Tuesday, 1 July 2025
POLITICS NEWS

'ราเมศ' อัด ผู้มีอำนาจ หยุดใช้อำนาจรัฐ เอื้อเลือกตั้งซ่อม

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประสานงานส่วนกลางได้กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมในเขต เลือกตั้งที่ 1 จังหวัดชุมพร และเขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดสงขลา ว่า

ขณะนี้อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อมในทั้งสองเขต ในพื้นที่ผู้สมัครจะเน้นการเดินพบปะประชาชนควบคู่ไปกับการจัดเวทีปราศรัยซึ่งจะมีการจัดเวทีปราศรัยในวันที่ 14 มกราคมนี้ พร้อมกันทั้งสองเขต จะมีแกนนำพรรคไปร่วม เช่นเวทีที่จังหวัดชุมพร จะมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรัฐมนตรี ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย ทั้งสองเวทีก็ต้องถือว่าเป็นเวทีใหญ่ปิดท้าย

นายราเมศกล่าวต่อว่า พรรคการเมืองบางพรรคยังใช้อำนาจในการแทรกแซงเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ เพื่อบังคับข่มขู่ทั้งตัวเจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวให้มีการเลือกผู้สมัครของพรรคตน ทั้งสองเขตกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด ส่วนกรณีที่มี ส.ส.ซึ่งเป็น กรรมการบริหารพรรคขึ้นปราศรัยที่จังหวัดสงขลา แล้วมีการปราศรัยในลักษณะสัญญาว่าจะให้  ชัดเจน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 73 ที่ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใด จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน ด้วยวิธีการ  สัญญาว่าจะให้ เพราะมีการพูดชัดว่าหากเลือกผู้สมัครในวันข้างหน้าจะมีการดูแลประชาชนในเรื่องเงินทองเพราะมีเงิน เรื่องนี้ กกต สามารถสอบสวนได้ทันทีเพราะมีข่าวปรากฏอยู่ทั่วไป และวินิจฉัยไม่ยากเพราะผิดกฎหมายชัดเจน หากไม่ผิดนั่นแสดงว่าต่อไปก็สามารถพูดจาในลักษณะว่าจะให้เงินในวันข้างหน้าได้เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์ ก็ต้องฝากความหวัง ไว้กับ กกต การได้มาซึ่งประชาธิปไตยสุจริตทุกคนต้องช่วยกัน

‘หมอเหรียญทอง’ ประกาศเลิกหนุน พปชร. ชี้ รับไม่ได้ให้ท้ายนักโทษคดีทุจริต 

'หมอเหรียญทอง' บอกรับไม่ได้พฤติกรรมลดโทษคดีทุจริต ประกาศเลิกสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐแล้วแม้ยังเคารพพี่ป้อม ประกาศสนับสนุนพรรคไทยภักดีแม้เลือกตั้งแพ้แต่สมศักดิ์ศรี

13 ม.ค. 65 - พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าปัญหาการอภัยโทษให้นักโทษทุจริตประพฤติมิชอบซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรอันเป็นกฎหมายสูงสุดย่อมกระทำไม่ได้นั้น แต่กลับไม่มีพรรคการเมืองใดในสภา ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านต่อต้าน ทั้งๆ ที่เป็นผลงานในความรับผิดชอบของกระทรวงยุติธรรมที่นักการเมืองจากพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐมนตรี จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าพรรคการเมืองในสภาไม่จริงจัง ไม่ใส่ใจในการขจัดปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบ แต่กลับอำนวยประโยชน์ช่วยเหลือนักโทษคดีทุจริตประพฤติมิชอบให้ได้รับการอภัยโทษ ลดโทษอย่างมหาศาลโดยกระทรวงยุติธรรมที่เป็นกระทรวงในความรับผิดชอบของพรรคพลังประชารัฐ

ผมต่อต้านอย่างถึงที่สุด ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐที่ผมเคยสนับสนุนอย่างสุดกำลังกลับนิ่งเฉยดูดายปล่อยให้เงียบไป เพราะสังคมไทยเป็นสังคมของคนลืมง่าย ดูง่ายๆ แค่การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.หลักสี่-จตุจักร ที่เกิดจากอดีตนักโทษฉ้อโกงทรัพย์แอบลักลอบสมัครเป็น ส.ส. จนถูกตรวจสอบได้และส่งฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญจนต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ พรรคพลังประชารัฐก็ยังคงดูถูกชาวหลักสี่-จตุจักร ด้วยการส่งภริยาของผู้กระทำความผิดลักลอบเป็น ส.ส. มาให้ประชาชนเลือกซ้ำอีก...พูดง่ายๆ ดูถูกชาวหลักสี่-จตุจักรชิบหายเลยนะครับ

ผมเป็นชาวหลักสี่เกือบ 50 ปีแล้ว โดยส่วนตัวแล้ว ผมเคารพรักพี่ป้อมในฐานะที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาของผมมานานกว่า 35 ปีแล้ว แต่ผมจำใจเลือกพรรคพลังประชารัฐที่อาศัยพี่ป้อมเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อคุ้มหัวให้นักการเมืองเลวๆ อย่างนี้อาศัยต่อไปอีกไม่ได้แล้ว...ผมทราบดีว่าพี่ป้อมเป็นคนมีเมตตาสูง แต่จะให้ผมน้อมรับไอ้อีพวกรอบข้างอาศัยพี่ด้วยนั้น ผมไม่เอาด้วยครับ

'พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์' ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยภักดี เขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 1 ลงพื้นที่ตลาดศรีเสนา

นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชน์ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยภักดี เขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 1 พร้อมด้วยทีมงานพรรคไทยภักดี ลงพื้นที่หาเสียง ณ ตลาดศรีเสนา เพื่อขอกำลังใจและการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่ 

โดยบรรยากาศเช้านี้ที่ตลาดศรีเสนา ก็มีประชาชนมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก และได้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดซึ่งตลาดศรีเสนานี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมากกับตลาดบางเขน มาได้ง่ายมากๆ 

นายพันธุ์เทพกล่าวว่า วันนี้ก็มาขอกำลังใจและแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนทุกๆคน และวันนี้ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีมากๆ ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกัน รู้สึกสนุกมากครับ ที่ทุกคนทักทายกัน ให้กำลังใจกันตลอดเส้นทางที่ลงพื้นที่ ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง โปรดเลือกเบอร์ 1 พรรคไทยภักดี พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ครับ 
 

โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ” ห่วงสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น กระทบค่าครองชีพของประชาชน มอบ พาณิชย์-พลังงาน หารือผู้ประกอบการ ตรึงราคาสินค้าจำเป็นเร่งด่วน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การปรับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะนี้ โดยเฉพาะในหมวดอาหารสดหลายประเภทที่มีการทยอยปรับราคาสูงขึ้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความห่วงกังวล และได้เร่งให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน เร่งติดตาม หารือกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อตรึงราคาสินค้าในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการติดตามมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนนั้น หลายหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดย กระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา “มาม่า”  เพื่อไม่ให้มีการปรับขึ้นราคามาม่าซองประเภทที่เป็นสินค้ามวลชน และเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดทั้งประเทศ เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน

ขณะที่ กระทรวงพลังงาน โดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ต่ออีก 2 เดือนที่ราคา 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2565 เป็นวันที่ 31 มีนาคม 2565 พร้อมทั้งขอความร่วมมือ บมจ.ปตท. (PTT) พิจารณาช่วยเหลือส่วนลดราคาก๊าซ LPG แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ ปตท. ดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 อีกทั้ง ให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม และคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV โครงการ “เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน” ให้กับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ 13.62 บาท/กิโลกรัม ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ รับทราบผลการปฏิบัติงาน ป.ป.ส. ประจำปี 63 จับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศกว่า 3 แสนราย กำชับหากพบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องเครือข่ายยา เสพติด ให้ปลดออกไล่ออก

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2563 โดยมีการรายงานผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ จำนวน 318,895 คดี และผู้ต้องหา 334,126 ราย ประกอบด้วยของกลาง จำแนกเป็น ยาบ้า 368 ล้านเม็ด ไอซ์ 27,609 กิโลกรัม เฮโรอีน 1,828 กิโลกรัม โคเคน 30 กิโลกรัม กัญชาแห้ง 16,980 กิโลกรัม กัญชาสด 11,806 กิโลกรัม พืชกระท่อม 97,835 กิโลกรัม ซึ่ง ป.ป.ส. ได้มีการขยายผลไปสู่มาตรการริบทรัพย์สินดำเนินคดีข้อหาสมคบ สนับสนุน เกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดจำนวน 2,679 ราย พร้อมมีการดำเนินคดีเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ที่เกี่ยวข้องกับกระทำความผิดทางอาญา รวมทั้งสิ้น 4 ราย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ป.ป.ส. ยังรายงานแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อาทิ 1) มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ ภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัย เพื่อควบคุมยาเสพติด 6 ประเทศ ระยะ 4 ปี 2) มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย ประกอบด้วยแนวทางการสกัดกั้นยาเสพติด โดยเพิ่มช่องทางตามแนวชายแดนใน 15 จังหวัด และการปราบปรามกลุ่มการค้ายาเสพติด โดยดำเนินการในพื้นที่ 76 จังหวัด 3) มาตรการป้องกันยาเสพติด เช่น แนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวชายแดน สร้างพื้นที่ปลอดภัย 4) มาตรการบำบัดรักษายาเสพติด โดยนำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดรักษาผู้ใช้ยาเสพติด และ 5) มาตรการการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ เช่น การควบคุมและใช้ประโยชน์จากพืชเสพติด การทำให้ยาเสพติดเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย

"จุรินทร์  " นำทัพ ลุยปราศรัย ก่อนโค้งสุดท้ายเลือกตั้งซ่อม สงขลา

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ ( 12 ม.ค.) นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ เพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 6 ให้กับนางสาวสุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัครหมายเลข 1  พรรคประชาธิปัตย์ ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา  

นางดรุณวรรณ กล่าวว่าการลงพื้นที่หาเสียงในวันนี้นอกจากการพบปะมวลชนกลุ่มต่าง ๆ แล้ว ไฮไลท์สำคัญคือการปราศรัยใหญ่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ที่นายจุรินทร์พร้อมด้วยขุนพลพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมกันปราศรัย เพื่อชู ‘น้ำหอม’ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัครของพรรคเป็น ส.ส.หญิงคนแรกของสงขลา ที่ศูนย์บริบาลผู้สูงอายุ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป 

โดยนายจุรินทร์ และคณะจะเดินทางไปสงขลาวันนี้ และใช้เวลาทั้งบ่ายเพื่อช่วยหาเสียงให้กับคุณน้ำหอม ผู้สมัครของพรรค และปิดท้ายด้วยการปราศรัยใหญ่ก่อนจะเดินทางกลับในวันเดียวกัน

"รมว.พม." ชื่มชมให้กำลังใจกับ "ไยไหม หญิงไทยในฝรั่งเศส" หลังกลับเมืองไทยในรอบ 3 ปี

ที่ห้องประชุม ชั้น 9 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ได้ไลน์วีดีโอพูดคุยและชื่นชมให้กำลังใจ พร้อมอวยพรปีใหม่และส่งของขวัญปีใหม่ให้กับคุณพิสมัย อ็องเจอลินี (ไยไหม) หญิงไทยจากอำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่นที่ได้ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศที่เมือง Digne les bains  ประเทศฝรั่งเศส อยู่ห่างจากกรุงปารีสกว่า 800 กิโลเมตร ซึ่งคุณไยไหมได้ทำแฟนเพจ Facebook และ ช่อง YouTube ชื่อ “ไหมไทยในฝรั่งเศส” และมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก

นายจุติ กล่าวว่า ตนยินดีต้อนรับไยไหมกลับสู่บ้านเกิดในรอบ 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านเกิดได้ และในโอกาสนี้ ตนได้ฝากของขวัญปีใหม่ไปให้ไยไหมและครอบครัว พร้อมทั้งได้อวยพรให้มีความสุขเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ และฝากความสุขความรักไปให้ครอบครัวของไยไหมที่ฝรั่งเศสด้วย ทั้งนี้ขอชื่นชมและให้กำลังใจไยไหมในการใช้ชีวิตในต่างแดนที่ได้นำความเป็นไทยไปเผยแพร่ และขอให้รักษาความเป็นไทยเพื่อนำความเป็นไทยไปให้ต่างชาติได้รับรู้มากยิ่งขึ้น

ครม.เห็นชอบ งบผูกพันข้ามปีงบประมาณ 66 เริ่มก่อสร้างสวนสัตว์ใหม่ปทุมธานี บนที่ดินพระราชทาน 300 ไร่ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบงบผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2566 จำนวน 1,109 ล้านบาท ของกระทรวทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ บนที่ดินพระราชทานจำนวน 300 ไร่ ในพื้นที่คลองหก ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งจะต้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ต่อสำนักงานประมาณต่อไป ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ เป็นการดำเนินงานระยะยาวระหว่างปี พ.ศ.2566 – 2570 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สวนสัตว์แห่งใหม่นี้ จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ภายใต้แนวคิดจัดทำเป็นสวนสัตว์ที่ทันสมัยระดับนานาชาติ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ครบถ้วนในระดับสากล เป็นแหล่งเรียนรู้ชีวิตสัตว์ป่าในและนอกถิ่นอาศัย ระบบภูมินิเวศทางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ศึกษาวิจัยและเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ  

“นายกฯ” แจง ของแพง เหตุ เงินเฟ้อ สั่ง “ก.พณ-หน่วยงานเกี่ยวข้อง” เร่งแก้ “หมูแพง-สินค้าอื่นฉวยขึ้นราคา”

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในที่ประชุมครม.ว่า เป็นห่วงเรื่องราคาสินค้า โดยเฉพาะในหมวดอาหารสดหลายประเภทที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยนายกฯ ได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาราคาหมูแพง รวมถึงสินค้าอื่นๆ นอกจากนี้ขออย่าให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น การลดปริมาณอาหารลง เป็นต้น

ครม.เห็นชอบหลักการร่างมาตรการสนับสนุนสตรีเป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ ขยายเวลาเปิดศูนย์เด็กเล็ก ข้าราชการชายลาช่วยดูลูกได้ 15 วัน ไม่ต้องติดต่อกัน ข้าราชการหญิงลาคลอดเพิ่มได้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 ว่า  ครม.เห็นชอบหลักการร่างมาตรการสนับสนุนสตรีให้เป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ เพื่อเป็นมาตรการคุ้มครอง สนับสนุน และอำนวยความสะดวกให้ผู้หญิงสามารถเข้ามามีบทบาททางด้านเศรษฐกิจ ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชายในการเลี้ยงดูบุตร และสร้างกลไกการพัฒนาเด็กเพื่อลดภาระให้กับผู้หญิงที่ทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการตามรัฐธรรมนูญและอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ที่ไทยเข้าร่วมเป็นรัฐภาคี ซึ่งมาตรการนี้ครอบคลุม 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1)กลุ่มแรงงานหญิงทั้งในระบบและนอกระบบ จำนวน 17,366,400 คน 2)กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว จำนวน 1,061,082 คน และ 3)กลุ่มผู้หญิงสูงอายุที่เป็นผู้เลี้ยงดูเด็ก จำนวน 379,347 คน 

สำหรับมาตรการสนับสนุนให้สตรีเป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 3 มาตรการย่อย ดังนี้

1.จัดบริการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี โดยขยายบริการของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็กให้รับอายุ 0 - 3 ปี และขยายเวลาเปิด – ปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็กให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนทำงานตามบริบทของพื้นที่

2.ส่งเสริมการลาของสามี (ข้าราชการชาย) เพื่อช่วยภรรยาดูแลบุตรหลังคลอด โดยให้ข้าราชการชายมีสิทธิลาได้ 15 วันทำการ เป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันจนครบวันลา (จากเดิมที่ให้ลาครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ ไม่เกิน 15 วันทำการ)

3.ขยายวันลาคลอดของแม่ (ข้าราชการหญิง) โดยได้รับค่าจ้าง ซึ่งระเบียบเดิมข้าราชการหญิงสามารถลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 90 วัน และข้าราชการหญิงที่ลาคลอดบุตรแล้ว หากประสงค์ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร ให้มีสิทธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 150 วันทำการ โดยไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งมาตรการใหม่นี้ ข้าราชการหญิงสามารถลาคลอดบุตรได้ 98 วัน (เพิ่มขึ้นจากเดิม 8 วัน) โดยได้รับค่าจ้าง และเมื่อครบ 98 วันแล้ว สามารถลาเพิ่มได้อีกไม่เกิน 90 วัน โดยได้รับเงินเดือนร้อยละ 50 ของเงินเดือน รวมวันลาคลอดทั้งสิ้น 188 วัน หรือประมาณ 6 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่องค์การอนามัยโลกและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติระบุว่า ควรให้บุตรได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top