Wednesday, 23 April 2025
POLITICS NEWS

เปิดไทม์ไลน์ ‘พีระพันธุ์’ เหตุใดถึงทำให้ ‘เขา’ เพิ่งจะมาปฏิรูปพลังงานตอนนี้ เพราะ ‘ตัวจริง’ เพิ่งมี ‘โอกาส’ และอยู่ในช่วงหล่อดาบ (กฎหมาย) มาลงทัณฑ์

ทำไม ‘พีระพันธุ์’ เพิ่งจะปฏิรูปพลังงาน ทำไม...แปดปีที่ผ่านมาจึงไม่ทำ?

ในขณะที่ทุกวันนี้ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการปฏิรูปพลังงานเพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้รับประโยชน์สูงสุด ด้วยการทำภารกิจในการ 'รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง' เพื่อทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและเชื้อเพลิงพลังงานที่สำคัญทั้งระบบที่ใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยเกิดความถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรม ให้เป็นนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ก็มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า แปดปีของรัฐบาล ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ทำไม ‘พีระพันธุ์’ จึงไม่ได้ทำ

ย้อนกลับไปในช่วงแปดเก้าปีที่แล้ว หลัง คสช.เข้าควบคุมอำนาจ ‘พีระพันธุ์’ ก็เช่นเดียวกับนักการเมืองอื่นคือไม่ได้มีสถานะใดๆ ทั้งสถานะ สส.และฝ่ายบริหาร แต่ยังคงเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

สี่ปีต่อมา ในการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562 ‘พีระพันธุ์’ ได้รับเลือกเป็น สส.ในระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีตำแหน่งบริหาร แต่ใช้สถานะความเป็น สส.ศึกษาเรื่อง 'โฮปเวลล์' ผ่านการทำงานในคณะกรรมาธิการ 

เมื่อ ‘พีระพันธุ์’ ได้อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดแล้วเห็นว่าคดีนี้น่าจะมีปัญหาเรื่องการนับอายุความ จึงได้สืบค้นเพิ่มเติมหลักกฎหมายเรื่อง 'อายุความ' และพบว่า ศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยบนพื้นฐานของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ที่บัญญัติไว้ว่า 'การนับอายุความ' ให้นับตั้งแต่วันที่รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี โดยไม่ได้มีบทเฉพาะกาลยกเว้นไว้ว่า คดีนั้นจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเปิดทำการศาลปกครอง แต่ปรากฏว่า ศาลปกครองสูงสุดใช้ 'มติของที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด' เป็นหลักในการตัดสินว่า คดีที่เกิดขึ้นก่อนศาลปกครองเปิดทำการ ให้นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2544 ซึ่งเป็นวันที่ศาลปกครองเปิดทำการ จึงส่งผลให้คดีโฮปเวลล์ยังไม่ขาดอายุความตามกฎหมาย

‘พีระพันธุ์’ ซึ่งมีความเห็นต่างและได้ชี้ว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ศาลทุกศาล รวมถึงศาลปกครอง ต้องตัดสินตามกฎหมายเท่านั้น แต่หากเห็นว่ากฎหมายที่มีอยู่ยังไม่ครอบคลุมในประเด็นปัญหาสำหรับคดีที่เกิดขึ้นก่อน ก็ต้องไปให้รัฐสภาดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าว ไม่สามารถใช้ 'มติที่ประชุมใหญ่' เป็นหลักในการตัดสินได้ เพราะขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ กระทั่งต่อมา ศาลปกครองกลางได้ดำเนินการพิจารณาคดีใหม่ และมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2566 เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย ชดใช้ค่าเสียหายแก่ บริษัทโฮปเวลล์ฯ เนื่องจากการใช้สิทธิเรียกร้องของบริษัทดังกล่าวขาดอายุความตามกฎหมาย ทำให้รัฐบาลไม่ต้องนำเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายค่าโง่คดีโฮปเวลล์จำนวนหลายหมื่นล้านบาท

วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ‘พีระพันธุ์’ ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จึงพ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อของพรรคฯ ไปด้วย แต่ยังคงไม่ละมือจากการทำงานกรณีโฮปเวลล์

สิบวันต่อมา วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เข้าดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาเมื่อนายกฯ ขอความเห็น แต่ไม่มีอำนาจในการบริหาร ซึ่งในช่วงเดียวกันนี้ได้เดินหน้าร่วมกับกระทรวงคมนาคมต่อสู้คดีกรณีโฮปเวลล์อย่างเข้มข้น

และต่อมาเมื่อ 20 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงปลายสมัยที่สองของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘พีระพันธุ์’ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งตำแหน่งเลขาฯนายกฯก็ไม่ได้มีอำนาจบริหารกระทรวงเช่นกัน ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ที่ทำหน้าที่ในการกลั่นกรองงานให้นายกฯและทำงานที่ได้รับมอบหมายเฉพาะบางกรณี เพราะอำนาจในการบริหารในการบริหารราชการอยู่ที่รัฐมนตรีผู้เป็นเจ้ากระทรวงเท่านั้น 

ในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ‘พีระพันธุ์’ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้รับการเลือกตั้ง จนกระทั่งเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 ‘พีระพันธุ์’ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคร่วมรัฐบาล ปฐมบทแห่งการปฏิรูปพลังงานด้วยนโยบาย รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง จึงพึ่งจะได้เริ่มต้นขึ้น โดยสิ่งสำคัญที่พี่น้องประชาชนคนไทยไม่รู้เลยก็คือ การปฏิรูปพลังงานนั้นจะต้องอาศัยเครื่องมือที่มีทั้งประสิทธิภาพและให้ประสิทธิผลสูงสุดก็คือ ‘กฎหมาย’ ซึ่งต้องมีการออกแบบและจัดทำขึ้นใหม่เพื่อให้การปฏิรูปพลังงานเกิดขึ้นและดำเนินการขับเคลื่อนได้

ด้วยนโยบายด้านพลังงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่ง ‘พีระพันธุ์’ ได้นำมาใช้เพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยมีความถูกต้องและเป็นธรรมคือ...

(1) การประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567 ให้ผู้ค้าน้ำมันตาม ม. 7 พรบ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 โดยผู้ต้าต้องรายงานข้อมูลรายละเอียดราคาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการนำเข้าและการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงานทราบ ทำให้หน่วยงานภาครัฐสามารถรู้ถึงต้นทุนที่แท้จริงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบ เพื่อเป็นข้อมูลในการกำกับดูแลราคาน้ำเชื้อเพลิงจำหน่ายปลีกในประเทศ และช่วยให้กรมสรรพกรสามารถคำนวณภาษีจากข้อมูลที่แท้จริงและมีความเป็นปัจจุบันได้อย่างถูกต้องและครบถ้ว

(2) การจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพลิงยุทธศาสตร์ (SPR : Strategic Petroleum Reserve) นอกจากจะเกิดขึ้นเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างเสถียรภาพราคาเชื้อเพลิงแล้ว และหาก SPR เกิดขึ้นในไทยได้สำเร็จ ทำให้รัฐเป็นผู้ถือครองน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองซึ่งมีเพียงพอใช้ในประเทศได้ถึง 90 วัน ในขณะที่ทุกวันนี้เอกชนผู้ค้าน้ำมันเป็นผู้ถือครองน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองในปริมาณที่รองรับการใช้งานได้พียง 25-36 วันเท่านั้น และหากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ภาครัฐต้องการเข้าควบคุมเพื่อจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองจะทำไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจเว้นแต่จะใช้กฎหมายพิเศษบังคับ ซึ่งระบบ SPR จะรวมถึงเชื้อเพลิงทางเศรษฐกิจที่สำคัญทุกชนิดอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว...

(3) ‘พีระพันธุ์’ ยังได้ประสานกับบริษัทนานาชาติเพื่อร่วมมือในการพัฒนาพลังงานใหม่ในประเทศ อาทิ ‘ไฮโดรเจน’ เพื่อทดแทนพลังงานรูปแบบเดิม ดังนั้น การปฏิรูปพลังงานตามแนวทางของ ‘พีระพันธุ์’ หากสามารถทำได้สำเร็จแล้ว ที่สุดจะสร้างประโยชน์โภคผลมากมายให้เกิดกับพี่น้องประชาชนคนไทยโดยรวมอย่างยั่งยืน

'นักเขียนรางวัลซีไรต์' ฟาด 'ด้อมส้ม' ไม่ต้องบอกว่าเจ็บปวด เพราะตอน 'ใส่ร้ายเจ้า-มุ่งล้มเจ้า' คนอื่นเขาเจ็บปวดมากกว่า

(14 ส.ค. 67) วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เมิงไม่ต้องบอก บอกว่าเจ็บปวด
ตอนพวกเมิงใส่ร้ายเจ้า เหยียดหยามเจ้า
มุ่งล้มเจ้า คนค่อนประเทศ
เขาเจ็บปวดมากกว่าพวกเมิงนัก!

โพสต์ดังกล่าวสืบเนื่องจาก ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกลในคดีล้มล้างการปกครอง ทำให้ด้อมส้ม แสดงความไม่พอใจถึงคำวินิจฉัยดังกล่าว

‘ผู้เขียนบท 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ เผยคำพูด ‘พระองค์เจ้าบวรเดช’ ทูลต่อในหลวง ร.7 หากไม่พระราชทานรัฐธรรมนูญ จะเกิดการปฏิวัติ

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้จัดกิจกรรมเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' และรับชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

สำหรับการเสวนาในหัวข้อ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' นั้น หนึ่งในวิทยากรที่ขึ้นบรรยายได้แก่ นางสาวปัณฑา สิริกุล ผู้เขียนบทภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ได้เล่าถึงเส้นเรื่องของประวัติศาสตร์และตั้งข้อสังเกตถึงบางช่วงบางตอนของประวัติศาสตร์ที่ไม่ปรากฏในตำราและหนังสือใด ๆ โดยเฉพาะการฉ้อโกง และดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของคณะราษฎร ประกอบกับการนำข้อมูลของศาลพิเศษของหลวงพิบูลสงครามมาเป็นข้อมูลประกอบในหนังสือซึ่งขาดความน่าเชื่อถือ เพราะจากการสืบค้นและตรวจสอบข้อมูลพบว่า การให้การภายในศาลพิเศษนั้น ล้วนเต็มไปด้วยคำให้การเท็จเป็นจำนวนมาก

โดยนางสาวปัณฑาได้เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งพระองค์เจ้าบวรเดช เข้ากราบทูลต่อในหลวง รัชกาลที่ 7 เกี่ยวกับการพระราชทานรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า “พระองค์เจ้าบวรเดช เคยทูลรัชกาลที่ 7 ว่า…ถ้าท่านไม่พระราชทานรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น”

จับพิรุธ 'พรรคส้มใหม่' เหตุไฉนเมิน 'ไหม' เลือกไพ่ 'เท้ง-ติ่ง' หรือจะเป็น 'ดีลลับ' ระหว่างสองผู้นำทางจิตวิญญาณ

ย้อนอดีตแวดวงขบวนการนักศึกษาไทยจะพบว่า ปี 2519 ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ปิดฉากลงด้วยเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 โดยสุธรรม แสงประทุม (ปัจจุบัน สส.เพื่อไทย) เป็นเลขา ศนท.คนสุดท้าย...

ปี 2527 หลังยุค 'เราไม่มีเวลาทะเลาะกันอีกแล้ว' ภายใต้ประชาธิปไตยครึ่งใบ ได้กำเนิดสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) เลขา สนนท.คนแรกคือ ฉัตรชัย อัครมณี จากธรรมศาสตร์ และ สนนท.ปิดฉากลงปี 2556 เลขาคนสุดท้ายคือ สุพัฒน์ อาษาศรี จากรามคำแหง...

ปี 2538 เลขา สนนท.ชื่อ สุริยะใส กตะศิลา จาก ม.เกษตรฯ (ปัจจุบันคณบดีฯ ม.รังสิต) รองเลขา สนนท.ขณะนั้นคือ ธนพล อิ๋วสกุล (บก.ฟ้าเดียวกัน) มันสมองคนสำคัญของเครื่องจักรสีส้ม

ปี 2541 เลขา สนนท.คือ 'ต๋อม' ชัยธวัช ตุลาธน จากจุฬาฯ ปัจจุบันคือ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หมาดๆ 

ปี 2543 เลขา สนนท.คือ 'ติ่ง' ศรายุทธ ใจหลัก จาก ม.เกษตรฯ รองเลขาฯ คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากธรรมศาสตร์ ปัจจุบันคือ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคสีส้ม...

วันสองวันนี้ช่วงการเปลี่ยนผ่านจากพรรคก้าวไกล เป็น พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล และเป็น พรรคประชาชน ในชั่วข้ามคืน...หลายสื่อนำเสนอภาพ 'ไอ้หนุ่มผมยาว' มาดเซอร์ 3 คน ยืนกอดคอกันประกอบด้วย 'ต๋อม-เอก-ติ่ง'

ไฮไลต์การเปลี่ยนแปลงของพรรคสีส้มในนามพรรค 'ประชาชน' ยุคสามเหลี่ยมหัวกลับรอบนี้ นอกเหนือจากเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ที่พรรคส้มไม่เลือก 'ไหม' ศิริกัญญา ตันสกุล แต่เลือก 'เท้ง' ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ แล้ว อีกไฮไลต์ที่ต้องขีดเส้นใต้ห้าเส้นก็คือ...

การที่ 'เอก ธนาธร' ดันเพื่อนเลิฟที่อยู่หลังบ้าน เป็นผอ.พรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล อย่างแข็งแรงมา 5-6 ปีอย่าง 'ติ่ง ศรายุทธ' มาเป็นเลขาธิการพรรค...นับเป็นการทิ้งไพ่ใบสำคัญ...

'ติ่ง ศรายุทธ' เป็นคนใต้ที่มีอัธยาศัยไมตรีและความรู้ความสามารถดีมากคนหนึ่ง ที่สำคัญได้ช่วยเหลือดูแลธุรกิจที่ สปป.ลาว ของธนาธรและครอบครัวมาหลายปีดีดัก ก่อนถูกดึงเข้ามาช่วยงานการเมือง...

การลาก 'ติ่ง ศรายุทธ' มายืนอยู่แถวหน้าบนตำแหน่งสำคัญ ก็คงเพื่อให้ช่วยประคับประคองหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่แม้จะมีแสงในตัวเองระดับหนึ่ง แต่ความเฉียบคมและกลมกล่อมทางการเมือง ยังไม่น่าจะเพียงพอ...ผู้นำทางจิตวิญญาณพรรคส้ม จึงต้องยอมงัดไพ่ใบสำคัญมาเล่น...เพื่อให้พรรคสีส้มเดินหน้าต่อไป รอท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพในปี 2573 ที่วันที่คนชื่อ 'ธนาธร' พ้นโทษเว้นวรรคสิบปี...

แต่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองและเอฟซีของพรรคส้มจำนวนไม่น้อย 'เสียดาย' ที่พรรคไม่เลือก 'ไหม' ศิริกัญญา มาเป็นแม่ทัพประกบประดับหรือเปรียบเทียบกับ 'นายน้อย' แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ชนะกันแบบเห็น ๆ...

บางคนบางกลุ่ม ก็อดที่จะอดคิดไม่ได้ว่า...หรือนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งดีลลับระหว่างสองผู้นำทางจิตวิญญาณที่ชื่อ...ทักษิณกับธนาธร..!?

‘เล็ก คาราบาว’ ลั่น!! สูงวัยแล้ว เพลาๆ เรื่องการเมือง ชี้!! ควรเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่แสดงฝีมือ-โชว์พลังบ้าง

(13 ส.ค. 67) ปรีชา ชนะภัย หรือ เล็ก คาราบาว โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Lek Carabao Solo’ ว่า เมื่อวานขณะอยู่บนเวทีพี่แอ๊ดพูดกับผู้ชมว่า “ผมแก่แล้ว ไม่อยากพูดเรื่องการเมืองแล้ว” แล้วแกก็หันมาทางผมพร้อมพูดว่า “เดี๋ยวโดนพี่เล็กว่า พี่เล็กเค้าห้ามไว้” อิอิ เป็นมุขน่ารักประจำในช่วงนี้น่ะครับ 

แต่จะว่าไปตามจริง เรื่องการเมืองนั้น พี่แอ๊ดทำมามากมายเหลือเกิน ไปดูภาพข่าวเก่า ๆ ดิ ทำแม้กระทั่งโกนหัวประท้วงก็เคยมาแล้ว

ในมุมของผม เห็นว่าพี่แอ๊ดยังทำอะไรเกี่ยวกับการเมืองและประเทศของเราได้อีกมากมาย เช่นเขียนหนังสือ เป็นต้น อีกอย่าง พวกเราสว.กันแล้ว ควรปล่อยให้ลูกหลานเค้าแสดงฝีมือแสดงพลังกันบ้าง

ทุกสิ่งอย่างคือบทพิสูจน์ พี่แอ๊ดเองก็พูดให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่า เด็ก ๆ สมัยนี้เก่ง และมีแนวคิดที่น่าสนใจ แกว่าแกยังชอบฟังพวกเค้าเวลาอภิปรายกันเลย

มะม่วงไม่เด็ดก็ร่วงเองถ้ามันสุก ทุกอย่างคือบทพิสูจน์เมื่อมันพร้อม เคยมีพิธีกรหลายท่าน ถามผมถึงหัวข้อประมาณ เคยเป็นห่วงว่าวงเพื่อชีวิตจะหายไปไหม วงเพื่อชีวิตจะอ่อนแรงไหม หรืออะไรแนว ๆ นี้

คำตอบของผมคือ ไม่รู้สึกห่วงแม้แต่น้อย เพราะวงเพื่อชีวิตคือแนวสะท้อนภาพของชีวิตผู้คน ดังนั้นเมื่อพวกเราไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้กันแล้ว ลูก ๆ หลาน ๆ เค้าก็ต้องทำหน้าที่สะท้อนภาพสังคมในยุคของเค้ากันต่อได้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพียงแต่วงเพื่อชีวิตในอนาคตอาจใส่ชุดมนุษย์อวกาศขึ้นเวทีก็ได้ใครจะรู้เรื่องวันข้างหน้าล่ะ ว่าไหม อิอิ

เมื่อเวลาพี่แอ๊ดนิ่ง ๆ และปล่อยวาง แกดูน่าเคารพมาก ๆ เลย เพราะพี่แอ๊ดเป็นคนที่มากไปด้วยความสามารถ ประสบการณ์ก็เปี่ยมล้น แค่เขียนหนังสือ และให้คำปรึกษาลูก ๆ หลาน ๆ ก็ถือว่าสุด ๆ แล้วหละครับ

ด้วยความเป็นเพื่อน ก็ได้แค่มองๆ และประคับประคองชีวิตในยามที่ควรสงบร่มเย็นไม่อยากให้เพื่อนโดนทัวร์ลงโดยไม่จำเป็น

สำหรับผมก็เห็นเช่นพี่แอ๊ดว่า เด็ก ๆ สมัยนี้เค้ามีความรู้ความสามารถและวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เพียงแต่พวกเค้ายังต้องฝึกวิทยายุทธเพิ่มเติมอีกหน่อยถึงจะเทียบชั้นพวกผู้เฒ่าได้

เรื่องนี้ภรรยาผมสนใจเลยถามผมว่า “เด็ก ๆ เค้าเก่ง แล้วทำไมถึงยังเทียบชั้นกับพวกผู้เฒ่าไม่ได้ล่ะ“ หึ หึ อยากรู้เหรอ ”พวกผู้เฒ่าเค้าพิษเยอะ“ จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! จ๊ากยาวเลย

สวัสดียามเช้าที่เปียกแฉะ

'บก.ฟ้าเดียวกัน' หยัน!! ชนชั้นนำฝ่ายขวา มีปัญญายุบพรรค แต่ไม่มีปัญญาชนะเลือกตั้ง

(13 ส.ค. 67) นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน บุคคลในกลุ่มที่ใกล้ชิด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ความน่าตลก ปนสมเพช ของชนชั้นนำฝ่ายขวาก็คือว่าหลังจากยุบพรรคไทยรักไทย ของทักษิณ ชินวัตร ในปี 2550

ผ่านมา 17 ปี ก็มายุบพรรคก้าวไกลศัตรูตัวใหม่ของชนชั้นนำฝ่ายขวา (หลังจากยุบพรรคอนาคตใหม่ไป 4 ปีก่อนหน้านั้น)

แต่ตัวเองก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีพอ ก็กลับไปใช้บริการ ทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทยที่ตอนนี้กลายร่างมาเป็นเพื่อไทย

อันนี้สิถึงเรียกว่า ความไร้น้ำยาอย่างแท้จริง

มีปัญญายุบพรรค-รัฐประหาร แต่ไม่มีปัญญาชนะเลือกตั้ง ความอับจนชนชั้นนำฝ่ายขวา

‘เท้ง-ณัฐพงษ์’ จ่อตั้งกระทู้ถามสด ‘นายกฯ’ 15 ส.ค.นี้ ปักธงกระทุ้ง 1 ปีมานี้ ผลงานรัฐคืบหน้าแค่ไหนแล้ว

(13 ส.ค.67) ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ในวันที่ 14 สิงหาคม ที่ประชุมสภาจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ส่วนในวันที่ 15 สิงหาคม จะเป็นการตั้งกระทู้ถามสดถามนายกรัฐมนตรี จากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน เรื่องการดำเนินงานของรัฐบาลภายใน 1 ปีที่ผ่านมา และสิ่งที่รัฐบาลทำไปมีความคืบหน้าอย่างไร

ส่วนการเสนอชื่อชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่งนั้น นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกันอย่างเป็นทางการ จะคุยกันในที่ประชุมวันนี้ แต่เท่าที่ทราบ ยังไม่มีพรรคใดที่ประสงค์เสนอชื่อแคนดิเดตชิงตำแหน่งดังกล่าว

ในส่วนของพรรคประชาชนเอง ไม่คิดว่าจะมีความเสียหายหากจะส่งแคนดิเดตลงแข่ง แม้รู้ตัวดีว่าฝ่ายค้านเป็นเสียงข้างน้อย แต่สิ่งที่เห็นว่าควรบันทึกไว้ คืออยากให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสภา ทำให้สภามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งหลายสิ่งที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาคนที่หนึ่ง ทำไว้ ตนคิดว่าหลายอย่างน่าจะเป็นประโยชน์ หากรองประธานสภาคนใหม่เห็นว่ามีประโยชน์ก็ควรหยิบมาทำต่อ

เมื่อถามว่าหากมีมติส่งแคนดิเดตที่ถูกเลือกจะเตรียมตัวทันหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา การทำงานตั้งแต่พรรคก้าวไกลมาจนถึงวันนี้ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าการส่งชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง เพื่ออะไร เวลาเตรียมตัว 1 วันก็เพียงพอ

ขอย้ำว่ายังไม่มีรายชื่อแคนดิเดต เนื่องจากยังไม่มีการพูดคุยกัน ต้องรอในช่วงบ่ายวันนี้ พรรคประชาชนจะต้องพูดคุยในที่ประชุม สส. ว่าจะส่งแคนดิเดตลงตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับเสียง สส.

เมื่อถามว่ามีกระแสว่าพรรคภูมิใจไทยจะเสนอชื่อนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง ลงชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของวิปรัฐบาล ที่จะตกลงกันว่าเป็นของพรรคใด หากตกลงกันแล้วว่าเป็นของพรรคภูมิใจไทย และพรรคภูมิใจไทยคิดจะส่งใคร ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ไม่ได้ไปก้าวก่ายตรงนั้น

ต่อข้อถามว่าการส่งคนลงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง จะต้องทำงานร่วมกันกับผู้นำฝ่ายค้านด้วย จะทำให้มีปัญหาหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต แต่ด้วยเสียงข้างน้อย จึงรู้ตัวว่าเมื่อโหวตไปจึงไม่ได้ ดังนั้น หากพรรคร่วมรัฐบาลจะกรุณาโหวตให้ และให้พรรคประชาชนได้ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่งก็ยินดี

เมื่อถามว่าตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง มาจากเอ็มโอยูแม้จะถูกฉีกไปแล้ว แต่ควรเป็นคนของพรรคประชาชนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิระบุว่า ไม่ได้มองอย่างนั้น และไม่ได้คาดหวังในการรักษาคำพูด

'หมอทวีศิลป์' นั่ง 'อธิบดีกรมการแพทย์' หลังครม.แต่งตั้งบิ๊กข้าราชการ สธ.บิ๊กล็อต

(13 ส.ค.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติแต่งตั้ง ดังนี้ อนุมัติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอแต่งตั้ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิจำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้

1. นายณัฏฐา พาชัยยุทธ ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการเชี่ยวชาญ) สำนักงาน ก.พ.ร. ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2566
2. นายธนศักดิ์ มังกโรทัย ผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการสูง) กองพัฒนาระบบบริหารงานส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น สำนักงาน ก.พ.ร. ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2567 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอแต่งตั้ง นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 13 ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ สับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ดังนี้

1. นางอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมอนามัย
2. นายสุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
3. นายทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์
4. นายภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมควบคุมโรค
5. นายกิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสุขภาพจิต
6. นายภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสนับสนับสนุนบริการสุขภาพ
7. นายสมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
8. นายภูวเดช สุระโคตร ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
9. นายมณเฑียร คณาสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
10. นายศักดา อัลภาชน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
11. นายวีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้ตรรราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
12. นายปรีชา เปรมปรี สาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
13. นางสาวสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา รวม 7 คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี ดังนี้ 1. นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ 2. ศาสตราจารย์พิเศษทศพร ศิริสัมพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3. นายสุภัทร จำปาทอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4. ศาสตราจารย์พิริยะ ผลพิรุฬห์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5. นายพิศณุ ศรีพล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6. ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 
7. ศาสตราจารย์สุรินทร์ คำฝอย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

'เพจดัง' ชี้!! การบริจาคของพรรคประชาชนไม่ได้โอนเข้าบัญชีพรรคโดยตรง พบ!! โอนผ่าน 'บ.เพย์ โซลูชั่น' เรื่องนี้ประชาชนรู้ก่อนบริจาคหรือไม่

(13 ส.ค. 67) เพจ' วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

#ทุกคนคะ ประเด็นนี้น่าสนใจค่ะ

1. พรรคประชาชน อยู่ระหว่างทำธุรการเอกสาร ขอเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อพรรค ต้องมีหนังสือรับรองจาก กกต. ด้วยระยะเวลาไม่กี่วันคาดว่ายังไม่สำเร็จ

2. การบริจาคของพรรคประชาชนที่ผ่านมา จึงไม่ได้โอนเข้า บัญชีพรรคโดยตรง โอนผ่านตัวกลาง บ.เพย์ โซลูชั่น ที่ให้บริการทางด้านการเงิน

3. การใช้บริษัทกลางมาช่วย อาจต้องเสียค่าบริการเช่น บริจาคเงิน 100 บาท หักค่าบริการ 10 สตางค์ เหลือเข้าบัญชีพรรค 99.90 บาท เรื่องนี้พรรคแจ้งให้ประชาชนรู้ก่อนบริจาคหรือไม่

#คำถาม การที่ยังไม่มีบัญชีพรรคการเมือง แต่เปิดรับบริจาคโดยผ่านตัวกลาง และ อาจต้องถูกหักค่าบริการ ผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่คะ

‘เพจดัง’ แฉ!! หลังแอคเคาท์ ‘พรรคประชาชน’ ใน X ใช้งานไม่ได้ เหตุทำผิดกฎหมาย ‘ม.84’ ห้ามมิให้นำเครื่องหมายเก่ามาใช้

เมื่อวานนี้ (12 ส.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคประชาชน’ ใช้งานไม่ได้ จากเดิมใช้ชื่อว่า พรรคประชาชน พร้อมโลโก้ใหม่ กลับเปลี่ยนไปเป็นโลโก้ ‘พรรคก้าวไกล’ เช่นเดิม ส่วนตัวอักษรมีการขีดที่คำว่าพรรค พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ก้าวไกลของประชาชน พร้อมมีการแนะนำแฟนคลับ ไปติดตามที่เพจใหม่

จากกรณีเพจพรรคประชาชนถูกยุบ ทางเพจ ‘วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร’ ได้ออกมาแฉ ว่าระบุข้อความ…

“#ทุกคนคะ พรรคประชาชน ได้เอาแอคเคาท์เก่าของพรรคก้าวไกลมาใช้ ทำให้มีภาพโลโก้พรรคก้าวไกลปรากฏเต็มไปหมด

ซึ่งผิดกฎหมาย มาตรา 84 ที่ห้ามมิให้นำเครื่องหมายเก่ามาใช้ ได้กระทำความผิดมาแล้ว 2 วัน ตอนนี้พรรคแก้ปัญหาด้วยการบอกว่าเป็นแอคแฟนเพจ และ ปิด X ไปชั่วคราว แต่กระทำความผิดสำเร็จแล้วค่ะ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top