Wednesday, 18 June 2025
POLITICS NEWS

‘เสกสกล’ โต้ ‘หญิงหน่อย’ ปูด 7 ปี รัฐบาลตู่ ใช้เงิน 20 ล้านล้าน ชี้ ลดงบประจำข้าราชการ-เพิ่มเงินเข้าบัญชีปชช. 14 ล้านคน โว พัฒนาโครงการพื้นฐานในรอบ 50 ปี

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ระบุว่าพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอยู่มา 7 ปี ใช้เงิน 20 ล้านล้าน กู้ 4.9 ล้านล้านบาท ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ หยิบประเด็นนี้มาโจมตีเหมือนไม่รู้เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ไปเอายอดวงเงินงบประมาณแผ่นดินแต่ละปีมารวมกันแล้วโจมตี สะท้อนว่าบวกเลขเป็นแต่ไม่ได้ดูว่าประเทศได้ทรัพย์สินอะไรเพิ่มมาบ้างในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศ

นายเสกสกล กล่าวว่า ตัวเลข 20 ล้านล้านบาท ประมาณ 77 เปอร์เซ็นต์ เป็นรายจ่ายประจำ ที่ไม่สามารถนำไปลงทุนทำอย่างอื่นได้ เช่น เงินเดือนข้าราชการ หรือประมาณ 15.7 ล้านบาท ตามโครงสร้างงบประมาณที่รัฐบาลก่อนทิ้งไว้ให้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ พยายามลดสัดส่วนรายจ่ายประจำลง จากเดิมสัดส่วนรายจ่ายประจำเคยสูงถึง 79.2 เปอร์เซ็นต์ ในงบปี 2556 สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ให้เหลือ 76.1 เปอร์เซ็นต์ ในงบประมาณปี 2565 และพยายามลดรายจ่ายประจำในงบประมาณแผ่นดินลง เพิ่มรายจ่ายที่จ่ายตรงเข้ากระเป๋าประชาชน เช่น จ่ายตรงเข้าบัญชี 14 ล้านคน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตัดหัวคิว ตัดวงจรทุจริต ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก้ปัญหา เพิ่มสิทธิ์ เพิ่มวงเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด-คนชรา-คนพิการ-เบี้ยตอบแทนอสม.เป็นต้น

นอกจากนั้นยังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษ เช่น รถไฟฟ้า 9 สาย ระยะทาง 327 กม. เปิดบริการแล้ว 3 สาย คือ สายสีน้ำเงิน สายสีเขียว สายสีทอง และทยอยเปิดอีก คือ สายสีแดง สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีส้ม รถไฟทางคู่ 8 เส้นทาง ที่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้วไม่ได้พัฒนา เปิดใช้ช่วงจิระ-ขอนแก่น 187 กม. ช่วงฉะเชิงเทรา-แก่งคอย 106 กม. รถไฟความเร็วสูงอีก 2 สายที่กำลังสร้าง คือ หนองคาย-กทม (ช่วง กทม - โคราช) และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน 

สถานีกลางบางซื่อถูกยกระดับการพัฒนาให้ใหญ่ที่สุด ทันสมัยที่สุดในอาเซียน ที่เตรียมเปิดให้บริการในเร็วๆนี้ ถนนมอเตอร์เวย์อีก 3 สายกำลังสร้าง คือ บางปะอิน-โคราช. บางใหญ่-กาญจนบุรี และล่าสุด พัทยา- มาบตาพุด สนามบินเบตง รอเปิดใช้ และสนามบินต่างจังหวัดได้รับการพัฒนา สร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ เช่น ขอนแก่น เมืองคอนฯ เรือสมาร์ท เฟอร์รี่ เจ้าพระยา เรือไฟฟ้าคลองผดุงฯเป็นต้น 

นายเสกสกล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มงบรายหัวให้ทุกปี เพราะเห็นความสำคัญของชีวิตประชาชน พัฒนาต่อยอดไปไกลกว่ายุคคุณหญิง เคลมเป็นผลงานอยู่ตลอด ปีนี้เพิ่มเป็น 3,853 บาทต่อหัว (สมัยคุณหญิงเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข งบรายหัวแค่พันกว่าบาท) ที่สำคัญ ยุคนี้เพิ่ม 50 สิทธิ์ UCEP 1669 รักษาทันที ทุกที่ทุกโรงพยาบาล ฟรี 72 ชั่วโมง ยกระดับอสม.(อาสาสมัครสาธารณสุข)งบเพื่อการสาธารณสุขในงบประมาณปี 65 สูงกว่า งบทหารเกือบแสนล้านบาท หากไม่เพราะความรักความจริงใจต่อประชาชน ฝีมือการบริหารจัดการของพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีทีมเศรษฐกิจ ทีมที่ปรึกษามืออาชีพ  

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าคุณหญิงฯคิดแต่จะโจมตีทางการเมือง จำได้หรือไม่ว่าก้อนแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ใช้ คือ จ่ายหนี้ค่าข้าวชาวนา 9 หมื่นล้านบาท ให้ธกส. ใช้คืนหนี้จำนำข้าวไปแล้วกว่า 7 แสนล้านบาท ตอนนี้เหลืออีก 2.8 แสนล้านบาท ภาระที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทิ้งไว้ นักการเมืองที่โกงจำนำข้าวอยู่ในคุก บางคนหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ในงบปี 65 ที่จัดสรรงบเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้มากที่สุดกว่ายุคไหน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว เพื่อให้การบริหารจัดการมีวินัยทางการเงินการคลัง ในภาวะบ้านเมืองแบบนี้ อยากขอร้องให้ลดอคติ ลดอัตตา ลดความอยากจะเป็นนายกฯ มาเริ่มต้นเป็นพลเมืองดี เพื่อช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้ผ่านวิกฤตโควิดครั้งนี้ แล้วสร้างอนาคตร่วมกันกับพล.อ.ประยุทธ์ และประชาชนคนไทย จะดีกว่า

“อาคม” ตีมึน ไม่ตอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้าน ด้าน “วิษณุ” บอกเที่ยงวันนี้ชัดเจน ส่วน "สุพัฒนพงษ์" ให้รอฟังแถลงหลังครม.

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติพ.ก.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านเป็นวาระลับเมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ค. จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยรัฐบาลมอบหมายให้ นายอาคม เติมพิมชัยสิทธิ์ รมว.คลัง เป็นผู้ชี้แรงรายละเอียดแต่เพียงผู้เดียว 

กระทั้งเวลา 08.40 น. ที่ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายอาคม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ความชัดเจน กรณีดังกล่าวโดยชี้นิ้วแสดงท่าทีรีบขึ้นประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อถามย้ำว่าจะชี้แจงเรื่องดังกล่าวเมื่อใด นายอาคม ก็ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด 

ต่อมาเวลา 08.45น. นายวิษณุ เครืองาม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ให้นายอาคม เป็นผู้ชี้แจง เมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่านายอาคม ไม่ยอมชี้แจง นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อรมว.คลังไม่พูดตนจะพูดได้อย่างไร เมื่อถามว่า พ.ร.ก.กู้เงิน7 แสนล้าน จะเดินหน้าได้หรือไม่เพราะถูกวิจารณ์จากหลายฝ่าย นายวิษณุ กล่าวว่า พวกคุณวิจารณ์เพราะยังไม่เห็นตัวร่างพ.ร.ก. ขอให้ดูตัวร่างเสียก่อนว่ามันจะเป็นหรือไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อถามว่าจะเปิดเผยได้เมื่อใด นายวิษณุ กล่าวว่า เดี๋ยวฟังคณะรัฐมนตรีวันนี้เที่ยงก็รู้ว่าจะออกมาอย่างไร 

ด้าน​ นายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์มีเชาว์​ รองนายกรัฐมนตรี​ และรมว.พลังงาน​ กล่าว ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การออกพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท​ว่า รอฟังแถลงการณ์ก็แล้วกันเมื่อถามว่าในที่ประชุมครม.วันนี้ จะมีการหารือถึงมาตรการเยียวยาประชาชนอย่างไรบ้าง​ นายสุพัฒนพงษ์​ กล่าวว่า หลังการประชุมครม.จะมีแถลง ตนอยู่แถลงด้วย

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า ได้โพสต์เปรียบเทียบมุมมองคนจีนว่าทำไมถึงสามารถสร้างอนาคตและรายได้มหาศาลตั้งแต่อายุยังน้อย สะท้อนแก่คนรุ่นใหม่ที่ต้องการรายได้สูงตั้งแต่แรกเริ่มทำงาน แต่วิถีการดำเนินชีวิตต่างกันลิบลับดังนี้...

จากเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ของนายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า ได้โพสต์เปรียบเทียบมุมมองคนจีนว่าทำไมถึงสามารถสร้างอนาคตและรายได้มหาศาลตั้งแต่อายุยังน้อย สะท้อนแก่คนรุ่นใหม่ที่ต้องการรายได้สูงตั้งแต่แรกเริ่มทำงาน แต่วิถีการดำเนินชีวิตต่างกันลิบลับดังนี้...

โพสต์ไปตะกี๊เรื่องมุมมองเด็กรุ่นใหม่ (บางกลุ่ม) ฝึกงานก็อยากได้เงินเดือนเยอะ ๆ พอแค่เริ่มทำงานก็อยากได้เงินเดือนแบบผู้บริหาร

เลยขอแชร์เรื่องทำไมเด็กจีนถึงเก่งมาเพื่อเปรียบเทียบ

เด็กจีนมองว่าก่อนอายุ 30-35 ต้องเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวให้มากที่สุด ฝึกงาน อ่าน ดู ศึกษา เรียนออนไลน์ ตั้งกลุ่มคิด เอาทุกอย่างเพื่อจะเตรียมลุยเอง เปิดกิจการ ทำ Startup และ “ล้ม” ให้เจ็บน้อยที่สุดภายในอายุ 35

คนจีนมองว่าคนเก่งต้องเดินเป็นขั้นบันได เรียนรู้แบบบ้าคลั่งเพื่อเตรียมทำ เรียนจากมหาลัย เรียนจากรอบตัว จบแล้วก็ยังต้องเรียน เรียนจากงานจริง ไม่ใช่ไปนั่งเล่น Facebook เล่น IG ที่ทำงาน

เรียนแล้วต้องกล้าทำ คนที่ทำแล้วเก่ง คือมึงต้องเคยล้ม คนไม่เคยล้ม แปลว่าไม่เคยเจอปัญหา จากนั้นเปิดกิจการเองให้ได้ เล็กก็ได้ ใหญ่ยิ่งดีตอนอายุ 40

ออฟฟิศเก่าพี่ เคยมีคนจีนมาทำงานด้วย ส่วนใหญ่จบมหาวิทยาลัยตามปักกิ่ง และเมืองใหญ่อื่น ๆ ขยันขันแข็ง

ตี 1 ตี 2 เวลาเมืองไทย ตื่นมาดู WWDC (การประชุมระดับโลกของนักพัฒนา Apple) โดยไม่ต้องให้ใครสั่ง เพราะอยากติดตามนวัตกรรมฝั่งอเมริกา ตี 4 ค่อยนอนอีกรอบ

9.30 น.มาถึงออฟฟิศอย่างสดชื่น แล้วมาแชร์กันว่าได้อะไรจาก WWDC

ตอนเย็นทานข้าว ทำความรู้จักสังคมไทยให้มาก แล้วเริ่มประชุมอีกครั้ง 4 ทุ่ม เพราะอยากทำงานให้เสร็จ ให้พร้อม เพื่อชนะในวันถัดไป

ถ้าพรุ่งนี้ไม่ชนะ อาทิตย์หน้าต้องชนะ

อาทิตย์นึง จะมีกินเหล้าแบบ “ฉิบหาย” สไตล์คนจีน อาทิตย์ละ 2 ครั้ง

สั่งเบียร์ทีละลัง เพราะทันใจ เหล้าทีละ 2 ขวด เพราะไม่ชอบเทช้า แต่วันรุ่งขึ้น ส่งงาน ตอบงานใน WeChat ตรงเวลาเป๊ะ

พี่เคยไปทำโครงการที่เซี่ยงไฮ้อยู่ 2 ปี!!

เด็กฝึกงานนั่งอ่านหนังสือ อ่านหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจตอนพัก จนต้องถามว่าอ่านทำไมมากมายขนาดนั้น

เด็กฝึกงานตอบว่า “กลัวไม่เก่ง” ไม่เก่งแล้วเดี๋ยวไม่รวย”

คำตอบโคตรโดน!!

ในเวลาว่าง ในมือเด็กจีน วัยรุ่นจีนจะมี “หนังสือ” ใช่ละครับ คนในประเทศผู้นำดิจิทัล ยังอ่านหนังสือเล่ม ๆ กันทั้งเมือง ร้านหนังสือยังขายดี เพราะ 95% ของหนังสือในร้าน ไม่มีในออนไลน์

มือถือเอาไว้ทำงาน ความฉลาดหาจากรอบตัว รวมถึงหนังสือเล่ม ๆ

หนังสือที่ว่า จะแยกตามความชอบส่วนตัว

ตั้งแต่ Digital, อรรถชีวะประวัติคนเก่ง ๆ ไปจนถึงสถาปัตยกรรมศาสตร์ยุคบาโร้ค

ถ้าไม่เชื่อ ถามใครก็ได้ ว่าเด็กจีน วัยรุ่นจีนยุคใหม่เป็นยังไง?

อยากขับ Porsche เต็มเมืองแบบเค้า ก็ต้องทำให้ได้แบบเค้า

ถ้าอยากให้ตัวเองเจริญ ชาติไทยเจริญ มาช่วยกันสร้างชาติคนไทยขยันกับพี่ น่าสนกว่ามั้ย?

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4317070361636402&id=100000004424101


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กรมการขนส่งทางบก เน้นย้ำประชาชนที่ใช้บริการรถสาธารณะต้องให้ความร่วมมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจล และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่จังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแต่ละจังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระบบขนส่งสาธารณะอย่างเคร่งครัด

กรมการขนส่งทางบก ได้ยกระดับความเข้มข้นมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T-A เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย มาตรการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ entry scan และ exit scan ในรถโดยสารสาธารณะ สถานีขนส่งผู้โดยสาร และสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ การจัดที่นั่งภายในรถเว้นระยะห่างและต้องมีจำนวนผู้โดยสารไม่เกินร้อยละ 70 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด หรือให้เหมาะสมตามประเภทของพาหนะ ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา 100% มาตรการเว้นระยะห่าง จัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลสำหรับทำความสะอาดมือ เพิ่มความถี่ในการทำสะอาดพื้นที่สาธารณะตลอดทั้งวัน ให้พนักงานขับรถ ผู้บริการ และผู้โดยสาร ลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์ม “SAVE THAI” และเช็คอิน-เช็คเอาท์ “ไทยชนะ” ทุกครั้งในการเดินทาง โดยในวันที่ 23 พ.ค. 2564 สำนักงานขนส่งจังหวัด เช่น อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน ราชบุรี กำแพงเพชร เชียงราย พังงา พิษณุโลก อุดรธานี ลำพูน กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา อุตรดิตถ์ สระบุรี เลย มุกดาหาร ชัยภูมิ หนองคาย ชุมพร นครสวรรค์ ได้ดำเนินการตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะทุกประเภททั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดตรวจคัดกรองในพื้นที่รับผิดชอบ และประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตามมาตรการ ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด รวมถึงได้ประชาสัมพันธ์พร้อมให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่รวบรวมรายชื่อผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทในเขตกรุงเทพฯ เพื่อลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนโควิด-19 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้บริการขนส่งสาธารณะตามเจตนารมณ์ของกระทรวงคมนาคม

ในส่วนของการให้บริการที่สำนักงานขนส่งทุกแห่ง มีการปรับรูปแบบดำเนินการแบบ New Normal ตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในการติดต่อราชการ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบก แจ้งงดการอบรมและทดสอบ ด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยผู้ขอใบอนุญาตขับรถรายใหม่ให้รอจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ส่วนการต่ออายุใบอนุญาตขับรถสามารถนำผลการอบรมออนไลน์มาดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้ โดยจองคิวดำเนินการล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น เพื่อบริหารจัดการจำนวนผู้ใช้บริการภายในสำนักงาน  ตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิประชาชน ก่อนเข้าอาคารสำนักงาน ที่นั่งพักคอยของประชาชนมีการเว้นระยะอย่างเหมาะสม ติดตั้ง Table Shield กั้นระหว่างผู้มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ พร้อมแนะนำการให้บริการชำระภาษีรถประจำผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อลดการสัมผัสและไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง เช่น เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ หรือ แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax  ดาวน์โหลดฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS: https://apple.co/3iAx6Dd และแอนดรอยด์: https://bit.ly/2XXQLVT
 

‘ศรีนวล’ แจงดราม่าติดป้ายคู่ ‘อนุทิน’ ปัดหาเสียง หวังแค่ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันฉีดวัคซีน ล่าสุดรื้อป้ายออกแล้ว หวั่นถูกเกมการเมือง-ป้ายแยงตาคนอื่น

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวชี้แจงถึงกรณีการขึ้นป้ายเชิญชวนให้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่ อ.ดอยหล่อ สันป่าตอง จอมทอง และอ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีรูปของตนกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กระทั่งเป็นที่วิพากษ์ว่า ตนเองทำป้ายนี้ขึ้นมาเพื่อเชิญชวนประชาชนให้มารับวัคซีนกันเยอะ ๆ จะได้หยุดเชื้อเพื่อชาติ

โดยในพื้นที่เขต 8 ประกอบด้วย 4 อำเภอ มีประชากร 1.6 แสนคน มีประชาชนมารับวัคซีนเพียง 1,000 คน ยังไม่ถึง 1% จึงอยากช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาฉีดวัคซีนก็เท่านั้น นี่คือสิ่งที่ตัวเองตั้งใจ และอยากสร้างแรงจูงใจ กรณีที่ใส่รูปนายอนุทินบนป้ายประชาสัมพันธ์ด้วยนั้น เพราะเห็นว่านายอนุทินเป็นรมว.สาธารณสุข ไม่ได้มองเรื่องการหาเสียง ขอย้ำว่าเป้าหมาย คือต้องการเชิญชวนให้ประชาชนร่วมฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ

และตั้งแต่ติดป้ายประชาสัมพันธ์ไป 7 วัน ตอนนี้ประชาชนมารับวัคซีนทะลุเป้า ชาวบ้านมีความกระตือรือร้นขึ้นมาก ถ้าตนไม่ประชาสัมพันธ์ชาวบ้านก็ไม่รู้ กลัวฉีดแล้วตาย กลัวฉีดแล้วพิการ หรือบางคนคิดว่าการฉีดวัคซีนจะต้องเสียเงินเอง เราประชาสัมพันธ์ตรงนี้เพื่อบอกให้เขารู้ ซึ่งการทำป้ายดังกล่าวเป็นเงินของตนเองทั้งหมดโดยที่นายอนุทินไม่รู้เรื่องด้วย” น.ส.ศรีนวล กล่าว

ทั้งนี้ ป้ายดังกล่าวได้ประชาสัมพันธ์มา 7-8 วันแล้ว และล่าสุดได้เอาออกไปแล้ว เพราะถ้าติดป้ายไว้ต่อไปอาจจะหาย รวมอาจมีการกลั่นแกล้งหรือเล่นเกมการเมือง และกลัวไปแยงลูกตาคนอื่น จึงเห็นว่าควรจะเก็บดีกว่า

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า นอกจากนางศรีนวลแล้ว ยังมี ส.ส. และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอีกหลายราย มีการติดป้ายที่เป็นภาพตนเองคู่กับนายอนุทิน ในการเชิญชวนให้คนฉีดวัคซีน ซึ่งมีรูปแบบและข้อความคล้ายกัน เช่น นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย นายมณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 20 พรรคภูมิใจไทย เป็นต้น


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

โฆษกรัฐบาล ยัน 31 พค.-2 มิย.นี้ สภาเปิดถกงบฯ 65 ส่วน อังคาร 2 มิย. ไม่เลื่อนปช.ครม.

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะที่ปรึกษา และรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เพื่อติดตามภาพรวมของการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ว่า การประชุมวันนี้ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท เพราะรายละเอียดเรื่องดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ชี้แจง แต่เป็นการหารือในภาพรวมแบบกว้าง ๆ โดยเฉพาะประเด็นการเยียวยาประชาชนในอดีตเพื่อนำมาพิจารณาต่อยอดโครงการเยียวยาที่กำลังจะมีขึ้น รวมถึงพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจว่าจำเป็นจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้นั้นจะยังไม่มีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เนื่องจากต้องรอให้โครงการ ม.33 เรารักกัน และเราชนะเรียบร้อยเสียก่อนที่จะนำโครงการดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในช่วงเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ยังได้มีการหารือถึงเรื่องการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ที่จะเข้าสภาวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายน โดยเน้นที่ประเด็นการที่การชี้แจง เรื่องการจัดสรรงบประมาณที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 2 มิถุนายนยังมีตามปกติ 

และมีการหารือประเด็นเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ที่จะเริ่มฉีดปูพรมในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ว่าจะมีการจัดกลุ่มคนทำงาน ค่าบริการที่เป็นภาคบริการ ร้านอาหารโรงแรมให้ฉีดควบคู่ไปกับกลุ่มเสี่ยง เจ็ดโรค ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง

“กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” ร่วมด้วยช่วยเพชรบุรีมอบเงินสนับสนุนโรงพยาบาลสนามจังหวัดเพชรบุรี 2 แสนบาท “ชาวเพชรฯ” ขอบคุณรัฐบาลส่งวัคซีนล็อตแรกถึงเพชรบุรีแล้ว “รมช.สาธิต” ยืนยันสธ.จะเร่งส่งวัคซีนล็อต2เพิ่มให้โดยเร็ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ว่า วันนี้กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมาย นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ นายอรรถพร พลบุตร คณะที่ปรึกษารมช.สาธารณสุข และดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 2 แสนบาทสนับสนุนจังหวัดเพชรบุรีสู้ภัยโควิดโดยเฉพาะโรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นหลายแห่งในจังหวัดเพชรบุรีเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิดโดยมีนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะเป็นผู้รับมอบที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

นายอรรถพร พลบุตร ที่ปรึกษารมช.สาธารณสุขกล่าวว่า ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. แจ้งมาล่าสุดว่าได้ส่งวัคซีนล็อตแรกมาให้จังหวัดเพชรบุรีเมื่อวานนี้และจะส่งวัคซีนล็อตต่อไปให้กับเพชรบุรีโดยเร็ว จึงขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีสาธิตและรัฐบาลแทนพี่น้องชาวจังหวัดเพขรบุรีเนื่องจากขณะนี้จังหวัดเพชรบุรีมียอดผู้ติดเชื้อโควิดจากคลัสเตอร์โรงงานแคลคอมพ์ในอำเภอเขาย้อยสูงเป็นลำดับต้นของประเทศและหวังว่ารัฐบาลเร่งส่งวัคซีนมาเพิ่มให้เพชรบุรีเพื่อระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยด่วนที่สุดโดยก่อนหน้านี้ได้ช่วยจังหวัดเพชรบุรีประสานกระทรวงสาธารณสุขผ่านดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพราะการระดมฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงจึงจะสามารถจัดการภัยโควิดในจังหวัดเพชรบุรีได้สำเร็จ

ดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวเพชรบุรีทุกคนและช่วยกันลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด วัคซีคทุกชนิดผ่านการรับรองจากอย.

นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยพาณิชย์กล่าวเสริมว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องเพชรบุรีและมอบหมายตนดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด

ดร.ก่อนหน้านี้กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยได้มอบเงินสนับสนุนจังหวัดในภาคตะวันออกภาคเหนือภาคใต้และภาคกลางสู้ภัยโควิดได้แก่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดเพชรบุรีโดยสัปดาห์ต่อไปจะมอบให้กับภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดอุบลราชธานีตามลำดับ

“อนุทิน” ไฟเขียวแผนเพิ่มขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนดำเนินงาน การเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. นำเสนอ ซึ่งประกอบไปด้วยการดำเนินงาน 5 ส่วน ประกอบด้วย

1.) การศึกษาการเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูม โดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งเป็นการศึกษาในส่วนของการคาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศ ความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมกับเสนอแนวทางเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศายานสุวรรณภมิ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 10 มี.ค.-7 มิ.ย. 2564
  
2.) การศึกษาเพิ่มขีดความสามารถของ ทสภ. โดย องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งเป็นการศึกษาด้านกฎระเบียบและมาตรฐานด้านการบิน จะใช้เวลาประมาณ 9 เดือน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมิ.ย. 2564 และแล้วเสร็จในเดือนก.พ. 2565 

3.) งานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักหลังที่ 1 ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) จะใช้เวลา 29 เดือน เริ่มงานก่อสร้างเม.ย. 2565 ก่อสร้างแล้วเสร็จ ส.ค. 2567

4.) โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ใช้เวลา 30 เดือน เริ่มก่อสร้าง ม.ค. 2566 ก่อสร้างแล้วเสร็จ มิ.ย. 2568  และ

5.) งานก่อสร้างส่วนต่อขยาย West Expansion อยู่ระหว่างรอความจัดเจนจากผ ลการศึกษาของ IATA และ ICAO

‘ชัยวุฒิ’ รมว.ดีอีเอส แถลงร่วมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ลุยสกัดกั้นข่าวปลอมวัคซีน-โควิดระลอก 3 แจ้งดำเนินคดีมือโพสต์แล้ว 6 ราย และอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1) ข้อ 6 ในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สั่งลบโพสต์อีก 12 ราย

วันนี้ (24 พ.ค.64) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) มอบหมายให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. ( PCT ) และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หัวหน้าชุดบังคับบัญชาฝ่ายประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลฯ เข้าร่วมแถลงข่าวการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ได้กระทำการโพสต์เสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือบิดเบือนข่าวสาร สร้างความเข้าใจผิด ส่งผลให้เกิดความเสียหาย สร้างความตื่นตระหนกกับประชาชนและสังคมในวงกว้าง ตลอดจนกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ดังนั้นจึงได้มีความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดฯ และดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือน ข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามหมายค้นเป้าหมาย และติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว 18 ราย แบ่งเป็น มีการดำเนินคดี 6 ราย และปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1 ) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำนวน 12 ราย

สำหรับผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยมีข้อมูลได้รับการตรวจสอบยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่า ข้อความโพสต์ของทั้ง 6 รายเป็นข่าวปลอม ประกอบด้วย

1.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก สาวสกล… โพสต์ว่า ‘พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่วัดสังฆทาน จำนวน 300 ราย’

2.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Stanley… โพสต์ว่า ‘ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00-04.00 น. พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด’

3.ผู้ใช้เฟซบุ๊ก จิ๊บ... โพสต์ว่า ‘เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่มวันที่ 23 เม.ย.64 นี้’

4.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก กะทิ... โพสต์ว่า ‘พบผลข้างเคียงรุนแรง เลือดออกในสมอง หลังจากฉีด วัคซีน Sinovac’

5.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @tuykal... โพสต์ว่า ‘พยาบาล รพ.หนองม่วง แพ้วัคซีนคับ’ และ

6.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wadfhan... โพสต์ว่า ‘พยาบาล รพ.หนองม่วง แพ้วัคซีนคับ’

โดยจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้โพสต์ข้อความทั้ง 6 รายข้างต้น ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 มีอัตราโทษ จำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังได้ปฏิบัติการโดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่1) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อีก 12 จุด พบตัวผู้กระทำผิด 12 ราย ประกอบด้วย

1.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Thanapol...

2.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aom...

3.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธัญชนก... และ

4.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กแบงค์... โดยทั้ง 4 รายนี้ ได้โพสต์ว่า ‘สธ. ประกาศฉุกเฉิน ระวัง 35 พื้นที่สีแดง เสี่ยงโควิด-19’ ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

5.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์ ????ℎ???????? ????????????... โพสต์ว่า’โรงพยาบาล Medpark เปิดให้ลงทะเบียน จองวัคซีน Moderna’ ซึ่งทาง ศบค. แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม .

6.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์น้องโย... โพสต์ว่า ‘ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อที่เยาวราช เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก’ โดยทางสำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

7.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Keawjah...

8.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Mai...

9.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chanyaphut...

10.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก เรืองชัย...

11.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธนกฤต... และ

12.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ศุภชัย... โพสต์ว่า ‘The Old Siam ปิด 1 อาทิตย์ หลังมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียมาใช้บริการ’ ซึ่งทางเพจ The Old Siam Shopping Plaza แจ้งว่าเป็นข่าวปลอม

‘ทั้ง 12 รายนี้ ผู้กระทำผิดกระจายอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัดทั้งกรุงเทพ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ราชบุรี อุดรธานี สกลนคร สุรินทร์ ระนอง ซึ่งผู้โพสต์ได้รับว่ากระทำผิดจริง จึงได้อาศัยอำนาจตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) ข้อ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้ให้ผู้โพสต์ระงับ สั่งให้แก้ไขข่าว ผู้โพสต์จึงลบโพสต์ดังกล่าว และรับว่าจะไม่กระทำแบบนี้อีก’ นายชัยวุฒิกล่าว

รมว.ดีอีเอส กล่าวย้ำว่า อยากขอเตือนประชาชน ที่จะโพสต์ข้อมูลข่าวสารอันไม่เป็นความจริง หรือบิดเบือนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เกิดความหวาดกลัว การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'สุพัฒนพงษ์' ถก  'นายกฯ' เลี่ยงตอบปมพ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้านบาท ชี้ ให้รอ 'คลัง' แจง

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ถึงกรณีที่ครม.เห็นชอบการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังระบุว่าไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม และมีงบประมาณเพียงพอ ว่า "เดี๋ยวก็คงมีการชี้แจง" 

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังบอกว่าจะออกมาชี้แจง แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังเงียบ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า "ไม่นานหรอก ไม่เงียบหรอก ถึงเวลาก็ต้องชี้แจง และคงต้องรอฟังรายงานของคณะที่ปรึกษาฯ ที่เกี่ยวข้องในวันนี้ก่อน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top