Friday, 25 April 2025
POLITICS NEWS

"เครือข่าย We Fair" ยื่นหนังสือ จี้ "กมธ.งบ 65" จัดลำดับความสำคัญงบ ทุ่มนโยบายสวัสดิการสังคมมากกว่าซื้ออาวุธ ด้าน "พิธา" อัด เป็นการจัดงบระหว่างอภิสิทธิ์ชน-ปชช. ในขณะที่ประเทศดิ่งเหว

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน เวลา 09.40 น ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย  และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เป็นตัวแทนรับหนังสือจากเครือข่าย We Fair เพื่อขอให้กรรมาธิการงบประมาณฯจัดลำดับความสำคัญในนโยบายสวัสดิการสังคม ได้แก่ สุขภาพ การศึกษา ประกันสังคม ที่อยู่อาศัย เงินอุดหนุนเด็ก บำนาญประชาชนมากกว่านโยบายที่ไม่ใช่ลำดับความสำคัญ เช่น งบประมาณการจัดซื้ออาวุธ

โดยนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ แกนนำเครือข่าย We Fair กล่าวว่า งบประมาณ 65 ไม่ตอบโจทย์ 3 ประเด็น ได้แก่

1.ทำไมงบสวัสดิการของประชาชนถึงลดลง 10% ขณะที่ยังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 แต่งบราชการยังเพิ่มสูงขึ้น และยังไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของงบโดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่ยังคงสูงมากเป็นลำดับที่ 4 แต่กลับมีการปรับลดในส่วนของประกันสังคม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และงบประมาณสปสช. ทำให้มีข้อกังวลว่าจะทำให้มีการปรับลดลงอีกหรือไม่ในวาระที่ 2 

2.การจัดงบครั้งนี้ยังพบวิกฤตการณ์ของความเหลื่อมล้ำโดยเฉพาะเงินอุดหนุนประชาชนใน 3 นโยบาย ได้แก่ นโยบายดูแลเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี และนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุที่ยังไม่มีการปรับขึ้น รวมถึงเบี้ยนโยบายคนพิการก็ยังเท่าเดิม แต่เงินสวัสดิการราชการกลับมากกว่าสวัสดิการของประชาชน เพราะงบประมาณ 40% ล้วนแต่เป็นเงินข้าราชการที่าจากงบประมาณของประเทศ ดังนั้น ต้องมีการปฏิรูประบบข้าราชการ ขณะที่ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ความสำคัญกับกำลังพล กองทัพ มากกว่าข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาหรือไม่ ซึ่งดูได้จากงบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ได้มากกว่ากระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ

3.วิกฤติการณ์โควิดและไม่ตอบโจทย์กับเศรษฐกิจ ทางเครือข่ายจึงเดินทางมายื่นหนังสือถึงกมธ. เพื่อขอให้พิจารณาและให้ครม.ต้องทบทวนการจัดสรรงบประมาณใหม่

ด้านนายพิธา กล่าวว่า ยืนยันว่างบประมาณปีนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองและไร้สามัญสำนึก มีการจัดงบระหว่างอภิสิทธิ์ชนกับประชาชนในยามที่ประเทศดิ่งเหว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสังคมไทยว่ายังเป็นแบบไหน เรามีหน้าที่ปกป้องสวัสดิการของประชาชนที่ให้สัญญาไว้ คือ การรีดไขมันเพื่อนำงบของอภิสิทธิ์ชนและงบของทหารมาเป็นกองกลางให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปจัดซื้อวัคซีนมากว่าการจัดซื้ออาวุธและกระจายงบประมาณคืนกลับหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ต้องถูกตัดงบไป ทั้งนี้จะไปพูดคุยในกมธ.และรัฐบาลถึงเรื่องรัฐสวัสดิการในประเทศให้เขาได้เข้าใจ เพราะเราต้องโอบอุ้มคนเปราะบางให้ใช้ชีวิตต่อไปได้และประเทศไทยต้องฟื้นฟูใหม่

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้ถือว่าเป็นกฎหมายที่เราต้องทำให้เกิดประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะปัจจุบันประเทศเกิดวิกฤตเชื้อโรคที่โจมตีกับทุกคน ดังนั้นชีวิตมนุษย์ย่อมสำคัญกว่าวัตถุ โดยการจัดงบประมาณปี 65 ให้ความสำคัญกับวัตถุ การก่อสร้าง และการซื้ออาวุธมากกว่าชีวิตประชาชน ทางกมธ.งบประมาณฯ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิดและสื่อไปถึงรัฐบาลว่าประชาชนไม่ใช่ลูกหนี้ผู้รับใช้ แต่รัฐบาลและข้าราชการเป็นหนี้กับประชาชนเพราะเงินเดือนทุกบาทมาจากภาษีของประชาชน

ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณไม่ใส่ใจประชาชน ซึ่งในวาระแรกในชั้นพิจารณารับหลักการ ทางส.ส.ฝั่งรัฐบาลก็อภิปรายอย่างดุเดือด ชี้ให้เห็นความบกพร่องถึงร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้แต่ท้ายสุดกลับลงมติรับหลักการ ซึ่งตนคิดว่าเราต้องติดตามในการพิจารณาหลักการในวาระ 2 และจะร่วมกันตรวจสอบต่อไป

"แรมโบ้” จวก “จาตุรนต์" นักการเมืองเสื่อมคุณภาพ บิดเบือนข้อมูลวัคซีน แจงเหตุไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์เหตุที่ไทยไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX ของประเทศไทย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงไปแล้วว่าไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้วัคซีนฟรี

แต่ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับการจัดหาวัคซีนที่จะให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันได้เพียงพออย่างแน่นอน ขออย่าตำหนินายกฯ และรัฐบาล เพียงอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมานายจาตุรนต์ ก็เห็นแล้วว่านายกฯ รัฐบาล ทำงานหนัก ทำทุกอย่างเต็มที่ แตกต่างกับคนที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมือง มีแต่ออกมาตำหนิกล่าวหาคนทำงาน และนายจาตุรนต์ ควรหัดทำตัวเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง อย่าเอาวัคซีนมาตีกินทางการเมือง หรือฝ่ายค้านตกงาน ว่างงานมาก จึงพยายามตีกินเรื่องวัคซีน แต่ประชาชนไม่ได้โง่และเข้าใจรัฐบาลดีและเห็นว่าฝ่ายค้านพยายามให้ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงมาตลอด ส่วนนายจาตุรนต์ ก็เกาะกระแสบิดเบือนไปด้วยจนกลายเป็นนักการเมืองที่ไร้คุณภาพไปในสายตาประชาชน 

พล.อ.ประวิตร ติดตาม เร่งรัด แก้ประมงผิดกม. "IUU Fishing" สั่งบังคับใช้กม.ต่อเนื่อง ปราบปรามค้ามนุษย์ ภาคประมง เร่งเยียวยาผู้กระทบโควิด-19 ย้ำปฏิบัติตาม MMPA เคร่งครัด มุ่งยกระดับประมงไทย สู่สากล ส่งเสริมภาคส่งออก กระตุ้นศก.ไทย

เมื่อ 4 มิ.ย.64  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า เวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิด กม. อาทิ การจดทะเบียนเรือประมงพื้นบ้าน จากการสำรวจเมื่อ 20 พ.ค.64 มีจำนวน 56,087 ลำ ซึ่งกรมเจ้าท่า เป็นหน่วยงานหลักจะดำเนินการตรวจวัด และจัดทำอัตลักษณ์เรือประมงพื้นบ้านให้แล้วเสร็จใน 31 พ.ค.64 รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าแนวทางตามมาตรการ MMPA (Marine Mammal Protection Act) ซึ่งเป็นการควบคุมสินค้าประมง ที่ไม่มีแหล่งมาจากการทำประมง ที่มีผลกระทบต่อการคร่าชีวิต หรือทำให้บาดเจ็บอย่างรุนแรง แก่สัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม และจะส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ตั้งแต่ 1 ม.ค.66 พร้อมทั้งได้รับทราบ ผลการช่วยเหลือ/เยียวยาผู้ทำการประมง จำนวน 188,134 ราย เป็นเงิน 2,822,010,000 บาท และขยายเวลาชั่วคราว แรงงานต่างด้าวภาคประมง ให้อยู่ในราชอาณาจักร สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างทั่วถึง เป็นธรรม

คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ แผนการบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย พ.ศ.2563-2565 โดยมุ่งจัดการประมงให้ยั่งยืน ภายใต้ความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่ดี รวมถึงเห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วย การป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมง IUU (NPOA-IUU) ฉบับที่ 2 เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม และครอบคลุมกิจกรรมการทำประมงทะเล ทุกมิติ พร้อมทั้งเห็นชอบมาตรการ เร่งรัดดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วย การทำประมงและแรงงานในภาคประมง เพื่อให้ได้ผลทางคดี ที่มีความรวดเร็ว และเป็นธรรม

พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำว่ารัฐบาล ยืนยัน ความมุ่งมั่นที่จะต่อต้าน IUU Fishing มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กรอบ EU และสหรัฐฯ เพื่อยกระดับการทำประมงของไทยสู่มาตรฐานสากล โดยมุ่งแก้ปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืน และได้กำชับ กรมประมง,กรมเจ้าท่า,ศรชล.,สตช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บูรณาการทำงาน อย่างแน่นแฟ้น ขับเคลื่อนนโยบายตามมติที่ประชุม และแผนงานที่กำหนดไว้ ให้บรรลุผลสำเร็จ พร้อมขอให้สร้างการรับรู้ ให้ทุกภาคส่วน ได้รับทราบ ซึ่งจะส่งผลดี ต่อภาพลักษณ์ของไทย และส่งเสริมภาคการส่งออก รองรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อไป

ราเมศ เผย กมธ งบประมาณ ปชป ลุย วาระ 2 คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมสูงสุด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ว่า

พรรคพอใจในการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของพรรคที่ได้ทำหน้าที่ในการพิจารณางบประมาณอย่างเต็มที่ ในวาระที่หนึ่ง การอภิปรายที่ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ มีทั้งประเด็นสนับสนุนและเสนอแนะ โดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง คำอภิปรายจะเกิดประโยชน์ในการพิจารณาในวาระที่สอง แต่การทำหน้าที่จะไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะในวาระที่สองที่จะมีการพิจารณาในรายละเอียด ทั้งในส่วนของกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคที่จะต้องทุ่มเทในการพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้การจัดสรรงบประมาณเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศมากที่สุด รวมถึง ส.ส.ในส่วนของพรรคที่จะมีการแปรญัตติตามข้อบังคับต่อไป ต้องยอมรับว่าการทำงานของ กมธ งบประมาณ ต้องแข่งกับเวลาเพราะระยะเวลาในการพิจารณาในวาระที่สองมีเพียง105 วัน ซึ่งรัฐบาลส่งมาถึงสภาผู้แทนราษฎร วันนี้(17 พ.ค.) คือวันที่ต้องเริ่มนับหนึ่ง ฉะนั้นเหลือเวลาอีกไม่มากในการพิจารณา แต่เชื่อว่า กมธ จะดำเนินการได้แล้วเสร็จทันภายในกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ส่วนพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท นั้น ส่วนของพรรค ต้องรอนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรค ได้นัดประชุม ส.ส. เพื่อได้พูดคุยในรายละเอียดต่อไปก่อนจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 9 มิ.ย.64

‘ยิ่งลักษณ์’ แนะนำหนังสือ หวังรัฐบาลเตรียมพร้อม ชี้ ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว

วันที่ 4 มิ.ย.2564 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อวันก่อนที่พี่โทนี่เล่าในคลับเฮ้าส์ว่า ดิฉันได้มอบหนังสือ Quantum Marketing ให้ท่าน เพราะดิฉันเห็นว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก ช่วยจุดประกายให้เห็นว่าอนาคตเราต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้พร้อมกับการแข่งขันในโลกธุรกิจ ดิฉันจึงถือโอกาสมาเล่าให้ฟัง เผื่อท่านไหนสนใจจะได้ไปซื้อมาลองอ่านดูค่ะ 

หนังสือเล่มนี้พูดถึงศาสตร์การตลาดที่เราเคยใช้ว่าไม่เพียงพอซะแล้ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นทำให้ต้อง rethink หรือคิดใหม่ ทำใหม่ ว่าการทำธุรกิจต่อไปในอนาคตจะต้องเปลี่ยนแปลงแบบไหน เพื่อจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะแข่งขันได้ 

Quantum Marketing เป็นการตลาดไม่ใช่แค่การขายเก่ง แต่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อจะได้เข้าใจลูกค้า และผู้บริโภคในระดับลึกลงในแต่ละคน อย่างที่พี่โทนี่เคยพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เรื่อง Data Analytics ต่อไปนักการตลาดเองจะต้องคิดถึงขั้นที่เรียกว่า เป็น Quantum CMO (Quantum Chief Marketing Officer) กันเลยก็ว่าได้  เพราะการตลาดพื้นฐานในอนาคตนั้นไม่คำนึงถึงแต่การนำ 4Ps คือ ยุทธศาสตร์ด้านสินค้า ราคา ช่องทางการขาย และการโปรโมทแบบเดิมมาใช้ แต่กลับต้องเอาวิธีทางการตลาดเดิมร่วมกับการใช้ข้อมูลเชิงลึก และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเอไอ (AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์), เออาร์ (AR ย่อมาจาก Augmented Reality หรือเทคโนโลยีที่ทำให้เห็นภาพเสมือนจริง), อุปกรณ์สำหรับสวมใส่ (wearable), 5จี, หรือ บล็อกเชน เป็นต้น นำมาประยุกต์เข้าด้วยกัน บวกรวมเข้ากับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการประมวลผลแบบรวดเร็วและทันที (real time) จะทำให้เรารู้จักลูกค้ามากขึ้น ลึกขึ้น ประเมินได้อย่างรู้ใจ เข้าใจถึงอารมณ์เขาได้ พูดง่าย ๆ คือ คิดว่าถ้าลูกค้าเป็นคนที่เรารัก จะต้องทำอย่างไรให้เขารักเรามากขึ้น เพื่อจะได้ทำสินค้า หรือบริการที่ตอบโจทย์ในระดับรายบุคคล เสนอบริการให้ลูกค้าก่อนที่เขาจะร้องขอจากเราซะอีก เปรียบข้อมูลเสมือนของมีค่าที่ลอยอยู่ทั่วไปในอากาศ อยู่ที่ใครจะตักตวงโอกาสนี้ได้มากกว่า และเร็วกว่ากันค่ะ

ส่วนการบริการ หรือการขายในโลกอนาคต ต้องมีการปรับตัว และอบรมบุคลากรให้เข้าถึงเทคโนโลยี เพราะในอนาคตข้างหน้าอุปกรณ์ทุกอย่างจะเชื่อมต่อด้วยอินเตอร์เน็ต

ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่ต้องสร้างความพร้อมให้กับบุคลากรของท่าน ให้เข้าใจ และนำเอาศักยภาพของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาใช้ ควบคู่กับข้อมูลที่ต่อไปจะมีมาก ซับซ้อน และลึกซึ้งมากขึ้น และดิฉันหวังว่ารัฐบาลจะมีแผนงานการเตรียมความพร้อมเหล่านี้ให้กับประชาชน รวมถึงภาคธุรกิจด้วยนะคะ 

อย่าให้โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เราต้องวิ่งตาม  แต่เราต้องวิ่งไปพร้อม ๆ กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ เริ่มเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ นะคะ ถ้าใครสนใจ เอาไว้ถามพี่โทนี่ หรือขอให้พี่โทนี่เล่ารายละเอียดให้ฟังในคลับเฮ้าส์คราวหน้าก็ได้นะคะ

‘ปารีณา’ สุดดีใจ ได้กลับมาสภาในฐานะกมธ.งบประมาณ เปรย คิดถึงบรรยากาศ อยากขออภิปรายด้วยและประท้วงบ้าง แต่ได้แค่รับชม พร้อมเผย หวังกลับมาเป็น ส.ส. อีกครั้ง

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่รัฐสภา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาทำงาน โดยส่วนตัวตนอยู่สภามา 16 ปี ไม่เคยต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อหยุดไปก็คิดถึงสภา เมื่อดูบรรยากาศการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 65 ในสภา ในขณะที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ รู้สึกอยากจะขออภิปรายด้วยและอยากประท้วงบ้าง แต่ได้แค่รับชม

เมื่อถามต่อว่าเหมือนขาดสีสันในการประท้วงเรื่ององครักษ์พิทักษ์นายกใช่หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ไม่ได้เป็นองครักษ์ เป็นสมาชิกรัฐสภา หากผู้ใดทำผิดข้อบังคับในการประชุมก็จำเป็นต้องประท้วง เพื่อไม่ให้เสียเวลาและไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน 

เมื่อถามว่าคาดหวังที่จะกลับมาทำหน้าที่ส.ส.หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า คาดหวังมาก เพราะเมื่อเรื่องไปถึงศาลก็มั่นใจในระบบยุติธรรม ทำให้มีความหวัง และศาลก็เปิดให้สู้คดีอย่างเต็มที่ 

เมื่อถามว่ามีความกังวลในเรื่องคดีที่จะมีการนัดครั้งแรกหรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า นัดแรกจะเป็นการนัดวันว่าจะมีการไต่สวนวันใด ก็ต้องเตรียมพยาน หลักฐาน เอกสารต่างๆ ซึ่งได้มีการเพิ่มทีมทนายที่ทางพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้ดูแลจัดการ

เมื่อถามถึงการทำหน้าที่กมธ.ครั้งนี้ จะทำหน้าที่อย่างไร น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ตนก็ทำหน้าที่ตามปกติ ซึ่งตนก็เป็นส.ส.มาหลายปีอยู่มาหลายกมธ. มีเพียงกมธ.เดียวที่ไม่ปกติ มีการใช้อำนาจเกินขอบเขต ซึ่งตนเคยร้องคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ไปหลายเรื่องแล้ว แต่เรื่องก็ยังเงียบอยู่ 


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เสี่ยโจ้” ซัด “ประยุทธ์” พูดใส่ร้าย “ยิ่งลักษณ์” จี้ตอบใช้หนี้ตอนไหน ตอกกลับเอางบใช้หนี้ซื้ออาวุธตัวเองสมัยเป็น ผบ.ทบ.หรือไม่ กวักมือชวน “เสี่ยหนู” ร่วมคว่ำร่างส่ง “บิ๊กตู่” กลับบ้าน 

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า งบประมาณปี 2565 จำนวน 3.10 ล้านล้าบาท อาวุธสงครามมาเพียบ แต่ไม่มีอาวุธฆ่าโควิดเลย การจัดงบประมาณไม่สอดคล้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากรวมทั้งคนตาย แต่การจัดงบประมาณแทนที่จะให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจ และการแก้ปัญหาโควิด แต่กลับไปมุ่งเน้นงบด้านความมั่นคงของกองทัพ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บอกใช้หนี้โครงการจำนำข้าว 7 แสนล้านบาทนั้น ตนเป็นรัฐมนตรีใน ครม.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วย อยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่าไปใช้หนี้ตอนไหน ท่านเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 58-65 ท่านใช้หนี้ประมาณ 6.5 แสนล้านบาท ซึ่งเงินที่นำไปใช้เป็นค่าดอกเบี้ยที่กู้กันมา ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ใส่ร้าย พูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ทำให้อดีตนายกฯ เสียหาย ท่านใช้หนี้สมัยเป็น ผบ.ทบ.ที่ซื้ออาวุธไปเยอะหรือไม่ ถ้าไม่จริงขอให้ท่านมาตอบ 

นายยุทธพงศ์ อภิปรายว่า การจัดงบ สธ.ไม่เพียงพอ ไม่มีการตั้งงบซื้อวัคซีน ที่บอกให้ไปใช้งบในส่วนของเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ถามว่าสภาฯ จะผ่านให้ท่านหรือไม่ยังไม่รู้เลย รัฐบาลประกาศให้ซื้อวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ แต่ยังหาซื้อวัคซีนไม่ค่อยได้เลย นอกจากนี้ขอให้ท่านเปิดสัญญาที่เซ็นไว้กับ บ.แอสตร้าเซเนก้าว่าซื้อวัคซีนจำนวนเท่าไร ส่งมอบเมื่อไร ถ้าส่งไม่ทันเสียค่าปรับหรือไม่ ท่านควรเปิดสัญญาให้ประชาชนทราบ วันนี้ไม่ควรมีใครเสียชีวิตหรือเจ็บป่วย ขอให้นายกฯ ทำเรื่องวัคซีนให้กระจ่าง ส่วนที่นายกฯ ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นั่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้โควิดนั้น ท่านบริหารราชการเหมือนค่ายทหาร ขอฝากไปถึงนายอนุทินว่าไม่ต้องไปง้อ ขอให้มาร่วมกับป๋าพงษ์ (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ) ของตน ช่วยกันคว่ำร่างงบประมาณฉบับนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับบ้านเสียที

นายยุทธพงศ์ อภิปรายอีกว่า ในส่วนของงบประมาณกระทรวงกลาโหม ทุกหน่วยงานมีงบลับรวม 470 ล้านบาท นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหมต้องชี้แจงว่าทำไมต้องเป็นงบลับ เอาไปทำอะไรในเมื่ออ้างว่าบริหารราชการโปร่งใส ซึ่งในภาวะที่ประเทศเดือดร้อน ประชาชนล้มตายและลำบาก แต่กองทัพบกกลับเอาเงินไปซื้อยานเกราะล้อยางปี 63-65 วงเงิน 4,515 ล้านบาท และโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีปี 64-66 วงเงิน 4,226 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบผูกพัน ที่สำคัญคือการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ของกองทัพเรือ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ซึ่งกองทัพเรือเคยมีหนังสือลงวันที่ 31 ส.ค.63 ถึงประธานกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณปี 64 โดยปรับลดงบประมาณการจัดซื้อเรือทั้งสองลำเหลือศูนย์บาท เป็นการขอยกเลิกเองเลย เพราะประเทศเดือดร้อน แต่ในปี 65 ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ยังตั้งเรื่องขอซื้ออีก บริหารประเทศแบบนี้ใครจะไว้วางใจ หรือกองทัพอากาศมีโครงการจัดซื้อเครื่องบินโจมตีเบาปี 64-66 วงเงิน 4,500 ล้านบาท ท่านสามารถชะลอจัดซื้อออกไปก่อนได้ ทำไมไม่ทำ ที่เหลือเชื่อคือมีโครงการพัฒนาปฏิบัติการในห้วงอวกาศ ระยะที่ 1 ปี 64 -67 วงเงิน 1,470 ล้านบาท ท่านอย่าไปเพิ่งอวกาศ มาเอาชนะโควิดก่อน สรุปคืองบปี 65 วัคซีนไม่แน่นอนแต่รถถัง เครื่องบินรบและเรือดำน้ำมีแน่นอน ดังนั้นหากสมาชิกเห็นว่าการจัดงบไม่ตรงความต้องการของประชาชนและประเทศ ขอให้ช่วยกันคว่ำร่างฉบับนี้

นายกฯ ปลื้ม ‘สยามไบโอไซเอนซ์’ ล็อตแรกส่งมอบให้แอสตร้าเซนเนกา ยัน จัดหา 100 ล้านโดส ทันปีนี้แน่

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แสดงความยินดีที่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ล็อตแรก แก่บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ตามกำหนด และทางแอสตร้าเซนเนกาจะได้ทยอยส่งมอบให้รัฐบาลเพื่อกระจายฉีดให้กับประชาชนไทยต่อไป โดยวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนกา 61 ล้านโดส จะทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนมิ.ย.-ธ.ค. 2564 ทั้งนี้การเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวในอาเซียนได้สร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะได้รับวัคซีนตามข้อตกลง และคนไทยมีโอกาสพัฒนาองค์ความรู้ด้านการพัฒนาวัคซีนจากความร่วมมือระหว่างบริษัทแอสตราฯ และบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ยังสนับสนุนให้ประชากรในภูมิภาคอาเซียนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากจะมีการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนคนไทยทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมกระจายวัคซีนให้แก่ประชาชนเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป และเป้าหมายในปีนี้จะจัดหาวัคซีนทั้งสิ้น 100 ล้านโดส ครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคน และจะครบทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ในปีต่อไป และจะมีการจัดหาให้ครอบคลุมถึงชาวต่างชาติที่ทำงานและอาศัยในประเทศไทยโดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคและสถาบันวัคซีนรายงานว่ามีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกที่จะเข้ามายังประเทศไทยภายในปีนี้ในจำนวนที่แน่นอนแล้วประกอบด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนกา 61 ล้านโดส ทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนมิ.ย. วัคซีนซิโนแวค ส่งมอบแล้ว 6 ล้านโดส และจะส่งมอบในเดือนมิ.ย. 3 ล้านโดส และมีอีก 10-15 ล้านโดสที่ได้ทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว รวมถึงรัฐบาลจีนบริจาคอีก 1 ล้านโดสที่จะทยอยส่งมอบในระยะต่อไป

สำหรับวัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค จำนวน 20 ล้านโดส ขณะนี้อยู่ระหว่างต่อรองเงื่อนไขสัญญา คาดว่าจะเข้ามาประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่3 เป็นต้นไป ส่วนวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวน 5 ล้านโดส อยู่ระหว่างต่อรองเงื่อนไขสัญญา และคาดว่าจะเข้ามาประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 เช่นเดียวกัน และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อให้ทราบนำนวนที่แน่นอน เช่น วัคซีนของโมเดิร์นน่า ซิโนฟาร์ม เป็นต้น

‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ โต้ ‘ลุงตู่’ ปมใช้หนี้จำนำข้าว อ้า งเพราะถูกทำรัฐประหาร และรัฐบาลปล่อยปละให้เกิดทุจริตจัดเกรดข้าวดีเป็นข้าวเน่า ขายข้าวต่ำกว่าราคาจริง

‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ โต้ ‘ลุงตู่’ ปมใช้หนี้จำนำข้าว อ้า งเพราะถูกทำรัฐประหาร และรัฐบาลปล่อยปละให้เกิดทุจริตจัดเกรดข้าวดีเป็นข้าวเน่า ขายข้าวต่ำกว่าราคาจริง 
.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Yingluck hinawatra โต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีหนี้จำนำข้าวว่า วานนี้ (1 มิ.ย.) ได้ฟังคุณประยุทธ์ชี้แจงในสภาฯ ว่า หนี้สาธารณะเพิ่มเพราะมีหนี้จำนำข้าวในลักษณะที่เป็นการพาดพิงถึงดิฉัน โดยอ้างว่า ท่านใช้หนี้ไปแล้ว 7 แสนห้าพันล้านบาท และเหลือภาระหนี้อีก 2.8 แสนล้านบาท ต้องใช้หนี้อีก 12 ปีถึงจะหมด นั้น ขอยืนยันว่า "คุณประยุทธ์กล่าวเท็จในสภาฯ" และก็อยากบอกว่า 
.
1.) เมื่อคุณประยุทธ์ทำรัฐประหารยึดอำนาจนั้น ยอดหนี้สาธารณะของโครงการฯ เป็นภาระค้ำประกัน และมียอดไม่ถึง 5 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน และโครงการฯ ยังมีสต็อกข้าวสารหลายแสนล้านบาท ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปสอบถาม รมว.คลังของท่านดู เสียดายที่รัฐบาลท่านปล่อยปละให้มีการทุจริต นำข้าวดีๆ เหล่านั้นไปจัดเกรด ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อนมีผลให้นำไปขายในราคาต่ำกว่าราคาจริง เป็นอาหารสัตว์บ้าง เป็นพลังงานบ้าง ซึ่งถ้าขายข้าวกันอย่างสุจริต ภาระคงค้างที่เกิดจากภารกิจช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจังในครั้งนั้นก็ย่อมจะไม่มาก และโครงการฯ ก็มีความคุ้มค่าต่อภารกิจ และเศรษฐกิจโดยรวม ตามรายงานของสภาพัฒน์ฯ อีกด้วย 
.
2.) ส่วนคำกล่าวหาในลักษณะที่ว่ารัฐบาลดิฉันสร้างหนี้มาก มาดูข้อมูลจริงกันค่ะ ในช่วง 3 ปีงบประมาณ (2555-2557) ที่ดิฉันบริหารงาน การกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลลดลง ต่อเนื่องทั้ง 3 ปี จาก 400,000 ล้านบาท เป็น 300,000 ล้านบาท และ 250,000 ล้านบาท (และวางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นงบประมาณสมดุล ในปี 2560) รวมยอดหนี้ฯ 3 ปีงบประมาณ เท่ากับ 950,000 ล้านบาท

3.) มาดูฝีมือสร้างหนี้ของคุณประยุทธ์ กันสิคะว่าเป็นอย่างไร การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ที่กำลังลดลงและควรจะลดลงอีก กลับทะยานเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 ที่มียอดเงินกู้ 250,000 ล้านบาท ปรากฏว่ามีการกู้เงินที่มียอดสูงขึ้นในช่วงเวลาอีก 4 ปี ต่อเนื่องก่อนการเลือกตั้ง (2559-2562) เป็น 390,000 ล้านบาท; 552,921.7 ล้านบาท; 550,358 ล้านบาท และ 450,000 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นช่วงก่อนจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เสียอีก

พอปี 2563 และ 2564 ก็ยิ่งกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ คือ 683,000 ล้านบาท และ 623,000 ล้านบาท และในสองปีนี้ยังออก พรก.กู้เงินเพื่อภารกิจโรคระบาด อีกสองฉบับ ปี 2563 กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และในปี 2564 เมื่อไม่กี่วันก่อนก็กู้อีก 5 แสนล้านบาท และนี่ยังไม่รวมที่ คุณประยุทธ์กำลังเสนอ พรบ.งบประมาณ 2565 ที่ต้องกู้ชดเชยขาดดุลอีก 7 แสนล้านบาท รวมเป็นยอดเงินกู้ถึง 5.699 ล้านล้านบาท หนี้ขนาดนี้ใช้นานเท่าไหร่จะหมดคะ

4.) มาดูดอกเบี้ยจ่ายกันบ้างก็พอจะบอกได้ว่าหนี้ที่ท่านก่อไว้สร้างภาระแค่ไหน งบประมาณปี 2565 ที่กำลังอภิปรายกันอยู่ มียอดรวม 3.1 ล้านล้านบาทนี้ ต้องจัดเตรียมไว้จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 182,988 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น ถึง 67 % เมื่อเทียบกับ สมัยรัฐบาลดิฉัน ในปีงบประมาณ 2557 ก่อนรัฐประหาร งบฯ จ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่เพียง 109,511 ล้านบาท ดอกเบี้ยสูงขึ้นมาก เพราะคุณประยุทธ์กู้เงินมากมาย

5.) รัฐบาลดิฉันวางระบบชำระคืนหนี้สาธารณะก้อนโตที่ทิ้งค้างไว้ตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ทำให้รัฐบาลคุณประยุทธ์นอกจากจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแล้ว ยังลดยอดหนี้สาธารณะลงไปหลายแสนล้านบาทโดยท่านไม่ต้องทำอะไรเลย แทนที่จะชื่นชมรัฐบาลก่อน กลับเอาแต่โทษโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเบี่ยงเบนความเสียหายที่ท่านก่อขึ้น

วันนี้ดิฉันไม่ได้บริหารประเทศมา 7 ปีแล้ว คุณประยุทธ์หัดโทษตัวบ้างเถอะค่ะ อย่าโทษแต่ดิฉันเลย ดิฉันฟังมา 7 ปีแล้ว สุภาพบุรุษ ชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกค่ะ

 

ที่มา : https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4413336982044056


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'หมอเอก' นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.ก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กเผย ประเทศอังกฤษเป็นประเทศแนวหน้าที่มีนโยบายสร้างประเทศปลอดควันบุหรี่ภายในปี 2050 โดยตั้งเป้ามีผู้สูบบุหรี่ไม่เกิน 5%

ในโพสท์ดังกล่าว ยังได้ระบุถึงรายงานล่าสุดของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ของอังกฤษที่ปรับปรุงคำแนะนำเรื่องการควบคุมบุหรี่ใหม่ และมีข้อที่ระบุชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้าถูกบรรจุเป็นอุปกรณ์เพื่อช่วยในการเลิกบุหรี่ และยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายไว้ว่าให้มีการส่งเสริมการเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่ดั้งเดิมมาเป็นบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีการควบคุมการเข้าถึงของเยาวชน และการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีความปลอดภัย

สส. เอกภพยังได้ให้ข้อเสนอว่าควรต้องนำข้อมูลวิชาการมาปรับปรุงนโยบายควบคุมบุหรี่ในประเทศไทย พร้อมตั้งคำถามว่าถึงเวลาหรือยังที่นโยบายควบคุมบุหรี่ในประเทศไทยไม่ควรเป็นการตัดสินใจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ควรเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเสนอความคิดเห็นและถกเถียงด้วยข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อหาทางนำบุหรี่ไฟฟ้าที่อยู่ใต้ดินยากต่อการควบคุมให้ขึ้นมาบนดินที่เราสามารถควบคุมการเข้าถึงของเยาวชนได้

โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นสนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพื่อประโยชน์ด้านภาษีและสุขภาพผู้สูบบุหรี่ ซึ่ง สส. เอกภพได้เข้าไปตอบข้อความของผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยว่าได้มีการพูดถึงการพิจารณาบุหรี่ไฟฟ้าในหลายกรรมาธิการฯ และก็มีญัตติรอเข้าพิจารณาในสภาอยู่ด้วย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top