด่าพร้อมอัดคลิปลง TikTok หาว่าทหารจะเข้ามาช่วยหรือทำลายข้าวของ ของชาวบ้านกันแน่ สุดท้ายทหารจึงต้องล่าถอยออกไป จนมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ชายรายดังกล่าว ทำให้สุดท้ายแล้วต้องลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไป

ล่าสุดวันนี้ 30 พ.ย. ผู้ใช้ TikTok ‘เฟียนนนนนน (FIAN)’ ที่มีผู้ติดตามกว่า 5 แสนคน ซึ่งเป็นคนที่อัดคลิปด่าทหารที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านจากเหตุน้ำท่วม ออกมาโพสต์คลิปขอโทษแล้ว พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่เกี่ยวจ้ งกับประเด็นเรื่อง 3 จังหวัด และจากนี้ ตนเองจะใช้สื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

ทั้งนี้ พบว่าหลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปมีขาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิการกระทำดังกล่าวพร้อมบอกว่าอยากได้ยินคำขอโทษที่มาจากใจ เพราะบางส่วนเห็นว่าคลิปขอโทษที่ทำออกมาน่าจะทำเพราะโดนชาวเน็ตด่าเสียมากกว่า

‘พีระพันธุ์’ กำชับ!! ‘ปตท. - กฟผ.’ ดูแลประชาชน แก้ปัญหาขาดแคลน ‘ก๊าซ - น้ำมัน’ ในพื้นที่น้ำท่วม

(1 ธ.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้มีพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุ และได้รับความเดือดร้อนมากถึง 130,000 กว่าครัวเรือน ซึ่งกระทรวงพลังงาน ได้รับรายงานการขาดแคลนเรื่องน้ำมัน และก๊าซ จึงได้ประสานงานให้ บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก ซึ่งรับผิดชอบงานในส่วนนี้ เข้าไปประสานงานกับส่วนราชการในพื้นที่ โดยล่าสุด ได้รับรายงานว่าขณะนี้สามารถขนส่งน้ำมัน และก๊าซลงในพื้นที่ได้แล้ว

"ล่าสุดได้รับรายงานว่า ตอนนี้เริ่มขนส่งน้ำมัน และก๊าซไปได้แล้ว แต่ต้องเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงขนส่งไปใช้ทางหลวงหมายเลข 42 ซึ่งดำเนินการได้ช้ากว่าปกติ เพราะระยะทางไกลขึ้น และถนนก็คดเคี้ยวมาก ทำให้เดินทางลำบาก และไม่สามารถทำเวลาได้ตามที่เคยดำเนินการอยู่ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาระยะหนึ่ง" นายพีระพันธุ์ กล่าวระบุ

สำหรับในเรื่องไฟฟ้า ได้กำชับให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตรวจสอบสถานการณ์เกี่ยวกับการผลิต และส่งไฟฟ้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย

‘นิด้าโพล’ เผย!! ผลสำรวจ ปชช. ชี้!! คดีล้มล้างฯ ไม่ควรยุบพรรค

(1 ธ.ค. 67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็น เรื่อง ‘ยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับผลกระทบของการยุบพรรคและการตัดสิทธิทางการเมืองต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงการมีสิทธิของประชาชนในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง หากพบบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 81.37 ระบุว่า ประชาชนควรจะมีสิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง รองลงมา ร้อยละ 16.42 ระบุว่า ประชาชนไม่ควรจะมีสิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง และร้อยละ 2.21 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับการยุบพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 61.30 ระบุว่า ควรมีการลงโทษด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การยุบพรรค รองลงมา ร้อยละ 36.10 ระบุว่า ควรมีการลงโทษยุบพรรค และร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.54 ระบุว่า ควรลงโทษตัดสิทธิทางการเมือง เฉพาะกับผู้กระทำการเท่านั้น รองลงมา ร้อยละ 31.68 ระบุว่า ควรลงโทษด้วยวิธีอื่นเฉพาะกับผู้กระทำการเท่านั้น ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ควรลงโทษตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ร้อยละ 6.26 ระบุว่า ควรลงโทษด้วยวิธีอื่นกับกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด และร้อยละ 3.21 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.56 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.29 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 1.15 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.37 สมรส และร้อยละ 2.21 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 0.69 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 19.16 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 35.50 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 10.07 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 29.69 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.89 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี

ตัวอย่าง ร้อยละ 9.77 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 17.40 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.53 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 11.68 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 16.11 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 19.01 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 4.50 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

ตัวอย่าง ร้อยละ 19.47 ไม่มีรายได้  ร้อยละ 3.36 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 14.97 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 33.28 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.69 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.66 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 2.21 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 1.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.69 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.38 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 0.76 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.08 ไม่ระบุรายได้

‘นายกฯ’ เตรียม!! ลงใต้ 6 ธ.ค. นี้ เพื่อช่วยเหลือชาว ‘สงขลา – ปัตตานี’

(1 ธ.ค. 67) หลังเกิดกระแสดรามาในโซเชียลว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ลงพื้นที่ไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมชายแดนภาคใต้ แต่กลับเดินกับครอบครัวอยู่ที่เชียงใหม่-เชียงราย ซึ่งเป็นช่วงที่มีการประชุม ครม.สัญจร ล่าสุด มีรายงานว่า นายกฯ มีกำหนดการเตรียมลงพื้นที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดปัตตานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจติดตามสถานการณ์น้ำ และเร่งรัดการเยียวยา และฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.จะมีการประชุม ศปช.เพื่อวางกำหนดการ และจุดที่จะลงไปติดตามตรวจเยี่ยม โดยวางไว้เบื้องต้นว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.นี้

นายกฯ ได้สั่งการไปยัง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ให้ประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งรัดให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะจุดที่ขาดแคลนเครื่องมือ และได้ประสานกระทรวงกลาโหมให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือประชาชน โดยต้องการให้เร่งรัดขั้นตอนการเยียวยาให้เกิดความรวดเร็ว ไม่ให้ประชาชนต้องรอนาน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ตั้งใจจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมในช่วงแรกแล้ว แต่ติดภารกิจการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่วางกำหนดการไว้ก่อนหน้าแล้ว และหากไปในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมหนัก จะเป็นภาระแก่เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนต้องมาคอยต้อนรับ โดยตลอดช่วงที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม นายกฯได้ติดตามและสั่งการนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมกองทัพ ลงไปช่วยประชาชนอย่างเต็มที่ ล่าสุดรัฐบาลได้มีการสั่งเบิกงบภัยพิบัติให้กับพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชน

‘หมอยง’ โพสต์เฟซ!! ย้อนดู 5 ปี โควิด 19 ความยุ่งเหยิง ดรามา ของวัคซีน และเซียนคีย์บอร์ด

(1 ธ.ค. 67) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ แพทย์อาวุโส นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เรื่องวัคซีน และโรคโควิด-19 โดยมีใจความว่า ...

ย้อนดู 5 ปี โควิด 19, ปีที่ 2 ปีที่ยุ่งเหยิง และดราม่า เกี่ยวกับวัคซีน และเซียนคีย์บอร์ด 

หลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก ในปีแรก ทุกคนมุ่งหวัง ที่จะยุติการระบาดด้วยวัคซีน จึงมีการผลิตคิดค้นวัคซีนกันมากมาย มากกว่า 10 platform รวมทั้งของประเทศไทยเองด้วย ประเทศไทยมีการออกข่าวว่าจะผลิตวัคซีนได้สำเร็จภายใน 2 ปี

เมื่อสิ้นปีแรก การผลิตและออกมาใช้จริง ก็เริ่มปรากฏออกมา ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย ไวรัสเวกเตอร์ และ mRNA ประสิทธิภาพของวัคซีนได้ลงพิมพ์ ในวารสารต่างๆ จะเห็นว่า mRNA มีประสิทธิภาพสูงสุด มากกว่าไวรัสเวกเตอร์ และเชื่อตาย แต่ผลทั้งหลายเป็นผลระยะสั้นทั้งนั้น ความจริงผลระยะยาวค่อยออกมาทีหลัง 

วัคซีนจึงขาดแคลนในระยะแรก เพราะทุกประเทศแย่งกัน ทางตะวันตก จะไม่รับวัคซีนของจีน และจีนเองก็ไม่รับวัคซีนของทางตะวันตก ประเทศกำลังพัฒนา ส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนจากจีน และ mRNA จะใช้ในทางตะวันตก ไม่เพียงพอ ตลาดเป็นของผู้ขาย จะกำหนดกฎเกณฑ์อย่างไรก็ได้ในการซื้อ เช่นต้องวางเงินก่อน และจะเอาหรือไม่เอาก็ต้องจ่าย ซึ่งขัดกับหลักการจัดซื้อของประเทศไทย และบางบริษัทให้วางเงินก่อนจะผลิตสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ไม่รับรู้ ถ้าไม่สำเร็จก็ต้องเสียเงินฟรี 

วัคซีนเชื้อตายจึงเข้ามาในประเทศไทยก่อน แล้วตามมาด้วยไวรัสเวกเตอร์ กว่าประเทศไทยจะเริ่มฉีด mRNA ก็เข้าสู่ กันยายน ตุลาคมแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มีการเรียกร้องเอา mRNA มาเป็นวัคซีนหลัก จะเห็นบนหน้าเพจมากมาย มีดราม่าเกิดขึ้น ด้อยค่าวัคซีนเชื้อตายอย่างหนัก และกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ประเทศจีน มีอัตราการเสียชีวิตโดยรวม น้อยกว่าประเทศทางตะวันตกอย่างมาก

ปีที่ 2 ความรุนแรงของโรคมาก อยู่มีอัตราตายเกือบ 1% ดังนั้นการรณรงค์ให้วัคซีน จึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และอัตราการครอบคลุม 2 เข็มแรก ได้เร็วมาก โดยทุกแห่งและโรงพยาบาลร่วมมือกันดีมาก

ผมเองทำการศึกษา การกระตุ้นเข็มสามด้วยวัคซีนเชื้อตาย Sinovac เปรียบเทียบกับ ไวรัสเวกเตอร์และ mRNA คณะกรรมการจริยธรรมยังไม่ยอมให้ทำ ตอนหลังเลยต้องเปลี่ยนจากเชื้อตาย Sinovac มาเป็น Sinopharm ถึงได้ทำ แต่ก็เสียดายข้อมูลทางวิชาการ ที่เราไม่มี การฉีดวัคซีนเชื้อตายชนิดเดียวกัน 3 เข็ม เสียดายโอกาสทางวิชาการอย่างมาก

งานวิจัยทางด้าน วัคซีนโควิด ในช่วงนี้หาอาสาสมัครและมีผู้สมัครใจเป็นจำนวนมาก และทำได้อย่างรวดเร็วมาก ต้องขอขอบคุณอาสาสมัครอย่างยิ่ง รวมทั้งแหล่งทุนด้วย ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงมีผลงานให้เห็น โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน และสูตรต่างๆ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสูตรการฉีดวัคซีนสลับไปมา 3 เข็ม รวมทั้งสิ้น 24 แบบ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สุดท้ายไม่ต่างกันเลย เพราะทั้งหมดเป็นแอนติเจนชนิดเดียวกัน คือ spike protein ของ Wuhan strain 

ในปีนี้เป็นปีที่ ผมเองถูกกล่าวหาให้ร้าย อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ หรือการเมืองทั้งที่จริงแล้วตัวเองไม่เคยไปยุ่งเลยแม้แต่นิดเดียว มุ่งค้นหาทางวิชาการและให้ข้อมูลผู้บริหารและประชาชน เพื่อช่วยปกป้องโรคร้าย การกล่าวให้ร้ายผมเอง ไม่ได้สนใจ แต่คนรอบข้าง ทนไม่ได้ จึงมีการแจ้งความฟ้องร้อง ผู้ที่กล่าวหารุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษา และมีหน้าตาในสังคม

คดีในการฟ้องร้อง บางคดีได้สิ้นสุดแล้ว และบางคดีจนถึงวันนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ที่สิ้นสุดแล้วส่วนใหญ่ศาลจะตัดสิน เป็นเรื่องของการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ถือเป็นคดีอาญา ศาลให้จำคุก 2 ปี และปรับ 3 แสน บาท เข้าแผ่นดิน ถ้าสารภาพก็ลดลงกึ่งหนึ่ง และเกือบทั้งหมดโทษจำให้รอลงอาญา หลายราย ยอมความ มาขอโทษ ก็จะยอมเกือบทุกกรณี แต่จะให้บริจาคเงิน เข้ามูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ แทน โดยตัวเองไม่ไปแตะต้องเงินจำนวนนี้เลย

ยง ภู่วรวรรณ
ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์
ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬา
30 พฤศจิกายน 2567

‘สภาพัฒน์’ เผย!! คนไทย ถูกหลอกทำบุญออนไลน์ มีผู้เสียหายกว่า 2.65 ล้านคน มูลค่า!! พุ่งทะลุ 2.3 พันล้านบาท ‘Gen Z – Gen Y’ ถูกหลอกง่ายที่สุด

(1 ธ.ค. 67) สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการช่วยเหลือ คนไทยส่วนใหญ่มีจิตใจดี ชอบทำบุญ ในปัจจุบันมีการเชิญชวนทำบุญหรือบริจาคเงินช่วยเหลือผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งคนจำนวนมากได้เข้าไปร่วมทำบุญผ่านวิธีนี้เนื่องจากมีความสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปสถานที่จริงก็สามารถโอนเงินไปร่วมทำบุญได้ อย่างไรก็ตามก็เป็นช่องทางของมิจฉาชีพในการหลอกลวงและฉ้อโกง นอกจากได้เงินไปแล้วยังมีการออกใบอนุโมทนาบัตรปลอมอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีคนที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวงเป็นจำนวนมาก

ข้อมูลจากการแถลงข่าวภาวะสังคมไตรมาสที่ 3/2567 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่าหนึ่งในสถานการณ์ทางสังคมที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่ต้องให้ความสำคัญคือ ‘การหลอกลวงจากการทำบุญหรือช่วยเหลือทางออนไลน์’  โดยจากผลการสำรวจสถานการณ์การถูกหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์" ของศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ในปี 2566พบผู้เคยถูกหลอกลวงโดยอาศัยความสงสารหรือความสัมพันธ์จำนวน 2.65 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายจำนวนรวมสูงถึง 2.3 พันล้านบาท

ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งตกเป็นผู้เสียหายถูกหลอกลวงจากการขอรับบริจาคช่วยเหลือหรือการระดมเงินทำการกุศล โดยหากพิจารณาจำแนกตามกลุ่ม Generation จะพบว่า กลุ่ม Gen Z และ Gen Y เป็นกลุ่มที่ถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอยู่ที่13% และ 10% ตามลำดับ มากกว่ากลุ่ม Gen Xและ Baby Boomer

โดยที่มีรูปแบบการหลอกลวง เช่น การหลอกโอนเงินไถ่ชีวิตโคกระบือ/การช่วยเหลือสัตว์ บาดเจ็บ การแอบอ้างร่วมบริจาคเงินซื้อถังออกซิเจน ใบอนุโมทนาบัตรออนไลน์อ้างลดหย่อนภาษี นอกจากนี้ในช่วงวิกฤตต่าง ๆ เช่น สถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนจำนวนมากได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่หน่วยงานจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงมีการเปิดร่วมรับบริจาคเงินหรือสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยส่งผลให้กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางฉวยโอกาสของมิจฉาชีพ กระทำการหลอกลวงให้โอนเงินช่วยเหลือผ่านการสแกน OR Code หรือบัญชีม้า และการหลอกลวงผู้ประสบภัยโดยมักแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐหลอกลวงให้ผู้ประสบภัยกรอกข้อมูลลงทะเบียนบนเว็บไซต์/ลิงก์ปลอม หรือวิธีการอื่น ๆ เพื่อรับเงินช่วยเหลือเยียวยา

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบบัญชีธนาคาร เบอร์โทรศัพท์ หรือเว็บไซต์ที่น่าสงสัย ได้ทาง www.checkgon.go.th ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือติดตามมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐจากเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นทางการเท่านั้น

สอดคล้องกับข้อมูลศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center) ที่มีการเตือนเรื่องทำบุญออนไลน์ ระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดยระบุว่าหากอยากจะทำบุญออนไลน์ต้องตรวจสอบให้ดี ระวังมิจฉาชีพใช้กลโกงหลอกหลวง โดยสิ่งที่ต้องระวังมีดังนี้

• เช่าวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลังออนไลน์ อาจเจอของปลอม ไม่ตรงปกหรือหลอกให้โอนเงิน แต่ไม่ส่งของให้
• เวียนเทียนออนไลน์ มิจฉาชีพอาจหลอกให้กดลิงก์ติดตั้งแอปฯ รีโมทควบคุมโทรศัพท์ เพื่อดูดเงินจากบัญชี หรือหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อนำไปทำเรื่องผิดกฎหมาย
• ทำบุญออนไลน์ มิจฉาชีพอาจหลอกให้โอนเงินทำบุญ ด้วยการให้หมายเลขบัญชีปลอม
• สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม ดูดวงออนไลน์ อาจเป็นโจรแฝงตัวหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ รูปถ่าย ภาพโป๊เปลือย ข้อมูลบัตรประชาชน เลขบัตรเครดิต ฯลฯ
• ใบอนุโมทนาบัตรออนไลน์ อ้างลดหย่อนภาษี อาจเป็นโจรสวมรอยหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ก่อนคลิก ก่อนโอน ก่อนกรอกข้อมูลใด ๆ ต้องมีสติ ดูให้ดี มิฉะนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

‘อาจารย์อุ๋ย’ ชี้!! ‘เมียนมาร์’ ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ยิงเรือประมงไทย ละเมิด!! หลักกฎหมายระหว่างประเทศ จี้!! รัฐบาลดำเนินการตอบโต้

(1 ธ.ค. 67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟสบุ๊กว่า

กรณีที่เรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย 3 ลำ จนทำให้ลูกเรือบาดเจ็บ 2 คน เสียชีวิต 1 คน และจับกุมเรือประมงไทย 1 ลำพร้อมลูกเรือ 31 ไว้นั้น กฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter) มาตรา 51 ให้สิทธิแก่รัฐสมาชิกในการใช้กำลังป้องกันตนเองโดยใช้อาวุธ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีการรุกล้ำน่านน้ำหรือไม่ ด้วยหลักจารีตประเพณีและคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล (International Tribunal for the Law of the Sea) ซึ่งได้เคยวางหลักไว้ในคดี SAINT VINCENT AND THE GRENADINES V. GUINEA ว่า การใช้กำลังอาวุธด้วยการยิงเข้าใส่เรือประมงจนเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของลูกเรือ ถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 

ทั้งนี้ ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐทุกรัฐจักต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอาวุธให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อทำการเข้าจับกุมเรือ แม้ว่าจะเป็นเรือที่ทำผิดกฎหมายก็ตาม เพราะการใช้กำลังอาวุธจะทำให้มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้คนของชาติอื่นต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะทำให้เกิดความบาดหมางต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่จำเป็น ซึ่งวิธีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในทางระหว่างประเทศเมื่อพบเรือต่างชาติที่ต้องสงสัย คือการเตือนด้วยเสียงหรืออาณัติสัญญาณในรูปแบบที่เห็นได้ชัดให้เรือต้องสงสัยนั้นหยุด และหากเรือต้องสงสัยนั้นไม่ตอบสนองหรือไม่หยุด เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าขึ้นเรือและใช้กำลังเข้าควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ หรือหากเรือต้องสงสัยนั้นมีการใช้กำลังอาวุธยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่จึงสามารถใช้อาวุธยิงตอบโต้ได้ หากปรากฎข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่เมียนมายิงเข้าใส่เรือประมงไทยโดยไม่มีการเตือนหรือแจ้งล่วงหน้าให้หยุดเรือจึงเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ซึ่งรัฐบาลไทยต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาเยียวยาความเสียหาย และปล่อยตัวลูกเรือที่ถูกจับโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ (retortion/reprisal) เช่น ส่งทูตกลับประเทศ ปิดน่านน้ำ ปิดชายแดน จำกัดการนำเข้าสินค้า บอยคอตสินค้า ตัดความช่วยเหลือต่าง ๆ กับประเทศเมียนมา ฯลฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำได้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อผดุงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศไทยและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนไทยที่ประสบเหตุ อย่างเต็มที่ ด้วยความปรารถนาดี 

‘บิ๊กเต่า’ เล็งแจ้ง!! อีกหลายข้อหา ‘สามารถ’ หลังพบเส้นทางการเงิน พบเอี่ยว!! ‘รีดไถผู้ประกอบการ - พนันบอล’ ยัน!! มีหลักฐานชัดเจน

(1 ธ.ค. 67) ที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบ.ช.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ว่า จากการตรวจสอบยอดเงิน 100 กว่าล้านในบัญชี มีการแตกไปในหลายเส้นทางการเงิน และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา เราพบร่องรอยการโอนเงินเข้าบัญชีของนายสามารถ ประมาณ 500,000 บาท จึงเรียกเป้าหมายคนดังกล่าวมาพูดคุย พร้อมนำหลักฐานมาแสดง ซึ่งเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์จึงน่าจะมีการแจ้งข้อหานี้กับนายสามารถอีกหนึ่งคดี

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 บุคคลใกล้ชิดนายสามารถ ที่มีการเรียกเข้ามาสอบปากคำ ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ได้บอกถึงเส้นเงิน ที่ตัวเขาเป็นคนถือบัญชี ซึ่งนายสามารถอ้างว่า เป็นเงินใช้หนี้ และให้โอนเข้ามาในบัญชีนี้ และพบว่ามีการโอนเงินเข้ามา 2 ส่วน คือ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป แต่ไม่ใช่จากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล แต่เป็นหนึ่งในบอสของ ดิไอคอน ประมาณ 3 ล้านบาท โดยต้องตรวจสอบว่าเป็นการโอนเข้ามา เพราะบอสพอล เป็นคนสั่งการหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเป็นการเรียกรับ ตำรวจสอบสวนกลางจะเป็นคนสอบเอง แต่หากพบว่าโอนเข้ามาจากบริษัท ดิไอคอน จะเข้าข่ายคดีฟอกเงินเพิ่มอีกหนึ่งคดี ตอนนี้ได้ประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อที่จะสอบปากคำพยานคนดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ส่วนเงินในบัญชีอีกส่วนเป็นการโอนเข้ามาของผู้ประกอบการที่ถูกรีดไถ จำนวน 500,000 บาท ซึ่งมีการแจงความไว้แล้ว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนอื่นๆที่เราได้มีการตรวจสอบ พบว่าเกิดเหตุในลักษณะนี้ กับอีกหลายคนและอีกหลายส่วน และบางส่วนยังไม่ให้ความร่วมมือ เราจึงพยายามพูดคุย และพบว่าเกี่ยวข้องกับคนในหลายแวดวง ทางข้าราชการ หรือแม้แต่บุคคลที่บริษัท ดิไอคอน จ้างงาน ซึ่งมีเส้นเงินเชื่อมโยง ดังนั้น ต้องมีการตรวจสอบบัญชีอีกหลายส่วน ทั้งนี้ เส้นเงินที่เราแตกออกไปหลายส่วนนั้น อยู่ในจำนวน 100 กว่าล้านบาท ซึ่งเงินบางส่วนเราเห็นแล้วว่าน่าจะเป็นเงินที่มาจากการเล่นพนันบอล ซึ่งพบจากคนใกล้ชิด ประมาณ 30 ล้านบาทและเสียไปประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งยังเหลืออีก 50-60 ล้านบาท ที่ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป ดังนั้นตำรวจสอบสวนกลางต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่าเส้นเงินไปถึงใครบ้าง เพื่อพยายามที่จะเรียกบุคคลนั้นๆเข้ามาสอบปากคำ และยืนยันว่าจะดำเนินคดีในทุกเรื่อง

เมื่อถามถึงที่นายสามารถ ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการถูกดำเนินคดี และมีการอดข้าวประท้วง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เราไม่อยากให้มีการอดอาหารประท้วง และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้กลั่นแกล้ง การตรวจสอบเส้นเงินเป็นวิทยาศาสตร์ และผู้เสียหายก็มีอยู่จริง

"นายสามารถ ต้องยอมรับสภาพว่าสิ่งที่ทำจะทิ้งหลักฐานไว้ สิ่งเหล่านี้กำลังตามหลอกหลอน ให้ต้องถูกดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีใครที่จะไปกลั่นแกล้ง แต่นายสามารถเป็นบุคคลคนหนึ่งที่เราต้องการ นำเข้าสู่การบังคับใช้กฎหมาย และนำเข้าสู่สำนวนคดี เพราะมีคลิปเสียงชัดเจนในการเรียกรับ และมีคำพูดค่อนข้างดูถูกข้าราชการ ในการแต่งตั้งข้าราชการเข้าไปดูแลบอสพอล หรือช่วยเหลือผู้ประกอบการ ดังนั้น เราต้องมีความพยายาม ต้องดำเนินการแม้บอสพอล จะไม่ได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดี ยืนยัน ไม่มีการกลั่นแกล้งและขอให้ไปสู้กันในชั้นศาล หากมีพยานที่สามารถหักล้างเหตุผลได้ ก็ไม่จำเป็นต้องอดข้าว ขณะนี้ยังมีเวลาแก้ไข หากกระทำผิดก็ต้องชดใช้ ในสิ่งที่ทำไว้" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

เมื่อถามต่อว่าจะมีการมอบของขวัญช่วงปีใหม่ให้กับอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีดิไอคอนอีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการปัดกวาดทางสังคมให้สะอาด ให้บรรดาอินฟลูเอนเซอร์เพจต่างๆ เข้ามาสู่ระบบเคารพกฎหมาย เพราะที่ผ่านมามีการบูลลี่หน่วยงานรัฐ โดยไม่มีหลักฐาน แต่ยืนยันพวกเราไม่ใช่คนไร้น้ำใจ หรือเป็นคนใจร้าย แต่ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ระบุว่าสิ่งใดที่ทำให้สังคมไขว้เขว ใส่ร้ายสังคม ใส่ร้ายข้าราชการ เราต้องปัดกวาด รวมถึงหากข้าราชการตำรวจมีการกระทำความผิด ก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเอาออกไปเช่นกัน ก็เป็นการกวาดบ้านตัวเอง เป็นการทำทุกหน่วยงานให้เป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงปีใหม่

“เชียงราย”วันนี้ที่รอคอย”คนไทยไม่ไร้สิทธิ์! ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย แห่งสหประชาชาติปลื้ม 

(1 ธ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ที่ว่าการอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบบัตรประจำตัวให้แก่กลุ่มเด็กนักเรียนที่มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยอักษร G และบุคคลที่ได้รับการเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนราษฎร หรือคนไทยตกหล่น ตามโครงการนำความยุติธรรมเข้าหาประชาชน แก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติ โดยมีผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว และมี คณะผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย แห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประกอบด้วย 1.) คุณมิเกลล่า ฟิลแบรย์-สตอเร่  ผู้ประสานสหประชาชาติประจำประเทศไทย (Ms. Michaela Friberg-Storey, UN Resident Coordinator, Thailand), 2.) คุณแทมมี ชาร์ป ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (Ms. Tammi Sharpe, Representative of UN High Commissioner for Refugees (UNHCR), Thailand), 3.) คุณคยองซอน  คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย (Ms.Kyungsun Kim, Representataive of United Nations Children’s Fund (UNICEF), Thailand), 4.) คุณเจอรัลดีน อองซาร์ค หัวหน้าสำนักงานองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ประจำประเทศไทย (Ms. Géraldine Ansart, Chief of Mission for the International Organization for Migration (IOM) Thailand) เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย โดยมี นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำกล่าวต้อนรับ และส่วนราชการ องค์กรปกครองท้อนถิ่นในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ

การมอบบัตรประจำตัวดังกล่าวเกิดจาก กระทรวงยุติธรรม โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงราย บูรณาการกับสำนักทะเบียนอำเภอแม่สรวย และ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย แห่งสหประชาชาติ (UNHCR) โดยกลุ่มบุคคลที่ได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้ประกอบด้วยกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยอักษร G จำนวน 3,149 ราย ได้รับการกำหนดเลข 13 หลัก จำนวน 1,020 ราย เหลือจำนวนที่ต้องดำเนินการคัดกรอง จัดทำทะเบียนประวัติ จำนวน 1,665 ราย 

นอกจากนี้ ภายในกิจกรรมยังมีการเปิดรับลงทะเบียนบุคคลที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือในการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) จากกระทรวงยุติธรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเปิดรับลงทะเบียนกลุ่มบุคคลที่จะขอรับความช่วยเหลือในการพัฒนาสถานะทางทะเบียน ซึ่งทั้งสองกลุ่ม กระทรวงยุติธรรมจะบูรณาการร่วมกับสำนักทะเบียนอำเภอแม่สรวย และหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือ โดยภายหลังกิจกรรมมอบบัตรประจำตัว จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สรวย เพื่อกำหนดแผนงานในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มบุคคลดังกล่าวเพิ่มเติม

พันตำรวจเอก ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า รัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติเป็นอย่างมาก โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ วันที่ 29 ตุลาคม 2567 อนุมัติ หลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามา ในอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร ซึ่งรวม แล้วมีจำนวนประมาณ 480,000 คน เพื่อให้คนกลุ่มนี้สามารถใช้สิทธิที่ตนพึงมีตาม กฎหมายในด้านต่างๆ อันเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล และกฎหมายระหว่างประเทศ จากนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว กระทรวงยุติธรรมได้ร่วมขับเคลื่อนการแก้ไข
ปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติมาอย่างต่อเนื่องผ่านนโยบาย “การนำความยุติธรรมเข้าหา ประชาชนอย่างทั่วถึงและถ้วนหน้า” โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมจะร่วมบูรณาการกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และองค์กร ระหว่างประเทศ ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานกับสำนักทะเบียนอำเภอ เพื่อแบ่งเบา ภาระหน้าที่ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้อย่าง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  

พันตำรวจเอก ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่ได้รับฟังรายงานของนายอำเภอแม่สรวย และผู้อำนวยการกองกิจการ อำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเห็นได้ว่า มีการประสานงานและ บูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงยุติธรรม จังหวัดเชียงราย และอำเภอแม่สรวย อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการอำนวยความยุติธรรมด้านสิทธิมนุษยชน ในพื้นที่อำเภอแม่สรวยให้เกิดเป็นรูปธรรม ผมขอแสดงความยินดีกับน้องนักเรียนผู้ได้รับบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะ ทางทะเบียนทุกคนในวันนี้ นอกจากสิทธิทางการศึกษาแล้ว ยังมีสิทธิด้านอื่นที่น้องๆ พึงได้รับ เช่น สิทธิการรักษาพยาบาล ซึ่งจะได้มีการลงทะเบียนเข้ารับสิทธิการ รักษาพยาบาลของกองทุนประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ให้เกิดผล อย่างเป็นรูปธรรมในวันนี้ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในความ ร่วมมือและสนับสนุนภารกิจกันระหว่างหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัด เชียงราย อำเภอแม่สรวย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทุกท่าน ในฐานะผู้มีอำนาจ หน้าที่ตามกฎหมาย ที่ได้ร่วมกันบูรณาการทำงานร่วมกับคณะทำงานของกระทรวง ยุติธรรม ในการผลักดันให้เกิดการพิจารณาสถานะทางทะเบียนตามกระบวนการของ กฎหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีความก้าวหน้าในการ ดำเนินการร่วมกันในระยะต่อไป  

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คุณมิเกลล่า ฟิลแบรย์-สตอเร่ ผู้ประสานสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้กล่าวขอบคุณ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐบาลไทย ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติ และได้จัดงานในวันนี้ขึ้น ซึ่งถือเป็นห้วงเวลาประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญและมีความหมายกับเด็กทุกคน รวมถึงสะท้อนความยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากลของไทย และความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของรัฐบาลไทยในการยุติปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติ และขอแสดงความยินดี กับน้อง ๆ เยาวชน ที่ได้บัตรประจำตัวประชาชนทุกคนด้วย ทั้งนี้ ในพื้นที่อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย มีบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติและผู้มีปัญหาสถานะทางทะเบียน ฯลฯ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันให้ความช่วยเหลือกลุ่มบุคคลดังกล่าวกับอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย อย่างต่อเนื่อง

พันตำรวจเอก ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้ร่วมพูดคุยและแสดงความยินดีกับผู้ปกครองของเยาวชนที่ได้รับบัตรในวันนี้ โดยตัวแทนผู้ปกครองได้มอบผ้าพื้นเมืองให้ไว้เป็นที่ระลึก เป็นการขอบคุณที่เดินทางมาตรวจเยี่ยม และลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่สรวยในครั้งนี้ด้วย รวมทั้งมีตัวแทนเยาวชนนำกล่าวขอบคุณท่านรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน

พันตำรวจเอก ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีกำหนดการเดินทางทัวร์นกขมิ้นวันนี้เป็นวันที่สามต่อเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ตามลำดับ หลังปฏิบัติภารกิจร่วมประชุม ครม.สัญจร กับคณะรัฐมนตรี ที่มี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่วานนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมคณะ เพิ่งกลับจากการเดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงบ่าย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีกำหนดการเดินทางไปที่ บ้านรวมมิตร รับฟังรายงานสรุปการดำเนินงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของเรือนจำกลางเชียงราย และเรือนจำและทัณฑสถานเขต 5 กรมราชทัณฑ์
กระทรวงยุติธรรม และมีพิธีมอบบ้านน๊อคดาวน์ เฟส 2 ให้กับประชาชนด้วย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในช่วงค่ำ

สันติ วงศ์สุนันท์/หัวหน้าศูนย์ข่าวอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย/รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top