Saturday, 18 May 2024
POLITICS

'สก.บางซื่อ ก้าวไกล' โร่แจงปมเจ้าของโรงงานซุกกากแคดเมียม  เผย!! เป็นธุรกิจญาติ ตนไม่เกี่ยว ทั้งในบางซื่อและสมุทรสาคร

(11 เม.ย. 67) จากกรณี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่ร่วมกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงาน เพื่อตรวจสอบบริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล จำกัด ตั้งอยู่ 1532/1 ซอยเรียงปรีชา ถนนประชาราษฎร์ แขวงบางซี่อ เขตบางซื่อ กทม. หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้สืบสวนแกะรอยจนทราบว่าที่โรงงานดังกล่าวมีการซุกซ่อนกากแคดเมียม 150 ตัน บรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก 98 ถุง โดยขณะนี้ได้ยึดอายัดไว้แล้ว

น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตรวจสอบกากสารแคดเมียมในบางซื่อ วันนี้เนอสและสส.กานต์ ภัสริน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่มีกากสารแคดเมียมเก็บอยู่ในเขตบางซื่อ ทราบว่าเป็น บริษัท ล้อโลหะไทยเมททอล จำกัด ในซอยเรียงปรีชา ซึ่งอยู่บนถนนพิบูลสงครามบริเวณพระราม 7 ฝั่งมุ่งหน้ามาจากจังหวัดนนทบุรี

โดยกากสารแคดเมียมที่พบมีจำนวน 98 ถุงบิ๊กแบ็ก มีน้ำหนักประมาณ 150 ตัน สภาพโรงงานเป็นโรงงานค้าของเก่าระบบปิด ไม่มีเตาหลอม มีหลังคาคลุม พื้นเป็นปูน เบื้องต้นทางสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ได้ใช้เครื่องวิเคราะห์ค่าโลหะแบบพกพาตรวจน้ำจากท่อระบายน้ำ 2 จุดที่เชื่อมออกมาจากโรงงาน ยังไม่พบสารแคดเมียม อย่างไรก็ตามต้องรอผลตรวจน้ำและดินโดยรอบจากแล็บของกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกครั้ง เนื่องจากจะมีความละเอียดมากกว่า

ในการเคลื่อนย้ายกากสารแคดเมียมออกจากพื้นที่นั้น ทราบว่าจะมีการย้ายหลังช่วงสงกรานต์เพื่อหลีกเลี่ยงการสัญจรหนาแน่นของพี่น้องประชาชน จึงจะมีการทยอยขนย้ายทั้งจากเขตบางซื่อ ชลบุรี และสมุทรสาคร กลับไปยังหลุมฝังกลบที่จังหวัดตากหลังจากวันที่ 17 เมษายนเป็นต้นไปค่ะ

ทาง กทม. ได้ประกาศโรงงานนี้เป็นพื้นที่สาธารณภัยตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 จึงมีการปิดประตูโรงงานและมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดเวลา

ส่วนในเรื่องที่เนอสและเจ้าของโรงงานมีนามสกุลเดียวกันนั้น เนื่องจากคุณเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย เป็นคุณอา (น้องของพ่อ) โดยเมื่อก่อนรุ่นอากงทำธุรกิจค้าของเก่าเป็นกงสี แต่บริษัทของคุณพ่อเนอสได้แยกออกจากกงสีมาตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีมากกว่า 20 ปีแล้ว ส่วนเนอสเองก็ออกจากบริษัทของคุณพ่อมามากกว่า 5 ปีแล้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าของเก่าในเขตบางซื่อหรือสมุทรสาครแต่อย่างใด

เนอสมาลงสนามการเมืองแค่ต้องการทำให้เขตบางซื่อที่อยู่มาตั้งแต่เกิดดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดหรือกระทำการใดที่จะเอื้อประโยชน์หรือปกป้องเครือญาติและครอบครัว หากใครทำงานในสำนักงานเขตบางซื่อและกทม. ก็น่าจะทราบดี ที่เนอสไปลงพื้นที่วันนี้ก็เพราะเป็นการทำงานปกติที่ทำมาอยู่ตลอดในเขตอยู่แล้วในฐานะส.ก. เนอสเชื่อในความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ชัดเจน ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นพ่อ แม่ ครอบครัว หรือญาติกันก็ตาม เมื่อคนเท่ากันก็ต้องเท่ากันในการบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราด้วย

ยิ่งกว่านั้น เนอสเองยืนยันว่าสนับสนุนแนวทางพรรคก้าวไกลเรื่องการเสนอกฎหมาย PRTR (กฎหมายรายงานการปลดปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม) ที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการรายงาน ติดตาม ตรวจสอบ สารมลพิษอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่อปกป้องและส่งเสริมพัฒนาความปลอดภัยสาธารณะ

เนอสคงไม่สามารถเปลี่ยนนามสกุลหรือเลือกจะเป็นญาติ-ตัดญาติกับใครได้ และเนอสก็ทำงานพิสูจน์ตัวเองมา 2 ปีแล้ว จึงขอชี้แจงไว้ตรงนี้ว่าเนอสไม่เคยและจะไม่มีการใช้อำนาจมาเอื้อประโยชน์หรือปกป้องใครอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ เนอสขอย้ำให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามความถูกต้องของกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันทุกคนค่ะ 🙏

‘จุรินทร์’ ซัด!! ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ไม่ต่างจาก ‘จำนำข้าว’ รัฐบาลใช้วิธี ‘กู้ ธกส. มาแจก’ เสี่ยงสร้างหนี้ซ้ำรอยเดิม

(11 เม.ย. 67) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแหล่งเงินดิจิทัล วอลเล็ต 500,000 ล้านบาท ที่มาจาก 3 ทางคือ งบเหลือจ่ายปี 67 ปี 68 และ เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ว่า…

กรณีการใช้เงินจาก ธกส. โดยให้ ธกส. สำรองจ่ายไปก่อน แล้วรัฐบาลค่อยใช้คืนทีหลัง ตามมาตรา 28 ก็คือการ ‘กู้ ธกส.มาแจก’ นั่นเอง ก็อบปี้วิธีการของโครงการจำนำข้าวมาทั้งดุ้น พูดง่าย ๆ คือมาจาก DNA เดียวกัน เพราะจำนำข้าวก็คือให้ ธกส. สำรองเงินไปรับจำนำข้าวจากชาวนาก่อน แล้วรัฐบาลค่อยใช้คืนทีหลัง ซึ่งขาดทุนตั้งแต่นับหนึ่งเพราะราคาข้าวในตลาดตันละไม่ถึงหมื่นบาท แต่ให้ไปรับจำนำตันละหมื่นห้าพันบาท ทุก ๆ ตันจึงขาดทุนสะสมไปเรื่อย ๆ จนทำให้ขาดทุนรวมไป 6-700,000 ล้าน และจนวันนี้ยังใช้หนี้ไม่หมด ยังเหลือหนี้ค้าง ธกส. อยู่อีก 200,000 กว่าล้านบาท   

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า กรณีดิจิทัล วอลเล็ต ที่จะให้ ธกส. สำรองแจกไปก่อน จึงมาจาก DNA เดียวกัน โดยรัฐบาลจะต้องมีภาระหนี้ กับเฉพาะ ธกส. เพิ่มอีกตามที่ รัฐบาลแถลง 172,300 ล้านบาท รวมกับหนี้เก่าจำนำข้าว อีก 200,000 กว่าล้านบาท จะทำให้รัฐบาลเป็นหนี้ ธกส. เฉพาะ 2 โครงการ ทั้งที่ยังคงค้างอยู่และจะสร้างใหม่ รวมประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งจนวันนี้ รัฐบาลก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีแผนชำระหนี้เฉพาะหนี้ ธกส. ที่จะกู้มาแจกในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต อย่างไร และยังอาจมีปัญหาข้อกฎหมายตามมาอีกว่าแม้เงิน ธกส. สามารถเอามาดูแลเกษตรกรได้ แต่ถ้าถึงขั้นจะเอามาแจกตามโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ด้วยวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการบริโภค สามารถทำได้หรือไม่ ต้องดูให้รอบคอบ อย่าไปทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย 

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำเพราะหาเสียงไว้และต้องทำให้ถูกกฎหมายด้วย” นายจุรินทร์กล่าว 

'ก้าวไกล' ปัดเอี่ยวบุหรี่ไฟฟ้าติดโลโก้พรรค  แต่นโยบายหนุน-สส.แอบสูบกลางสภา

(11 เม.ย.67) กลายเป็นที่ฮือฮาขึ้นมาทันที หลังมีโลโก้พรรคสีส้มไปปรากฏบนบุหรี่ไฟฟ้าที่ทาง พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นำมาแถลงข่าวเมื่อวาน (10 เม.ย.67)

โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สนธิกำลังกับหลายหน่วยงานกวาดล้างจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้สถานศึกษาใน กทม. เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ของกลางมากกว่า 12,000 ชิ้น คิดเป็นเงินมากกว่า 3.6 ล้านบาท

'รัฐมนตรีพวงเพ็ชร' ได้ย้ำให้เห็นถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีสารนิโคติน เป็นสารอันตรายทำลายสมอง ทำลายพัฒนาการของเด็กวัยรุ่น ไปจนถึงอายุ 25 ปี ส่งผลต่อการเรียนรู้ อารมณ์ และจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดยาชนิดอื่นๆ ด้วย

ขณะที่ เลขาธิการ สคบ. 'ธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์' ก็บอกว่า ในการจับกุมครั้งนี้ สคบ.ใช้กฎหมายตามประกาศคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 หากฝ่าฝืนต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท อีกทั้งยังผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2546 คือ ห้ามนำเข้า หากฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับอีก 4 เท่าของมูลค่า

แล้วในเมื่อเป็นของผิดกฎหมายและมีอันตราย ทำไมจึงมีโลโก้ของพรรคการเมืองที่มี สส.มากที่สุดในสภา ไปปรากฏอยู่ด้วย 'รัฐมนตรีพวงเพชร' จึงบอกว่า จะให้ไปตรวจสอบดูว่า ทำไมถึงมีสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกล โดยอาจจะต้องย้ำพรรคการเมืองว่า ให้ตรวจสอบควบคู่ไปด้วยว่ามีการนำชื่อ สัญลักษณ์ และสีของพรรคการเมืองมาแอบอ้างในการทำสินค้าหรือไม่

โดนพาดพิงอย่างจังแบบนี้ 'สส.ลิซ่า' ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล จึงต้องรีบชี้แจงว่า พรรคก้าวไกล ไม่เคยมีการผลิตสินค้าผิดกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องต่อสินค้าผิดกฎหมายที่ได้ตรวจพบอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังขอให้ 'รัฐมนตรีพวงเพชร' ในฐานะรัฐมนตรีที่มีอำนาจ ตรวจสอบให้ได้ถึงต้นตอ ป้องกันปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุดด้วย อย่าจบแค่จับของกลางและมาแถลงต่อสื่อมวลชน โดยไม่มีการทำงานเชิงลึกต่อ หวังว่าจะเห็นผลงานการทลายต้นตอของบุหรี่ไฟฟ้า

สรุปก็คือพรรคก้าวไกลปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่า ไม่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าติดตราพรรคก้าวไกล ที่ 'รัฐมนตรีพวงเพชร' เอามาแถลง

อย่างไรก็ตาม ถ้าลองย้อนอดีตไปไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ ก็จะพบว่า 'พรรคก้าวไกล' กับ 'บุหรี่ไฟฟ้า' มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอยู่ โดยดูจากนโยบาย 300 ข้อ ที่พรรคก้าวไกลใช้หาเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 14 พ.ค.66

โดยมีข้อ 285 ที่ระบุชัดเจนว่า “อนุญาตให้มีการผลิต นำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยได้” โดยมีข้อกำหนดเช่นเดียวกับบุหรี่ เช่น จำกัดอายุผู้สูบ ห้ามสูบในที่สาธารณะ การห้ามโฆษณาและจัดโปรโมชัน และต้องมีมาตรการในการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ เช่น การห้ามแต่งกลิ่น และรสของผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.65 'เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร' สส.พรรคก้าวไกล ผู้เป็นโต้โผรณรงค์เรื่องเหล้า-เบียร์เสรี ก็ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ เชิงตั้งคำถามว่า ทำไมกฎหมายไทยให้กัญชาถูกกฎหมาย แต่บุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมาย ว่า...“คนมาเลย์ งงว่าที่ไทยกัญชาถูกกฎหมาย แต่ vape กับบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมาย ร้องถามว่า Why? กันหมด ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงอะครับ” 

ล่าสุด ช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' เมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ก็ได้โพสต์ภาพ สส.กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้า ที่รัฐสภา พร้อมข้อความว่า... “#ทุกคนคะ หนูเจอชาย สูบบุหรี่ไฟฟ้า ตรงป้ายห้ามสูบบุหรี่ในรัฐสภาค่ะ พบว่า เป็น สส.พรรคดัง มีชื่ออยู่ใน กมธ.งบประมาณ หนูขอเรียกร้องให้ สส.เท่าพิภพ สส.โตโต้ และ สส.ไอซ์ ช่วยแนะนำวิธีสูบไม่ให้ถูกจับได้ด้วยค่ะ”

ถัดมาอีกวัน (18 ม.ค.67) เฟซบุ๊กเพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' ก็ได้โพสต์ภาพ สส.กลุ่มหนึ่ง นั่งอยู่ในร้านอาหารรัฐสภา โดยบนโต๊ะมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ข้างหน้าพร้อมระบุข้อความว่า... “#ทุกคนคะ สส.ผู้ชาย ก้าวไกล เดี้ยวนี้เขาพก ลิปสติกแล้วหรือคะ เอ...หรือว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้าคะ สงสัยต้องเรียก สส.ลักแกง มาเป็นพยานแล้วค่ะ”

พรรคก้าวไกลไม่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าเลยจริงหรือไม่ คงต้องติดตามดูกันต่อไป...

'ปุ้ย พิมพ์ภัทรา' รมว.อุตสาหกรรม หญิงเก่งจากรวมไทยสร้างชาติ  ล่าผลงานแบบ ท.ท.ท. (ทำทันที) เคลียร์แคดเมียมไวจนอุ่นใจ

หลังจากเกิดกรณีตรวจพบกากแคดเมียมที่ควรจะถูกฝังปิดถาวรในจังหวัดตาก แต่กลับถูกลักลอบขุดขึ้นมาและมีการเคลื่อนย้ายออกมาจำนวนกว่า 13,000 ตัน โดยมีการลักลอบเก็บสะสมกากแคดเมียมดังกล่าวในโรงงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและในพื้นที่จังหวัดชลบุรีนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การกุมบังเหียนของ 'ปุ้ย' พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการฯ ก็ได้เร่งสั่งการให้หน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดการโดยทันที

แคดเมียม (Cadmium: สูตรทางเคมี Cd) เป็นแร่โลหะหนักชนิดหนึ่ง ซึ่งถูกนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมในหลากหลายด้าน อาทิ ใช้ฉาบและเคลือบเงาผิวโลหะต่างๆ เพื่อความเงางาม ทนต่อการกัดกร่อน สารเพิ่มความคงตัวของพลาสติก จำพวกพีวีซี ผลิตเม็ดสี ผลิตแบตเตอรี่ขนาดเล็ก (แคดเมียม-นิกเกิล แบตเตอรี่) เป็นต้น

แคดเมียมยังพบปนอยู่กับแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น แร่สังกะสี แร่ตะกั่ว หรือทองแดง ในการทำเหมืองสังกะสีจะได้แคดเมียมเป็นผลตามมา สามารถพบแคดเมียมปนเปื้อนได้ในอาหาร น้ำ รวมทั้งพบแคดเมียมในสีที่ผสมใช้กับบ้านหรืออาคารอีกด้วย ทั้งนี้แคดเมียมสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ดังนี้...

- ทางผิวหนังผ่านการสัมผัส
- ทางจมูก ด้วยการหายใจ สูดดมฝุ่นละอองที่ปนเปื้อนแคดเมียมเข้าไปในร่างกาย
- ทางปากด้วยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารแคดเมียม เช่น ข้าวที่ปลูกบนดินที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียมอยู่ สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อน เนื้อหรือนมจากวัวที่กินหญ้าที่เกิดจากดินที่มีการปนเปื้อน

ทำไมแคดเมียมจึงน่ากลัว? เพราะผลกระทบต่อสุขภาพอันเนื่องมาจากการรับเอาแคดเมียมเข้าไปในร่างกายมีดังนี้...

- พิษเฉียบพลัน : พบในกรณีหายใจเอาไอระเหยของแคดเมียมเข้าไป ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ หายใจลำบาก หรือเจ็บหน้าอก
- พิษเรื้อรัง : การได้รับสารแคดเมียมเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อความเป็นพิษของไต กระดูก และอาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด หากสัมผัสสารนี้มาอย่างยาวนานต่อเนื่อง รวมทั้ง มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
- พิษต่ออวัยวะที่สำคัญ คือ พิษต่อไต โดยจะมีการอักเสบที่ไต ทำให้ไตสูญเสียการทำงาน และอาจทำให้เกิดไตวายเรื้อรังได้ในที่สุด ซึ่งการเกิดความผิดปกติของไตนี้จะเป็นแบบถาวร แม้ไม่ได้รับแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายแล้วไตก็ไม่สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้ 
- พิษต่อกระดูก คือ แคดเมียมจะเข้าไปสะสมอยู่ในกระดูก เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนและอาจมีอาการปวดกระดูกอย่างมากโดยเฉพาะที่กระดูกสะโพก ซึ่งเป็นอาการของโรคอิไต–อิไต (Itai-itai disease) โดยคนกลุ่มนี้จะมีอาการกระดูกเปราะ แตกหักง่าย 

นอกจากนี้ แคดเมียมยังมีส่วนที่ทำให้อาการของโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เพิ่มขึ้นอีกด้วย

แม้แคดเมียมจะมีคุณค่าทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความนิยมในการใช้เป็นส่วนประกอบของแบตเตอรี่เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักพลังงานไฟฟ้า แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ผู้ประกอบการที่ไร้จิตสำนึก แล้วเอาเปรียบสังคมด้วยการลักลอบขุดเอากากแคดเมียมที่ได้รับการฝังกลบแล้วขึ้นมาจำหน่ายและขนย้ายโดยผิดกฎหมาย หากแต่ผู้ประกอบการที่ครอบครองกากแคดเมียมต้องการขุดออกเอากากแคดเมียมที่ได้รับการฝังกลบแล้วออกมาจำหน่ายจริงๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งแน่นอนไม่ใช่การนำกากแคดเมียมใส่ถุงขนาดใหญ่ (Big bag) แล้วขนย้ายเช่นนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น เมื่อเรื่องนี้เกิด สิ่งที่ทำให้คนไทยพออุ่นใจได้ คือ การที่รัฐมนตรี 'ปุ้ย พิมพ์ภัทรา' เจ้ากระทรวงอุตสาหกรรม เร่งสั่งการให้ดำเนินการจัดการกับกากแคดเมียมที่ถูกลักลอบขนย้ายนำออกมาอย่างรวดเร็ว แบบไม่สนหน้าอิฐหน้าพรมหรือทุนใหญ่เล็กแค่ไหน ด้วยการสั่งให้ย้ายกากแคดเมียมทั้งหมดกลับไปยังแหล่งฝังกลบต้นทางเพื่อดำเนินการต่อไปแล้ว แถมเธอยังสั่งการให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ตาม 

นอกจากนี้ จากกรณีที่เกิดขึ้นเชื่อว่า รมว.ปุ้ย และคณะทำงานจะนำไปเป็นกรณีศึกษาในการดำเนินการจัดการกับปัญหาของเสีย กาก และขยะอุตสาหกรรม ฯลฯ ในความดูแลรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นต่อไปด้วย

‘นายกฯ’ สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องกวาดล้าง ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ อย่างจริงจัง ชี้ ‘ผู้ลักลอบนำเข้า-จำหน่าย’ จับหมด!! หลังแพร่หลายในเยาวชน

(9 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ว่า ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ากำลังแพร่หลายหนักมากในหมู่เด็กและเยาวชน ทั้งที่มีกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกัน ดำเนินการปราบปราม จับกุมผู้ลักลอบนำเข้า ผู้จำหน่าย อย่างจริงจังและเด็ดขาด และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด 

ทั้งนี้ นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า ขอให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกันออกมาตรการการป้องกัน เช่น การรณรงค์เรื่องโทษของบุหรี่ไฟฟ้า การสร้างความตระหนักรู้ถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงมีการตรวจตราให้เข้มงวด โดยเฉพาะสถานศึกษา รวมถึงการจำหน่ายและใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน 

กระแสร้อนแรงเป็นแกงไตปลา เบียด 'แพทองธาร' ตกขอบ คะแนนพุ่ง!! ต่อวีซ่ายาว สวนดีลลับจบแค่ 10 เม.ย.นี้

แม้จะยังหลวม ๆ ไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าการเดินทางไปตรวจงานมอบนโยบายของนายกฯ เศรษฐา   ทวีสิน ที่สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย.ที่ผ่านมา...ทำให้เรตติงคะแนนนิยมของ นายกฯ ถุงเท้าหลากสีร้อนแรงขึ้นมาไม่น้อย...น้อง ๆ แกงไตปลาเมืองคอนกันเลยทีเดียว

พูดกันแบบไม่ต้องเกรงใจและไม่ได้แซะเสี้ยม...นาทีนี้ 'นายกฯ นิด' เบียด 'หนูอิ๊ง' ตกขอบไปแล้ว...

ที่เกาะสมุยนายกฯ พัก 2 คืน...ทำการบ้านหลายอย่าง 6 สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากสองค่ายบ้านใหญ่ 'ชุมพล กาญจนะ' และ 'พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว' (นายกอบจ.คนปัจจุบัน) คอยเป็นกำลังหลักเสริมให้ฝ่ายราชการ...งานนี้ลงตัวเป๊ะ...

แต่ที่ไม่ลงตัว...นับถอยหลังจะต้องพังกันไปข้างคือศึกบ้านใหญ่ 'กาญจนะ' กับ 'จ่าแก้ว' ต้นปีหน้าจะต้องสัประยุทธ์ห้ำหั่นประดาบกันในศึกชิง นายกอบจ. ซึ่งชัดเจนแล้วว่า คุณป้าโสภา กาญจนะ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ภรรยาชุมพลจะลงชนพงษ์ศักดิ์...

กลับไปที่นครศรีฯ แม้นายกฯ จะมีเวลาไม่มาก ก็ทำภารกิจครบ ทั้งสักการะและห่มผ้าพระบรมธาตุ กินแกงไตปลา-ขนมจีน และเปิดงานสัมมนาที่ อ.สิชล และแวะวัดเจดีย์ ปิดทองไอ้ไข่...โปรโมตการท่องเที่ยวสายมู...

ที่นครศรีฯ มีรองหัวหน้าพรรค รทสช. 'วิทยา แก้วภราดัย' และ รมว.อุตสาหกรรม พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล  สส.เขตสิชล ให้การต้อนรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรีปุ้ย พิมพ์ภัทรานั้นแข็งขัน เอาการเอางาน นาทีนี้คนเมืองคอนยกให้เธอเป็นหญิงเหล็กหญิงเก่งหญิงกล้า...ปรับครม.เมื่อไหร่ถ้าชื่อเธอหลุดคนเมืองคอนมีเคืองแน่นอน...

อย่างไรก็ตามขณะคะแนนเศรษฐาดูร้อนแรงเป็นแกงไตปลาที่สุราษฎร์-นครศรีฯ แต่ที่กรุงเทพฯ-ทำเนียบ ต้องดูย่างก้าวสำคัญกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งขณะเขียนต้นฉบับ 'เล็ก เลียบด่วน' ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลเศรษฐาผ่าทางตันนโยบาย 5 แสนล้านบาทด้วยสูตรไหน วิธีการใด...

ไม่ว่าจะอย่างไร ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ปรับแผนเรื่องงบประมาณประจำ 2568 โดยขอปรับเพิ่มงบขาดดุลอีก 157,200 ล้านบาท นั้น ทำให้งบ 2568 ขาดดุลรวม 870,000 ล้านบาท ก็ย่อมชัดเจนว่า...งบก้อนใหญ่ของดิจิทัล วอลเล็ตจะมาจากงบปี 2568...นั่นแล

ในขณะที่แนวโน้มการลดดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ก็น่าจะเกิดขึ้นตามที่นายกฯ เศรษฐา ตามจี้ตามไชท่านผู้ว่าฯ ธปท.แบบน่ารำคาญในช่วงก่อนหน้านี้ วันสองวันนี้หรืออีกไม่กี่เพลา การลดดอกเบี้ยก็คงจะช่วยผ่อนคลายให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้บ้างส่วนหนึ่ง...

กล่าวโดยสรุปสถานการณ์ในห้วงเวลานี้...เศรษฐาอยู่ในช่วงขาขึ้น...แบบว่าสวนทางดีลลึกดีลลับที่ 'ตู่' จตุพร พรหมพันธุ์ ได้ดักคอพยากรณ์เอาไว้ ว่าเศรษฐาหมดดีลแค่ 10 เม.ย.เท่านั้น

'เล็ก เลียบด่วน' ขออนุญาตคุณพี่ตู่ จตุพรต่อวีซ่าดีลให้อย่างน้อยถึง 10 เม.ย.ปีหน้าก็ล่ะกัน !!

‘ดร.สามารถ’ พ้อ!! ‘สะพานเชื่อมเกาะสมุย’ คงเป็นได้แค่ฝัน ชี้!! ชาวสมุยตั้งตาเฝ้ารอ แต่ไม่เห็นวี่แวว ‘นายกฯ’ ผลักดัน

(9 เม.ย. 67) นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte’ ระบุว่า ‘เศรษฐา’ ลุย ‘สมุย’ ไร้วี่แวว ‘สะพานเชื่อมเกาะ’

โดยเนื้อหาระบุว่า นายกฯ เศรษฐา เยือนสมุย ชาวเกาะสมุยที่รอคอยสะพานเชื่อมเกาะด้วยความหวังว่านายกฯ จะมากรุยทางสร้างสะพานเชื่อมเกาะต่างผิดหวัง เพราะท่านไม่ได้มาผลักดันสะพาน แต่กลับมาผลักดันท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ และหาแนวทางการขยายสนามบินสมุย ปล่อยให้โครงการสะพานเชื่อมเกาะริบหรี่ !

9 เม.ย. 2567 - น่าดีใจที่เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว. คลัง ไปเยือนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี แม้ว่าพรรคเพื่อไทยที่นายกฯ สังกัดอยู่ จะไม่มี ส.ส. ใน จ.สุราษฎร์ธานีเลยก็ตาม ช่างสมกับคำกล่าวอ้างของนายกฯ ในสภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “ผมเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ ไม่เคยแบ่งแยกพื้นที่ตามคะแนนเสียงที่ได้รับ”

ชาวสมุยและพื้นที่ใกล้เคียงต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาเยือนของนายกฯ หลายคนมีความหวังว่านายกฯ จะมาผลักดันการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย เพื่อจะทำให้การสัญจรระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย แต่ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะนายกฯ มาผลักดันการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ และหาแนวทางการขยายสนามบินสมุย ไร้วี่แววการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะ

ผมเป็นผู้ริเริ่มโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย โดยได้เสนอความเห็นไว้ในเฟซบุ๊กเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560

ปัจจุบันการเดินทางไปสู่เกาะสมุยมี 2 ทาง ประกอบด้วยทางอากาศและทางน้ำ แต่การเดินทางทางอากาศหรือเครื่องบินมีค่าโดยสารแพง ส่วนการเดินทางทางน้ำต้องใช้เวลานาน กล่าวคืออาจเลือกใช้บริการสายการบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี แล้วนั่งรถไปลงเรือ (เฟอร์รี่) ที่ท่าเรือดอนสักเพื่อไปเกาะสมุย ซึ่งเสียค่าเดินทางถูกกว่า แต่ต้องใช้เวลานานกว่ามาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญจะต้องรอเฟอร์รี่นานมาก เพราะมีผู้โดยสารหนาแน่น อีกทั้ง ในหน้ามรสุมก็ไม่สามารถใช้เฟอร์รี่ได้

ด้วยเหตุนี้ สะพานเชื่อมเกาะสมุยจึงเป็นทางเลือกที่สำคัญในการสัญจรด้วยรถยนต์สู่เกาะสมุย ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกสบาย และรวดเร็ว ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวสู่เกาะสมุยและพื้นที่ใกล้เคียง และยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวเกาะสมุยในเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือการเจ็บไข้ได้ป่วย ในกรณีเกินขีดความสามารถในการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลในเกาะสมุย จำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งมีศักยภาพสูงกว่า หากมีสะพานเชื่อมเกาะสมุยจะทำให้สามารถส่งต่อผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว หรือในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการเดินทางไปรักษาที่อื่นนอกเกาะสมุย ก็สามารถเดินได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า

แต่อย่างไรก็ตาม บางคนเกรงว่าสะพานเชื่อมเกาะสมุยจะทำให้ผู้โดยสารเครื่องบินและเฟอร์รี่ลดน้อยลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ 

โครงการสะพานเชื่อมเกาะสมุยได้รับการตอบสนองอย่างดีจากรัฐบาลประยุทธ์ โดยได้มอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นเจ้าของโครงการ ซึ่งในเวลานี้ กทพ. กำลังศึกษาความเหมาะสมอยู่

มาถึงรัฐบาลเศรษฐา ในการตรวจราชการที่สมุยครั้งนี้ น่าเสียดายที่นายกฯ ไม่ได้ไปดูพื้นที่ที่จะก่อสร้างสะพาน ผมเข้าใจดีว่านายกฯ มีภารกิจมาก แต่ก็น่าจะแบ่งเวลาเพียงน้อยนิดให้สะพานเชื่อมเกาะสมุยได้บ้าง ชาวสมุยที่ลุ้นการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะอยู่คงน้อยใจที่เห็นนายกฯ สามารถเจียดเวลาไปตรวจเยี่ยมสนามบินสมุยได้ แต่ไม่มาตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่จะก่อสร้างสะพาน

เมื่อเป็นเช่นนี้ จะให้คิดเป็นอื่นไม่ได้ คาดว่าโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุยซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาวเกาะสมุยได้มากมายมหาศาลคงเป็นหมัน เป็นฝันค้างที่ชาวเกาะสมุยไม่อยากประสบ แต่ก็หนีไม่พ้น ! เป็นเพราะอะไร ? ใครรู้บ้าง ? วานบอกผมด้วย

เมื่อคนจุฬาฯ (ส่วนหนึ่ง) เลือกเนรคุณสถาบันฯ ก็ควรกล้าหาญลงชื่อคืนของสูงกลับสู่แผ่นดิน

ผมอยากให้ครูอาจารย์สามนิ้ว และนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่แอบสนับสนุนการล้ม 112 หรือสมคบคิดกับพรรคการเมืองล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ถ้าอยากอยู่อย่างคนที่มีศักดิ์ศรี งามสง่าในความเป็นมนุษย์ ก็โปรดลงชื่อคืนแผ่นดินให้กับสถาบันเถิด หรือไม่ก็ควรลาออกจากมหาวิทยาลัยนี้ก็ได้ 

เพราะในเมื่อเกลียดเจ้าของที่ ก็อย่าเอาเท้าที่คิดว่าสะอาดของตัวเอง ไปเหยียบ ไปเดิน บนแผ่นดินของเขา หรือใช้ชื่อตราของเขาฉายโชว์เพื่อเฉิดฉายตัวตนอวดสังคม 

มันจะเข้าทำนองเกลียดตัวแต่กินไข่ หรือไม่ก็กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา มีคนดี ๆ ที่ไหนเขาทำกัน? เพราะมันดูย้อนแย้งสิ้นดี!

เจ้าของแผ่นดินชาติตัวจริง เขาจะได้นำผืนดินผืนนี้ไปสร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มคนที่เขารักชาติ-สถาบัน ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ เกิดความรัก เกิดความสามัคคีในคนหมู่มากที่ 'คิดเป็น' มากกว่า

การทำตัวเป็นคนเนรคุณสถาบัน แอบเซาะกร่อน จาบจ้วง ผ่านพฤติกรรมอันหยาบช้าอยู่บ่อยครั้ง ทั้ง ๆ ที่จุดกำเนิดของการสร้างมหาวิทยาลัยก็มาจากน้ำใจของพระมหากษัตริย์ไทยโดยแท้ ยังกล้าเนรคุณนั้น ผมกล้าพูดเลยว่าเจ้าตูบที่บ้านของผมยังมีหัวใจกตัญญูรู้คุณคนมากกว่าเลย 

แต่นี่ใช้ชื่อความเป็นจุฬาฯ มาทำมาหากิน แสวงหาความอยู่รอดในสังคม แต่กลับทำตัวต่ำช้า คอยเหยียบย่ำสายเลือดของผู้ให้กำเนิดมหาวิทยาลัยของตัวเอง

น่าละอาย น่ารังเกียจ และน่าทุเรศที่สุด!!

แนะนำว่า คืนแผ่นดินให้กับสถาบันแล้วก็ให้ไปลงชื่อขอที่ดินจาก 'ศาสดาส้ม' ที่พวกคุณยกย่อง ไปสร้าง 'มหาวิทยาลัยสามนิ้วใหม่' ได้เลย แล้วเอา 'ตราพระเกี้ยว' อันสูงส่งออก ใส่ตราสามเหลี่ยมหัวแหลมคล้ายตูดลิงเข้าไปแทน

ถ้าไม่กล้าคืน ก็อย่าริเรียกตนว่าเป็น 'คนจุฬาฯ' อย่าบังอาจเอาชื่อที่งามสง่ามาใช้ป้องปิดหัวใจบาปของตัวเอง

‘นพ.วรงค์’ โพสต์เฟซ ‘ทักษิณ’ ยกดัมเบล เล่นน้ำเริงร่ากับหลาน ชี้นี่คือ ‘นักโทษที่สภาพย่ำแย่’ หรือเป็น ‘นักโทษที่เย้ยกฎหมาย’ 

(8 เม.ย.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร ยกดัมเบล เล่นกับหลานในสระน้ำ โดย นพ.วรงค์ ได้ระบุว่า ...

#คนอื่นตายช่างมัน

การที่อุ้งอิ้งโพสต์ภาพ นักโทษที่อยู่ในระหว่างพักโทษกรณีพิเศษ ยกดัมเบลเล่นกับหลานในสระน้ำ .........นี่หรือนักโทษที่ต้องพักโทษกรณีพิเศษเพราะอายุเกิน70 ปีและช่วยตัวเองไม่ได้

ไม่รู้ว่าอุ้งอิ้งรู้หรือไม่ว่า หลักการพักโทษกรณีพิเศษ จากเงื่อนไขอายุเกิน 70 ปี และช่วยตัวเองไม่ได้ จากการประเมินคะแนนช่วยเหลือตัวเองได้ 9 คะแนน นั่นหมายถึงสภาพที่ย่ำแย่

มีปัญหาทั้งการกินอาหาร ใส่เสื้อผ้า เดินไปมา ขึ้นลงบันได ลุกจากเตียง ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ ใช้ห้องน้ำ กลั้นอุจจาระ กลั้นปัสสาวะ

เขาใช้หลักมนุษยธรรม เพื่อให้มาใช้ชีวิตบั้นปลาย สำหรับคนที่ช่วยตนเองไม่ได้ และไม่ให้เป็นภาระกับทางเรืนจำ จึงให้การพักโทษกรณีพิเศษ

สุดท้ายนี้ อนุกรรมการพักโทษ รวมทั้งอธิบดี รัฐมนตรี ต้องมารับผิดชอบแทน เพราะพวกคุณประเมินคะแนน ต่ำกว่าความเป็นจริง เข้าหลักขอให้กูรอด คนอื่นตายช่างมัน 

การท้าทายกฏหมาย ก็คือการท้าทายประชาชน

‘นิพนธ์-มาดามเดียร์-สรรเพชญ’ เปิดเวทีระดมสมอง รับฟังความคิดเห็น จากปชช.  เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนา นำปัญหาไปแก้ ย้ำ!! ทำตามอุดมการณ์ เป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด

เมื่อวานนี้ 7 เม.ย.67 ที่ จ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค อดีตประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต สส. และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา เปิดเวทีระดมความคิดหัวข้อ “อยากเห็นสงขลาเป็นแบบไหน…แหลงได้เลยน้อง” โดย นายนิพนธ์ ถามนำว่า พี่น้องอยากเห็นอะไรในเมืองสงขลา และอยากเห็นประเทศไทยเดินไปทางไหนทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมฯ

น.ส.วทันยา กล่าวว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วและประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ส่วนใหญ่กระจายอำนาจและการสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประเทศคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตย เช่น จีนมีการปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ละมณฑลตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เช่น เซินเจิ้น พัฒนาเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี ตัดสินใจเรื่องการใช้จ่ายเงินภาษีได้เอง สวิตเซอร์แลนด์มีการปกครองประชาธิปไตยแบบทางตรง ไม่ว่าจะเป็นเลือก สส. หรือผู้แทนรัฐ ประชาชนร่วมโหวตได้ทันที

“แม้ทั้งสองประเทศ มีระบอบการปกครองตรงข้ามกัน แต่ทั้งคู่กระจายอำนาจไปยังการปกครองท้องถิ่น สร้างความก้าวหน้าของประเทศ ย้อนกลับมามองที่ประเทศไทย ภาคใต้หารายได้เข้าประเทศมากมาย แต่รายได้กลับเข้าไปที่ส่วนกลาง และค่อยจัดสรรมาอีกที เราควรมีสิทธิร่วมกันออกแบบเมือง และชีวิตที่เราอยากได้ อีกไม่นานจะถึงการเลือกตั้ง อบจ. เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะผลักดันเรื่องนี้ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ”

นายสรรเพชญ กล่าวว่า จะนำปัญหาไปหารือในสภา เพื่อย้ำถึงปัญหาและความต้องการของประชาชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และย้ำว่า ไม่ลืมพี่น้องที่โหวตให้เข้าไปในสภา ไม่ว่าอะไรจะขึ้นก็จะอยู่ตรงนี้ ทำตามอุดมการณ์ เป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด เพราะเชื่อว่าอยู่ตรงไหนก็ทำงานได้เหมือนกัน หากเราไม่ได้แสวงหาประโยชน์เราก็พร้อมทำหน้าที่ทุกแบบอยู่แล้ว “ขายวัวขายที่ ผมขายได้ แต่ศักดิ์ศรีผมไม่ขาย ให้สมกับชาวสงขลาที่ไว้ใจผม”

ด้านนายสามารถ กล่าวถึงการแก้ปัญหาภาคใต้โดยรัฐบาล ว่า โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลหาดใหญ่ที่ นายนิพนธ์ เสนอตั้งแต่เป็นนายก อบจ. จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณ แต่ตนกลัวว่ารัฐบาลจะเอางบไปสร้างที่เชียงใหม่ ทั้งที่สงขลา-หาดใหญ่ หาเงินเข้าประเทศได้เป็นล้านล้านบาท แต่งบประมาณหมื่นล้านเพื่อรถไฟฟ้าสายแรกในต่างจังหวัดกลับสร้างไม่ได้ ค่าตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ก็มีราคาแพงเพราะรัฐบาลตั้งเพดานราคาไว้สูง โครงการแลนด์บริดจ์ก็ไม่มีคนสนใจมาลงทุนเพราะมันจะไม่คุ้มทุน รัฐบาลต้องปรับโครงการด้วยการให้ความสำคัญกับการสร้างท่าเรือน้ำลึกและมอเตอร์เวย์ รวมไปถึงโครงการรถไฟทางคู่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและโครงสร้างพื้นฐานของภาคใต้

ขณะที่เสียงจากภาคประชาชนสะท้อนว่าอยากให้ระดับด้านความปลอดภัย และพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้สะอาดสวยงามน่าเที่ยว ปรับภูมิทัศน์ด้วยการเอาสายไฟฟ้าลงดิน พร้อมทั้งพัฒนาระบบจราจรและขนส่งมวลนให้ง่ายต่อการเข้าถึงสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างอาชีพ และดูแลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยสวัสดิการ

ก่อนปิดการระดมความคิดเห็นนายนิพนธ์ บุญญามณีได้กล่าวสรุปว่าวันนี้คือความตั้งใจที่จะมารับฟังความคิด ความเห็นในแต่ละปัญหา ของแกนนำในอำเภอมืองสงขลาส่วนพื้นที่อื่นๆก็จะได้เปิดการรับฟังความคิดความเห็นในครั้งต่อๆไปเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาผ่านกลไกต่างๆต่อไป

‘โสภา กาญจนะ’ ลั่น!! นำทัพกลุ่มพลังสุราษฎร์ ปชป. งัดไม้เด็ดลุยสู้ศึกชิงเก้าอี้นายกฯ อบจ.สู้กับ 'กำนันศักดิ์'

น่าสนใจยิ่งเมื่อ 'โสภา กาญจนะ' ป้าโส อดีต สส.หลายสมัยของจังหวัดสุราษฏร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลั่นทุ่ง พร้อมนำทัพกลุ่มพลังสุราษฏร์ ลุยสู้ศึกเลือกตั้ง อบจ.ในการเลือกตั้งสมัยหน้า ต้นปี 2568

ป้าโสภา นอกจากจะเป็น สส.หลายสมัยแล้ว ยังเป็นสะใภ้บ้านใหญ่ เป็นภรรยาของ 'ชุมพล กาญจนะ' ผู้อาวุโส อดีต สส.สุราษฏร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย แต่ในการเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ครั้งที่ผ่านมา 'ชุมพล' ลงชิงด้วย แต่พ่ายให้กับ 'กำนันศักดิ์' พงศ์ศักดิ์ จ่าแก้ว ที่นั่งเป็นนายกฯ อบจ.สุราษฏร์ธานีอยู่ในปัจจุบัน

แต่ในการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ที่ผ่านมา ลุงชุมพล ต้องมาเดินเส้นทางเดียวกับกำนันศักดิ์ ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ และสร้างผลงานน่าประทับใจ เมื่อยึด สส.ส่วนใหญ่มาอยู่ในมือ เพียงแต่สองคนนี้ 'กำนันศักดิ์-ชุมพล' ไม่อาจจะเป็นเนื้อเดียวกันได้ ต่างคนต่างเดิน ถนนคนละสาย 

ครั้งครานี้ถือว่า สายแข็งเจอสายแข็ง กำนันศักดิ์ เป็นที่รับรู้กันของชาวสุราษฏร์ธานีว่า 'ใจถึง พึ่งได้' จริงๆ กับสโลแกนที่ใช้ในการหาเสียงครั้งที่ผ่านมา 'เข้าใจ เข้าถึง ใจถึงพึ่งได้' ในสไตล์นักเลงตามแบบฉบับของ 'กำนัน' กำนันศักดิ์โตมาจากสายท้องที่ และก้าวไปสู่ท้องที่ ภรรยา ก็อยู่ในสายท้องถิ่น กำนันศักดิ์มีธุรกิจหลายอย่าง แต่ที่รับรู้กันทั่วไปคือ ธุรกิจเลี้ยงหอยแครงในทะเลอ่าวบ้านดอน ถือว่าเป็นคนมีฐานะคนหนึ่งจากธุรกิจเลี้ยงหอยแครง แต่ 3 ปีที่ผ่านมากับตำแหน่ง นายกฯ อบจ.สุราษฏร์ธานี ถือว่า ผลงานยังไม่โดดเด่นมากนัก ไม่หวือหวา

กล่าวสำหรับป้าโสภา เป็น สส.หญิง และเป็นหญิงแกร่งของ 'กาญจนะ' ในฐานะแม่บ้านของบ้านใหญ่ 'ใจถึงพึ่งได้' อีกคนเหมือนกัน แต่เมื่อการเมืองสนามใหญ่ถูกปิดล้อม ป้าโสภา จึงประกาศเปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.สุราษฏร์ธานี ในนามกลุ่มพลังสุราษฏร์ และแน่นอนว่าการแข่งขันจะต้องชนกับกำนันศักดิ์ ที่จะต้องลงรักษาแชมป์

สุรินทร์ (นายสุรินทร์ บุญประสพ) โพสต์เฟซบุ๊ก มีปัญหาด้านสุขภาพ ต้องขอหยุดพักงานชั่วคราว เพื่อรักษาตัว โดยมอบหมายให้พี่สาว (ป้าโส – อดีต สส.โสภา กาญจนะ) ทำหน้าที่ประธานกลุ่มพลังสุราษฎร์ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทางการเมืองทุกอย่างแทน

กล่าวสำหรับป้าโส เมื่อต้องขึ้นมานำทัพแทน หลังจากกระแสข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนที่สนใจทางด้านการเมืองตื่นตัวกันทั้งจังหวัด เพราะ 'ป้าโส' เป็นหญิงแกร่ง สไตล์ใจถึง พึ่งได้ ทำให้เป็นที่เคารพนับถือของผู้คนมากมาย อีกทั้งยังเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดสุราษฎร์ธานี มานานหลายสิบปี ทำให้มีความสนิทสนมกับพี่น้องกลุ่มสตรีภายในจังหวัดเป็นอย่างมาก โดยกลุ่มพัฒนาสตรี มีสมาชิกมากถึง 200,000 กว่าคน และจัดว่าเป็นกลุ่มสตรีที่มีความเข้มแข็งมากจังหวัดหนึ่งในประเทศ ด้วยความเป็นคนที่มีแต่ให้เสมอมา จึงเป็นผู้ใหญ่ที่พี่น้องสตรีให้ความรัก และเคารพเป็นอย่างสูง

เมื่อ 'ป้าโส' ก้าวขึ้นมานำทัพ ส่งผลให้เกิดเสียงตอบรับจากพี่น้องสตรีทุกอำเภอทั้งจังหวัด ที่สำคัญตลอดชีวิตเส้นทางการเมืองที่ผ่านมา 'ป้าโส' เสียสละเพื่อสังคมมาโดยตลอด เป็นเหตุให้มีผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นมากมายรักและนับถือ พร้อมที่จะให้การสนับสนุน หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ได้ข่าวว่า สจ.เกือบทั้งจังหวัด ได้ติดต่อมาขออยู่ในทีมป้าโสแล้ว โดยมีการเปิดตัวพร้อมรองแม่ทัพ อีก 3 คน คือ...

1. นายยุทธพงษ์ ชมภูพล น้องชายแท้ๆ ของ สส.พิชัย ชมภูพล ตัวแทนพี่น้องประชาชน เขต 6, 

2. นายธนาคม รื่นพานิช ประธานสภาเทศบาลนครเกาะสมุย ในทีม สส.ภูมิ พิพิธภัณฑ์ นายกปุ๊ รามเนตร ใจกว้าง และนายกสด วรากรณ์ เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า เขต 2, 

3. สจ.นิโรธ นวลวัฒน์ พี่ชายแท้ๆ ของ สส.ธานินทร์ นวลวัฒน์ เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน เขต 7 โดยเฉพาะอำเภอกาญจนดิษฐ์

อีกทั้งยังมี ขุมกำลังที่สำคัญจากการเมืองสนามใหญ่อีกดังนี้ เขต 3 สส.จ๋า วชิราภรณ์ กาญจนะ ลูกสาว ซึ่งในการเลือกตั้งสส.ที่ผ่านมาได้คะแนนมากที่สุดในจังหวัด เป็นกำลังหลักในพื้นที่เขตนี้, เขต 1 สส.ตุ๊ก กานสินี โอภาสรังสรรค์ ลูกสะใภ้ และนายกแป๊ะ ประเสริฐ บุญประสพ น้องชายเป็นกำลังหลักในพื้นที่อำเภอเมือง, เขต 4 ได้บ้านประดิษฐพร ของ อดีต สส.อ้อย สมชาติ, นายกเหน่ง ชลาวุฒิ และกำนันหน่อง ทรงกรด เป็นกำลังหลักขับเคลื่อน, เขต 5 ได้ อดีต รมช.สินิตย์ เลิศไกร อดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ สส.เขตนี้ 5 สมัย พร้อมทีมงานเป็นกำลังหลักในจุดนี้

การขึ้นมานำทัพกลุ่มพลังสุราษฎร์ของ อดีต สส.โสภา กาญจนะ ในศึกเลือกตั้ง อบจ.สุราษฎร์ที่กำลังจะมาถึง เป็นการท้าทายยิีงมองสำหรับกำนันศักดิ์ ที่เป็นแชมป์อยู่

และต้องอาศัยโครงข่ายท้องถิ่นท้องที่เช่นกัน อันเป็นฐานเดียวกันกับป้าโสภา อยู่ที่ว่าใครใจถึงกว่ากันในการดึงดูดแกนนำเอาไว้ให้ได้ แต่ป้าโสภาได้เปรียบตรงมีพลังสตรีอยู่ในมือด้วยต้องบอกว่า 'ถือไพ่เหนือกว่าคู่แข่ง' ชิงความได้เปรียบทางการเมือง

การเมืองในยุคสมัยนีั ทีมงาน เครือข่ายอย่างเดียว ไม่ใช่ปัจจัยชี้วัดแพ้-ชนะ แต่กระสุนดินดำ จะเป็นพลังบวก ใครมีมากกว่า ใจถึงกว่า คนนั้นมีโอกาสคว้าชัยชนะ

‘ธนกร’ ฟาดใส่ ‘ชัยธวัช’ เป็นถึงทนาย ควรดูข้อกฎหมายให้ชัด หลังออกมาพูด ‘ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค’ ชี้ มีเจตนาแอบแฝง

(7 เม.ย.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่มีข้อไหนให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมือง ว่า ก่อนที่นายชัยธวัชจะออกมาพูดแบบชัดถ้อยชัดคำนั้นได้ศึกษาและดูรายละเอียดข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้วหรือไม่ จะเป็นไปได้หรือ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะยื่นคำร้องไปโดยไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจ ตนเชื่อว่า กกต.ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบ

พรรคการเมืองนั้น รู้บทบาทและข้อกฎหมายเป็นอย่างดี และล่าสุดอดีตกกต. ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า นายชัยธวัชน่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนและหาก กกต.พบว่ามีพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองสามารถส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ทำการยุบพรรคได้ รวมถึงตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคโดยไม่ได้กำหนดกรอบเวลาด้วย

เมื่อถามว่า แต่การออกมาพูดว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค เหมือนเป็นการลดทอนความเชื่อมั่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนไม่ทราบเจตนาเบื้องลึกของนายชัยธวัช ว่าต้องการอะไรกันแน่ แต่ขอเรียกร้องให้ทั้งนายชัยธวัช และพรรคก้าวไกลไม่ก้าวล่วงอำนาจศาล ที่มีอำนาจหน้าที่ โดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่เป็นการสร้างความสับสน ไม่ไปลดทอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมลง มองว่า ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันหากทำผิดก็ต้องรับโทษ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

“คุณชัยธวัช เรียนกฎหมายเป็นถึงทนายความ ก่อนจะพูดอะไรต้องไตร่ตรองและตรวจสอบความถูกต้องให้ดี ไม่ควรพูดเพื่อสร้างความสับสน ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงไม่แน่ใจว่าคุณชัยธวัชมีเจตนาใดแอบแฝงหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมาย หากทำผิดก็ต้องยอมรับ ไม่ควรไปก้าวล่วงศาล หรือใช้วาทกรรมด้อยค่า” นายธนกร กล่าว

'รัดเกล้า' ยก!! 'รมว.ปุ้ย-ปธ.กมธ.อุตฯ' แก้ปัญหาเร็ว ปมกากแร่แคดเมียม ตอกย้ำ!! ภาพคน 'รทสช.' พรรคอนุรักษ์นิยมรุ่นใหม่ที่เน้นทำมากกว่าพูด

(6 เม.ย.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เผยว่า หลังจาก คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการลักลอบขน กากแร่แคดเมียมจากจังหวัดตาก มาที่โรงงานในจังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 โดย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎรและ สส.ราชบุรี ได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา จึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการเป็นที่แน่ชัดว่า มีการขนกากแร่ที่มีอันตรายร้ายแรงโดยผิดกฎหมายจำนวนมากถึง 10,000 กว่าตัน มายังจังหวัดสมุทรสาคร จากนั้น กมธ.อุตสาหกรรม ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปจัดการกากแร่มีพิษอันตรายดังกล่าวอย่างเร่งด่วน 

พร้อมกันนั้น ได้ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบชี้แจงพี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเกิดความระมัดระวัง และในวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่พร้อมกับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงใน พื้นที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน ในเขตอำเภอเมือง และเป็นที่กองเก็บถุงบิ๊กแบ๊กถึงประมาณ 1,400 ถุง ภายในมีกากเเร่แคดเมียมที่เป็นอันตรายร้ายแรงบรรจุอยู่ ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ฝ่าฝืนกฎหมายประกอบการหล่อหลอมแคดเมียมโดยไม่ได้รับอนุญาต  

โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครได้ประกาศห้ามมิให้บุคคลใดๆ เข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดในพื้นที่โรงงานเป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสุขภาพพี่น้องประชาชนเบื้องต้น

ทั้งนี้ สารแคดเมียมนั้น อันตรายมากหากเข้าสู่ร่างกายเพราะจะถูกนำไปเก็บสะสมไว้ใน ปอด ตับ และหมวกไต ทำให้เป็นหมัน กระทบต่อ ระบบเลือด ระบบประสาท กระดูกพรุน โรคต่อมลูกหมาก ความดันโลหิตสูง และมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ด้วย โดยสารแคดเมียมนั่นสามารถเข้าสู่ร่างกายทางปาก โดยการบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียม เช่น อาหารทะเล พืชผัก และ ทางจมูก โดยการหายใจเอาควัน หรือ ฝุ่นของแคดเมียมเข้าไป เช่น ในเหมืองสังกะสี

ในระยะเวลาดังกล่าว ที่ กมธ. การอุตสาหกรรม มุ่งมั่นเดินหน้าค้นหาความจริงให้ปรากฏและผลักดันทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องให้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน และติดตามการทำงานของทุกฝ่ายให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

ล่าสุด นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมเข้าสู่กระบวนการผลิต พร้อมทั้งอายัดกากแคดเมียม และส่วนของอื่นๆ ไว้ เพื่อตรวจสอบและดำเนินการจัดการกากเเร่อันตรายให้เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งยังได้ออกคำสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตากมาช่วยราชการ ที่สำนักงานกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย

"รทสช. เราภูมิใจที่ได้ยืนหยัดเป็นเสาหลักในการเป็นที่พึ่งของประชาชน เราทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด และจะยังคงทำต่อไปอย่างไม่ลดละ พรรคเราคืออนุรักษ์นิยมรุ่นใหม่ที่ยึดแนวทางการทำงานแบบ Pragmatic คือเน้นทำมากกว่าพูด เน้นความจริงมากกว่าวาทกรรม ภายใต้สโลแกน สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง การทำงานของ รมว.พิมพ์ภัทรา และ สส.อัครเดช ในกรณีนี้ ต้องย้ำว่า เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของทุกๆ ฝ่าย ตั้งแต่ระดับบริหารไปจนถึงระดับปฏิบัติการ  รทสช. ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการปกป้อง ดูแล และคืนความเป็นธรรมให้กับประชนที่ได้รับผลกระทบ เรารู้สึกยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้" รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าวเสริม

‘อัครเดช’ จี้ให้หาความจริง ‘สารแคดเมียม’ มีเท่าไร-อยู่ที่ไหน หวั่นฟุ้งกระจาย ย้ำ!! ต้องรอบคอบ-รัดกุม เพื่อความปลอดภัยของปชช.

(6 เม.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจพบสารแคดเมียมในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาสอบสวนให้เกิดความกระจ่างใน 2 ประเด็นคือ 1.จะจัดการกับสารแคดเมียมที่เหลืออยู่อย่างไร เพราะมีการแจ้งว่าขออนุญาตขนมา 15,000 ตัน แต่วันที่เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครเข้ามาชี้แจงต่อกมธ.แจ้งว่าพบมีกากแร่แคดเมียมประมาณหมื่นกว่าตัน ส่วนเมื่อวันที่ 6 เม.ย. กระทรวงอุตสาหกรรม บอกพบกากแร่ดังกล่าวแค่2,000กว่าตัน ทั้งในตัวอาคารและนอกอาคาร ดังนั้น เบื้องต้นต้องสรุปให้ได้ก่อนว่าระยะเวลานี้ผ่านมา 5-6 เดือนขนมากี่ตันแน่ และยังเหลืออยู่กี่ตัน ต้องบอกตัวเลขที่แท้จริงกับประชาชนให้ได้ก่อนเพื่อให้หายสงสัย

นายอัครเดช กล่าวว่า ต้องสอบสวนให้เกิดความชัดเจนเวลานี้สารแคดเมียมกระจายไปที่ไหนบ้าง และมีบางส่วนตามกลับมาแล้วหลังมีการเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการย้ายไปโรงงานอื่น แล้วตามกลับมา ตรงนี้เป็นปัญหาแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทราบว่ากระจายไปที่ไหนบ้างจะได้จัดการกับกากแร่เหล่านั้นได้ถูกต้อง ที่สำคัญต้องมีการสืบสวนสอบสวนว่ามีการนำไปหลอมหรือไม่ตรงนี้ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะ กระบวนการหลอมโลหะจะทำให้เกิดไอของสารแคดเมียม ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อพี่น้องประชาชนได้

ประเด็นที่ 2 เรื่องการขนย้ายต้องไม่โลกสวยการออกคำสั่งทางปกครอง ให้ขนย้ายแล้วเสร็จภายใน7วันในทางปฏิบัติทำได้หรือไม่ สารแคดเมียมเป็นสารอันตราย การขนย้ายต้องมีการวางแผนเตรียมการอย่างดี ทราบล่าสุดพบถุงบรรจุกากแคดเมี่ยมบางถุงที่กองเก็บนอกอาคารมีการชำรุดและเกิดการรั่วออกมาของกากแคดเมี่ยมบางส่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าโลกสวยต้องไปดูว่าในทางปฏิบัติจะควบคุมในการขนย้ายอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชน ต้นทาง ระหว่างทาง และปลายทางได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือยัง เพราะสารแคดเมียมอันตรายมากเป็นสารก่อมะเร็งระหว่างขนย้ายมีการฟุ้งกระจายหรือมีน้ำฝนมาชะล้างก็ล้วนอันตราย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาแก้ปัญหาอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด

ประเด็นที่ 3 ต้องเร่งหาคนทำผิดมาลงโทษให้ได้ถือว่าสำคัญมาก เพราะในEIA ระบุชัดกากเเคดเมียมเหล่านี้ไม่สามารถขนย้ายได้ แต่กลับมีการขนย้ายทั้งที่กฎหมายไม่อนุญาต เรื่องนี้กมธ.จะติดตามอย่างใกล้ชิด ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ปลอดภัยสร้างความเข้าใจกับประชาชน

“กรรมาธิการจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ได้ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ต้องการสร้างความตระหนัก ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดการปัญหาอย่างจริงจัง ถ้าส่วนราชการบางหน่วยงานให้ความร่วมมือกับกมธ.อย่างจริงจังตั้งแต่แรกปัญหาคงจัดการได้ตั้งนานแล้ว แต่ที่ผ่านมาส่วนราชการก็เป็นอุปสรรคเสียเอง ในการสอบหาข้อเท็จจริงของกรรมาธิการอุตสาหกรรม เพิ่งมาให้ข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งล่าช้าไปมาก ดังนั้นส่วนราชการต้องตื่นตัวในการเข้ามาแก้ไขปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนให้มากกว่านี้ การที่ส่วนราชการทำงานล่าช้าทำให้ประชาชนตกใจเพราะข่าวที่ออกมาไม่ชัดเจน จึงมีคำถามจากประชาชนมากมาย”นายอัครเดชกล่าว

นายอัครเดช กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ทำไมไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ แต่ประกาศเป็นเขตควบคุม มีความแตกต่างกันอย่างไร กมธ.ไม่ได้สนใจจะประกาศแบบไหน แต่ขอให้การแก้ปัญหาที่มีผลกระทบต่อประชาชนต้องมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งในปัจจุบันและอนาคต การไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติจะกระทบต่อสิทธิของประชาชนในอนาคตหรือไม่ถ้าประชาชนเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาในภายภาคหน้า แล้วจะเรียกร้องจากใคร นี่ก็เป็นคำถามที่ประชาชนฝากถามมา

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 เมษายน กมธ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงอีกครั้ง ช่วงนี้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะมาชี้แจงต่อกมธ.เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสาธารณชนร่วมกัน และขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และทุกภาคส่วนที่ได้ลงไปแก้ปัญหาให้ประชาชน

‘อนุทิน’ ชี้ ต้องจำกัดความ ‘ระบอบทักษิณ’ คืออะไร หากทำให้ ปชช. ‘มีความสุข-มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น’ ก็โอเค

(6 เม.ย. 67) ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหวมีการประเมินว่าการเมืองจะกลับไปเหมือนเดิมหรือไม่ว่า ต้องคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน การขับเคลื่อน การเคลื่อนไหวทางการเมือง ของใครก็ตาม ถ้าเราเป็นประชาชนที่สนใจการเมือง และมีประสบการณ์ เราสามารถใช้ประสบการณ์ของเราให้คำแนะนำต่อฝ่ายการเมืองไปคิดพิจารณาได้ ซึ่งนายทักษิณก็ทำบทบาทแต่เพียงเท่านี้ คือการให้คำแนะนำประสบการณ์ของคนเป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมอย่างเป็นมาก และประสบการณ์ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งเรื่องครอบครัว การประกอบธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรให้หายไปกับคนคนนั้น ควรเอาประสบการณ์เหล่านี้มาเล่าให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลาน 

“นายทักษิณ ไม่สามารถที่จะสั่งการรัฐบาลในทางการเมืองได้ เพราะมีกฎหมายมีรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ แต่สิ่งที่ท่านได้พูดออกมาเท่าที่ผมติดตาม คือเรื่องการแชร์ประสบการณ์ เหมือนกับผมทุกวันนี้ที่แชร์ประสบการณ์ให้กับกก.บห.พรรคภูมิใจไทย ว่าสมัยก่อนเจอแบบนี้จะทำอย่างไร หรือว่าเวลาตอบโต้ จะต้องตอบโต้ในจังหวะจะโคนอย่างไร ส่วนคนที่รับผิดชอบพรรคในยุคนี้จะทำหรือไม่ทำ ท่านจะรับฟังหรือไม่รับฟังก็เป็นเรื่องของท่าน ดังนั้นถ้าคิดแบบนี้ก็เป็นความสบายใจ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า มีคนเป็นห่วงว่าระบอบทักษิณจะกลับมาฟื้นคืนชีพหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องจำกัดความก่อนว่าระบอบทักษิณคืออะไร ถ้าระบอบทักษิณเป็นระบอบที่ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสุข เกิดความสะดวก มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น ก็ถือว่าเป็นระบอบที่โอเค 

“แต่วันนี้เรื่องของปัจเจกบุคคลไม่มีแล้ว เพราะวันนี้เป็นองคาพยพของรัฐบาลผสมที่มีความชัดเจนว่าไม่ใช่ระบอบใดระบอบหนึ่ง แต่เป็นการทำงานร่วมกันภายใต้การนำกับนายกฯ ดังนั้น จึงมีความชัดเจนว่าเราทำงานขับเคลื่อนเป็นนโยบายของรัฐบาล

เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประกาศว่าจะนำพรรคเพื่อไทยชนะศึกเลือกตั้งครั้งหน้า นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกพรรคก็ต้องพยายามชนะใจประชาชน เหมือนเล่นกีฬาเวลาแข่งขันเล่นกอล์ฟเราก็อยากชนะ แต่ต้องอยู่ในเกม ถ้าอยู่ในเกมก็ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นการแข่งขันเอาศักยภาพ เอาฝีมือของตัวเองออกมา แล้วประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ต่อให้เราสมหวังหรือไม่สมหวังถ้าเราได้ใช้ศักยภาพของเราอย่างเต็มที่แล้ว และประชาชนตัดสินใจแล้ว ต้องถือว่าเราไม่มีความเสียใจหรือว่าเคียดแค้นใด ๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top