Friday, 25 April 2025
POLITICS NEWS

“สงคราม” อัดแผนกระจายวัคซีนล้มเหลวทำคนไทยผิดหวัง ชี้ประชาชนผิดหวังไม่ได้ฉีดวัคซีนเหตุแอพหมอทำรายชื่อหาย

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลประกาศปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชน ในวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า หลายโรงพยาบาล ประกาศ เลื่อนนัดหมายฉีดวัคซีน เพราะได้รับการจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอให้บริการประชาชน รวมทั้งได้วัคซีนเพิ่มเติมหลายพื้นที่ไม่มีความพร้อม และสร้างความสับสนให้ประชาชน ผู้ที่ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนโควิดไว้ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งทางแอพพลิเคชั่น "หมอพร้อม" รวมถึงลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.ในพื้นที่ ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ โดยพบว่าในพื้นที่ จังหวัดเลย จังหวัดราชบุรี และพื้นที่ จ.อื่นๆ ถูกเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ประกอบกับการที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์หยุดให้บริการฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนหมด อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า ที่อำเภอสังขละ จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการจัดสรรจัดการฉีดวัคซีนเพียง 8 โดสเท่านั้น

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ระบบการลงทะเบียนผ่านแอพหมอพร้อม ปรากฎว่าถึงเวลา หมอพร้อม แต่วัคซีนไม่พร้อม ส่งผลประชาชนต้องผิดหวังกับนโยบายรัฐ เพราะเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย เดินทางเพื่อฉีดวัคซีนแต่ไม่ได้รับบริการ แม้จะมีการลงทะเบียนไว้แล้ว หลายคนพบว่าไม่มีรายชื่อในระบบทั้งๆ ที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งปัญหาเกิดจากระบบแอพหมอพร้อมล้มเหลว ในขณะเดียวกันอีกหลายพื้นที่หมอไม่ให้บริหารอ้างประชาชนอยู่นอกเขตให้ไปฉีดที่จังหวัดต้นทางแทน

“ปัญหาที่เกิดขึ้น พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์โควิด ต้องรับผิดชอบ จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะประกาศกลางสภา ว่า วัคซีนที่รัฐบาลมีเพียงพอให้บริการ การที่รณรงค์ให้ประชาชนมาฉีดวัคซีน รัฐบาลจะนำวัคซีนที่ไหนฉีดให้ประชาชน ทั้งนี้คนไทยควรได้ฉีดตามความประสงค์หรือไม่ เมื่อไหร่ ยี่ห้อใดเหมาะสมกับอายุใดแน่ รัฐต้องชัดเจนและจริงใจในการให้บริการประชาชน อย่าสร้างภาพเป็นพระเอก เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่ต้องการพระเอกแต่ต้องการคนที่จริงใจทำงาให้ประชาชน”

“เลขาฯ สมช.” คาด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เริ่มทัน 1 ก.ค.นี้ เผย ต้องนำเรื่องเข้าศบค.ก่อน เน้น ความปลอดภัยของปชช. "บิ๊กเล็ก" กั๊กตอบพปชร.จัดประชุมใหญ่พรรค ขอนแก่น ขอดูรายละเอียดก่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ว่า เรื่องนี้ยังจะไม่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์นี้ เพราะจะต้องนำเข้าศบค.พิจารณาก่อน โดยคาดว่าจะหารือภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำลังหารือกับกระทรวงสาธารณสุข จะหารือกันก่อนในสัปดาห์นี้ ส่วนรายละเอียดที่จะพิจารณาคือบางกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขยังห่วงใยอยู่ เช่น การจัดวางเส้นทางเพื่อไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ โดยกระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องมีมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยที่สุด หากการหารือได้ข้อยุติและกระทรวงการท่องเที่ยวฯสามารถดำเนินการได้ตามที่สธ.แนะนำมาก็จะ โครงการดังกล่าวจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งผู้ประกอบการที่หารือร่วมกับเราอยู่ตลอดจะทราบล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะสามารถดำเนินการได้เมื่อใด

พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงพรรคการเมืองจะจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีได้หรือไม่ในสถานการณ์กำลังแพร่ระบาดโควิด ว่า ต้องขอดูในรายละเอียดก่อน ส่วนพรรคการเมืองจะไปจัดประชุมต้องดูข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่ด้วย ถ้าเป็นกรุงเทพฯก็ต้องดูกันละเอียด แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดหากสถานการณ์คลี่คลายก็สามารถทำได้ โดยจะต้องส่งรายละเอียดมาให้ ศบค.พิจารณาก่อน สำหรับการขอดูรายละเอียด ก็จะมีเรื่องจำนวนคนที่ต้องดูด้วย ยกตัวอย่างเปิดประชุมสภาฯ ก็สามารถทำได้ ถ้ามีมาตรการป้องกันโรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขก็ยอมรับได้ 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะไปจัดประชุมวันที่ 20 มิ.ย.ที่จ.ขอนแก่น ที่จะต้องรวมตัวสมาชิกจำนวนมาก สามารถใช้มาตรการเหมือนทางสภาฯ ได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จ.ขอนแก่น ไม่ใช่พื้นที่สีแดงเข้ม ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องมีมาตรการเพราะคนที่ไปจากกรุงเทพฯก็อาจทำให้เกิดข้อกังวล จึงต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน จึงไม่สามารถตอบได้ในเวลานี้

“บิ๊กเล็ก” เลขาฯ สมช.ปัดตอบ ส.ส.กทม. พรรคใหญ่ ล็อกโควตาวัคซีน แจง ยึดหลักกระจายตามแผน “ทั่วประเทศ ระบาดหนัก-พื้นที่ศก.” เผย “ไฟเซอร์-จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” เข้าไทย มาไตรมาส 3 หรือ 4 มั่นใจเข้า 100 ล้านโดส ทยอยเข้าไทยในปีนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) กล่าวกรณีที่หลายโรงพยาบาลเลื่อนการฉีดวัคซีนเนื่องจากการจัดสรรไม่เพียงพอ ว่า จำนวนยอดวัคซีนที่เข้ามาเดือน มิ.ย.นี้ จะเข้ามา 6 ล้านโดส โดยทยอยเข้ามาเป็นงวด ปัจจุบันส่งเข้ามาแล้วประมาณ 3.54 ล้านโดส ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะทยอยส่งไปตามจังหวัดต่างๆและในภาพรวม มีสถานพยาบาลที่ฉีดวัคซีนพันแห่ง ทำการฉีดไปแล้วด้วยความเรียบร้อย อาจมีบางแห่งที่ยังไม่เข้าใจว่าในเดือนมิ.ย.ได้รับเท่านี้ แต่ความจริงจะทยอยเข้ามาในงวดต่อไป ทราบว่า 1-2 วันนี้ ก็จะทยอยลงไปในพื้นที่อีก ขอย้ำว่าวัคซีนจะส่งไปเป็นงวด ๆ ไม่ใช่ทั้งก้อนทั้งหมด 6 ล้านโดส ส่งมา 3.54 ล้านโดส ก็แจกไปทั้งหมด ส่งมา 2 แสนโดส ก็ส่งไป 2 แสนโดส 

เมื่อถามว่า นายกฯระบุได้ลงนามจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ และ วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวน 25 ล้านโดส จะเข้ามาเมื่อไหร่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า จะเข้ามาช่วงไตรมาส 3 หรือ ไตรมาส 4 เรื่องนี้ยังไม่อยากบอกวันที่แน่นอนไปก่อน เพราะเมื่อไม่ได้ตามนั้นจะถูกตำหนิว่าบอกจะมาวันนั้นวันนี้แล้วทำไมไม่มา ซึ่งตามสัญญาจะใช้เป็นห่วงระยะเวลา จึงขอสื่อฯ ทำความเข้าใจเรื่องนี้กับประชาชน โดยหลักขณะนี้เรามีวัคซีนแอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส วัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส วัคซีนซิโนแวค ประมาณ 8 ล้านโดส รวมจำนวน ประมาณ 100 ร้อยล้านโดส ที่กำลังเข้ามาตามแผน แต่ทั้งหมดไม่ใช่ของที่มีอยู่ในคลัง เวลาจะฉีดค่อยนำออกมา แต่เรากำหนดฉีดตามแผนที่วัคซีนจะเข้ามาบางครั้งอาจคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ขอให้กำลังใจกระทรวงสาธารณสุข ที่พยายามทำอย่างเต็มที่ ที่ได้วัคซีนมาทุกคนในประเทศก็อยากให้วัคซีนมาเร็วแต่การนำเข้ามาไม่สามารถควบคุมได้ และ นายกฯ ให้นโยบายการแจกวัคซีนไปแล้วว่าเมื่อมีวัคซีนเข้ามาจำนวนหนึ่งให้เกลี่ยไปได้ทุกจังหวัด ส่วนที่เหลือให้เพิ่มเติมในส่วนจังหวัดที่แพร่ระบาดมากและรุนแรงมาก อีกส่วนหนึ่งคือไปที่จังหวัดเศรษฐกิจ นี่คือเกณฑ์ที่ใช้ในการกระจายวัคซีนล่าสุดและยังใช้ต่อไปขอย้ำว่าวัคซีนที่เข้ามาในประเทศจะครบ 100 ล้านโดสในปีนี้แน่นอน

เมื่อถามว่ากรณีที่มีบางพรรคการเมือง แฉว่าส.ส.กทม. พรรคใหญ่รับลงทะเบียนให้คนมาฉีดวัคซันที่สถานีกลางบางซื่อเข้าข่ายล็อกโควตาหวังผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่  พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขออนุญาตไม่ตอบเรื่องนี้ 

รัฐบาล ยืนยัน โรคลัมปีสกิน ในโค-กระบือ รักษาหายขาดได้แน่ เข้ม ป้องกันลักลอบข้ามชายแดน ด้าน ก.เกษตร เร่งกระจายวัคซีน เปิดทางเอกชน-กลุ่มเกษตรกร นำเข้า ตั้งวอร์รูมจัดการทั้งระบบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามและห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคลัมปีสกินที่กำลังระบาดในหลายจังหวัด ซึ่งเป็นโรคไวรัสผิวหนังในโค-กระบือ ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน มีแมลงเป็นพาหะ   

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทางนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า กรมปศุสัตว์ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ และมีการแจ้งเตือนเกษตรกรตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน  ล่าสุด พบว่ามีโค-กระบือ ป่วยเป็นโรคลัมปีสกิน 2.9 หมื่นตัว รักษาหายแล้ว 1 หมื่นตัว เสียชีวิต 374 ตัว ซึ่งกรมฯ ได้เข้าดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาตัวที่ป่วยอยู่ให้หายขาด โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน และไม่ติดต่อสู่คน หรือสัตว์ชนิดอื่น เมื่อรักษาหายขาด เนื้อนำมาบริโภค   

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รมว.เกษตรฯ ยังสั่งการให้กรมปศุสัตว์เข้มงวดเรื่องการเคลื่อนย้ายสัตว์ โดยเฉพาะการลักลอบเคลื่อนย้ายตามแนวชายแดนทุกแห่ง หากพบผู้กระทำผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน ควบคุม และเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุโรคลัมปีสกิน เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์โรคระบาด วางแผนการกระจายวัคซีน การป้องกันกำจัดโรค จัดหน่วยพ่นยาฆ่าเชื้อทำลายเชื้อโรค แจกสารกำจัดแมลง ยารักษา วิตามิน แร่ธาตุ และยาบำรุง เพื่อรักษาและฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ ส่วนมาตรการชดเชยเยียวยาเกษตรกรก็มีความชัดเจนเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในส่วนของวัคซีน เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ กรมฯ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศล็อตแรกจำนวน 60,000 โดส กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ แล้ว และอีก 300,000 โดส จะมาถึงในสัปดาห์นี้ ที่สำคัญกระทรวงเกษตรฯ เปิดให้กลุ่มเกษตรกร สมาคมผู้เลี้ยงโค-กระบือ ตลอดจนภาคเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้ เพื่อนำมาใช้ฉีดป้องกันโรคและสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ โดยผู้ประสงค์นำเข้าวัคซีนต้องทำหนังสือถึงกรมปศุสัตว์ หลังจากนั้น กรมฯ จะทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอผ่อนผันการนำเข้าวัคซีนที่มีทะเบียนในต่างประเทศ แต่ยังไม่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย

“นายกรัฐมนตรีมีความเชื่อมั่นในแนวทางของกระทรวงเกษตรฯที่ดำเนินการอยู่ จะควบคุมการแพร่ระบาดโรคลัมปีสกินได้ และยังกำชับให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องบูรณาการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจับกุมการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์ตามแนวชายแดน ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมการแพร่ระบาด รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่” น.ส.รัชดา กล่าว

“อนุชา” มอบ พศ. สำรวจความพร้อมพระสงฆ์ฉีดวัคซีน ยันมีความจำเป็นเพราะต้องรับกิจนิมนต์และบิณฑบาตร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดและดูแลการฉีดวัคซีนให้พระภิกษุว่า ได้สั่งการให้พศ.ประจำจังหวัดรวบรวมรายชื่อพระสงฆ์ที่แสดงเจตจำนงที่จะฉีดวัคซีน ในส่วนของโรงพยาบาลสงฆ์ก็ได้รับวัคซีนเพื่อเตียมนำไปฉีดให้พระสงฆ์ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการฉีดให้พระสงฆ์ในกทม.ไปแล้วหมื่นกว่ารูปซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญในการเร่งฉีดวัคซีนให้พระสงฆ์และดำเนินการตามความเหมาะสมมาแล้ว รวมทั้งพื้นที่เสี่ยงที่อยู่ต่างจังหวัดก็ได้ดำเนินการไปแล้วโดยประสานกับกระทรวงสาธารณสุข โดยขณะนี้พยายามทยอยฉีดอย่างเร่งด่วนเพราะพระภิกษุจำเป็นต้องรับกิจนิมนต์และมีภารกิจที่เสี่ยงพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องการบิณฑบาตรตอนเช้า เช่นเดียวกับการเยียวยาให้พระสงฆ์ก็ดำเนินการมาโดยตลอดโดยประสานสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

"แรมโบ้" ดักคอ "ตู่ จตุพร" แค่ต้องการให้นายกฯ ทำงานเข้มข้น เชื่อไม่ได้ตั้งใจบี้ ถึงลาออก

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์และนายวีระ สมความคิด จะเดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนเคยคุยเรื่องเป้าหมายของนายจตุพรไว้ว่าต้องการให้รัฐบาลดูเรื่องของความปรองดอง อย่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่หลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่มั่นใจในฐานะที่เป็นเพื่อนกันมา 30-40 ปี คิดว่านายจตุพรมีความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะขาดการพูดคุยกันที่ต่อเนื่องจากรัฐบาล คิดว่าจะหาทางพูดคุยได้เพราะถ้าไม่ติดวิกฤตโควิดก็จะมีความคืบหน้าในการพูดคุย จึงคิดว่าเป้าหมายของนายจตุพรไม่ได้ต้องการที่จะล้มนายกรัฐมนตรี เพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าการที่บอกว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นการพูดอะไรก็พูดได้ แต่ถ้าเกิดได้คนที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ และเลวร้ายมากและทำให้บ้านเมืองเสียหายมากขึ้น นายจตุพรจะรับผิดชอบได้หรือไม่ การที่มายื่นหนังสือตนมองว่าลึกๆ ไม่ได้เป็นเป้าหมายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นสัญญาณว่าต้องการให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการปฏิรูปประเทศให้เข้มข้นกว่านี้

“อนุชา” มั่นใจ ถก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 ผ่านฉลุยไม่มีปัญหากับพรรคร่วมแน่ “ปัด” ไม่เคยได้ยิน “บิ๊กป้อม” พูดประชุมพรรค 20 มิ.ย.นี้ จึงยังไม่มีเรื่องปรับพ้นตำเลขา พปชร.เข้าถึงหู

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านในสภาฯวันที่ 9 มิ.ย. ว่า คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ส.ส.ทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลคงเล็งเห็นความสำคัญในความจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.กู้เงิน ในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่จำเป็นต้องเตรียมงบประมาณมาดำเนินการช่วงวิกฤตินี้ ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรในการพิจารณา เมื่อถามว่าความเข้าใจในเรื่องการจัดสรรงบประหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทยไม่น่าจะเกิดปัญหาขึ้นอีกใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ที่ผ่านมาหลายคนมองว่ามีปัญหาเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของสมาชิกบางคนไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ซึ่งเราต้องถือว่าทุกพรรคมีเอกสิทธิมีความคิดของตัวเองแต่ถึงเวลาที่ต้องคิดเพื่อส่วนรวมก็ต้องคิดอีกอย่างหนึ่งได้ ความแตกต่างทางความคิดของนักการเมืองในลักษณะปัจเจกบุคคลอาจมีได้เป็นปกติธรรมดา เมื่อถามว่าที่มีการพิพากษ์วิจารณ์กรอบการใช้งบประมาณที่กว้างเกินไป กลัวซ้ำรอยพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านๆ ก่อนหน้านี้ นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกเรื่อง รวมไปถึงพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านๆ ที่สามารถตอลบโจทย์ได้ทุกข้อมั่นใจว่าจะไม่เป็นประเด็นปัญหา 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐเตรียมจัดประชุมใหญ่วันที่ 20 มิ.ย. ที่ขอนแก่น นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ กก.บห.พรรคยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคเมื่อมีข่าวออกมาเช่นนี้ท่านยังไม่ทราบอีกหรือ นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่มีการแจ้งเข้ามาส่วนการประชุมพรรควันเดียวกันนี้จะมีการแจ้งในเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้นตนไม่ทราบเพราะไม่เคยคุยกันก่อน และยังไม่เคยมีการพูดคุยกันเป็นการภายในอีกทั้งยังไม่เห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.พูดว่ากระไร เมื่อถามว่าในฐานะเลขาธิการพรรค มองว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมที่จะจัดประชุมใหญ่หรือไม่

นายอนุชา กล่าวว่า “เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเสี่ยงส่วนใหญ่ของกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไรก็ต้องไปว่ากัน และยิ่งเป็นประเด็นส่วนตัวของผมยิ่งไม่อยากไปแสดงความคิดเห็น ผมให้เกีรยติทุกคนที่ทำงานในพรรคและให้เกียรติกับกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคที่ท่านต้องดูแลและปกครองพรรคดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องเป็นเรื่องของส่วนรวม” เมื่อถามย้ำว่าที่บอกว่าเป็นประเด็นส่วนตัวหมายความว่าจะมีการปรับตำแหน่งเลขาตามที่มีข่าวออกมาใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ เพียงแต่เห็นว่ามีประเด็นนี้ในสื่อซึ่งตนยังไม่ทราบว่ามาจากไหนแต่ยืนยันอีกครั้งว่าข้อมูลดังกล่าวยังไม่เคยได้ยิน เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยเรื่องนี้กับหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ก็ไม่เห็นท่านว่าอย่างไรและท่านก็ยังไม่ได้ว่าอะไรในเรื่องนี้ และหัวหน้าพรรคก็ไม่ได้เอ่ยให้คนในคณะรัฐมนตรีรับทราบจึงสรุปว่ายังไม่มีประเด็น เมื่อถามย้ำว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ยังมั่นใจในตำแหน่งเลขาธิการพรรคใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่ได้คิดอย่างนั้นอย่างที่ทุกคนรู้จักตนมาตนไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก

จับตา! ครม.จ่อ เยียวยาพนง.ราชการ ที่รับผลกระทบโควิด “วิษณุ” บอก อาจเข้าวาระ พร้อมพยักหน้า เชื่อ​สภาถก พรก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ฉลุย

ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี​ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ถึงกรณีที่เสนอให้ครม. พิจารณา ถึงข้อเสนอแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลังและกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19​ ในวันเดียวกันว่า ตนยังไม่เห็นในวาระ ส่วนจะเสนอในวาระจรหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ

นอกจากนี้ นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี​ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ถึงการพิจารณาพระราชกำหนด​ (พ.ร.ก.)​ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ของสภาในวันที่ 9 มิ.ย.​ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาติดขัดอะไรใช่หรือไม่​ นายวิษณุ​ ไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่พยักหน้าแทนคำตอบ
 

“บิ๊กอุ้ย” สั่ง นายทหาร ลักทรัพย์ในวัด เข้าศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือ พร้อมให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ย้ำไม่ปกป้องคนทำผิด

พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่มี การเผยแพร่ภาพวงจรปิด ซึ่งปรากฎภาพทหารเรือนายหนึ่ง ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า ทางกองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมได้สั่งให้หน่วยงานต้นสังกัดของทหารนายนี้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยผู้ก่อเหตุได้ให้การรับสารภาพ ในเบื้องต้น พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งให้ผู้ก่อเหตุเข้ารับการฝึก ณ ศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือในทันที พร้อมทั้งให้ ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่า กองทัพเรือจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด ซึ่งหากพบว่ากำลังพลนายใดกระทำผิดกฎหมาย กองทัพเรือจะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางกฏหมายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

“บิ๊กบี้” สั่งรพ.สังกัดทบ.ทุกพื้นที่ร่วม “วาระแห่งชาติ ฉีดวัคซีนให้ปชช. ” สร้างภูมิคุ้มกันโควิด

ที่กองบัญชากการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ และมีกำหนดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ลงทะเบียนในระบบ “หมอพร้อม” เริ่มในวันนี้ (7 มิถุนายน 64)  ในส่วนของกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้ ศบค. ทบ.และกรมแพทย์ทหารบก เตรียมการและประสานงานกับสาธารณสุขเพื่อร่วมดำเนินการฉีดวัคซีนดังกล่าวตามแผนการจัดสรรในแต่ละจังหวัดอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน ตามมาตรการป้องกันโรค และช่วยคลี่คลายสถานการณ์ โควิดของประเทศไทยให้กลับมาสู่ปกติได้ในที่สุด

โดยขณะนี้โรงพยาบาลกองทัพบกทุกแห่งทั่วประเทศ ได้ใช้กำลังพลสายแพทย์ 950 นาย สนับสนุนหน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลประจำจังหวัด ร่วมในการฉีดวัคซีนให้ประชาชน นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้สนับสนุนสถานที่ที่ใช้ในการฉีดวัคซีนจำนวน 38 แห่ง ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลค่ายหรืออาคารของหน่วยทหารตามจังหวัดต่างๆ รวมทั้งการจัดกำลังพลจิตอาสาช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มารับวัคซีนด้วย 

พล.ท.สันติพงษ์ กล่าวอีกว่า ขั้นต้นจะดำเนินการต่อเนื่องตลอดห้วงเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม ซึ่งโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก มีศักยภาพที่จะให้บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้วันละ 3,000 คน โดยขณะนี้มีผู้ที่ลงทะเบียนขอเข้ารับวัคซีนกับโรงพยาบาลกองทัพบก 79,172 คน สำหรับโรงพยาบาลค่าย/สถานที่ฉีดวัคซีนที่กองทัพบกรับผิดชอบในแต่ละแห่ง จะมียอดให้บริการฉีดวัคซีนในแต่ละวัน 80-1,500 คน ตามการลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้โรงพยาบาลกองทัพบกได้บริหารจัดการการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้รับความสะดวกที่สุด มีความรวดเร็วในขั้นตอนต่างๆ ทั้งด้านการบันทึกข้อมูล ขั้นตอนการฉีด การสังเกตอาการ รวมทั้งการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันเชื้อโควิด

“ผู้บัญชาการทหารบก ได้ไปตรวจเยี่ยมการบริการวัคซีนให้กับประชาชน พร้อมให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน ที่รพ.พระมงกุฏเกล้า ซึ่งได้ใช้อาคารสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ชั้น G เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนเป็นการเฉพาะแยกออกจากบริเวณการรักษาและบริการผู้ป่วยของโรงพยาบาลโดยมียอดประชาชนที่ลงทะเบียนในระบบเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันนี้ 1,117 คน” โฆษกกองทัพบก กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top