Thursday, 24 April 2025
POLITICS NEWS

“จตุพร” ลั่นความมั่นคงไม่ใช่เรื่องต้องใช้ข้อมูล “มั่ว” มาพูดกัน ยัน! มีข่าวระดับสูงแจงมหาอำนาจพยายาหาพื้นที่สูงตั้งฐานยิงขีปนาวุธจริง ดีใจ “คงชีพ” ปฏิเสธ ชี้! บ้านเมืองต้องไม่หายนะ

“จตุพร” ลั่นความมั่นคงไม่ใช่เรื่องต้องใช้ข้อมูล “มั่ว” มาพูดกัน ยัน! มีข่าวระดับสูงแจงมหาอำนาจพยายามหาพื้นที่สูงตั้งฐานยิงขีปนาวุธจริง ดีใจ “คงชีพ” ปฏิเสธ ชี้! บ้านเมืองต้องไม่หายนะ ขอนัดคุยส่วนตัวที่ไหนก็ได้ ฟัด “ประยุทธ์” คนไทยขาดเชื่อมั่น บริหารเหลว เยียวยาไม่สอดคล้องความจริง ปชช. ปัดลงทะเบียนฉีดวัคซีน เผยเวทีไทยไม่ทนฯ สัปดาห์นี้คนดังแห่เปิดข้อมูลถล่มไล่นายกฯ ถึงกระอัก 
 
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk โดยระบุถึง พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ปฎิเสธถึงการตั้งฐานยิงขีปนาวุธในไทยด้วยมธุรสวาจาในท่วงทำนองไม่ทำร้ายกันว่า ไม่เป็นความจริง  
 
พล.ท.คงชีพ ได้ชี้แจงเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.) เกี่ยวกับประเทศมหาอำนาจตั้งฐานยิงขีปนาวุธในไทยนั้น รัฐบาลปัจจุบัน ไม่เคยมีนโยบายต่อเรื่องดังกล่าว แต่ยึดมั่นในการสร้างความสมดุล พร้อมตั้งข้อกังขาว่า นายจตุพร ต้องการอะไร หรือทำเพื่อใคร และหวังผลอะไร มีแผนจะขยายผลต่ออย่างไร การให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนโดยขาดข้อเท็จจริง จะยิ่งสร้างความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม สุ่มเสี่ยงกับความหวาดระแวงและละเอียดอ่อนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นอย่างสูง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับประเทศเป็นอย่างยิ่ง 
 
นายจตุพร กล่าวว่า มธุรสวาจาเช่นนี้ เราอธิบายความกันได้ โดยตนตั้งคำถามให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้รับผิดชอบ พรบ.ทั้ง 31 ฉบับและความมั่นคงของชาติ อีกอย่างตนถ้าไม่มั่นใจ หรือมีข้อสงสัยแล้ว จะหลีกเลี่ยงในการระบุข้อมูลด้านในประเด็นต่าง ๆ ของประเทศ 
 
ส่วนการข่าวตั้งฐานยิงขีบปนาวุธนั้น ตนต้องการพูดกับ พล.ท.คงชีพ เป็นการส่วนตัวสักครั้ง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งตนเคยอ้อมสอบถามไปยังอดีต ผบ.ทบ.ที่อยู่ใต้รัฐบาลนี้มาแล้ว ว่า การข่าวนี้เป็นความจริงหรือไม่ และได้รับว่า เคยมีอยู่จริงในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยพยายามเสาะหาพื้นที่สูงภาคเหนือ ในจังหวัดเชียงใหม่ หรือเชียงราย และมีการสำรวจ กระทั่งมีการสร้างสถานที่โดยเปิดเผยที่เชียงใหม่ด้วยงบประมาณการสร้างที่บริการกลับใช้เงินจำนวนมากถึงขนาดนี้  
 
อีกทั้ง เมื่อประมาณ 6-7 เดือนที่แล้วประชาชนมีการแต่งตัวอย่างสุภาพไปยื่นหนังสือตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้ระงับการตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นความกังวล และ พล.ท.คงชีพ ยังตอบด้วยความระมัดระวัง หากเรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาแล้ว ประเทศเกิดหายนะขึ้นในวันนั้น 
 
“ผมมีความรักชาติบ้านเมือง ซึ่งใครจะมาทำเรื่องเช่นนี้บนพื้นดินนี้ไม่ได้ เพราะไทยไม่ได้ประโยชน์ และยิ่งสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น โดยสถานการณ์ขณะนี้เราได้ติดตามใกล้ชิด อีกทั้งบรรดาผู้รู้ยังติดตามเช่นกัน ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่จำเป็นต้องมามั่วกัน โดยผมไม่ได้ปรักปรำ แต่เป็นการตั้งคำถามให้ชี้แจง และโฆษกกลาโหมก็ออกมาบอกเรื่องนี้ด้วยมธุรสวาจา และหวังว่าจะได้พบกันสักวันเพื่อคุยกันในเรื่องชาติบ้านเมือง ขอให้ พล.ท.คงชีพ นัดมาได้” 
 
นายจตุพร ย้ำว่า ในกรณีตั้งฐานยิงขีปนาวุธนั้น จะผ่านเลยไม่ได้ โดยเฉพาะที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่บอกว่าไม่เป็นจริง แต่ก็เป็นจริงมามากเช่นกัน ดังนั้น ตนจึงภาวนาว่า เรื่องที่โฆษกกลาโหมออกมาพูดนั้น ขอให้เป็นเรื่องจริง นอกจากนี้ ขอให้ข้อเท็จจริงเป็นข้อพิสูจน์ ซึ่งตนไม่ต้องการให้เป็นเรื่องจริง เพราะมันจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่แหล่งข่าวของตนก็ใหญ่มากและน่าเชื่อถือเช่นกัน 
 
ส่วนการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาไม่สอดคล้องความจริง เพราะการเยียวยา 3 ครั้งได้สะท้อนถึงภาวะสมองของผู้มีอำนาจ โดยมาตรการเยียวยาประชาชนลดลงไม่เป็นไปตามการระบาดรุนแรง เช่น ระบาดรอบที่หนึ่งไม่รุนแรงแต่กลับมีมาตรการเยียวยาสูง มาถึงรอบที่สองโควิดรุนแรงขึ้น กลับลดการเยียวยาลงมา แล้วถึงรอบที่สาม ซึ่งระบาดหนักที่สุด แต่รัฐบาลกลับเยียวยาเพียง 2,000 บาท โดยน้อยกว่ามาตรการที่ผ่านมาทั้งรอบหนึ่งและรอบสอง 
 
พร้อมทั้งกล่าวว่า เมื่อ นายกฯ ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ยังไม่คิดจะดูแลประชาชนที่เดือดร้อนจากผลกระทบอีกหรือ โดยเฉพาะภาระการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ที่ยังไม่มีมาตรการอะไรออกมาเลย เมื่อยังต้องการนั่งเป็นนายกฯ อีก ตนจึงถามหามาตรการเยียวยาให้สอดคล้องความจริงของการระบาดแพร่เชื้อโควิดด้วย 
 
“ใครทำการ์ดตกและมีความไร้ประสิทธิภาพ นายกฯ แก้ปัญหามีแต่ล้มเหลว แต่ต้องการได้อำนาจ กลับไม่เอาอำนาจมาช่วยเหลือประชาชน การใช้อำนาจมา 7 ปีเป็นไปตามอารมณ์บ้าบอของคน ๆ หนึ่ง ส่วนการแก้ปัญหาไม่ได้เรื่องสักเรื่องเลย” 
 
นายจตุพร กล่าวว่า ระบอบประยุทธ์ พาให้ประเทศพังทุกมิติ เพราะความเป็นอภิสิทธิชนที่อยู่สูงกว่า 3 อำนาจเสียอีก ดังนั้นการเสพติดทางอำนาจ ถ้านำมาแก้ปัญหาชาติจะเกิดความรู้สึกที่ดีของประชาชน อีกอย่างวันนี้มีแต่พวกสอพลอ และพวกปฏิบัติการไอโอ ที่ได้รับประโยชน์จากระบอบประยุทธ์ ส่วนคนไทยทั้งชาติเสียประโยชน์ 
 
รวมทั้งกล่าวว่า เมื่อความหิวเข้ามาถึงคนในเมืองแล้ว อะไรที่เป็นภาระของประชาชน รัฐต้องมาเป็นเจ้าภาพ โดยวางเรื่องการก่อสร้างวัตถุทุกอย่างไว้ เพื่อระดมมาช่วยประชาชนให้รอด ดังนั้น เมื่อวันนี้คนกำลังไม่มีกิน เราต้องช่วยคน ไม่เอาการสร้างวัตถุมาเป็นตัวเลือก 
 
นายจตุพร กล่าวว่า อำนาจที่อยู่ในมือประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย การทำงานเกิดความผิดพลาดบ่อยครั้ง หากจะโทษความล้มเหลวทั้งหมดจึงมาจากนายกฯ ซึ่งทำให้คนไม่เชื่อมั่น และสะท้อนออกมาด้วยการไม่กล้าฉีดวัคซีน กระทั่งประเทศก้าวเดินต่อไปไม่ได้แล้ว 
 
ส่วนเวทีไทยไม่ทนฯ เสาร์-อาทิตย์นี้ (15-16 พ.ค.) จะมีตัวแทนทุกภาคส่วนมาร่วม เพื่อมาพูดว่า อะไรคือวิกฤตของชาติ ซึ่งต้องยอมรับว่า ขณะนี้ประเทศเข้าสู่ภาวะหายนะ และต้องการกอบกู้ให้มีสภาพกลับมาดังเดิม โดยขอให้วางประโยชน์ตัวเองลง แล้วมาร่วมแรงเอาชาติมาก่อน จึงจะรักษาชาติเอาไว้ได้ และหวังว่า ความร่วมมือทุกภาคส่วนทำให้ไม่เดียวดาย เพราะสิ่งทำไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องชาติบ้านเมืองและประชาชน 

‘แรมโบ้’ จวกยับ ‘เพนกวินและแม่’ พอศาลให้ประกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง ออกมาชู 3 นิ้วสวมเสื้อยกเลิก ม.112 และปฏิรูปสถาบัน จวกที่แถลงต่อศาลโกหกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวสถาบัน ชี้ คนแบบนี้หนักแผ่นดิน สันดานไม่เคยเปลี่ยน

วันที่ 12 พ.ค. พ.ศ.2564 ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึงกรณี นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน ผู้ต้องขังคดีม.112 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล ทั้งจะไม่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย ไม่หนีออกนอกประเทศ และจะมารายงานตัวทุกครั้งนั้นว่า ทีแรกก็มองเจตนาดีว่า นายเพนกวิน จะกลับตัวกลับใจ หลังจากติดคุกติดตะรางมา 91 วันก็คงจะสำนึกผิดที่ได้ก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงอันมิบังควร

“แต่พอตนเห็นข่าวและภาพนายเพนกวินชูสามนิ้วกับแม่ และสวมเสื้อยกเลิก ม.112 และมีข้อความปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เท่านั้นแหละตนและประชาชนส่วนใหญ่ที่ปกป้องสถาบันฯ จึงมีความรู้สึกตรงกันว่า ทำไมนายเพนกวิน จึงยังไม่มีจิตสำนึก ที่ศาลท่านเมตตาปล่อยออกมา ราชทัณฑ์เขาก็ไม่อยากขังเพราะกลัวจะไปตายคาเรือนจำเพราะไปอดข้าวประท้วง แต่นายเพนกวิน ออกมาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็แสดงสันดานแบบเดิมคือ ก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่ได้ยืนยันต่อศาลแล้ว แบบนี้เป็นการโกหกหลอกลวงศาลและต้มคนทั้งประเทศกันชัด ๆ”

ดร.เสกสกล กล่าวต่อว่า อยากให้หน่วยงานความมั่นคงจับตาให้ดี ๆ เพราะคนเหล่านี้คงจะมีท่อน้ำเลี้ยง เพราะเงินทองไม่ขาดมือ พอออกมากันหมดจะมาก่อการใหญ่สร้างความรุนแรงขึ้นมาอีก เพราะมี ‘นายทุน’ ใหญ่เป็นแบล็คคอยหนุนหลังเพื่อต้องการที่จะล้มล้างสถาบัน จาบจ้วงก้าวล่วงอยู่ตลอดเวลา

“ตนคิดว่าคนพวกนี้หนักแผ่นดิน อยู่ไปก็ทำลายความสุขและบรรยากาศที่ดีของประเทศไทย ทำไมไม่ย้ายประเทศไปให้หมด ๆ เสียที บ้านเมืองจะได้สูงขึ้น นี่ขนาดนายเพนกวินยังโกหกใครต่อใครอีก มิหนำซ้ำคนเป็นแม่ ยังพลอยส่งเสริมลูก ทำไมไม่เคยคิดห้ามปรามลูกบ้าง แล้วตอนที่ขอกับศาลว่าอย่างไร วันนี้ทำไมลืมหมดแล้ว คงอีกไม่นานถ้าถูกถอนประกันอีกอย่ามาโทษว่ากฎหมายหรือกระบวนการศาลไม่เป็นธรรมก็แล้วกัน” ดร.เสกสกล กล่าว

รมว.พม. - ประธานรัฐสภา ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร มอบหน้ากากอนามัยให้กลุ่มเปราะบาง พร้อมให้กำลังใจเครือข่าย พม. สู้ภัยโควิด-19

วันนี้ 11 พฤษภาคม 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ ที่ขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ และส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง กระทรวง พม. จึงมีความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั้ง เด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม.

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ตนและนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เดินทางมาลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 10,000 ชิ้น จากมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม ให้กับศูนย์พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสมุทรสาคร นำไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งประชาชนในพื้นที่สำหรับป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายจุติ กล่าวด้วยว่า ได้หารือร่วมกับทีม One Home พม.สมุทรสาคร และประธานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสมุทรสาคร โดยได้ให้แนวทางในการขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ อาทิ โครงการบ้านเช่าราคาถูก โดยให้สำนักงานการเคหะแห่งชาติในพื้นที่ สำรวจความต้องการเช่าบ้านที่แท้จริง  ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการสร้างบ้านเพื่อขายเป็นการสร้างบ้านเพื่อเช่า เนื่องจากประชาชนผู้มีรายได้น้อยไม่มีเงินก้อนสำหรับดาวน์บ้าน แต่เมื่ออาศัยอยู่ระยะยาวสามารถเปลี่ยนค่าเช่าเป็นเงินดาวน์บ้านได้ โดยมีค่าเช่าถูกกว่าราคาตลาดอย่างมาก ทำให้สามารถเช่าอยู่ได้ เป็นการแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยในระยะยาว 

นายจุติ กล่าวต่อว่า เรื่องการลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะเด็กเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในระยะยาว โดยจะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้โครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน อีกทั้งทำงานร่วมกับผู้นำและนักการเมืองในพื้นที่ด้วย และเรื่องการช่วยเหลือประชาชนจำนวนมากที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติจากพายุ ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสาคร (พมจ.สมุทรสาคร) ทำเรื่องเสนอของบประมาณสำหรับการซ่องแซมที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่อีกด้วย


 

‘ไทยคู่ฟ้า’ ยืนยัน ไม่มีการชาร์จค่าหัวคิววัคซีนเอกชน เผย ยังไม่ได้คุยราคาต้นทุนนำเข้าอย่างชัดเจน 

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจไทยคู่ฟ้า โพสต์ข้อความระบุว่า ยืนยัน! ไม่มีการชาร์จค่าหัวคิววัคซีนเอกชน

สืบเนื่องที่มีการแชร์ข่าวการจัดซื้อวัคซีนให้ภาคเอกชนขององค์การเภสัชกรรม ว่าทางเอกชนจะต้องเสียภาษีถึง 2 ครั้ง และจะถูกชาร์จค่าบริหารจัดการ 5-10% ขอยืนยันนะครับว่าข้อมูลดังกล่าว “ไม่เป็นความจริง” เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงตัวเลขราคาและต้นทุนต่าง ๆ ระหว่างองค์การเภสัชฯ กับ รพ.เอกชน แต่อย่างใด

ขณะนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมความต้องการวัคซีนจาก รพ.เอกชนต่าง ๆ เพื่อส่งคำสั่งซื้อไปยังบริษัทนำเข้าที่ได้รับอนุญาต และแน่นอนว่าในการจัดซื้อวัคซีนจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ ทั้งค่าจัดเก็บ ค่าจัดส่ง ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ 3-5% และมีภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% 

องค์การเภสัชฯ เป็นเพียงหน่วยงานอำนวยความสะดวกในการซื้อวัคซีน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของผู้ผลิตวัคซีนทั่วโลก เนื่องจากวัคซีนโควิดทุกชนิดที่ผลิตได้ขณะนี้ จะใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น

ดังนั้น การกำหนดราคาขายวัคซีนให้กับ รพ.เอกชน จะต้องเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เหมาะสม ไม่มีการบวกราคาเพิ่ม เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน

"ชวน" เผยรัฐบาลส่งร่างพ.ร.บ.งบ 65 มาสภาฯ 17 พ.ค. เตรียมบรรจุวาระ ถกนัดแรก 31 พ.ค.-2 มิ.ย. ชี้หากช้ากว่านี้หวั่นกระทบควมเชื่อมั่นรัฐบาล-เศรษฐกิจ  ยันส.ส.และจนท. ที่เข้าประชุม ต้องฉีดวัคซีน หากไม่ฉีดต้องมีหนังสือรับรองปลอดเชื้อโควิดทุกครั้ง 

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการนัดตัวแทนรัฐบาล คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา หารือในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ว่า จะเป็นการหารือเพื่อหาความร่วมมือในการประชุม ให้สามารถเดินหน้าไปได้ด้วยดี ในขณะที่ยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสภาฯ ต้องเป็นตัวอย่าง ในการทำงานในขณะที่มีวิกฤตไม่ใช่หนีปัญหา 

นายชวน กล่าวต่อว่า โดยวางกรอบในเบื้องต้นว่าหลังเปิดสมัยประชุมวันที่ 22 พ.ค.แล้วจะนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27 พ.ค. เพื่อพิจารณาพระราชกำหนด 2 ฉบับ และได้รับการประสานจากทางรัฐบาลมาแล้วว่าจะส่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 มาที่สภาฯ ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ จึงจะบรรจุระเบียบวาระการพิจารณา ร่างพ.รบ. งบประมาณฯ วาระแรกในวันที่ 31 พ.ค.- 2 มิ.ย. เพื่อให้เวลากับสมาชิกได้ดูเอกสารในร่างพ.ร.บ. งบประมาณฯ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ส่วนที่ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า อาจจะให้บรรจุระเบียบวาระในวันที่ 9 มิ.ย. นั้น เห็นว่าจะเลยกรอบเวลาไปมาก และเกรงว่าจะมีปัญหากับทางรัฐบาลเอง เพราะงบประมาณเป็นส่วนสำคัญมากในการที่จะทำให้เกิดความมั่นใจในการบริหารบ้านเมือง และมีผลต่อเศรษฐกิจ ดังนั้นงบประมาณควรออกไปตามปฏิทินที่สำนักงบประมาณได้วางเอาไว้ 

นายชวน ยังกล่าวถึงมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สภาฯ ว่า นอกจากขอความร่วมมือส.ส. ฉีดวัคซีนให้ครบทุกคนแล้ว ยังประสานให้ เจ้าหน้าที่ที่จะต้องทำงานในห้องประชุมได้รับวัคซีน และให้นโยบายไปแล้วว่าสำหรับคนที่มีความประสงค์จะไม่ฉีดวัคซีน จะต้องมีหนังสือรับรองมาว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 ภายในเวลาที่กำหนดเอาไว้ในระเบียบ และในการประชุมครั้งต่อไปก็ต้องมีหนังสือรับรองอีก เพื่อเป็นมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดภายใน ซึ่งทุกคนจะต้องมีความรับผิดชอบ ขณะเดียวกันยังคงเน้นมาตรการในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออก ในอาคารรัฐสภา ทั้งนี้ได้ย้ำเจ้าหน้าที่ด้วยว่า ไม่ต้องเกรงใจ แม้จะเป็นส.ส.มาขอร้อง หากใครไม่ผ่านกระบวนการในการคัดกรองเบื้องต้น ต้องไม่อนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่สภาฯ ซึ่งเชื่อว่าจากมาตรการที่วางเอาไว้น่าจะสามารถลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่ง

พร้อมแล้วฉีดเลย! กระทรวงสาธารณสุข สั่งปูพรมฉีดวัคซีนโควิดคนกทม. และพื้นที่ระบาด ไม่ต้องรอดีเดย์ พร้อมแล้วฉีดเลย ด้าน ‘อนุทิน’ ลั่นองค์การเภสัชกรรม ไม่มีค่าหัวคิวซื้อวัคซีนทางเลือก 

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. เวลา 16.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 ว่า เบื้องต้นที่ประชุมจะมีการปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. และพื้นที่มีการระบาด ไม่ต้องรอดีเดย์ พร้อมแล้วฉีดเลย และล่าสุด นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จะสนับสนุนพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่ มีระบบระบายอากาศดี มีที่จอดรถ และการคมนาคมสะดวก ให้เป็นสถานที่ฉีดวัคซีน ตรงนี้ สธ.ก็จะมีการพิจารณา ส่วนการฉีดวัคซีนในพื้นที่อื่นสามารถลงทะเบียนผ่านไลน์และแอพพลิเคชั่น ‘หมอพร้อม’ หรือติดต่อผ่าน อสม. หรือโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลเพื่อจองคิวรับวัคซีนได้ ทั้งนี้ วันที่ 13 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะไปตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนที่อาคารจามจุรี สแควร์ ด้วย

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีมีผู้กล่าวอ้างว่าองค์การเภสัชกรรมหักค่าหัวคิววัคซีนทางเลือก 10% นั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจาก กลไกซื้อขายวัคซีนตามปกติจะต้องมีค่าดำเนินการ ตรวจแล็บ ตรวจคุณภาพวัคซีน ค่าจัดส่ง รวมถึงค่าแวต (vat) เป็นเรื่องปกติ เหมือนกับที่กรมควบคุมโรค สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคจากองค์การเภสัชฯ ก็ต้องจ่ายค่าดำเนินการส่วนนี้ ยืนยันว่าเป็นระเบียบการซื้อขายตามปกติ ไม่มีการคิดค่าหัวคิว และอันที่จริง องค์การเภสัชฯ เพียงเข้ามาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ผลิตวัคซีนกับรพ.เอกชน เท่านั้น เป็นไปตามคำขอที่ภาคเอกชนระบุว่า ไม่สามารถจัดซื้อได้เอง องค์การเภสัชฯ จึงเข้ามาช่วยซื้อ ซึ่งไม่ใช่ภารกิจหลักขององค์การฯ ทั้งนี้ จัดซื้อวัคซีน จะสั่งซื้อตามจำนวน ตามความต้องการของเอกชนทั้งหมด
.
วันเดียวกันนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงการลงทะเบียนฉีดวัคซีนว่า ขอเวลา 2 สัปดาห์ ให้ร่วมกันช่วยลงทะเบียนหมอพร้อมให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเพื่อเข้าถึงการรับวัคซีน โควิด-19 ใช้ในการป้องกันโรคเนื่องจากขณะนี้พบว่า ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการลงทะเบียนเพื่อคนสูงอายุอาจไม่ถนัดเทคโนโลยี หรือพาไปลงทะเบียนผ่าน รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.ชุมชนที่เป็นเจ้าของไข้

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วย รมต.สาธารณสุข ประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 กล่าวว่า วัคซีนคือเครื่องมือสำคัญที่ลดการสูญเสียและการนอน รพ. วัคซีนแอสตราฯ ซึ่งเป็นวัคซีนหลักนั้นข้อมูลการศึกษาพบว่า ป้องกันการป่วยได้ถึง 76% ในเข็มแรก ลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้ถึง 80% และลดการแพร่เชื้อในครอบครัวได้ 50% จึงต้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด รวมถึงวัคซีนของซิโนแวคด้วย แม้จะมีผลข้างเคียงบ้าง แต่น้อยกว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดวัคซีน คือการป่วยหนัก ลดการเสียชีวิตลดการแพร่โรค จะช่วยให้เรากลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ และทำให้ประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/politics/842789

ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณี 'วราวิทย์ ฉิมมณี' ผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้น้อมรับความผิดพลาดในการรายงานข่าวว่า...

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณี 'วราวิทย์ ฉิมมณี' ผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้น้อมรับความผิดพลาด รายงานข่าวประสิทธิภาพวัคซีนกับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ แจงแปลผิด 'การติดเชื้อแบบมีอาการ' กลายเป็น 'ป้องกันการป่วยหนัก' แถมยอมรับนำตัวเลขที่ใช้จริง กับตัวเลขอนุมานปนกันในตาราง ประกาศขอพักหน้าจอ 2 สัปดาห์ แสดงความรับผิดชอบว่า...

คุณวราวิทย์ออกมาขอโทษข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งรับผิดชอบตัวเองด้วยการพักงานหน้าจอ 14 วัน

ผมก็ขอชื่นชม ที่คุณวราวิทย์มีความกล้าหาญทางจริยธรรมในการยอมขอโทษและยอมรับความผิด และผมขอรับคำขอโทษนั้น เพราะผมก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ ที่ต้องออกมาแก้ไขข้อมูลเช่นกัน (ซึ่งก็ใช้เวลาค้นหาข้อเท็จจริงและเขียนอยู่หลายชั่วโมงเหมือนกัน) และขอให้กำลังใจคุณวราวิทย์ในการทำหน้าที่ต่อไปนะครับ

อย่างไรก็ตาม ผมขอแสดงความคิดเห็น 2 ข้อดังนี้ครับ...

1.) คุณวราวิทย์ ชี้แจงแค่คำที่แปลผิด (จากป้องกันป่วยหนัก เป็น ป้องกันติดเชื้อมีอาการ) แต่ยังไม่ได้ชี้แจงข้อมูลที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ตัวเลขของการป้องกันการป่วยหนัก ซึ่งสำหรับแอสตราเซเนกา คือ 100% เพราะไม่มีผู้ป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ หลังฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเลย ดังนั้นหากคุณวราวิทย์ มีเจตนาที่จะรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยเข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุดจริง ก็ต้องพูดเรื่องนี้ และเน้นความสำคัญตรงนี้ด้วย

2.) การขออภัยครั้งนี้ ก็ยังเหมือนครั้งก่อน ๆ ก็คือไม่ได้บอกว่า แล้วต่อไปจะมีมาตรการอย่างไรในการป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก ซึ่งก็คงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกจริง ๆ (เพราะไม่มีมาตรการ) ข่าวนี้คุณวราวิทย์หามาเอง รายงานเองใช่ไหม แล้วมีรีไรเตอร์ มีบก. หรือมีใครช่วยตรวจสอบ ทักท้วง ผ่านตาดูให้อีกรอบหรือหลายรอบไหม หรือว่าหามาแล้วก็ออกได้เลย

ระบบการทำข่าวของไทยพีบีเอสคืออะไร ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ หรือว่าจริง ๆ แล้วไม่มีใครกรองเนื้อหา ผู้ประกาศคนไหนเขียนอะไรได้ก็ออกเลย? แล้วแบบนี้ประชาชนจะมั่นใจกับคุณภาพของเนื้อหาได้อย่างไรว่าถูกต้อง? อันนี้ไม่ใช่แค่คุณวราวิทย์ที่จะต้องชี้แจง แต่หัวหน้าฝ่ายข่าว บรรณาธิการข่าว ควรจะต้องชี้แจงด้วย เพราะถึงแม้สกู๊ปนี้คุณวราวิทย์จะทำคนเดียว บรรณาธิการข่าว ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ว่าให้ทำคนเดียวได้อย่างไรโดยไม่มีการตรวจสอบ ไม่สามารถ "ลอยตัว" เหนือปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ได้

อันที่จริง คุณวราวิทย์ไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติงานก็ได้ แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่า คือผลจากเรื่องนี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง "ระบบ" ในการทำข่าวของไทยพีบีเอสได้อย่างไรบ้างมากกว่า ซึ่งอย่างที่บอกว่า ถ้ามันไม่มีระบบที่ดีกว่านี้ ก็ stick to what you do best นั่นคือสารคดี และรายการเด็ก ดีกว่าครับ อาจจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะไทยพีบีเอส เป็นสมบัติของสาธารณะที่ประชาชนมีสิทธิที่จะตั้งคำถามถึงประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับจากไทยพีบีเอส

ปล.ขอใช้โอกาสนี้ ขอบคุณและให้กำลังใจบุคลากรของไทยพีบีเอส ที่ตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างดีนะครับ ผมไม่ได้เป็นปรปักษ์หรือจงใจจะจับผิดไทยพีบีเอส แต่ผมทำอย่างนี้กับทุก ๆ สื่อที่ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม ในฐานะอาจารย์ด้านสื่อสาร บางคนอาจจะไม่พอใจผม ก็คงห้ามไม่ได้ แต่ยิ่งเป็นไทยพีบีเอสผมยิ่งต้องพูด เพราะไทยพีบีเอสยังมีคุณค่าและทำประโยชน์ได้อีกมาก แต่ยังทำไม่ได้เท่าที่มีศักยภาพ... ส่วนเพราะสาเหตุใด ผมว่าคนในองค์กรน่าจะรู้ดีที่สุดครับ

คลิปคุณวราวิทย์ชี้แจง

.

.


ที่มา:

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4571065682909035&id=100000169455098

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000044827

ศ.ดร.กนก ห่วง โควิด-19 ไม่จบ อาจเลื่อนเปิดเทอมอีก แนะ ศธ.วางนโยบายรับสถานการณ์วิกฤต ไม่ใช่บริหารแบบปกติ ตั้ง War Room ติดตามการจัดการเรียนการสอน เน้นปลอดภัยมีประสิทธิภาพ ชี้ ช้าหนึ่งวัน คือความเสียโอกาสของนักเรียน

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงศึกษาธิการประกาศเลื่อนเปิดเทอมไปเป็นวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2564 แล้ว แต่คงไม่มีใครยืนยัน ได้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 จะดีขึ้นหลังวันที่ 1 มิถุนายน ถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่ากระทรวงศึกษาธิการอาจจะต้องเลื่อนเปิดเทอมไปอีกหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครตอบได้ ทั้งความผันผวนของสถานการณ์ และผลกระทบต่อการเรียนการสอน ประเด็นที่สำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการต้องตระหนักคือ กระทรวงต้องบริหารจัดการแบบวิกฤต (Crisis Management) ไม่ใช่บริหารราชการแบบปกติ การบริหารจัดการแบบวิกฤตต้องยึดหลักสำคัญ 3 ประการ คือ

1.) การจัดลำดับความสำคัญ (Priority) กระทรวงต้องแยกงานประจำที่ ต้องทำออกไป และคิดงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดการเรียนการสอน ที่นักเรียนไม่สามารถเข้าชั้นเรียนตามปกติได้ เช่น การเรียนออนไลน์ การเรียนผ่านโทรทัศน์ การเรียนที่บ้าน การให้ครูออกไปสอนนักเรียนในชุมชน เป็นต้น

2.) การโฟกัสในงาน (Focus) กระทรวงจะต้องทุ่มเททรัพยากร และบุคลากรที่มีไปยังโรงเรียน เพื่อให้ครูสามารถจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ได้ ข้าราชการในส่วนกลางต้องตั้งห้องปฏิบัติการ (War Room) เพื่อช่วยโรงเรียนและครูให้สามารถจัดการเรียน การสอนได้อย่างปลอดภัย และกำกับติดตามการปฏิบัติงานของครูทุกวัน

3.) ความเร็ว (Speed) กระทรวงจะต้องยกเว้นกฎระเบียบและงานประจำที่ทำให้ครูปฏิบัติงานไม่ได้ออกไปก่อน

“ความล่าช้า 1 วันของการแก้ปัญหาคือการเสียโอกาสการเรียนรู้ของนักเรียนอีก 1 วัน ผมขอฝากความห่วงใยและความปรารถนาดีไปยังครูทุกคนที่กำลังทำหน้าที่การสอนเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียนในยามวิกฤติเช่นนี้ ขอให้กำลังใจครูและฝากความหวังและอนาคตของนักเรียนไว้กับครู รวมทั้งขอให้ครูทุกคนปลอดภัย” ศ.ดร.กนก กล่าว

คุก​ 2​ ปี​ ตัด​สิทธิ​ 10​ ปี!! 'เทพไท'​ คอตก!! ศาลอุทธรณ์​ ยัน!! จำคุก 2 ปี คดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ. พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

วันนี้ (11 พ.ค.) ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นวันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีอาญา กรณีการทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มี นายพิชัย บุณยเกียรติ ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมาโนช เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาชี้ชะตา

ในเวลานัดหมายฟังคำพิพากษา 09.30 น. ฝ่ายโจทก์ และจำเลยทั้ง 2 ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในห้องพิจารณาบัลลังก์ 7 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้ออกนั่งบัลลังก์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 และได้ถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังบัลลังก์ 7 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่คู่ความรอฟังคำพิพากษา ปรากฏว่าศาลได้พิจารณาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ทำให้ นายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยทั้ง 2 ถูกคุมตัวเข้าห้องควบคุมทันที

นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายโจทก์เปิดเผยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้พิพากษายืน หมายความว่าจำเลยทั้ง 2 จำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้น คดีนี้เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกา จำเลยทั้ง 2 ต้องยื่นขออนุญาตฎีกา โดยการยื่นฎีกานั้นมี 2 ประเด็นที่ต้องเกิดในภายหน้า คือ กรณีถ้าศาลอนุญาตนั้นถือว่าจบ ไปรอฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ถ้าศาลไม่อนุญาต คือต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา คือเข้าไปจำคุก 2 ปี

“แต่วันนี้ปัญหาที่จะเกิดกับจำเลยทั้ง 2 คือการยื่นขอประกันตัวต่อศาลนครศรีธรรมราช ซึ่งศาลนครศรีธรรมราช อาจจะมีคำสั่งให้ศาลฎีกาสั่งก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ติดตามคดีนี้ต้องดูเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอนต่อไป”

สำหรับคดีนี้มีจุดเริ่มต้นจากการทุจริตเลือกตั้ง ด้วยการจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2556 ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดงในปี 2557 หลังจากนั้น กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนเมื่อราว 7 ปีก่อน แต่ภายหลังคดีล่าช้าในกระบวนการชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงชั้นอัยการ นายพิชัย ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงจึงยื่นฟ้องคดีด้วยตัวเอง จนมีกระบวนการพิจารณามาถึงศาลอุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอว่าจะมีการอนุญาตให้ฎีกาคดีหรือไม่


ที่มา: https://mgronline.com/south/detail/9640000045101

“บิ๊กตู่” ยกวัคซีนโควิดเป็นวาระแห่งชาติ ยืนยัน ค่าคัดกรอง-รักษา โควิด-19 ประชาชนไม่ต้องออกค่าใช้จ่าย ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน “วอน” ประชาชนระวังตัวเองมากที่สุด สั่งพื้นที่เร่งให้ข้อมูลประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เสพข้อมูลที่พิสูจน์แล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในวันนี้ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศบค. รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่ได้มีการสั่งการลงไปแล้ว เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

ในส่วนของการควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะคลองเตยตนได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมากและส่งผลกระทบกับชีวิตความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก ตนในฐานะผอ. ศูนย์ศบค. กรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังเข้าป้องกันการแพร่ระบาดลุกลามอย่างเต็มที่ โดยมียุทธวิธีสำคัญในการเอาชนะศึกคือการระดมตรวจเชิงรุกให้ได้มากที่สุดในพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นมา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการตรวจไปแล้วมากกว่า 70,000 ราย ในชุมชนที่มีความเสี่ยง หรือ 7,000 รายต่อวัน และสามารถคัดแยกผู้ติดเชื้อ ไปได้อย่างทันการณ์ ระยะผู้ที่มีความเสี่ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อต่อและจำกัดวงการแพร่ระบาดให้แคบที่สุดและสั้นที่สุด ดังนั้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจจะพบยอดผู้ติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตรวจเชิงรุกแบบปูพรม ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันในช่วงนี้มีขึ้นลงอยู่บ้าง แต่ทางทีมแพทย์เชื่อมั่นว่าวิธีนี้จะทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยไม่ช้า ยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่จะค่อย ๆ ลดลง

โดยล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ เริ่มทรงตัว และ เป็นแนวโน้มที่ดี แต่ยังคงไม่นอนใส่ไม่ได้จะต้องดำเนินการตรวจเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยงให้มากและเร็วที่สุด จะต้องมีการฉีดวัคซีน ระดมฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนให้ได้มากที่สุด ตัดวงจรโดยสะเก็ดไฟ ที่ปะทุอยู่ขณะนี้ โดยขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วในพื้นที่คลองเตยมากถึง 13,000 คน หรือร้อยละ 30 ของเป้าหมายจาก 50,000 คน ส่วนในพื้นที่เขตปทุมวันได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ของเป้าหมาย จาก 14,000 คน โดยสรุปแล้วเฉลี่ยการฉีดวัคซีนในพื้นที่ 2 เขตได้ถึง 2,000 คน โดยผลการดำเนินการจากคลัสเตอร์คลองเตย จะเป็นแนวทางในการจัดการการแพร่ระบาดในพื้นที่อื่น ๆ ของพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลและพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอน sandbox ที่มีความเสี่ยงสูงที่กำลังดำเนินการอยู่

ส่วนการรักษาพยาบาลของผู้ติดเชื้อ ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลค่ารักษาพยาบาลออกค่าใช้จ่ายให้ประชาชนตามสิทธิ์ ตั้งแต่การตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง การรับวัคซีน การชดเชยกรณีได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนและการรักษาพยาบาล ในกรณีโรงพยาบาลเอกชนรัฐอุดหนุนค่าใช้จ่ายไปที่โรงพยาบาลเอกชนเพิ่มร้อยละ 25 ทุกรายการ หากมีประกันส่วนบุคคลให้โรงพยาบาลเรียกเก็บประกันส่วนบุคคลก่อน ที่เหลือให้เรียกเก็บกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสปสช. โดยห้ามโรงพยาบาลเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากประชาชน หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่เกิดความเสียหายต่าง ๆ ไม่ว่าจะบาดเจ็บ เจ็บป่วยต่อเนื่อง เสียอวัยวะพิการ ทุพพลภาพถาวรหรือเสียชีวิต สามารถยื่นขอรับเงินเยียวยาได้จาก สปสช.

นอกจากนี้ยังมีเงินประกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้เสียสละเสี่ยงภัย ทำงานอย่างหนักในขณะนี้ โดยในวันนี้ โอนได้พบกับนายกสมาคมประกันภัย ได้มีการทํากรมธรรม์ประกันภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด กับผู้ติดเชื้อจำนวน 270,000 ราย วงเงินความคุ้มครองมากกว่า 270,000 ล้านบาท ในกรณีเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต รายละ 1 ล้านบาทแล้วแต่กรณี ขอประชาชนอย่าฟังข่าวที่ไม่ได้ออกมาจากทางรัฐบาล แล้วจะเกิดความสับสนอลหม่านไปหมด ยืนยันว่าจะดูแลทั้งหมดทั้งประชาชนเจ้าหน้าที่บุคลากรด้านหน้า

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีขอร้องให้ประชาชนระมัดระวังตัวเองมากที่สุด ขณะนี้ยังไม่พ้นจากการแพร่ระบาดในระลอกนี้ ขอให้ป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งจากข้อพิสูจน์ทราบจะเห็นได้ว่าผู้ติดเชื้อจำนวนมากในระลอกนี้เป็นการติดเชื้อในครอบครัว เพื่อนที่ทำงาน สถานประกอบการต่างๆซึ่งเป็นการยากที่ภาครัฐจะเข้าไปควบคุมดูแลได้ทั้งหมด ดังนั้นหากร่วมมือกันจะชนะศึกครั้งนี้ได้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม เจ้าหน้าที่ทุกคนทั้งหมอพยาบาลเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขอาสาสมัคร ได้เด็ดเหนื่อยกับภารกิจในครั้งนี้ ตนจึงอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยชาติช่วยชุมชนก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ คำนึงถึงผลกระทบ จากการใช้ข่าวสารที่ไม่รู้ที่มา ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องแน่นอนอาจสร้างความวุ่นวาย ให้กับสังคม นอกจากนั้นอาจมีผู้จัดจะนานหรือไม่เจตนาสร้าง ข้อมูลเท็จหรือเฟคนิวส์ ตนขอให้หยุดการกระทำเหล่านี้เพราะเป็นการซ้ำเติมสร้างความเดือดร้อนและความเสี่ยงให้กับตนเองคนรอบข้างและประเทศชาติ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดและดำเนินการตรวจสอบและจะดำเนินการทันทีหากพบการกระทำความผิดตามกฎหมาย จึงขอให้ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจทำเพื่อประเทศชาติและส่วนรวม จะสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันได้

โดยนายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า สิ่งที่ตนและรัฐบาลพยายามวางแผนทุกวันคือจะช่วยเหลือเยียวยาประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะการปิดสถานที่ต่าง ๆ โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมสถานการณ์ในแต่ละจังหวัดได้ ปิดกั้นการลักลอบเข้าประเทศอย่างสูงสุด และประเมินสถานการณ์วันต่อวัน หากจังหวัดใดโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสีแดง ที่มีการปิดสถานที่และข้อจำกัดต่าง ๆ และมีสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้ดีขึ้นแล้ว ให้มีการพิจารณาผ่อนคลายเงื่อนไขต่อไปเพื่อให้ประชาชนได้กลับเข้าสู่การค้าขาย การเดินทางท่องเที่ยวได้เช่นเดิม ยืนยันว่าตนจะพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพื่อรักษาสมดุล ทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจควบคู่กันไป

นอกจากนี้ปัจจัยด้านวัคซีน นายกรัฐมนตรีระบุว่า ที่ผ่านมามีการระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมไปถึงผู้สูงอายุ ซึ่งบางคนอาจอยู่ที่บ้านไม่สามารถเดินทางมาฉีดวัคซีนได้ โดยเร่งรัดทุกอย่าง และได้ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 2 ล้านโดส ตามวัคซีนที่มีอยู่ โดยในแต่ละวันจะระดมฉีดวัคซีนให้ได้หลายหมื่นโดส ส่วนมาตรการการจัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล ได้วัคซีนเพิ่มในเดือนนี้อีก 3.5 ล้านโดส ซึ่งต้องค่อยๆสร้างความเข้าใจ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ซึ่งอาจจะเป็นการทยอยจัดส่งวัคซีน เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นที่ได้ยินดีแล้วว่าน่าจะชัดเจนแล้วว่าวัคซีนจะเข้ามาถึงไทย 3.5 ล้านโดส รวมถึงมีความร่วมมือกับภาคเอกชนที่จะเพิ่มศักยภาพในการฉีดวัคซีน 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีย้ำว่าจะสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนภายในประเทศได้อย่างแน่นอน และจะไม่หยุดในการจัดหาและสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่จะเป็นศูนย์กลางในการผลิตวัคซีน โควิด-19 ของบริษัท Astrazeneca ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งมีมาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลกและจะสร้างความมั่นคงยั่งยืนในการต่อสู้ไวรัสโควิด-19 ในระยะยาว และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจการแข่งขันให้กับประเทศชาติในอนาคต

โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ตนได้เสนอให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ รายได้ดำเนินการอย่างครบวงจรทั้งการจัดหาการกระจาย รวมไปถึงการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทย สิ่งที่ตนกล่าวไปทั้งหมดจะเป็นจริงไม่ได้ หากประชาชนในประเทศไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน โควิด-19 ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยนั้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ตนขอ รับรองว่าวัคซีนทุกชนิดที่นำเข้ามายังประเทศไทยได้รับรองคุณภาพประสิทธิภาพความปลอดภัย และได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และขณะนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก มีการฉีดวัคซีนไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมถึงผู้นำประเทศทั่วโลก ตามที่มีภาพข่าว 

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ยืนยันว่า วัคซีนโควิดทุกชนิดสามารถป้องกันการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ และป้องกันการติดเชื้อและเสียชีวิตได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนโอกาสผลข้างเคียงนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก หากเปรียบเทียบกันแล้วกับโอกาสในการติดโควิด และรายการเสียชีวิตจากโควิดนั้นสูงกว่าการเสียชีวิตหลายเท่า การฉีดแต่ละครั้งจะต้องมีแพทย์เป็นผู้ประเมินความเหมาะสม คอยเฝ้าดูอาการหลังการฉีด ตนและคณะรัฐมนตรี รัฐบาล ฝ่ายค้านต่างก็มีผู้ฉีดวัคซีนโควิดไปแล้วแต่ยังไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ

โดยล่าสุดมีการลงทะเบียนยืนยันนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่านระบบหมอพร้อมและช่องทางต่าง ๆ สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 1.6 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ 5 แสนคน และลำปาง 2 แสนคน ซึ่งถือมีความตื่นตัวในพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ตนขอชื่นชมจังหวัดลำปาง โดยขอให้ทุกจังหวัด ได้เร่งดำเนินการให้ผู้มาขอวัคซีนให้ได้มากที่สุดผ่านกลไกในพื้นที่ ตนในฐานะรัฐบาลก็จะพิจารณาจัดสรรวัคซีนลงไปในพื้นที่ให้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top