Friday, 4 July 2025
POLITICS NEWS

"โฆษกรัฐบาล" เผย เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ เด็ก-ครู-บุคลากรทางการศึกษา ให้ ร.ร.เป็นพื้นที่ปลอดภัย  

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนในภาพรวม ว่า ขณะนี้ เด็กนักเรียน อายุ 12-18 ปี รับวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 4,129,663 คน คิดเป็น 95.11 เปอร์เซ็นต์ เข็มที่ 2 จำนวน 3,100,458 คน คิดเป็น 71.41 เปอร์เซ็นต์ ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษา รับวัคซีน จำนวน 1,027,269 ราย เข็มที่ 1 แล้ว99.99 เปอร์เซ็นต์ เข็มที่ 2 แล้ว 79.45 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเน้นย้ำให้ทุกโรงเรียน เป็นพื้นที่ปลอดภัย 

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯเน้นว่าการเปิดเรียนในที่ตั้ง(onsite)  ให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยยึดหลัก 6-6-7เพื่อดูแลเด็กนักเรียนให้ครอบคลุมที่สุด และจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด คือ 6มาตรการหลัก DMHT-RC ได้แก่ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก, ล้างมือ,คัดกรองวัดไข้ ,ลดการแออัด ,ทำความสะอาด  

“ธนกร” ซัด "เพื่อไทย" มโน รัฐบาลอยู่ไม่ถึงจัด ”เอเปค” ยัน “นายกฯ” ไม่คิดยุบสภาฯ ชี้ ทำเสียเงินจัดลต.อื้อ เย้ย ฝ่ายค้านงัดข้อมูลตัดแปะ-ซักฟอกไร้นำ้หนัก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะอยู่ถึงเป็นเจ้าภาพจัดประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC 2022)ต้อนรับผู้นำนานาชาติสู่ไทยในเดือนพ.ย.นี้ เพราะเจอทั้งศึกในและศึกนอก ว่า การที่พรรคการเมือง มีหลายกลุ่ม หลายก๊วน และแยกตัวออกไปอยู่กับพรรคอื่น ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง

เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยน่าจะเข้าใจดีที่สุด เพราะสมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ก็มีหลายกลุ่มหลายก๊วน จนต้องแยกแกนนำพรรคแต่ละคนไปคุมแต่ละก๊วน เกิดปัญหามากกว่าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่อยากให้นายประเสริฐ รีบมโนว่าพรรคพปชร. จะต้องเป็นเหมือนพรรคเพื่อไทย เพราะอุดมการณ์ทางการเมือง ความเด็ดขาดกับการทุจริตคอรัปชั่น ไม่เหมือนกับพรรคเพื่อไทย ที่มีอดีตรัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก อย่างแน่นอน

นายธนกร กล่าวว่า ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ ยังทำหน้าที่นายกฯบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยุบสภาฯเพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชน มีแต่จะเสียงบประมาณจัดการเลือกตั้งใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของพรรคการเมืองบางพรรค คนบางกลุ่ม ที่แอบหวังว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาบริหารประเทศบ้าง ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ยังเหนียวแน่น มีแต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่พยายามยุยงรายวัน หวังจะให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองให้ได้ ทั้วที่รู้อยู่เต็มอกว่า เป็นแค่ความฝัน แต่ก็ขอให้ได้ฝัน

"บิ๊กตู่" ชวน คนไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม "เอเปค 2022" กำชับ หน่วยงานขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ตลอดปี 2565 ของไทย (APEC 2022)ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในการประชุมคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ว่าการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยเริ่มต้นแล้ว โดยให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่เจ้าภาพ ร่วมมือกันขับเคลื่อนผลประชุมให้เป็นรูปธรรม และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือ และความตั้งใจจะทำให้การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยประสบความสำเร็จและบรรลุผลลัพธ์ดังที่มุ่งหวังไว้

นายธนกร กล่าวว่า การประชุมเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง มีหัวข้อหลักของการประชุม คือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.” ประเด็นสำคัญ คือ ทำให้เอเปคเปิดกว้างสู่ทุกโอกาส เชื่อมโยงในทุกมิติ สร้างสมดุลในทุกด้าน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาความไม่สมดุลที่เห็นเด่นชัดขึ้นจากวิกฤติโรคระบาด และการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy เน้นการค้าการลงทุนแบบเสรี และ การกระชับความร่วมมือในการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญกับการเร่งฟื้นฟูความเชื่อมโยงในภูมิภาค อย่างปลอดภัย ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาขับเคลื่อนการทำงานในทุกมิติ 

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯเชื่อมั่นว่าความร่วมมือ บูรณาการการทำงานเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม จะส่งผลให้การดำเนินงานมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมจากคณะอนุกรรมการทุกด้าน และในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานใช้โอกาสในการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ผลักดันและส่งเสริมผลประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและประชาชนคนไทย ทั้งด้านการค้าการลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยีและดิจิทัล การพัฒนาชุมชน สตรี สิ่งแวดล้อม

“โฆษกรัฐบาล” โว “บิ๊กตู่” ปลื้มปชช.แห่ใช้คนละครึ่ง เฟส 4 เผย ลงทะเบียนเต็ม 29 ล้านสิทธิ ใช้จ่าย 10 วัน 2.3 หมื่นล้านบาท 

นายธนกร  วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่มีกระแสตอบรับจากประชาชน พอใจและชื่นชอบมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ของรัฐบาล  3 โครงการ หลังเปิดให้ใช้จ่ายเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าการใช้จ่ายถึงวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้ใช้สิทธิสะสม  34.42 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 23,032.55 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 22.23 ล้านคน

ยอดใช้จ่ายสะสม 20,612.3 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 10,433.8 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 10,178.5 ล้านบาท 2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 11.32 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,248.45 ล้านบาท และ 3. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 0.87 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 171.80 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่เปิดลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ลงทะเบียนครบแล้วจำนวน 29 ล้านสิทธิ ซึ่งประชาชนทั่วไปฯที่ลงทะเบียนโครงการฯ ระยะที่ 4 สำเร็จ จะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.-30เม.ย. ส่วนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 สามารถกดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ได้ต่อเนื่อง และต้องเริ่มใช้สิทธิ ภายในวันที่ 28 ก.พ.เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ

“เทพไท" หนุนรัฐเปิดคนละครึ่งเฟส 5 ให้วงเงิน 5 พันบาท กระตุ้นศก. ช่วยเหลือปชช.จากโควิดที่อาจเกิดรอบใหม่ได้ เผยเข้าร่วมสิทธ์เช่นกัน

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า จากการที่รัฐบาลได้เปิดให้มีการลงทะเบียนในโครงการคนละครึ่งเฟส 4 รับวงเงินใช้จ่ายคนละ 1,200 บาท ที่เว็บไซต์ คนละครึ่ง และแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ครบ 1 ล้านสิทธิ์แล้ว เมื่อเวลา 15.55 น.ของวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 นั้น นับว่าเป็นความสำเร็จที่การใช้สิทธิ์ลงทะเบียนของประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ครบตามเป้าหมายที่รัฐบาลได้วางไว้ คือ 29 ล้านคน (จากยอดผู้ที่เคยเข้าร่วมคนละครึ่งเฟส 3 จำนวน 27.98 ล้านคน) แสดงให้เห็นว่าโครงการคนละครึ่ง ยังเป็นที่นิยมของพี่น้องประชาชน เป็นจำนวนมาก เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชน มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งผู้ซื้อสินค้า และกลุ่มแม่ค้า ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเป็นจำนวนมาก 

“ส่วนตัวก็ได้ใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ด้วย เพราะตอนเปิดให้ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ยังขาดจำนวนผู้ใช้สิทธิ์อยู่ประมาณ 2 ล้านคนอยู่หลายวัน จึงได้ทดลองใช้สิทธิ์ ในโครงการคนละครึ่งในเฟส 3 ด้วย แต่ได้ใช้สิทธิ์ไม่ครบตามวงเงิน4,500บาท และตอนนี้ได้ลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ เพื่อเข้าร่วมโครงการ ผ่านแอพพลิเคชั่น "เป๋าตัง" รับวงเงินใช้จ่าย 1,200 บาท แล้ว ได้ใช้สิทธิ์คนละครึ่งกับร้านค้าขายกล้วยปิ้ง ร้านขนมหวาน อยู่เป็นประจำ”นายเทพไท ระบุ

“นายกฯ” เร่ง เบิกจ่ายงบประมาณ สั่ง รมต.ติดตามให้ตรงเป้า ลดปัญหาเบิกจ่ายพลาด 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบ ตามที่สำนักงบประมาณ รายงานภาพรวมการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2565 ไตรมาสที่1 เดือนต.ค.-ธ.ค.2564 พบว่างบประมาณรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน มีการเบิกจ่าย ก่อหนี้ผูกพันสูงกว่าเป้าหมาย โดยสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19ส่งผลให้หลายหน่วยงานต้องปรับแผนการปฏิบัติงาน การใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทำให้บางส่วนเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ประมาณเป็นไปตามเป้าหมาย 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกฯกำชับให้แต่ละกระทรวง หรือหน่วยงาน พิจารณาแนวทางดำเนินงาน กำหนดโครงการที่สอดคล้องกับปริบทใหม่ โดยให้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณ คือ เร่งรัดการดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้าง งบลงทุนรายการปีเดียว ให้ก่อหนี้ผูกพันให้เสร็จภายในไตรมาสที่2ของปีงบประมาณ เดือนม.ค.-มี.ค.2565 และให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด รัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย กำกับหน่วยรับงบประมาณ ดูแล เร่งรัด ติดตามและประเมินการปฏิบัติงานการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งสำนักงบประมาณนำผลการเบิกจ่ายที่เกิดขึ้นมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณางบประมาณปี 2566 

“รองโฆษกรัฐบาล” เผย รัฐจัดสินเชื่อดอกเบี้ยตำ่ ช่วยผู้ประกอบการ ใช้ประโยชน์จากสมาชิกRCEP ผลักดันส่งออก หลังยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าไทย  3.9 หมื่นรายการ 

นางรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขับเคลื่อนให้ภาคเอกชน ใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) หรือ RCEP ที่มี15 ประเทศสมาชิก ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา 

โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการในหลายด้าน คือ สร้างความเข้าใจกฎเกณฑ์ทางการค้าต่างแก่ผู้ประกอบการ ช่วยวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ชี้แนะแนวทางพัฒนาสินค้าให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาด RCEP ส่วนกระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน

ทั้งนี้ประเทศไทย จะได้รับประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม จากการช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โอกาสส่งออกสินค้าและบริการ เกษตรกรไทยมีโอกาสขายสินค้าเกษตรได้เพิ่มขึ้น ด้านผู้บริโภคจะมีทางเลือกซื้อสินค้าและบริการที่หลากหลาย นอกจากนั้นส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะห่วงโซ่การผลิตที่สำคัญของภูมิภาค โดยประเทศสมาชิก จะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย จำนวน 39,366 รายการ ลดภาษีเหลือ 0% ทันที จำนวน 29,891 รายการ

อาทิ ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ส่วนประกอบ เพิ่มโอกาสทางการส่งออกให้กับสินค้าไทย ขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทยจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากกฎถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นการเพิ่มทางเลือกในการใช้วัตถุดิบของประเทศสมาชิก สินค้าไทยที่จะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น อาทิ อาหารปรุงแต่ง อาหารสัตว์เลี้ยง รองเท้า เหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก ปลาทูน่ากระป๋อง ที่ไทยนำเข้าวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากแหล่งนอกภูมิภาค สามารถผ่านเกณฑ์ถิ่นกำเนิดและได้รับสิทธิ์การลดภาษีนำเข้าได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับความตกลง FTA อื่นๆ ก่อนหน้า

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ประกอบธุรกิจส่งออกหรืออยู่ในห่วงโซ่อุปทาน ที่เกี่ยวข้องในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม  ที่เน้นส่งออกไปยังประเทศสมาชิกRCEP หากต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (EXIM BANK )ออกบริการ “สินเชื่อเอ็กซิมลุยตลาด RCEP” คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2.75% ในปีแรก วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาท โดยสามารถใช้หนังสือค้ำประกันบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมกับบุคคล นิติบุคคลค้ำประกัน เป็นหลักประกันร่วมได้กรณีกู้เงินไม่เกิน 5 ล้านบาท แถมวงเงิน Forward Contract สูงสุด 1 เท่าของวงเงินสินเชื่อ เป้าหมายวงเงินสนับสนุนรวม 3,000 ล้านบาท  ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่บัดนี้ถึง 29 ก.ค.นี้ 

‘เอ้ สุชัชวีร์’ หอบหลักฐานยื่น ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินตัวเองและภรรยา 

เอ้ สุชัชวีร์’ หอบหลักฐานยื่น ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินตัวเองและภรรยา เชื่อถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง 

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีถูกร้องเรียนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ โดยระบุว่า

ชีวิตเปิดเผย โปร่งใส 

คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ของสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้ข่าวว่ามีผู้ร้องเรียนว่า ผมมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ผมจึงจำเป็นต้องแสวงหาความจริงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่ดูแลเรื่องดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นการรักษาเกียรติยศและชื่อเสียงของผม ของครอบครัวผม และวงศ์ตระกูลของผม 

วันนี้ผมมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้กรุณาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผม ว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ และตรวจสอบว่าผมมีพฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบในขณะที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังหรือไม่ เนื่องจากมีการนำเสนอข้อมูลหลายครั้ง ทั้งทางสื่อออนไลน์และนอกสื่อออนไลน์ ชี้นำสังคมว่ามีข้อมูลมากมายทำให้สงสัยได้ว่าผมอาจมีพฤติกรรมทุจริตและประพฤติมิชอบและยังอาจร่ำรวยผิดปกติ 

ผมหวังว่าทาง คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้ตรวจสอบว่า ผมร่ำรวยผิดปกติหรือไม่โดยด่วน เพื่อให้สังคมได้ทราบข้อเท็จจริงและไม่ถูกนำเรื่องนี้ไปใช้เป็นประเด็นการเมือง 

ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องและเพื่อนๆ ที่รักทั้งหลายที่เป็นห่วงผม ทั้งส่งข้อความและโทรศัพท์มาให้กำลังใจ ว่าเพิ่งเข้าสู่วงการการเมืองก็ถูกรังแกเสียแล้ว ก็อยากจะขอกำลังใจ และอยากจะบอกว่า เมื่อผมตัดสินใจเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนก็เตรียมใจไว้อยู่แล้วครับ และหวังจะได้เห็นการเมืองแบบใหม่ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นการหวังลมๆ แล้งๆ หรือเปล่า 

'หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด' แนะ สิ่งที่เราต้องทำ คือ 'พลิกโฉมประเทศไทย'

นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง "นี่คือ พลิกโฉมประเทศไทย" มีเนื้อหาดังนี้…

อนาคตของชาติไม่ควรแขวนอยู่กับนโยบายกะปริดกะปรอย ยุทธศาสตร์เลื่อนลอย การบริหารบนผลประโยชน์ธุรกิจการเมือง การเมืองแบบเก่าที่ไม่เข้าใจความต้องการของโลกสมัยใหม่

ความใหม่ คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ ย้อมขายเพื่อหวังกระแสและคะแนนเสียง ความใหม่ต้องขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ แรงบันดาลใจ และอุดมการณ์อันแข็งแกร่งของนักการเมืองรุ่นใหม่ เพื่อที่จะมาเป็นรัฐบาลที่พลิกโฉมประเทศไทย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูป แต่ต้อง “พลิกโฉม”

แต่ความเป็นจริงคือ นักการเมืองรุ่นใหม่และรุ่นเก่า (ที่ต้องการทางเลือกใหม่) ต้องจับมือกัน รุ่นใหม่ต้องการรุ่นเก่าเพราะการสู้รบกับ เสือ สิง กระทิง แรด ในสภาและแต่ละหน่วยงาน ต้องอาศัยชั้นเชิงและความช่ำชองที่มาจากประสบการณ์ รุ่นเก่าต้องการรุ่นใหม่ มิฉะนั้นก็จะตกอยู่ในวังวนของความเหมือนเดิม

รุ่นใหม่คือตัวยิง รุ่นเก่าคือตัวส่งลูก รวมกันเราพลิกโฉม หากแยกกันการเมืองอุปถัมภ์คงเอาไปรับประทานอย่างแน่นอน

นี่คือ 5 นโยบายที่ไม่ใหม่ เพราะประเทศอื่นทำมาหมดแล้ว บางนโยบายพรรคอื่นได้พูดถึงบ้างแล้ว และเป็นนโยบายฉบับย่อ เพราะรายละเอียดมีอีกเยอะ

แต่สิ่งที่ใหม่คือ เหตุผลและจุดประสงค์ของนโยบาย เพราะถ้าเหตุผลคลุมเครือ จุดประสงค์บิดเบี้ยว ผลลัพธ์ก็เข้าแต่กระเป๋าการเมืองเก่า และเมื่อทำสำเร็จแล้ว ความใหม่คือโฉมหน้าประเทศไทย

>> คาสิโนเสรี ไม่ใช่เพราะบ้าการพนัน แต่มันคือยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ในพื้นที่ของธุรกิจการเมือง แต่ทำในพื้นที่ยากจนที่สุด อยู่ท้ายแถวของความเหลื่อมล้ำ แต่ก่อนทำจะต้องมีประชามติ คนในพื้นที่ต้องเห็นด้วย ซึ่งการทำอุตสาหกรรมคาสิโนนั้น มีจุดประสงค์เพื่อต่อยอดในธุรกิจอื่น ยกระดับคุณภาพชีวิต ยกระดับคมนาคม ภาษีรายได้เอาไปลงกับการศึกษาและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างมีอยู่แล้ว Indian Reservations เคยเป็นพื้นที่ยากจนที่สุดในอเมริกา แต่ในพื้นที่ที่ได้ทำคาสิโนถูกกฎหมาย ผลต่อยอดมหาศาลและทั่วถึง นี่คือการกระจายศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเข้าไปในแต่ละภูมิภาค และพัฒนาทั้งประเทศ ไม่ใช่กระจุกอยู่แต่ในกรุงเทพ รถในกรุงเทพก็จะติดน้อยลงโดยปริยาย เพราะประชากรระบายออกไปหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า นี่คือการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจที่กระจุก นี่คือการพลิกโฉมประเทศไทย

'นายกฯ' หารือ 'เอกอัครราชทูต EU' มุ่งสร้างความเป็นหุ้นส่วนไทย-สหภาพยุโรปทุกมิติ พร้อมขยายร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน

ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเดวิด เดลี (H.E. Mr. David Daly) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ ที่ได้เข้ารับตำแหน่ง เชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ ที่มีความความคุ้นเคยกับประเทศไทยจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสานต่อความร่วมมืออีกหลากหลายสาขาในอนาคต และช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหภาพยุโรปให้แน่นแฟ้มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งช่วยเปิดมุมมองใหม่ในสาขาที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่สหภาพยุโรปมีมติยอมรับเอกสารรับรอง Thailand Digital Health Pass บนระบบ ‘หมอพร้อม’ ให้ใช้เป็นหลักฐานในการเดินทางในยุโรปได้เทียบเท่ากับกับ EU Digital COVID Certificate (EU DCC) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการฟื้นฟูการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างกัน

ด้านเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ ยินดีที่ได้ดำรงตำแหน่งในประเทศไทย ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนการทำงานมาตลอด โดยแสดงความชื่นชมการทำงานและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรัฐบาลไทย พร้อมเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามที่ตั้งไว้ได้ ซึ่งทางสหภาพยุโรปยินดีให้การสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันเพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังได้แสดงความยินดีต่อการเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC 2022 ของไทยซึ่งเป็นบทบาทของไทยในเวทีโลก เชื่อมั่นว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายความร่วมมือทางการค้าการลงทุนและสามารถต่อยอดไปถึงภูมิภาคอื่น ๆ ทั้งนี้ ขอให้ไม่ลืมที่จะคำนึงถึงสหภาพยุโรปในทุกความร่วมมือ เพราะยุโรปมีศักยภาพทั้งด้านการค้า การลงทุน เทคโนโลยี และอื่นๆ

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ด้านยุทธศาสตร์เพื่อความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งไทยยินดีมีส่วนร่วมกับยุทธศาสตร์ฯ ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ท้าทายในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ทะเล การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งล้วนเป็นประเด็นที่จะมีความร่วมมือกันได้ต่อไป ด้านความตกลงทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน

โดยได้หารือถึงกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (Comprehensive Partnership and Cooperation Agreement - PCA) ซึ่งมีความก้าวหน้าต่อเนื่อง โดยทั้งสองฝ่ายประสงค์ให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว ซึ่งทางเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ มองว่า ไทยถือเป็นประเทศที่สำคัญในภูมิภาค ที่จะส่งผลประโยชน์ร่วมกันได้ด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำการให้ความสำคัญต่อการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-EU โดยจะเร่งการเจรจาและกำหนดระดับเป้าหมายของ FTA ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top