Thursday, 24 April 2025
POLITICS NEWS

“แรมโบ้” วอน “โทนี่-ยิ่งลักษณ์” หยุดวิพากษ์ วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล “ชี้” ทำให้เกิดความสับสน ยืนยันทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตสายกรัฐมนตรี ที่เคลื่อนไหวและวิพากวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ว่า ควรหยุดวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขสถานการณ์โควิดของรัฐบาลได้แล้ว ยืนยันว่านายกฯ รัฐบาล ได้ทำทุกอย่างเพื่อที่จะแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้นทั้งดูแลสุขภาพ และความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการต่าง ๆ มาตรการสินเชื่อ พักทรัพย์ พักหนี้ และมาตรการทางภาษี การลดภาษี และอีกมากมายหลายโครงการ ในส่วนของวัคซีนโควิดที่นำมาฉีดให้กับประชาชนนั้นทางแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันแล้วว่าวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว และพร้อมส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 เดือนมิถุนายน 6 ล้านโดส และเดือนต่อไปอีกเดือนละ 10 ล้านโดส จนครบ 61 ล้านโดส ยังไม่นับ วัคซีนทางเลือก ที่รัฐบาลจะสั่งเข้ามาอีก

ยืนยันว่ามีวัคซีนเพียงพอให้กับประชาชนส่วนวัคซีนไฟเซอร์นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้พูดคุยกับผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ เพื่อเจรจาจัดซื้อวัคซีน และผู้แทนบริษัทฯ แจ้งว่าพร้อมจัดหาวัคซีนให้ประเทศไทย จำนวน 10 ล้านโดส ถือเป็นการยืนยันได้แล้วว่าจะมีวัคซีนของไฟเซอร์เข้ามาอย่างแน่นอน 

“สำหรับการแก้ไขปัญหาผู้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำนั้น นายกฯ ได้สั่งการให้เร่งแก้ปัญหาตรวจเชิงรุกให้มากและเร็วที่สุดที่สุด จัดตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำแล้ว เพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกมารักษา หากมีผู้มีอาการรุนแรงจะนำออกมารักษาในโรงพบาลเฉพาะทางตามระบบต่อไป ให้การรักษาผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุด ด้วยความเท่าเทียม 

"มองว่านายโทนี่และนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ควรออกมาพูดวิพากษ์ วิจารณ์ การทำงานของ นายกฯ รัฐบาล หรือประเทศไทย เพราะทั้งสองคน ก็ไม่ได้มาเห็นว่านายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์  หรือทุกหน่วยงาน ทำงานแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนทำงานหนักตลอดเวลา  

ดังนั้นก็ขอให้หยุดเคลื่อนไหว หยุดพูดจะดีกว่า เพราะยิ่งพูดออกมาเคลื่อนไหวบ่อยๆยิ่งสร้างความสับสนต่อประชาชน เหมือนกรณีวัคซีนไฟเซอร์ ที่นายโทนี่ให้ข้อมูลผิดพลาดจนหน้าแตกเย็บไม่ติดมาแล้ว” นายเสกสกล กล่าว

‘โฆษกรัฐบาล’ แจง ฝ่ายค้านเข้าใจผิด งบ กห.มากว่า สธ. ยันใช้เงินเพื่อดูแลปชช.มากกว่ากองทัพ   พร้อมยัน รพ.บุษราคัม จัดระบบเหมือนรพ.ปกติ เครื่องมือดูแลรักษาครบ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียวยังอยู่ในขั้นตอนกฎหมาย รับ “บิ๊กตู่’ห่วงเรื่องค่าโดยสาร

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพไชยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่กระทรวงกลาโหม ได้งบประมาณมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข 5 หมื่นล้านบาท ว่า คงไม่สามารถไปดูเฉพาะงบที่กระทรวงกลาโหมได้อย่างเดียว ตัวเลขงบที่กระทรวงกลาโหมได้ในปี 2565 ระบุตัวเลขไว้ประมาณ 2 แสนล้านบาท ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประมาณ 1.53 แสนล้านบาท ซึ่งตัวเลขที่ต่างกันนี้อาจจะทำให้ฝ่ายค้านเข้าใจผิด เพราะ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งงบประมาณภายในกระทรวงเอง ซึ่งมีหน่วยงานอื่นที่อยู่ภายใต้กระทรวงฯ แต่ไม่ได้ขอรับงบประมาณผ่านกระทรวงฯ แต่เป็นการของบโดยตรง ยกตัวอย่าง การตั้งงบประมาณของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่มีตัวเลขงบประมาณทั้งสิ้นอีก 1.4 แสนล้านบาท 

นายอนุชา กล่าวว่า ดังนั้นค่ารักษาพยาบาลและการบริการทางการแพทย์ จะรวมทั้งสิ้นมากกว่า 3 แสนล้านบาท จะทำให้งบประมาณที่ดูแลเรื่องสุขภาพประชาชนมีมากกว่ากระทรวงกลาโหม อีกเกือบ1 แสนล้านบาท นอกจากนี้งบกระทรวงกลาโหม ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับบุคลากรและอัตรากำลังพลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เช่น บริเวณชายแดน จึงอยากเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่กันอย่างเข้มแข็งในปัจจุบันด้วย 

พร้อมทั้งแถลงถึงการใช้งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ว่า โรงพยาบาลดังกล่าว ไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม แต่เป็นโรงพยาบาลแบบเต็มรูปแบบ ไม่สามารถนำไปเปรียบกับหอพักที่มีแค่เตียง ฟูก หมอน ผ้าห่มได้ เพราะมีเครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องออกซิเจน เครื่องเอ็กซเรย์ รวมถึงการติดตั้งเครื่องช่วยหายใจเหมือนกับโรงพยาบาลทั่วไป ที่ทำหน้าที่รับผู้ป่วยที่ออกจากไอซียูหรือผู้ป่วยสีแดง เช่น จากโรงพยาบาลรามาธิบดี หรือโรงพยาบาลศิริราช ทั้งนี้อยากจะให้ประชาชนที่อยู่พื้นที่บริเวณนั้นอย่ากังวล เพราะเราดูแลระบบการถ่ายเทอากาศเป็นอย่างดีตามกระทรวงสาธารณสุขวางไว้

นอกจากนี้ ยังแถลงถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า อยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาตามกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยังให้ความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยพล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นห่วงเรื่องค่าโดยสาร ที่จะมีผลกระทบกับประชาชนโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ

รมว.พม. นำทีม เรามีเรา ลงพื้นที่ดินแดง มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค เร่งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนจากโควิด-19

วันนี้ 19 พฤษภาคม 2564 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่ ณ ชมรมผู้สูงอายุ ศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง ซอยประชาสงเคราะห์ 19 แฟลต 64 กรุงเทพฯ เพื่อมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับผู้แทนชุมชนนำไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กลุ่มเปราะบางในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ภายใต้กิจกรรม “เรามีเรา” ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราจะตามไปช่วย

นายจุติ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เรามาดูแลช่วยเหลือดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง ได้แก่
ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่มีใครดูแลขาดความช่วย คนพิการ ผู้สูงอายุ และครอบครัวที่ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างดูอาการไปไหนไม่ได้ เราก็เข้ามาดูแลตรงนี้ ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้มีจำนวนมาก และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมไทยได้ด้วยการบริจาคสิ่งของอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น โดยกระทรวง พม. จะเป็นส่วนกลางให้ สำหรับของที่ทุกคนมอบให้มายังคงไม่พอเพียง และเรายังมีกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลืออีกเป็นจำนวนมาก ถ้าทุกคนช่วยกัน ตนเชื่อว่าเราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน

นายจุติ กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ คนไร้บ้าน และคนไร้ที่พึ่ง โดยกระทรวง พม.ได้เตรียมจัดสถานที่รองรับไว้หลายพื้นที่ ทั้งในเขต กทม. และปริมณฑล ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล 24 ชม. ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้เร่งวางแผนการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายภายหลังวิกฤตครั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว หากประชาชนกำลังประสบปัญหาความเดือดร้อนและความยากลำบากจากผลกระทบของโรคโควิด-19 สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300

สำหรับกรณีการฉีดวัคซีนนั้น รัฐบาลได้จัดลำดับตามที่ทุกคนลงทะเบียนผ่านแอบพลิเคชั่นไว้แล้ว ซึ่งใครที่ใช้แอบพลิเคชั่นไม่เป็น สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือบริการจองให้ โดยกระทรวง พม. จะร่วมบูรณาการกับทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานเพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูงได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง

รมว.พม. เปิดกิจกรรม "เรามีเรา" ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราจะตามไปช่วย ปล่อยขบวนรถ ลงพื้นที่ 8 เขต กทม. ช่วยกลุ่มเปราะบางเดือดร้อนจากโควิด-19

วันนี้ 19 พฤษจิกายน 2564 ที่กระทรวง พม. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดตัว ( Kick Off) กิจกรรม “เรามีเรา” ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราจะตามไปช่วย ด้วยการปล่อยขบวนรถ พม. เพื่อนำถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเข้าไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเปราะบางในชุมชนจำนวน 8 พื้นที่ใน 8 เขตของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้กระทรวง พม. เปิดตัว ( Kick Off) กิจกรรม “เรามีเรา” ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราจะตามไปช่วย ด้วยการปล่อยขบวนรถ พม. ลงไปยังชุมชนในหลายพื้นที่ เพื่อนำถุงยังชีพ น้ำดื่ม และเจลแอลกอฮอล์ ไปแจกจ่ายช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยการลงพื้นที่เป้าหมายให้ครอบคลุมครบทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ ซึ่งวันนี้ ขบวนรถ พม. ได้ลงพื้นที่นำร่อง 8 เขต ประกอบด้วย

1.) ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร เขตราชเทวี

2.) อาคารเอนกประสงค์ วัดประชาระบือธรรม ถนนพระราม 5 เขตดุสิต

3.) หมู่บ้านเอื้ออาทร ศูนย์ สนง. ออมทรัพย์มั่นคง ถ.รามอินทรา 71 ซ.คู้บอน 27 แยก 37 เขตบางเขน

4.) โรงเรียนผู้สูงอายุแฟลต 64 ซ.ประชาสงเคราะห์ 19 เขตดินแดง

5.) ที่ทำการชุมชนโรงปูน เขตห้วยขวาง

6.) มัสยิดบางมะเขือ ซ.ปรีดี 4 สุขุมวิท 71 เขตวัฒนา

7.) ศูนย์ประสานงาน ชุมชนหมู่บ้านพลับพลา 30ไร่ ซ.รามคำแหง 21 เขตวังทองหลาง และ

8.) วัดพรหมสุวรรณสามัคคี เขตบางแค

นายจุติ กล่าวด้วยว่า สำหรับถุงยังชีพที่ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นซึ่งนำไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและชาวชุมชน กระทรวง พม. ขอขอบคุณภาคีเครือข่ายที่ได้ร่วมมือร่วมใจบริจาคสิ่งของจำนวนมาก รวมทั้งเงินบริจาค ได้แก่  

1.) Mr. Tatsuya Nozaki ประธาน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

2.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

3.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

4.) สถาบันอนุสรีรวมใจให้กันและมูลนิธิพุทธรังษี

5.) คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 62

6.) คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 63

7.) บริษัท เอ - พลัส ชัพพลาย จำกัด 8.บริษัท ชาญกิจเทรดดิ้ง จำกัด

9.) เอ็มบีเค กรุ๊ป และ

10.) โลตัส

นายจุติ กล่าวอีกว่า ตนขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกันในวันนี้ ในนามของรัฐบาลและในนามของตัวแทนประชาชนคนไทยที่วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนไทยไม่ทิ้งกัน เรายังจะต้องต่อสู้กับโควิด-19 ไปอีกสักพัก เพื่อเอาชนะมันไปด้วยกันทั้งประเทศให้ได้ สำหรับของที่มาบริจาคทุกบาททุกสตางค์หรือของทุกชิ้นที่ทุกคนเสียสละความสุขส่วนตัวมามอบให้กับคนที่ไม่มี ให้กับผู้ที่มีความอยากลำบากมากกว่า นี่เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญและน่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เราจะนำสิ่งของที่ทุกท่านบริจาคมาทุกชิ้นไปมอบให้กับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้เร่งวางแผนการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายภายหลังวิกฤตครั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว หากประชาชนประสบปัญหาความเดือดร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง

‘ธนกร’ ขอบคุณ ‘พี่เบิร์ด-อั้ม-ชมพู่’ ช่วยรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีน เหน็บ ‘ช่อ’ จิตใจทำด้วยอะไร ไม่ช่วยแล้วยังเล่นการเมืองบนชีวิตประชาชน

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ทวิตเตอร์กรณีที่ชมพู่ น.ส.อารยา เอ ฮาร์เก็ต นักแสดงชื่อดัง รีวิวการฉีดวัคซีนซิโนแวคในอินสตาแกรมว่า อยากเชิญชวนไปดูคลิปดาราและการแสดงออกทางการเมือง รวมทั้งตั้งคำถามว่า ดารามีชื่อเสียงได้มาจากรัฐบาลหรือประชาชนว่า ตนผิดหวังกับน.ส.พรรณิการ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เล่นการเมืองแบบไม่สนใจชีวิตของประชาชนเลย ปากก็บอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ทำการเมืองใหม่สร้างสรรค์ แต่พฤติกรรมที่แสดงออกมันตรงข้ามโดยสิ้นเชิง การที่ดารานักแสดงหลายคนออกมาช่วยรณรงค์ให้ประชาชนมาฉีดวัคซีนก็เพื่อช่วยประเทศชาติและประชาชนให้ฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ เป็นการรับผิดชอบต่อสังคม แต่น.ส.พรรณิการ์กลับออกมากระแนะกระแหน ออกมาด้อยค่าคนทำความดี ตรรกะวิบัติอย่างยิ่ง ไม่สมควรที่จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนเลย ที่ผ่านมาเครือข่ายของคณะก้าวหน้าก็ออกมาโจมตีรัฐบาลเช้า กลางวัน เย็น บิดเบือนข้อมูลวัคซีน แต่สุดท้ายส.ส.พรรคก้าวไกลเองก็ยังวิ่งไปฉีดเป็นลำดับแรก ๆ

นายธนกร กล่าวอีกว่า ตนอยากรู้จริง ๆ ว่า จิตใจ น.ส.พรรณิการ์ทำด้วยอะไร นอกจากไม่เคยคิดช่วย ยังเล่นการเมืองบนชีวิตของประชาชน วันนี้ตนเชื่อว่าพี่น้องคนไทยทั้งประเทศได้เห็นธาตุแท้ของน.ส.พรรณิการ์และเครือข่ายแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ และศิลปินดารานักแสดงทุกคนที่ออกมาฉีดวัคซีน พร้อมทั้งช่วยเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้ออกมาฉีดวัคซีน 

ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทย เชื่อมั่นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ทุ่มเทแก้ปัญหาโควิด-19 อย่างเต็มที่ พล.อ.ประยุทธ์ติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ให้ได้ ขอบคุณพี่น้องคนไทยทุกคนที่ให้ความร่วมมือดีมาก ตนเชื่อว่าหากทุกฝ่ายช่วยกัน เราจะผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กสม. ชี้ผู้ต้องขังคือกลุ่มเปราะบาง หวั่นกระทบสิทธิในเรือนจำหลังสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนัก  แนะรัฐบาลฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังอย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันและลดความรุนแรง

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำหน้าที่แทนประธานกสม. เปิดเผยว่า ในการประชุม กสม. ด้านการบริหาร เมื่อวันที่ 18 พพฤษภาคม 2564 กสม. มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งต่อสิทธิในสุขภาพและชีวิตของผู้ต้องขังในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 อันเนื่องมาจากสภาพความแออัดของเรือนจำและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังที่ต้องอาศัยในพื้นที่ปิดเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการได้รับและแพร่กระจายเชื้อ ประกอบกับเรือนจำต่าง ๆ ยังขาดแคลนอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งบุคลากรทางด้านสาธารณสุขที่ดูแลผู้ต้องขังได้อย่างทั่วถึง 

ผู้ต้องขังถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีสิทธิในการได้รับการรักษาพยาบาลอันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ประกอบกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้ประกาศแนวปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังว่า รัฐควรให้ความใส่ใจพิเศษต่อบุคคลที่ถูกคุมขังซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นในการติดโรคในกรณีมีการแพร่ระบาดและการติดเชื้อเกิดขึ้นแล้ว และการเว้นระยะห่างทางสังคมยากที่จะกระทำได้ โดยรัฐควรมีมาตรการพิเศษสำหรับทุกคนในการแก้ไขปัญหาและตอบสนองต่อวิกฤติโดยเร็ว ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต กสม. จึงมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคส่วนต่าง ๆ พิจารณาดำเนินการ ดังนี้

1.) ขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดหาและดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำอย่างทั่วถึง ทั้งนี้หลังจากที่ได้มีการตรวจคัดกรอง แยกและรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อแล้ว

2.) ขอสนับสนุนให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตาม 10 มาตรการเชิงรุกในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำที่ได้ประกาศไว้ และควรพิจารณาเพิ่มเติมให้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำและครอบครัวอย่างเข้มงวด

3.) ขอให้กรมราชทัณฑ์ทำความเข้าใจกับญาติของผู้ต้องขังถึงข้อจำกัดเรื่องสิทธิในการเข้าเยี่ยม การเปิดเผยข้อมูลความเจ็บป่วยของผู้ต้องขังที่ติดเชื้อแก่ญาติ และเปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารหรือเข้าเยี่ยมผ่านระบบ Video Conference เพื่อป้องกันมิให้ผู้ต้องขังได้รับเชื้อโควิด-19 จากบุคคลภายนอก 

“กสม. ขอให้สังคมเข้าใจเหตุผลและความจำเป็นทางด้านสาธารณสุขที่รัฐควรต้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ผู้ต้องขัง และตระหนักว่าผู้ต้องขังต่างก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่นเดียวกัน” นายสุวัฒน์ กล่าว

ศ.ดร.กนก เชื่อ รัฐคุมโควิด-19 บุกเรือนจำได้ เหตุเป็นพื้นที่ปิด ห่วงเด็ก ไร้วัคซีน จี้รัฐเร่งนำเข้าวัคซีนสำหรับเด็ก แนะ ศธ.เพิ่มหลักสูตรใช้ชีวิตในยุคโควิด

ศ.ดร.กนก เชื่อ รัฐคุมโควิด-19 บุกเรือนจำได้ เหตุเป็นพื้นที่ปิด ห่วงเด็ก ไร้วัคซีน จี้รัฐเร่งนำเข้าวัคซีนสำหรับเด็ก แนะ ศธ.เพิ่มหลักสูตรใช้ชีวิตในยุคโควิด เชื่อมระบบ ออนไลน์ ออนไซด์ และ ออนแฮนด์ ห่วง เวป ครูพร้อม ไม่พร้อมจริง เหตุขาดการบูรณาการ ย้ำต้องตั้ง War Room ในศธ. บริหารในภาวะวิกฤต วอน ระดมฉีดวัคซีน ให้ครู 4 แสนคน

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พุ่งสูงมากกว่าหนึ่งหมื่นคนในเรือนจำทั่วประเทศว่า ภาครัฐน่าจะควบคุมได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ปิด การควบคุมสถานการณ์ทำได้ง่ายกว่าพื้นที่เปิด แต่ยังต้องตระหนักว่าการแพร่ระบาดยังเป็นวิกฤต ซึ่งสิ่งที่เป็นห่วงคือการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ทำให้ติดเชื้อเร็ว รุนแรง การเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่สำคัญคือ เรายังไม่มีวัคซีนสำหรับเด็ก จึงขอฝากไปยังรัฐบาลว่า ต้องเร่งนำเข้าวัคซีนสำหรับเด็กได้แล้ว เพราะกว่าจะนำเข้าได้จริงต้องใช้เวลา 

“ทางกระทรวงศึกษาธิการ ตัดสินใจเลื่อนเปิดเทอมไปเป็นวันที่ 14 มิถุนายน จากเดิมกำหนดวันที่ 1 มิถุนายน ผมก็คิดว่าจะทำให้มีเวลาเตรียมเรื่องการเรียนการสอนมากขึ้น แต่ถ้าพูดตรง ๆ มีสองเรื่องที่ผมเห็นว่าน่าห่วงคือ เรื่องการเรียนรู้ของนักเรียนที่ต้องไม่เสียโอกาสจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการใช้ชีวิตของนักเรียน ทั้งอยู่ที่บ้านและไปโรงเรียน ควรมีการสอนเพิ่มเพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักว่าควรใช้ชีวิตในภาวะวิกฤตเช่นนี้อย่างไร ซี่งในขณะนี้ถือว่ารมว.ศึกษาธิการ กำหนดนโยบายภาพรวมดีแล้ว คือไม่ทำแบบตัดเสื้อโหล ให้โรงเรียนแต่ละแห่งมีการบริหารจัดการที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนแต่ละแห่ง แต่มีสิ่งที่น่าห่วงคือเวปครูพร้อมที่กระทรวงศึกษาธิการเพิ่งเปิดตัวให้บริการเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา จะกลายเป็นเวปครูไม่พร้อม เพราะความสามารถของเวปที่จะรองรับคนจำนวนมากเข้าไปดู อาจเกิดปัญหาได้ จึงอยากให้กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย” ศ.ดร.กนก กล่าว 

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่า ตัวเลขนักเรียนที่ สพฐ.ดูแลเฉพาะชั้นประถมและอนุบาลมีมากถึง 6.5 ล้านคน ถ้าพ่อแม่ครึ่งหนึ่งเฮละโลเข้าไปดูในเวปครูพร้อม จะพร้อมจริงหรือไม่ ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ และอย่าเข้าใจว่าเวปครูพร้อมคือคำตอบของทุกอย่าง เพราะเป็นเพียงการให้ข้อมูล ไม่ใช่การสอน ต้องมีระบบอื่นเข้าไปประกอบ เช่น ระบบออนไลน์ ออนไซด์ ออนแฮนด์ ระบบเหล่านี้สัมพันธ์กับเวปครูพร้อมหรือไม่ หรือว่าไปคนละทาง ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะเป็นปัญหา สร้างความสับสนได้ รมว.กระทรวงศึกษาธิการต้องบอกกับข้าราชการให้ชัด ถึงการบริหารในภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้เกิดวิกฤตด้านการเรียนการสอน จะทำงานแบบเดิมไม่ได้ เป็นพื้นฐานที่รัฐมนตรีต้องเปลี่ยนแนวคิด การกระทำของข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ถ้ายังทำแบบเดิมทุกอย่างจะไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ 

“ส่วนเรื่องระบบออนไลน์ต้องปรับใหม่ โดยครูต้องอัดคลิปในทุกชั่วโมงที่สอนประมาณครึ่งชั่วโมง นำคลิปไปแขวนที่เวปครูพร้อม ในรายวิชา ซึ่งนักเรียนสามารถเปิดดูได้ เท่ากับนักเรียนได้ฟังบรรยายก่อนเข้าห้องเรียน จากนั้นเชื่อมสู่ออนไซด์ คือ เมื่อนักเรียนมาโรงเรียนก็สามารถถามครูที่ห้องเรียนในสิ่งที่สงสัยได้ ขณะที่ครูสามารถตั้งคำถามกับนักเรียน นำไปสู่การเรียนรู้ร่วมกันได้ ดังนั้นสองระบบนี้จึงต้องออกแบบคู่ขนานกัน แต่น่าเสียดายที่กระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ทำตรงนี้ ส่วนออนแฮนด์นั้นใช้กับกรณีเด็กที่ด้อยโอกาส โดยครูต้องไปเยี่ยมที่บ้าน เอาเอกสารไปแจก แต่กระทรวงศึกษาธิการก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร และที่อยากฝากรัฐบาลคือ การระดมฉีดวัคซีนให้ครูสี่แสนคน ก่อนเปิดเทอม และขอฝากถึงรมว.ตรีนุช ให้ตั้ง War Room ในกระทรวงศึกษาธิการได้แล้ว เพื่อติดตามผลการเรียนการสอนทุกวัน จะได้สั่งการแก้ปัญหาได้ทันท่วงที จึงจะเป็นการบริหารในภาวะวิกฤต” ศ.ดร.กนก กล่าว

พล.อ.ประวิตร พอใจผลงาน ไม่มีพื้นที่ประกาศภัยแล้งปี 63/64 ประชุม กอนช. สั่ง กองทัพ ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ช่วยขับเคลื่อน 10 มาตรการ รับมือฤดูฝนปี 64 มุ่งช่วยเหลือ ปชช./เกษตรกร/อุตสาหกรรม เน้นสร้างการรับรู้ปชช.มากขึ้น ควบคู่ระวังโควิด-19 ขอให้ทุกคนปลอดภัย

เมื่อ 19 พฤษภาคม 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ผอ.กอนช. ได้เป็นประธาน การประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับ ผวจ.ทั่วประเทศ ณ ห้องประชุม กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ สทนช. 

ที่ประชุมได้รับทราบ สถานการณ์แหล่งน้ำทั่วประเทศ ณ 11 พ.ค. 64 มีปริมาณน้ำทั้งประเทศ 38,620 ล้าน ลบ.ม. (47%) ปริมาณน้ำใช้การ 14,537 ล้าน ลบ.ม. และรับทราบ การขับเคลื่อน 10 มาตรการรับมือสถานการณ์ฤดูฝนปี 64 ซึ่งผ่าน ครม.แล้ว ได้แก่

1.) การคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และฝนน้อยกว่าค่าปกติ

2.) การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก

3.) ทบทวน,ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลาง และเขื่อนระบายน้ำ

4.) ซ่อมแซม,ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์/ระบบระบายน้ำ

5.) ปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ

6.) ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา

7.) วางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนพื้นที่น้อยกว่าค่าปกติ

8.) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ และปรับปรุงการส่งน้ำ และฝนน้อยกว่าค่าปกติ

9.) การสร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์ และ

10.) การติดตามประเมินผล  

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอบคุณคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำทุกจังหวัด ที่ได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จนกระทั่งไม่มีพื้นที่ประสบภัยแล้งเลย ในช่วงปีที่ผ่านมา ตามนโยบายของรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายให้ สทนช., กห.,มท., กษ., ทส., กทม. และทุกจังหวัดทั่วประเทศ จะต้องบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างแน่นแฟ้นในการขับเคลื่อนทั้ง 10 มาตรการ เพื่อรองรับฤดูฝนปีนี้ ให้เกิดการเชื่อมโยงกันทั้ง 76 จังหวัดไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และปลอดภัยกัน ทุกคน

“จุรินทร์” แจงยิบ พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้าน นำไปใช้ในสามส่วน เตรียมพร้อมถก งบฯ 65 เชื่อไม่มีปัญหา

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์ลานกีฬาชุมชนห้วยขวาง เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงรายละเอียดกระแสข่าวที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้เพิ่มติม วงเงิน 700,000 ล้านบาทว่า วงเงินดังกล่าว จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 30,000 ล้านบาทแรก จะใช้สำหรับแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม, การจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ และ 400,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมชดเชยเยียวยาเพิ่มเติม และ 270,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นก็มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน และรัฐบาลก็ต้องเข้าไปกำกับดูแลให้เป็นไปตามนี้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยทั้งในการแก้ปัญหาโควิด และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไปในเวลาเดียวกัน กับการใช้งบประมาณประจำปี ซึ่งเป็นการไปเสริมกัน ส่วนว่าครม.เห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ดังกล่าวแล้วหรือไม่นั้น ขอให้นายกรัฐมนตรี หรือโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจง

นายจุรินทร์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 วาระแรก ในวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.นี้ ว่า โดยมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ แม้ฝ่ายค้าน จะเตรียมการอภิปรายอย่างเข้มข้น เพราะฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว และเมื่อมีการพิจารณางบประมาณ ฝ่ายค้านก็จะต้องตรวจสอบติดตามตามปกติ ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ก็จะมีหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดงบประมาณของแต่ละกระทรวง โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา นายกฯ ก็ได้มีการกำชับให้แต่ละกระทรวงได้ลงลึกไปดูในรายละเอียด และทำหน้าที่ชี้แจงในส่วนงบประมาณของแต่ละกระทรวงโดยรัฐมนตรีเป็นผู้ทำหน้าที่หลัก ส่วนท่านนายกฯ ก็จะได้ชี้แจงในภาพรวม

เมื่อถามถึงความกังวลในการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่สภาฯขึ้นได้  รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ประธานสภาฯ ทราบอยู่แล้ว และได้มีการสั่งการ เตรียมการมาโดยลำดับอยู่แล้ว ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกติกาที่ได้กำหนดไว้ ก็คิดว่ามีความปลอดภัยในระดับที่น่าจะมั่นใจได้ 

เมื่อถามว่าได้กำชับให้ ส.ส.ของพรรคทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตาม ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าประชุมสภาฯ ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องฉีดวัคซีน หรือมีใบรับรองผลการตรวจโควิด ซึ่งประธานสภาฯก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบแล้ว สำหรับผู้ติดตาม ส.ส. ผู้ช่วยรัฐมนตรีจะต้องฉีดวัคซีนอย่างไรนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ต้องลงทะเบียนหมอพร้อมให้เป็นไปตามคิว เพราะพรรคไม่มีนโยบายให้ใครไปลัดคิว และใช้สิทธิพิเศษอะไร

"พิจารณ์" จัดหนัก งบลวงพรางกองทัพ ชี้ มีงบผูกพันซื้ออาวุธต้องจ่ายกว่า 2 หมื่นล้าน ถาม จะดีกว่าไหมถ้าจะมี รบ. ใหม่ ที่จัดงบประมาณเห็นหัวปชช.มากกว่านี้

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่กำลังจะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาว่า งบประมาณจะลดลงเหลือ 3.1 ล้านล้านบาท หรือลดลง 5.7% จากปี 64 ซึ่ง 5 อันดับแรกของกระทรวงที่ได้รับงบประมาณสูงสุด พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือพูดได้ว่าการจัดลำดับความสำคัญของรัฐบาลประยุทธ์ ยังเป็นเหมือนเดิม แม้เราจะอยู่ท่ามกลางวิกฤติโควิด

นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ได้เผยแพร่ภาพเปรียบเทียบถึงงบประมาณด้านสาธารณสุขว่าเพิ่มขึ้นและมากกว่ากลาโหม ทั้งยังพยายามอธิบายอีกว่า กลาโหมลดงบประมาณลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบ 63-65 ซึ่งเป็นการโฆษณาชวนเชื่ออย่างน่าละอาย เพราะมันเป็นการลวงว่าลด แต่ไม่ได้ลด หากย้อนกลับไปในปีงบ 63 งบกลาโหม 2.317 แสนล้าน ถูกตัดลดในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งที่ 1 เพื่อการจัดทำ พ.ร.บ.โอนงบประมาณกลางปี โดยนำเงินจากหลายกระทรวงไปรวมกันเป็นงบกลางแก้โควิด กระทรวงกลาโหมสามารถลดงบประมาณได้ถึงเกือบ 2 หมื่นล้าน ทำให้สุดท้ายงบในปีนั้นลดลงมาเหลือ 2.137 แสนล้าน

ในครั้งนั้น กระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงที่ตัดลดงบได้มากที่สุด แสดงให้เห็นว่าแผนงานมีความสำคัญเร่งด่วนน้อย สามารถเลื่อนออกไปก่อนได้และเบิกจ่ายไม่ทัน แต่พอมาปี 64 กระทรวงกลาโหมของบมากถึง 2.236 แสนล้าน ก่อนที่จะถูกตัดลดในชั้นกรรมาธิการ ทำให้คงเหลือได้รับงบประมาณ 2.145 แสนล้าน หรือเพิ่มขึ้น 1 พันล้านบาทจากปี 63 ดังนั้น จึงเป็นการแอบอ้างอย่างหน้าด้านว่า กลาโหมลดงบจากปี 63 ที่ 2.317 แสนล้าน เหลือ 2.145 แสนล้าน เพราะในความเป็นจริงคือ งบเพิ่มขึ้นในปี 64

นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับใน ร่าง พ.ร.บ.งบ 65 แม้งบกลาโหมจะลดลง 5.24% แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าภาพรวมงบประมาณทั้งหมดที่ลด 5.66% อีกทั้งงบบุคคลกรของกลาโหมกลับเพิ่มขึ้น 1.7% แสดงให้เห็นว่า ถึงกองทัพอยากจะลดงบยังไงก็ลดไม่ลง ด้วยกำลังทหารที่มากเกินกว่าจะจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพได้ นอกจากนี้ ตามเอกสารงบประมาณเล่มขาวคาดแดงของกลาโหม ด้วยข้ออ้างด้านความมั่นคง จึงทำให้ไม่สามารถเห็นรายการอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดซื้อได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบยอดงบประมาณในโครงการผูกพันข้ามปีของเอกสารงบประมาณปี 63-64-65 ทำให้เชื่อได้ว่า กองทัพเรือยังคงเดินหน้าจัดซื้อเรือดำน้ำต่อไป แม้ประเทศชาติจะอยู่ในวิกฤติงบประมาณ มิหนำซ้ำเมื่อส่องดูงบซื้ออาวุธแบบปีเดียว กองทัพบกตั้งงบเพิ่มขึ้น 9.23% และ กองทัพเรือเพิ่มขึ้นถึง 2.6 เท่า จากปี 64 ในส่วนของงบซื้อยุทโธปกรณ์ที่ผูกพันข้ามปี ทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือ ยังมีโครงการใหม่ที่ผูกพันงบตั้งแต่ปี 65-67 รวมมูลค่าโครงการตลอด 3 ปี อีก 9,073 ล้านบาท โดยเป็นปีงบ 65 จำนวน 882 ล้าน และ 933 ล้าน ตามลำดับ นอกจากนั้น ทั้ง 3 เหล่าทัพบวกกับกองบัญชาการกองทัพไทย ยังมีงบซื้อยุทโธปกรณ์ที่ผูกพันข้ามปี ค้างตั้งแต่ปี 60-69 อีก 70 โครงการ และเป็นงบที่ต้องจ่ายในปีงบ 65 กว่า 24,218 ล้าน 

“ผมเชื่อว่าการระบาดของโควิด-19 จะยังไม่จบจนกว่าเราจะได้วัคซีนครบจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะดีกว่าไหมถ้าเราจะจัดลำดับความสำคัญใหม่ ไม่ซื้อเรือดำน้ำแต่นำงบไปเพิ่มให้กับงบบัตรทองที่ถูกตัดไป 1,800 ล้านบาท จะดีกว่าไหมถ้าเราจะยอมทนใช้อาวุธเก่าไปอีกสักปี เพื่อนำงบไปช่วยนักเรียนที่ต้องเลิกเรียนกลางคันเพราะพ่อแม่ตกงานผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาซึ่งถูกตัดงบไป 432 ล้านบาท จะดีกว่าไหมถ้าเราจะไม่ซื้ออาวุธใหม่ที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศผู้ผลิตอาวุธ แต่นำเงินไปลงทุนอบรมทักษะใหม่ ๆ ให้คนที่ตกงานจากภาคท่องเที่ยว ให้พวกเขาหางานใหม่ได้ง่ายขึ้น จะดีกว่าไหมถ้าเราจะมีรัฐบาลใหม่ ที่จัดงบประมาณแบบเห็นหัวประชาชนมากกว่านี้” นายพิจารณ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top