Friday, 13 June 2025
POLITICS NEWS

ความผิดใหญ่หลวงของ ‘พระยาทรงสุรเดช’ คือการพาคนหิวอำนาจมาเปลี่ยนแปลงการปกครอง

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ไม่มีความผิดครั้งใดในชีวิตของฉัน จะใหญ่หลวงเท่ากับ การนำคนหิวเงิน หิวอำนาจ เข้าเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475”

พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวหลังจากลี้ภัยไปยังประเทศเวียดนาม เมื่อปี พ.ศ. 2482

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

‘ปรีดี พนมยงค์’ ยอมรับ ขาดความเจนจัดในการก่อตั้งพรรคอภิวัฒน์ และเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ในปี ค.ศ. 1925 เมื่อเราเริ่มตั้งกลุ่มแกนกลางของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี (ของกฎหมายเปรียบเทียบ)...

“ข้าพเจ้าไม่มีความเจนจัด และโดยปราศจากความเจนจัด บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำเอาความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย”

ปรีดี พนมยงค์ ให้สัมภาษณ์ ณ บ้านอองโตนี กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2522

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

'ลุงชวน' ย้ำ!! "ต้องไม่ทรยศประชาชน" เป็นเรื่องของตนคนอื่นไม่เกี่ยว รับสภาพ!! ไร้ผลเปลี่ยนแปลงมติ 'ปชป.' ร่วมรัฐบาล 'เพื่อไทย'

(29 ส.ค. 67) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) และ สส.ของพรรค ถึงความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงมติพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ตนไม่คิดว่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่ในส่วนของตนแสดงเหตุผลไว้ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยตั้งแต่เลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเหตุผลของตนไม่ใช่ข้อขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเหตุผลในอดีตที่ตนเคยรณรงค์ไม่ให้ประชาชนภาคใต้เลือกพรรคไทยรักไทย ด้วยเหตุผลว่าพรรคนั้นประกาศว่าจะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือก ส่วนจังหวัดที่ไม่ได้เลือกไว้ทีหลัง ทำให้ภาคใต้เสียโอกาส ฉะนั้นหากเลือกคนที่ไปบอกให้ชาวบ้านไม่เลือก มันทรยศชาวบ้าน ตนจึงต้องยืนอยู่ในจุดที่รักษาไว้ คือเมื่อเลือกปฏิบัติกับเรา เราก็อย่าไปเลือกเขา

"ใครที่บอกว่ามันผ่านมาแล้ว 20 ปี แต่ภาคใต้เสียโอกาสไปมาก ทั้งที่ความจริงภาคใต้เป็นพื้นที่ที่ทำรายได้เลี้ยงประเทศจำนวนมาก จึงไม่ควรไปเลือกปฏิบัติกับเขา นี่คือสิ่งที่ผมอยากยืนยัน ไม่ใช่ข้อขัดแย้งส่วนตัวระหว่างใคร เพราะผมไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร แต่ประโยชน์ประชาชนที่ถูกกลั่นแกล้ง อย่างน้อยมีผมคนหนึ่งที่พูด ขอให้ประชาชนอย่าสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็ตามที่เลือกปฏิบัติ ผมเป็นนายกฯมา2สมัยไม่เคยเลือกปฏิบัติ นี่เป็นจุดแตกต่างระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ถ้าผมบิดเบือนเจตนารมณ์ คนอื่นต้องไม่เกี่ยว เป็นเรื่องส่วนตัวผม จึงขอยืนยันว่าไม่สามารถยอมรับวิธีที่เลือกปฏิบัติต่อพื้นที่ได้ ดังนั้นผมต้องแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ผมไปบอกประชาชน สำหรับผม คนอื่นไม่เกี่ยว ต้องยืนยันว่าอย่าทรยศประชาชน" นายชวน กล่าว

‘เสรีพิศุทธิ์’ น้อยใจ!! ถูกแดกดันรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิต ฟาก ‘อดิศร-เพื่อไทย’ ปลอบ อย่าน้อยใจ เป็นตำรวจ ต้องเข้มแข็ง

(29 ส.ค. 67) ที่พรรคเสรีรวมไทย ย่านบางขุนนนท์ กทม. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส อดีต สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทย กรณีถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า...

"ขณะนี้พรรคเสรีรวมไทย ทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ยังต้องการทำงานให้ประเทศ แต่เมื่อไม่มีโอกาส ก็ขอไปทำงานด้านอื่นก็ได้ จึงได้ประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีมติ 7 เสียง ต่อ 4 เสียง ให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และได้แจ้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผ่านนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่า ขอถอนตัว และจะเป็นอิสระ ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้พรรคได้สร้างผลงาน และปฏิบัติงานตามอุดมการณ์แนวนโยบายของพรรคอย่างเต็มที่และรักษาประโยชน์ประชาชนประเทศชาติ การอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ โดยมารยาทจะไม่สามารถวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลได้ จะอึดอัด ทำอะไรต้องยอมให้เขาเหยียบตลอดเวลา"

เมื่อถามว่า เหตุผลที่ถอนตัวเพราะน้อยใจหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “ผมโกหกใครไม่เป็น ผมน้อยใจ เห็นว่า วันที่ไปประชุมพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ พูดแดกดันว่าพรรคเสรีรวมไทยรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิตแล้ว เผื่อมีโอกาสร่วมงานกับรัฐบาลบ้าง เพราะมีปัญหา เช่น เรื่องตำรวจ ที่รองนายกฯ และรักษาการนายกฯ บอกจะขอดูแลงานตำรวจเอง แบบนี้จะมีปัญหา ทั้งที่ผมเคยเป็น ผบ.ตร.มาก่อน เพราะการดูแลตำรวจไม่ใช่แค่การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจให้เป็นคนของตนเองเท่านั้น แต่ตำรวจต้องมีการปฏิรูปการทำงาน การบริหารจัดการ พรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดทำงานให้ตำรวจเลย คิดแต่จะคุมการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ทำให้ประชาชนขาดศรัทธาตำรวจ”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ช่วงที่นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ตนเคยไปเยี่ยม 5 ครั้ง ช่วงหลังการเลือกตั้งปี 62 ที่ตนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยมีอะไร ตนจัดการให้หมด แม้จะเป็นการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยทำผิดให้เป็นถูก แต่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ สส.เพิ่มขึ้น

“ผมช่วย สส.ของพรรคเพื่อไทยมาตลอด และรัฐมนตรีอีกหลายคน เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ผมมีเสียงเดียว เอาไปเทียบกับพรรคหนึ่งเสียงได้อย่างไร เพราะรู้จักมา 51 ปี เมื่อเขาไม่รู้จักกันแบบนี้ จะให้ผมรู้จักหรอ ถอนตัวดีกว่า” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า นายทักษิณรับปากจะให้ตำแหน่งหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "พูดกับตนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ว่าเป็นหนี้บุญคุณตน ขอให้ไปคิดดู คนที่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจจะมีรุ่นพี่ที่ดูแลนายทักษิณ ตั้งเป็นผู้การ ผู้บัญชาการทั้งหมด แต่ไม่ตั้งตนเลย พูดตลอดเวลาเป็นหนี้ตนเป็นพันครั้งต้องชดใช้ แต่พูดแล้วก็เฉย แม้กระทั่งตอนตนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็พูดว่าต้องตอบแทน แต่ก็เฉย ไม่เป็นไร เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของ น.ส.แพทองธาร จะเอา สส.หรือไม่เอา สส.ก็ได้ เป็นอำนาจนายกฯ แต่ลืมตนทุกที ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร อาจคิดว่า พรรคเสียงเดียว ไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่น ๆ ได้อย่างไร เพราะเข้ามาหวังประโยชน์ แต่ตนต้องการเข้ามาทำงาน หลังจากเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างตนกับนายทักษิณ นายทักษิณก็ไม่โทรมาหา และพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ว่าอะไร โดยยืนยันว่า ตนไปเยี่ยมนายทักษิณ 2 ครั้ง ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจจริง"

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "ที่บอกว่าตน จะไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นฝ่ายค้าน เป็นไปไม่ได้ เพราะตนไม่เอาคณะปฏิวัติ ส่วนจะรอสายตรงจากนายทักษิณติดต่อมาหรือไม่นั้น ไม่มี เขาทำลายพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ อย่างเก่งก็ทำให้เสรีรวมไทยสูญพันธุ์ แต่เราก็มีแค่หนึ่งเสียง การออกมาแถลงข่าววันนี้ ไม่ได้ต้องการสร้างมูลค่าให้ตัวเอง ที่ผ่านมาสมัยตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเสนอเงิน 300 ล้านบาท และให้ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แต่ตนไม่เอา"

เมื่อถามว่า ถ้าตอนนี้มีการต่อรองให้เก้าอี้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงจะเอาหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ไปก็โง่สิ เดินมาขนาดนี้ มันก็รบกันท่าเดียว แน่นอนว่า ขอตัดสัมพันธ์นายทักษิณ คบมา 51 ปีแล้ว ทำได้แค่นี้ จะคบต่อไปทำไม หลังจากนี้ให้รอดู ป.ป.ช.จะเชิญตนไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่า จะต้องติดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ"

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า จะต้องมีภาค 2 ให้ติดตามใช่หรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ขอให้คอยดู เดี๋ยวนักข่าวไม่มีงานทำ"

ต่อข้อถามว่า มองว่า น.ส.แพทองธาร เป็นร่างทรงนายทักษิณหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "สื่อก็รู้ ไม่เห็นต้องถาม ส่วนการกระทำของนายทักษิณ จะเข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ สื่อก็รู้เช่นกัน ขณะนี้นายทักษิณไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ เมื่อไม่ใช่สมาชิกพรรค จะไปแสดงตัวเชิญทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อคืนวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้สนับสนุน น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ไม่ได้ ถือว่าครอบงำพรรค"

เมื่อถามว่า มองอนาคตของพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธาร อย่างไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "อยู่ได้ไม่ถึงปี สั้นกว่านายเศรษฐา จะตายด้วยเรื่องของนายทักษิณเอง รวมถึงเรื่องคดีของ น.ส.แพทองธารด้วย แต่เราคงไม่ถึงขั้นไปยื่นร้อง น.ส.แพทองธาร"

เมื่อถามว่า ประเมินว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเดินเกมแก้แค้นนายทักษิณ อย่างไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ต้องแก้แค้นเต็มที่ แต่ พล.อ.ประวิตรคงสู้ไม่ได้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคตระบัดสัตย์ หลังเลือกตั้งปี 2562 ก็ตระบัดสัตย์ไปร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้มี สส.ลดลงจาก 52 คนเหลือ 25 คนในปัจจุบัน

"ส่วน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยบอกถ้าพรรคแพ้การเลือกตั้งปี’66 จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เลิก ตระบัดสัตย์หรือไม่ ทั้งที่พูดต่อที่สาธารณะ ถามว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ตนมองว่าผิด แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นผู้ตัดสิน ดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังมีสัจจะดีกว่านักการเมือง สำหรับบทบาทของพรรคเสรีรวมไทยต่อจากนี้ จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน สิ่งไหนที่รัฐบาลทำดีก็ไม่คัดค้าน ถ้าทำไม่ดีก็ค้าน และจะดำเนินการฟื้นฟูพรรคในการเลือกตั้งต่อไป ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเชิญให้ร่วมรัฐบาล ก็ไม่เข้าร่วมแล้ว"

เมื่อถามว่า ราคาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องจ่ายในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้คืออะไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ก็จบแล้ว ใน กทม.ก็จบแล้ว"

ภายหลังจากการเปิดใจของหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยจบลง ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลว่า...

"ด้วยความเคารพ โดยส่วนตัวแล้วตนเคารพ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นอย่างยิ่ง เคารพประวัติการต่อสู้ของท่าน คนไทยยกให้เป็นวีรบุรุษนาแก ยังมีผลงานที่ตรึงตาตรึงใจ แต่กรณีที่จะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ทราบว่าเป็นเหตุผลกลใด เพราะ 1-2 วันที่ผ่านมาก็เจอกันอยู่ในวันรับสนองพระบรมราชโองการฯ ไปเจอที่ไหน ท่านก็บอกว่า จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย การตัดสินใจทางการเมืองเป็นเรื่องของแต่ละพรรค แต่ก็อยากจะกล่าวว่ากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า ลองทบทวนคำพูดของท่านในครั้งที่ผ่านมา แล้วไปศึกษาว่า ควรเป็นไปหรือไม่ เราให้เกียรติอย่างสูง โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นรุ่นพี่นักเรียนนายร้อยของหลาย ๆ คน เป็นผู้บัญชาการตำรวจที่มีบทบาท"

“มีคนบอกว่า ท่านออกมาแถลงข่าว เอ๊ะ น้อยใจเพราะเหตุใด เพราะการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีก็ยังไม่สำเร็จ มีคนมาบอกว่า ท่านไม่ได้เป็นรองนายกฯดูแลยาเสพติดหรือไม่ อันนี้ผมก็ยังไม่เชื่อ เพราะโผ ครม.ยังไม่ปรากฏชัด ธรรมดาคนที่จะมาร่วมรัฐบาล แม้มีกี่เสียงก็สำคัญ ในฐานะที่ท่านมี 1 เสียง ได้แก่ นายมังกร ยนต์ตระกูล อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยเก่า คุณมังกรกับคุณเสรีพิศุทธ์ก็ไม่ค่อยลงรอยกัน ไปทบทวนนะครับ อาจจะพูดแรงไป พูดถึงคำว่า นักโทษด้วยนะ ทำไมมาโกรธกันในวันสองวัน อายุมากแล้วอย่าใจน้อย” นายอดิศรกล่าว

นายอดิศร กล่าวว่า "ตนไม่ได้ขออนุญาตใครก่อนลงมาแถลง แต่ดูแล้วมันไม่เหมาะสมกับฐานานุรูป และวัยวุฒิ จึงอยากให้ตัดสินใจใหม่ มาร่วมไม้ร่วมมือกันเพื่อชาติบ้านเมือง เราไม่ได้คำนึงว่าท่านมี 1 เสียง แต่คำนึงถึงศักยภาพของท่าน ท่านไปอยู่ฝ่ายค้านก็ไม่ได้เป็น สส. มีนายมังกรคนเดียวจะไปอยู่กับเขาได้หรือ"

“กลับมาเถอะครับพี่เสรี กลับมานะ กลับมา เดี๋ยวผมจะได้รับถึงพรรคเอง อย่าน้อยใจ เป็นตำรวจพิทักษ์สันติราษฎร์ต้องเข้มแข็ง ยินดีต้อนรับพี่นะครับ พวกเราคงไม่ถือสาอะไร ถือว่าเป็นคำอวยพร” นายอดิศรกล่าว

เมื่อถามว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถอนตัว? นายอดิศรกล่าวว่า "ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน อยากเป็นรองนายกฯ หรือเปล่า แต่จะเป็นได้อย่างไร มีเสียงเดียว"

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวถึงขนาดว่า นักโทษตั้งนายกฯ? นายอดิศร กล่าวว่า "วันตั้งนายกฯท่านก็ไปร่วมอยู่ ตนยังยกมือไหว้ท่าน เดินไปส่งถึงรถตู้ ใส่ชุดขาวด้วย ห่าวมาไม่กี่วันกลายเป็นแบบนี้แล้ว มันจะเสียสัตย์ เสียเกียรติภูมิ"

ส่วนจะกังวลหรือไม่ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะเอาความลับมาเปิดเผย? นายอดิศร กล่าวว่า "ไม่มีความลับ เป็นเรื่องของราชทัณฑ์ ตนกังวลว่าอายุมากแล้ว เราก็ 70 ปีด้วยกันแล้ว อย่าใจน้อย อยู่อีกไม่กี่ปีก็ไปแล้ว"

กรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาแสดงความห่วงใย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องความสุจริตและจริยธรรมในการตั้ง ครม.? นายอดิศร หัวเราะพร้อมกล่าวว่า "ขอบคุณนายไพบูลย์ สงสัยจะฝึกงานเป็นฝ่ายค้าน ลองไปเจรจากับพรรคประชาชนดูว่าเขาให้เป็นฝ่ายค้านด้วยหรือไม่"

เมื่อถามว่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐแตกออกเป็นสองส่วน ในการร่วมรัฐบาล เวลาโหวตในสภาจะเป็นปัญหาหรือไม่? นายอดิศร กล่าวว่า "รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกในการตัดสินใจเดินต่อไป โผ ครม.ก็ไม่ได้มีคนมาจากพรรคพลังประชารัฐเลย ซึ่งหากจะมาโหวตสนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็ไม่ติดใจ พร้อมย้ำว่าการจะไปร้องเรียน เป็นการร้องแบบลูกทุ่งลูกกรุง นึกอะไรได้ก็ไปร้อง ระวังร้องเท็จก็แล้วกัน อยากให้ยุติ เพราะรัฐบาลพักไป 2-3 เดือนก็เสียเวลา เหลืออีกเพียง 3 ปีเอง ขอให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เข้มแข็ง"

"มาประชุมสภาหน่อย ท่านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ" นายอดิศรกล่าวปิดท้าย

'เพื่อไทย' ชี้!! แนวคิดซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนรัฐ ยังอยู่ระหว่างการศึกษา วอน!! ไม่อยากให้มุ่งค้านทุกเรื่องที่รัฐบาลเสนอโดยไม่สนใจการศึกษาใดๆ

(29 ส.ค. 67) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการแสดงความเห็นคัดค้านแนวคิดการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมาอย่างต่อเนื่อง โดยนำร่องด้วยวิธีชดเชยค่าโดยสารในสายสีม่วงและสายสีแดง ผลลัพธ์ออกมาทางบวกทั้ง 2 ส่วน สามารถแบ่งเบาภาระค่าเดินทางประชาชน และส่งเสริมให้รถไฟฟ้าเป็นขนส่งสาธารณะ เป็นบริการสาธารณะที่สร้างความเท่าเทียมในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน

ส่วนแนวคิดการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้ากลับคืนมาที่รัฐ เพื่อให้รัฐสามารถควบคุมราคาได้เองอย่างยั่งยืน ไม่ต้องแบกรับภาระการชดเชยไปตลอด เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่อยู่ระหว่างการศึกษา  จึงต้องรอผลการศึกษาที่ชัดเจน มีข้อมูลครบถ้วนก่อนจะออกมาวิจารณ์คงจะเหมาะสมกว่า มิใช่มุ่งจะค้านทุกเรื่องที่รัฐบาลเสนอโดยไม่สนใจการศึกษาใด ๆ

นายชนินทร์ กล่าวว่า ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความตั้งใจในการกระจายอำนาจเรื่องการขนส่งสาธารณะไปยังท้องถิ่นต่างๆ ภายหลังการโหวตไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก ของอดีตพรรคก้าวไกลนั้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการให้อำนาจท้องถิ่นในเรื่องนี้เพิ่มเติมแล้วในหลายลักษณะ เช่น มีการออกกฎกระทรวง (ฉบับที่ 64 พ.ศ. 2567) ให้อำนาจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเป็นผู้ดำเนินการให้บริการระบบการขนส่งด้วยรถโดยสารสาธารณะเองได้แล้ว และปัจจุบันคณะกรรมกลางฯตามพระราชบัญญัติฉบับนี้เอง ก็ได้มีการผ่องถ่ายอำนาจการกำหนดราคาค่าโดยสาร และการออกใบอนุญาตประกอบการ ให้คณะกรรมการในระดับจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการแทนแล้ว และยังมีแนวคิดที่จะทยอยเพิ่มอำนาจการกำกับดูแลอื่นๆให้คณะกรรมการในระดับจังหวัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผ่านกลไกของฝ่ายบริหาร 

นอกจากนี้ในงบประมาณฯปี 2568 ที่กำลังพิจารณาในสภาอยู่ กรมขนส่งทางบกเอง ก็ยังมีการตั้งโครงการเพื่อศึกษารูปแบบการอุดหนุนของรัฐที่ยั่งยืนในระบบโดยสารสาธารณะไว้ด้วย เพื่อออกแบบโมเดลการสนับสนุนของภาครัฐในการส่งเสริมให้ท้องถิ่นมีศักยภาพในการมีระบบขนส่งสาธารณะของตัวเองให้ได้อย่างยั่งยืน เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าผลการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์กับท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศอย่างแน่นอน ทุกอย่างมีการดำเนินการอยู่ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย  และคงไม่ช้าเกินไปหากในเวลานั้นเราจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณากันอีกครั้ง ในแง่มุมที่ครบถ้วนรอบด้านมากขึ้น

“พรรคเพื่อไทยยืนยันเดินหน้านโยบาย 20 บาทตลอดสายให้สำเร็จตามแผนงานที่เคยประกาศไว้อย่างชัดเจน ทั้งที่โดนปรามาสมาตลอดว่า ทำไม่ได้จริง หรือ ไม่ควรทำ เพราะเรามั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน พร้อมกับอีกหลายนโยบายในการยกระดับขนส่งสาธารณะอื่นๆทั้งรถเมล์ และรถไฟทางไกล เพื่อให้ขนส่งสาธารณะเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการบริการพี่น้องในแต่ละพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป“ นายชนินทร์ กล่าว

'สื่ออาวุโส' สแกนทิศทางการเมืองไทยจากนี้ ใต้ 17 ความเป็นไปได้จากแรงกระแสธารข่าว

(29 ส.ค. 67) เถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เขียนตามที่เห็นข่าว...ผมไม่มีข้อมูลอินไซด์อะไรเลยนะครับ…ไม่ต้องอ่านก็ได้

1. ใครบางคน น่าจะกำลังทำให้พรรคเพื่อไทยรวบรวมเสียงจากพรรคอื่น ๆ มาให้มากที่สุดเพื่อเป็นพรรคใหญ่ที่สุดในรัฐสภา

2. พรรคพลังประชารัฐแม้จะออกไปทั้งพรรค แต่สส.ร่วม ๆ 30 คนน่าจะรอเวลา U-TURN มาร่วมมือกับเพื่อไทย...ถึงขั้นมาร่วมพรรคกันในอนาคต

3. พรรครวมไทยสร้างชาติผนึกกับเพื่อไทยแน่น

4. พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคขนาดเล็กอื่น ๆ น่าจะร่วมเดินทางไปด้วยกันกับเพื่อไทยอีกนาน

5. พรรคประชาชน…น่าจะอยู่ในสภาพอัมพฤกษ์ไปจนกว่าจะชัดเจนเรื่อง 44 สส. (และข่าวเรื่องมีการติดต่อขอตัวย้ายพรรคนั้นยังเชื่อว่าจะจริง ดังนั้นนี่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังของรัฐบาลเพื่อไทย)

6. รัฐบาลเพื่อไทยน่าจะจัดหาจำนวน สส. มาไว้ข้างตัวเองเกือบ ๆ 400 เสียงเพื่อความมั่นคงในช่วงนี้ และเพื่อลงสนามเลือกตั้งคราวหน้า

7. พรรคเพื่อไทยกับพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ต้องสร้างผลงานให้ดีเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน และทำงานการเมืองเพื่อเป็นพรรคเสียงข้างมากอีกสมัย  ด้วยการเอาชนะพรรคประชาชนให้ได้อย่างเด็ดขาด…มันเป็นไฟท์บังคับที่ต้องทำเพราะกติกาการเมืองไทยเป็นแบบนี้

8. พรรคประชาชน จะผ่านการเมืองช่วงนี้ไปถึงไหน…ต้องรอชมบทบาทในสภาฯ ในฐานะฝ่ายค้าน และในฐานะพรรคที่มาแรงที่สุดในปัจจุบัน

9. พลเอกประวิตร ยังสู้ไม่ถอย ยังเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองกับเพื่อไทย โดยที่การเป็นคนมีอำนาจมาก จึงทำให้เพื่อไทยไม่วางใจ เพราะโดนสอยมาหลายครั้งแล้ว

10. คุณชวน หลีกภัย น่าจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป…เพราะกลุ่มนำของพรรคในปัจจุบันคงจะหาทาง 'ขับ' ท่านออกจากพรรคยาก เพราะคุณชวนไม่ได้ทำอะไร 'ผิดข้อบังคับพรรค' และถ้าจะขับท่านออก ก็ต้องใช้มติของกรรมการบริหารกับสส.ในสภา ที่จะต้องใช้เสียงถึง 3 ใน 4 ซึ่งยากมาก

11. แต่คุณชวน หลีกภัย ไม่เหมือนพลเอกประวิตร...ถึงแม้คุณชวนจะไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาล แต่คุณชวนไม่เคลื่อนไหวล้มรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่สร้างปัญหาให้กับเสถียรภาพของรัฐบาล…คุณชวนมุ่งที่จะสร้างเครดิตให้กับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น

12.ในข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ถ้าจะมีการควบรวมพรรคกับใคร ต้องใช้ชื่อ 'พรรคประชาธิปัตย์' เท่านั้น...อันนี้น่าคิดว่า ถ้ากลุ่มผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบันวางมือจากพรรคในคราวหน้า ไม่เอาพรรคไปรวมกับใครหรือรวมแล้วยังใช้ชื่อ ประชาธิปัตย์ เหมือนเดิม...โอกาสที่สมาชิกพรรคที่มีแนวคิดเหมือนเดิมก็จะมีโอกาสมาฟื้นฟูพรรคตามแนวทางเดิม

13. และคงจะไม่มีใครบริหารพรรคประชาธิปัตย์ให้ถูกยื่นยุบพรรคอีก หรือถ้าใครจะไปทำ ก็เห็นได้ชัดว่าคุณชวนก็พูด ๆ เหมือนจะวางแนวทางอะไรบางอย่างไว้แล้วว่าถ้ามีวิกฤตินี้มาจะทำยังไง

14. คุณชวน น่าจะยังอยู่กับประชาธิปัตย์ต่อไป และทำงานในฐานะสมาชิกสภาฯ ต่อไป...แต่น่าจะมีบทบาทให้ข้อคิดกับสังคมมากขึ้น สร้างความหวังให้กับคนที่เคยสนับสนุนประชาธิปัตย์ให้มาร่วมกับกอบกู้พรรค  

15. แม้จะมีคนห่วงท่านว่าท่านอายุมากแล้ว แต่คำพูดของคนอายุจะใกล้ 90 สามารถปลุกพลังผู้คนได้มากกว่าคนอายุน้อย ๆ ที่ไม่คิดจะสู้

16. กำลังกายอ่อนลง กำลังทางการเมืองอ่อนลง แต่คำพูดที่ยึดมั่นในหลักการกลับทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

17. คุณชวน ต้องอยู่ในสภาฯ เพื่อมีพื้นที่ทำงานทางความคิดต่อไป

แม่นบ่

'ศิริโชค โสภา' ยื่นใบลาออก ปิดฉาก 30 ปี คนพรรคประชาธิปัตย์ ทิ้งท้าย!! นักการเมืองต้องมีสัจจะวาจา และอุดมการณ์ที่ต้องรักษา

(29 ส.ค. 67) นายศิริโชค โสภา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งข่าวการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า...

เรียน  พี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคารพ

กระผมเริ่มชีวิตการเป็นนักการเมือง โดยเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรก เมื่อปีพ.ศ. 2544 และได้รับการเลือกตั้งต่อเนื่องอีก 4 สมัย  แม้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม แต่ผมก็ภูมิใจ ที่ได้ทำหน้าที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และได้มีส่วนร่วมกับทีมประชาธิปัตย์ทุกครั้งที่มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

ผมยังจำบรรยากาศในสมัยแรก ที่ผมเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องลุกขึ้นอภิปราย ไม่ไว้วางใจ เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง กรณี บริษัทโทรคมนาคม แห่งหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่าหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร จนได้รับการเลือกจากสื่อมวลชนให้เป็นดาวสภาฯ และผลจากการอภิปรายฯ ในครั้งนั้น ทำให้ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า สองหมื่นล้านบาท

คณะบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ที่ผมต้องขอบคุณ มา ณ ที่นี่ ก็คือ พี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ทุกท่านที่ช่วยกันต่อสู้ในสภาฯ อย่างเต็มที่ และที่ต้องขอบคุณเป็นพิเศษคือ นายชวน หลีกภัย และนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่คอยสนับสนุน และให้คำปรึกษาผมมาตลอด  และที่ขาดไม่ได้คือ พี่ถาวร เสนเนียม ที่คอยช่วยกัน ดูแลพยานปากสำคัญของผม ที่แม้ตอนหลังพยานผมจะเสียชีวิตก็ตาม 

ผมไม่เคยที่จะลืมบุญคุณ บุคคลคนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคประชาธิปัตย์ และพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัด สงขลา ที่ให้โอกาสผมในการทำงาน เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี 

ผมไม่เคยคิดว่า วันนี้จะมาถึง เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี ที่ผมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผมคิดเสมอว่า ที่นี่คือบ้านเดียวและบ้านหลังสุดท้ายของผม แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน มีอุดมการณ์ ที่ต่างไปจากพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต เป็นอย่างมาก ผมจึงมีความจำใจ ต้องเดินจากไป แม้จะมีความอาลัย อาวรณ์ต่อพรรคมากก็ตาม เพราะผมเชื่อเสมอว่า นักการเมืองต้องมีสัจจะวาจา และอุดมการณ์ที่ต้องรักษา หากปราศจากทั้งสองสิ่งนี้ ก็เป็นได้แค่นักเลือกตั้ง

คืนนี้ทั้งคืน เป็นคืนที่ผมนอนไม่หลับ เพราะเช้านี้แล้ว ที่ผมจำต้องยื่นหนังสือลาออกจากพรรคฯ ที่ผมรักและเทิดทูนที่สุด ทั้งน้ำตา 

แต่ผมก็ยังหวัง แม้จะเป็นความหวังอันน้อยๆ ว่าสักวัน พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่ อีกครั้ง พร้อมกับอุดมการณ์ที่มั่นคง และเป็นที่พึ่ง ที่หวังของประชาชนได้ แล้วผมจะเฝ้ารอดูครับ 

ขอแสดงความนับถือ 

นาย ศิริโชค โสภา 
อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

ในหลวง รัชกาลที่ 7 ตอบกลับการขอขมาของคณะราษฎร “อภัยโทษแก่ท่านทั้งหลายมานานแล้ว”

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ข้าพเจ้าขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ในการที่ได้มาทำพิธีขอขมาต่อตัวข้าพเจ้าและพระราชวงศ์จักรีในวันนี้…

“การกระทำของท่านในวันนี้ทำให้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช้ยินดีที่ท่านมาขอขมาตัวข้าพเจ้าโดยเฉพาะ เพราะข้าพเจ้าเองก็ให้อภัยโทษแก่ท่านทั้งหลายมานานแล้ว เพราะเข้าใจในความประสงค์ของท่านดี…

“ท่านกระทำการในคราวนี้ก็เพื่อหวังประโยชน์ต่อชาติจริง ๆ ข้าพเจ้าได้ตั้งใจช่วยเหลือให้ท่านทำการงาน สำเร็จเรียบร้อยอย่างดีที่สุดที่จะเป็นไปได้ โดยที่ข้าพเจ้ามีความเห็นใจในความคิดของท่าน…

“ข้อที่ข้าพเจ้าดีใจมากนั้น คือในคำขอขมานั้น ท่านได้กล่าวถึงสมเด็จพระมหากษัตริย์ และเจ้านายในราชวงศ์จักรีว่า ได้ทรงมีส่วนในการนำความเจริญมาสู่ประเทศสยามด้วยหลายพระองค์ด้วยกัน ซึ่งเป็นความจริง”

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ตอบกลับการขอขมาของคณะราษฎร

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

'เสี่ยเท้ง' แจงดรามาไม่แจกของน้ำท่วม เพราะอยู่ในช่วง 180 วันก่อนเลือกตั้ง

(28 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยถึงดรามาพรรคประชาชนไม่แจกของน้ำท่วม ว่า เป็นข้อเท็จจริงในเชิงกฎหมาย ภายใน 180 วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่สามารถแจกของได้ ตัวแทนของพรรคประชาชนก็ต้องระมัดระวัง แต่ที่ตนพูดในเวทีปราศรัยไม่ได้หมายความว่าการแจกของเป็นสิ่งที่ผิด

ทั้งนี้ หากย้อนไปดูงานต่าง ๆ ของสส.ในพรรค ช่วงวิกฤตที่ประชาชนต้องการจริง ๆ พวกข้าวสารอาหารแห้งก็เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะฉะนั้นการแจกของก็ดูที่ความเหมาะสมความต้องการของประชาชน ไม่ใช่แจกเพื่อระบบอุปถัมภ์ ให้ประชาชนในพื้นที่รู้สึกว่าต้องตอบแทน

ส่วนที่มีคนเอาไปเทียบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่องค์กรอิสระ ซึ่งกกต.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงไปดูว่าพรรคอื่นทำผิดหรือไม่ผิด

'ชัยวุฒิ' ลั่น!! พปชร.พร้อมไปต่อ เมิน!! ระบบดูดคน ทำทะเลาะกัน แง้ม!! เตรียมคุยกับพรรคปชช. แต่ไม่เอี่ยวทุกเรื่อง โดยเฉพาะ 112

(28 ส.ค.67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีมติไม่ร่วมรัฐบาลกับ พรรค พปชร.ว่า...

"ที่จริงพอจะทราบแนวทางมาว่า เขาไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับรายชื่อรัฐมนตรีที่เราเสนอ โดยสร้างเงื่อนไขบางอย่างขึ้นมา เมื่อมีมติออกมาแบบนี้ก็ชัดเจน เราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ส่วนที่อ้างเหตุผลว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพปชร.ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ลงมติโหวต น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ เราชี้แจงไปแล้วว่าหัวหน้าพรรคติดภารกิจ ไม่สามารถไปโหวตได้ แต่สส. 39 เสียงไปโหวตให้หมด จึงไม่น่าใช่สาระสำคัญที่ไม่นำพปชร.ไปร่วมรัฐบาล สำหรับสส.พปชร.ฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ยังไม่มีการดำเนินการอะไร เพราะพล.อ.ประวิตร ถือว่าทุกคนเป็นสมาชิกพรรค อย่าทะเลาะกัน"

เมื่อถามว่ามองทิศทางการเมืองจากนี้อย่างไร? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "การที่เขาทำการเมืองแบบนี้ การเมืองแบบดูด สส.ไม่มีระบบการเมืองที่ชัดเจน ทำตามข้อตกลงหรือผลประโยชน์ที่ตกลงกัน เชื่อว่า สุดท้ายจะมีการขัดกันหรือไม่เป็นไปตามข้อตกลง จะมีการเรียกร้องอะไรบางอย่างที่ทำไม่ได้ จะมีปัญหาในอนาคต เพราะการเมืองไม่ได้เป็นระบบพรรค ไม่เข้มแข็ง ไม่อยู่ในกรอบกติกา สุดท้ายเชื่อว่า จะเกิดการทะเลาะกันเพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัว การเมืองจะไม่นิ่ง ทำงานยาก และไม่ราบรื่น" 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก สส.ฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส โหวตไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับพรรคจะทำอย่างไร? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "เป็นแนวคิดของเขา ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาจึงตอบไม่ได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร ให้ไปถึงจุดนั้นก่อน ขณะนี้พรรคพปชร.จะอยู่อย่างนี้ไปสักระยะ ยังไม่ขยับอะไร"

เมื่อถามว่าจะประชุมพรรค เพื่อหารือในเรื่องนี้หรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "มีการประชุมพรรคเป็นประจำ และคุยกันตลอด วันนี้เราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และนำเสนออะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน"

เมื่อถามว่า จะทำงานร่วมกับพรรคประชาชน ที่มีแนวคิดทางการเมืองต่างกันได้หรือไม่? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "ต้องพูดคุยกัน เราไม่ได้เป็นพรรครัฐบาล มีหน้าที่ในการอภิปราย เรื่องการลงมติ การแบ่งเวลาอภิปราย ต้องคุยกันว่าจะไปในทิศทางใด และเชื่อว่าคงคุยกันได้"

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องแก้ไขมาตรา 112 ทั้งสองพรรคเดินเหมือนเส้นขนาน? นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "คงไม่ถึงขนาดไปในทางเดียวกันทุกเรื่อง พรรคร่วมฝ่ายค้านในอดีตก็ไม่ได้ไปในทางเดียวกันทุกเรื่อง และเรื่องมาตรา 112 มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ว่าไม่สามารถแก้ไขได้"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top