Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

เป็นทหารเรือต้องว่ายน้ำทะเล ศฝท.ยศ.ทร. นำทหารใหม่ทดสอบว่ายน้ำในทะเล เพื่อความคุ้นเคย

(2 ธ.ค. 67) น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา ร่วมกิจกรรมว่ายน้ำในทะเลกับทหารใหม่ ผลัดที่ 3/67 ณ อ่าวบางเสร่  ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ศฝท.ยศ.ทร. จัดกิจกรรมทดสอบว่ายน้ำในทะเลให้แก่ทหารใหม่ ผลัดที่ 3/67 เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์และความคุ้นเคยในการว่ายน้ำในทะเล ส่งเสริมการออกกำลังกายให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มทหารใหม่บางนายที่ได้สัมผัสน้ำทะเลเป็นครั้งแรกในชีวิต

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวได้กำหนดไว้ในหลักสูตรทหารใหม่ภาคสาธารณศึกษา ภายใต้ความปลอดภัย ตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ "Safety Navy 2025"

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ เยี่ยมกิจกรรม “ญาติเยี่ยมทหารใหม่ ผลัดที่ 3/67” ส่งกำลังใจให้น้องเล็กกองทัพเรือ ญาติ และครูฝึก พร้อมยืนยันการดูแลด้วยความเมตตาเสมือนลูกหลาน

พล.ร.ท.อดิศักดิ์ แจงเล็ก เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ (จก.ยศ.ทร.) เยี่ยมชม และพบปะพูดคุยกับญาติของทหารใหม่ ในกิจกรรม “ญาติเยี่ยมทหารใหม่ ผลัดที่ 3/67” โดยมี น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา ศฝท.ยศ.ทร. ให้การต้อนรับ และเรียนเชิญ จก.ยศ.ทร. เยี่ยมกิจกรรม ณ บริเวณพื้นที่โดยรอบอาคารกองบังคับการ ศฝท.ยศ.ทร. ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ 1 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา

กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทหารใหม่และญาติ รวมถึงสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ให้แก่ญาติของทหารใหม่ได้เห็นผลของการฝึกอบรม และการดูแลทหารใหม่ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ที่เข้ามาเป็น "น้องเล็กของกองทัพเรือ" ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในแนวทางของการฝึกอบรมทหารใหม่ของกองทัพเรือยิ่งขึ้น

ในการนี้ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้พบปะพูดคุยกับทหารใหม่ และญาติ โดยยืนยันถึงการฝึกอบรม และการดูแลทหารใหม่ ว่า “...ขอให้ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และญาติของน้องทหารใหม่เชื่อมั่นว่าการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 3/67 ณ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตลอดระยะเวลา 2 เดือน จะทำให้ทหารใหม่ปรับสภาพจากพลเรือน เป็นสุภาพบุรุษทหารเรือที่เข้มแข็ง องอาจ พร้อมกันนี้ขอให้มั่นใจได้ว่าเราจะดูแลทหารใหม่ด้วยความเมตตาเสมือนลูกหลานหรือญาติมิตรของเรา...”

ทั้งนี้ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ให้กำลังใจแก่ผู้บังคับบัญชา และครูฝึกของ ศฝท.ฯ และขอให้คำนึงถึงมาตรการในการดูแลทหารใหม่ให้อยู่ในกรอบของความปลอดภัยตามที่ผู้บัญชาการทหารเรือกำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ "Safety Navy 2025"

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี  ชลบุรี 0909535645

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภั

(2 ธ.ค. 67) เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม สำนักงานประสานงานชายแดนไทย – มาเลเซีย      (สน.ปทม.) ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเอก สวัสดิ์  ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา  พร้อมด้วยกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการกิจการทหารด้านความมั่นคงแบบองค์รวม ได้ร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน พร้อมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจในการปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนของเจ้าหน้าที่ในห้วงวิกฤติอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลตำรวจตรี ชุมพล  ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้การต้อนรับและบรรยายสรุปเกี่ยวกับแนวโน้มของสถานการณ์ แผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผลการดำเนินงานในห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนปัญหาและอุปสรรค เพื่อประมวลเป็นข้อเสนอแนะแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะนำข้อมูลและข้อคิดเห็นต่างๆ มาประกอบการพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไป

ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวสั่งการสถานีตำรวจท่องเที่ยวออกดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะสู่ภาวะปกติ

(2 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า ตามสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจออกช่วยเหลือประชาชน
ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยนั้น ตนได้สั่งการให้สถานีตำรวจท่องเที่ยวในสังกัดบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อออกดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชน และสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในจังหวัดต่าง ๆ ที่ประสบอุทกภัยในภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 สถานีตำรวจท่องเที่ยว 3 กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 เป็นสถานีตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย 
โดยร่วมอพยพประชาชนและสิ่งของจำเป็นต่างๆ ไปอยู่พื้นที่ปลอดภัย , ร่วมปรุงอาหารเพื่อนำไปแจกประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน , นำอาหารและสิ่งของจำเป็นไปแจกจ่ายให้กับประชาชนตามบ้านเรือนและศูนย์อพยพช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยโดยตลอด และสั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการ และถนนต่าง ๆ หลังน้ำลด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนและสังคมต่อไปด้วย

ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ และตำรวจท่องเที่ยว ได้ทันทีทางสายด่วน 191 ตำรวจทุกท้องที่ , สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 
และสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ทุกคน ขอให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

“พิทักษ์สถาบัน ป้องกันอ่าวไทย สามัคคีรวมใจ ห่วงใยประชาชน"

(2 ธ.ค. 67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบอุทกภัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จังหวัดสงขลา โดยทัพเรือภาคที่ 2 จัดตั้งโรงครัวพระราชทานขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ณ วัดเกษตรชลธี ตำบลตะเครียะ  อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 พร้อมกันนี้ ยังได้จัดแพทย์และพยาบาลตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านสุขอนามัย และมอบยาสามัญประจำบ้าน รวมทั้งมอบถุงยังชีพให้พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

การแจ้งเหตุประสบภัย
📞074-325804  ทัพเรือภาคที่ 2  
📞1696 สายด่วนกองทัพเรือ ตลอด 24 ชั่วโมง

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0908535645

จากเหนือ.. สู่อีสาน.. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยกทัพจัดผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร 22 จังหวัดภาคอีสาน 

ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 20 ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้คณะกรรมการ และผู้บริหารฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกสาธารณภัย และแผนกบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปฏิบัติการ ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร  22 จังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย จังหวัดลพบุรี เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด มุกดาหาร นครพนม  บึงกาฬ และ สกลนคร นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรีในบางพื้นที่ ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โดยวานนี้ (วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2567) นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่มอบผ้าห่ม พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า  เพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ที่อำเภอนาด้วง อำเภอเอราวัณ อำเภอผาขาว จังหวัดเลย รวม จำนวน 2,000 ชุด พร้อมทั้งจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ในพื้นที่อำเภอผาขาว โดยมีประชาชนทั้งในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก  โดยมี  นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คณะมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จังหวัดเลย เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยในปีนี้  ระหว่างเดือน พฤศจิกายน -  ธันวาคม 2567 มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ ภาคเหนือ  ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้  รวมการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวทั้งสิ้น  4 ภาค  43 จังหวัด ผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภครวม 51,500 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 34,637,500 บาท (สามสิบสี่ล้านหกแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน)  โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สละแรงกาย แรงใจ  สมทบทุน ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

“นพ.เอก” ตั้งคำถามเดือด อ้างชื่อราชวิทยาลัยแพทย์ต้านบุหรี่ไฟฟ้าระดมส่งไลน์หวังกดดันสภาฯ ไม่เห็นชอบการควบคุมให้ถูกกฎหมาย

‘หมอเอก’ อดีต ส.ส. เชียงรายโพสต์ข้อความผ่านบัญชี Facebook ส่วนตัว แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยระบุราชวิทยาลัยต่างๆ ที่ออกมาแสดงจุดยืน “ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” อย่างแข็งขัน พร้อมตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของมาตรการเดิมๆ ที่ใช้อยู่

“ไม่มีใครอยากเอาบุหรี่ไฟฟ้าหรอกครับ… แต่ทั้งๆ ที่แบน ทั้งรณรงค์ และปราบปราม บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังเกลื่อนเมือง” นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ หรือ หมอเอก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 1 จังหวัดเชียงราย และอดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขกล่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีการใช้ทรัพยากรและงบประมาณจำนวนมากในความพยายามดังกล่าว แต่ผลลัพธ์กลับไม่สามารถลดการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมได้

นอกจากนี้ นพ.เอก ยังสะท้อนว่าการรณรงค์ในปัจจุบันดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่การต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น แต่กลับละเลยการควบคุมการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยรวม ส่งผลให้ประเทศไทยไม่สามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดในแผนควบคุมยาสูบแห่งชาติ

นพ.เอกยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการอ้างมติของราชวิทยาลัยต่างๆ ว่าอาจไม่ได้มีการประชุมหารือหรือรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกอย่างครบถ้วน พร้อมเสนอว่า ควรใช้โอกาสนี้ในการออกข้อเสนอเชิงนโยบายที่ชัดเจนเพื่อควบคุมยาสูบอย่างเป็นรูปธรรม และเรียกร้องให้ใช้แนวคิดใหม่ ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงาน โดยระบุว่า “หากทำแบบเดิมๆ มา 20-30 ปี แล้วทำไม่สำเร็จ ทำไมถึงไม่ใช้แนวคิดหรือวิธีการใหม่ๆ บ้างล่ะครับ จะทำแบบเดิมเพื่อหวังผลลัพธ์เปลี่ยนกันอย่างนั้นหรือ?”

ทั้งนี้ นพ.เอก เป็นคนหนึ่งที่ติดตามประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการควบคุมที่เหมาะสม ป้องกันสุขภาพผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าและป้องกันเยาวชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้โดยง่าย และเคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคอีวาลี่ ซึ่งกรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกายืนยันว่าเกิดจากการการผลิตบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานโดยการลักลอบนำวิตามินอีไปผสมกับน้ำยานิโคตินเหลว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวพบว่ามีการส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มบุคคลากรทางการแพทย์และไลน์กลุ่มอื่นๆ จำนวนมาก เพื่อรวบรวมรายชื่อไปยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อคัดค้านการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายโดยอ้างเหตุผลเรื่องเด็กและเยาวชน โดยในข้อความยังระบุว่า “แม้ดูแล้วสู้ไปก็แพ้นักการเมือง แต่เราจะสู้จนหยดสุดท้าย” ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มผู้คัดค้านอาจทราบผลการพิจารณาของคณะกมธ วิสามัญ บุหรี่ไฟฟ้า ที่ได้พิจารณาข้อมูลทุกด้านทั้งมิติกฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ จนนำไปสู่ความพยายามในการกดดัน กมธ และสภาฯ ในโค้งสุดท้ายไม่ให้รับรองรายงานฉบับนี้ โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการสาธารณสุขในสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนก็เคยมีความเห็นสมควรให้นำบุหรี่ไฟฟ้ามาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมายเช่นเดียวกับ 80-90 ประเทศทั่วโลกเนื่องจากเห็นความล้มเหลวของการแบนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ไม่สามารถควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าได้จริง

สนพท.นำคณะสื่อจีนดูงาน NBT พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

เมื่อวันที่ (29 พ.ย.) เวลา 9.00 น. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศ ไทย (NBT)  นายศุภพงษ์ เชาว์แล่น ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) พร้อมคณะกรรมการและที่ปรึกษาสมาคมฯ ที่นำคณะตัวแทนสื่อมวลชนจากสาธารณ รัฐประชาชนจีน ประกอบด้วย นายหลี่ เจียนหมิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวซินหัว เป็นหัวหน้าคณะสื่อ, นายซู่ ลี่จวิน ผอ.การประสานงาน สถานีวิทยุเฮย์หลงเจียง, นายจาง ผิงจ้าว บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์เปาอันเดลี่, นายหวาง หย่งโป รอง ผอ.ฝ่าย สนง. สมาคมนักข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายจ่าว เทา นักวิจัยฯ ศูนย์กิจกรรมนักข่าวต่างประเทศ สมาคมนักข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าศึกษาดูงานพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์สื่อในยุคปัจจุบัน และการปรับตัวในโซเซียลมีเดียของทั้ง 2 ประเทศ 

ซึ่งทั้งสองประเทศได้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารกันอยู่แล้วโดย NBT ได้มีการร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ยูนนานและกว่างซีของจีน เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารเพื่อนำมาออกอากาศในประเทศไทย
จากนั้นคณะผู้บริหารได้พาคณะสื่อจากประเทศจีนเข้าเยี่ยมชมการผลิตรายการข่าว และเยี่ยมชมสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยมีนางสาวชนิสา ชมศิลป์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย พร้อมคณะส่วนสื่อข่าวและผลิตรายการข่าวให้การต้อนรับพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพาชมสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

‘อาจารย์อุ๋ย’ ชี้!! ‘เมียนมาร์’ ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ยิงเรือประมงไทย ละเมิด!! หลักกฎหมายระหว่างประเทศ จี้!! รัฐบาลดำเนินการตอบโต้

(1 ธ.ค. 67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟสบุ๊กว่า

กรณีที่เรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย 3 ลำ จนทำให้ลูกเรือบาดเจ็บ 2 คน เสียชีวิต 1 คน และจับกุมเรือประมงไทย 1 ลำพร้อมลูกเรือ 31 ไว้นั้น กฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter) มาตรา 51 ให้สิทธิแก่รัฐสมาชิกในการใช้กำลังป้องกันตนเองโดยใช้อาวุธ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีการรุกล้ำน่านน้ำหรือไม่ ด้วยหลักจารีตประเพณีและคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล (International Tribunal for the Law of the Sea) ซึ่งได้เคยวางหลักไว้ในคดี SAINT VINCENT AND THE GRENADINES V. GUINEA ว่า การใช้กำลังอาวุธด้วยการยิงเข้าใส่เรือประมงจนเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของลูกเรือ ถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 

ทั้งนี้ ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐทุกรัฐจักต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอาวุธให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อทำการเข้าจับกุมเรือ แม้ว่าจะเป็นเรือที่ทำผิดกฎหมายก็ตาม เพราะการใช้กำลังอาวุธจะทำให้มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้คนของชาติอื่นต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะทำให้เกิดความบาดหมางต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่จำเป็น ซึ่งวิธีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในทางระหว่างประเทศเมื่อพบเรือต่างชาติที่ต้องสงสัย คือการเตือนด้วยเสียงหรืออาณัติสัญญาณในรูปแบบที่เห็นได้ชัดให้เรือต้องสงสัยนั้นหยุด และหากเรือต้องสงสัยนั้นไม่ตอบสนองหรือไม่หยุด เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าขึ้นเรือและใช้กำลังเข้าควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ หรือหากเรือต้องสงสัยนั้นมีการใช้กำลังอาวุธยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่จึงสามารถใช้อาวุธยิงตอบโต้ได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่เมียนมายิงเข้าใส่เรือประมงไทยโดยไม่มีการเตือนหรือแจ้งล่วงหน้าให้หยุดเรือจึงเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ซึ่งรัฐบาลไทยต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาเยียวยาความเสียหาย และปล่อยตัวลูกเรือที่ถูกจับโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ (retortion/reprisal) เช่น ส่งทูตกลับประเทศ ปิดน่านน้ำ ปิดชายแดน จำกัดการนำเข้าสินค้า บอยคอตสินค้า ตัดความช่วยเหลือต่าง ๆ กับประเทศเมียนมา ฯลฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำได้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อผดุงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศไทยและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนไทยที่ประสบเหตุ อย่างเต็มที่ ด้วยความปรารถนาดี 

‘เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป’ จัดความสุข!! ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ มอบดีลที่ดีที่สุด!! ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท

(1 ธ.ค. 67) นางสาวตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ครบทุกซับแบรนด์ พร้อมศูนย์บริการแบบครบจบที่เดียว เผยว่า แคมเปญ Benz BKK Group : End of Year Sale 2024!! เป็นแคมเปญที่ลูกค้าจะได้รับดีลที่ดีที่สุดส่งท้ายปี โปรโมชันเดียวกับ Motor Expo ที่ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท อีกทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เพิ่งจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เปิดไลน์อัปยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury กว่า 6 รุ่น ครอบคลุมทั้งแบรนด์ Mercedes-Maybach และรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในกลุ่ม G-Class, S-Class และ V-Class โดยจัดแสดงภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Art of Cultivated Luxury’ นำเสนอความงดงามของศิลปะร่วมสมัยที่ผสานเข้ากับยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ สะท้อนถึงความประณีต รสนิยมชั้นสูง และสุนทรียภาพแห่งชีวิต แสดงถึงความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการมอบประสบการณ์อันเหนือระดับ ให้กับลูกค้าระดับไฮเอนด์ในทุกมิติ ในส่วนของเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ก็เช่นกัน เรายังคงมุ่งเน้นการให้บริการ และให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์เหนือระดับสุดประทับใจให้กับลูกค้า ประกอบกับขนาดของโชว์รูมที่กว้างขวาง สามารถจัดแสดงรถในโชว์รูมได้ครบรุ่นกว่า 30 คัน และยังสามารถทดลองขับรถรุ่นที่สนใจได้มากกว่า 15 รุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการ และการตัดสินใจได้ทันที

ในส่วนของการบริการหลังการขาย Aftersales Service ก็พร้อมให้บริการเต็มศักยภาพเพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี ที่ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง (Body & Paint) เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ได้รับรองมาตรฐานสูงสุด Level 4 จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) พร้อมด้วยบุคลากรและเครื่องมือทันสมัย ครบวงจร รองรับงานซ่อมสี-ตัวถัง ได้ทุกรุ่น ทุกซับแบรนด์ สามารถรองรับรถได้กว่า 600 คันต่อเดือน พร้อมทั้งบริการเซอร์วิสอื่นๆที่สามารถให้บริการได้แบบ ครบ จบที่เดียว โอกาสนี้ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาใช้บริการที่เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ภายใต้บรรยากาศการตกแต่งโชว์รูมในเทศกาลคริสมาสต์ ให้คุณสามารถถ่ายรูป แชะ & แชร์ อัปเดตเทรนด์ได้ทุกมุม อีกทั้งอาหาร และเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ ครบครัน นอกจากนั้นเรายังมีอีกหนึ่งทางเลือกคุณภาพสำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มือสอง รถเดโม รถผู้บริหารไมล์น้อย พบกับงาน Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group : End of Year Sale 2024 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 3 วันเท่านั้น!! และเมื่อจองรถในงาน รับฟรี!! แพคเกจเคลือบแก้วเซรามิก มูลค่า 19,000.- บาท รวมถึงลูกค้าที่ซื้อแพคเกจ MBSP รับทันที ‘ผ้าห่มอุ่นใจ’ ผลงานการออกแบบจากศิลปินเยาวชนรุ่นใหม่ อาณา - สักกตะฤจ อินทรวิชะ อีกด้วย

นายเอกพงษ์ จินดาสมัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายขาย และการตลาด เผยดีลสุดพิเศษว่า สำหรับแคมเปญส่งท้ายปี เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา มากับข้อเสนอเดียวกับ MOTOR EXPO ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2567 พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าโดยไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดไปถึงเมืองทองธานี ก็สามารถรับดีลเดียวกันที่โชว์รูม เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป – บางนา จัดแสดงรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาสัมผัสรถครบรุ่น กว่า 30 คัน และสามารถทดลองขับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นยอดนิยม 16 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น A 200 AMG Dynamic, GLA 200 AMG Dynamic, C 220 d AMG Line, C 350 e AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC Coupe AMG Dynamic, E 350 e AMG Dynamic, CLE 300 4MATIC Coupe AMG Dynamic, CLS 220 d AMG Premium, AMG CLS 53 4MATIC+, GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic, Vito 119 CDI Tourer Select, Sprinter 419 Business Long, EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic, EQS 500 4MATIC AMG Premium และ Mercedes-Maybach S 580 e Premium นอกจากนั้นที่ BKK Café มีบริการเสิร์ฟอาหารหลากหลายเมนูอร่อย, เมเจอร์ ป๊อปคอร์น และเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน สำหรับผู้ที่สนใจทดลองขับ สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คชอป ถักกระเป๋าจากไหมพรมยักษ์ได้อีกด้วย

ด้าน นายปริวัตร คงคลัง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย Mercedes-Benz Certified เสริมว่า Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 3 โชว์รูมเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา มีรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มือสอง รถเดโม่ รถผู้บริหารไมล์น้อย มีรถจอดแสดงให้เลือกชมมากกว่า 70 คัน ทุกคันผ่านการตรวจเช็กกว่า 200 รายการ ตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รถที่ปลอดภัย คุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่า พร้อมอัดดีลพิเศษส่งท้ายปีที่งาน Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group : End of Year Sale 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 3 วันเท่านั้น!! โอกาสสุดท้ายของปี ให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายขึ้น ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 2.39% และรับฟรี! แพคเกจเคลือบแก้วเซรามิก มูลค่า 19,000.- บาท เมื่อจองในงาน และรับรถภายใน 29 ธันวาคม 2567 สำหรับผู้ที่สนใจเปลี่ยนรถ กำลังมองหารถคันใหม่ ‘รถคันเก่าของคุณมีค่า’ รับเพิ่ม 100,000.- บาทเมื่อขายกับเรา พร้อมรับทองคำมูลค่า 20,000 บาทอีกด้วย

นางสาวลภัสวรรณ ผูกทอง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการหลังการขาย ฝ่ายศูนย์บริการ พร้อมด้วย นายสมชาย เซี้ยเจริญ ผู้จัดการศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ร่วมนำเสนอแคมเปญศูนย์บริการด้วยว่า ถึงช่วงเวลาแห่งความสุข ศูนย์บริการร่วมส่งมอบความสุข เพียงนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการตลอดเดือน ธันวาคมนี้ รับ BKK Dairy 2025 พร้อม BKK Pouch ทันที และที่ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง เมื่อเปิดใบเคลม 100,000 บาทขึ้นไป รับฟรี!! BKK CARRY-ON LUGGAGE 20 มูลค่า 4,990 บาท พิเศษเฉพาะที่เบนซ์ บีเคเค บางนา เท่านั้น! อีกทั้งยังทิ้งท้ายแคมเปญ ‘ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย ไปกับเบนซ์ บีเคเค บางนา’ เชิญชวนลูกค้าทุกท่านนำรถเข้าตรวจเช็กฟรี! 67 รายการ ก่อนเดินทางไกลในช่วงฮอลิเดย์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 ธันวาคม นี้ 

สนใจนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ http://mb4.me/OAB_BenzBKKGroup 

หรือโทร 02-745-2222


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top