Friday, 2 May 2025
ECONBIZ NEWS

“ประวิตร” เร่งยุทธศาสตร์ 5G  พัฒนาศก.-สังคม ทุกภูมิภาค ชูโครงการต้นแบบ ยกระดับภาครัฐให้บริการปชช.-รองรับ ภูเก็ตแซนด์บ็อก กำชับใช้งบให้คุ้มค่า

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 3/2564 มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ที่เท่าเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส )ร่วมประชุมผ่านระบบวิด๊โอ คอนเฟอร์เรนซ์ 

โดยที่ประชุมเห็นชอบโครงการตามมาตรา26(6)เพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G อาทิโครงการพัฒนา เทคโนโลยี5Gเพื่อการเกษตร ณ โครงการร้อยใจรักษ์ ,โครงการนำร่อง Smart Campus และเห็นชอบโครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ ยกระดับการให้บริการภาครัฐแก่ประชาชน จ.เชียงใหม่ โดยเน้นพัฒนาด้านการเดินทาง ดูแลสุขภาพ นอกจากนั้นเห็นชอบ โครงการ 5G use Case ระบบในการคัดกรอง และแจ้งเตือนสำหรับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อก เตรียมพร้อมเปิดเศรษฐกิจท่องเที่ยว จว.ภูเก็ต โดยนำเทคโนโลยี 5G ประยุกต์ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาใน จว.ภูเก็ต ภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว นักลงทุน ตลอดจนประชาชนชาวภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง

นอกจากนั้นคณะกรรมการฯเห็นชอบ กรอบนโยบายกองทุนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีงบประมาณ 2565มุ่งเน้นการลงทุนใน 4 ด้านได้แก่ 1.Digital Agriculture 2. Digital Government & infrastructure 3. Digital Manpower และ 4.Digital Technology

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า  ให้กระทรวงดีอีเอส และคณะกรรมการฯกำกับติดตาม การใช้จ่ายการบริหารกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบ ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยเคร่งครัด และต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และใช้อย่างประหยัด คุ้มค่า  สามารถส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ได้อย่างเป็นรูปธรรม  ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

"รองโฆษกพรรคกล้า" แย้งระงับจ่ายคนละครึ่งผ่านฟู้ดดิลิเวอรี่ ซ้ำเติมผู้ประกอบการ ขอรัฐลดเงื่อนไขอนุญาตต่อ ให้สอดคล้องสถานการณ์ล็อกดาวน์ 

นางสาวภรณี วัฒนโชติ รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีไลน์แมนยกเลิกบริการจ่ายเงินผ่านระบบคนละครึ่ง หลังจากกระทรวงการคลังออกหนังสือเตือนว่าผิดเงื่อนไขต้องชำระเงินโดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง (Face-to-Face) เท่านั้นว่า แม้ว่าการสแกน QR Code ผ่านการสั่งอาหารออนไลน์ ไม่ได้กระทำต่อหน้าผู้ขาย แต่ก็ยังเป็น QR Code ที่ร้านค้าสร้างขึ้นผ่านทางไลน์ จึงมองว่าเส้นทางการชำระเงินสามารถตรวจสอบได้ ยังคงเป็นไปตามจุดประสงค์โครงการคนละครึ่ง จึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาลดทอนเงื่อนไขการชำระเงินโดยไม่ผ่านตัวกลาง (Face-to-Face) ให้โครงการคนละครึ่งใช้กับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ (Food Delivery) ทุกรายในตลาด เช่น ไลน์แมน โรบินฮู้ด แกร๊ป และฟู้ดแพนด้า ฯลฯ ให้สอดคล้องกับนโยบายล็อกดาวน์ ลดการพบประแบบ Face-to-Face เพื่อควบคุมสถานการณการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 

"เมื่อมีประกาศให้ล็อกดาวน์ แต่มาตรการเยียวยาไม่รองรับ จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนและผู้ประกอบการร้านอาหาร ดังนั้นระหว่างนี้ รัฐฯ ไม่ควรห้าม และควรส่งเสริมใช้สิทธิคนละครึ่งผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ จนกว่าจะได้ข้อสรุปหาวิธีเชื่อมโยงผ่านแอปฯเป๋าตัง ในโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ช่วงเดือนตุลาคมนี้" รองโฆษกพรรคกล้ากล่าว 

นางสาวภรณี กล่าวด้วยว่า ภาครัฐควรสร้างการทำงานร่วมกันกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลป้องกันการทุจริต ซึ่งข้อมูลการใช้งานที่ถูกบันทึกออนไลน์ ผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ มีความละเอียดและสามารถติดตามตรวจสอบได้ง่ายกว่าการซื้อขายแบบดั้งเดิมมากอยู่แล้ว

หาทางคุมเข้มโรงงานขั้นสูงสุดสกัดเชื้อโควิด

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คณะทำงานของ ส.อ.ท. เตรียมหารือร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ผ่านระบบออนไลน์ ในวันนี้ (29 ก.ค.) เพื่อร่วมกันหาทางป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งมีตัวเลขการติดเชื้อเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เพื่อหาทางป้องกัน  ไม่เช่นนั้นจะกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งกระทบการแพร่ระบาดในชุมชน หากต้องปิดโรงงาน จะกระทบต่อกระบวนการผลิตสินค้า ซึ่งจะกระทบทั้งสินค้าในภาคการส่งออก และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในประเทศ

ทั้งนี้ ภาคเอกชนได้เร่งผลักดันให้ทุกโรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรม ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข ประเมินตนเอง และโรงงาน ผ่านไทย สต็อป เซอร์วิส พลัส และไทย เซพ ไทย รวมทั้งล่าสุดได้ยกระดับให้เข้มข้นขึ้นให้โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทุกแห่ง ดำเนินการมาตรการ bubble and seal ซึ่งเป็นการควบคุมคนในโรงงาน ให้มีกิจกรรมปะปนกันเอง และกับคนนอกโรงงานให้น้อยที่สุด  เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดการติดเชื้อ 

เช่นเดียวกับการแจ้งให้โรงงานขนาดใหญ่ เตรียมพร้อมแผนรับมือหากมีการติดเชื้อในโรงงานจำนวนมาก โดยให้จัดโรงพยาบาลสนาม และพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ติดเชื้อ จัดเตรียมสถานที่พักในโรงงานหรือในชุมชน เป็นที่พักสำหรับผู้สัมผัสผู้ป่วย แต่ยังตรวจไม่พบเชื้อหรือยังไม่มีอาการ 

รวมทั้งจัดเตรียมระบบเดินทางรับ-ส่ง คนงาน จากที่พักถึงโรงงานหรือสถานประกอบการ ป้องกันการแวะระหว่างทาง จัดหาร้านจำหน่ายอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค ราคาย่อมเยา ในบริเวณโรงงานหรือที่พักลดการสัมผัสระหว่างคนงานและคนในชุมชน และให้จัดหาสถานพยาบาลที่พร้อมให้บริการตรวจหาเชื้ออีกด้วย

บี้! 'บริษัทประกัน'ใช้ผลตรวจ  PCR เครมประกันโควิดได้ 

นายโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) เปิดเผยว่า ฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคที่ซื้อประกันโควิดและเกิดปัญหาในการยื่นเอกสารเพื่อใช้เคลมประกันเมื่อตรวจพบโควิด โดยปัญหาที่พบ คือ บริษัทประกันส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้เอาประกันนำส่งเอกสารใบรายงานหรือใบรับรองแพทย์ก่อนจึงจะสามารถเคลมประกันให้ได้ ทั้งที่ผู้เอาประกันมีรายงานผลตรวจเชื้อโควิดจากห้องปฏิบัติการแบบ PCR หรือ การตรวจหาเชื้อไวรัสโดยดูจากสารพันธุกรรม RNA ของไวรัส ซึ่งเป็นวิธีการตามมาตรฐานสากล 

ประกอบกับสถานการณ์โควิดที่มีการแพร่ระบาดมากจนทำให้การพบแพทย์และการเข้าถึงการรักษาในโรงพยาบาลเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การที่ผู้เอาประกันจะต้องมีใบรายงานหรือใบรับรองแพทย์เพื่อให้เอกสารครบถ้วนตามข้อกำหนดของบริษัทประกันเพื่อยื่นเคลมประกันจึงไม่ใช่เรื่องที่จะดำเนินการได้โดยง่าย

จากข้อมูลกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้นิยามคำว่า “ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อโควิด” ไว้ในแนวทางเฝ้าระวังและสอบสวนโรคติดเชื้อโควิด 2019 ฉบับวันที่ 23 มี.ค.2563 ว่า เป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส SARS - CoV - 2 โดยวิธี PCR ยืนยันจากห้องปฏิบัติการตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ประกาศ 1 แห่ง หรือ Sequencing หรือเพาะเชื้อ 

รวมถึงประกาศแนวทางการแยกกักผู้ป่วยโควิดในชุมชน ฉบับวันที่ 24 ก.ค.2564 จากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ใช้แนวทางเดียวกันด้วยนั้น จึงเห็นได้ว่าการเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดควรสามารถใช้ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการโดยวิธี PCR ยืนยันว่าเป็นผู้ป่วยโควิดตามนิยามของกรมควบคุมโรคและกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบรายงานหรือใบรับรองจากแพทย์อีกแต่อย่างใด 

ดังนั้น สอบ. จึงขอให้บริษัทประกันที่รับประกันภัยโควิดลดขั้นตอนในการยื่นเอกสารเพื่อเคลมประกันของผู้เอาประกันที่ติดเชื้อโควิด โดยสามารถให้ใช้ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการโดยวิธี PCR ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางนิยามผู้ป่วยโควิดของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งจะเร่งติดตามการดำเนินการของบริษัทประกัน และหารือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาสิทธิผู้บริโภคต่อไป

กระทรวงแรงงาน เตือนคนหางานทำประกันโควิดก่อนเดินทางทำงานเกาหลี

กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน แจ้งข่าวแรงงานไทยที่จะเดินทางเข้าไปทำงานที่สาธารณรัฐเกาหลี ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด -19 แนะทำประกันคุ้มครอง 30 วัน พร้อมสำรองเงินค่ารักษาพยาบาลอย่างน้อย 60,000 บาท

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล แจ้งข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงานไทย โดยระบุว่า แรงงานที่เดินทางไปยังสาธารณรัฐเกาหลีจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย หากผลการตรวจระบุว่าพบเชื้อ แรงงานจะต้องเข้ารับการกักกัน และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักกันด้วยตนเอง ดังนั้น แรงงานจึงควรทำประกันโควิด - 19 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมระยะเวลาถึง 30 วัน หลังจากเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลีแล้ว ซึ่งหากตรวจพบเชื้อจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลด้วยตนเอง จึงควรเตรียมเงินอย่างน้อย 60,000 บาท เพื่อใช้สำรองจ่ายเมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ถึงแม้ว่าแรงงานจะทำประกันชีวิตแล้วก็ตาม โดยหลังจากนั้นสามารถนำเอกสารที่ได้รับไปยื่นขอรับเงินกับบริษัทประกันได้ ทั้งยังพบแรงงานที่เดินทางไปยังสาธารณรัฐเกาหลีในช่วงนี้ บางส่วนมีอาการป่วยเป็นโรคกลัวที่แคบ (Claustrophobia) ประมาณ 1-2 คน ต่อเที่ยวบิน ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะประสบปัญหาในการกักกัน ดังนั้น แรงงานต้องทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมที่จะเข้ารับการกักกันหรือพกยาประจำตัวในกรณีที่มีโรคดังกล่าวไปด้วย หรืออาจพิจารณาเลื่อนกำหนดการเดินทางไปทำงาน

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งมุ่งเน้นประโยชน์และความปลอดภัยของแรงงานไทยเป็นสำคัญ  โดยมอบหมายกระทรวงแรงงาน ดูแลคนไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศให้ได้รับการปฏิบัติตามสิทธิที่พึงมี และได้ทราบข้อมูลข่าวมูลสารที่ถูกต้องเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานมีภารกิจในการส่งเสริม และกำกับดูแลให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งมี 5 วิธี คือ 1.กรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง 2.บริษัทจัดหางานจัดส่ง 3.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างของตนไปทำงานต่างประเทศ 4.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงานในต่างประเทศ 5.คนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ได้ค่าจ้างที่เหมาะสม และยังได้รับการดูแลที่ดีตามสิทธิที่พึงมีด้วย

"ทั้งนี้ คนหางานที่ต้องการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694 หรือติดตามข่าวสารตำแหน่งงานต่างประเทศได้ที่เว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas" อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

'สหกรณ์' เร่งกระจายเงาะมังคุดช่วยชาวสวนผลไม้ภาคใต้

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในภาคใต้กำลังประสบปัญหาช่องทางจำหน่ายเงาะและมังคุด เนื่องจากในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม เป็นฤดูกาลที่ผลผลิตในภาคใต้ออกมาพร้อมกัน จนเกิดการกระจุกตัวและราคาตกต่ำ โดยเฉพาะในปีนี้สถานการณ์โควิด – 19 กำลังระบาด มีการล็อกดาวน์ทำให้พ่อค้าไม่สามารถเข้าไปตั้งล้งเพื่อรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรได้ 

ล่าสุดน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งหาทางช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยด่วน เบื้องต้น จึงได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดประสานเครือข่ายสหกรณ์ในแต่ละพื้นที่ สั่งซื้อเงาะและมังคุดจากสหกรณ์ที่เป็นแหล่งผลิตในภาคใต้ กระจายสู่ผู้บริโภคของแต่ละจังหวัด โดยให้สหกรณ์ต้นทาง 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา และยะลา เปิดจุดรวบรวมเงาะ มังคุดจากเกษตรกรและสมาชิก เน้นผลไม้ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ก่อนนำมาคัดเกรดบรรจุลงกล่อง และเร่งจัดส่งให้สหกรณ์ที่เป็นตลาดปลายทางเพื่อให้ถึงผู้บริโภคโดยเร็ว 

เบื้องต้น มีสหกรณ์ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ เปิดรับพรีออเดอร์เงาะและมังคุด ซึ่งมีผู้บริโภคให้ความสนใจทยอยสั่งซื้อผ่านเครือข่ายสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง ได้ตั้งเป้าหมายกระจายมังคุดผ่านเครือข่ายสหกรณ์ไม่น้อยกว่า 5,216 ตัน และกระจายเงาะไม่น้อยกว่า  3,329 ตัน พร้อมจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ วงเงิน 122  ล้านบาทเพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมเป็นทุนหมุนเวียนรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกและเกษตรกรในราคานำตลาด  เพื่อดึงราคาผลไม้ในพื้นที่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรม

ยันเดินหน้าต่อภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ไม่มีชะลอ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภายหลังเกิดกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกินกว่า 90 ราย จนเกรงว่าจะกระทบกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่า  ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และททท.ได้หารือกับนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเอกชน ซึ่งสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เอกชนและผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันยังรับมือไหว  

ทั้งนี้ยังต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 7 วันจากนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตจะพยายามลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงมาให้ได้ ตอนนี้จึงยังไม่มีนัยยะต่อการทบทวนโครงการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาโดยไม่ถูกกักตัว 

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีความคิดที่จะหยุดโครงการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ต้องขึ้นอยู่กับทางจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้ตัดสินใจ และการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เกิดขึ้นตอนนี้ถือว่าเป็นการทดลองระบบที่วางไว้ เพื่อไปสู้เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามามากขึ้นในไตรมาส 4 และในเดือนส.ค.นี้ นักท่องเที่ยวที่จะเข้าภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ สามารถบินมาต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ด้วย ซึ่งจะมีเครื่องของสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ และสายการบินไทยสมายส์ที่รับ-ส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ไม่ปะปนกับคนในประเทศ”  

สกพอ. จับมือ BOI TARA และ TRUE เดินหน้ายกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ industry 4.0 ด้วยเทคโนโลยี 5G ในพื้นที่อีอีซี

(27 ก.ค. 64) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนาออนไลน์ (Webinar) ในหัวข้อ “Smart Industry 4.0 & Digital Transformation Technology by 5G” เป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์และแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคอุตสาหกรรมแก่ผู้ประกอบการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ที่ปรึกษาพิเศษด้านพัฒนาการศึกษา บุคลากร และเทคโนโลยี สกพอ. เปิดเผยว่า ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ในแง่มุมด้านการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลภายในโรงงานเพื่อพัฒนาสู่ industry 4.0 และแนะนำเพิ่มเติมถึง ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ SMC (Sustainable Manufacturing Center) ซึ่งเป็นโครงการนำร่องภายใต้การพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) โดย SMC จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในเชิงเทคนิค ซึ่งจะเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาด้าน industry 4.0 ในพื้นที่ EEC

โดยงานสัมมนาในครั้งนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนด้าน industry 4.0 และ digital transformation จาก BOI เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเล็งเห็นถึงความคุ้มทุนและตัดสินใจลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในด้านของสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย หรือ TARA ได้มาพูดถึงจุดประสงค์ของสมาคมที่จะเป็นศูนย์กลางของผู้ซื้อและผู้ขาย สร้างความร่วมมือกันระหว่างสมาชิกของสมาคม หน่วยงาน และองค์กรอื่น ๆ ทั้ง ภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ รวมถึงวิชาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ภายในงาน ทาง TrueBusiness ได้ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีด้าน 5G และนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ อาทิ AI unmanned vehicle, การเชื่อมต่อข้อมูลอุปกรณ์ IoT และส่งข้อมูลไปเก็บเพื่อประมวลผลบนระบบ cloud ด้วยโครงข่าย 5G ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ อีกทั้ง TrueBusiness เองเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำแก่องค์กรที่สนใจนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ในการผลิตและดำเนินการต่าง ๆ รวมถึงให้บริการออกแบบและติดตั้งโซลูชันตั้งแต่ต้นจนจบตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ

ทั้งนี้ สกพอ. พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ industry 4.0 ด้วยเทคโนโลยี 5G อย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าหมายในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์เรื่อง industry 4.0 & 5G แก่ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง และจะขยายผลสู่ระดับประเทศในลำดับต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม. เคาะ 15,027 ล้านบาท เยียวยานายจ้าง-ม.33 ใน9กิจการ 13จว.แดงเข้ม

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประขุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม. อนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจำนวน โดยเพิ่มจ. ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา เป็น13 จ.วงเงิน 15,027 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,522 ล้านบาท จากเดิม 13,504 ล้านบาท 

โดยให้สำนักงานประกันสังคมประมาณการจำนวนนายจ้าง และผู้ประกันนมาตรา 33 กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะขี้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ด้วย ซึ่งจะช่วยนายจ้างในระบบประกันสังคม 9 ประเภทกิจการ ใน 13 จ.กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 7,238ล้านบาท และเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 สัญชาติไทย ที่เป็นลูกจ้างในกิจการของนายจ้างตามคุณสมบัติ จำนวน 7,789ล้านบาท โดยนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้

'เกษตรฯ-พาณิชย์'​ เดินหน้า 7 มาตรการล่าสุด​ 'แก้ปัญหาลำไยเหนือ-ผลไม้ใต้'​ หลัง 'จีน-เวียดนาม'​ ออกมาตรการโควิดใหม่กระทบส่งออกทำมังคุดใต้ราคาตก

'อลงกรณ์'​ แนะผู้ส่งออกใช้ด่าน 'ตงชิง-ผิงเสียง' แก้ปัญหาด่านโหยวอี้กวน-โมฮ่านติดขัดจนคอนเทนเนอร์ขาดแคลน พร้อมประสาน​ 900 ล้งภาคตะวันออกลงใต้ เร่งกลยุทธ์ขยายการค้าออนไลน์ทุแพลตฟอร์มเพิ่มการบริโภคในประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษาและมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ว่า คณะกรรมการบริหารและจัดการผลไม้​ (Fruit Board) ได้ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เข้าฤดูกาลลำไยภาคเหนือและผลไม้ภาคใต้อย่างใกล้ชิดตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารและจัดการผลไม้ซึ่งผลผลิตออกมาเร็วกว่ากำหนด 1 เดือน ซึ่งราคาลำไยและมังคุดในเดือนมิถุนายนอยู่ในเกณฑ์ดีส่งออกได้มากขึ้น

แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคมทำให้มีการออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มข้นมากกว่าเดิมโดยทางการจีน เวียดนามรวมทั้งไทยส่งต่อการค้าการขนส่งและการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทยจึงได้จัดประชุมทางไกลเร่งด่วนและประสานการทำงานกับสำนักงานเกษตรของไทยในจีนรวมทั้งสมาคมผู้ประกอบการค้าผลไม้ที่มีสมาชิกกว่า​ 900 ล้งและผู้ให้บริการโลจิสติกส์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยสรุปปัญหาล่าสุดและกำหนดมาตรการเพิ่มเติม​ 7​ ประการดังนี้... 

1.​ เร่งการนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์กลับจากจีนและเวียดนามทั้งการขนส่งทางบกและทางเรือให้หมุนเวียนกลับมาไทยเร็วที่สุด

2.​ ขอการสนับสนุนจาก​ 'ศบค.'​ จัดหาวัคซีนจำนวนอย่างน้อย 30,000 โดสให้แก่พนักงานและแรงงานของบริษัทส่งออกและล้งตลอดห่วงโซ่ผลไม้เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานของล้งและบริษัทส่งออก

3.​ ผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิดและอำนวยความสะดวกให้ผู้ค้าและล้งจากภาคตะวันออกซึ่งมีกว่า 900 ล้ง สามารถเข้าไปรับซื้อผลไม้ในพื้นที่จังหวัดชุมพรสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น

4.​ เร่งรณรงค์การบริโภคผลไม้ภายในประเทศ

5.​ ขยายการค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม​ (B2C / B2B / B2F / B2G)

6.​ เร่งระบายจำหน่ายผลไม้ออกจากพื้นที่กระจายทุกช่องทางโดยขอความร่วมมือภาคเอกชนและภาครัฐ

7.​ ส​นับสนุนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) และหน่วยงานภาครัฐเร่งขับเคลื่อนมาตรการตามที่ได้รับการอนุมัติไปก่อนหน้านี้จากคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ ทั้งแผนงานและงบประมาณตามแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือและภาคใต้

นายอลงกรณ์ย้ำเป็นข้อแนะนำด้วยว่า ขอให้ผู้ประกอบการส่งออกเข้าจีนทางเขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วงใช้ด่านตงชิงและด่านผิงเสียงเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความแออัดของด่านโหยวอี้กวนและปรับแผนการขนส่งที่จะผ่านเวียดนามเพราะประกาศล่าสุดของทางการเวียดนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาห้ามผ่านเขตกรุงฮานอยทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่งมีระยะทางเพิ่มขึ้นอีก​ 150 กิโลเมตร

“การขนส่งทุกเส้นทางยากลำบากมากเพราะเป็นฤดูฝนทั้งเส้นเชียงของผ่านด่านบ่อเตนของลาวไปผ่านด่านโมฮ่านในสิบสองปันนาของมณฑลยูนนานและเส้นทางจากนครพนมผ่านลาวเวียดนามไปจีนที่กว่างสีจ้วงฝนตกหนักตลอดและมีการตรวจโควิดเข้มข้นทุกด่านและบทลงโทษหากพบการปนเปื้อนโควิดก็รุนแรงมากขึ้นถึงขั้นถอนใบอนุญาตนำเข้านอกจากนี้ยังเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้เวียดนามที่มีผลผลิตออกมามากทำให้การขนส่งผ่านด่านจีนเพิ่มมากขึ้น​ ซึ่งเราก็ให้ทีมเกษตรและพาณิชย์ไทยในจีนช่วยดูแลหน้างานอย่างใกล้ชิดเร่งคลี่คลายความแออัดโดยทางการจีนให้ความร่วมมืออย่างดีพร้อมกับให้กำลังใจผู้ประกอบการอย่าท้อเพราะรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานโดยเฉพาะ7มาตรการเพิ่มเติมซึ่งได้รายงานต่อท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเกษตรฯ​ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาและท่านได้สั่งการทันทีให้ทุกภาคส่วนเร่งคลี่คลายแก้ปัญหา 

"ล่าสุด​ คพจ.นครศรีธรรมราช​ ซึ่งมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและเกษตรและสหกรณ์จังหวัดได้ผ่อนปรนให้ล้งเข้ารับซื้อมังคุดเพิ่มขึ้น พร้อมกันนั้นได้ขยายการค้าออนไลน์และเพิ่มบริการขนส่งโดยความร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ไทยคณะอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซและคณะอนุกรรมการธุรกิจเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ​ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์พร้อมกันนี้ได้ประสานความร่วมมือกับกรมประชาสัมพันธ์ อสมท.และสื่อมวลชนทุกแขนงช่วยรณรงค์บริโภคผลไม้ไทยเช่นลำไย มังคุด เงาะ ลองกองเป็นต้น 

"เมื่อการส่งออกเริ่มติดขัดก็ปรับกลยุทธ์เพิ่มอุปสงค์ในประเทศ ตัวอย่างเช่นปีนี้มังคุดภาคใต้มีผลผลิต​ 165,000 ตัน​ เพิ่มขึ้นกว่า​ 20% สัดส่วนส่งออก​ 60% บริโภคในประเทศ​ 40% และผลผลิตออกเร็วกว่าปกติ​ 1​ เดือนจนชนกับผลไม้ปลายฤดูของภาคตะวันออก แถมล้งก็ข้ามเขตไปใต้แทบไม่ได้เลยเพราะมาตรการโควิดต้องตรวจโรคและไม่มีวัคซีนฉีดแรงงานชำนาญงานขาดแคลน ปัญหารุมเร้ามากตั้งแต่ต้นทางถึงด่านส่งออกรวมทั้งฝนที่ตกกระหน่ำในลาวและเวียดนามไม่เว้นแต่ละวันแต่เราก็สู้เต็มกำลังทุกวันเพื่อเกษตรกรของเรา เราจะฝ่าวิกฤตไปด้วยกันไม่ทอดทิ้งกัน” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

นอกจากมาตรการเพิ่มเติม​ 7​ ประการ​ ยังมีการพัฒนาคุณภาพผลผลิตตามความเหมาะสมของพื้นที่ การเชื่อมโยงตลาด ภายใต้โครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีโดยศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม​ (AIC) และหน่วยงานส่งเสริมต่างๆ 

การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผลไม้และผลไม้อัตลักษณ์ตลอดจนการจัดทำแปลงเรียนรู้การส่งเสริมการผลิตตามระบบมาตรฐาน GAP GMP เกษตรอินทรีย์​ (Organic) และ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์​ (GI) การพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งขององค์กรตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ สหกรณ์ และศูนย์คัดแยกผลไม้ชุมชน การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม การตรวจสอบย้อนกลับโดยใช้ QR Code และการสร้างแบรนด์​ (Branding) เป็นต้น​ ภายใต้โมเดลเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดตามยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตและ​ '5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย'​ ของ​ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์​ เป็นแนวทางในการบริหารจัดการผลไม้ในสถาวะวิกฤติโควิด-19​ เน้นร่วมบูรณาการทุกภาคส่วน และการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมจากศูนย์ AIC เพื่อยืดอายุผลผลิต และแปรรูปยกระดับสู่อุตสาหกรรมเกษตรอาหารเพิ่มมูลค่ารายได้ให้มากขึ้นต่อไป

ทั้งนี้​ จากข้อมูลกรมส่งเสริมการเกษตร (23 ก.ค. 64) ได้เผยถึงสถานการณ์การเก็บเกี่ยวผลไม้ภาคใต้ มีดังนี้... 

ทุเรียน ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้ว ร้อยละ 32.83
เงาะ ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้ว​ ร้อยละ 33.46
มังคุด ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้ว​ ร้อยละ 23.16
ลองกอง ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้ว​ ร้อยละ 0.2


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top