Thursday, 24 April 2025
POLITICS NEWS

ศรีสุวรรณ จี้ กสทช. สอบ ไทยพีบีเอส อ้างนำเสนอ 4 ข่าวปลอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงาน กสทช. พหลโยธิน ซ.8 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิด กรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวและรายการที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเท็จ คลาดเคลื่อนอย่างซ้ำซาก ทั้ง ๆ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ควรจะเป็นสื่อต้นแบบที่สังคมไว้วางใจและคุ้มค่ากับเงินภาษีที่รัฐจ่ายให้ปีละกว่า 2,000 ล้าน

การเสนอข่าวและรายการที่กลายเป็นเฟกนิวส์มี 4 เรื่อง คือ

1.) การนำเสนอสกู๊ปข่าวรายงานตัวเลขที่ผิดพลาดหลายจุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้

2.) การแปลข่าวชาวอินเดียเช่าเครื่องบินเหมาลำมายังประเทศไทยอย่างผิด ๆ

3.) การปล่อยให้ผู้ดำเนินรายการ “คุยให้คิด” กล่าวหา รมว.สาธารณสุขว่าขัดขวางไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 และ

4.) ล่าสุดผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวได้เผยแพร่ข่าวหญิงสาวที่เข้ารับวัคซีนซิโนแวคที่ จ.อุดรธานี แอบอ้างภาพของผู้ป่วยรายหนึ่งที่โรงพยาบาลหนองม่วง จ.ลพบุรี ที่มีอาการแพ้ยา มีผื่นแดงเต็มตัว มาเผยแพร่ควบคู่กันจนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมอย่างมาก

การเสนอข่าวที่ผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพในการทำงานของสื่อไทยพีบีเอสที่อาจขาดความเที่ยงตรงและความรับผิดชอบต่อสาธารณชนโดยชัดแจ้ง อันเข้าข่ายการฝ่าฝืน ม.43 (1) ประกอบ ม.42 (1) (2) แห่งพรบ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 และข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของวิชาชีพเกี่ยวกับการผลิตและเผยแพร่รายการ 2563 ข้อ 5 (5.1, 5.2) ข้อ 7 (7.2) และข้อ 13 13.2) และข้ออื่น ๆ 

ยังเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมายและหรือขัดต่อจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ซึ่งสำนักงาน กสทช. มีอำนาจดำเนินการตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2551 ม.40 ประกอบ ม.39 รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วย จริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ 2553 ประกอบธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 2563 อีกด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อลงโทษผู้บริหารหรือกองบรรณาธิการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตามครรลองของกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง รมว.กระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ตรวจสอบคณะกรรมการนโยบายว่าเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริหารและกองบรรณาธิการข่าวในการประเมินผลงานประจำปี ตาม ม.50 หรือไม่ และขอให้พิจารณาปรับลดเงินภาษีที่ต้องจ่ายให้ไทยพีบีเอสให้ลดลง เพื่อนำไปปรับเป็นรายได้ของแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น 

“ประยุทธ์” เปิด รพ.บุษราคัม รับสะเทือนใจเห็นภาพจนท.หลับฟุ้บคาโต๊ะ ขอชื่นชมจากใจ บอกวันนี้อาจทำได้ไม่ดีที่สุดแต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุด เชื่อโควิดลามคุกคลี่คลายเร็ว ๆ นี้ ย้ำฉีดวัคซีนตามแผน โยน สธ. แจงหาวัคซีนให้เด็กต่ำกว่า 18 ก่อนเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยขาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช. สาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขให้การต้อนรับ

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเปิดโรงพยาบาลบุษราคัมในวันนี้ ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลายประเทศก็ยังมีความรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่และต้องการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหลายแห่งเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยวันนี้ได้มีการจัดตั้งโรงบาลบุษราคัมเพิ่มขึ้นอีก เกิดจากความร่วมจากทุกส่วนภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้มีปัญหาอยู่บ้างตามสถานการณ์ แต่เราต้องประเมินตามสถานการณ์ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยสถานการณ์จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะต้องทำอะไรเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มสถานที่คัดกรองการฉีดวัคซีน โดยต้องใช้บุคลากรปฏิบัติงานอีกหลาย 10,000 คน จึงต้องมีการประสานงานที่ดี แต่เรายังรับได้อยู่เมื่อเทียบกับหลายประเทศในโลกนี้ ดังนั้นขออย่าท้อแท้อย่าสิ้นหวังและอย่ามัวขัดแย้งกัน โดยเฉพาะเรื่องสังคมต่าง ๆ ไม่เช่นนั้นจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย แม้ว่าเราอาจจะทำได้ไม่ดีที่สุด แต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุดและทำงานตามสิ่งที่เราต้องทำ ซึ่งได้มีการพิจารณาสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน และยังมีอีกหลายหมื่นคนทำงานในท้องถนนในพื้นที่และในชุมชนต่าง ๆ ขอให้นึกถึงและให้กำลังใจคนเหล่านี้ด้วยที่เสียสละเป็นด่านหน้า พร้อมจะติดเชื้อได้ตลอดเวลา และสิ่งที่ตนสะท้อนใจและไม่สบายใจที่เห็นภาพเจ้าหน้าที่ด่านหน้า นั่งและนอนหลับใต้โต๊ะ กลับบ้านไม่ได้ ต้องเสียสละ จึงขอยกย่องคนเหล่านี้ด้วยใจจิง ดังอะไรที่จะเป็นกำลังใจให้กับคนเหล่านี้ก็ขอให้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งนี่คือคนไทย นี่คือประเทศของเราและระบบสาธารณสุขของเรา ดังนั้นขอชื่นชมและคนเหล่านี้สร้างผลงานมาหลายสมัยแล้วโดยเฉพาะการรับมือโรคระบาด ทุกคนเสี่ยงอันตรายและเหน็ดเหนื่อย แต่ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเท ขอยกย่องทุกคนอย่างใจจริง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันมีผู้นำหลายประเทศ ผู้แทนท่านทูตหลายประเทศด้วยกันมีการพูดถึงประเทศไทย ชื่นชมในการจัดการของประเทศไทยในการแก้ปัญหาโควิด ซึ่งหลายประเทศยังควบคุมไม่ได้มากนัก และเราพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางที่ไทยเคยปฏิบัติ มีอะไรช่วยเหลือแนะนำได้ ซึ่งเราเป็นประเทศหนึ่งในโลกใบนี้ และเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกเดียวกันเราต้องช่วยกัน นอกจากนี้ขอบคุณฝ่ายความมั่นคงดูแลชายแดนวันนี้ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี เชื่อว่าหากร่วมมือกันประเทศไทยของเราจะต้องเอาชนะโรคร้ายครั้งนี้ไปให้ได้อย่างแน่นอน 

จากนั้นนายกรัฐมนตรี รับเงินและสิ่งของสนับสนุนจากภาคเอกชน ก่อนเดินเยี่ยมชมศูนย์สั่งการ รวมถึงห้องพักผู้ป่วยในพื้นที่ดูแลผู้ติดเชื้อเฟส 1 โซนสวนหย่อม โซนผู้ติดเชื้อปกติ โซนผู้ติดเชื้อที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ จุดรับส่งผู้ติดเชื้อ และห้องน้ำ โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พร้อมสอบถามถึงการทำงาน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาให้กำลังใจและตรวจเยี่ยม และมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขจัดโรงพยาบาลลักษณะเช่นนี้ไว้รองรับคนไข้หลายระดับตามอาการ เพื่อให้เกิดความพร้อมและรองรับสถานการณ์ และช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก วันนี้ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้โรงพยาบาลบุษราคัมนี้เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในวันนี้ เราวางใจยังไม่ได้และอยากให้ใช้มาตรการทางสังคมช่วยดูแลด้วย ผ่านชุมชนและผู้นำชุมชนต่าง ๆ ทั้งนี้ตนเข้าใจว่าคนหาเช้ากินค่ำมีความจำเป็นและมีความเสี่ยงสูง จึงต้องมีมาตรการตัวเองด้วย ซึ่งเข้าใจว่าช่วงนี้อาจลำบากมาก รัฐ บาลไม่นิ่งนอนใจ จึงต้องดูในด้านเศรษฐกิจด้วยว่าจะดูแลกันอย่างไรแต่ทุกอย่างทำด้วยงบประมาณรัฐ ดังนั้นอาจทำได้ไม่เร็วมากนัก เพราะมีระเบียบ กติกาและกฎหมาย ดังนั้นจะทำให้ทุกคนพอใจเลยทั้งหมดคงไม่ได้ 

นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามขอให้ร่วมมือและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้หมดกำลังใจ ส่วนการฉีดวัคซีนนั้น ยืนยันว่าต้องฉีดโค้กให้ได้ในเวลาที่วางไว้ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ ฉีดวัคซีนที่อนุมัติมาแล้ววันนี้ยังไม่มีที่ไหนแจ้งว่ามีปัญหา จึงยังคงเป็นไปตามแผน ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนเข้าระบบหมดพร้อมให้เร็วที่สุด ซึ่งเดิมกำหนดให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ด่านหน้า แต่วันนี้เพิ่มกลุ่มย่อยจำนวนมากและจัดให้เหมาะสม กลับวัคซีนที่มาจากต่างประเทศ โดยย้ำว่าเดือนมิ.ย. จะมีวัคซีนเข้ามาอีกและวัคซีนจะเข้ามาเพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นฝากให้ทุกคนช่วยกันไปฉีดวัคซีนไม่ต้องให้ใครมาเรียกหรือมาจ้างสิ่งเหล่านี้เพื่อตัวเราเองยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการติดเชื้อจำนวนมากในกรมราชทัณฑ์พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ วันนี้อยู่ในพื้นที่ควบคุมและจำกัด โดยได้ซีลพื้นที่แล้ว หาที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีมาตรการลงไป ซึ่งคิดว่าเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นพื้นที่แออัด แต่เชื่อว่าเดี๋ยวก็จะคลี่คลายได้ ซึ่งเมื่อป่วยก็มีเตียงรักษา อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับต่างประเทศถือว่าเรายังน้อยกว่ามาก แต่แม้จะน้อยตนก็ไม่มีความสุข เพราะไม่อยากให้ไม่มีเลย 

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการฉีดวัคซีนให้คนอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากใกล้ที่โรงเรรยนจะเปิดเทอมแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องถามจากกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัคซีน ซึ่งต้องฟังทางการแพทย์ที่มีข้อกำหนดอยู่แล้วไม่ฟังหมอแล้วจะฟังใคร 

เมื่อถามถึงการตรวจหาเชื้อเชิงรุก จะมีอุปกรณ์ที่เพียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พออยู่แล้ว และจะหาเพิ่มเรื่อย ๆ เพื่อเสริมให้อีก แต่สิ่งสำคัญคือขอให้มาตรวจและมาฉีดตามคำแนะนำของแพทย์และสาธารณสุข ไม่นั้นรัฐทำทางเดียวไม่สำเร็จ

สำหรับโรงพยาบาลบุษราคัม จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,200 คน และสามารถเพิ่มเติมได้ 3,000-5,000 เตียง รองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่เล็กน้อยจนถึงปานกลาง ทั้งจากโรงพยาบาลสนาม และสายด่วนในกทม.และปริมณฑล หากเกิดผู้ป่วยอาการหนักจะส่งไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ทั้งนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หมุนเวียนปฏิบัติงานรวม 780 คน

‘โฆษกพปชร.’ วอน กทม. เร่งฉีดวัคซีนให้ ปธ-กก.ชุมชน ชี้ เป็นบุคลากรด่านหน้า พบ ปชช. มากเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

เมื่อวันที่14 พฤษภาคม 2564 น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในเขตรับผิดชอบ โดยทำงานร่วมกับประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชน ได้เห็นถึงความเสียสละที่ทุกคนเหน็ดเหนื่อย และทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย เสียสละทำงานและรับภาระอย่างหนักช่วยเหลือดูแลประชาชนในชุมชนทุกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต ซึ่งบุคคลเหล่านี้นับว่าเป็นบุคลากรด่านหน้า ที่เข้าไปดูแลประชาชน ตั้งแต่ช่วยสอดส่อง ค้นหากลุ่มเสี่ยงเชิงรุก ไปถึงประสานงานพาไปคัดกรองตรวจหาเชื้อ และดูแลผู้ที่กักตัวภายในชุมชน จึงมีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยอย่างมาก จึงอยากให้กรุงเทพฯ เห็นความสำคัญของคนกลุ่มนี้ โดยเร่งพิจารณาฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลกลุ่มดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกัน

อนุทิน ย้ำ วอล์คอินฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ดีเดย์ 1 มิถุนายนนี้ ยืนยันจังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีสิทธิพิเศษรับวัคซีนก่อนจังหวัดอื่น เผยโรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานีมีหมอพยาบาลดูแลผู้ป่วยเต็มที่

เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 14 พ.ค.ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ก่อนพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่เมืองทองธานีว่า โรงพยาบาลบุษราคัมไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม แต่รองรับผู้ป่วยโควิดสีเหลืองที่มีอาการค่อนข้างหนักขึ้น โดยมีจำนวนทั้งหมด 1,092 เตียง พร้อมเปิดรับผู้ป่วยในวันนี้ (14 พ.ค.) หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดอย่างเป็นทางการซึ่งจะเปิดรับผู้ป่วยได้ทันที โดยโรงพยาบาลบุษราคัม มีโรงพยาบาลเจ้าภาพคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี รวมถึงการใช้เครือข่ายโรงพยาบาลสนับสนุน ซึ่งจะรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งทั้งโรงพยาบาลสนาม, Hospitel ที่จะทำการส่งตัวมารักษา ยืนยันว่าโรงพยาบาลบุษราคัมมีอุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ มีเพียงพอรองรับการรักษาผู้ป่วย ซึ่งบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ

นายอนุทิน กล่าวว่า เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนที่ถูกต้องตรงกัน ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก โดยกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข จะประชาสัมพันธ์เน้นย้ำเรื่องการ walk in ของประชาชนเข้ามาติดต่อเพื่อรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วยตัวเอง ว่าจะเป็นการเริ่มดีเดย์ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป โดยต้องบริหารจัดการวัคซีน จัดให้กับกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ บริหารจัดการในพื้นที่เอง โดยให้บริหารจัดการให้มีเผื่อการ walk in ของประชาชนไว้ด้วย

“สำหรับที่จังหวัดบุรีรัมย์มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้รับวัคซีนเป็นสิทธิพิเศษนั้น ไม่เกี่ยวว่าเป็นจังหวัดใด จะบุรีรัมย์หรือลำปาง เชียงใหม่ พัทลุง ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัดทำเรื่องร้องขอตามจำนวนที่ต้องการ เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขจัดจำนวนให้ จัดไปตามกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต่าง ๆ ถ้าบริหาร แค่กระทรวงสาธารณสุขโดยลำพังไม่มีปัญญาที่จะทำได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศ แต่สาธารณสุขมีหน้าที่กระจายวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงในแต่ละจังหวัด” นายอนุทิน กล่าวยืนยัน

‘เสกสกล’ แช่ง ‘ฝ่ายค้าน’ ไม่นึกถึงความเดือดร้อนปชช. ให้เป็นฝ่ายค้านตลอดชีพ เหน็บ อยากเป็นรัฐบาลจนลืมตัว

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพรรคฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) ไต่สวนนายกรัฐมนตรี กรณีแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ล้มเหลว ว่า ฝ่ายค้านเล่นการเมือง ในช่วงที่กำลังแก้ปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่เข้าใจเหตุผลของพรรคฝ่ายค้านหรือหากต้องการเข้ามาบริหารประเทศ ขอให้เข้ามาตามกระบวนการ อย่าใช้ทางลัดกระหายอำนาจจนลืมตัว ลืมนึกถึงประชาชน ให้เล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์เน้นการทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง ประชาชนจะได้ไว้วางใจเลือกกลับเข้ามาเป็น ส.ส. อีก หรือถ้าทำตัวดีอาจได้เข้ามาเป็นรัฐบาล

นายเสกสกล กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีใครเข้ามาแก้ไขปัญหาโควิดได้ดีเท่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ บุคลากรการแพทย์ ดังนั้นอย่าทำอะไรให้เกิดความเข้าใจผิด และความสับสน หรือหวังล้มรัฐบาลอยากกลับมามีอำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจนกล้ากระทำทุกอย่างแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่รับรู้วิกฤตความเดือดของประชาชน พฤติกรรมเช่นนี้ถ้ามาเป็นรัฐบาลช่วยอะไรประเทศชาติและประชาชนไม่ได้แน่นอน จึงขอสาปแช่งให้เป็นฝ่ายค้านตลอดชีพจะเหมาะสมที่สุด

รมว.ยุติธรรม แจงผู้ต้องขังติดเชื้อเยอะเหตุจากคนเข้าใหม่ ยันนายกฯ กำชับตลอดให้ดูแลให้ดี "ราชทัณฑ์" ยันไม่มีการปกปิดข้อมูล มีติดเชื้อระดับสีแดง 4 ราย เชื่อรับมือได้

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ประชุมร่วมกัน พร้อมแถลงข่าวกรณีมีผู้ต้องขังในเรือนจำติดโควิด-19 จำนวนมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การป้องกันโควิดในเรือนจำ และผู้ต้องขังทั่วประเทศ แนวทางของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับตลอดให้หมั่นดูแลเอาใจใส่ เพราะหากติดเชื้อจะเกิดการลุกลามได้ง่าย ตอนที่รัฐบาลตั้งใหม่ ๆ ตนมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอนนั้นมีผู้ต้องขัง 390,000 คนทั่วประเทศ ตนจึงใช้นโยบายลดความแออัด จนขณะนี้ เหลือไม่ถึง 310,000 คน เราเตรียมการแก้ปัญหาลดความแออัด จากก่อนผู้ต้องขัง 1 คนมีพื้นที่ไม่ถึง 1 ตร.ม. หากโควิดเข้าไปจะยุ่งยาก ซึ่งตอนนี้เราปรับจนได้ 1.2 ตร.ม. ตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์ได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังประพฤติดี ข้อหาไม่ร้ายแรงอีกหลายหมื่นคน และใช้การพักโทษพิเศษ สวมกำไล EM 50,000 คน ซึ่งตอนนี้ติดกำไลแล้ว 20,000 คน รวมทั้งยังมีประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่อยู่ระหว่างพิจารณารัฐสภา ซึ่งจะปรับอัตราโทษผู้ต้องขังยาเสพติดให้เหมาะสม จะลดผู้ต้องขังได้เกือบ 50,000 คน นี่คือความพยายามแก้ปัญหาลดความแออัดในเรือนจำ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจหาเชื้อในเรือนจำ เราทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะได้รถพระราชทานตรวจโควิด ทำให้ตรวจได้เร็ว ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และเรามีการส่งข่าวให้ญาติทั้งหมดทราบ แต่มีจำนวนมากทำไม่ได้เร็ว ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้คุม 1 คนจะดูแลผู้ต้องขัง 6 คน แต่สำหรับประเทศไทย อัตราส่วนคือ 1 ต่อ 33 เพราะเรามีบุคลากรน้อย แต่เราทำงานเต็มที่ ซึ่งปัจจุบันทุกคนเริ่มเข้าใจการทำงานของข้าราชการว่าเราทำงานเต็มที่ ซึ่งทุกเรือนจำข้างในเข้มงวดมาก แต่ 2 เรือนจำที่ติดเชื้อ เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอด ต่างจากเรือนจำอื่น ๆ ส่วนการออกไปศาล เราได้ประสานกับศาลแต่ละจังหวัดแล้ว ขอให้งดไปในระยะนี้ก่อน เชื่อว่าศาลท่านจะเข้าใจ และสถานการณ์จะคลี่คลายได้

"ผมขอยืนยัน รัฐบาล โดยท่านนายกฯ สั่งกำชับ ประสานงานมาตลอด ให้ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างดี หากยาที่ได้จากสาธารณสุขไม่พอ ทางกรมราชทัณฑ์จะจัดซื้อเองเพื่อรักษาทุกคน ขอให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสบายใจได้ นอกจากนี้ยังมีการประสานจากแพทย์แผนไทย เรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรมาใช้ด้วย ยืนยันเราเตรียมพร้อมป้องกันเบื้องต้นมาตลอด" นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปิดข่าวว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่มีการปิดข่าว เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างมาตลอด

ด้าน นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ไม่เคยมีการปิดบังข้อมูล รพ.ราชทัณฑ์มีการตรวจตลอด ซึ่งต้องกรอกเลขบัตรประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โดยในเดือน เม.ย. ตรวจพบเพียงหลักร้อยเท่านั้น โดย รพ. สามารถรองรับการตรวจเชื้อได้ทั้ง 2 เรือนจำ แต่อาจจะตรวจได้ช้า แต่เมื่อเราได้รถพระราชทาน จึงตรวจได้เร็วขึ้น และดำเนินการตามหลักการตรวจเชิงรุก 100% เพื่อแยกคนติดเชื้อออก

เมื่อถามว่า จังหวัดอื่น ๆ มีรายงานติดเชื้อหรือไม่

นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส แต่ตอนนี้ควบคุมได้แล้ว ส่วนที่อื่น ๆ ดำเนินการตามสาธารณสุขยังไม่พบ ซึ่งเราได้มีการปรับเพิ่มการกักตัวใหม่เป็น 21 วัน และตรวจเชื้อ 2 ช่วง คือ ตอนเข้าและหลังกักตัว และใช้ราปิดเทส จะได้รวดเร็วในการคัดกรองมากขึ้น ส่วนการหาวัคซีนให้ผู้ต้องขัง ขณะนี้ ท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ลงนามอนุมัติจัดหาวัคซีนฉีดให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศแล้ว คาดว่าจะได้ภายในเดือนมิ.ย. จะเริ่มกลุ่มเสี่ยงสูง ผู้ที่มีโรคประจำตัวก่อน โดยตอนนี้ฉีดให้ข้าราชการที่ต้องทำงานในกลุ่มเสี่ยงไปบ้างแล้ว เรื่องเหล่านี้เราได้เตรียมความพร้อมไปแล้ว

เมื่อถามว่า ต้นตอจากการติดเชื้อมาจากไหน มีการสืบสวนโรคได้อย่างไรบ้าง นายอายุตม์ กล่าวว่า ในส่วนของทัณฑสถานหญิงกลาง มาจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรักษาแล้ว มีการจำแนกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทั้งหมดมีสีแดง 4 ราย มี 1 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากโรคประจำตัว ซึ่งเรายังใช้แนวทางบับเบิ้ล แอนด์ ซีล และมีห้องกักโรคแยกชัดเจน ส่วนเรื่องของวัคซีน ได้ประสานอธิบดีกรมควบคุมโรคในการจัดหาแล้ว ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมกับสาธารณสุข ทำงานได้ทันเหตุการณ์ และได้แจ้งไปยังเรือนจำทั่วประเทศให้ควบคุมให้ดี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรามีการสืบสวนโรคอยู่แล้ว หากผลออกมาเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีภาพหน้ากากที่บางมากในเฟซบุ๊ก ตนได้ให้สอบข้อเท็จจริงแล้ว หากอะไรที่เปิดเผยออกมาได้เผยปัญหาจะจบ ในส่วนของญาติผู้ต้องขังที่ไม่สบายใจ เรายืนยันดูแลอย่างดี และจะส่งข่าวกับญาติผู้ต้องขังให้รับรู้ และมีช่องทางให้ญาติติดต่อได้กับกรมราชทัณฑ์

‘แรมโบ้’ ยัน! จูงมือทนายแจ้งความ ฮาร์ท ทำในนามส่วนตัว ‘บิ๊กตู่’ ไม่ได้สั่ง ลั่น ข้อความ นายกฯ ที่ไหนฟ้องปชช. เป็นการดูหมิ่นนายกฯ

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล นักร้องชื่อดังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า มีที่ไหนนายกฯ ฟ้องประชาชน ภายหลังตนเองและนายอภิวัฒน์ ขันทอง ผู้ช่วยรมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้เข้าแจ้งความกล่าวโทษที่ สน.นางเลิ้ง ว่า "การเข้าแจ้งความครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ และนายกฯไม่ได้สั่งการใด ๆ แต่ทำในนามส่วนตัวและในฐานะประชาชน ซึ่งใครจะเข้าแจ้งความตามมาตรา 112 ย่อมได้ การแจ้งความกล่าวโทษนายสุทธิพงศ์ ที่ สน.นางเลิ้ง เป็นการกล่าวโทษเพื่อให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบว่ามีความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ เพราะเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ประชาชนทั่วไป ใครจะไปร้องทุกข์กล่าวโทษก็ได้หากเห็นว่านายสุทธิพงศ์ ได้โพสต์ข้อความเข้าข่ายการหมิ่นสถาบัน ตามมาตรา 112 สามารถร้องได้ทุกจังหวัดทุกที่ในประเทศไทย"

นายเสกสกล กล่าวว่า ดังนั้นการที่จะมาบอกว่านายกฯ เป็นคนสั่งการนั้นไม่เป็นความจริง นายกฯ ไม่ได้สั่งการให้ไปดำเนินคดี เพียงแต่ตนเองและนายอภิวัฒน์ เห็นว่าการโพสต์ของนายสุทธิพงศ์นั้น ประชาชนทราบดีว่ามีเจตนาที่จะกล่าวถึงสถาบันอย่างไร จึงเห็นว่าจะปล่อยให้นายสุทธิพงศ์ ได้โพสต์เช่นนี้ย่อมจะทำให้เสียหายต่อสถาบัน จึงได้ไปแจ้งความที่สน.นางเลิ้ง เพื่อมิให้บุคคลอื่นนำไปเป็นเยี่ยงอย่างในการกล่าวพาดพิงสร้างความเสื่อมเสียอีก และการที่ออกมาโพสต์กล่าวหานายกฯ ก็เป็นการกล่าวหา ดูหมิ่นนายกฯ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดอีก เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย ไม่สมควรจะทำอย่างยิ่ง

แจ้งจับ 'ฮาร์ท-สุทธิพงศ์' เข้าข่ายผิด ม.112 หลังเจตนาโพสต์ พาดพิงสถาบันชัด

ที่สน.นางเลิ้ง นายอภิวัฒน์ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และทนายความนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อธิชย์ดอนนันชัย รองผกก. (สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งความในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 แก่นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือฮาร์ท นักร้องชื่อดัง พร้อมนำเอกสารหลักฐานข้อความการโพสต์มามอบให้พนักงานสอบสวน โดยมีพ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้าผกก.สน.นางเลิ้ง ลงมารับเอกสารหลักฐานด้วยตนเอง

นายอภิวัฒน์ เปิดเผยว่า เมื่อตรวจสอบจากโพสต์ของนายสุทธิพงศ์ แม้มีการเขียนว่า คัดลอกข้อความจากบุคคลอื่นมาอีกต่อหนึ่งนั้น แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่า หลายโพสต์หลายข้อความทั้งของต้นทาง และของนายสุทธิพงศ์เอง ที่ระบุว่า “เจ้านาย” นั้น เข้าข่ายมีเจตนาทำให้คนเข้าใจผิด พาดพิงไปถึงสถาบัน แม้ว่าจะอ้างว่าก๊อปปี้ข้อความมาจากคนอื่น แต่เมื่อดูก็พบว่ามีการพูดถึงในลักษณะนี้หลายครั้ง จึงเห็นว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใจข้อมูลบิดเบือนและเข้าใจสถาบันในทางที่ผิด

พ.ต.อ.ภูมิยศ กล่าวว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้พร้อมจะพิจารณาหลักฐานว่าเข้าข่ายตามที่ผู้แจ้งไว้หรือไม่ รวมถึงจะเรียกนายสุทธิพงศ์ มาให้ปากคำอีกด้วยรวมถึงคนโพสต์คนแรกที่นายสุทธิพงศ์ได้แชร์ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายต่อไป


ที่มา: https://mgronline.com/crime/detail/9640000046026

'ณัฐชา-ก้าวไกล' ติง!! สองบิ๊กตำรวจ 'เบรกแย่งซีน' โชว์ผลงานอวดนาย แนะ!! เดินหน้าทำเพื่อประชาชนด้วยความจริงใจดีกว่า

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งของสองอดีตนายตำรวจชื่อดัง คือ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่คสช.แต่งตั้ง กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นแคนดิเดตเตรียมลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า...

ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ท่านทั้งสองคนจะมาทำคะแนน เพื่อจะเป็นแคนดิเดตผู้ว่ากทม. ในนามพรรคพลังประชารัฐ จนกลายเป็นภาพความขัดแย้งที่คนเห็นไปทั่ว

การลงไปอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชนคลองเตย ควรเป็นภาพของการช่วยกันทำงานไม่ใช่แย่งกันเพื่อสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้หลักผู้ใหญ่

สนามเลือกตั้ง กทม.อาจเป็นความหวังของทั้งสองท่านที่จะได้มีอำนาจมีพื้นที่ทางการเมืองต่อไป แต่ไม่ว่าการหาเสียงโดยใช้งบประมาณแผ่นดินแล้วเคลมผลงานประจบนายหรือการทะเลาะกันโชว์ประชาชนทั้งที่ทุกคนกำลังลำบากแบบนี้เป็นความน่าเกลียดไร้กาละเทศะ

ยิ่งทั้งสองต่างเป็นอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จบสถาบันเดียวกันมาก่อน เมื่อมาห้ำหั่นกันแบบนี้ ก็เกรงว่าจะมีการใช้ลูกน้องเก่าเป็นมือไม้ทางการเมือง สร้างความลำบากใจและอาจเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีวงการตำรวจด้วย

"การทำงานในพื้นที่ช่วงสถานการณ์วิกฤต ประชาชนควรเป็นเป้าหมายหลักมิใช่การแย่งกันเพื่อสร้างราคาให้ตัวเอง อีกทั้งอย่าพยามจะชักชวนว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.พรรคอื่นเข้าร่วมกับตน เพราะเขาไม่ไปเลยมาฟ้อง จะบอกซึ่งหน้าก็ยังไว้หน้าท่านอยู่ แต่เขาฝากมาบอกว่า หากท่านต้องการการยอมรับจากพี่น้องประชาชนสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือมารยาททางการเมือง" โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าว

“บิ๊กตู่” แจงเตรียมแผน walk in เดือนมิ.ย. ขอ ปชช. อย่าเพิ่งรีบแห่เข้ามา มั่นใจทุกคนได้ฉีดแน่ รับกังวลร้านอาหาร-ภาคบริการตกงาน ลั่นแอสตราเซเนกาไม่มีสะดุด มิ.ย. มาแน่ ทั้งเคลียร์ปมขัดแย้ง รพ.สนามหมอเหรียญทอง ชี้! เปิดได้เพียงยึดหลักเกณฑ์

ที่สามย่าน มิตรทาวน์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมว่า นี่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน ที่ต้องร่วมกันทั้งหมด ร่วมกันทำในสิ่งที่ดี ๆ และต้องมีกติกาที่เป็นมาตรการกลางที่ต้องปฏิบัติ วันนี้เป็นที่น่ายินดีที่เราเพิ่มมา 14 จุดและจะขยายได้ถึง 25 จุดในระยะต่อไปในเรื่องของสถานให้บริการเช่นนี้ โดยขึ้นอยู่กับวัคซีนที่มาเพราะต่อให้มี 100 จุดถ้าวัคซีนไม่พอก็เปิดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เดือนมิ.ย. ก็จะมีวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติมอีก สำหรับการให้บริการวันนี้เป็นกลุ่มที่ได้ระบุไว้ข้างต้นแล้วในการจัดลำดับความเร่งด่วนของวัคซีน แต่ในส่วนที่เกิดขึ้นมาใหม่ก็ต้องหาวิธีการบริหารให้ได้ 

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ย้ำว่าต้องดูแลทั้งหมด โดยเฉพาะวันนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมด้วย เพราะเป็นแหล่งจ้างงานแรงงานและมีผลิตภัณฑ์ส่งออก ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ จึงต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดในโรงงานต่าง ๆ โดยต้องขอบคุณเจ้าของโรงงานที่มีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็ง แต่ทุกที่วันนี้มีโอกาสเสี่ยงหมด ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด เมื่อเกิดแล้วเราต้องแก้ปัญหากันต่อไปด้วยความร่วมมือของทุกคน 

"วันนี้เรื่อง walk in ก็ได้ให้ กรุงเทพฯ และกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงให้ชัดเจนแล้ว ไม่เช่นนั้นจะไม่เข้าใจกัน ซึ่งเป็นการเตรียมการไว้สำหรับเดือน มิ.ย. ถ้าวัคซีนเพียงพอก็ได้เตรียมการส่วนนี้ไว้ แต่เมื่อเข้ามาก็ต้องรวมในระบบหมอพร้อม เดี๋ยวจะไม่เข้าใจมากันเต็มไปหมดแล้วไม่ได้ฉีด ซึ่งก็มีหลายคนก็เอารูปนายกฯ ไปใส่นู้นนี่ นายกก็โดนเละไปหมดเหมือนกัน คือจริง ๆ แล้วบางทีต้องฟังทางหมอและดูให้ละเอียด บางทีไปย่อในโซเชียลก็คือปัญหา ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง วันนี้ยืนยันว่า รัฐบาลมีแผนงานในการเปิดให้เดินเข้ามาแล้วฉีด ถ้าวัคซีนเพียงพอ ซึ่งในแต่ละวันเราก็มีสำรองไว้บ้างอาจจะเหลือบ้างคนที่ไม่มา แต่ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าทุกคนได้ฉีดแน่จะช้าจะเร็วก็อาจมีบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันวันนี้ที่กังวลที่สุดคือ เรื่องของร้านอาหารภาคบริการที่จะตกงานกัน เพราะรายได้ลดลง ดังนั้นต้องดูทุกกลุ่ม ทั้งแรงงานโรงงาน ผู้ให้บริการสาธารณะ รถเมล์ มอเตอร์ไซค์ แกร็ปและแทกซี่ ทั้งหมด ที่จะเติมกลุ่มเหล่านี้ไปตามลำดับความเสี่ยงในขณะนี้ โดยจะดูแลอย่างใกล้ชิดที่สุด

เมื่อถามว่า ในส่วนของจังหวัดมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดฉีดวัคซีนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผู้ว่าฯ เป็นประธานคณะกรรมการ ร่วมกับสสจ.จังหวัด และมีคณะแพทย์ของสาธารณสุขอยู่แล้ว ซึ่งต้องเข้าใจคำว่าแผน และมาตรการ ถ้ามีอะไรต้องปรับเปลี่ยนแปลงก็สามารถทำได้ อยากให้สับสนอลหม่านไปกว่านี้เลย เพราะนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและประกาศวาระแห่งชาติ ได้กำหนดนโยบายและนำให้นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นกังวลกับเฟกนิวส์ที่มีอยู่เยอะแยะไปหมด ขอร้องอย่าแพร่กันต่อเลย แล้วก็นำไปเป็นประเด็น ซึ่งห้ามไม่ได้ แต่ทุกคนต้องถือว่าวันนี้เป็นวาระแห่งชาติ เป็นวาระที่เราต้องรักสามัคคีและร่วมมือกันให้มากที่สุด

เมื่อถามถึงระบบหมอพร้อม ว่าขณะนี้ยังมีปัญหาอยู่หรือไม่และจะพิจารณาใช้ระบบอื่นแทนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบวันนี้ไม่มี แต่ทุกอย่างก็มีปัญหา อะไรที่ไม่เคยทำแล้วทำก็มีปัญหาหมด โดยเฉพาะเรื่องทางเทคนิค วันนี้จำเป็นต้องเร่งรัดในระยะแรกที่มีปัญหาอยู่บ้าง แต่ต้องแก้ไป เพราะระบบเช่นนี้ยังไม่เคยทำในประเทศไทยมาก่อน นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐบาลเราและเตรียมความพร้อมมาหลายปีถึงมีวันนี้ ถ้าเราไม่เริ่มมาหลายปีก่อนในเรื่องดิจิตอล ออนไลน์ 5G และ 4G ก็จะทำวันนี้ไม่ได้เลย นี่คือสิ่งที่เกิดในประเทศไทยมาแล้ว แต่บางทีเราไม่รู้ตัวเมื่ออยากจะใช้ แต่ยังติดขัดอยู่ก็ต้องเห็นใจกันบ้าง ตนก็เห็นใจประชาชน ซึ่งไม่มีอะไรจะ 100% เราอยากให้ถึงร้อยแต่ยังไม่ถึงก็ต้องแก้กันไป ตนปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า วัคซีนแอสตราเซเนกาที่จะเข้ามาเดือนมิ.ย. ยังไม่มีอะไรสะดุดใช่หรือไม่ ซึ่งนายอนุทิน ที่ยืนข้าง ๆ ได้กล่าวตอบแทนทันทีว่า "ไม่มีสะดุดครับ" ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะสะดุดอะไร นายอนุทิน ยืนยันไม่มีสะดุด เราพูดคุยเจรจาได้และขอให้ส่งตามที่สัญญาเอาไว้ ยืนยันวันนี้ยังไม่หยุดหาวัคซีนอื่นและไม่ปิดกั้นใคร แต่ก็มีการไปพูดกันให้เสียหาย ซึ่งใครมีผลประโยชน์เรื่องนี้ ตนยืนยันจะต้องลงโทษเต็มที่อยู่แล้ว ต้องไม่มีใครได้รับผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น แต่คนได้รับประโยชน์คือประชาชน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ตนได้ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยและได้ตอบคำถามว่าเราจะเดินหน้าประเทศอย่างไรหลังโควิด พร้อมลดปัญหาอุปสรรค ความขัดแย้ง ดึงนักลงทุนเข้ามาและเปิดการท่องเที่ยว ตนคิดว่าเมื่อสถานการณ์โควิดเบาบางลงประเทศไทยดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ถ้าเราช่วยกันตอนนี้ ดังนั้นเราอย่าทำลายกันตอนนี้ เพราะโอกาสจะหายไปเรื่อย ๆ เราต้องไม่ทำลายประเทศชาติของเรา และความเป็นหนึ่งเดียวของเราต้องไปด้วยกันให้ได้ ซึ่งนายกฯ โทษใครไม่ได้ แต่กำกับดูแลและบริหารได้

เมื่อถามถึง ความขัดแย้งระหว่างนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลพระมงกุฎวัฒนะ ในเรื่องการจัดตั้งรพ.สนามพลังแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรียบร้อยแล้ว คุยกันแล้ว อย่าเอาไปเป็นประเด็นมากนักเลย ไม่ใช่ไม่ทราบ ตนทราบและได้สั่งการไปแล้ว ขณะที่หัวหน้าพรรคก็เรียกจัดการไปแล้ว 

เมื่อถามย้ำว่า สรุปแล้วยังให้มีการเปิดใช้รพ.สนามพลังแผ่นดินได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เขาก็ดูแลอยู่แล้วนิ เปิดให้บริการได้แล้วไม่ใช่เหรอ เพราะมันเป็นวาระฉุกเฉินไม่ต้องขออนุญาตอะไรหรอก เพียงแต่ทำให้เข้ากติกาหลักเกณฑ์ก็เปิดได้ ดังนั้นอาจจะมีคนไม่เข้าใจไปขัดแย้งอะไรก็ว่ากันไป อย่านำเป็นประเด็นนักเลย” นายกฯ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายกับสื่อมวลชนว่า "ดีใจได้เจอพวกเราทุกคน คิดถึงอยู่เหมือนกัน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top