Saturday, 21 June 2025
NEWS FEED

เฟซบุ๊ก 'ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr.Suvit Maesincee' ได้โพสต์ถึงสุนทรพจน์สุดแหลมคมและลึกซึ้งต่อชาวโลกเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากมาดาม 'หัวชุนยิง' โฆษกหญิงประจำกระทรวงต่างประเทศของจีน ความว่า...

***ชาวต่างประเทศที่กินข้าวของจีน ห้ามทำจานข้าวของจีนแตก!

ถ้อยคำเหล่านี้ถือได้ว่ามีความหมายลึกซึ้งและกินความมาก...

1.) จีนจะไม่ยอมอดทนต่อชาวต่างชาติที่มาทำมาหากินอยู่ในจีนแต่ยังจ้องทำลายล้างจีน

2.) จีนจะไม่ยอมให้ชาวต่างชาตินำเรื่องการค้ามาใช้เป็นเรื่องการเมือง

3.) ไม่ต้องมาบอกจีนว่า ให้ทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ดูแจ๊คหม่าเป็นตัวอย่าง

4.) จีนจะไม่ยอมให้ต่างชาติคนหนึ่งคนใด บริษัทใดๆ มหาเศรษฐีคนใด กองทุนที่ทรงอิทธิพล ฯลฯ ใด ๆ มากดดันจีน ไม่ว่าจะเป็นทางหนึ่งหรือทางใด!

นี่คือเรื่องที่ขอร้องไปยังโกลด์แมน แซ็กส์, ซิติแบงก์, เอชเอ็นบีซี, แอปเปิล, ซัมซุง, ร็อธชายด์ ฯลฯ และคนที่มีคุณสมบัติคล้ายโซรอส, วอร์เร็น บัฟเฟ่ต์ ฯลฯ ด้วย

***จีนจะไม่ยอมอ่อนข้ออย่างเด็ดขาดอีกต่อไปที่จะให้ใครก็ตาม มารุมย่ำยีบรรพบุรุษจีนให้แปดเปื้อนด้วยเรื่องฝิ่น และผู้ที่ต้องการให้จีนตกเป็นเมืองขึ้น รวมทั้งผู้ที่ต้องการทำลายล้างทุกชนชาติ

บุคคลหนึ่งบุคคลใด บริษัทใด ๆ สถาบันการเงินหรือสถาบันที่คล้ายคลึงกันกับ เอ็นจีโอ ซึ่งนิ่งเฉยเงียบกริบ ไม่ยอมเข้าใจคำพูดของมาดามหัว จะถูกโยน (ขับไล่) ออกจากจีน

***คนทั้งหลายซึ่งไม่เข้าใจวลี สุภาษิต หรือสำนวนของจีน ต้องเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของจีน

***เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทเอชและเอ็ม บริษัทข้ามชาติของสวีเดนถูกสั่งปิดกิจการและห้ามประกอบกิจการในจีน

***จีนขอบอกสหรัฐและประเทศตะวันตก ว่า

...พวกคุณมีระบบการเมืองเป็นของคุณเอง และเราก็มีระบบที่เป็นของเราเหมือนกัน

- การที่คุณต้องการให้ประเทศของคุณดำเนินไปตามระบบของคุณเอง นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

- ในประเทศจีน เราก็มีกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นของเราเอง เราจึงต้องการให้บรรดาเด็ก ๆ ของเรามีสัมมาคารวะ มีความประพฤติดี และเชื่อฟังคำสั่งสอน

นี่คือวัฒนธรรมของจีน และเมื่อพวกคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว พวกคุณก็จะต้องยึดถือปฏิบัติตามนี้ ถ้าพวกคุณไม่สามารถปฏิบัติตามได้ พวกเราก็จะโยน (ขับไล่) พวกคุณออกไปจากจีน!


ที่มา: https://www.facebook.com/1385294465110613/posts/2135190660120986/

ชำเลือง ตรีเดชา แปลจาก Mdm.Hua's Speech

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่าวันนี้ต้องเอาเรื่องของความมั่นใจของประชาชนก่อนเพราะสำคัญที่สุด

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดใหญ่ ถึงมาตรการด้านเศรษฐกิจที่จะนำเสนอในที่ประชุมศบค. วันนี้ ว่า วันนี้ต้องเอาเรื่องของความมั่นใจของประชาชนก่อนเพราะสำคัญที่สุด ต้องควบคุมการแพร่ระบาดโดยไม่ให้ประชาชนรู้สึกกังวล ตรงนี้เชื่อว่าดีขึ้นเพราะเราปรับตัวกันมาพอสมควรเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อจากเคสที่ จ.สมุทรสาคร มีตัวเลขเยอะกว่าเวลานี้มากแต่สามารถดูแลและบริหารจัดการได้ในเวลาที่เหมาะสมไม่ลามไปที่อื่น

วันนี้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่บริหารจัดการได้และยังเชื่อมั่นใจกระทรวงสาธารณสุขร่วมทั้งศบค. ที่จะควบคุมการแพร่ระบาดหลังระบาดในรอบนี้ได้ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนระมัดระวัง ส่วนผู้ติดเชื้อก็จะค่อย ๆ ทยอยหาย แม้จะมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นแต่เรามีความตระหนักและกลัวที่จะติดคนรอบข้าง เมื่อไม่แน่ใจก็ไปตรวจเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรการของศบค. ที่จะออกมาในวันนี้จะถึงขั้นล็อกดาวน์หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นถึงต้องล็อกดาวน์ เพราะกรณีเคสที่ จ.สมุทรสาคร มีจำนวนผู้ติดเชื้อเยอะกว่านี้มาก แม้ลักษณะการแพร่ระบาดจะไม่เหมือนกัน แต่เมื่อเกิดขึ้นทุกคนมีความตระหนักรู้ มีความห่วงใยคนอื่นและเกิดความระวังมากขึ้น ส่วนที่ทางกระทรวงสาธารณสุข จะเสนอมาตรการควบคุมเข้มข้น ก็ให้รอฟังหลังประชุมเพราะอาจจะมีเข้มข้นบ้างในบางกลุ่มบางจุด ก็จะเน้นเป็นจุด ๆ ไป

เมื่อถามว่าการระบาดครั้งนี้จะกระทบกับแผนการเปิดประเทศหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์รายวัน เวลานี้เราไม่ได้หยุด ทุกคนยังทำงานเหมือนเดิม ยังปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งในภาคเศรษฐกิจเขาต้องการความมั่นใจในการควบคุมการแพร่ระบาด ส่วนยอดของผู้ติดเชื้อเมื่อไปถึงจุดหนึ่งเขาจะประเมินและตัดสินใจเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้

ฝรั่งเศส แนะนำพลเมืองตนเอง ออกจากปากีสถานชั่วคราว พร้อมเตือนภัยคุกคามร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศสในประเทศแห่งนี้ หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ จากความไม่พอใจต่อการ์ตูนล้อศาสดามุฮัมมัด

ชาวอิสลามปากีสถานหลายพันคนปะทะกับตำรวจเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ระหว่างการประท้วงต่อต้านการจับกุมผู้นำของพวกเขา ก่อนการชุมนุมใหญ่ประณามการ์ตูนของฝรั่งเศสที่ล้อเลียนศาสดามุฮัมหมัด

แหล่งข่าวทางการทูตเผยว่า ได้มีการส่งข้อความถึงพลเมืองและบริษัทต่าง ๆ ของฝรั่งเศสในคืนวันพุธ (14 เม.ย.) หลังมีคำขู่จากกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง เตห์รีค-ไอ-บาบาอิค ปากีสถาน (Tehrik-i-Labaik Pakistan) ว่าจะเล่นงานผลประโยชน์ของฝรั่งเศส

ทั้งนี้ แหล่งข่าวเผยว่าสถานทูตส่งข้อความถึงพลเมืองฝรั่งเศสในปากีสถาน แนะนำให้พลเมืองฝรั่งเศสเดินทางออกจากปากีสถาน และขอให้บริษัทต่างๆ ของฝรั่งเศสหยุดปฏิบัติการต่างๆเป็นการชั่วคราว สืบเนื่องจากภัยคุกคามร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศสในปากีสถาน

ความสัมพันธ์ระหว่างปารีสและอิสลามาบัดเลวร้ายลงตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว หลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กล่าวยกยองครูสอนประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสรายหนึ่ง ซึ่งถูกชายวัย 18 ปี เชื้อสายเชเชน ฆ่าตัดศีรษะ หลังครูรายนี้แสดงภาพการ์ตูนล้อศาสดามุฮัมมัด ในชั้นเรียนด้านเสรีภาพการแสดงออก

ภาพการ์ตูนล้อโหมกระพือความโกรธเคืองและการประท้วงในโลกมุสลิม โดยเฉพาะในปากีสถาน และรัฐมนตรีปากีสถานรายหนึ่งถึงขั้นออกมาโวยวายใส่ มาครง ว่าปฏิบัติกับชาวมุสลิม ราวกับนาซีปฏิบัติกับคนยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่เธอจะถอนคำพูดในเวลาต่อมา

เมื่อปีที่แล้ว ทาง เตห์รีค-ไอ-บาบาอิค ยุติการประท้วงต่อต้านฝรั่งเศส หลังจากรัฐบาลยอมลงนามในข้อตกลงรับรองการบอยคอตต์สินค้าฝรั่งเศส และยอมให้มีความเคลื่อนไหวในรัฐสภาเพื่อขับไล่เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส และในสัปดาห์นี้ทาง เตห์รีค-ไอ-บาบาอิค เรียกร้องอีกครั้งให้ตะเพิดเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสออกนอกประเทศ

อย่างไรก็ตาม การที่ปากีสถานออกมาบอกว่า จะกำหนดให้อิสลามิสต์หัวรุนแรงกลุ่มนี้เป็นขบวนการนอกกฎหมาย และดำเนินการจับกุมพวกผู้นำของทางกลุ่มเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ได้โหมกระพือการประท้วงต่อต้านฝรั่งเศสรอบใหม่

"มันเป็นสถานการณ์ร้ายแรง และเรารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ ในปากีสถานสามารถลุกลามบานปลายได้อย่างรวดเร็ว" แหล่งข่าวด้านการทูตคนหนึ่งระบุ


ที่มา : รอยเตอร์ส
https://mgronline.com/around/detail/9640000035962

ชาวเน็ตรุมวิจารณ์ยับ! หลังเพจดังรุมแฉพฤติดกรรมผู้ป่วยโควิด-19 เหตุไม่ยอมเว้นระยะห่าง จับเข่าเมาท์สนุก แถมตั้งวงเล่นไพ่กลางโรงพยาบาลสนาม

กลายเป็นดราม่าอย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ภายหลังจากที่แฟนเพจ@Red Skull In Love ได้ออกมาระบุว่า "น่าไล่กลับไปให้นอนรอการรักษาอยู่ที่บ้านนะ รพ.สนาม เค้าให้ผู้ติดเชื้อไปพักรักษาตัว รักษาระยะห่าง แต่ยังมีคนไปรวมกลุ่มตั้งวงไพ่ในนั้นต่ออีก คนป่วยอีกหลายคนยังไม่มีเตียง แต่พวกนี้ มาจากเลาจน์แหล่งแพร่ระบาดหลักๆเลย กลับมองเป็นเรื่องสนุก" พร้อมเผยโพสต์และภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด ขณะกำลังจับกลุ่มกับผู้ป่วยด้วยกันเพื่อเล่นไพ่

นอกจากนี้ ทางด้านแฟนเพจ@ควาย+Social Airlines ยังได้เผยคลิปขณะที่พบผู้ป่วยโควิด-19 ต่างนั่งจับกลุ่มคุยกันดดยไม่มีการเว้นระยะห่าง และไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย โดยทางเพจระบุว่า "ผู้ที่ติดเชื้อแล้วไปอยู่ รพ.สนาม ไม่ต้องเว้นระยะห่างกันแล้วเหรอ หรือรอหายพร้อมกันกลับบ้านพร้อมกัน"

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทำให้ชาวเน็ตต่างตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดคนที่อยู่ข้างในถึงสบายแถมยังดูคล้ายกับไม่สนใจการเว้นระยะห่าง ทั้งที่เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหนัก ส่วนทางประชาชน รวมไปถึงห้างร้านต่างๆก็ต้องปิดตัวลงในสถานการณ์การแพร่ระบาดอีกด้วย...

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/regional/837269

https://www.facebook.com/kwaisocialair/videos/747043439335685

https://www.facebook.com/redskullinlove/photos/pcb.211534107449740/211534050783079

ยังไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์!!! ‘อนุทิน’ เคาะพื้นที่สีแดง 18 จังหวัด เตรียมชง ศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้ เสนอมาตรการพื้นที่สีแดง-ส้ม พร้อมสั่งปิดร้านอาหาร 3 ทุ่มเป็นต้นไป เข้มห้ามร้านอาหารขายเหล้าทุกจังหวัด

วันนี้ 15 เมษายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2564 โดยมี นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ. ร่วมกับผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ UHOSNET โรงพยาบาลเอกชน ร่วมประชุมทางไกลผ่านวีดิโอคอนเฟอเร้นท์

นายอนุทิน กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. เป็นต้นมา ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีจุดเริ่มต้นการระบาดจากสถานบันเทิง กระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ที่ประชุมจึงร่วมกันพิจารณาเสนอมาตรการที่เหมาะสมในการยกระดับการป้องกันควบคุมโรค อย่างไรก็ตาม สธ. จะต้องนำมาตรการที่ได้จากการประชุมวันนี้ เสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19(ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการศบค. เป็นประธานในที่ประชุมวันพรุ่งนี้ (16เม.ย.) เวลา 13.30 น.

“วันนี้มีการประชุมคณะกรรมการฯ ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง หามติจากที่ประชุมในมาตรการรองรับสถานการณ์การระบาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. ก็จะเป็นระยะเวลาราว ๆ 2 สัปดาห์ ผมหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งวงรอบของการระบาดและควบคุมโรคอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์หากควบคุมสถานการณ์ทั้งหลายได้ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการกระจายของผู้คนมากมายในระยะเวลา 2 สัปดาห์นี้ ก็จะเหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นเราทำเข้มข้นกว่านี้เยอะ” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการหลักๆ ประกอบด้วย 1.ปรับพื้นที่จังหวัดเป็น 2 สี คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุด จังหวัดสีแดง 18 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม ภูเก็ต นครราชสีมา นนทบุรี สงขลา ตาก อุดรธานี สุพรรณบุรี สระแก้ว ระยอง และขอนแก่น และ พื้นที่ควบคุม จังหวัดสีส้ม 59 จังหวัดที่เหลือ

นายอนุทิน กล่าวว่า มาตรการที่สำคัญใน 2 พื้นที่สี คือ มาตรการจำกัดเวลาให้บริการร้านอาหาร โดยพื้นที่สีแดง เปิดได้ถึงเวลา 21.00 น. พื้นที่สีส้ม เปิดถึงเวลา 23.00 น. ส่วนมาตรการอื่น ทั้งพื้นที่สีแดงและสีส้มต้องปฏิบัติเหมือนกันในทุกจังหวัด เช่น ปิดสถานบริการในลักษณะผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ห้ามจำหน่ายสุราและห้ามดื่มในร้านอาหารทุกจังหวัด งดการเรียนการสอน ซึ่งคาดว่าไม่กระทบมากเพราะว่าช่วงนี้อยู่ในระหว่างปิดเทอม งดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก งดงานเลี้ยงงานสังสรรค์ทุกประเภท ยกเว้นการจัดในครอบครัว งดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนมากกว่า 50 คน ปิดบริการสวนสนุกและเครื่องเล่นในห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะมีรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม

“ขอให้ติดตามการประกาศมาตรการที่ชัดเจน ภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ ส่วนในเรื่องของการเดินทางนั้นให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นผู้พิจารณา ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือห้ามเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด แต่ทั้งหมดนี้จะมีการนำเสนอต่อศบค.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาต่อไป " นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือผู้ประกอบการในมาตรการทำงานจากที่บ้าน(Work From Home) ซึ่งขณะนี้ประชาชนยังอยู่ในภูมิลำเนา ถ้าหากเป็นไปได้ก็ขอให้ทำงานมาจากที่ภูมิลำเนาผ่านเทคโนโลยี ไม่ต้องเคลื่อนย้ายกลับเข้ามา ขอให้ประชาชนลดการเดินทาง ลดการรวมกลุ่มกัน และขอเน้นในเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัย 100% โดยเฉพาะในผู้ที่กำลังเดินทางออกนอกเคหะสถาน กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าการสวมหน้ากากคือการการป้องกันการแพร่เชื้อได้ดีที่สุด

ส่วนเรื่องการออกนอกเคหะสถานในเวลาที่กำหนดนั้น ขอให้ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่วันพรุ่งนี้ ได้พิจารณาร่วมกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สธ. ก็ขอความร่วมมือประชาชนในการอยู่บ้าน เพื่อลดโอกาสแพร่กระจายของเชื้อ รวมถึงหากทำงานจากที่บ้านได้ ก็จะเป็นมาตรการสำคัญเพื่อลดการเดินทาง ลดการเข้าไปสัมผัสกับคนๆ ได้อย่างมาก

ฝันสลายของ 'ฮันเลย์'…ลี้ภัยในไทย ไม่ง่ายอย่างที่คิด วัดใจนายจ้าง หาแนวทางเสี่ยงต่ออายุวีซ่าเข้ามาทำงาน

ผ่านมา 10 วันตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนจนถึงวันที่ 13 เมษายนที่มีหมายจับประกาศลงใน The Global New Light of Myanmar ซึ่งตอนนี้  แต่ไม่มีชื่อของ Han Lay นางงามมิสแกรนด์ของเมียนมาถูกประกาศจับแต่อย่างใด  และจากนี้เหตุผลที่จะขออยู่ในประเทศไทยต่อด้วยสาเหตุใด 
       
   
   
   
 
คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 327/2557 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณา กรณีคนต่างด้าวขออนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว จะพิจารณาจากเหตุดังต่อไปนี้คือ
1.    กรณีมีเหตุจำเป็นทางธุรกิจ เช่น จะต้องอยู่ปฏิบัติงานในบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน เป็นต้น
2.    กรณีมีเหตุจำเป็น จะต้อง อยู่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้อง
3.    กรณีมีเหตุจำเป็น จะต้อง อยู่ปฏิบัติงาน ในส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
4.    กรณีเพื่อการท่องเที่ยว
5.    กรณีเพื่อการลงทุน
6.    กรณีเป็นครู หรืออาจารย์ หรือผู้สอน หรือ ผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา ของรัฐหรือเอกชน
7.    กรณีเพื่อศึกษาใน สถานศึกษาของรัฐหรือเอกชน
8.    กรณีเพื่อฝึกสอน หรือ ค้นคว้าวิจัยในสถาบันการศึกษาในราชอาณาจักรหรือสถาบันวิจัย
9.    กรณีเป็นครอบครัว (เฉพาะบิดา มารดา คู่สมรส (ชาย-หญิง) บุตร บุตรบุญธรรม หรือบุตรของคู่สมรส) ของ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อศึกษาในสถานศึกษาตาม หลักเกณฑ์ข้อ 7
10.    กรณีปฏิบัติหน้าที่ สื่อมวลชน
11.    กรณีศึกษาพระพุทธ ศาสนา หรือปฏิบัติศาสนกิจหรือเผยแพร่ศาสนา
12.    กรณีเป็นช่างฝีมือ หรือ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ การพยาบาล หรือสาขาวิชาชีพ ต?างๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับคนไทย
13.    กรณีเพื่อติดตั้ง หรือ ซ่อมแซม เครื่องจักร อากาศยาน หรือเรือเดินทะเล
14.    กรณีเป็นนักแสดง นักร้อง นักดนตรี ประจำโรงแรม หรือ ประจำบริษัทที่ประกอบธุรกิจ บันเทิงในประเทศไทย ซึ่งมีทุน จดทะเบียนชำระเต็มมูลค่า ไม่น้อยกว่า ๒๐ ล้านบาท
15.    กรณีเป็นครอบครัวของ ผู้มีสัญชาติไทย (เฉพาะบิดา มารดา คู่สมรส (ชาย-หญิง) บุตร บุตรบุญ ธรรม หรือบุตรของคู่สมรส)
16.    กรณีเป็นครอบครัวของ ผู้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (เฉพาะบิดา มารดา คู่สมรส (ชาย-หญิง) บุตร บุตรบุญธรรม หรือบุตร ของคู่สมรส)
17.    กรณีเป็นครอบครัวของ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตามหลักเกณฑ์ข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว ยกเว้นกรณีที่มาท่องเที่ยว
18.    กรณีมีเหตุจำเป็นจะต้อง อยู่ปฏิบัติงานในองค์การกุศล สาธารณะ องค์การเอกชน ต่างประเทศ มูลนิธิ สมาคม หอการค้าต่างประเทศ สภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย หรือสภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
19.    กรณีใช้ชีวิตในบั้นปลาย
20.    กรณีกลับภูมิลำเนาเดิมของผู้เคยมี สัญชาติไทย หรือของผู้ที่มีบิดา หรือมารดาเป็นบุคคลสัญชาติ ไทยหรือเคยมีสัญชาติไทย
21.    กรณีเพื่อเยี่ยมคู่สมรส (ชาย-หญิง) หรือเยี่ยมบุตรซึ่งมีสัญชาติไทย
22.    กรณีเพื่อรับการรักษา พยาบาล หรือการพักฟื้น หรือ เพื่อดูแลผู้ป่วย
23.    กรณีเพื่อการดำเนินคดี หรือดำเนินกระบวนพิจารณา อันเกี่ยวกับคดี
24.    กรณีปฏิบัติหน้าที่หรือ ภารกิจให้แก่ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือสถานทูต หรือสถานกงสุล หรือองค์การระหว่างประเทศ
25.    กรณีมีเหตุจำเป็น โดยมี สถานทูต หรือสถานกงสุล ให้ การรับรองและร้องขอ
26.    กรณีเพื่อพิสูจน์สัญชาติ
27.    กรณีเป็นนักแสดง นักร้อง นักดนตรี ผู้ควบคุมการแสดง ตลอดจนผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับ การแสดงเพื่อการบันเทิง หรือ มหรสพ โดยมาเปิดการแสดง เป็นครั้งคราว
28.    กรณีเป็นนักกีฬาอาชีพ หรือบุคคากรที่เกี่ยวข้องด้านกีฬาอาชีพ

ถามว่าสำหรับนางงามคนนี้แล้ว  ตอนเข้ามาประกวดในประเทศไทยน่าจะใช้วีซ่าตามหลักเกณฑ์ของข้อ 27  ซึ่งจะต้องมีการยื่นสำเนาใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และหนังสือรับรองและขอให้อยู่ต่อจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง  โดยวีซ่าที่ได้นั้นมีอายุเพียง 90 วันเท่านั้น  ดังนั้นเมื่อการประกวดจบลงหนังสือรับรองเพื่ออยู่ต่อจากบริษัทที่ใช้สำหรับการประกวดจึงใช้ไม่ได้อีกต่อไป  

ดังนั้นหากทางคุณ ณ. ต้องการให้เธออยู่ในไทยนานกว่านั้นด้วยเหตุผลแห่งการลี้ภัยอะไรก็ตามจะต้องยื่นขอวีซ่า  กรณีเป็นนักแสดง นักร้อง นักดนตรี ประจำโรงแรม หรือ ประจำบริษัทที่ประกอบธุรกิจบันเทิงในประเทศไทย ซึ่งมีทุน จดทะเบียนชำระเต็มมูลค่า ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท  โดยหากได้รับอนุมัติจะสามารถอยู่ในไทยได้ถึง 120 วัน ซึ่งเอกสารในการประกอบการขอวีซ่าประกอบไปด้วย สำเนาใบอนุญาตทำงาน, สำเนาหนังสือสัญญาว่าจ้างผู้ยื่นคำขอ ทำงานเป็นนักแสดง นักร้อง หรือนักดนตรี, สำเนาหลักฐานการจดทะเบียนขององค์กร นั้นๆ เช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียน บริษัท หรือการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน ฉบับนายทะเบียนรับรองไม่เกิน 6 เดือน, สำเนาแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ที่มีชื่อคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ เดือนล่าสุด พร้อมใบเสร็จรับเงิน รวมถึงสำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดา ของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ ปีล่าสุด พร้อมใบเสร็จรับเงิน  และค่าวีซ่าที่น่าจะราคาค่อนข้างสูงเอาเรื่องพอสมควร  ดังนั้นทางฝั่งไทยควรพิจารณาถึงความคุ้มได้คุ้มเสียของบริษัทที่ยื่นทำวีซ่าให้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เธอคนนั้นต้องการคือลี้ภัยจากบ้านเกิดตัวเอง  

โดย : AYA IRRAWADEE

นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข ‘ณรงค์ชัย คุณปลื้ม’ โพสต์ภาพชายหาดบางแสน หลังมีการแห่แชร์ว่าผู้คนหนาแน่นแห่เที่ยวชายหาดบางแสน โดยยืนยันไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันหาดบางแสนไม่ได้มีแนวร่ม และ เตียงผ้าใบแล้ว

จากกรณีดรามาไวรัลภาพผู้คนแห่เที่ยวชายหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี และมีหลายสำนักข่าว และเพจดังได้แชร์ภาพที่ผู้คนจำนวนมากอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่ง พร้อมระบุว่าเป็นที่ชายหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี นั้น

ล่าสุด วันนี้ (15 เม.ย.) เพจ “ณรงค์ชัย (ตุ้ย) คุณปลื้ม” หรือ นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี ได้โพสตภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า “ภาพชายหาดบางแสน ณ ปัจจุบันครับ เมื่อวานก็ประมาณนี้ครับ นักท่องเที่ยวไม่ได้แน่นเหมือนในภาพที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ไม่แน่ใจ สื่อที่ลงไปเอาภาพมาจากไหน เพราะปัจจุบันหาดบางแสนไม่ได้มีแนวร่ม และ เตียงผ้าใบยากตลอดแนวชายหาดแล้ว เพราะการจัดระเบียบเรา กำหนดพื้นที่เขต ปลอดร่ม และ เก้าอี้ผ้าใบเป็น 8 เขต รวมระยะทาง 1 กิโลเมตร แล้วครับไม่ได้มีร่ม และ เก้าอี้ผ้าใบแน่นตลอดแนวชายหาดเหมือนในภาพที่สื่อโพสต์ครับ”

ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000035868

https://www.facebook.com/TuiKunplome/?ref=nf&hc_ref=ARS18L54ZsOoFOQse4H0uzILTYtxJsxKzvEiLq2KCUE50YGEB9C5HgvNcGnGo56XfJ4

ผบ.ทบ. กำชับหน่วยทหาร ส่งกำลังพลและอุปกรณ์สนับสนุนการดูแลโควิดต่อเนื่อง พร้อมตั้ง ”โรงพยาบาลสนามกองทัพบก”เพิ่ม ลดภาระโรงพยาบาลสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 15 เม.ย.พ.อ.หญิงศิริจันทร์ ผู้บัญชาการทหารบกมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆได้ติดตามและกำชับให้ทุกหน่วยทหารดำรงความช่วยเหลือส่วนราชการต่างๆ ให้การสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นต่อการรักษาพยาบาลอาทิ เตียงนอน ที่นอน โดยเฉพาะการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในพื้นที่ต่างๆตามที่ได้รับการประสานจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข

พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก และ กรมแพทย์ทหารบก  จัดตั้ง ”โรงพยาบาลสนามกองทัพบก” ในพื้นที่ค่ายทหารหรือสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อดูแลรองรับประชาชน กำลังพลและครอบครัวที่ติดเชื้อและมีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ รวมทั้งผู้ที่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลมาและอาการทุเลาลงแล้ว เพื่อเป็นการลดภาระด้านการรักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลสาธารณสุขในจังหวัดต่างๆ 

ล่าสุดโรงพยาบาลสนามกองทัพบกได้จัดตั้งแล้ว 2แห่งคือ 1. โรงพยาบาลสนามกองทัพบก(ค่ายธนะรัชต์) จ.ประจวบคีรีขันธ์  ดำเนินการโดยศูนย์การทหารราบ และโรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ สามารถรองรับผู้ป่วย 69 เตียง ซึ่งเป็นการส่งต่อการรักษาพยาบาล จากโรงพยาบาลหัวหิน หรือโรงพยาบาลสนามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อจาก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  

สำหรับแห่งที่ 2 คือโรงพยาบาลสนามกองทัพบก(เกียกกาย)  กรุงเทพมหานคร โดยได้ดำเนินการปรับ อาคารรับรองเกียกกาย เขตดุสิต เป็นโรงพยาบาลสนาม ดำเนินการโดยกรมสวัสดิการทหารบก และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า  รองรับได้ 86 เตียง  เป็นผู้ติดเชื้อที่อาการไม่หนัก ที่ส่งมาจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อสำรองเตียงในโรงพยาบาลไว้รองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักต่อไป
 

สภาฯ ผู้บริโภค เชิญชวนประชาชน ร่วมลงชื่อ คัดค้าน ‘ต่อสัมปทานและขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว’ เข้า ครม. ยืนยัน 25 บาท ตลอดสายทำได้จริง

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า กทม. จะต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปอีก 30 ปี (สัญญาเดิมจะสิ้นสุดในปี 2572) โดยเก็บอัตราค่าโดยสาร 65 บาท ซึ่งกทม.ไม่ได้ชี้แจงว่าราคา 65 บาทคิดจากอะไร และแม้ว่าผู้บริโภค รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค จะพยายามสอบถามถึงที่มาของตัวเลข 65 บาท แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ ซึ่งสภาองค์กรของผู้บริโภค คำนวณอัตราค่าโดยสารในอนาคตที่น่าจะเป็นไปได้ และพบว่าหากเก็บอัตราค่าโดยสาร 25 บาท กทม. ยังมีกำไรถึง 23,200 ล้านบาท จึงยืนยันว่าราคา 25 บาททำได้จริง

น.ส.สารี กล่าวต่อว่า การต่อสัญญาสัมปทานดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะสัญญาฉบับปัจจุบันจะหมดลงในปี 2572 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า ดังนั้น จึงควรพิจารณาปัญหาและผลกระทบอย่างถ้วนถี่ โดยเฉพาะผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการที่ต้องแบกรับภาระค่าโดยสารรถไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นภาระผูกพันไปอีก 38 ปี ทั้งนี้ หาก กทม. ไม่สามารถบริหารจัดการให้อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลงได้ก็ไม่ควรเร่งต่อสัญญา และรอให้ผู้ว่า กทม. คนใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

น.ส.สารี กล่าวอีกว่า ราคาค่ารถไฟฟ้า 65 บาทที่ กทม. เสนอมา นอกจากเป็นราคาที่สูงเกินกว่า ‘มวลชน’ จะจ่ายได้ ยังไม่สามารถชี้แจงฐานการคิดคำนวณของราคาดังกล่าวที่ชัดเจนว่ามาจากหลักการใด ซึ่งหากราคานี้ถูกพิจารณาผ่านและถูกนำมาใช้ จะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคจะต้องผูกมัดจ่ายค่าโดยสารในราคานี้ไปอีก 38 ปี จนกว่าจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2602 ในขณะที่ข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมให้ใช้ราคาค่ารถไฟฟ้า 49.83 บาทเท่านั้น ซึ่งจะทำให้มีกำไรส่งรัฐในปี 2602 ถึง 380,200 ล้านบาท แต่กทม.ไม่เคยมีโมเดลการคิดค่าโดยสารมานำเสนอเลย

"เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลส่งปัญหานี้กลับมายัง กทม. เพื่อให้ กทม.ทำกระบวนการการกำหนดราคาที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ประชาชนที่เป็นผู้รับภาระการจ่ายค่าโดยสารมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น จากการคำนวณของสภาฯ พบว่า ค่ารถไฟฟ้าในราคา 25 บาท สามารถทำได้จริงแน่นอน ซึ่งในการคำนวณดังกล่าวได้อ้างอิงจากตัวเลขของกระทรวงคมนาคม โดยลดรายได้รวมลงครึ่งหนึ่งและคิดราคาค่าโดยสารเพียง 25 บาท สุดท้ายแล้ว กทม. ยังมีกำไรหรือมีเงินเหลือนำส่งรัฐได้ถึง 23,000.00 ล้านบาท" น.ส.สารี กล่าว

น.ส.สารี กล่าวอีกว่า สามารถร่วมลงชื่อคัดค้านการนำประเด็น 'ต่อสัมปทานและขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว' เข้า ครม. ได้ที่ https://forms.gle/fKXLvaFSjbU1tHaX9 ภายในวันที่ 19 เม.ย. 64 เวลา 08.00 น. โดยรายชื่อทั้งหมดจะถูกรวบรวมและนำไปยื่นที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการนำประเด็น 'สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว' เข้า ครม. ต่อไป

 

5 วันดับ 192 ราย เจ็บ 1818 คน ศปถ.กำชับจว.ปรับแผนรองรับการเดินทางกลับ ส่วนพื้นที่ยังคงเข้มมาตรการดื่มแล้วขับ-ขับรถเร็ว

วันที่ 15 เม.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ “สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลโควิด” เกิดอุบัติเหตุ 330 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 37 ราย ผู้บาดเจ็บ 328 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 34.55 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 31.52 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.84 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 60.61 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 38.18 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 37.27 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 26.67 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 17.81 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,908 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 59,315 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 341,495 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 71,889 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 18,998 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 17,599 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (12 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ปทุมธานี (4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก นครศรีธรรมราช (จังหวัดละ 13 คน) 

นายอรรษิษฐ์ กล่าวต่อว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (10 – 14 เม.ย. 64) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,795 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 192 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 1,818 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 15 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช (76 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ปทุมธานี (จังหวัดละ 8 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (82 คน)

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันที่ 13 – 14 เม.ย. พบว่าถนนสายรองและเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างอำเภอมีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูง เนื่องจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด จึงได้ประสานพื้นที่ให้ดูแลปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้อัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูง โดยเฉพาะการขับรถเร็ว และดื่มแล้วขับ ประกอบกับในวันนี้ประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางกลับแล้ว จึงได้ประสานให้จังหวัดปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจ และการอำนวยความสะดวกในการจราจรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ โดยกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัย ทั้งบนเส้นทางสายหลัก สายรอง พร้อมจัดเตรียมจุดบริการ จุดพักรถ และการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอ เพื่อรองรับการเดินทางกลับของประชาชน อย่างไรก็ตาม ระยะนี้หลายพื้นที่มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ซึ่งสภาพถนนที่เปียกลื่น และทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ไม่ดี เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน จึงขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางเป็นพิเศษ ที่สำคัญ อย่าลืมดูแลตนเองภายใต้มาตรการสาธารณสุข (DMHTT) เพื่อช่วยกันควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top