Friday, 25 April 2025
POLITICS NEWS

"ชาดา" ปัดชวน "อนุทิน" กลับบ้าน ลั่นไม่มีอะไรแค่คุยกันก็จบ ยันการแสดงความเห็นไม่เกี่ยวโหวตงบฯ 65 

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่เคยอภิปรายชวนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคถูมิใจไทยให้กลับบ้าน หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่รัก โดยเป็นการกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า สิ่งที่อภิปรายในวันนั้น ไม่ได้มีผลต่อการลงมติรับหรือไม่รับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก เพราะการลงมติพรรคจะมีการหารือกันอีกครั้งวันนี้ ในเวลา 13.00 น. ยืนยันว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจแล้วก็จบ ไม่มีปัญหาอะไร

“โรม” ยื่น ร่างแก้ไข ป.อาญา เอาผิด “ผู้พิพากษา-ศาล” เข้าสภา ชี้ เป็นจุดเริ่มต้นปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฏหมายาญา (ฉบับที่...) พ.ศ... ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร

โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา โดยเพิ่มฐานความผิดใหม่ที่ไม่มีในระบบกฎหมาย คือ ความผิดฐานบิดเบือนกฎหมาย ซึ่งจะบังคับใช้ต่อพนักงานการยุติธรรม รวมไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้ว่าการตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติรัฐมนตรี กรณีของบริษัทโตโยต้า กรณีการไม่ให้ประกันตัวแกนนำราษฎรโดยไม่มีเหตุผลที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความยุติธรรมกำลังผิดเพี้ยนและต้องการได้รับการแก้ไข บางคนอาจตั้งคำถามว่าร่างฉบับนี้ที่เราทำขึ้นมาต่างกับเรื่องอื่นๆ อย่างไร เช่นเรื่องผู้พิพากษารับสินบนก็มีกฎหมายที่กำหนดฐานความผิดเอาไว้แล้ว แต่ในระบบกฎหมายของไทยมีช่องว่างคือหากไม่ใช่กรณีรับสินบนแต่เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองแล้วบิดเบือนกฎหมาย ซึ่งไทยยังไม่มีกฎหมายที่กำหนดฐานความผิดนี้เลย ดังนั้นนี่จึงเป็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่พรรคก้าวไกลทราบดีว่าไม่สามารถทำให้เสร็จสิ้นด้วยกฎหมายฉบับเดียว แต่ยังมีอีกหลายวาระที่ต้องดำเนินการต่อไป ฃกระบวนการยุติธรรมที่ดีคือกระบวนการยุติธรรมที่สามารถตรวจสอบได้ กระบวนการยุติธรรมที่ดีและได้รับความเห็นด้วยชอบธรรมจากประชาชน

คลังเคาะมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ที่เริ่มกลับมาแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 และจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ความรุนแรงของการแพร่ระบาดก็ยังไม่บรรเทาเบาบางลง รวมทั้งยังได้มีการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ การจ้างงาน และสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยในวงกว้าง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ทำหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อ พิโกไฟแนนซ์) จึงได้ออกหนังสือขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจาก COVID-19 ให้กับลูกหนี้ตามความเหมาะสมและตามสมควรที่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แต่ละรายจะสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ของตนเองได้ โดยการ (1) ลดค่างวดหรือขยายระยะเวลาการชำระหนี้ (2) เปลี่ยนประเภทหนี้จากระยะสั้นเป็นระยะยาว (3) พักชำระค่างวดหรือพักเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน หรือพักเงินหรือพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย หรือวิธีการอื่นใดที่จะสามารถช่วยบรรเทาภาระหนี้กับลูกหนี้ได้ นอกจากนี้ ยังได้ขยายระยะเวลาการส่งรายงานงบการเงินสำหรับรอบปีบัญชี พ.ศ.2563 ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2564 

ทั้งนี้ สศค. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เป็นลูกหนี้ของกลุ่มธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชน คนไทยผ่านพ้นสถานการณ์ COVID-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน ดังเช่นเมื่อครั้งที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ระลอกแรกเมื่อปี 2563

"ชวน" แจง ปมขัดแย้งตำรวจสภา-คนติดตาม "ธรรมนัส" ชี้ ไม่ได้ทำผิดแค่เสียงดัง และไม่ได้สมัครใจไปขอโทษแต่เป็นคำสั่งผู้บังคับบัญชา พร้อมให้กำลังใจตำรวจสภา ย้ำ อย่าไปกลัว ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดต่อไป

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างตำรวจสภาและผู้ติดตาม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ว่า ได้ทราบเรื่องแล้ว และได้เชิญตำรวจประจำสภามาพูดคุยเมื่อวานนี้ เวลา 22.00 น. เพื่อเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับผู้ติดตามรัฐมนตรี ซึ่งมีสุภาพสตรีคนหนึ่งไม่มีบัตรจึงขอตรวจบัตร และสุภาพสตรีบอกว่าบัตรอยู่ที่รถ ส่วนผู้ติดตามอีก 2 คน ทางตำรวจสภาได้บอกให้ไปขึ้นอีกทางหนึ่งที่ไม่ใช่ทางที่ส.ส.ขึ้น จึงเป็นที่มาของปัญหาที่เกิดจากการพูดเสียงดัง และมีผู้ใหญ่ในสภาแนะนำว่าให้ไปขอโทษ แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ไปฟังรายละเอียดกับเจ้าตัวจะดีกว่า 

นายชวน กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนจะได้ให้เลขาธิการสอบสวนข้อมูลเอาไว้ เพื่อใช้เป็นแนวทางให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน เขาจะได้มีกำลังใจในการทำงาน เดี๋ยวจะหวาดกลัวและไม่กล้าปฏิบัติหน้าที่เพราะเป็นมาตรการที่เราขอความร่วมมือ แต่ภาพรวมโดยทั่วไปส.ส.และบุคคลทั่วไปที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสภาเกือบทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกนำเชื้อเข้ามา จึงมีการควบคุมผู้ที่ติดตามส.ส. แต่ในกรณีนี้ตำรวจสภาได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งได้บอกกับผู้ติดตามและรัฐมนตรีว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ประธานสภาสั่ง 

นายชวน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนก็ได้ให้กำลังใจและให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดอย่างนี้ต่อไป เพราะเป็นวิธีเดียวที่สามารถป้องกันไม่ให้คนที่ติดเชื้อภายนอกมาแพร่เชื้อในสภาได้ ถ้าสามารถทำตามมาตรการได้ก็จะทำให้การทำงานใน 120 วันเป็นไปได้ด้วยดี เพราะหากมีการติดเชื้อขึ้นมาก็จะทำให้ยุ่งยาก จึงต้องดูแลเรื่องนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นจุดอ่อนของคนไทย เรื่องวินัยเคารพกฎเกณฑ์ ไม่ใช่เฉพาะในสภา จึงอยากให้สภาเป็นแบบอย่างเคารพกฎเกณฑ์กติกา เพราะตนเองเป็นฝ่ายนิติบัญญัติออกกฎหมายบังคับคนทั้งประเทศ 

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าให้ตำรวจสภาไปกราบขอโทษ มีการสอบถามข้อมูลตรงนี้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาของตำรวจสภาแนะนำให้ไปขอโทษ ซึ่งเจ้าตัวเขาก็ไม่ได้สมัครใจแต่เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกับส.ส. แต่เท่าที่ฟังจากที่เขาเล่า ตำรวจสภาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แค่เสียงดังเหมือนเช่นในสภาก็มีส.ส.บางคนที่เสียงดัง แต่ไม่ได้ดังแบบก้าวร้าว 

“ผมก็เตือนเสมอว่าอย่าไปกลัวผู้ติดตาม ซึ่งตัวนักการเมืองเอง ถ้าทำอะไรบกพร่องก็กระทบต่อประชาชนในเขตเลือกตั้งของเขา แต่ว่าผู้ติดตามไม่ค่อยรู้เรื่อง บางทีไปทำอะไรที่เกินเลย มีการแสดงวาจา เช่น กรณีฉีดวัคซีนมีบางคนไปแสดงวาจาและมารยาทที่ไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล” นายชวน กล่าว

“โฆษกปชป.” เมิน “แม้ว” พลาดพิงประชาธิปัตย์ ยัย รมต.พรรค ไม่มีคำว่าเหนื่อยจากการทำในสิ่งที่ดีให้ปชช.

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน  2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ชื่อ "โทนี่ วู้ดซัม" ร่วมเสวนา ในคลับเฮาส์และเฟซบุ๊กของ CARE คิด เคลื่อน ไทย โดยมีการพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ พอหรือยังในการร่วมรัฐบาล ว่าทุกคนในพรรคไม่ได้ให้ความสำคัญต่อคำพูดของนายทักษิณ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักในการทำงานชัดเจน คือมุ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศตามภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ ยึดความสุจริตเป็นที่ตั้ง การผลักดันนโยบายต่างๆ จนสำเร็จ การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรจากโครงการประกันรายได้ การมุ่งมั่นพัฒนาสังคมและความมั่นคงของประชาชนอย่างยั่งยืนในทุกด้าน การมุ่งมั่นพัฒนาระบบชลประทานให้กับประชาชน การดูแลเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องเอกสารสิทธิ เรื่องการศึกษา และอีกหลายนโยบายที่ทุกกระทรวงที่มีรัฐมนตรีของพรรคได้เข้าไปทำหน้าที่จนสำเร็จ 

“รัฐมนตรีพรรคไม่มีคำว่าเหนื่อยจากการคิดทำในสิ่งที่ดี ไม่มีการทุจริตคิดร้ายต่อประเทศ จึงไม่ต้องเหนื่อยกับการหนีคดี และพรรคจะเดินหน้าทุ่มเททำงานให้ดีที่สุด มั่นใจในผลสำเร็จของงานที่จะเป็นคำตอบให้กับประชาชนได้ในวันข้างหน้า” นายราเมศ กล่าว

“รมว.คมนาคม” ติดตามความก้าวหน้า การเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนมาคม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ ครั้งที่ 3/2564 (ผ่านระบบ Zoom) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เวลา 14.30 น. โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้าหน่วยงานและผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงบประมาณ และคณะกรรมการฯ ร่วมประชุม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเดินทางของระบบรางของประเทศแล้วเสร็จ และเตรียมการเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการ (Soft Opening) ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 เพื่อให้การเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการฯ เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด จึงได้เร่งรัดการดำเนินการในด้านต่างๆ ดังนี้ 
.
1.) การเตรียมความพร้อมด้านการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งระบบ รวมทั้งการเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง ประกอบด้วย

(1.1) ปรับลดจำนวนรถไฟเข้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยวางแผนปรับลดขบวนรถไฟ เหลือเพียง 22 ขบวน โดยมีแผนจะเริ่มปรับตารางเดินรถในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เพื่อให้ผู้โดยสาร ได้มีการปรับพฤติกรรมในการเดินทาง ทั้งนี้ ขบวนรถไฟที่ให้บริการในระยะนี้ ยังคงจะวิ่งให้บริการบนทางรถไฟเดิม และในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 จะใช้ตารางเดินรถเช่นเดียวกับเดือนสิงหาคม แต่จะวิ่งให้บริการบนโครงสร้างยกระดับ สำหรับรถไฟเส้นทางสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ

(1.2) ปรับเส้นทางรถโดยสารประจำทาง เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง โดยกรมการขนส่งทางบก และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้ปรับปรุงเส้นทางรถโดยสารประจำทางเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางกับสถานีหลัก โดยจะปรับปรุงเส้นทางให้แล้วเสร็จก่อนการเปิดให้บริการแบบ Soft Opening ในเดือนกรกฎาคม 2564

2.) การเตรียมความพร้อมด้านสถานีของโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ซึ่งได้ดำเนินการประกวดราคาหาผู้รับจ้างเพื่อปรับปรุงสถานีตลิ่งชัน บางบำหรุ บางซ่อน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุมัติ ออกประกวดราคา ซึ่งคาดว่าจะได้ผู้รับจ้างภายในเดือนมิถุนายน 2564 และการจ้างบริการเตรียมความพร้อมการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อและสถานีรถไฟฟ้า 12 สถานี ประกอบด้วย งานจ้างทำความสะอาดและกำจัดขยะ งานจ้างบริการรักษาความปลอดภัยและจราจร งานจ้างบริหารจัดการงานอาคารและสถานที่บริเวณรถไฟฟ้าสายสีแดง งานจ้างบริการรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาดอาคารและพื้นที่โดยรอบของโรงซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีแดงและทำความสะอาดขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง งานจ้างติดตั้งระบบจัดการจราจรภายในบริเวณลานจอดรถสถานีกลางบางซื่อ และจัดเก็บค่าบริการจอดรถ 

3.) การเตรียมความพร้อมด้านการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า (Gateway/Hub) โดย รฟท. ได้ดำเนินการจัดทำแผนการปรับปรุงจุดเชื่อมต่อผู้โดยสาร และจุดเชื่อมต่อสินค้า โดยแบ่งแผนการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย

ระยะเร่งด่วน ปรับปรุงพื้นที่ทางเข้าสถานีรถไฟรังสิตทั้งทางฝั่งตะวันออก (รังสิต) และฝั่งตะวันตก (ปทุมธานี) ให้แล้วเสร็จก่อนการเปิดให้บริการ Soft Opening ในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ และปรับปรุงพื้นที่จุดจอดรถอโศกให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 ก่อนการเปิดให้บริการรถไฟสายสีแดงอย่างเป็นทางการ

ระยะกลาง ปรับปรุงสถานีตลิ่งชัน เพื่อรองรับการหยุดขบวนของรถไฟทางไกลเพื่อเชื่อมต่อระบบเข้าสู่รถไฟฟ้าชานเมือง โดยคาดกว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 

ระยะยาว พัฒนาสถานีเชียงรากน้อยและสถานีวัดสุวรรณ โดยออกแบบและก่อสร้างเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับการขนถ่ายสินค้า และการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าอย่างครบวงจร โดยคาดว่าจะออกแบบแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 และก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2566 รวมถึงการออกแบบและก่อสร้างสะพานกลับรถบริเวณทิศใต้ของสถานีรังสิต เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะสามารถเข้าถึงสถานีรังสิตทั้ง 2 ฝั่งได้โดยสะดวก โดยมีแผนการดำเนินการให้แล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2566 เช่นเดียวกัน

4.) การเตรียมความพร้อมด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้กำหนดอัตราค่าโดยสารของโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ให้เหมาะสม สอดคล้องตามต้นทุน โดยไม่เป็นภาระต่อค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน และไม่เป็นภาระทางการเงินของ รฟท. โดย รฟท. ได้ประมาณการต้นทุน ปริมาณผู้โดยสาร และความถี่การเดินรถ เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารตามระยะทางให้มีความเหมาะสม รวมถึง พิจารณาแนวทางการปรับลดค่าใช้จ่ายและการส่งเสริมการเดินทางเพื่อเพิ่มรายได้ต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้ระบบจัดเก็บค่าโดยสารรองรับตามมาตรฐานเทคโนโลยีบัตร EMV (Europay Mastercard and Visa) โดยให้จัดทำข้อมูลกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณที่คาดว่าจะใช้ รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้สามารถเปิดใช้บริการได้ภายในปลายปี 2564และยังได้พิจารณาร่างข้อกำหนดการพัฒนาระบบบัตรโดยสาร หรือระบบตั๋วโดยสาร ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเสนอแนะและความเห็นเพิ่มเติม ก่อนเสนอกระทรวงคมนาคมต่อไป

และยังได้กำหนดแนวทางการจัดเก็บอัตราค่าแรกเข้าในการเดินทางเชื่อมต่อ โดยการจัดเก็บค่าแรกเข้าแบบไม่ซ้ำซ้อน ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและรถไฟชานเมืองสายสีแดง มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติม ประกอบด้วย เงื่อนไขการจัดเก็บค่าแรกเข้า กรณีที่ผู้โดยสารเปลี่ยนถ่ายระบบรวมถึงเงื่อนไขการจัดแบ่งและชดเชยค่าแรกเข้า ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายระบบ และกรณีเปลี่ยนถ่ายกับระบบรถไฟฟ้าที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของ รฟม. โดยการเดินทางเชื่อมระหว่างรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคต อยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดวิธีการแบ่งรายได้และค่าใช้จ่ายร่วมกันก่อนเสนอต่อกระทรวงคมนาคมต่อไป

5.) ด้านการสื่อสารสาธารณะ รฟท.ได้เปิดช่องทางในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารการดำเนินงาน และรับฟังความคิดของประชาชนผู้ใช้บริการ โดยประชาชนผู้ใช้บริการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารความก้าวหน้าการดำเนินงานและแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ได้ทาง Facebook Fanpage : Bang sue Grand Station เพื่อกระทรวงฯ และ รฟท. จะได้นำมาใช้ในการปรับปรุงเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ดีที่สุดต่อไป

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยว่า ได้ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มขึ้นอีก 2 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการฯด้านการพิจารณาดำเนินการขอพระราชทานชื่อโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และพิธีการที่เกี่ยวข้อง และคณะอนุกรรมการฯ ด้านการพัฒนาสถานีกรุงเทพ (สถานีหัวลำโพง) และพื้นที่ช่วงสถานีกลางบางซื่อ-สถานีกรุงเทพ เพื่อสาธารณประโยชน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ให้สามารถดำเนินการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยต่อไป

ครม. อนุมัติเงินค่าตอบแทน อสม. 3 เดือน พร้อมจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือนก.ค.-ก.ย. 2564 วงเงินรวมไม่เกิน 1,575 ล้านบาท เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่ อสม. ผู้ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน ซึ่งที่ผ่านมา อสม. ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมอย่างถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค. 2563-มิ.ย. 2564 เป็นระยะเวลา 16 เดือน กรอบวงเงินรวม 8,348 ล้านบาทแล้ว 

ทั้งนี้ยังอนุมัติกรอบวงเงิน 129 ล้านบาทสำหรับจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยแบบ 2 จุดบริการ จำนวน 11 คัน และรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ (Express Analysis Mobile Unit) จำนวน 11 คัน เพื่อดำเนินการค้นหาผู้ติดเชื้อในระดับพื้นที่และเป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการตรวจวิเคราะห์ผลโรคโควิด-19 รวมจำนวน 22 คัน โดยมีแผนที่จะใช้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยและรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษในเดือน ส.ค. และ ก.ย. 2564 เพื่อช่วยสนับสนุนการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโดยเฉพาะในชุมชนแออัด ตลาด แคมป์คนงาน รวมถึงคลัสเตอร์ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งในปัจจุบันไทยมีการใช้งานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ จำนวน 5 คัน ควบคู่กับรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย จำนวน 21 คัน

“รัฐบาลและประชาชนมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ซึ่งประสบความสำเร็จช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เชิงรุก ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัดช่วยลดผลกระทบทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม และเพิ่มความมั่นคงของประเทศด้วย”

“บิ๊กตู่” ยันพรรคร่วมไร้ปัญหา หลัง “ชาดา” ชวน “เสี่ยหนู” กลับบ้าน เจ้าตัวแจงกลางวง ครม.สมาชิกอาจเข้าใจผิด เตรียมลุกแจงในสภา พร้อมทำความเข้าใจสมาชิกพรรค

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถาม แทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายให้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงเหตุผลที่ ศบค. ชะลอ มติ กทม.ในเรื่องการผ่อนคลายกิจการกิจกรรม 5 ประเภทว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันยังคงมีอยู่ ดังนั้นการที่คณะกรรมการโรคติดต่อ ของกรุงเทพมหานคร ประชุมกันและมีผลสรุปออกมานั้น ก็ยังไม่ได้มีการนำเสนอเข้าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดังนั้นมติของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจึงยังไม่มีผล เป็นเพียงการแถลงข่าวผลประชุมของคณะกรรมการ โรคติดต่อ กทม. ซึ่งจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ศบค.ชุดใหญ่อีกครั้งก่อน เพื่อพิจารณารายละเอียดต่างๆ จึงได้มีการชะลอมติดังกล่าวไว้ ยืนยันว่าคำสั่งดังกล่าวของ กทม.ยังไม่มีผล แต่ยอมรับว่าอาจส่งผลทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในเบื้องต้น 

นายอนุชา กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการพูดถึงเรื่องของงบประมาณในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นที่สื่อมวลชนถามว่า นายกรัฐมนตรีมีความเห็นอย่างไร ต่อท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่พอใจกับการจัดสรรงบประมาณนั้น เรื่องดังกบ่าว พล.อ.ประยุทธ์ได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้มีการพูดคุยกับสมาชิกพรรคของตัวเองในรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งในที่ประชุม ครม.วันเดียวกันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่าอาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันในเรื่องการจัดสรรงบประมาณ เพราะนอกเหนือจากงบประมาณในรายกระทรวงแล้ว ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ยังมีงบประมาณอื่นๆทั้งที่เป็นงบกลาง และงบที่นำมาใช้จากกรอบวงเงินกู้ ซึ่งเมื่อนำมาบวกกันแล้ว จะเห็นได้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหา โควิด-19 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 153,900 กว่าล้านบาทก็จริง แต่ยังมีในส่วนของงบประมานที่ตั้งไว้ที่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และมีงบประมาณที่ตั้งไว้ที่กองทุนการแพทย์ฉุกเฉินอีก เพราะฉะนั้นเมื่อรวมกันแล้วก็จะมีวงเงินในส่วนของงบปกติตั้งไว้ถึง 293,000 กว่าล้านบาท แต่ไม่ได้มีการพูดถึง มีการพูดถึงเฉพาะงบที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับจึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาได้ ตัวอย่างเช่นงบที่มาจากงบกลางล่าสุดที่ได้มีการอนุมัติไป 311 ล้านบาท เพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรค โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ส่วนนี้ก็เป็นงบประมาณที่มาจากกรอบวงเงินรายจ่ายประจำปีที่เป็นงบกลาง เป็นรายการค่าใช้จ่ายเพื่อบรรเทาแก้ไขปัญหาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรค โควิด-19 นอกจากนี้งบกลางยังมีอีกหลายส่วนที่ดำเนินการไปแล้ว อาทิ รัฐบาลได้จัดให้มี สถานกักกันโรคที่รัฐจัดให้กับประชาชนที่ต้องกักตัว 14 วัน หรือ State Quarantine ที่ผ่านมา ครม. ได้ใช้งบกลางในการดูแล โดยประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดใด หรือแม้กระทั่งการจัดหาวัคซีน จำนวนหลาย 10 ล้านโด้ส ก็ใช้เงินจากงบกลางทั้งสิ้น ไม่ได้ผ่านมาในส่วนของงบกระทรวงสาธารณสุข หากไปดูตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียวก็จะไม่สามารถเห็นตัวเลขที่รัฐบาลใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ได้ ต้องนำงบประมาณในส่วนอื่นๆ ทั้งงบจากเงินกู้ งบจากส่วนกลางมาบวกรวม ทั้งการคัดกรองผู้ติดเชื้อ การจัดหารถโมบายในการตรวจคัดกรองต่างๆ ทั้งหมดมาจากงบเงินกู้ทั้งสิ้น

“ประเด็นที่สื่อมวลชนสอบถามมาว่านายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหา และดูแลพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร หลังเกิดความระหองระแหงขึ้นมานั้น เรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าไม่ได้มีความระหองระแหงในพรรคร่วมรัฐบาลอะไรทั้งสิ้น ในการประชุมครม.ก็ได้มีการพูดคุยกันด้วยดีทุกอย่าง ทุกพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้มีการชี้แจงว่าจะได้ทำการพูดคุยกับสมาชิกของพรรคตัวเองเพื่อ ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจในรายละเอียดเพิ่มเติม โดยนายอนุทิน ได้บอกว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังจากที่สมาชิกได้อภิปรายในบางส่วนแล้ว ก็จะลุกขึ้นชี้แจงด้วยตัวเองถึงงบประมาณของกระทรวงสาธาณสุขที่ได้รับอย่างเหมาะสม โดยนายกรัฐมนตรีได้กรุณาจัดสรรงบประมาณทั้งในส่วนของงบกลาง  งบเงินกู้เพิ่มเติมให้กับกระทรวงสาธารณสุขด้วย ยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลในปัจจุบันไม่มีปัญหาใดใดทั้งสิ้น ยังทำงานด้วยความพยายามที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประชาชนมีความชัดเจนในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการการฉีดวัคซีน การจัดหาวัคซีนทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้การแพทยระบาดของโรค โควิด-19 ทุเลาลงให้ได้มากที่สุด”นายอนุชากล่าว

นายอนุช่ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเยียวยาต่างๆนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเฉพาะเงิน 5 แสนล้าน จาก พ.ร.ก.เงินกู้ ก็จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน โดยแผนงานทั้งหมดมีอย่างชัดเจนว่าจะใช้เงินจำนวน 5 แสนล้านบาทอย่างไร จะนำไปใช้ในกรอบอย่างไรบ้าง ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขทั้งสิ้น ทั้งการจัดหาเวชภัณฑ์ การจัดหาอุปกรณ์ต่างๆในการดูแลผู้ป่วย การจัดหาวัคซีน การเยียวยาในอนาคตให้กับประชาชนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

โฆษกกองทัพเรือ แจง ซื้อรถถังเข้าประจำการในนย. ใช้เงินงบประมาณปี 2563 เพื่อทดแทนรถถังหลัก Type 69-II

พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ มีการกล่าวถึงการจัดส่งรถถังมายังประเทศไทย ในการพิจารณางบประมาณ 2565 ของรัฐบาล เมื่อ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นั้น กองทัพเรือ ได้จัดหา ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก แบบ ZTD 05A  หรือ VN 16  จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโครงการซื้อยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก ระยะที่ 1 จำนวน 3 คัน วงเงิน 398,143,400 บาท ในปีงบประมาณ 2563  เพื่อทดแทนรถถังหลัก Type 69-II  ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน  ทั้งนี้ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จะเข้าประจำการ ในกองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

สำหรับ ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN16  ออกแบบและผลิตโดย China North Industries Corporation (NORINCO) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมความมั่นคงของจีน โดย VN 16 เป็นรถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก มีน้ำหนักประมาณ 26.5 ตัน ติดตั้งปืนใหญ่รถถังขนาด 105 มม. เกราะทำด้วยอลูมิเนียมอัลลอย มีความเร็วบนถนน 65 กม./ชม. ความเร็วในน้ำ  25 กม./ชม.

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวยืนยันว่า การจัดหายานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก แบบ VN 16  นั้น เป็นการจัดหาในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งเป็นไปตามแผนการเสริมสร้างกำลังกองทัพเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อดูแลความมั่นคงในส่วนที่กองทัพเรือรับผิดชอบ โดยดำเนินการในห้วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัส COVID - 19 ทั้งนี้ กองทัพเรือ มุ่งมั่นในการเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ เป็นที่พึ่งของประชาชนและบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งกระบวนการจัดหายุทโธปกรณ์เป็นไประเบียบราชการทุกประการ

3 มิถุนายน 2564 กทพ. ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ 3 สายทาง

​การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ รวม 3 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) จำนวน 19 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) จำนวน 31 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) จำนวน 10 ด่าน ในวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน 2564 (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึง 24.00 น. จำนวน 1 วัน ซึ่งเป็นวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทาน ฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน

​ทั้งนี้ ในสถานการณ์ COVID-19 กทพ. ขอความร่วมมือให้ผู้ใช้ทางพิเศษอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ หากไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกบ้าน หรือหากจำเป็นต้องใช้ทางพิเศษเดินทางในวันปกติที่ไม่ได้ยกเว้นค่าผ่านทาง ควรสมัครใช้บัตร Easy Pass เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับธนบัตรหรือเหรียญซึ่งอาจจะเป็น แหล่งสะสมของเชื้อโรค รวมถึงใช้บริการเติมเงิน ในบัตร Easy Pass ผ่าน Application ของธนาคารต่างๆ ซึ่งนอกจากจะได้รับความสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากการรับหรือแพร่เชื้อ COVID-19 ได้อีกด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center โทร 1543 นอกจากนี้ผู้ใช้ทางพิเศษสามารถดาวน์โหลด Application "EXAT Portal" เพื่อตรวจสอบยอดเงินคงเหลือและการใช้บัตร Easy Pass รับข่าวสารโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ และสามารถเรียกใช้งาน Application อื่นๆ ของ กทพ. อาทิ EXAT Traffic อีกทั้งยังสามารถขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน (SOS) ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top