Wednesday, 18 June 2025
POLITICS NEWS

ก้าวไกล ซัด 'ดีอี' ดีแต่ฟ้องคนปล่อยเฟกนิวส์

นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวถึงนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่กำลังไล่ฟ้องประชาชนอย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งเป็นงานรักงานหลักที่รอคอยมานาน ท่านเร่งดำเนินคดีกับประชาชน รวมถึงไปถึงสื่อมวลชน ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของท่านคือ การให้ความรู้ความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีการดำเนินคดีกับประชาชนหลายราย เช่น ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่วัดสังฆทาน จำนวน 300 ราย ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00-04.00 น. พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด” ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่มวันที่ 23 เม.ย.64 นี้” เป็นต้น

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ซึ่งหากย้อนดูดี ๆ หน่วยงานรัฐก็เคยแจ้งข้อมูลที่คาดเคลื่อนเช่นกัน

อย่างกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกว่า “วอล์คอินฉีดซีนได้ โดยจนท.จะฉีดให้สำหรับผู้มีรายชื่อเท่านั้น”

16 พ.ค. ผู้ว่ากทม. บอกว่า “วัคซีนไม่พอ วอล์คอินไม่ได้ ต้องรอเดือนมิถุนายน”

18 พ.ค. ตอนเช้า อนุทินบอก “วอล์คอินได้ถ้าวัคซีนพอ ตกบ่าย นายกฯบอก “ให้ระงับการฉีดวัคซีน”

นี่คือตัวอย่างการให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อนของรัฐ ซึ่งก็คล้ายกับประชาชนหลายรายที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ถ้าหากจะฟ้องประชาชนที่โพสต์ข้อความให้เกิดความสับสน ก็เห็นควรว่าจะต้องฟ้องหน่วยงานรัฐด้วย เพราะเจ้าหน้ารัฐก็ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเช่นกัน อยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกันด้วย

นอกจากนี้ นางสาวสุทธวรรณ ยังตั้งคำถามต่อนายชัยวุฒิว่า มีความสามารถพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องราวของเทคโนโลยีบ้างไหม มีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ อยากให้แสดงเป็นที่ประจักษ์บ้าง ดูอย่างประเทศอื่น เช่น ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน เขาเน้นส่งเสริมให้คนใช้เสรีภาพบนโลกออนไลน์ ช่วยกันพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคม มีการร่วมมือกับกลุ่มนักพัฒนาซอฟท์แวร์และระบบไอทีเพื่อสังคม พัฒนาแอปพลิเคชันบอกพิกัดร้านที่มีสต็อกหน้ากากอนามัยพร้อมแจกจ่าย แสดงความโปร่งใสและเป็นธรรมของรัฐในการกระจายอุปกรณ์ป้องกันโรค

นาวสาวสุทธวรรณ กล่าวต่ออีกว่า "อยากจะเรียนถามกับรัฐมนตรีกระทรวงดีอีว่า ภารกิจหลักที่ท่านตั้งใจเข้ามาทำคืออะไรกันแน่ ในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ ท่านทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง เห็นมีแต่การขู่ฟ้องประชาชนและสื่อมวลชนเป็นหลัก ไล่ฟ้องแบบมอญซ่อนผ้าโยนนู่นยัดคดีนี่เพื่อเอาใจนายไปวัน ๆ เท่านั้นหรือ ทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนไปถึงมาตรา112 ท่านทำได้เท่านี้จริง ๆ หรือ?

"หากท่านและทีมงานมีเวลาว่างมากพอ โปรดช่วยกันระดมสมองมาปรับปรุงแอปพลิเคชันหมอพร้อมหรือพัฒนาแอปฯ ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายจะดีกว่า" นางสาวสุทธวรรณ กล่าวทิ้งท้าย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'ธัญวัจน์’ ตั้งคำถาม เงินกู้ 7 แสนลบ. จะเยียวยาถึงคนกลางคืนหรือไม่?

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสูงเป็นรายวัน แม้ที่ผ่านมาจะมีการควบคุมมาตรการต่าง ๆ ในสถานประกอบการ แต่จากต้นเดือนเมษายนจนปลายพฤษภาคมการแพร่ระบาดขณะนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลในสถานประกอบการที่ยังต้องมีการรักษาระยะห่าง และจำกัดจำนวนลูกค้าในการเข้าใช้บริการ ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่ากิจการธุรกิจกลางคืน ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะไม่ว่าระลอกไหน ก็ถูกปิดก่อนและเปิดหลังเสมอ

แต่ในขณะเดียวกันประชาชนเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือกับมาตรการต่าง ๆ อย่างเต็มที่

ตนจึงอยากเรียกร้องอยากให้รัฐบาลได้เข้าใจธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน ที่มี นักร้อง นักดนตรี นักเต้น นางโชว์ ที่พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยไม่มีมีเงินเก็บและต้องเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างกับอาชีพอื่น ๆ

หวังว่า พ.ร.ก. เงินกู้ 7 แสนล้านครั้งนี้คงไม่ลืมกลุ่มคนเหล่านี้ ที่เขาไม่ได้อยู่ในระบบการจ้างงานทั่วไป รับเงินเป็นรายวัน รายสัปดาห์ และที่สำคัญกระทบยาวนานที่สุดกว่างานประเภทอื่น การเยียวยาเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ ซึ่งรัฐต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการกระทบเป็นสำคัญ เพราะคนเราต้องกินต้องใช้ทุกวัน รวมถึงข้อเสนอในการสร้างงานชุมชน เพราะ “งาน” ในขณะนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด รัฐควรมองการสร้างงานในชุมชนเพราะนี่คือหนึ่งวิธีสำคัญที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและผ่านวิกฤติไปได้ ด้วยแนวคิด Healthy Ecosystem Vital Economy Social Well - Being ระบบนิเวศที่ดีต่อสุขภาพเศรษฐกิจที่สำคัญต่อความผาสุกทางสังคม ซึ่งแน่นอนแนวคิดดังกล่าวคือการสร้างงานในชุมชน ที่อาจเกี่ยวข้องกับ ผู้คน สังคม และวัฒนธรรม เป็นสำคัญในขณะนี้

ด้วยเหตุผลสำคัญคือ มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพและไม่สามารถตีค่าวัดเป็นเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นทุนทางปัญญา ทุนทางเครือข่ายสังคม หรือแม้แต่อารมณ์ก็เป็นทุน หากรัฐมองประชาชนเป็น “ทุนมนุษย์” ก็จะสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชนและเศรษฐกิจได้ ขณะนี้ประชาชนต้องการงาน การจ่ายเงินให้กับคน ต้องคิดว่าคือการลงทุนไม่เช่นนั้นประเทศไทยก้าวไม่พ้นวิกฤติแน่นอน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“กอ.รมน.ภาค 4 สน.” แจง ปืน 28 กระบอก ไม่ได้หายล็อตเดียว เป็นการทยอยหายในห้วงหลายปีผ่านมา วอน ปชช. อย่าตกใจ หลังผู้ไม่หวังดีเชื่อมโยงเตรียมก่อความไม่สงบ ทำให้ตื่นกลัว

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวถึงกรณี อาวุธปืน AK102 จำนวน 28 กระบอก ของกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อำเภอเมืองนราธิวาสที่ 2 หาย ไปเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 64 ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า นายอำเภอจังหวัดนราธิวาส ได้ตรวจสอบสถานภาพของอาวุธปืนเมื่อ พ.ย. 63 ที่ผ่านมา และพบว่าหายไป 1 กระบอก จึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมอาวุธปืนที่สูญหายทั้งหมดในห้วงที่ผ่านมาว่าหายจากสาเหตุอะไรบ้าง

โดยล่าสุด คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ดำเนินการแล้วเสร็จและตรวจพบว่ามีอาวุธปืน หายไปในห้วงที่ผ่านมา จำนวน 28 กระบอก ซึ่งบางส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อความไม่สงบ บางส่วนก็ไม่ใช่ แค่เป็นการทยอยหายในหลาย ๆ ปี และมาสรุปยอดรวม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และมีเพจหนึ่งนำไปเสนอข่าว แต่ลงรายละเอียดไม่ครบถ้วน 

"ปืนทั้ง 28 กระบอกไม่ใช่เพิ่งหายและไม่ได้หายไปในล็อตเดียวกัน แต่เป็นการทยอยหาย หรือ อาวุธปืนหายสะสมในภาพรวมในห้วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่ง นายอำเภอ จ.นราธิวาส ได้สำรวจสถานภาพของอาวุธปืนใหม่ว่า มีอยู่จำนวนเท่าไร หายไปอีกกี่กระบอก" โฆษกกอ.รมน.ภาค4 สน. กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรตื่นตนกกับข่าวที่เกิดขึ้นหรือไม่ พ.อ.วัชรกร กล่าวว่า ขณะนี้มีบางเพจนำเสนอข่าวเพื่อสร้างความตื่นตระหนก แต่ความจริงแล้วลงรายละเอียดไม่ครบถ้วน เพราะตามข้อเท็จจริงเป็นเพียงการตรวจสอบสถานภาพของคลังอาวุธปืนที่หายในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะหายในหลาย ๆ สาเหตุ ไม่อยากให้ตื่นตนกกันไป 

เมื่อถามว่า ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวโยงกับการเตรียมก่อเหตุ หรือการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ใช่หรือไม่ พ.อ.วัชรกร กล่าวว่า มีความพยายามเชื่อมโยง ตามที่มีการนำเสนอข่าวนี้ออกไปให้เป็นประเด็น เพื่อหวังสร้างความตื่นกลัว

“ไทยไม่ทน” บุกทำเนียบ จี้ “ประยุทธ์” ลาออก ยก “พล.อ.เปรม” จี้ใจบิ๊กตู่ บอกคนเราต้องรู้จักพอในอำนาจ ขณะ “แรมโบ้” เบี้ยวรับหนังสือ ก่อน “จตุพร” ตอกกลับขอให้รัก “ประยุทธ์” นาน ๆ เหมือนรัก “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) กลุ่มสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย (กลุ่มไทยไม่ทน) นำโดย นาย จตุพรพรหมพันธุ์, นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์, นายวีระ สมความคิด, นายเมธา มาสขาว, นายไทกร พลสุวรรณ, นางพะเยาว์ อัคฮาด, ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี และนายนันทพงษ์ ปานมาศ เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แบะรมว.กลาโหม ขอให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการบริหารงานมา 7 ปี ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้เลย ทั้งเรื่องการปฏิรูปประเทศที่ล้มเหลว เป็นเพียงการต้มกลุ่ม กปปส. เพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ไม่เข้ากับยุคสมัย การสร้างความปรองดองที่ไม่ได้ผล เพราะปัจจุบันความขัดแย้งทางการเมืองยังมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นก็มีพัฒนาการที่เสื่อมถอย มีปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำมาตลอด 7 ปี รัฐบาลใช้งบประมาณแผ่นดิน 20.8 ล้านล้านบาท แต่ตัวเลขคนจนยังพุ่งสูงขึ้น 100%

นอกจากนี้การละเมิดสถาบันยังเป็นปัญหาที่แบ่งแยกประชาชน โดยเฉพาะบุคคลในอำนาจรัฐและเครือข่ายกลับแอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง นอกจากนายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้กลับทำให้แย่ไปกว่าเดิม เนื่องจากหลักคิดยังติดกับลักษณะรัฐราชการเพียงลำพัง ขณะที่รัฐธรรมนูญถูกมองว่า ร่างขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจ ระบบเลือกตั้งทำให้เกิด ความสับสน องค์กรอิสระถูกแทรกแซง ระบบยุติธรรมถูกทำลาย การแก้ปัญหา โควิด-19 ก็ล้มเหลว การฟื้นฟูเยียวยาประเทศเวลานี้จำเป็นที่จะต้องระดมพลังแผ่นดินทุกภาคส่วน ทั้งราชการ เอกชน พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน นักวิชาการทุกวงการ โดยที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดโอกาสให้มีคนใหม่เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาบูรณาการพลังแห่งแผ่นดินทุกภาคส่วนพาประเทศให้พ้นวิกฤต

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าอยู่เพื่อปกป้องสถาบัน แต่ความจริงแล้วไม่เคยออกมาปกป้อง ยกตัวอย่างได้จากการเกิดข่าวลือต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังนิ่งเฉยปล่อยประละเลยไม่ออกมาชี้แจง และยังใช้มาตรา 112 มุ่งทำลายบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง ทั้งที่มาตรา 112 ไม่สามารถที่จะใช้แบล็กเมล์หรือปกป้องรัฐบาลได้ พล.อ.ประยุทธ์อ้างอีกว่าวันนี้อยู่เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 มีการประกาศยึดอำนาจจากคณะรัฐมนตรีถึง 3 ครั้งเพื่อรวมอำนาจไว้ที่นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้ และยังไม่ยอมรับผิดชอบ ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ โควิดก็คงยังอยู่ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอ้างว่าอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นแต่ความจริงแล้ว การทุจริตไม่ได้หมดไปและยังคงเกิดขึ้น อย่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท ก็เป็นจุดหนึ่งที่เสี่ยงจะเกิดการทุจริตได้

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ทุกสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเป็นวาระแห่งชาติไม่เคยสำเร็จ แต่ก็ไม่เคยคิดจะออกจากตำแหน่ง แล้ววันนี้ไม่ต้องกังวลว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ออกแล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน ให้คิดเสียว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นได้ ใครก็เป็นได้

ทั้งนี้ นายจตุพร ยังยก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้มาเป็นตัวอย่างให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.อ.เปรมเป็นบุคคลที่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ทั้งหมด แต่พล.อ.เปรมรู้จักพอ หลังจากดำรงตำแหน่งมา 8 ปี ก็ปฏิเสธการเข้ารับตำแหน่งจากการเสนอชื่อของนักการเมือง ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่ต้องรู้จักพอ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่านายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีกำหนดการจะมาเป็นผู้รับหนังสือเอง แต่ไม่ออกมารับหนังสือเองแต่กลับส่งตัวแทนมารับ ทำให้นายจตุพร กล่าวถึงนายเสกสกลสั้น ๆ ว่า ขอให้รัก พล.อ.ประยุทธ์นานๆเหมือนกับที่รักนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ

 

“ชวน” แจงแคมป์คนงานก่อสร้างรัฐสภาติดโควิด ไม่เกี่ยวภายในอาคาร ยันไม่มี จนท.ติดเชื้อ มั่นใจการระบาดยังอยู่ในวงจำกัด ย้ำจำเป็นต้องเดินหน้าเปิดประชุมสภา ถก พ.ร.ก.2 ฉบับ-ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ชี้แจงผ่านรายการมองรัฐสภา ทางสถานีโทรทัศน์รัฐสภา โดยย้ำถึงความจำเป็นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นไปตามข้อบังคับ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องมีสมัยการประชุมสามัญปีละ 2 ครั้ง ไม่ใช่การเปิดประชุมตามอำเภอใจ โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่จะต้องพิจารณา พ.ร.ก. 2 ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้บังคับใช้ไปแล้ว ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้สภาฯ จะต้องพิจารณาเมื่อมีการเปิดประชุมทันที รวมถึงจะต้องพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 ที่สภาฯ จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน นับวันที่สภาฯได้รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯจากครม. เมื่อ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา 

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมสภาฯแบบออนไลน์เต็มสภานั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้ จึงจะต้องมาประชุมที่รัฐสภาตามที่ข้อบังคับกำหนด ยืนยันว่า การประชุมสภาฯ จะระมัดระวัง ไม่ให้เกิดแหล่งระบาดการติดเชื้อใหม่ภายในรัฐสภา โดยจะดำเนินการมาตรการสาธารณสุขต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด โดยจะลดความแออัดภายในสภา เช่น ลดจำนวนข้าราชการที่ยังคงให้ปฏิบัติราชการที่บ้าน ร้อยละ 70 ส่วน จัดอาหารกล่องบริการแก่ ส.ส. ลดการนั่งรวมตัวกัน และส.ส.จะต้องลดจำนวนผู้ติดตามให้เหลือเพียงผู้ติดตาม 1 คน และผู้ขับรถ 1 คน โดยภายในห้องประชุม เมื่อครบองค์ประชุมจนสามารภเปิดการประชุมได้แล้ว ขอให้ ส.ส.รับฟังการประชุมผ่านโทรทัศน์วงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ในรัฐสภา และจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรัฐสภา ทั้งนี้จะทบทวนมาตรการการอภิปรายแบบถอดหน้ากากอนามัยอีกครั้ง หลังการประชุมวันที่ 27-28 พ.ค.นี้ และในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ในวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.นี้ สภาฯ ได้กำชับไปยังกระทรวงต่าง ๆ เพื่อกำหนดจำนวนข้าราชการที่จะมาสนับสนุนข้อมูลงบประมาณของกระทรวงให้แก่รัฐมนตรีประจำกระทรวงด้วย 

ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภานั้น นายชวนกล่าวว่า ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการประชุมร่วมรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. จะมีสมาชิกรวมกันถึง 750 คนจะทำให้ภายในห้องประชุมแออัด จึงมีข้อเสนอว่า กฎหมายที่ต้องประชุมร่วมกันของรัฐสภา ทั้งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ,ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงมติ จะต้องกลับไปทบทวนว่า จะดำเนินการอย่างไรได้ ส่วนกรณีกฎหมายที่มีความจำเป็น และถูกบังคับด้วยเรื่องกรอบเวลา ก็จะประชุมเฉพาะผู้เกี่ยวข้องที่ต้องอภิปรายเท่านั้น

นายชวนกล่าวถึงกรณีที่บุคลากรในวงงานรัฐสภา ที่จะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ภายในห้องประชุมสภาฯว่า ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ผ่านการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังคงจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลา และส.ส.กว่า 50% ก็ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นเดียวกัน แต่หากประมาทไปมั่วสุมตามบ่อน หรือสถานบันเทิง ก็จะมีความเสี่ยง ดังนั้นยังคงจะต้องผ่านมาตรการคัดกรอง การตรวจอุณหภูมิ ตั้งแต่เข้ามาภายในรัฐสภา 

ส่วนกรณีที่แคมป์คนงานก่อสร้างในจังหวัดนนทบุรี ที่มาทำงานก่อสร้างอาคารรัฐสภา นายชวน กล่าวว่า  มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 519 คนจริง ซึ่งเป็นแรงงานต่างชาติจากเมียนมา และกัมพูชา ที่ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานอยู่นอกอาคารรัฐสภา บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้เข้ามาภายในอาคาร และล่าสุดยังไม่พบว่า มีเจ้าหน้าที่ของสภา เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือกลุ่มเสี่ยง จึงมั่นใจว่า การแพร่ระบาดยังคงอยู่ในวงจำกัด แต่ก็จะติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ว่า...

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ว่า...

คนที่ไม่เชื่อว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ปิดกั้นวัคซีนทางเลือกให้กับบริษัทเอกชนไปหาซื้อมาเอง โดยเฉพาะไฟเซอร์และโมเดิร์นน่า ลองเชื่อรัฐบาลอินเดียดูมั้ยครับ?

เว็บไซต์ The Times of India รายงานว่า ในขณะที่รัฐบาลอินเดียกำลังพยายามหาซื้อวัคซีนอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาการระบาด และแจ้งว่าให้แต่ละรัฐลองติดต่อหาซื้อวัคซีนเอง บริษัทไฟเซอร์และโมเดิร์นน่า ก็แจ้งรัฐบาลอินเดียกลับมาอย่างชัดเจนว่า จะขายให้กับ "รัฐบาลกลาง" ของอินเดียโดยตรงเท่านั้น และจะไม่ขายให้กับรัฐบาลท้องถิ่น หรือบริษัทเอกชน

โดยโมเดิร์นน่าบอกว่าเป็น "นโยบายของบริษัท" ที่จะขายให้กับรัฐบาลกลางของแต่ละประเทศเท่านั้น

ส่วนไฟเซอร์ ก็แจ้งทางอินเดียว่าต้องการขายให้กับรัฐบาลกลางโดยตรงเท่านั้น เนื่องจากต้องการได้รับเงื่อนไขการยกเว้นการชดเชย (indemnity) บางข้อ (หลัก ๆ น่าจะเรื่องยกเว้นการชดเชยจากการเกิดผลข้างเคียง ซึ่งน่าจะมีแต่รัฐบาลกลางเท่านั้นที่มีอำนาจยกเว้น) ซึ่งแนวทางนี้ใช้กับแทบทุกประเทศทั่วโลก

แต่อย่างไรก็ตาม เกือบทุกบริษัทก็แทบไม่มีวัคซีนให้ส่งกันทั้งนั้น โดยโมเดิร์นน่านั้นบอกล่วงหน้าชัดเจนเลยว่า "ของขาด" ไปจนถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย

สรุป

รัฐบาลไทย ไม่เคยปิดกั้นให้เอกชนหาซื้อวัคซีนเข้ามาเสริมเป็นทางเลือก แต่เป็นนโยบายของบริษัทผลิตวัคซีน ที่จะขายให้กับรัฐบาลกลางเท่านั้น (รัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่ขาย) ซึ่งเป็นแนวทางนี้ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ที่ไทยประเทศเดียว (จริง ๆ ทางไฟเซอร์ในไทย ก็เคยชี้แจงแบบนี้มาแล้ว แต่บางคนก็หาว่ารัฐบาลกดดันให้เขียนแบบนั้นบ้างล่ะ ร่วมมือกันบ้างล่ะ)

ก็ต้องเข้าใจว่า วัคซีน ไม่ใช่สินค้าที่ใครจะเดินเข้าไปในร้าน แล้วขอซื้อเมื่อไหร่ ยี่ห้อไหนก็เลือกได้ครับ

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4620044694677800&id=100000169455098

https://timesofindia.indiatimes.com/india/will-deal-only-with-centre-pfizer-moderna/articleshow/82893485.cms


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“องอาจ” นัด ส.ส.ประชุม 26 พ.ค.เตรียมพร้อม ถก พ.ร.ก.2 ฉบับและร่างพ.ร.บ.งบ 65 ย้ำส.ส.ปชป.ทำงานเต็มที่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ด้าน “โฆษกพรรค” เผย “จุรินทร์” ให้ส.ส.เคร่งครัดมาตรการป้องกันโควิดในสภาฯ

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27-28 พ.ค.เพื่อพิจารณา พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 2 ฉบับว่าตนได้นัดประชุม ส.ส.พรรคในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.ที่พรรคฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการพิจารณา พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564  และเตรียมความรพร้อมในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ที่จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯวาระแรก ในวันที่31. พ.ค.-1-2 มิ.ย.นี้

นายองอาจ กล่าต่อว่าการพิจารณา พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ทางพรรคฯ จะได้เตรียม ส.ส.ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง อภิปรายแสดงความเห็นเพื่อให้การปฏิบัติให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของ พ.ร.ก. สัมฤทธิผลอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประชาชนอย่างมาก ส่วนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯนั้นพรรคฯได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ มีการเตรียม ส.ส. อภิปรายเพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อเด่น ข้อด้อย ของการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงชี้แนะการใช้งบประมาณให้เกิดผลคุ้มค่ามากที่สุด เนื่องจากงบประมาณแผ่นดินทุกบาททุกสตางค์มาจากเงินภาษีอากรที่เก็บจากประชาชน เราจึงควรพิจารณาให้เงินของประชาชนนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สุขกับประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย 

นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ส่วนส.ส.จะเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณฯ ในสวัดส่วนของพรรคฯ นั้นจะได้พิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมีความเหมาะสมไปทำหน้าที่ ซึ่งจะทุ่มเทการทำงานให้เกิดความเป็นธรรมในการกระจายงบประมาณเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง และแม้ขณะนี้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ส.ส.ในฐานะผู้แทนที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน มีภารกิจต้องดูแลชาวบ้านในพื้นที่แต่ก็จัดสรรเวลาทำหน้าที่ในสภาฯอย่างเต็มกำลังเต็มความสามารถเช่นกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ  ได้ย้ำให้ส.ส.พรรคฯ ปฏิบัติตามระเบียบของสภาฯอย่างเคร่งครัด ในเรื่องมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสภาฯ มีข้อปฏิบัติในการเข้ามาภายในอาคารรัฐสภาตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด โดยส.ส.ของพรรคทุกคนต้องกรอกแบบคัดกรองเชื้อโควิด ก่อนวันที่เดินทางมาอาคารรัฐสภา สแกนแอพพลิเคชั่นไทยชนะหรือหมอชนะ และตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าทำงานภายในอาคารรัฐสภา สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาอย่างเคร่งครัด โดยให้มีผู้ติดตามแค่ 1 คนและคนขับรถ 1 คนเท่านั้น และมีส.ส.ของพรรคฯบางคนตั้งใจจะขับรถไปเองโดยไม่มีผู้ติดตาม เพื่อช่วยลดจำนวนคนที่จะเข้าอาคารรัฐสภา ทั้งนี้พรรคฯพร้อมให้ความร่วมมือกับสภาฯ อย่างเต็มที่และเชื่อมั่นในมาตรการของสภาฯ ที่เตรียมไว้อย่างเต็มรูปแบบ

“บิ๊กตู่” ประชุม ครม.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากตึกไทย ก่อนประชุม รมว.ท็อป มอบต้นตะเคียนทองให้ เพื่อรณรงค์ให้คนไทยร่วมปลูกต้นไม้ เนื่องในต้นไม้ประจำปีของชาติ

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์โดย รัฐมนตรีส่วนใหญ่อยู่ประจำที่ตั้งของแต่ละกระทรวง นอกจากนี้ยังมีบรรดารองนายกฯ และรัฐมนตรีบางส่วน อาทิ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายอาคมเติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประชุม ผ่าน Video Conference จากตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันการแพทยระบาดของไวรัส โควิด-19

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม เมื่อเวลา 08.00 น.  ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอดิศร นุชดำรง อธิบดีกรมป่าไม้ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อมอบกล้าไม้ เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ.2564 โดยนายกรัฐมนตรีรับมอบกล้าไม้ “ต้นตะเคียนทอง” พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมกันปลูกต้นไม้ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและให้สภาพอากาศดีขึ้น

นายวราวุธ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2532 กำหนดให้วันวิสาขบูชาของทุกปีเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติเพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ของชาติ เช่น การปลูกต้นไม้ ซึ่งช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ลดมลภาวะเป็นพิษจากฝุ่นและหมอกควัน และวันต้นไม้ประจำปีของชาติปีนี้ ตรงกับวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 จึงถือโอกาสมอบต้นกล้าไม้ต้นตะเคียนทองให้กับนายกรัฐมนตรี รวมถึงมอบต้นกล้าไม้อื่น ๆ ให้กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเพื่อจะได้นำไปปลูกต่อไป โดยต้นกล้าไม้ต่าง ๆ ได้ผ่านพิธีเจริญพระพุทธมนต์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และได้มอบแจกจ่ายให้ประชาชนไปส่วนหนึ่งแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เป็นหลักในการปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโลก สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่าง ๆ ซึ่งมีแผนแม่บทและกิจกรรมต่าง ๆ รองรับในการร่วมกันปลูกต้นไม้ โดยสิ่งสำคัญที่สุดของการปลูกต้นไม้คือทำให้อากาศและสภาพแวดล้อมดีขึ้น และขณะนี้กำลังให้มีการหารือร่วมกันเพื่อพิจารณาถึงการที่จะให้ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านมาปลูกต้นไม้ร่วมกัน โดยอาจพิจารณาให้ปลูกในบริเวณชายแดน ซึ่งจะเป็นการสร้างความร่วมมือในประเทศอาเซียนด้วยกันตามนโยบาย Thailand Plus One รวมถึงการลดการเผาซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ขอให้มีการรณรงค์เชิญชวนประชาชนมาร่วมกันปลูกป่าให้มากขึ้นเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว และขอให้เตรียมต้นกล้าให้เพียงพอและเหมาะสมสำหรับการปลูก ต้องมีขนาดความสูงเกิน 1 เมตรโดยประมาณ จะช่วยลดการตายของต้นไม้ได้พร้อมให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเตรียมกล้าไม้ให้เพียงพอสำหรับการปลูกด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้อวยพรให้การดำเนินกิจกรรมและโครงการในการปลูกต้นไม้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมถึงโครงการและกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ภายใต้ชื่อ “รวมใจไทย ปลูกต้นไม้เพื่อแผ่นดิน” สืบสานการปลูกต้นไม้ สู่ 100 ล้านต้น ด้วย

‘ราเมศ’ เผย ‘จุรินทร์’ กำชับ ส.ส. ร่วมมือ สภาปฏิบัติตามระเบียบ ปัองโควิดเคร่งครัด 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏร นัดแรกในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ย้ำให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ในส่วนของพรรค ปฏิบัติตามระเบียบของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเคร่งครัด ในเรื่องมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งสภาได้มีข้อปฏิบัติในการเข้ามาภายในอาคารรัฐสภาตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดย ส.ส.ของพรรคทุกคนต้องกรอกแบบคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนวันที่เดินทางมาอาคารรัฐสภา สแกนแอปพลิเคชันไทยชนะหรือหมอชนะและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าทำงานภายในอาคารรัฐสภา สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาอย่างเคร่งครัดให้มีผู้ติดตามแค่หนึ่งคนและคนขับรถหนึ่งคนเท่านั้น ซึ่งในส่วน ส.ส.ของพรรคบางคนตั้งใจจะขับรถไปเองโดยไม่มีผู้ติดตาม เพื่อเป็นการช่วยลดจำนวนคนที่จะเข้าอาคารรัฐสภา 

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่าพรรคพร้อมให้ความร่วมมือกับสภาผู้แทนราษฏรอย่างเต็มที่และเชื่อมั่นในมาตรการของสภาที่เตรียมไว้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ที่สำคัญความร่วมมือจากทุกคนที่เข้าไปยังอาคารรัฐสภาก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเช่นกัน ไม่อยากให้ละเลยกฎระเบียบต่าง ๆ ที่สภาได้วางไว้

“ยศวัฒน์” ภูมิใจไทย โวยจัดลำดับพื้นที่ฉีดวัคซีนผิดพลาด จี้ ทบทวนใหม่หลังเมืองกาญฯอยู่นอกสายตา ทั้งที่ติดชายแดน แถมเป็นเมืองเที่ยวอันดับต้น ๆ ย้อนถาม ถ้าคนในพื้นที่ติดเชื้อจากเมียนมาร์ใครผิดชอบยังไง

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการจัดลำดับความเร่งด่วนของพื้นที่ในการฉีดวัคซีนในเดือน มิ.ย.-ก.ย. 64 ว่ารู้สึกไม่สบายใจ และไม่เข้าใจการแบ่งพื้นที่ดังกล่าว โดย จ.กาญจนบุรี อยู่ในกลุ่มที่ 2 ที่ระบุว่า เป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน และมีความเร่งด่วนในการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ภายหลังการระบาด แต่จากประกาศที่ออกมามีทั้งหมด 17 จังหวัด แต่กลับไม่มี จ.กาญจนบุรี ทั้งที่เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนอย่างชัดเจน และที่สำคัญยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดลำดับต้นๆของประเทศ

นายยศวัฒน์ กล่าวต่อว่า ช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่รอบแรก จ.กาญจนบุรี ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 จากผลสำรวจว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวมาที่นี่เยอะที่สุด หมายความว่า ปัจจุบัน จ.กาญจนบุรี ทำรายได้ให้ประเทศจากการท่องเที่ยวได้ดีมาก แต่เมื่อมีคนเดินทางมาเที่ยวเยอะ คนภายในจังหวัดก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโควิดมากเช่นกัน อีกทั้งพื้นที่ยังติดกับชายแดนเมียนมาร์อีกด้วย ถ้าคนที่นี่ต้องเผชิญกับเชื้อโควิดที่มาจากชายแดนเมียมาร์จะรับผิดชอบกันไหวหรือไม่ และใครจะรับผิดชอบชีวิตของคนที่นี่ ในเมื่อพวกเขาอยู่ในพื้นที่เสี่ยง แต่รัฐบาลไม่มองคน จ.กาญจนบุรีทั้ง ๆ ที่เป็นจังหวัดที่ตรงกับกลุ่ม 2 แล้วจะปล่อยให้เผชิญโควิดกันแบบตามมีตามเกิดเช่นนี้หรือ 

“ผมอยากขอร้องให้ผู้บริหารได้ทบทวน ว่าเหตุใดเมืองกาญฯ ถึงอยู่นอกสายตา ที่ผมออกมาเรียกร้องไม่ใช่การร้องขอในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล หรือเห็นความสำคัญของคนเมืองกาญฯ มากกว่าคนจังหวัดอื่น และไม่ใช่การกระทำเพื่อหาเสียง แต่ในเมื่อ 1 ในเป้าหมายสำคัญในการฉีดวัคซีน คือ การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างเม็ดเงิน และฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยวให้เร็วที่สุด แต่บรรดาผู้เกี่ยวข้องกลับจัดลำดับแบบขอไปที ถ้าบอกว่าเกาะสมุย เชียงใหม่ พังงา กระบี่ คือสถานที่ท่องเที่ยว เมืองกาญฯไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวหรือ ลองถามพวกท่านดูว่า มีใครไม่เคยมาเที่ยวที่นี่” นายยศวัฒน์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top