Wednesday, 18 June 2025
POLITICS NEWS

“บิ๊กตู่” หนุนใช้ “ฟ้าทะลายโจร” รักษาอาการเจ็บป่วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวีย

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรควบคู่กับยาฟาวิพิราเวียในการรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่มีภาวะอักเสบ ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรไม่มีฤทธิ์ป้องกันโควิด-19 แต่อาจใช้เพื่อปรับระบบภูมิคุ้มกันได้ ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรมีแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งเป็นสารสำคัญมีฤทธิ์ต้านไวรัส และในการวิจัยพบว่า สามารถฆ่าไวรัสในหลอดทดลอง และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางตัวในหลอดทดลองได้ด้วย  

“นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังเป็นยาลดไข้ บรรเทาอาการหวัดที่ดี และลดการอักเสบ โดยได้ใช้เป็นยาในบัญชียาหลักในการรักษาโรคหวัดตั้งแต่ปี 2559 และสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีภาวะอักเสบฟ้าทะลายโจรสามารถช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยกำลังศึกษาวิจัยเพิ่มเติมการใช้ ฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันโควิด-19 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันประชาชนยังมีจำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T  เพื่อป้องกันการแพร่หรือติดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยสุขภาพสูงสุด เพราะคนไทยทุกคนคือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากเรื่องการรักษาโควิด-19 ด้วยยาจากสมุนไพรไทยแล้ว ปัจจุบันความต้องการสมุนไพรในตลาดโลกมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกระแสความใส่ใจในการดูแลสุขภาพ การป้องกันโรคด้วยวิถีธรรมชาติด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย ดังนั้น รัฐบาลจึงเร่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดต่างประเทศ ซึ่งสมุนไพรและเครื่องเทศในตลาดโลกมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทั้งมั่นใจว่าสมุนไพรไทยจะช่วยสร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น เครื่องสำอาง และอาหารเสริม ตามนโยบาย BCG ของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลด้วย

ส.ส.พปชร. นครศรีฯ ขอบคุณ รมว.ยุติธรรม หลังประสานงานกรมราชทัณฑ์ เรือนจำกลางนครศรีฯ รับซื้อผลผลิตฟักทองเกษตรกร หวังเรือนจำ 14 จังหวัดภาคใต้ ช่วยรับซื้อผลผลิตเพิ่ม เหตุเกษตรกรยังเดือดร้อนผลผลิตล้นตลาด-ราคาตกต่ำ

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยความคืบหน้า การประสานขอความร่วมมือไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรใช้ในการประกอบอาหารให้กับผู้ต้องขังว่า ตนขอขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มีนโยบายให้กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำกลาง จ.นครศรีธรรมราช ช่วยเหลือเกษตรกร รับซื้อฟักทองจำนวน 4,000 กก. ซึ่งขณะนี้เกษตรกรได้ขนส่งไปยังเรือนจำกลางจ.นครศรีฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้แม้ว่าเรือนจำกลางจ.นครศรีฯ จะรับซื้อผลผลิตฟักทอง เป็นจำนวน  4 ตัน ซึ่งจะใช้ในการประกอบอาหารรวม 3 สัปดาห์ แล้วก็ตาม แต่ขณะนี้จากประมาณการผลผลิต คาดว่าจะมีฟักทองของเกษตรกรพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 5 อำเภอ คือ อ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ อ.ปากพนัง อ.ชะอวด และอ.เฉลิมพระเกียรติ ออกสู่ตลาดในเดือนมิ.ย.248 ตัน และเดือนก.ค.อีก 570 ตัน 

ดังนั้นตนจึงอยากขอให้ กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้พิจารณารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรเพิ่มเติม เพื่อให้เกษตรกรสามารถมีช่องทางการตลาดที่จะระบายผลผลิต ซึ่งขณะนี้มีราคาตกต่ำ และมีปริมาณเป็นจำนวนมาก โดยเป็นการช่วยเหลือให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย 'กวีสองแผ่นดิน' ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือขบวนพยุหยาตราชลมารค ได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือนสติสังคมไทยว่า…

ไม่นานมานี้ นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย 'กวีสองแผ่นดิน' ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือขบวนพยุหยาตราชลมารค ได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือนสติสังคมไทยว่า…

เคยไปคุยกับท่านมั่งหรือเปล่า

ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ผมมีเหตุต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ “คำด่าพระเจ้าแผ่นดิน” เนือง ๆ ทำให้เกิดความคิดหลาย ๆ อย่าง

อย่างแรก คิดถึงคำที่คนพูดกันว่า เวลานี้บ้านเราเผด็จการทหารครองเมือง

แต่เวลานี้บ้านเราคนด่าพระเจ้าแผ่นดินกันเป็นว่าเล่น ด่าได้อย่างเสรียิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ในประวัติศาสตร์เสียด้วยกระมัง

อย่างต่อไปที่ผมคิดก็คือ คนที่ด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้น ทั้งหมดไม่เคยรู้จักพระเจ้าแผ่นดินเลย

“รู้จัก” - ขออนุญาตพูดเป็นภาษาสามัญ - ไม่ได้หมายถึงรู้จักชื่อ เคยเห็นในข่าวหรือเคยเห็นตัวจริง ๆ ตอนมีงานที่นั่นที่โน่น รู้จักแบบนั้นใครก็รู้จัก

แต่ “รู้จัก” ที่ว่านี้หมายถึงรู้ความจริงในชีวิตประจำวัน เช่นรู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินตื่นนอนกี่โมง เข้านอนกี่ทุ่ม เช้าทำอะไร สายทำอะไร เย็นทำอะไร ตลอดจนพระเจ้าแผ่นดินไปทำอะไรไว้ที่ไหนอย่างไร-รู้เห็นจากของจริงด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่จากชุดข้อมูลที่มีผู้จัดทำขึ้นแล้วเอามาบอกเรา

ทั้งหมดที่ด่าพระเจ้าแผ่นไม่เคยรู้จักพระเจ้าแผ่นดินตามความหมายที่ว่านี้ แต่ด่าพระเจ้าแผ่นดินได้เป็นช่องเป็นฉากเป็นวรรคเป็นเวร ราวกับได้สะกดรอยตามพระเจ้าแผ่นดินตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนทุกวันเวลาจนรู้ความจริงหมดไส้หมดพุง

และถ้าสังเกตสักหน่อยก็จะเห็นว่า คำด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้นเหมือนคนด่าจะไม่ได้คิดเอง แต่ได้ข้อมูลมาจากแหล่งเดียวกัน คำด่าส่วนมากมีลักษณะเป็น “ข้อกล่าวหา” ซึ่งยังจะต้องพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงกันอีกมาก แต่ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ ผู้ด่าก็เอามาด่าได้เต็มปากเต็มคำ 

และผู้ถูกด่าก็เสียหายไปเรียบร้อยแล้ว จริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้นั่นแหละ

บางเรื่องฟังแล้วก็สังเวชใจ พระเจ้าแผ่นดินทรงเอาพระทัยใส่เรื่องพระพุทธศาสนา แต่คนด่าก็พลิกหาเหลี่ยมขึ้นมาด่าจนได้ 
เอากะพ่อกะแม่มันสิเออ คนจะด่านี่หาเหตุด่าได้ทุกเรื่องจริงๆ 

ในฐานะสมาชิกของสังคมที่จะต้องได้ยินได้ฟังได้รับข้อมูลอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมทำอย่างไร 

ผมก็เหมือนคนทั่วไป คือยังมีชอบมีชัง เวลาได้ยินใครด่าใครและผมจำเป็นต้องรับรู้ ผมมีวิธีจัดการของผม นั่นคือ รับรู้ไว้ก่อน แต่ยังไม่ให้ราคา ยังไม่ตัดสินใจว่าจะชอบหรือจะชัง 

รับไว้แล้วก็วางไว้ ไม่ต้องทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง-ไม่เอาไปบอกต่อ

ต่อจากนั้น ถ้าสนใจประเด็นไหน อยากรู้ความจริง ก็ลงมือสืบเสาะ แต่ไม่ใช่ไปรับเอาชุดข้อมูลที่ถูกทำขึ้นมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน

สืบเสาะแล้ว ถ้ายังไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ ก็วางไว้ที่เดิม ไม่ลงมติชอบหรือชัง

ตรงนี้แหละที่คนทั่วไปมักไม่ได้ทำ-คือสืบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน

ส่วนมาก พอได้รับข้อมูลมาก็ตัดสินทันที เชื่อทันที ชอบทันที ชังทันที แล้วก็เอาไปขยายต่อทันที ราวกับว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นพิสูจน์ทราบแล้วด้วยตนเองว่า-จริงทั้งหมด-ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว จริงหรือเท็จตัวเองก็รู้ตามที่เขาบอกอีกทีหนึ่งทั้งนั้น

คนที่ผลิตชุดคำด่าพระเจ้าแผ่นดินเขาก็คงใช้หลักความจริงข้อนี้แหละเป็นเหยื่อ คือด่าไปก่อนให้คนฟัง คนส่วนมากฟังแล้วไม่ทันได้คิดที่จะสืบสวนหาข้อเท็จจริง ก็จะเกลียดพระเจ้าแผ่นดินทันทีสมความปรารถนา

ยังมีข้อควรคิดอีก ถ้าสมมุติว่าเรื่องที่ด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้นเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ถ้าเรานิ่งเฉย แล้วถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงจะว่าอย่างไร ควรจะทำอย่างไรกัน

ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่จนไม่มีทางไป ถ้าเราห่วงประเทศชาติและประชาชนถึงขนาดนั้น ก็ยังมีวิธีอื่นอีก

วิธีที่ตรงที่สุด ง่ายที่สุด แต่ไม่มีใครกล้าทำ ก็คือ-ก็ถามพระเจ้าแผ่นดินไปตรง ๆ นั่นเลย

สมัยสุโขทัย ใครเจ็บท้องข้องใจก็ไป ... สั่นกระดิ่งที่ปากประตูหั้น ... สมัยนี้ง่ายกว่ากันเยอะเลย ใช้ช่องทางไหนด่าพระเจ้าแผ่นดิน ก็ใช้ช่องทางนั้นนั่นแหละถามพระเจ้าแผ่นดินได้เลย 

ถามพระเจ้าแผ่นดินง่ายกว่าด่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นไหน ๆ ไม่มีกฎหมายฉบับไหนห้ามพสกนิกรถามข้อข้องใจกับพระเจ้าแผ่นดิน เคยเฉลียวใจกันบ้างไหมว่า เราให้ความเป็นธรรมแก่พระเจ้าแผ่นบ้างหรือเปล่า คนด่าพระเจ้าแผ่นดินข้างเดียว แต่พระเจ้าแผ่นดินไม่มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหาเลย ผมว่าการถามพระเจ้าแผ่นดินอย่างตรงไปตรงมานี่แหละคือการถวายโอกาสให้พระองค์ท่านตอบข้อข้องใจได้อย่างวิเศษที่สุด

หรือถ้าจะให้เจ๋งกว่านั้น ก็เข้าไปคุยกับท่านตัวต่อตัวเลย ท่านประทับอยู่ที่ไหน เราก็รู้ทางไปอยู่แล้ว ยากอะไร ไปขอเข้าเฝ้าทูลถามข้อข้องใจได้เลย 

ผมเชื่อว่าในบรรดาพระเจ้าแผ่นดินเมืองไทยของเรานี้ พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลปัจจุบันเข้าพบหรือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทได้ง่ายที่สุดพระองค์หนึ่ง

ผู้ที่เคยเข้าเฝ้าบอกว่า ในนั้น (คือในวังที่ประทับ) ใครเข้าเฝ้าเวลาไหน มีอาหารพระราชทานเลี้ยงตลอดเวลา ตามคำโบราณว่า “ก้นถึงฟาก ปากถึงน้ำ” - เรื่องเล็ก ๆ (แต่สำคัญมาก) แบบนี้มีใครเคยรู้บ้าง?

ใช้วิธีด่า แต่ไม่กล้าถามเจ้าตัวนี่ ผมนึกถึงพระเดชพระคุณพระธรรมปัญญาภรณ์ (ไพบูลย์ ชินวํโส ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุราชบุรี หลวงพ่อท่านโดนแบบเดียวกัน คือหลวงพ่อท่านทำโน่นทำนี่ภายในวัดตลอดเวลา งานไม่ว่าง คนที่ตามความคิดท่านไม่ทันก็มักไม่เข้าใจว่าท่านทำอะไรของท่าน เมื่อไม่เข้าใจก็บ่น หนักเข้าก็ด่า 

หลวงพ่อท่านประกาศเสมอว่า ใครสงสัยเรื่องอะไรให้มาถามกับท่านตรงๆ อย่าไปฟังคนอื่น แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไม่เคยมีใครกล้าไปถามท่าน แต่ชอบใช้วิธีฟังจากคนนั้นคนโน้น แล้วก็ด่าท่านต่อไป

ผมว่า ต่อไปนี้ถ้าใครอยากจะด่าพระเจ้าแผ่นดิน ก็ควรจะถูกถามกันมั่งว่า คนที่คุณด่าหรือกำลังคิดจะด่านั่น คุณเคยไปคุยกับท่านมั่งหรือเปล่า

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

รัฐบาลพร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามเพื่อผู้พิการ 1 มิ.ย. โมเดลระดับภูมิภาค ใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงาน 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ ก.สาธารณสุข ก.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และก.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะเปิดให้บริการแก่ผู้ป่วยพิการอายุ 15-65ปี ในวันที่ 1 มิ.ย. โดยมี ศ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกรระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และนายกสมาคมผู้พิการ ร่วมลงพื้นที่ด้วย

รพ.สนามแห่งนี้ถือเป็นโมเดลระดับภูมิภาค ในการดูแลผู้พิการที่ป่วยด้วยโรคไวรัสโควิด19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่มาก สามารถรองรับผู้ป่วยพิการได้จำนวน 224 เตียง และความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ มีการใช้นวัตกรรมและระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยระหว่างการรักษาตัว อาทิ รถเข็นบังคับระยะไกลส่งของให้ผู้ป่วยโควิด-19 เครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงยูวีซี เพื่อลดการแพร่เชื้อ ระบบ TTRS (เครื่องช่วยสื่อสารสำหรับคนหูหนวก) เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ ทั้งนี้ผู้พิการที่ติดเชื้อโควิด19 สามารถติดต่อรับการดูแลได้หลายช่องทาง กล่าวคือ ผ่านสายด่วนสาธารณสุข 1668 ศูนย์บริการช่วยเหลือสังคมสายด่วน 1300 และสายด่วนคนพิการ 1479 รวมถึงแอปพลิเคชั่น TTRS กรณีคนพิการทางการได้ยินและสื่อความหมาย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า นายจุรินทร์ฯ ได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะดูแลกลุ่มคนเปราะบางให้ดีที่สุด และทุกส่วนราชการได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งผู้พิการเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมาย โดยภายใต้สถานการณ์โควิด-19 คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ได้เห็นชอบมาตรการ อาทิ การขยายเวลาบัตรผู้พิการที่บัตรหมดอายุ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์สวัสดิการต่าง ๆ การขยายเวลาพักหนี้กองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ การขยายเวลายื่นเรื่องขอกู้ฉุกเฉิน ปลอดดอกเบี้ย ปลอดคนค้ำ จากกองทุนฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาของความยากลำบากนี้

“บิ๊กตู่” ลั่นเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ประชาชน รวมกว่า 3 ล้านโดสแล้ว เป็นอันดับต้นของอาเซียน ภูมิใจไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นอันดับ 5 ของอาเซียนแล้ว

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมระบุว่าช่วงตั้งแต่เดือน มีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งระดมฉีดวัคซีนให้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม. ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว ตามจำนวนวัคซีนที่เข้ามา

ทั้งนี้ จากรายงานล่าสุดเมื่อ 25 พฤษภาคม 2564 ไทยมีจำนวนการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วถึง 3,024,313 โดส เป็นอันดับ 5 ของอาเซียนและจะเลื่อนขึ้นเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน ด้วยการระดมฉีดวัคซีนอีก 6-8 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อมแล้วกว่า 7,931,765 ล้านด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมอำนวยความสะดวกการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทุกคนที่พร้อมฉีดวัคซีนและได้ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่าง ๆ ตามแต่สะดวก เพื่อขอรับวัคซีน ให้เป็นไปอย่างสะดวก เรียบร้อย เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ควบคู่ไปกับการปฎิบัติตามมาตรการสาธารณสุข สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและควบคุมโรคแก่ประชาชนที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนในสถานที่พยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน  

ปชป. เสนอ 3 ข้อจัดการวัคซีนภาครัฐอย่างมืออาชีพ พร้อมคำนึงพื้นที่เสี่ยงกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลและ ศบค. ว่า จากการลงพื้นที่ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส. อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ในพื้นที่ กทม. เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งพบว่ามีประชาชนจำนวนมากเกิดความไม่สบายใจวิตกกังวลถึงการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล และ ศบค. ว่า จะบริหารเรื่องวัคซีนให้มีประสิทธิภาพได้หรือไม่ เนื่องจากมีข่าวสารไปถึงประชาชนจำนวนมากที่รับรู้ว่า ไม่มีวัคซีนเพียงพอจนมีหลายหน่วยงานประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไป ในขณะที่ผู้ลงทะเบียนหมอพร้อมไว้ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้ฉีดตามกำหนดเวลาคือ ตั้งแต่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไปหรือไม่ ขณะที่ใน กทม. ก็มีการเชิญชวนให้ฉีดวัคซีนผ่านเว็บไซต์ ผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มเติมขึ้นมาอีก

นายองอาจ กล่าวว่า นอกจากนั้นมีประชาชนร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมของการฉีดวัคซีนเข้ามาจำนวนมากว่า ทำไมดารานักแสดง และผู้มีชื่อเสียงที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงจึงได้ฉีดวัคซีนก่อนประชาชนทั่วไป ซึ่งจากข้อร้องเรียนของประชาชน เราจึงมีข้อเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุดในการแก้ไขการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ ศบค. ดังนี้

1.) การบริหารจัดการวัคซีนควรมีความชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงตามวันเวลาที่ลงทะเบียนไว้ ควรทำให้ได้ตามนัดหมาย ไม่ควรเลื่อนนัดหมายออกไปอย่างไม่มีกำหนดและควรมีช่องทางอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่หลากหลาย แต่ไม่ควรซ้ำซ้อนกัน อันจะนำไปสู่ความสับสน จนก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐ

2.) การสื่อสารเกี่ยวกับวัคซีน ควรชัดเจนออกมาจากแหล่งข้อมูลเดียว เพื่อลดความสับสนของข้อมูลเนื่องจากขณะนี้มีการสื่อสารข้อมูลวัคซีนจนประชาชนสับสนว่า ควรจะปฏิบัติตามข้อมูลจากแหล่งใดจึงจะได้รับการฉีดวัคซีนที่รวดเร็วและถูกต้องเหมาะสมที่สุด

3.) กระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุดและพื้นที่ที่มีความจำเป็นสูงสุดทั้งในแง่ของการควบคุมโรค และการแก้ไขผลกระทบทางเศรษฐกิจ

หวังว่าข้อเสนอนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ ศบค. และผู้รับผิดชอบทุกระดับในการกระชับการทำงานให้เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชนที่อยากเห็นการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อเราจะผ่านพ้นห้วงเวลาความเลวร้ายจากโควิด-19 ไปด้วยกันในที่สุด

“บิ๊กตู่” ปลื้ม ทางหลวงสวยหลังปลูกต้นไม้เสริมทัศนียภาพ สั่ง หน่วยราชการ ปลูกเพิ่ม สร้างเอกลักษณ์ ต่อยอดการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ติดตามข้อสั่งการในการดำเนินงานปรับปรุงภูมิทัศน์บนท้องถนนของกรมทางหลวง ที่ได้ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ในในหลายพื้นที่ พบว่าผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ),  ทางหลวงหมายเลข 12 ตอน บ้านฝาง-ขอนแก่, ทางหลวงหมายเลข 1021 สายพะเยา-เชียงคำ, ทางหลวงหมายเลข 33 ตอน คลองยาง-นครนายก ฯลฯ ได้มีการปรับปรุง ปลูกต้นไม้ที่มีสีสันสวยงาม ช่วยให้ทัศนียภาพตลอดสองข้างทางดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงขอชื่นชม และสนับสนุนให้ดำเนินงานต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการเพิ่มเติมให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งหน่วยงานรัฐ ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองและถนนหนทางให้มีความสวยงาม ร่มรื่น โดยเลือกปลูกต้นไม้ที่เหมาะกับแต่ละพื้นที่ เพื่อความง่ายในการดูแลรักษา ทั้งยังจะเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ด้วย โดยการปลูกต้นไม้ที่สร้างความสวยงานให้กับเมืองและท้องถนนนั้น จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายหน่วยงาน ได้เสนอตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยมีบางส่วนเสนอโครงการเกี่ยวกับการปรับภูมิทัศน์เมืองด้วยการปลูกต้นไม้ และปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองที่มีต้นไม้เป็นส่วนประกอบ นายกรัฐมนตรี กำชับให้มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า โปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดแก่พื้นที่ หรือท้องถิ่น และขอให้ทำด้วยความตั้งใจ เพราะการพัฒนาในส่วนนี้ ไม่ใช่เพียงแต่เพื่อความสวยงาม แต่จะส่งผลบวกทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามมาด้วย

"นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการปลูกต้นไม้ ทั้งการปลูกต้นไม้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงทัศนียภาพ สร้างสีสันให้กับเมืองและถนนหนทาง ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสวยงาม แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นแรงดึงดูดส่งเสริมการท่องเที่ยว และต่อยอดการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้เมืองน่าอยู่ ถนนหนทางร่มรื่น สวยงาม จึงขอเชิญชวนประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีและทัศนียภาพที่น่ามอง" น.ส.ไตรศุลี กล่าว

อนุทิน กล่าวถึงการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าว่า ได้หารือกับตัวแทนบริษัท แอสตร้าเซนเนกาฯ พร้อมผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติแล้ว เพื่อติดตามการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ทันกำหนดเดือน มิ.ย.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าว่า ได้หารือกับตัวแทนบริษัท แอสตร้าเซนเนกาฯ พร้อมผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติแล้ว เพื่อติดตามการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ทันกำหนดเดือน มิ.ย. โดยย้ำให้มีการติดตามกับบริษัท แอสตร้าฯ อย่างต่อเนื่อง และจะหารือเรื่อย ๆ ซึ่งการจัดส่งวัคซีนเป็นหน้าที่ของบริษัทผู้ผลิต พร้อมเรียกร้องให้ตัวแทนบริษัทออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน

"เชื่อมั่นส่งวัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในไทยทันตามกำหนด และสามารถฉีดในวันที่ 7 มิ.ย.แน่ เนื่องจากในสัญญาการส่งมอบระบุชัด ครอบคลุม ต้องมีวัคซีนให้ไทย โดยอาจนำวัคซีนแอสตร้าฯ ที่อยู่ในแหล่งผลิตอื่นส่งให้ไทยก็ได้ ดังนั้นใครที่เคยระบุจะกดดันผมให้ลาออกหากไม่มีวัคซีนมาทันตามกำหนด ถ้ามีวัคซีนมาก็ขอให้คนที่ออกมากดดันผมลาออกด้วย ส่วนเงื่อนไขการตรวจสอบรับรองรุ่นการผลิตวัคซีนแอสตร้าฯ ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนกับวัคซีนตัวอื่น เนื่องจากผลิตในไทย ผ่านการขึ้นทะเบียนแล้ว การตรวจสอบใช้เวลาเพียง 3-4 วัน หากมาในเดือน มิ.ย.ก็สามารถฉีดได้ทันตามกำหนด 7 มิ.ย.นี้" นายอนุทินกล่าว

รองนายกฯ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ได้มีการหารือแล้วเช่นกัน อยู่ระหว่างการร่างสัญญาการจัดซื้อ เนื่องจากการจัดซื้อวัคซีนในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ต้องทำอย่างโปร่งใสทุกขั้นตอน และส่งร่างให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา หากสำนักงานอัยการสูงสุดว่าผ่าน ก็เดินหน้าเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดหาได้ ใช้เวลาประมาณอีก 1 เดือน จากนั้นในครึ่งปีหน้าก็สามารถทยอยส่งวัคซีนไฟเซอร์ให้ไทย 20 ล้านโดสได้

"ส่วนวัคซีนของซิโนฟาร์ม อยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียนของ อย. โดยจะมีการหารือวันศุกร์ที่ 28 พ.ค.นี้ ส่วนเรื่องข้อกังวลเรื่องเข็มและไซริงฉีดวัคซีนอาจไม่เพียงพอหากมีการปูพรมฉีดเพราะต้องใช้จำนวนมากนั้น เรื่องนี้ทางกรมควบคุมโรค ได้มีการจัดเตรียมสั่งซื้อเข็มฉีดยาแบบ Low Dead Space Syringes ด้วยไซริงพิเศษ ขนาด 0.5 ซีซีไว้แล้ว" รองนายกฯกล่าว


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/104169


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กบี้” สั่ง ระดมบุคลากรสายแพทย์ช่วย สธ.แก้ปัญหาโควิด พร้อม นำรถครัวสนาม, รถปันสุขส่งมอบอาหาร, ผลผลิตโครงการทหารพันธุ์ดีช่วยเหลือปชช. และช่วยกำจัดเชื้อในรร.รับเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิงพัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้กำชับหน่วยทหารดำรงการสนับสนุนภารกิจของ ศบค. ในสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะในส่วนของการรักษาพยาบาล ยังคงสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 5 แห่ง รองรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนามจำนวน 548 ราย ในพื้นที่ กทม., จ.นนทบุรี, จ.สงขลา และจ.กาญจนบุรี 

นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายกาวิละ และ โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เข้าช่วยสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ในการบริหารจัดการ ในพื้นที่มีการแพร่ระบาดแบบเฉพาะกลุ่ม (คลัสเตอร์) ที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ รวมทั้งได้สนับสนุนกำลังพลช่วยสำนักอนามัย กทม. อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการตรวจและเก็บตัวอย่างหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ใน 2 พื้นที่ เขตราชเทวี และเขตบางพลัด กทม.นอกจากนี้ กองทัพบกได้ส่งกำลังพลเหล่าแพทย์สนับสนุนกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขในการบริหารจัดการสายด่วน 1668, 1669 และ 1330  ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. 64 

สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ผู้บัญชาการทหารบก ได้เน้นย้ำกับหน่วยทหารในการเข้าไปช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 จำนวนมากแบบเฉพาะกลุ่ม (คลัสเตอร์) โดยที่ผ่านมากองทัพบกได้ระดมรถครัวสนามร่วมกับทุกภาคส่วนแจกจ่ายอาหารปรุงสุกในชุมชนเขตคลองเตย, เขตดุสิต และกระจายอีกหลายพื้นที่ใน กทม. เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน ตั้งแต่ 1 พ.ค. 64 เป็นต้นมา ได้ดำเนินการแจกจ่ายอาหารปรุงสุกไปแล้วจำนวน 165,660 กล่อง และยังคงจะดำเนินการต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย 

ในส่วนของหน่วยทหารต่างจังหวัด ได้มีการแจกจ่ายอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรของหน่วยทหารในโครงการทหารพันธุ์ดี, โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ และศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ผ่าน “รถปันสุข” ส่งถึงที่พักอาศัยโดยเฉพาะพื้นที่มีการระบาด และประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางมารับเองได้ เป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ควบคู่กับการรับซื้อผลผลิตและวัตถุดิบทางการเกษตรจากเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ ไม่มีตลาดรับซื้อเกิดความล่าช้าในการระบายผลผลิต และการขนส่ง 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังห่วงใยผู้ประกอบการรายย่อยบริเวณพื้นที่รอบกองบัญชาการกองทัพบก และชุมชนใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงได้ช่วยอุดหนุนซื้ออาหารจากร้านค้ารายย่อย พร้อมนำไปมอบให้กับประชาชนที่พักอาศัยอยู่ชุมชนรอบพื้นที่ พร้อมมอบหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังได้กำชับหน่วยทหารดำรงการฉีดพ่นล้างฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะโรงเรียน และสถานการศึกษา ซึ่งกำลังจะเปิดภาคเรียนในเดือน มิ.ย. 64 โดยตั้งแต่ ม.ค. 64 จนถึงปัจจุบัน กองทัพบกได้จัดชุดปฏิบัติการฉีดพ่นฆ่าเชื้อล้างสิ่งปนเปื้อน ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
 รวม 375 พื้นที่ 167 โรงเรียน หากหน่วยงานใดมีความประสงค์ขอรับการสนับสนุน สามารถประสานขอความช่วยเหลือได้ที่หน่วยทหารใกล้บ้าน

คนไทยก็หนีข้ามมา..!!!! กกล.บูรพา​ จับคนไทยลอบข้ามแดนไปทำงานบ่อน ในกรุงพนมเปญ

กองทัพภาคที่​ 1​ โดยกองกำลังบูรพา​ (​กกล.บูรพา)​ หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ (ฉก.อรัญประเทศ)​ กองร้อยทหารพรานที่​ 1204 เข้าทำการตรวจพบผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจำนวน 10 ราย​ (ช.4,ญ.6) ขณะทำการลาดตระเวนในพื้นที่ บ บริเวณ บ.ผ่านศึก ม.5 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 

ซึ่งจากการซักถามของเจ้าหน้าที่ทราบว่า กลุ่มคนดังกล่าวเป็นคนไทยต้องการไปทำงานบ่อนออนไลน์ในพื้นที่ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา​ จึงได้ควบคุมตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายและมาตรการควบคุมโรคต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top