Friday, 4 July 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กตู่’ มั่นใจ มาตรการ สธ. ไทยรับมือโอมิครอนได้ ยกโพลล์ 71.4 % ปชช.เชื่อมาตรการครอบจักรวาล

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลโพลล์ DDC Poll ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุดได้สำรวจกับประชาชนกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 4,800 คน รายงานว่า ประชาชน 71.4% เชื่อมั่นในมาตรการ Universal Prevention สะท้อนให้เห็นภาพของความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อมาตรการและระบบสาธารณสุขของไทย ที่ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณประชาชนทุกฝ่าย ที่ร่วมด้วยช่วยกันในการปฏิบัติตนตามมาตรการสาธารณสุขและมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัด ตลอดจนความทุ่มเทของแพทย์และบุคลากรทางแพทย์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ช่วยกันทำงานอย่างหนักตลอดมา นายกรัฐมนตรียังมั่นใจว่า ประเทศไทยและคนไทย จะประสบความสำเร็จในการก้าวผ่านการแพร่ระบาดระลอกนี้ในอีกไม่นาน

“ณัฏฐ์ชนน” ฉะกลับ “มาดามเดียร์” ไม่ใช่หน้าที่จี้ รมต.ภท.ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ซัดทำวุ่นวาย ควรรู้สถานะตัวเอง สอนให้รู้จักคำว่าหน้าที่ เป็น “มาดาม” ต้องให้เกียรติตัวเอง-ประชาชน

ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา และรองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ส.ส.ภูมิใจไทย ไม่ได้มาร่วมประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา จนทำให้องค์ประชุมสภาฯล่ม ว่า เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย บางส่วนติดโควิด - 19 และบางส่วนมีความเสี่ยงสูงต้องกักตัว แต่ขณะนี้ส.ส.พรรคภูมิใจไทยเหล่านั้นสามารถกลับเข้ามาร่วมประชุมสภาฯทำหน้าที่นิติบัญญัติให้สมบูรณ์แบบตามปกติแล้ว ขอให้ประชาชนมั่นใจ ว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีส่วนที่จะทำให้สภาฯล่ม 

นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กแนะรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยที่บอยคอตประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากประเด็นการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าควรพิจารณาตนเองควรร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า คำว่ามาดามหมายถึงผู้หญิงหรือคุณนายหญิง ในประเทศไทยเราเรียกผู้หญิงที่ให้เกียรติหลายคน แต่ในวงการการเมืองจะน้อยมากที่จะเรียกว่ามาดาม ฉะนั้น คนที่ประชาชนให้เกียรติเรียกว่ามาดามเราก็ต้องให้เกียรติตนเอง และตำแหน่งด้วย รวมถึงต้องรู้จักตนเองด้วย วันนี้มีข่าวว่ามาดามเดียร์จี้รัฐมนตรีที่บอยคอตการประชุมครม.

ในฐานะมาดามเดียร์เป็นส.ส. ตนขอเตือนในฐานะที่เป็นส.ส.เหมือนกัน และในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล และกัลยาณมิตร โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ไม่ใช่เรื่องของส.ส. ดังนั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ครม. นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หากเมื่อไหร่ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯเมื่อนั้นมาดามเดียร์ในฐานะส.ส.สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ และต้องรู้จักสถานะตนเองด้วยว่าเวทีไหนเป็นเวทีของตนเอง ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็จะวุ่นวาย

“วันนี้ผมออกมาเตือนในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกัน หากส.ส.ทั้ง 500 คนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายบริหาร ผมออกไปวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคพลังประชารัฐ บ้านเมืองก็วุ่นวาย เราต้องรู้จักตนเอง ดังนั้นหน้าที่ใครหน้าที่มัน เราต้องทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของตนเอง หน้าที่เราคืออกกฎหมายและเตือนฝ่ายบริหาร แต่การเข้าร่วมหรือจะถอนตัวเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย และส.ส.พรรค ไม่ใช่หน้าที่ของมาดามเดียร์ ขอให้ตั้งสติทำหน้าที่ของตนเองให้ดีแยกให้ออก” นายณัฏฐ์ชนน กล่าว

เเมื่อถามว่า ทางพรรคได้มีการหารือว่าจะคุยเรื่องนี้กับนายกฯ อย่างไร นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทย โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้พูดคุยในครม.แล้วหลายรอบ และพวกตนในฐานะส.ส.ก็ทราบข่าวจากสื่อมวลชน ว่าประเด็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีการยื่นเอกสารให้ครม.ในช่วงเช้าวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเข้าครม.วานนี้ (8 ก.พ.) และหลังจากที่ทราบข่าวก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมครม.

ฉะนั้นในประเด็นนี้พวกตนในฐานะส.ส.ไม่ทราบรายละเอียด และเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีของพรรคต้องไปคุยกับนายกฯ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหาร ตนขอฝากไปยังครม.ทั้ง 30 คน ว่าประเด็นไหนที่เป็นเผือกร้อน ในขณะนี้ท่านต้องดูกฎหมายว่าการที่จะนำเข้าสู่การครม. ก็จะเป็นปัญหาอุปสรรคให้กับนายกฯ ก็อยากให้รัฐมนตรีแต่พรรคช่วยกันพิจารณาด้วย

เมื่อถามว่า หากปัญหานี้ยังอยู่จะเป็นปัญหาต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า ไม่ใช่ปัญหา ตนคิดว่าน่าจะพูดคุยกันได้ ในมุมมองของนายศักดิ์สยาม และรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยมองประโยชน์ของประชาชน
 

‘ราเมศ’ ตกใจ ‘ถวิล’ ลาออก ปชป.ซบก้าวไกล ยอมรับพรรคสูญเสียบุคลากรสำคัญ  

“ราเมศ” ตกใจ “ถวิล” มือ กม. ปชป. ลาออกซบก้าวไกล เผยส่วนตัวผูกพันมากถือเป็นครูด้านร่างกฎหมาย ยอมรับพรรคสูญเสียบุคลากรสำคัญ  

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่นายถวิล ไพรสณฑ์ ประธานคณะกรรมการกฎหมายของพรรคฯ ลาออกจากสมาชิกพรรคว่า ยังตกใจและเสียใจอยู่ เหตุเพราะนายถวิลกับตนมีความผูกพันกันมาก ทำงานร่วมกันมาโดยตลอดในด้านกฎหมาย นายถวิลจะรับผิดชอบงานกฎหมายในส่วนของร่างกฎหมาย ที่ร่างกฎหมายเกือบทุกฉบับต้องผ่านการตรวจตราจากนายถวิล เพราะมีความเชี่ยวชาญในการร่างกฎหมายมาก 

โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่น การกระจายอำนาจ และพรรคก็ได้ให้นายถวิลดูแลรับผิดชอบเรื่องท้องถิ่นมาโดยตลอด ในส่วนของพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องท้องถิ่นเป็นอย่างมากเห็นได้จากนโยบายที่มีความก้าวหน้ามากกว่าทุกพรรค เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ยื่นแก้ รธน. เรื่องท้องถิ่น นายถวิลก็เป็นคนทำร่างฉบับนี้

“เมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) เวลาประมาณ 16.30 น. หลังจากที่ผมได้เสร็จสิ้นการว่าความที่ศาลอาญา เห็นนายถวิลโทรมาในช่วงกลางวันสองครั้งแล้ว ผมไม่ได้รับสาย เมื่อโทรกลับไป นายถวิลบอกว่า ผมโทรมาลาคุณราเมศ ผมก็ถามว่าท่านจะลาไปไหน ได้รับคำตอบว่า ผมลาออกจากพรรคแล้ว โดยได้ไปยื่นใบลาออกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังพูดเลยว่า ท่านจะทิ้งผมไปไหนเหรอครับ ท่านก็บอกตรงๆ ว่าไปช่วยเรื่องท้องถิ่นพรรคก้าวไกล และได้พูดถึงเหตุผลที่ลาออก แต่ขอไม่พูดในส่วนนี้เพราะเป็นการพูดคุยกันส่วนตัว” นายราเมศ กล่าว

นายราเมศกล่าวด้วยว่า ต้องถือว่าพรรคฯ ได้สูญเสียบุคลากรที่สำคัญไปอีกหนึ่งคน นายถวิลถือได้ว่าเป็นครูในด้านการร่างกฎหมายที่คอยให้คำปรึกษาได้เป็นอย่างดี เป็นคนเดียวที่จะเข้าพรรคมาทำงานทุกวัน ทุ่มเททำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งคงไม่อธิบายอะไรมาก อธิบายความรู้สึกได้ในตอนนี้คือ รักและเคารพเสมอตลอดไปโดยส่วนตัวตกใจและเสียใจ แต่ก็ต้องเดินหน้าทำงานต่อไป ขณะนี้ในพรรค งานกฎหมายบุคลากรก็น้อยลงเต็มที คงต้องกลับมาคิดทบทวนเช่นกันว่าจะวางแผนการทำงานด้านกฎหมายอย่างไรต่อไปในอนาคต

"ทิพานัน" ซัด "ไทยสร้างไทย" หรือ "ไทยทำลายไทย" ทำเข้าใจผิดปมม็อบรถบรรทุก แนะ ปชช.เลิกเชื่อ นักการเมือง ตัดตอนข้อความ "นายกฯ"

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ตัดข้อความบางช่วงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยนำไปทวีตข้อความในทวิตเตอร์ ว่า”แล้วมีคนเดือดร้อนเยอะไหมเรื่องน้ำมันเนี่ย"กรณีม็อบรถบรรทุกประท้วงเรื่องราคาน้ำมันแพง ไปวิจารณ์ว่าไม่เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งเป็นการตัดต่อข้อความบางช่วงบางตอน แล้วไปนขยายเสนอสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม เพราะเป็นเพียงช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเหมือนเป็นการย้อนถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ถึงความเดือดร้อนมันเกิดขึ้นทุกกลุ่ม และยังได้อธิบายความต่อ โดยนายกฯได้กล่าวว่า  

“แล้วมีคนเดือดร้อนเยอะไหมเรื่องน้ำมัน หรือเฉพาะรถบรรทุก รัฐบาลดูแลทุกกลุ่มไหม ในเมื่อต้นทุนราคาน้ำมันมันเป็นอย่างนี้ รัฐบาลได้ใช้ทุกวิธีการที่จะดูแลให้ราคาไม่สูงเกิน ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนมาก รัฐบาลก็ต้องทำอย่างนี้”

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นายกฯชี้แจงต่อไปด้วยว่า “เรามีงบประมาณมากน้อยเพียงใด อันที่หนึ่ง อันที่สองกลไกต่างประเทศ เป็นอย่างไร ต้องเข้าใจ ไม่ใช่เดือดร้อนเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เดือดร้อนทุกกลุ่มนั่นแหละ ทั้งภาคการผลิต ภาคการบริโภค ภาคการขนส่ง ก็ต้องช่วยกัน สถานการณ์ในวันนี้เป็นอย่างนี้อยู่ รัฐบาลได้ทำหลายมาตรการมาอย่างต่อเนื่องเข้าใจไหม ก็กรุณาติดตามดูสถานการณ์ต่างประเทศเขาบ้าง เปรียบเทียบ  เทียบเคียงดูบ้าง มันก็เดือดร้อนทุกคน แต่รัฐบาลทำให้หรือเปล่า ก็ทำให้ไม่ใช่หรือ รัฐบาลเอาเงินไหนมาดูแล ก็เอาเงินส่วนรวมนั่นแหละมาดูแล ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ขอให้เข้าใจสถานการณ์ตรงนี้ด้วย” 

ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ยังสามารถหาชมได้เพราะอยู่บนอินเตอร์เนตมากมาย และเชื่อว่าหากพี่น้องประชาชนได้อ่านหรือฟังคำให้สัมภาษณ์ฉบับเต็มของท่านนายกรัฐมนตรีจะเข้าใจถึงเจตนาในการสื่อสารดังกล่าว ว่าได้พยายามหามาตรการช่วยเหลืออกลุ่มมวลชนรถบรรทุกอย่างเต็มที่ และไม่ลืมที่จะต้องดูให้ครบทุกกลุ่ม แก้อันนี้ก็อาจกระทบกลุ่มอื่น ทุกการแก้ไขต้องสอดคล้องกัน  ในขณะเดียวกันก็ขอวิงวอนให้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่รัฐบาลต้องดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกลุ่มอื่นๆด้วย จะเห็นว่าเป็นความปราถนาดีต่อคนทุกกลุ่มนั่นเอง

“นายกฯ” ขอบคุณสหรัฐฯ มอบอุปกรณ์สู้โรคโควิด-19 ชี้ แสดงถึงมิตรภาพใกล้ชิดสองประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯและนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่ส่งมอบอุปกรณ์เพิ่มเติมในการตรวจวินิจฉัยและการฉีดวัคซีนมูลค่ากว่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (49.5 ล้านบาท)ให้แก่ประเทศไทยในการต่อสู้โรคโควิด-19 โดยน้ำใจไมตรีของสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของไทย-สหรัฐฯ มาเป็นระยะเวลายาวนาน รวมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ต้องการแก้ไขสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ร่วมกัน

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้ส่งมอบอุปกรณ์ในนามขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ประกอบด้วยน้ำยาตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และตรวจหาการกลายพันธุ์ด้วยเทคโนโลยี NGS (Next Generation Sequencing) อุปกรณ์สำหรับการฉีดวัคซีน และชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคล โดยส่งมอบให้แก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ณ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่ง USAID มอบความช่วยเหลือให้แก่รัฐบาลไทยในการรับมือกับโรคโควิด-19 แล้ว กว่า 12.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (409 ล้านบาท) ผ่านหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมยังสนับสนุนไทยส่งเสริมศักยภาพในการวินิจฉัยโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ในช่วงแรกของการระบาด มอบอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทย สื่อสารข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรคโควิด-19 แก่แรงงานข้ามชาติและบุคคลในชุมชนที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพในการวินิจฉัยและกำลังคนในการตรวจโรค

'บิ๊กตู่' มั่นใจ มาตรการสธ.ไทยรับมือโอมิครอนได้ ผลโพลชี้  71.4 % ประชาชนเชื่อมาตรการครอบจักรวาล

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลโพล DDC Poll ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุดได้สำรวจกับประชาชนกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 4,800 คน รายงานว่า ประชาชน 71.4% เชื่อมั่นในมาตรการ Universal Prevention สะท้อนให้เห็นภาพของความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อมาตรการและระบบสาธารสุขของไทย ที่ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณประชาชนทุกฝ่าย ที่ร่วมด้วยช่วยกันในการปฏิบัติตนตามมาตรการสาธารณสุขและมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัด ตลอดจนความทุ่มเทของแพทย์และบุคลากรทางแพทย์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ช่วยกันทำงานอย่างหนักตลอดมา นายกรัฐมนตรียังมั่นใจว่า ประเทศไทยและคนไทย จะประสบความสำเร็จในการก้าวผ่านการแพร่ระบาดระลอกนี้ในอีกไม่นาน

นายธนกร กล่าวว่า จากผลโพล DDC Poll สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อมาตรการ Universal Prevention ตลอดจนความร่วมมือของประชาชนในการดูแลเอง โดย ประชาชน 79% ปฏิบัติตน โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และเจลแอลกอฮอล์ 63% หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากและใบหน้าโดยไม่จำเป็น 54.9% เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย1-2 เมตร 54.1% สวมหน้ากากอนามัยและสวมทับด้วยหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นมากกว่า 2 คน และ 44.7% ตรวจ ATK เมื่อสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง 

“ราเมศ” ตกใจ “ถวิล” มือกม.ปชป.ลาออกซบก้าวไกล  เผยส่วนตัวผูกพันมากถือเป็นครูด้านร่างกฎหมาย ยอมรับพรรคสูญเสียบุคคลากรสำคัญ  

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่นายถวิล ไพรสณฑ์ ประธานคณะกรรมการกฎหมายของพรรคฯ ลาออกจากสมาชิกพรรคว่า ยังตกใจและเสียใจอยู่ เหตุเพราะนายถวิลกับตนมีความผูกพันกันมาก ทำงานร่วมกันมาโดยตลอดในด้านกฎหมาย นายถวิลจะรับผิดชอบงานกฎหมายในส่วนของร่างกฎหมาย ที่ร่างกฎหมายเกือบทุกฉบับต้องผ่านการตรวจตราจากนายถวิลเพราะมีความเชี่ยวชาญในการร่างกฎหมายมาก

โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่น การกระจายอำนาจ และพรรคก็ได้ให้นายถวิลดูแลรับผิดชอบเรื่องท้องถิ่นมาโดยตลอด ในส่วนของพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องท้องถิ่นเป็นอย่างมากเห็นได้จากนโยบายที่มีความก้าวหน้ามากกว่าทุกพรรค เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ยื่นแก้ รธน เรื่องท้องถิ่น นายถวิลก็เป็นคนทำร่างฉบับนี้

“เมื่อวานนี้(8 ก.พ.)เวลาประมาณ 16.30 น หลังจากที่ผมได้เสร็จสิ้นการว่าความที่ศาลอาญา เห็นนายถวิลโทรมาในช่วงกลางวันสองครั้งแล้ว ผมไม่ได้รับสาย เมื่อโทรกลับไปนายถวิลบอกว่า ผมโทรมาลาคุณราเมศ ผมก็ถามว่าท่านจะลาไปไหน ได้รับคำตอบว่า ผมลาออกจากพรรคแล้ว โดยได้ไปยื่นใบลาออกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยังพูดเลยว่า ท่านจะทิ้งผมไปไหนเหรอครับ ท่านก็บอกตรงๆว่าไปช่วยเรื่องท้องถิ่นพรรคก้าวไกล และได้พูดถึงเหตุผลที่ลาออก แต่ขอไม่พูดในส่วนนี้เพราะเป็นการพูดคุยกันส่วนตัว”นายราเมศ กล่าว

'ดร.เสรี' ข้องใจ!! ทำไมเรียก 'ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี' ถาม!! ตอนเป็นรมต. ทำอะไรที่เป็นการพัฒนาบ้าง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. โพสต์เฟซบุ๊กว่า... 

ขอถามนะ อยากรู้จริงๆ ค่ะ ใครตอบได้โปรดตอบ

ทำไมจึงเรียกว่าเป็นผู้แข็งแรงที่สุดในปฐพี
การหิ้วถุงแกงเป็นคุณสมบัติที่น่าชื่นชมอย่างไร
หลังจากขึ้นรถเมล์แล้ว มีการพัฒนา ขสมก. อย่างไร

ครม.เห็นชอบ แผนที่One Map ใน11 จ.ให้ใช้อัตราส่วนเดียว แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน มอบหน่วยงานเกี่ยวข้องแก้กฎหมายให้สอดคล้อง 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดาทำงานอยู่ที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.เห็นชอบการจัดทำแผนแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ (ONE MAP)ตามที่สำนักงานคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ เสนอ ในกลุ่มที่1 จำนวน 11จังหวัด ประกอบด้วย จ.นนทบุรี นครปฐมอ่างทอง สิงห์บุรีสมุทรสงครามสมุทรสาคร สุพรรณบุรี อยุธยาสมุทรปราการ ปทุมธานี และกทม.โดยให้ใช้อัตราส่วนเดียวกันทั้งหมดกับส่วนราชการคือ1ต่อ 4000 เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อนของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดิน เช่น กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

ครม. อนุมัติงบกลาง 3.1 พันล้านบาท  เพิ่มเงินให้ “อสม.” เดือนละ 500 บาท  นาน 6 เดือน เป็นขวัญกำลังใจทำงานช่วงโควิด-19

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ภายใต้โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด -19 ในชุมชน วงเงินจำนวน 3,150 ล้านบาท โดยจะนำไปจ่ายเป็นค่าตอบแทนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่อสม.จำนวน 1,039,729 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร(อสส.)จำนวน 10,577 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,050,306 คน ในอัตราเดือนละ 500 บาท ต่อคนระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565 เพิ่มเติมจากเดิมที่ได้รับเดือนละ 1,000 บาทจากภาระงานปกติ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมที่อสม.จะดำเนินการในส่วนภาระงานที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วย อสม.เคาะประตูบ้าน แจ้งสถานการณ์โรค ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแก่ประชาชน, อสม.สำรวจ และลงทะเบียนกลุ่มเป้าหมายในชุมชนให้ได้รับการฉีดวัคซีน ติดตามอาการกลุ่มเสี่ยงหลังฉีดวัคซีนที่บ้านในชุมชน ส่งต่อผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์และติดตามกลุ่มเป้าหมายจนกว่าจะได้รับวัคซีนเข็มที่ 2, สำรวจ เฝ้าระวัง คัดกรองและติดตามกลุ่มเสี่ยงในชุมชนอย่างต่อเนื่อง,ร่วมสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขในการติดตามผู้ป่วยกักตัวที่บ้าน หรือเข้ารับการแยกกักในชุมชน, ดูแลให้คำแนะนำและประเมินคัดกรองสุขภาพจิตเบื้องต้น ทั้งสำรวจ คัดกรองความเครียด สำรวจคัดกรองโรคซึมเศร้า และประเมินภาวะซึมเศร้า รวมถึงกิจกรรมอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับประกอบด้วย ประชาชนในชุมชนได้รับการเฝ้าระวัง คัดกรอง ป้องกันโรคโควิด-19 ในชุมชน, ประชาชนได้รับความรู้ ความเข้าใจ และปฏิบัติตัวถูกต้องในการป้องกันตนเองและครอบครัวจากการติดเชื้อโควิด-19 , ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักกัน หรือแยกตัวเพื่อสังเกตอาการ ได้รับการดูแลที่ถูกต้องจากอสม. ลดการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่ผู้อื่น และสร้างขวัญและกำลังใจให้กับอสม.ในการปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนเป็นแรงจูงใจที่สามารถผลักดันให้เกิดการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ ทำให้เกิดสุขภาวะที่ดีกับประชาชน

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top