Friday, 25 April 2025
POLITICS NEWS

ทอ. แจง! กรณีใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุวัดพระศรีมหาธาตุ ยัน ค่าใช้จ่ายการณาปนกิจศพเป็นราคาสวัสดิการ หลังศาลปกครองชี้การใช้ประโยชน์ไม่ชอบด้วย กม.

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า จากกรณีสำนักข่าวอิศราได้นำเสนอข่าว ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 321/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 1037/2558 ลงวันที่ 29 มี.ค.2564 พิพากษาให้เพิกถอนหมายเหตุในทะเบียนที่ราชพัสดุ แปลงเลขทะเบียนที่ กท.1436 ที่ให้กองทัพอากาศใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุบริเวณสุสานและฌาปนกิจสถาน บริเวณวัดพระศรีมหาธาตุ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.) ที่ดินพิพาทจำนวน 7 แปลง (บริเวณฌาปนสถาน กองทัพอากาศ) เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 1304 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และเป็นที่ราชพัสดุ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ.2518 โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามความเห็นของ คณะกรรมการกฤษฎีกา และมีกองทัพอากาศเป็นผู้ใช้ประโยชน์มาโดยตลอด 

2.) ค่าใช้จ่ายการในการณาปนกิจผู้ที่เสียชีวิตมีความเป็นธรรมและมีการแสดงราคาค่าใช้อย่างชัดเจน รวมทั้งเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเลือกบริการหรือจัดหาสิ่งของบางอย่างมาเองได้ตามอัธยาศัย มิได้มีการบังคับแต่อย่างใด รวมทั้งเน้นการบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส โดยมีกองการฌาปนกิจสงเคราะห์ กรมสวัสดิการทหารอากาศ เป็นหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ มีวัตถุประสงค์เพื่อไว้เป็นสถานที่ในการฌาปนกิจศพทหารผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเป็นสถานที่ให้กำลังพลกองทัพอากาศ ทั้งในและนอกประจำการ ตลอดจนสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กองทัพอากาศได้ใช้เป็นที่ฌาปนกิจศพ รวมทั้งบริการด้านสุสานในการเก็บศพและเก็บอัฐิในราคาสวัสดิการ  

สำหรับรายได้จะนำเข้ากองทุนฌาปนสถานกองทัพอากาศ เพื่อไว้ใช้จ่ายในกิจการฌาปนสถาน อาทิเช่น ค่าบุคลากร ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการสร้าง รักษา ซ่อมแซม และบูรณะอาคารสถานที่ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา กองทัพอากาศได้มีการพัฒนาการปรับปรุงและก่อสร้างเมรุเผาศพขึ้นใหม่เพื่อให้ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและถูกต้องตามกฎหมาย โดยผ่านเกณฑ์การตรวจจากกรุงเทพมหานคร เพื่อการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

3.) คดีพิพาทดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ของศาลปกครองสูงสุด หากศาลมีคำพิพากษาเป็นประการใด กองทัพอากาศยินดีปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลทุกประการ

ทั้งนี้ โฆษกกองทัพอากาศยืนยันว่า “กองทัพอากาศมีความพร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ”

‘บิ๊กตู่’ ขอโทษ ทำหลายคนไม่สบายใจ ยอมรับทำงานคนหมู่มากย่อมมีปัญหา ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ พร้อมแสดงความเสียใจคนฉีดวัคซีนมีปัญหา ยืนยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ

ที่สถานีกลางบางซื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ ที่จุดบริการฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา 3.5 ล้านโดส ทั้งวัคซีน AstraZeneca และซิโนแวค และเข้ามาเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะต้องบริหารสถานการณ์ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีการจัดสรรวัคซีนเตรียมพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และวันนี้อยู่ในขั้นตอนการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจะบริหารวัคซีนรายสัปดาห์และนำมาแจกจ่ายตามสถานการณ์ ทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีปัญหาทุกคน ยืนยันว่า ทุกคนทำงานกันอย่างเสียสละ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลพยายามทำเต็มที่ คำว่าเต็มที่ก็คือเต็มที่ตามสถานการณ์ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งในประเทศและสถานการณ์วัคซีนโลก เราจำเป็นต้องบริหารให้สอดคล้องกับความเสี่ยง อะไรที่ทุกคนไม่สบายใจตนต้องขอโทษ และจะทำให้ดีที่สุด พร้อมระบุว่าทุกคนทำเพื่อคนไทย แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเพราะคนจำนวนมาก แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจกับสาธารณสุข ทุกคนก็เหนื่อยพอสมควร แรงกดดันสูง ในเมื่อทุกคนอยากฉีด เราก็มีหน้าที่ในการหาวัคซีน ในช่องทางที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็พูดได้หมด ขอให้สงบเรียบร้อย พร้อมกับระบุว่า การใช้สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการรับคนได้จำนวนมากก็ดี เพราะถือว่าให้ทุกคนได้รู้จากสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน นี่แหละคืออนาคตที่รัฐบาลที่แล้วทำไว้ให้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นขอให้คิดถึงสิ่งดีๆ หาสิ่งดีๆ ให้เจอบางทีก็อาจจะมองไม่เห็น จริงๆ ตอนไม่ได้ไปตรวจแต่ไปเยี่ยมให้กำลังใจเพราะเขาทำกันดีอยู่แล้ว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธการตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมกับระบุว่า ขออย่าซักถามเพราะจะนำให้เกิดการตีความ ก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘อนุทิน’ ยืนยัน มิ.ย.นี้ ไม่มีโรคเลื่อน ประชาชนได้ฉีดวัคซีนตามนัด พร้อมจัดสรรเมื่อได้รับอนุมัติครอบคลุมช่วงอายุ 3 ขวบ ย้ำ ให้รับข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขที่เดียว ไม่ต้องฟังโรงพยาบาล กันสับสน

เมื่อเวลา 08.10 น. ที่สถานีกลางบางซื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการคิกออฟวันฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศวันเดียวกันนี้ว่า วันนี้เป็นวันสัญลักษณ์จะมีการจัดการวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งที่สถานีกลางบางซื่อเป็นการฉีดให้กับบุคลากรทางด้านขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงมาก ต้องสัมผัสกับคนเยอะ ซึ่งก็ฉีดไปได้เยอะแล้ว และสัปดาห์นี้เราจะเน้นการฉีดครูทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการเปิดเทอมของนักเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจและมั่นใจได้ว่าครูมีความปลอดภัย ได้รับวัคซีนถ้วนหน้า และเมื่อได้ข่าวมาว่าวัคซีนซิโนแวค ซึ่งเราใช้อยู่ กำลังขอครอบคลุมอายุไปจนถึง 3 ขวบ ซึ่งเราก็อยากให้การอนุมัติได้เร็วที่สุด รัฐบาลให้ความมั่นใจ ให้คำยืนยันว่า เมื่อมีการอนุมัติไปถึงช่วงอายุใด เราก็จะจัดวัคซีนไปให้บริการกับคนทุกช่วงอายุ เพื่อให้วัคซีนอย่างทั่วถึง

เมื่อถามว่า สำหรับประชาชนทั่วไปตั้งเป้าจะฉีดให้ได้ประมาณเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้หลายโรงพยาบาลบอกว่าจะเลื่อนในวันที่ 8 มิ.ย.ออกไปก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า ฟังกระทรวงสาธารณสุข ไม่ต้องไปฟังโรงพยาบาล เมื่อถามอีกว่าแต่ตอนนี้ประชาชนสับสน นายอนุทิน ตอบว่า สับสน เพราะฟังหลายทาง ฟังทางไลน์ ทางโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ได้ฟังผู้ที่รับผิดชอบ คือรมช.สาธารณสุข ปลัดสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมการแพทย์ เราก็ให้การสื่อสารมากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้ว แต่ละโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขต้องออกมาแก้ข่าวว่าไม่มีการเลื่อน และไม่ได้เคยเลื่อน ฉะนั้นต้องฟังจากคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ต้องสั่งเยอะ ให้ฟังที่เดียว เมื่อถามว่ายืนยันเดือนมิ.ย.วัคซีนเข้ามา 6 ล้านโดสใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่ามีวัคซีนฉีดตามนัด ใครนัดได้วันไหนก็มีวัคซีนฉีดวันนั้น


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"แรมโบ้" จวก "เลขาฯ พท." ยุพรรคร่วมแตกแยก หวังเตรียมการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ล้างมลทินตระกูลชินวัตร

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคร่วมรัฐบาลกำลังจะแพแตก ว่ารัฐบาลยังมีเสถียรภาพมั่นคง และทำงานยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี เน้นให้ทุกคนเสียสละ อย่าหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ที่พรรคเพื่อไทยออกมาพูด เพราะอยากมีอำนาจรัฐ และน่าสังเกตว่าช่วงนี้นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาเคลื่อนไหววิจารณ์รัฐบาลบ่อยครั้ง มีเป้าหมายคือล้มรัฐบาล อยากกลับขึ้นมามีอำนาจ และหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ได้สำเร็จเป้าหมายต่อไปคือออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยล้างมลทินให้กับตระกูลชินวัตร นำสองคนพี่น้องกลับบ้านให้ได้ 

นายเสกสกล กล่าวว่า นายทักษิณ บอกว่าถ้ากลับมาเป็นผู้นำจะแก้ปัญหาประเทศให้จบภายใน 6 เดือน ขี้โม้มากกว่า แค่งานที่เคยรับปากประชาชนตอนเป็นผู้นำรัฐบาล คือ แก้ปัญหาจราจรในกทม.ภายใน 6เดือน อยู่นานกว่า 5 ปี และมีรัฐบาลที่นายทักษิณ สั่งการได้อีกสามนายกฯ ยังแก้ไขไม่ได้ ไม่สมราคาคุย ส่วนพรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงรับปากว่าจะให้ชาวนาหมดหนี้สินทุกครัวเรือน แต่กลับทิ้งหนี้สินให้ชาวนา จนต้องผูกคอตายไปหลายราย และทำรัฐบาลนี้ต้องตามใช้หนี้ จึงเชื่อถือในคำพูดนายทักษิณไม่ได้ แค่ปั่นกระแสดราม่าให้ตนเองให้สมุนหรือเครือข่ายฮึกเหิม  โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะแตกแยก โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน

"พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเวลามาเล่นการเมือง เหมือนนายทักษิณ แต่พูดจริงทำจริง ประกาศฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ มีแนวทางเปิดให้นักท่องเที่ยวจากประเทศปลอดภัยจากโควิดและฉีดวัคซีนครบแล้วเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีโครงการเครือข่ายคมนาคม การลงทุนก่อสร้าง นี่คือนายกฯตัวอย่างที่ใจซื่อมือสะอาด นายกฯคนที่ไม่ต้องคุยขี้โม้โอ้อวด แต่ลงมือทำจริง ไม่เสียเวลาคิดหาเงินทอนใส่กระเป๋าตนเอง หรือแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง นายกฯมีความตั้งใจเดินหน้าทุ่มเททำงาน และรักษาผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ”

“บิ๊กตู่” เยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง “บิ๊กป้อม” ไม่น้อยหน้านำ รมต.พปชร.รุดต้อนรับ

ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังจากที่ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ที่สถานีกลางบางซื่อ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยให้การต้อนรับ และที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง ก็ไม่น้อยหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับด้วย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ห่วงใยผู้ใช้แรงงาน ตนจึงมอบหมายสำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงการคลัง โดยธนาคารกรุงไทย และสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม ทั้งภาครัฐและเอกชน บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายออกสู่วงกว้างทั้งในโรงงาน และสถานประกอบการ ในเบื้องต้นได้กำหนดจัดการฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 7 - 26 มิ.ย.64 ซึ่งวัคซีนล็อตแรกจำนวน 1 ล้านโดส จะฉีดให้กับผู้ประกันตนที่แจ้งความประสงค์ต้องการรับวัคซีนโควิด-19 กับนายจ้าง และบันทึกลงระบบ e-service ตามที่สำนักงานประกันสังคมได้ทำการสำรวจตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้จัดลำดับคิวการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยตามลำดับที่นายจ้างได้แจ้งความประสงค์ผ่านระบบ และได้ประสานนายจ้างจัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เข้ารับการฉีดวัคซีนตามจุดที่สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดไว้ทั้งสิ้น 45 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร เช่น สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาคารซันทาวเวอร์ ศูนย์กีฬาบางขุนเทียน และตามที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสถานประกอบการที่ลูกจ้าง/ผู้ประกันตนทำงานอยู่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-12 ได้จัดเตรียมสถานที่ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร อุปกรณ์ทางการแพทย์จากโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม 23 แห่ง โดยมีศักยภาพในการฉีดได้วันละ 50,000 คน ซึ่งทุกศูนย์ให้บริการระหว่างเวลา 08.00 - 17.00 น. 

“ขอให้ผู้ประกันตนทุกคนมั่นใจ กระทรวงแรงงานพร้อมดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการวัคซีนโควิด-19 อย่างแน่นอน สำหรับผู้ประกันตนที่ลงทะเบียนไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการนัดหมายให้เข้ารับการฉีดวัคซีนในล็อตแรก หากสำนักงานประกันสังคมได้รับการจัดสรรวัคซีน จะนัดหมายให้เข้ารับการฉีดในล็อตถัดไป เรียงตามลำดับการลงทะเบียน ทั้งนี้ หากท่านไม่มาตามกำหนดเวลา จะถือว่าสละสิทธิ์ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 รวมถึงการเข้ารับการรักษา ติดต่อสายด่วน 1506 กด 6 และ   หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ติดต่อสายด่วน 1506 กด 7 เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ” นายสุชาติ กล่าว

จากนั้นนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 พร้อมให้กำลังใจผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

“สงคราม” ชี้ช่วยธุรกิจต้องจริงใจอย่าลอยแพรายย่อย หวั่น “บิ๊กตู่” กู้ 5 แสนล้านแจกพรรคการเมืองสร้างฐานเสียงในพื้นที่

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลกระทบกับคนไทยทุกคน ประกอบกับการที่รัฐบาลบริหารจัดการวัคซีน ล้มเหลว ไม่ให้ความสำคัญเรื่องวัคซีนมากที่ควร และจำกัดให้ประชาชนฉีดวัคซีนที่รับจัดหาให้ หลายรายพบว่าเกิดอาการไม่พึงประสงค์หนักบ้าง เบาบ้างต่างกันไป ที่หนักสุดคือเสียชีวิต รัฐควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นในวัคซีนมากกว่านี้ เพราะวัคซีนคือทางออกของประเทศ อย่างแท้จริง เพราะประชาชนต้องการวัคซีน ทุกวันนี้มีคนติดเชื้อ มากกว่า 1 แสนคน เสียชีวิตมากกว่า 30 คน ต่อวัน รัฐบาลใจดำมากที่มองคนที่เสียชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา นิ่งเฉยต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้รัฐบาลกู้เงินมหาศาลเพื่อมาใช้จ่าย โดยที่ผ่านมารัฐบาลมาขอให้อนุญาตจากสภาเพื่อออกพระราชกำหนดเงินกู้ 1 ล้านล้าน ที่โดยอ้างว่าจะนำไปช่วยผู้ประกอบการธุรกิจ เอสเอ็มอี แต่เงินที่กู้มารัฐนำไปใช้ในการสร้างฐานการเมืองมากกว่า นำไปทำถนน หรือ ขุดลอกคูคลองในพื้นที่ของนักการเมืองพรรครัฐบาล หวังสร้างฐานการเมือง เป็นการใช้เงินซ้ำซ้อนกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งรัฐบาลไม่แสดงความจริงใจ ที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ รัฐปล่อยลอยแพผู้ประกอบการรายย่อย

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท แต่ว่าที่ผ่านมามันเต็มไปด้วยการปกปิดหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ถ้ารัฐบาลเคารพประชาชน ก็ต้องสื่อสาร และให้ข้อมูลมากกว่านี้ นอกจากนี้ยังไม่มีอะไรการันตีว่าเงิน 5 แสนล้านบาทที่จะกู้จะถูกนำไปใช้ถูกทิศถูกทาง เพราะคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินก็ยังใช้ชุดเดิม ไม่มีหน่วยงานหรือกลไกที่จะมาช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายที่เป็นปัญหาในพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท หากรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงได้คงให้ผ่านไม่ได้

“การจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ พลเอกประยุท์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องไม่ตั้งเงื่อนไขที่เป็นกำแพงหนาทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ และต้องไม่เลือกปฎิบัติช่วยเฉพาะผู้ประกอบการชั้นดี เพราะหากทำเช่นนั้นเงินกู้จำนวน 500,000 ล้านบาท จะล้มแหลวรอบ 2 เพราะไม่สามารถที่จะกู้ชีวิตผู้ประกอบการที่กำลังโคม่าได้ แต่รัฐบาลจะเป็นคนดึงสายอ็อกซิเจนของผู้ประกอบการอก สุดท้ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็ไม่สามารถรอดจากวิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน” นายสงคราม กล่าว

“บิ๊กตู่” ขอโทษ ทำหลายคนไม่สบายใจ ยอมรับทำงานคนหมู่มากย่อมมีปัญหา ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ พร้อมแสดงความเสียใจฉีดวัคซีนมีปัญหา ยืนยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ปฎิเสธตอบทุกคำถามหวั่นถูกตีความ

ที่สถานีกลางบางซื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ ที่จุดบริการฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา 3.5 ล้านโดส ทั้งวัคซีน astrazeneca และซิโนแวค และเข้ามาเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะต้องบริหารสถานการณ์ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีการจัดสรรวัคซีนเตรียมพื้นที่ต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และวันนี้อยู่ในขั้นตอนการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจะบริหารวัคซีนรายสัปดาห์และนำมาแจกจ่ายตามสถานการณ์ ทุกกลุ่มเป้าหมาย 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีปัญหาทุกคน ยืนยันว่า ทุกคนทำงานกันอย่างเสียสละ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลพยายามทำเต็มที่ คำว่าเต็มที่ก็คือเต็มที่ตามสถานการณ์ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งในประเทศและสถานการณ์วัคซีนโลก  เราจำเป็นต้องบริหารให้สอดคล้องกับความเสี่ยง อะไรที่ทุกคนไม่สบายใจจนต้องขอโทษ และจะทำให้ดีที่สุด พร้อมระบุว่าทุกคนทำอะไรเพื่อคนไทยทุกคน แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเพราะคนจำนวนมาก แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจกับสาธารณสุข ทุกคนก็เหนื่อยพอสมควรแรงกดดันสูงในเมื่อทุกคนอยากฉีด เราก็มีหน้าที่ในการหาวัคซีน ในได้ช่องทางที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็พูดได้หมด ขอให้สงบเรียบร้อย พร้อมกับระบุว่า การใช้สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการรับคนได้จำนวนมากก็ดี เพราะถือว่าให้ทุกคนได้รู้จากสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน นี่แหละคืออนาคตที่รัฐบาลแล้วทำไว้ให้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นขอให้คิดถึงสิ่งดีๆหาสิ่งดีๆให้เจอบางทีก็อาจจะมองไม่เห็น จริงๆตอนไม่ได้ไปตรวจแต่ไปเยี่ยมให้กำลังใจเพราะเขาทำกันดีอยู่แล้ว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธการตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมกับระบุว่า ขออย่าซักถามเพราะจะนำให้เกิดการตีความ ก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

“เรืองไกร” เตรียมยื่น “ชวน” เตือน “พิธา” ระวังสิ้นสภาพถูกเพิกถอนสิทธิปมหั่นงบไปใช้ส่วนอื่น

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฐานะกรรมาธิการร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาฯ กล่าวว่า ตนเห็นข่าวเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. และ 6 มิ.ย.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. และหัวหน้าพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการจะปรับลดงบประมาณปี 2565 แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ และคงจะต้องเตือนด้วยความหวังดี ทั้งนี้ ตามเนื้อข่าวนายพิธา ตั้งใจทำงานดี โดยจะใช้ฐานะ กมธ.คนหนึ่ง ปรับลดงบประมาณออกจำนวนหนึ่ง และกล่าวด้วยว่าจะนำงบประมาณที่ปรับลดไปใช้อย่างนั้นอย่างนี้ การกระทำดังกล่าวของนายพิธานั้นมีสองส่วน ส่วนหนึ่งทำได้ แต่อีกส่วนหนึ่งทำไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ส่วนที่ทำได้ คือ ส.ส. หรือกรรมาธิการ ทำการปรับลดงบประมาณได้ ยกเว้นเฉพาะบางรายการที่ห้ามไว้ ส่วนที่ทำไม่ได้ คือการปรับลดงบประมาณที่มีผลทำให้ ส.ส. หรือ กมธ.มีส่วนในการใช้งบประมาณ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม จะกระทำมิได้

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า สิ่งที่นายพิธาคิดและจะทำในส่วนที่สอง คืออ้างว่าจะนำงบประมาณที่ปรับลดไปใช้อย่างนั้นอย่างนี้ จึงทำไม่ได้ กรณีนายพิธาถือเป็นความคิดที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่เกิดการกระทำตามมา ประกอบกับ กมธ.งบประมาณมีทั้ง ส.ส. และคนที่ไม่ใช่ ส.ส. ดังนั้นเพื่อให้เกิดความระมัดระวังมิให้มีการฝ่าฝืนม.144 ตนจึงเห็นว่าควรนำเรื่องนี้แจ้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อเตือน ส.ส. ในสภาฯ และอีกทางหนึ่งตนก็แจ้งให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ฐานะประธานกรรมาธิการฯ แจ้งเตือนในที่ประชุมด้วย โดยจะยื่นหนังสือให้ประธานสภาฯ ในช่วงบ่ายเพื่อดำเนินการแจ้งเตือน ส.ส. ต่อไป

ราเมศ ย้ำ ปชป รุกผลักดันแก้ปัญหาที่ดินทำกิน อย่างเป็นระบบ ยั่งยืน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงปัญหาที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชนว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่พบปะและช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าการให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกิน ที่มีหลายกรณีปัญหา ที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่จริงใจในการคลายความทุกข์ให้ชาวบ้าน หลายพื้นที่มีการขีดเขตป่าทับที่ดินประชาชน หลายพื้นที่มีประชาชนถูกไล่ดำเนินคดีทั้งๆ ที่ดินแปลงดังกล่าวอาศัยอยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษกว่า 100 ปี หลายพื้นที่ประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะทับที่ดินของชาวบ้าน ใครไม่เป็นเช่นนั้นย่อมไม่รู้สึก ถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้น ตื่นเข้ามาไม่รู้ว่าจะถูกดำเนินคดีเมื่อใด ลูกหลานจะอยู่อย่างไรหากไม่มีที่ดินทำกินจะอพยพไปอยู่ที่ไหน 

ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครผิดใครถูก แต่อยู่ที่การพิสูจน์สิทธิอย่างตรงไปตรงมา ประชาชนรับได้หากมีการดำเนินการที่ตรงไปตรงมาและเป็นธรรม ชาวบ้านไม่ได้ปฏิเสธกฎหมายเลยแม้แต่น้อย การต้องการเพียงที่ดินทำกิน คือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน หากรัฐไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้เป็นระบบและยั่งยืน ปัญหาก็จะถูกส่งจากรุ่นสู่ไม่มีวันจบสิ้น ประชาชนจำนวนมากถามหาสิทธิแบบไหนก็ได้ที่ให้มีที่ทำกิน ทุกพื้นที่มีการถามถึงโฉนดชุมชน สิทธิในการใช้ประโยชน์พื้นที่ดินในชุมชน 

ส่วนของพรรคมีการขับเคลื่อนโดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเร่งออกโฉนดเป็นแนวทางที่ดีและประสบความสำเร็จ ที่มีการเดินสำรวจในหลายพื้นที่ 

แต่ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่ทำการเดินสำรวจควรดำเนินการเร่งพิสูจน์สิทธิในคราวเดียวกัน ควรร่วมพูดคุยเพื่อหาแนวทางกัน หากที่ดินแปลงใดมีปัญหาดังที่กล่าวมา จนท ก็จะข้ามไป เว้นปัญหาไว้ไม่มีการเข้าไปสำรวจพิสูจน์สิทธิในคราวเดียวกัน ความทุกข์ของประชาชนก็ไม่จบสิ้น
พรรคจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ร่วมกันขับเคลื่อนเป็นวาระเพื่อประชาชนต่อไป และจะนำเสนอกรรมาธิการพิจารณางบประมาณในส่วนของพรรคเพื่อนำไปขับเคลื่อนต่อสู้ในเรื่องการวางโครงสร้างในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินเพื่อให้เกิดผลสำเร็จและยั่งยืนต่อไป

‘ธนกร’ วอนกลุ่มไม่หวังดีหยุดสร้างเฟคนิวส์โจมตีงบ 65 จวกสร้างความสับสนให้ประชาชนยิ่งซ้ำเติมประเทศ จี้ดีอีเอสเร่งเอาผิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2565 ในวาระแรก ก็มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีออกมาสร้างข่าวเท็จเผยแพร่ตามโซเชียลต่างๆ ในหลายประเด็นด้วยกัน อาทิ 

1.) สถาบันพระมหากษัตริย์ได้งบประมาณปี 65 จำนวน 3 หมื่นกว่าล้านบาท ทั้งที่ในข้อเท็จจริง เป็นงบประมาณที่รัฐบาลโดยหน่วยงาน/กระทรวงต่างๆ ดำเนินการให้กับประชาชนตามแนวทางพระราชดำริ ที่เน้นพัฒนาคุณภาพชีวิต/ปากท้องของประชาชน ส่วนงบสำหรับหน่วยงานในพระองค์ได้รับงบประมาณ 8,761 ล้านบาท คิดเป็น 0.26% ของงบประมาณประเทศทั้งหมด และได้รับลดลงจากปี2564 จำนวน 219 ล้านบาท ซึ่งโดนปรับลดด้วยซ้ำไป นายธนกร กล่าวต่อว่า 

2.) งบของกระทรวงศึกษาถูกตัด 20,000 ล้านบาท ทั้งที่ในความจริง งบกระทรวงศึกษาลดลงร้อยละ 1.14 เนื่องจากจำนวนนักเรียนลดลง 60,000 คน ตามโครงสร้างประชากรของประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลง แต่งบประมาณในเรื่องพัฒนาการศึกษาเพิ่มมากขึ้นจากปี 2563 ถึง 5,000 ล้านบาท คิดเป็น 103.27% 

3.) งบกระทรวงสาธารณสุขถูกตัด 4,300 ล้านบาท ทั้งๆ ที่โควิดระบาดหนัก ในความเป็นจริง งบกระทรวงสาธารณสุขที่ถูกตัด เป็นค่าใช้จ่ายฝึกอบรมสัมมนา ค่าใช้จ่ายการประชุม ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่กระทบการให้บริการประชาชน และด้านการเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์กลับได้งบประมาณเพิ่มถึง 10,000 ล้านบาท 

4.) กล่าวหาว่างบสถาบันวัคซีนให้แค่ 22 ล้านบาท ทั้งที่ความจริงรัฐบาลตั้งงบประมาณปี 63-64 และใช้เงินกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องจัดหาวัคซีนทั้งจากต่างประเทศและผลิตในประเทศ 21,000 ล้านบาท นายธนกร กล่าวอีกว่า 

5.) มีการกล่าวหาว่า งบประมาณบัตรทองถูกตัด 2,000 ล้านบาท ทั้งที่ในความเป็นจริง งบประมาณโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2565 ได้รับงบประมาณสูงถึง 198,891 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2564 ที่ตั้งไว้ 194,508 ล้านบาท และมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนอีก13 รายการ 

6.) ข้อกล่าวหาว่างบกองทัพได้เพิ่ม 2,700 ล้านบาท และงบประมาณสูงมากกว่างบกระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่ในข้อเท็จจริง งบประมาณด้านสาธารณสุข 295,673.9 ล้านบาท สูงกว่างบประมาณ กลาโหม 92,399 ล้านบาท กระทรวงกลาโหมถูกลดงบประมาณจากปี 2563-64 อย่างต่อเนื่อง ปี 2563 อยู่ที่ 232,000 ล้านบาท ปี 64 อยู่ที่ 215,000 ล้านบาท และปี 65 อยู่ที่ 203,000 ล้านบาท และตัวเลขที่ฝ่ายค้านกล่าวว่ากองทัพได้งบเพิ่มนั้นเป็นตัวเลขที่นำเอาเฉพาะโครงการด้านยุทโธปกรณ์ของปีงบประมาณ 64 และ 65 มาคำนวณ และกล่าวหาว่ากองทัพได้งบประมาณเพิ่มเติม ทั้งๆ ที่ในภาพรวมงบกลาโหมถูกตัดเยอะเป็นอันดับต้นๆ และ

7.) งบบัตรสวัสดิการประชารัฐ ถูกตัด 20,000 ล้านบาทแต่ในข้อเท็จจริงเนื่องจากกองทุนบัตรสวัสดิการประชารัฐยังเหลือเงินอยู่ 20,400 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมกับงบประมาณปี 65 ที่ตั้งให้ 30,000 ล้านบาท จะมีเงินให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 50,000 ล้านบาท กับประชาชนที่ได้รับบัตรสวัสดิการ 14.6 ล้านคนครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ตนหวังว่าการกระทำดังกล่าวคงไม่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้กับประเทศ และขอให้กระทรวงดีอีเอสเร่งดำเนินการเอาผิดคนกลุ่มนี้ทันทีด้วย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top