Thursday, 24 April 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กตู่’ เบรก วัคซีนวอล์คอิน หวั่นคนมาไม่ได้ฉีดโวย ให้ยึดหมอพร้อม-กลุ่มเสี่ยงเป็นหลักก่อน สั่ง เร่งปรับปรุงแอปฯ ให้ดี บอก ศบค.ให้ข่าวที่เดียว คนอื่นไม่ได้ข้อสรุปอย่าเพิ่งพูด ลั่น ไม่ล็อคดาวน์ แต่ขอดูสถานการณ์หลังผ่อนนั่งในร้านอาหารก่อน

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้มีการหารือกันถึงประเด็นของการวอล์คอินเข้าไปฉีดวัคซีน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวถึงเรื่องวัคซีนวอล์คอินว่า ไม่อยากให้ใช้รูปแบบวอล์คอิน เพราะหากประชาชนแห่กันไปพร้อมกันที่จุดเดียว จะเกิดความชุลมุนขึ้นได้ ในต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ กทม.มีคนจำนวนมาก โดยอยากให้ปรับรูปแบบใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ให้ไปลงทะเบียน ณ จุดที่ตั้ง ซึ่งจะมีการกำหนดให้ชัดเจน ต้องใช้เวลา ตอนนี้ให้ยึดแอปพลิเคชันหมอพร้อมไว้ก่อน ให้คนที่ลงทะเบียนหมอพร้อมและกลุ่มเสี่ยงได้ฉีดก่อน จึงขอให้หน่วยงานไปปรับปรุงและแก้ปัญหาแอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อให้พร้อมใช้ อย่าให้เกิดปัญหาประชาชนลงทะเบียนไม่ได้ จึงอยากให้หยุดพูดเรื่องวอล์คอินไปก่อนจนกว่าจะได้มาตรการที่ชัดเจน เดี๋ยวคนวอล์คอินเข้าไปแล้วไม่ได้ฉีดจะโวยวายเอา หากวัคซีนเพียงพอหรือเหลือค่อยมาจัดการกันใหม่ เรื่องวอลค์อินละเอียดอ่อน ต้องจัดการดี ๆ

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกำชับเรื่องการให้ข่าวที่ไม่ตรงกันเรื่องวัคซีนวอล์คอิน ว่า ไม่ต้องให้ใครให้ข่าว ให้ ศบค.เป็นคนให้ข่าวแห่งเดียว และอะไรที่ได้ข้อสรุปแล้วถึงค่อยออกมาพูด ส่วนนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ และอยากให้ทบทวนเรื่องวอล์คอิน เพราะถ้าคนเดินทางเข้าไปแล้วไม่ได้ฉีดจะเสียหาย จะด่ารัฐบาลอีก ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ไม่ได้อธิบายหรือพูดอะไรเลยนอกจากกล่าวสั้น ๆ เพียงว่า ‘ตามที่นายกฯ สั่งการครับ’

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังได้พูดถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่เกิน 1 แสนรายว่า อยากให้ดูตัวเลขว่าเป็นอย่างไร ผู้ติดเชื้อกี่คน หายป่วยกี่คน พยายามหามุมดี ๆ มานำเสนอ ส่วนที่มีการเสนอให้ล็อคดาวน์นั้น คงเป็นไปได้ยาก เพราะเราจำเป็นต้องดูแลคนทำงาน ลูกจ้าง ตอนนี้ต้องดูว่าหลังผ่อนคลายมาตรการเปิดให้รับประทานอาหารในร้านได้ 25% ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดได้แล้วเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มาจากร้านอาหาร ก็อาจจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมเข้ามาอีก เช่น ขยายปริมาณนั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่ถ้าพบว่ามีผู้ติดเชื้อจากร้านอาหารก็ต้องทบทวนอีกครั้งว่าอาจต้องปิดเป็นเวลา 14 วันหรือไม่

ขณะที่เรื่องการแพร่ระบาดในเรือนจำนั้น พล.อ.ประยุทธ์ มองว่า น่าจะจัดการไม่ยาก สามารถควบคุมได้อยู่แล้ว เพราะเรือนจำมีพื้นที่ชัดเจน แต่ขอให้กระทรวงยุติธรรมกับกระทรวงสาธารณสุขประสานงานแก้ปัญหากันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้มีการยกเลิกทัวร์ริสต์บับเบิล หรือการท่องเที่ยวแบบจับคู่ที่รัฐบาลจะทำก่อนหน้านี้ออกไปก่อน เพราะสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในที่ประชุม ครม. นายกฯ ยังได้กำชับพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมพร้อมเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรายจ่าย 2565 ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. ว่าอย่าให้มีปัญหา เพราะถือเป็นวาระสำคัญที่จะต้องประชุม พร้อมกับขอให้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขกันอย่างเคร่งครัด โดยระบุช่วงหนึ่งว่า ‘ก็น่ากลัวอยู่แต่ พ.ร.บ.งบประมาณก็ต้องเข้า’ โดยมีรัฐมนตรีบางคนแซวถึงเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยว่า การใส่หน้ากากอนามัยพูดคงลดความดุเดือดลงได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ครม.วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ยังได้แจ้งให้กับนายกฯ ทราบว่า ตนเองจะขอแปรญัตติ พ.ร.บ.ยาเสพติด ที่ตามหลักการแล้วหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วต้องรอ 90 วัน แต่จะขอลดลงมาเหลือ 30 วัน เพราะกฎหมายฉบับนี้ค้างนานแล้ว ไม่ได้เข้าสภาสักที เนื่องจากได้บอกกับประชาชนเอาไว้ว่าจะจัดการปัญหายาเสพติด ขณะที่นายกฯ ไม่ได้พูดอะไร

นายก อบจ.ระยอง รณรงค์ให้ชาวระยอง เข้ารับการ ฉีดวัคซีนโควิด ประกาศหากเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนต้านโควิด จ่ายทันที 500,000 บาท ชี้ วัคซีนมีประโยชน์มากกว่าโทษ หลังเคยติดเชื้อโควิด แต่เชื้อไม่ลงปอด เหตุได้ฉีดซิโนแวคก่อนแล้ว 1 เข็ม

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ห้องประชุม อบจ.ระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง เปิดแถลงข่าวรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนชาว จ.ระยอง ไปรับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ทุกคน เพื่อให้จ.ระยอง เป็นจังหวัดที่ปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด-19

นายปิยะ กล่าวว่า หลังจากที่ตนติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 18 เม.ย.64 ที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว 1 เข็ม จึงทำให้อาการทั่วไปไม่รุนแรง เชื้อไม่ลงปอด ล่าสุดหายเป็นปกติแล้ว ซึ่งตนได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จึงควรให้ประชาชนชาว จ.ระยอง เข้ารับการฉีดวัคซีนกันทุกคน เพื่อทุกคนจะได้ปลอดภัยจากโควิด-19 เพราะการฉีดวัคซีนมีประโยชน์กว่าไม่ฉีด และไม่ต้องไปกลัวว่าจะได้รับอันตรายจากการฉีด เพราะทางภาครัฐก็มีประกันให้ จาก สปสช. หากใครเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนมีการจ่ายเงินช่วยเหลือ จำนวน 400,000 บาท

นอกจากนี้ ตนก็จะควักเงินส่วนตัวจ่ายเพิ่มให้อีก 400,000บาท และถ้าเป็นคนระยองก็จ่ายเพิ่มให้อีก 100,000 รวม เป็น 500,000 บาท แต่ถ้า ฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการพิการหรือสูญเสียอวัยวะทางร่างกาย จ่าย 240,000 บาท ถ้าเป็นประชาชนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ จ.ระยอง จ่าย 340,000 บาท และถ้าบาดเจ็บจากการฉีดวัคซีน ประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ใน จ.ระยอง จ่าย 100,000 บาท

สำหรับประชาชนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ใน จ.ระยอง จ่าย 200,000 บาท สำหรับการตรวจสอบหลักฐาน จะตรวจสอบจากบัตรประกันสังคม และบัตรพนักงาน และมีเงื่อนไขว่าต้องฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ขอเชิญให้ชาวระยองและประชาชนที่อยู่ในจังหวัดระยองเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิดทุกคน

ขณะที่ ศูนย์ปฏิบัติการฯโควิด-19 ระยอง โดยนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของจังหวัดระยองว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 10 ราย ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.-18 พ.ค.64 จำนวน 831 ราย

ศูนย์โควิด-19 จ.ระยอง ยังประกาศ เปิดเกาะเสม็ด ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าท่องเที่ยวได้ ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 64 เป็นต้นไป หลังตรวจเชิงรุกและตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดแล้วไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก ซึ่งการเปิดเกาะเสม็ดจัดให้มีมาตรการรองรับรับในด้านความปลอดภัย ตามมาตรการของสาธารณสุขกำหนด ภายใต้ความร่วมมือของผู้ประกอบการ ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวมั่นใจและปลอดภัยจากโควิด-19 อีกด้วย


ที่มา : https://www.amarintv.com/news/detail/80354

‘บิ๊กแดง’ เป็นลูก ‘บิ๊กจ๊อด’

จากกรณีที่ทวิตเตอร์ ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม @ThammasatUFTD ได้โพสต์ข้อความเมื่อเวลา 18.32 น. วันที่ 17 พฤษภาคม ระบุว่า พฤษภาทมิฬ คือการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเผด็จการของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร หรือ พ่อของ “แดง” อดีตผบ.ทบ. ปัจจุบันได้รับหน้าที่เป็นถึงองคมนตรี

แต่แท้ที่จริงแล้ว พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นลูกของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์เเละดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการพระราชวัง ระดับ 11 หมายเลข 6 ไม่ได้เป็นลูกของพล.อ.สุจินดา คราประยูร และไม่ได้เป็นองคมนตรีแต่อย่างใด

ขณะที่ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์เฟซบุ๊กสวนกลับว่า ในฐานะศิษย์เก่ามธ. โคตรอายเลยว่ะ ที่มีรุ่นน้องพร่องความรู้ทางประวัติศาสตร์เยี่ยงนี้


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1405748736448566&id=100010403598013

 

วัคซีนพระสงฆ์ ! “รมต.อนุชา” ให้พศ. นิมนต์พระสงฆ์เข้ารับการฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการแพร่ระบาดในวัด

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ติดตามและอำนวยการความสะดวกแก่พระสงฆ์ที่เข้ารับถวายการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา-19 (COVID-19) ที่โรงพยาบาลสงฆ์จัดทำขึ้นโดยกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้มีพระสงฆ์เข้ารับถวายการฉีดวัคซีน ในวันแรก 350 รูป โดยข้อกำหนดของทางโรงพยาบาลที่จัดทำโครงการนี้ขึ้น เพื่อถวายการฉีดวัคซีนแด่พระสงฆ์ อายุ 60 ปี ขึ้นไป พระสงฆ์อายุน้อยกว่า 60 ปี แต่มีโรคร่วม 7 โรค และพระสงฆ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ระบาดสีแดงเข้ม

นายอนุชา กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนที่มีพุทธศาสนิกชนเดินทางไปเป็นประจำทุกวัน อีกทั้งมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้พระสงฆ์จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ การจัดโครงการถวายการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา-19 (COVID-19) แด่พระภิกษุสงฆ์ของโรงพยาบาลสงฆ์ จึงสอดคล้องกับแนวทางที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในวัด ซึ่งเป็นการป้องกันทั้งพระภิกษุสงฆ์เอง และญาติโยมที่เดินทางไปวัด 

นายอนุชา กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำรวจจำนวนพระสงฆ์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 พบว่าพระสงฆ์ที่ติดเชื้อและมีอาการอาพาธ มีจำนวน 14 ราย และพระสงฆ์และสามเณรที่มรณภาพ มีจำนวน 3 ราย ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานไปยังวัดทั่วประเทศ ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมหาแนวทางให้ความช่วยเหลือโดยด่วน

ครม. เห็นชอบ มาตรการรับมือฤดูฝน เน้น ป้องกัน-ลดความเสียหายจากภัยพิบัติในฤดู

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2564 ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือ ป้องกัน และลดความเสียหายจากการเกิดภัยพิบัติในฤดูฝน

ซึ่งประมาณการปริมาณน้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 มีปริมาณน้ำรวม 38,722 ล้านลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ 47 ของความจุ) และเมื่อเข้าฤดูฝนจะมีการใช้น้ำเพิ่มขึ้นเป็น 96,249 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ในอ่างเก็บน้ำถึง 57,527 ล้านลูกบาศก์เมตร

ดังนั้น สทนช. จึงกำหนดแผนการจัดสรรน้ำในฤดูฝน และมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2564 ดำเนินการควบคู่กันไป โดยแผนการจัดสรรน้ำในฤดูฝน กำหนดให้ใช้น้ำฝนในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน แบ่งประเภทการใช้น้ำ ดังนี้

1.) การอุปโภคบริโภค รวม 3,429 ล้านลูกบาศก์เมตร

2.) การรักษาระบบนิเวศ รวม 12,888 ล้านลูกบาศก์เมตร

3.) การเกษตรกรรม รวม 78,905 ล้านลูกบาศก์เมตร

4.) การอุตสาหกรรม รวม 1,027 ล้านลูกบาศก์เมตร  

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ส่วนพื้นที่จัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรฤดูฝน กรมส่งเสริมการเกษตร ได้คาดการณ์พื้นที่ปลูกพืชฤดูฝนปี 2564 ดังนี้

1.) ในเขตชลประทาน มีจำนวน 11.56 ล้านไร่ แบ่งเป็น นารอบที่ 1 (นาปี) จำนวน 10.62 ล้านไร่ พืชไร่ จำนวน 6.1 แสนไร่ และพืชผัก จำนวน 3.2 แสนไร่

2.) นอกเขตชลประทาน มีจำนวน 61.49 ล้านไร่ แบ่งเป็น นารอบที่1 (นาปี) จำนวน 48.95 ล้านไร่ พืชไร่ จำนวน 11.75 ล้านไร่ และพืชผัก จำนวน 7.9 แสนไร่ 

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2564 ประกอบด้วย 10 มาตรการ ดังนี้

1.) คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ โดยปรับปรุงข้อมูลทุกสิ้นเดือน  

2.) บริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก ตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 15 สิงหาคม 2564

3.) ปรับปรุงเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และเขื่อนระบายน้ำ ให้เสร็จภายใน 30 เมษายน 2564

4.) ซ่อมแซมปรับปรุงอาคารชลศาสตร์และระบบระบายน้ำ ให้พร้อมใช้งานภายใน 30 มิถุนายนนี้

5.) ปรับปรุงและแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้เสร็จภายใน 30 มิถุนายนนี้

6.) ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา ให้เสร็จภายใน 30 มิถุนายนนี้

7.) เตรียมความพร้อมและวางแผนเครื่องจักรเครื่องมือประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ ให้เสร็จภายใน 30 มิถุนายนนี้

8.) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำตลอดระยะเวลาฤดูฝน

9.) สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมความพร้อม ตลอดระยะเวลาฤดูฝน และ

10.) ติดตามประเมินผลและปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย ตลอดระยะเวลาฤดูฝน นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการตามมาตรการดังกล่าวด้วย

ครม. ตั้ง "พสุ โลหารชุน" นั่ง ประธานบอร์ดเอ็กซ์ซิมแบงค์

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้แก่ นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง เป็น กรรมการ, น.ส.ลดาวัลย์ คำภา เป็น กรรมการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป 

ครม. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ดังนี้

1.) นายพสุ โลหารชุน เป็น ประธานกรรมการ

2.) นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ เป็น กรรมการ

3.) นายคณิทธ์ สว่างวโรรส เป็น กรรมการ  

4.) นายสุวัฒน์ กมลพนัส เป็น กรรมการ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป 

ครม. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอแต่งตั้ง นายศุภชัย เอกอุ่น ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในปีแรกอัตราเดือนละ 465,000 บาท (ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในการประชุมครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่นรวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ 

ครม.เห็นชอบมอบหมายให้ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลำดับที่สอง แทน นายถาวร เสนเนียม ที่พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

ครม. เห็นชอบแผนขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปประเทศ ที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) 62 กิจกรรม รวม 881 โครงการ กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น 66,502.24 ล้านบาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบแผนขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) ประกอบด้วยโครงการ/การดำเนินงานเพื่อการขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock ทั้ง 62 กิจกรรม รวม 881 โครงการ กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น 66,502.24 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปี 2564-2565 และงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยคณะรัฐมนตรียังมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock อย่างเคร่งครัด บูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในทุกระดับ เพื่อผลักดันการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด 
   
ทั้งนี้ แผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการถ่ายระดับการดำเนินงานตามขั้นตอนและวิธีการของกิจกรรม Big Rock ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ไปสู่การปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยมีการระบุ (1) หน่วยงานร่วมดำเนินการ (2) เป้าหมายย่อย (Milestone) คือ เป้าหมายของการดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่จะส่งผลให้บรรลุเป้าหมายของกิจกรรม Big Rock (3) ระยะเวลาที่คาดว่าจะแล้วเสร็จของแต่ละเป้าหมายย่อยโดยกำหนดระยะเวลาที่แล้วเสร็จ ณ สิ้นสุดไตรมาส และ (4) โครงการ/การดำเนินงานเพื่อการขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock ซึ่งจะส่งผลให้เกิดผลผลิตตามเป้าหมายย่อยภายในระยะเวลาที่กำหนด ครอบคลุมรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดโครงการ แหล่งงบประมาณ และวงเงินงบประมาณที่ใช้ ซึ่งมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ/การดำเนินงานรองรับกิจกรรม Big Rock ใน 3 ระดับ คือ (1) มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สุด หากไม่ดำเนินการจะทำให้การปฏิรูปประเทศไม่บรรลุผลตามที่กำหนด (2) มีความจำเป็นเร่งด่วน และ (3) มีความจำเป็นเพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนงบประมาณตามกฎหมายต่อไป   

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังได้ยกตัวอย่างกิจกรรม Big Rock ด้านเศรษฐกิจ เช่น การสร้างเกษตรมูลค่าสูง โดยมีเป้าหมายย่อยคือการขยายพื้นที่ชลประทานอย่างเหมาะสม/มีการสร้างผู้ประกอบการ Smart Farmer/เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไปสู่อุตสาหกรรมอาหารและเศรษฐกิจชีวภาพ มีโครงการ/การดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock ได้แก่ โครงการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ (Smart Big Farming) และโครงการส่งเสริมสินค้าเกษตรอินทรีย์ ปีงบประมาณ 2565 เป็นต้น ซึ่งผลผลิตที่จะได้คือ เกษตรกรสามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง และมีมูลค่าการจำหน่ายและการเจรจาธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีงบประมาณ 2564 เป็นต้น

ครม. ไฟเขียว กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าทำศพ โดยกองทุนเงินทดแทนเป็น 5 หมื่นบาท

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำศพให้นายจ้างจ่าย ซึ่งให้กองทุนเงินทดแทนจ่ายค่าทำศพในอัตรา 50,000 บาท เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงความตายหรือสูญหาย เนื่องจากการทำงาน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 40,000 บาท ตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ.2563 โดยการปรับเพิ่มอัตราค่าทำศพดังกล่าว มีเจตนารมณ์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม และช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวในการจัดการศพ  

ซึ่งครอบครัวผู้เสียชีวิตติดต่อยื่นเรื่องได้ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ นอกจากนี้การเพิ่มอัตราฯ ยังให้เกิดความเท่าเทียมกันทั้งสองกองทุน คือ กองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคม ที่กำหนดอัตราเงินค่าทำศพไว้ที่ 50,000 บาท เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ อัตราใหม่จะไม่มีผลกระทบต่อสถานะกองทุนเงินทดแทน เนื่องจากกองทุนเงินทดแทนจัดเก็บเงินสมบทเฉลี่ยปีละ 3,941.82 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นค่าทำศพรวม เฉลี่ยปีละ 33.75 ล้านบาทหรือร้อยละ 0.96 ของเงินทดแทน ซึ่งในปี 2564 ที่กำหนดอัตราเงินค่าทำศพ 50,000 บาท จะมีค่าจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 6.75 ล้านบาท 

“บิ๊กตู่" แจงสถานการณ์โควิด สั่ง ศบค.ออกตรวจพื้นที่เสี่ยง-แคมป์คนงานทั่ว กทม. พร้อมเร่งซีลเรือนจำสกัดเชื้อแพร่สู่ภายนอก ย้ำลุยปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ถึงปชช.มากที่สุด ไม่กั๊กไว้แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ขออภัยช่วงที่ผ่านมาระบบการฉีดมีปัญหา

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบนัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลง ภายหลังจากประธานจะประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นการแถลงข่าวที่อ่านตามสคริปที่เตรียมมาเช่นเดิม และชี้แจงเฉพาะเรื่องของมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 เท่านั้น ส่วนประเด็นคำถามเรื่องอื่น ๆ รวมทั้งประเด็นทางด้านการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด โดยทางคณะทำงานแจ้งว่าจะให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบคำถามของสื่อมวลชน 

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเราพบว่าสถานการณ์โควิดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล​เริ่มทรงตัว แม้ว่าเราจะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้ในบางพื้นที่แต่ยังมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นอีก ทำให้ต้องมีการเรียกประชุม ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และศบค.เป็นการด่วน เพื่อรับทราบสถานการณ์ล่าสุดและหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด โดยต้องเร่งแก้ปัญหาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในเรือนจำต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยดำเนินการตรวจเชิงรุกให้ได้มากที่สุด พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเรือนจำภายในเรือนจำ เพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกมารักษา หากมีผู้ที่มีอาการรุนแรง จะนำออกมา รักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะทางตามระบบ ซึ่งยืนยันว่าจะให้การรักษาผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุด อย่างเท่าเทียม โดยเรือนจำแต่ละแห่งมีระบบ ปิด จึงมีโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อ สู่ชุมชนได้น้อยมาก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลเข้มงวดในช่วงที่มีการระบาด ให้งดการเข้าเยี่ยมจากภายนอกจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ยังคงเดินหน้าต่อไป ตามแนวทางที่ทำสำเร็จคือการตรวจเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วยส่งตัวรักษา และระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง ควบคู่ไปกับการบังคับใช้มาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน การเว้นระยะห่าง การตรวจวัดอุณหภูมิทุกสถานที่ ซึ่งการระบาดเกิดจากการอยู่ในพื้นที่แออัดจึงได้กำชับสั่งการ ศบค. เร่งออกตรวจพื้นที่ที่มีโอกาสเสี่ยงเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงานและสถานที่อื่น ๆ ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด รวมไปถึงในเรือนจำโดยจะใช้แนวทาง bumble and Seal คือ การปิดกั้นการเดินทาง เข้า-ออก ของคนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการกระจายเชื้อสู่ภายนอก โดยสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปิด ทีมแพทย์จึงเชื่อว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว และจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแบบวันต่อวัน

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า ทั้งนี้แม้ว่าสถานการณ์ในขณะนี้ยังคงทรงตัว หากไม่รวมถึงคลัสเตอร์ราชทัณฑ์ เราต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน และขอให้สนใจตัวเลขผู้ป่วยที่รักษาหายด้วย ซึ่งขณะนี้หายป่วยแล้วเกินครึ่งหนึ่ง โดยเป็นผลจากความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์และมาตรการของเรา นอกจากนี้อีกประเด็นสำคัญที่ตนและรัฐบาลให้ความสำคัญคือการฉีดวัคซีนที่ได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว โดยรัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทางคือ

1.) ผ่านระบบหมอพร้อม ที่มีผู้เข้ามาลงทะเบียนแล้วประมาณ 7 ล้านคน

2.) การลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน โดยย้ำว่าในกรณีที่มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ และ

3.) การกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์คือการจัดการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะหรือประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่จำเป็นต้องฉีดเพื่อให้การดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจไทยดำเนินไปได้ไม่สะดุด

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า ทั้งนี้หากสมาคม องค์กร หรือกลุ่มบุคคลกลุ่มใดมีเหตุผลและความจำเป็นเร่งด่วน ให้ยื่นเรื่องให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาจัดสรรวัคซีนและสถานที่ติดต่อไป โดยให้จัดระดับความเร่งด่วนเป็นกลุ่มต่าง ๆ ส่งมาที่กระทรวงสาธารณสุข โดยย้ำว่าเรามีเป้าหมายฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงและศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ นอกจากโรงพยาบาลเป็นจุดฉีดวัคซีนหลักแล้วยังมีจุดฉีดวัคซีนเสริม 25 จุดและสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงวัคซีนได้รวดเร็วขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวยอมรับด้วยว่า อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาการวางระบบการฉีดวัคซีนมีปัญหาอาจเกิดความไม่ชัดเจนและไม่เข้าใจอยู่บ้าง ตนได้ติดตามเร่งรัดให้มีการปรับปรุงโดยเร็ว จึงต้องขออภัยที่อาจเกิดความไม่สะดวกอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่าทุกคนในประเทศไทยต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมากเพียงพอและจะเริ่มให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศเดือน มิ.ย.นี้อย่างแน่นอน โดยที่ผ่านมาได้เร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงไปแล้วมากกว่า 2 ล้าน 3 แสนโดส ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีและไม่มีใครมีผลข้างเคียงร้ายแรง แม้แต่คนเดียว จึงขอให้ประชาชนนั้นมั่นใจได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตนได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมกองทัพไทยควบคุมการลักลอบเข้าประเทศตามแนวชายแดนให้มีความเข้มงวดสูงสุด หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดแสวงหาผลประโยชน์จากความเสี่ยงของประเทศชาติจะต้องลงโทษให้หนักที่สุดโดยไม่มีการยกเว้น 

นายกฯ กล่าวย้ำว่า วันนี้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ นโยบายของตนก็คือเราจะต้องเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้โดยเร็วและเข้าถึงประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่ได้รับความคิดเห็นจากประชาชนจำนวนมาก ตนได้ตัดสินใจว่าจะไม่รอให้คนวัยหนึ่งวัยใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งฉีดวัคซีนจนครบก่อน จึงเปิดให้คนกลุ่มอื่นได้รับวัคซีน แต่จะปรับแผนการเดินหน้าประเทศไทยเปิดโอกาสให้ทุกคนทุกกลุ่มที่มีความพร้อมในการฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นวัยใด 60 ขึ้นไป หรือต่ำกว่า 60 ใครเข้าถึงวัคซีน แต่มากน้อยก็ขึ้นกับปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ โดยเฉพาะวัยทำงาน เพื่อปกป้องคนทำมาหากินคนที่เป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงคนในบ้าน ออกไปทำงานทำมาหาเลี้ยงชีพ 

"สิ่งสำคัญที่สุดเราจะเอาชนะโควิดไปได้อย่างไร คำตอบคือเราจะเอาชนะโควิดไปได้ โดยเดินหน้าไปพร้อมกันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปต่อได้เราจะสู้ไปด้วยกัน ประเทศไทยต้องดีขึ้นด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความรักความสามัคคีของคนในชาติ เพราะเราทุกคนคือทีมประเทศไทย"นายกฯ กล่าว

รัฐบาล พร้อมแจง พ.ร.ก. 2 ฉบับ และพ.ร.บ.งบฯ 65 นายกฯ ย้ำ ขอให้ รมต. ชี้แจง-อธิบาย ให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมรับทราบการรายงานของ นายอนุชา นาคาสัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงผลการประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดวาระสำคัญ ดังนี้

1.) การพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 2 ฉบับ คือ พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 (ลดดอกเบี้ยผิดนัด) และ พ.ร.ก. การให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) พ.ศ.2564 โดยกำหนดประชุม วันที่ 27 พฤษภาคมนี้ หากไม่แล้วเสร็จ ให้พิจารณาต่อวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ และ

2.) การพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2565 กำหนดประชุม วันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายน (รวม 3 วัน)

“นายกฯ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ขอให้รัฐมนตรีใช้เวลาในการประชุมสภาฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ชี้แจงข้อมูลถึงความจำเป็นและประโยชน์ของการใช้งบประมาณแผ่นดินในแผนงานและโครงการต่าง ๆ รวมถึงความสอดคล้องต่อสถานการณ์ของประเทศ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส งบประมาณของกระทรวงใดที่มีการปรับลดลงจากปีก่อนต้องชี้ให้เห็น เงินที่ใช้สำหรับการเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจและการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ต้องอธิบายด้วยว่ามีการใช้งบจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ และงบกลางกรณีฉุกเฉินอยู่แล้ว และที่สำคัญต้องตอบข้อซักถามทุกประเด็นให้เกิดความกระจ่าง เพื่อความเข้าใจร่วมกันและความสบายใจของประชาชน” น.ส.รัชดา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top