Friday, 4 July 2025
POLITICS NEWS

'จุรินทร์' ย้ำ ปชป.รู้หน้าที่พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ห่วงศึกอภิปรายทั่วไป พร้อมแจงทุกคำถาม ยัน แก้ของแพงคลี่คลายแล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเตรียมความพร้อมชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.พ.นี้ ว่า  รัฐมนตรีทุกคนทราบหน้าที่ดีอยู่แล้วในช่วยกันตอบในการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ขณะที่ฝ่ายค้านสามารถเสนอข้อคิดเห็นมาได้ หากเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีคนไหน รัฐมนตรีคนนั้นก็มีหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจ

ส่วนนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พูดในภาพรวม สำหรับกระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมตอบหากมีคำถามอะไร เรื่องราคาสินค้านั้น โดยตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปกำกับควบคุมดูแล และเมื่อพบการกระทำความผิด ก็ได้ไปดำเนินคดี ทำให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้นแล้ว

'นายกฯ' เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมเวียนเทียนวิถีใหม่ New Normal ในวันมาฆบูชา พร้อมกำชับให้วัดดำเนินการปฏิบัติตามมาตรการ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในชุมชน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนร่วมเวียนเทียน ออนไลน์ ในวันมาฆบูชา 2565 ในรูปแบบวิถีใหม่ New Normal ซึ่งเป็นการทำบุญวิถีใหม่ ปลอดภัยจากโควิด-19  และยังอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปทำกิจกรรมที่วัดให้ร่วมทำบุญในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยร่วมเวียนเทียนออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.เวียนเทียนออนไลน์.com สามารถเลือกสถานที่เวียนเทียน ทั้งวัดในประเทศไทย และวัดไทยในต่างประเทศ ซึ่งจะเปิดระบบให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ระหว่างวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาตั้งแต่ 11.09 น. เป็นต้นไป 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปทำบุญเวียนเทียนที่วัด ซึ่งในส่วนกลางกรมศาสนากำหนดจัดที่วัดสระเกศ ส่วนภูมิภาคให้จัดตามบริบทของแต่ละพื้นที่ อาทิ การทำบุญตักบาตร ทำวัตรสวดมนต์ เจริญจิตภาวนา ฟังพระธรรมเทศนา สักการะพระบรมสารีริกธาตุ เวียนเทียน ฯลฯ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ และขอให้วัดดำเนินการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค จัดเวียนเทียนเป็นรอบๆ หรือกำหนดจุดยืนประกอบพิธีตามความเหมาะสม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในชุมชน ป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ในอนาคต ขณะเดียวกันก็ขอวิงวอนให้พุทธศาสนิกชนที่ไปวัดปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัดด้วย

"วราวุธ" ลั่น​ ชทพ.หนุนรัฐบาล​ เลือดสุพรรณ​ ลงเรือลำเดียวกันแล้ว​ ต้องส่งให้ถึงฝั่ง​ ย้ำ​ ชทพ.ไม่เคยเกเร

นายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​  (ทส.)​ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา​ (ชทพ.)​ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา​ 152  ในวันที่​  17-18​ ก.พ.​ ว่า ตนและทส.ทำงาน​มาโดยตลอด​ แต่ในการทำงานแต่ละกรมอาจจะมีข้อติดขัดอะไรบ้าง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีหากจะมีการชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบ ส่วนตัวตนทำงานตลอด จึงไม่ได้ทำการบ้านอะไรเป็นพิเศษ​ ขณะที่​ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม​ ก็ไม่ได้กำชับอะไร​ ต่างคนต่างทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในแต่ละบทบาทแต่ละกระทรวง

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯระบุว่าต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกัน นายวราวุธ กล่าวว่า ในบทบาทของทส.​ หากมีอะไรที่เกี่ยวข้องก็ยินดีที่จะตอบ และการอภิปรายครั้งนี้บางครั้งใครมีข้อมูลอะไรในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็จะช่วยกันทำงาน

เมื่อถามถึงกรณี ทส.จะถูกอภิปรายเรื่องเหตุน้ำมันรั่วที่​ จ.ระยอง​ นายวราวุธ​ กล่าวว่า​ ก็ยินดีที่จะชี้แจงให้กับประชาชนรับทราบ ว่าในส่วนของทส. ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง และถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหน่วยงานอื่น หรือกระทรวงอื่นเราก็จะไม่ก้าวก่าย ปล่อยให้เจ้ากระทรวงเป็นผู้ชี้แจงต่อไป

เมื่อถามว่า​ แม้ครั้งนี้จะไม่มีการลงมติ​ แต่​ 12​ เสียง​ ชทพ.ยังหนุนรัฐบาลอยู่หรือไม่​ นายวราวุธ​ กล่าวว่า เราอยู่กับรัฐบาลตั้งแต่เริ่มยันจบ เราทำงานร่วมกัน​ ลงเรือด้วยกันแล้ว​ เราก็ส่งเรือให้ถึงฝั่ง​ ชทพ.ไม่เคยเกเร​ ตั้งแต่สมัยนายบรรหาร​ ศิลปอาชา​ อดีตนายกฯ และตอนนี้ยังเป็นเช่นนั้น เราทำงานในฐานะคนที่อยู่เรือลำเดียวกัน

รัฐบาลเคาะงบพัฒนาจังหวัด-ภาค 4 หมื่นล้าน

นายเอนก มีมงคล รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรม.กลาโหม เป็นประธาน วันที่ 14 ก.พ.2565 ได้เห็นชอบเห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566 – 2570 

ทั้งนี้ในการพัฒนาตามแผนนั้น กำหนดแนวทางไว้ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และแผนพัฒนาของแต่ละภาค เช่น ภาคเหนือ เน้นการพัฒนาตามแผนล้านนา ครีเอทีฟ การแก้ปัญหาความยากจน ภาคอีสานเน้น เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจกลุ่มลุ่มน้ำโขง การท่องเที่ยว และภาคใต้ เน้นการท่องเที่ยว เกษตร และระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เป็นต้น

ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี 2569

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) ได้เข้าพบ เพื่อมอบเอกสารประมูลสิทธิ์การขอจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ.2569 (ฉบับจริง) อย่างเป็นทางการ ต่อนายกสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH)  ซึ่งหากประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งนี้จะส่งผลดีต่อทั้งเศรษฐกิจและสังคม

ทั้งนี้คณะผู้บริหาร AIPH ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหาร ร่วมการประชุม Spring Meeting ของ AIPH ระหว่างวันที่ 6 – 12 มีนาคม 2565 ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อพิจารณาการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นและการสนับสนุนการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ.2569 และจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ.2572 ก่อนที่คณะผู้บริหาร AIPH จะเดินทางเข้าตรวจพื้นที่เพื่อประเมินความพร้อมของจังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 13 - 17 กุมภาพันธ์ 2565 ในการเสนอประมูลสิทธิ์การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ต่อไป

สำหรับงานมหกรรมพืชสวนโลกเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกมาแล้ว จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2549 (Type A1) ได้รับรางวัลเหรียญทอง (Gold Medal) และครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2554 (Type B) ซึ่งประเทศไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการจัดงาน จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับความชื่นชมจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในด้านพืชสวนโลกประเทศหนึ่งในเอเชีย เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล

‘อนุทิน’ ยันไม่ถอนตัวรัฐบาล ลั่น สนับสนุน ‘บิ๊กตู่’ เต็มประตู

“อนุทิน” หยอดคำหวาน “หนู” ช่วยอยู่แล้ว ยัน ไม่ถอนตัวรัฐบาล ลั่น มาด้วยกันไปด้วยกัน กั๊ก ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียวกระทบซักฟอก แย้ม ขอดูรายละเอียดก่อน

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่14 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า “หนูช่วยหน่อยนะ” หลังการประชุมศบค. เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามตนเรื่องนี้ว่า “พี่พูดกับหนูเมื่อไหร่” จึงตอบไปว่าจำไม่ค่อยได้ แต่เป็นธรรมดา หาก พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ช่วยก็ต้องช่วยกันทำงาน เป็นหน้าที่อยู่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ พูดทำนองนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า หนูช่วยหน่อยนะ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าให้ช่วยเรื่องอะไร แต่เป็นการช่วยทำงาน ช่วยให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยดังกล่าวยืนยันตัวเลข 260 เสียงรัฐบาล กับนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตัวเลขนี้ไม่รู้มาจากไหน ยืนยันจะพยายามทำให้เกิดความมีเสถียรภาพให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่าในการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แม้ไม่มีการลงมติ พรรคภูมิใจไทยจะช่วยเหลือรัฐบาลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องสนับสนุน นายกฯ เต็มประตูอยู่แล้ว นายกฯ ยังไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ผิดไปจากนโยบายที่ได้แถลง ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม สิ่งที่นายกฯ ทำทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศ เราเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ต้องสนับสนุน ต้องช่วยกัน

เมื่อถามว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ก.พ.นี้ จะมีวาระพิจารณาประเด็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นวาระการประชุม เมื่อถามย้ำว่า หากครม. พิจารณา แล้วผลไม่เป็นไปตามที่พรรคภูมิใจไทยต้องการ จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวย้อนว่า ให้เกิดขึ้นก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว หากพิจารณาแล้วไม่ว่าผลจะออกมาทิศทางใด จะยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูว่าจะเสนอเข้ามาในรูปแบบไหน จะไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม ส่วนรายละเอียดต้องให้ผู้เกี่ยวข้องนำมาชี้แจงในที่ประชุมครม. 

"โฆษกรัฐบาล" ยัน ผู้ป่วยโควิด-19 ยังรักษาฟรีตามสิทธิ “ข้าราชการ-ประกันสังคม-บัตรทอง” ย้ำ ไม่หมดสิทธิรักษาฟรี ประชาชนอย่าได้กังวล ขอให้เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทย  เผย “บิ๊กตู่” กำชับต้องดูแลสุขภาพประชาชนไทยทุกกลุ่ม 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจง กรณีที่มีกระแสข่าวอ้างการถอดการรักษาโควิด-19 ออกจาก UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) หรือ สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่า หากติดโควิด-19 แล้วต้องจ่ายค่ารักษาเองนั้น โดย กระทรวงสาธารณสุขมีแผนปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาเป็นการรักษาตามสิทธิการรักษาพยาบาลของแต่ละคนนั้น ขอยืนยันว่า ประชาชนยังได้รับการรักษาเหมือนเดิมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังสามารถไปรับบริการในโรงพยาบาลเอกชนได้ หากมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ขอประชาชนอย่ากังวลเรื่องการรักษา ย้ำ การถอนโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินวิกฤติ ไม่ได้หมายความว่า “หมดสิทธิรักษาฟรี” 

นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งผู้ป่วย 80-90% แทบไม่มีอาการ สามารถรักษาตัวที่บ้านในระบบ Home Isolation ได้ ไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน จึงไม่มีเหตุที่ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หากมีการประกาศให้โรคนี้ไม่เป็นภาวะฉุกเฉิน ผู้ป่วยก็สามารถไปรับการรักษาพยาบาลได้ตามระบบปกติตามสิทธิของตนที่มีอยู่ เช่น หากใช้สิทธิบัตรทอง จะมีหน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือหากเข้าระบบการดูแลแบบ Home Isolation สปสช. ก็ยังดูแลค่าใช้จ่ายให้เหมือนเดิม แต่หากมีอาการฉุกเฉิน ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการที่ใกล้บ้านที่สุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชน ทั้งนี้ ปัจจุบันประชาชนไทยได้รับการคุ้มครองสิทธิการรักษาพยาบาลจากรัฐบาล 3 ระบบใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ 1) สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ 2) สิทธิประกันสังคม และ 3 สิทธิหลักประกันสุขภาพ หรือบัตรทอง 

เลขาฯ อนุทิน สวนเดือด ‘ธีรรัตน์’ จอมบิดเบือน ตั้งตนเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ยังทำตัวน้ำเน่า

เลขาฯ อนุทิน สวนเดือด ‘ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์’ จอมบิดเบือน ปมกราฟิกยกเลิกสิทธิ์รักษาฟรี ผู้ป่วยโควิด-19 ซัด ตั้งตัวเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ยังทำงานแบบน้ำเน่า 

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพบนเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ระบุว่าอย่าด่วนปลดโควิด-19 จากสิทธิ์รักษาฟรี คนไทยยังลำบาก ผู้ติดเชื้อรายวันยังสูง โดยปรากฏหน้าของ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทยอยู่ในภาพว่า การทำกราฟิกออกมาเช่นนี้คือการบิดเบือนข่าวสารอย่างน่ารังเกียจที่สุด ในความเป็นจริง สิ่งที่ภาครัฐจะปฏิบัติ คือการเอาโควิด-19 ออกจากบริการ UCEP (ยูเซ็ป) หรือการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ แล้วให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์การรักษาที่มีแทน ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม สิทธิ์ข้าราชการ ซึ่งแปลว่ารัฐยังดูแลท่านอยู่ แต่ข้อความที่ น.ส.ธีรรัตน์นำเสนอออกมานั้น ทำให้คิดไปได้ว่ารัฐเทประชาชนแล้ว รัฐทิ้งประชาชนแล้ว จะรักษาโควิด-19 ต้องจ่ายเพิ่ม ไม่ฟรี ทั้งที่ความจริง นี่คือการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ระบาด ไปจนถึงการรักษาสถานภาพทางการเงิน และที่สำคัญประชาชนไม่ต้องไปจ่ายอะไรเพิ่มเลย

“พรรคกล้า” ทำบุญครบ 2 ปี “กรณ์” ย้ำเดินหน้าการเมืองคุณภาพ ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว ลั่นไม่ได้เป็นพรรคสำรองของใคร พร้อมเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ที่ทำการพรรคกล้า ถ.รัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม จตุจักร กทม. พรรคกล้า จัดงานทำบุญครบรอบ 2 ปี วันก่อตั้งพรรค โดยทำบุญทำพิธีศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ โดยมีผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรค ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จากภาคต่างๆ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ก. และผู้สนับสนุนพรรค มาร่วมงานจำนวนมาก

โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันดี เป็นวันแห่งความรัก เป็นวันครบรอบวันจดทะเบียนชื่อพรรค เป็นวันเริ่มต้นเส้นทางทำงานการเมืองคุณภาพ เวลาผ่านไป 2 ปี พรรคกล้ามีโอกาสช่วยเหลือประชาชน ทำภารกิจสำคัญให้กับบ้านเมืองมากมาย ทั้งที่ยังไม่มีใครมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ได้พิสูจน์ตัวเองในสนามการเมืองมาหลายสนาม จึงมีความพร้อม ความมุ่งมั่นตั้งใจ และใกล้เวลามากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะมีโอกาสได้เสนอแนวความคิดและตัวบุคลากรคุณภาพ ให้ประชาชนมีโอกาสได้เลือก ในสนามเลือกตั้งใหญ่ที่คิดว่าจะมาถึงในอีกไม่ช้า

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า พรรคกล้ายึดหลักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องเข้มแข็ง โดยเฉพาะความเป็นชาติคือสังคมต้องเข้มแข็ง ความขัดแย้งทั้งหมดที่ผ่านมา ต้องก้าวข้ามให้ได้ เศรษฐกิจต้องเข้มแข็ง ซึ่งวันนี้ประชาชนสัมผัสได้ถึงความเดือดร้อนเรื่องปากท้อง และหลักการที่พรรคฯ ยึดถือมาตลอดคือหลักเสรีนิยมประชาธิปไตย ยอมรับในความเป็นอิสระส่วนบุคคล ที่จะคิดจะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่มีผลกระทบในแง่ลบต่อสังคม ยอมรับความแตกต่างความหลากหลาย ยึดหลักเสียงข้างมากแต่ต้องให้เกียรติเสียงข้างน้อย

แต่ในช่วงที่ผ่านมาเรื่องนี้ขาดหายไปจากการเมืองไทย และทำให้เราติดกับดักความขัดแย้ง ทำให้ประเทศชาติไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ส่วนหลักการปฏิบัติ เรามุ่งมั่นลงมือทำ ด้วยหลักปฏิบัตินิยม อยู่บนโลกความเป็นจริง เอาผลลัพธ์เป็นที่ตั้ง โดยเป้าหมายหลักคือเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ ส่วนเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน คือการให้ความสำคัญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ตอบโจทย์ปัญหาความท้าทาย ทั้งหมดนี้คือแนวความคิดความตั้งใจของพรรคฯและนโยบายทั้งหมดที่จะนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน

ส่วนการส่งผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายกรณ์ กล่าวว่า เป้าหมายพรรคฯตอนนี้อยู่ที่สนามเลือกตั้งใหญ่เป็นหลัก เพราะรัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อใด ดังนั้นในวันที่รัฐบาลมีความชัดเจน พรรคกล้าก็จะมีความชัดเจน ซึ่งตนพูดเรื่องนี้มาโดยตลอดว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หรือเลือกตั้งใหญ่ก่อน แต่พรรคกล้าก็มีการเตรียมชุดความคิดในแง่นโยบายว่าอยากจะทำงานให้คนกรุงเทพฯ การพัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวกรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ทำมาหากินโดยสะดวก มั่นใจว่าเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญมากในการเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองในฝันของพวกเราทุกคน

สำหรับการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งสนามใหญ่นั้น นายกรณ์ กล่าวว่า ตอนนี้มีปัญหาความเดือดร้อนที่ประชาชนรอคอยการแก้ไข แต่ดูเหมือนรัฐบาลขาดสมาธิ ขาดความคิดใหม่ๆ ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน สถานการณ์รอบตัวลักษณะนี้ อดคิดไม่ได้ว่าการเลือกตั้งอาจจะเร็วกว่าที่คิดก็ได้ ซึ่งเราก็ต้องเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเดือนนี้หรือเดือนหน้า ก่อนหรือหลังเดือนพฤษภาคม ปีนี้หรือต้นปีหน้าก็ตาม มีเวลาเหลืออีกไม่มาก ซึ่งผลการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา สะท้อนว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง และบ่งบอกว่าพรรคกล้ามาถูกทางแล้ว ที่นำเสนอทางเลือกใหม่และว่าที่ผู้สมัครคนใหม่ ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดคือสิ่งที่สังคมต้องการ

นายกรณ์  กล่าวถึงการวางเป้าหมายส่งผู้สมัครส.ส.ว่า ด้วยกติกาการเลือกตั้งและความเป็นพรรคการเมืองใหม่ การส่งผู้สมัครส.ส.ลงทุกเขตคงเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นก็จะเลือกเขตที่มองว่ามีโอกาส มีผู้สมัครที่พร้อม และเป็นผู้สมัครที่มีชุดความคิดตรงกับอุดมการณ์ของพรรคชัดเจน ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อย โดยเราไม่ดันทุรังส่งผู้สมัครที่ไม่พร้อม แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ประเมินถึงจำนวนว่าจะส่งผู้สมัครส.ส.เท่าไหร่ แต่เชื่อว่าพรรคกล้าจะเข้าไปเป็นส่วนสำคัญ ในสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลรอบหน้า ขอย้ำว่าพรรคมีความตั้งใจเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่ได้ตั้งพรรคมาเพื่อเป็นพรรคสำรองของใคร และจะเสนอหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

“อนุทิน” หยอดคำหวาน “หนู”ช่วยอยู่แล้ว ยัน ไม่ถอนตัวรัฐบาล ลั่น มาด้วยกันไปด้วยกัน กั๊ก ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียวกระทบซักฟอก แย้ม ขอดูรายละเอียดก่อน

การเมือง/ทำเนียบ/14 ก.พที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า “หนูช่วยหน่อยนะ”หลังการประชุมศบค.เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามตนเรื่องนี้ว่า “พี่พูดกับหนูเมื่อไหร่”จึงตอบไปว่าจำไม่ค่อยได้ แต่เป็นธรรมดา หาก พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ช่วยก็ต้องช่วยกันทำงาน เป็นหน้าที่อยู่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ พูดทำนองนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า หนูช่วยหน่อยนะ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าให้ช่วยเรื่องอะไร แต่เป็นการช่วยทำงาน ช่วยให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อย
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยดังกล่าวยืนยันตัวเลข 260 เสียงรัฐบาล กับนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตัวเลขนี้ไม่รู้มาจากไหน ยืนยันจะพยายามทำให้เกิดความมีเสถียรภาพให้ได้มากที่สุด
 
เมื่อถามว่าในการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แม้ไม่มีการลงมติ พรรคภูมิใจไทยจะช่วยเหลือรัฐบาลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องสนับสนุน
นายกฯเต็มประตูอยู่แล้ว นายกฯยังไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ผิดไปจากนโยบายที่ได้แถลง ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม สิ่งที่นายกฯ ทำทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศ เราเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ต้องสนับสนุน ต้องช่วยกัน
 
เมื่อถามว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 15 ก.พ.นี้ จะมีวาระพิจารณาประเด็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นวาระการประชุม เมื่อถามย้ำว่า หากครม.พิจารณา แล้วผลไม่เป็นไปตามที่พรรคภูมิใจไทยต้องการ จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวย้อนว่า ให้เกิดขึ้นก่อน  ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว หากพิจารณาแล้วไม่ว่าผลจะออกมาทิศทางใด จะยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูว่าจะเสนอเข้ามาในรูปแบบไหน จะไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม ส่วนรายละเอียดต้องให้ผู้เกี่ยวข้องนำมาชี้แจงในที่ประชุมครม. 

เมื่อถามว่าผลการพิจารณาเรื่องสายสีเขียว จะส่งผลต่อท่าทีของ ภูมิใจไทยในสภาฯหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คนอนุมัติเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว คือ ครม. ต้องรอให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นก่อน ยังไม่ทราบว่าหากรัฐมนตรีได้ฟังการหารือของสองหน่วยงาน ที่นำเหตุผลมาว่ากัน ผลจะออกมาอย่างไร อาจจะยังไม่มีข้อสรุปออกมาก็ได้ ยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งของรัฐบาล เป็นเพียงความเห็นที่ไม่ตรงกันของสองหน่วยงาน เป็นของเรื่องของการทำงาน ไม่เกี่ยวกับการเมือง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top