Friday, 4 July 2025
POLITICS NEWS

'ไทย-ฮังการี' สานต่อความสัมพันธ์และมิตรภาพที่มีมาอย่างยาวนาน พัฒนาความร่วมมือในด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ต้อนรับ นาย Sandor Sipos (ชานโดร์ ชีโปช) เอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ เอกอัคราชทูต.ฮังการีประจำประเทศไทย

โดย ทั้งสองฝ่ายได้ชื่นชมความสัมพันธ์ที่มีต่อกันมาอย่างยาวนาน และการแลกเปลี่ยนความร่วมมือของทั้งสองประเทศด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การพัฒนาความร่วมมือที่มีอยู่เดิมให้ดียิ่งขึ้นในทุกด้าน อีกทั้งความร่วมมือกันในภารกิจรักษาสันติภาพ
   
รมช.กลาโหม ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศที่มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความร่วมมือระหว่างกันในเรื่องการค้าการลงทุน การบริหารจัดการน้ำ การศึกษา รวมถึงทางการทหารและขอบคุณทางฮังการีที่บริจาควัคซีนให้กับประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา

‘ชนินทร์’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ยิ่งอยู่ยิ่งเจ๊ง ยิ่งแจกยิ่งจน!! หวั่นชาติล่ม จมอยู่ 8 ปี สร้างหนี้ 10 ล้านล้านบาท

วันที่ 10 ก.พ. 65 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนฯ ครั้งที่ 1/2565 ร่วมกับก๊วน 3 ป. ว่า การประชุมเพื่อแก้ปัญหาความยากจน เกิดขึ้นในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ นับครั้งไม่ถ้วน แต่เหตุใดตัวเลขผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน” เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

หากดูจากตัวเลขผู้ได้รับสิทธิ์ในปี 2560 อยู่ ที่ 7.7 ล้านคน เพิ่มจนมาสูงสุดที่ 14.6 ล้านคนในปี 2562 หรือคิดเป็น 22% ของคนทั้งประเทศ และหากพลเอกประยุทธ์ มีการขยายสิทธิ์ใหม่ในปี 2565 ภายหลังปรับกฎเกณฑ์ตามมติ ครม. ที่ตั้งเป้าผู้เข้าร่วม 20 ล้านคน หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศในทันที ในขณะที่ตัวเลขคนจนไม่ได้ลดลง ในเวลาเดียวกันพลเอกประยุทธ์ ก็เดินหน้ากู้จนหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 9.64 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 10 ล้านล้านบาท หรือ 59.57% ของจีดีพี สะท้อนให้เห็นว่าพลเอกประยุทธ์ บริหารประเทศแบบกู้แหลก แต่สร้างผลขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจได้น้อย เพราะตัวเลขหนี้สวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคพลเอกประยุทธ์ ที่โตเฉลี่ยเพียง 1.66% นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศภายหลังจากทำการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน ขัดแย้งกับผลงานโดดเด่นในเรื่องของการกู้ และยังใช้งบประมาณไปกับโครงการประชานิยมรวมเกือบ 2 ล้านล้านบาท อาทิ

1.) งบประมาณที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ใช้ในโครงการประชานิยมในช่วงปี 2557-2561 ซึ่งมี 19 โครงการ ใช้งบประมาณรวม 8.78 แสนล้านบาท
2.) โครงการประกันราคาสินค้าเกษตร ตั้งแต่ปี 2562/63 - 2564/65 ใช้งบประมาณ 2.61 แสนล้านบาท
3.) โครงการต่าง ๆ ที่ออกมาในช่วงของการระบาดของโควิด-19 ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคโควิด-19 รวมมากกว่า 6 โครงการ ในปี 2563-2564 ทั้งคนละครึ่ง 4 เฟส, เราชนะ, ม.33 เรารักกัน, ยิ่งใช้ยิ่งได้, บัตรคนจน, เราเที่ยวด้วยกัน ใช้งบประมาณรวมทั้งหมดรวมกว่า 1.15 ล้านล้านบาท จากกรอบวงเงินที่กู้ได้ 1.5 ล้านล้านบาท

'อนุทิน' ชี้  ค้านรฟฟ.สายสีเขียว คือเห็นต่างในการทำงาน ยัน ไม่เกี่ยวสัมพันธ์พรรคร่วมรบ. บอก ถ้า มท. ไม่แก้ตามความเห็น ก็ โหวตโน ลั่น ‘รู้สี่รู้แปด รู้ใหญ่รู้เล็ก’ ไม่คิดตีตัวเทียบ บิ๊กป๊อก ให้นายกฯ ต้องลำบากใจ ระบุ ไม่ต้องการมีคดี หลังพ้นเก้าอี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่ 7 รัฐมนตรีพรรค ภท. ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่พิจารณาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในอนาคตหรือไม่ ว่า ต้องดูเป็นประเด็นๆ ไป เพราะกระทรวงคมนาคมได้ทำความเห็นออกมาแล้วเป็นหนังสือ 8 ฉบับ และหากกระทรวงคมนาคมคลายความกังวลหรือข้อวิตกแล้วก็ดำเนินต่อไปได้

เราไม่ได้ไม่เห็นชอบเรื่องต่อหรือไม่ต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่เราต้องการความชัดเจนขอให้ทำตามขั้นตอนที่ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงคมนาคมเห็นว่ายังขาดอยู่คือเรื่องการรับโอนทรัพย์สินจาก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มอบให้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ถือเป็นส่วนเดียวที่คมนาคมเกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าหากสุดท้ายกระทรวงมหาดไทย และกทม. แก้ไขแล้วยังไม่ตรงกับที่กระทรวงคมนาคมต้องการจะมีผลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่าต้องไปถามนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เกี่ยว นี้เป็นเรื่องความเห็นของการทำงานที่ครม. มีสิทธิเห็นไม่ตรงกันได้ 

 “ถ้าให้ภารกิจนี้เดินต่อไปก็ต้องลงมติ แต่ถ้าคนที่เห็นว่ายังผิดอยู่เขาสามารถสงวนสิทธิได้และเป็นสิ่งที่พรรค ภท. ทำมา ไม่ได้ขัดขวางอะไรเลย และที่เราไม่เข้าประชุมครม. เพราะเห็นมีการบรรจุวาระดังกล่าวเข้ามาล่วงหน้าและก่อนหน้านี้ก็ได้นำความกราบเรียนนายกฯตลอดเวลา เรามีความลำบากใจในประเด็นนี้ และถ้าจะให้ผ่านไปโดยไม่ต้องทะเลาะโต้เถียงกันหรือปะทะคาคมกัน ชี้แจงกันไปกันมาทำตรให้บรรยากาศการประชุมเสียเราจึงทำความเห็นเป็นหนังสือชี้แจงเหตผลของทั้ง 7 คนไป ซึ่งเราก็นึกว่าเรื่องผ่านไปแล้ว” นายอนุทิน กล่าว

 เมื่อถามว่าหลังการประชุมครม. ได้ชี้แจงกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วหรือยังหลังการประชุมครม. ดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ชี้แจงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นวันอังคาร ไม่ใช่เรื่องบังเอิญทุกฝ่ายรับทราบกันหมด ทั้งทีมงานนายกฯ ก็ได้ประสานงานโทรคุยกันหมด เมื่อถามว่า พรรค ภท. เล่นไม้เดิมเวลาพิจารณาเรื่องนี้ก็จะมีคำถามใหม่ของกระทรวงคมนาคมเพิ่มมาตลอด 

“ภูมิใจไทยเล่นอะไร ไม่ได้เล่นอะไรเลย ถามนำอีกแล้ว ตรงไปตรงมา เมื่อถามย้ำว่าการที่รัฐมนตรีไม่เข้าประชุม ครม. 7 คน เป็นการส่งสัญญาณต่อไปจะไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในเรื่องสายสีเขียวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลไหน ไม่ใช่พวกมากลากไป ไม่ใช่ใครอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ถ้าคิดอย่างนั้นได้ก็ไม่ต้องมีอะไรมาเข้าที่ประชุม ครม. อย่างนี้ถ้าตนอยากบรรจุข้าราชการสาธารณสุขอีก 5 หมื่นคน ตนก็ทำได้เลย ไม่ต้องมาเข้าครม.ไม่ต้องมาขอ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไม่ต้องขอ ผอ.สำนักงบประมาณ เพราะสุดท้ายต้องเป็นเรื่องที่เราต้องมาหารือในรัฐบาล และหากประเด็นยังค้างคาก็ต้องนำไปแก้ไขให้ถูกต้องทุกฝ่ายรับได้ นั้นคือเป้าหมาย ถ้าหากรับไม่ได้จริงๆ ก็ต้องโหวต” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า พรรค ภท. เห็นว่ามี ครม.มี 36 คน ถ้าจะผ่านให้ได้โหวตอย่างไรเราก็แพ้อยู่แล้ว เพราะมีเสียงเพียง 7 ต่อ 36 แต่ทำไมเราต้องไปถึงจุดนั้น ทำไมต้องทำความลำบากใจมาให้นายกฯ เราจึงทำหนังสือสงวนสิทธิของเราไปให้นายกฯ และหากนายกฯเห็นว่ามันต้องผ่านก็ผ่านมติครม.ก็นำไปปฏิบัติได้ แต่ถ้ามีเรื่องราวอะไรภายหลังร้องเรียนคดีความต่างๆ ครม.ก็ต้องรับผิดชอบส่วนบุคคลอยู่ แต่รัฐมนตรีทั้ง 7 คนของพรรค ภท. ก็มีหนังสือยืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่นำเสนอในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ในรัฐบาลเพราะยังดีอยู่ ปึ้กแน่นอน ฟังเสียงปึ้กดูก็รู้

 นายอนุทิน กล่าวว่า ขอย้ำว่าถ้ามีการปรับปรุงอะไรแล้วเราไม่มีปัญหาเรื่องการถ่ายโอนทรัพย์สินระหว่าง รฟม. และกทม. เพราะยังเป็นสมบัติของรฟม. ที่เป็นหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ซึ่งกทม.ก็ควรโอนให้เรียบร้อย รฟม.พร้อมแล้ว 

 เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายระบุว่าความขัดแย้งดังกล่าวเป็นสัญญาณยุบสภา นายอนุทิน กล่าวว่าหลายคนอยู่ข้างนอก หลายคนอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ หลายคนคุยไลน์ระหว่างกันหรือเปล่า คุยไลน์กับท่านนายกฯ คุยไลน์กับหัวหน้าพรรคหรือเปล่า ประสานงานกันหรือไม่ ไลน์กลุ่มครม.เขาคุยกันรู้มากแค่ไหน เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือเป็นการเรียกร้องต่อรองเราไม่มี ถ้าต่อรองเราไม่มี 7 คนหรอก เมื่อถามถึงกรณีพรรคเศรษฐกิจไทยโหวตเห็นด้วย ร่างพ.ร.บ.สรรสามิต (สุราก้าวหน้า) สวนทางกับรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปถาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาพรรคเศษรฐกิจไทย ส่วนภาพที่ทักทายกันในห้องประชุมสภาฯนั้น เมื่อตนเดินสวนจะไม่ทักทายกันได้อย่างไร เพราะเป็นเพื่อนกัน แต่กลับกลายเป็นเรื่องเป็นราว 

เมื่อถามถึงสัญญาณทางการเมืองที่เกิดขึ้นต่างๆ หลายคนมองว่าน่าจะมีการยุบสภา นายอนุทิน กล่าวว่า หลายคนที่ว่าอยู่ข้างนอกทั้งนั้น หลายคนที่ว่านั้นอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ได้คุยไลน์กับ พล.อ.ประยุทธ์ และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ หลายคนที่ว่านั้นรู้ว่าในไลน์กลุ่มคณะรัฐมนตรี (ครม.) คุยอะไรกันหรือไม่ อย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่เหตุบังเอิญที่จะไปเรียกร้องหรือต่อรอง ถ้าต่อรองไม่มีแค่ 7 รัฐมนตรีหรอก 
 
เมื่อถามถึงกรณีพรรคเศรษฐกิจไทยลงมติเห็นชอบกับร่างกฎหมายที่พรรคฝ่ายค้านเสนอ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนนี้ต้องไปถาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ส่วนที่มีภาพตนกับ ร.อ.ธรรมนัสนั้น ตนเดินผ่าน จะไม่ให้ทักได้อย่างไร เพราะเป็นเพื่อนกัน ขณะที่รัฐบาลส่วนรัฐบาล สภาส่วนสภา 
 
นายอนุทิน กล่าวว่า การไปของรัฐบาลมาจาก 1.นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง 2.นายกฯ ลาออก 3.นายกฯ ยุบสภา และ 4.รัฐบาลไม่ได้รับความไว้วางใจ ในส่วนนี้ต้องรวมที่ตัวนายกฯ ด้วย เรื่องเหล่านี้มีข้อกำหนดอย่างชัดเจน 

เมื่อถามว่า หากความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเศรษฐกิจไทย ยังเป็นแบบนี้อยู่ มีโอกาสเสี่ยงที่จะตายคาสภาและยุบสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามคนที่ยุบสภา เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด สิ่งที่เราทำได้ไปเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ คือ การทำหน้าที่ของเรา โดยทำหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยงการโต้เถียงและความเห็นที่ไม่ตรงกันในที่ประชุม ครม. เรื่องนี้เป็นเรื่องการทำงานของแต่ละคน เราไม่ใช่นักบู๊และตีรันฟันแทง เราใช้สติทำงาน

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะไปเพราะศัตรู จนทำให้มีอันเป็นไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลเป็นของประชาชน ไม่มีศัตรู เพราะรัฐบาลมีศัตรูไม่ได้ 

เมื่อถามว่า ในการประชุม ครม.สัปดาห์ต่อไป รัฐมนตรีของพรรค ภท. จะเข้าประชุมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้ว และเคลียร์กันหมดแล้ว จากนี้ไปจะไม่มีการไม่เข้าประชุม ครม.แล้ว ถ้าเข้าประชุมหมายความว่าพร้อมที่จะรับฟัง นายศักดิ์สยาม จะเข้ามาซักถามหรือโต้แย้ง หากนายกฯ เห็นว่ามีความจำเป็นและต้องดำเนินต่อไปในทางใดทางหนึ่ง นายกฯ ก็สามารถสั่งการได้ เราถือว่าเราหลบและหมอบแล้ว ในเรื่องของความเห็นไม่ตรงกัน พูดให้ชัดเจนคือ เมื่อถึงเวลาโหวตแล้วไม่เกิดการแก้ไขอะไรเลย เราก็โหวตโน แต่ถ้าแก้ไขมา และไม่มีความกังวลว่าจะมีอะไรตามมาบ้างหลังจากที่พ้นตำแหน่งและถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่าง ค่าโดยสารถูกลง เรามีแต่จะเร่งให้รีบโอนและทำให้สำเร็จโดยเร็ว  

เมื่อถามว่า หากไม่โหวตร่วมกับ ครม. จะรอดพ้นจากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ก้าวก่ายแล้ว เพราะเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ไม่โหวตเพราะกลัวว่าเราจะเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ผิดกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอน ประชาชน ประเทศชาติ และรัฐบาลต้องได้ประโยชน์ เราพยายามอยู่ในแนวทางนี้ 

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยไมได้เป็นการกดดันให้นายกฯหนักใจ และให้นายกฯต้องเลือกระหว่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับนายอนุทินใช่หรือไม่ นายอนุทิน ส่ายหัวพร้อมกล่าวเสียงดังว่า “ระหว่าง พล.อ.อนุพงษ์ กับนายอนุทิน ไม่ต้องถามเลยว่านายกฯ จะเลือกใคร ท่านเป็นพี่น้องกัน ผมรู้สี่รู้แปด รู้ใหญ่รู้เล็ก ไม่ได้เทียบกันตรงนั้น คนละเรื่องกัน ผมไม่ต้องการให้เลือก เพราะต้องเลือกประชาชน”

“โฆษกรัฐบาล” ซัด "หญิงหน่อย" หยุดดราม่า-ทำปชช. สับสน เหน็บ ลต.สมัยหน้า ระวังถูกเมิน ลั่น รัฐบาลดูแลราคาน้ำมัน-ปชช.ทุกกลุ่ม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวหารัฐบาลนี้ทำราคาน้ำมันแพงกว่าประเทศอื่นเพราะเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล สูงถึงลิตรละเกือบ 6 บาทว่า ไม่เข้าใจว่าคุณหญิงสุดารัตน์ใช้สมองส่วนไหนคิด เพราะเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง สร้างความสับสนให้ประชาชน และตามข้อเท็จจริงคือ รัฐบาลใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยเหลือโดยการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 3.79 บาท

โดยข้อมูลราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน อ้างอิงวันที่  7 ก.พ. 2565 ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 5 ราคาน้ำมันของประเทศไทย เบนซิน ขายอยู่ที่ 34.55 บาทต่อลิตร  ดีเซลขายอยู่ที่  29.94 บาทต่อลิตร สิงคโปร์ เบนซินขายอยู่ที่ 66.89 บาท/ลิตร   ดีเซลขายอยู่ที่  56.07 บาทต่อลิตร  ลาว เบนซินขายอยู่ที่ 44.67 บาทต่อลิตร   ดีเซลขายอยู่ที่  34.75 บาทต่อลิตร  ฟิลิปปินส์ เบนซินขายอยู่ที่ 38.95 บาทต่อลิตร   ดีเซลขายอยู่ที่  32.02 บาทต่อลิตร  กัมพูชา เบนซิน ขายอยู่ที่ 38.19 บาทตาาอลิตร  ดีเซลขายอยู่ที่  30.88 บาทต่อลิตร 

นายธนกร กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาของคุณหญิงสุดารัตน์ และอยากขอร้องคุณหญิงสุดารัตน์หยุดพฤติกรรมปั้นหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะเมินหนี และอย่าใช้วิธีการเดิมมาดิสเครดิตรัฐบาล เพราะประชาชนรู้ทันว่า ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ ทำประโยชน์อะไรให้ประเทศนอกจากการรับใช้อดีตนายกฯ บางคนที่ทุจริตคอรัปชั่น

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปดูแลราคา ในส่วนของของราคาน้ำมันแพงเป็นภาวะที่ทั่วโลกเผชิญ คาดว่าเมื่อพ้นฤดูหนาวของต่างประเทศไปแล้ว แนวโน้มราคาน้ำมันจะปรับลดลง มาตรการภาษีจึงจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่รัฐบาลจะดำเนินการ โดยจะดูราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ว่าปรับขึ้นไปถึงจุดที่ไม่สามารถรับได้ จะไม่เข้าไปอุดหนุนเกินความจำเป็น เพราะรายได้จากภาษีน้ำมันก็เป็นรายได้หลักของรัฐบาล ซึ่งตอนนี้มีกองทุนน้ำมันที่ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันอยู่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้นโยบายดูแลระดับราคาพลังงานให้เหมาะสม เน้นดูแลประชาชนในภาพใหญ่  ลดผลกระทบต่อธุรกิจให้มากที่สุด  

'ส.ส.ก้าวไกล' ขอบคุณกลุ่มธรรมนัส ช่วยเทคะแนนให้ หวังรอบหน้าจะได้รับการสนับสนุนอีก

วันที่ 10 ก.พ. 65 นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.... หรือ ร่างพรบ.สุราก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า... 

ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ "ไม่เห็นด้วยกับการอุ้ม" เมื่อวานนี้ทั้ง พรรคเพื่อไทย ที่ช่วยอภิปรายสนับสนุนสะท้อนปัญหาพี่น้องในพื้นที่และโหวตให้ 

'นายกฯ' ย้ำ ปชช.ปฏิบัติมาตรการ สธ.เคร่งครัด หลังยอดผู้ติดเขื้อเกินหมื่นหลายวัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำประชาชน ผู้ประกอบการ ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขภายใต้สถานการณ์โควิด – 19 ทั้งมาตรการ Covid Free Setting และ Universal Prevention รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาด ในทุกสถานที่ ห้างสรรพสินค้า ตลาด  ร้านอาหาร โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 งดให้บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดทาง  ควรตรวจ ATK ก่อนเดินทาง  

นอกจากการปฏิบัติตามมาตรการของประชาชนแล้ว ยังย้ำให้สถานที่ทำงานทั้งของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ต้องปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กรเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด - 19 อย่างเคร่งครัดด้วย หลังกระทรวงสาธารณสุขมีการประเมินว่าไทยอาจมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุโอมิครอน รายวันถึงเพิ่มสูงขึ้นอีกในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ 

'แรมโบ้' บอก 'บิ๊กตู่' ไม่ตำหนิ หลังสัมภาษณ์ ปม อย่ามาบีบไข่นายกฯ ชี้ เป็น ส.ส.บ้านนอก เลยใช้คำง่ายๆ

ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.45 น. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี  และ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้าตามปกติ ก่อนที่ทั้งสองคนจะมายืนพูดคุยกันที่หลังตึกไทยคู่ฟ้า

โดยภายหลังการพูดคุย นายเสกสกล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตำหนิ หรือตักเตือนอะไร หลังจากที่เมื่อวันที่ 9 กพ. ที่ผ่านมา ได้ไปให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ในประเด็นการหาบ้านหลังใหม่ คือพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตนได้ใช้คำว่า “จะมาบีบไข่นายกฯ แบบนี้ตลอดไม่ได้ “ นั้น ก็เป็นการพูดภาษาชาวบ้านๆ เพราะตนเองเป็นผู้แทนราษฎรบ้านนอก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเข้าใจไม่ได้ว่าอะไร 

“อนุทิน” ยันสัมพันธ์รัฐยังดี อ้างลาครม. เพราะไม่อยากโต้เถียงจึงสงวนสิทธิ แต่ครั้งหน้าหากโหวตปมรถไฟฟ้าไม่ลาแล้ว แจงไม่ร่วมประชุมเตรียมเอเปคเพราะติดประชุม กก.ยา ยังอุบ เปิดดีล "ธรรมนัส" รอผลหลังเลือกตั้ง แต่ที่เจอทักทายเรื่องปกติของเพื่อนที่รู้จักกันกว่า 20

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ “มุมการเมือง” ทางThaiPBS กรณี 7 รัฐมนตรีบอยคอตเรื่องต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยืนยันความสัมพันธ์ กับพรคร่วมรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา สิ่งที่แสดงออกเป็นการพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชน การทำงานยังเป็นมืออาชีพไม่เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ เพราะการทำงานร่วมกันในเรื่องนี้ มีความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ไม่เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ หรือขัดแย้งใดๆ ทำงานได้ตามปกติ เรื่องอื่นๆนายกฯยังคงสั่งงาน และได้รายงานนายกฯ ตามปกติ 

ส่วนจุดยืนโหวตเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้ขัดแย้งที่จะให้ปรับแก้สัญญารถไฟฟาสายสีเขียว แต่กระทรวงคมนาคมมีข้อกังวลที่ขอให้ปรับปรุง ชี้แจง ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ทำหนังสือไป

ส่วนปฏิกิริยางัดข้อของภูมิใจไทย จะกลายเป็นระเบิดลูกใหม่ของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เวลาไม่ปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ก็ถูกว่า ถูกตำหนิ หรือวิพากษ์วิจารณ์ เวลาปกป้องก็ผิดอีก ก็จะไม่ใช่การทำงาน ตนไม่ใช่พวกลากมากไป ไม่ต่างจากระบบสภา ถ้าถึงเวลาจริงๆตกลงกันไม่ได้ ความเห็นขัดแย้ง ทิศทางยังจูนกันไม่ได้ ก็จะใช้วิธีโหวต ตามระบอบประชาธิปไตย และเมื่อผลโหวตออกมาอย่างไรทุกฝ่ายก็ต้องตามนั้น

นายอนุทิน ย้ำว่าการที่รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม. เพราะเราแจ้งนายกฯ ทุกครั้งว่า ถ้าประเด็นรถไฟฟ้านี้ไม่ได้คำตอบจากกทม. เราขอสงวนสิทธิ์ เราไม่อยากโต้เถียง เพราะคนที่ลำบากใจที่สุดคือประธานในที่ประชุม ดังนั้น เมื่อทราบว่าจะมีวาระจรเรื่องนี้บรรจุเข้ามาทันที เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการประชุม เราเลยถอยออกมา และก็ได้ส่งหนังสือชี้แจงไป

ส่วนที่มีการเขียนข่าวกันไปว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ร่วมประชุมก็ต้องรับมตินั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่เราจะต้องรับมติครม. แต่มีการทำหนังสือให้ความเห็นเป็นการสงวนสิทธิตรงนี้ไว้ และเรา 7 คนคิดว่าถ้าเรื่องนี้มีความสมบูรณ์ ก็น่าจะผ่านไปได้ และเราก็สบายใจที่สงวนสิทธิ ไม่เข้าประชุม ไม่โต้แย้ง ไม่ถกเกียง แต่รมว.คมนาคม มีจดหมายแสดงเจตจำนงค์ ข้อคิดเห็นข้อสังเกต ถึง 8 ฉบับไปแล้ว เราหลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่ต้องการโต้คารมกัน 

เมื่อถามว่า หากมีการประชุมครม. เพื่อโหวตครั้งต่อ พรรคภูมิใจไทยจะสงวนสิทธิไม่เข้าประชุมอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีคำตอบ และดำเนินการตามกฎหมายขั้นตอนที่ชัดเจนแล้ว เราไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ายังคงเดิมก็จะไม่ลาประชุมแล้ว เพราะถือว่าแสดงท่าทีไปแล้วว่าถ้าไม่มีการแก้ไขตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอก็จะใช้สิทธิในการพิจารณา

นายอนุทิน ยังชี้แจงกรณีที่ไม่ได้ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมประชุมเอเปค ว่าเป็นคนละเรื่องกัน แต่เพราะตนติดประชุมคณะกรรมการยาแห่งชาติ  ซึ่งได้เขียนโน๊ตชี้แจงนายกฯแล้ว ขออย่าสังเกตท่าที และในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) มีการประชุม ศบค. เวลา 09.00 น. ที่ตนเป็นเจ้าภาพเป็นเรื่องใหญ่ ที่เกี่ยวกับสุขภาพคนก็จะเข้าร่วม  ย้ำไม่มีปัญหาเรื่องการทำงาน เพราะทราบดีว่ามีความสำคัญอย่างไร

ส่วนภาพที่ปรากฎภาพไปร่วมประชุมรัฐสภา และประชุมสภาผู้แทนราษฎร เจอและพูดคุยกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส พะเยา ถึง 2 วันติดต่อกันนั้น เป็นการเปิดดีลอะไรกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คุยกับใครไม่ได้เลยหรือ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาประชุมในนามพรรคใหม่ และเป็นช่วงจังหวะเวลาไปลงคะแนนในที่ประชุม ระหว่างนั้นทางเดินสายหลักในห้องประชุมสภามีเส้นเดียวเจอกันจึงทักทายกันปกติ และส่วนตัวเป็นเพื่อนกับร.อ.ธรรมนัสมา กว่า 20 ปี ถ้าเทียบก็รุ่นเดียวกัน โดยร.อ.ธรรมนัสเป็น ตท. รุ่นที่ 25 ตนก็รุ่น 25 มีเพื่อนกลุ่มเดียวกันมากมาย จึงเป็นเรื่องปกติที่เจอกัน เป็นคนละเรื่องระหว่างการทำงาน และการเมือง 

“โฆษกรัฐบาล” เผย เนื้อหมูราคาลง โว ผลงาน “บิ๊กตู่” สั่งแก้ไข เผย รัฐบาล แก้ปัญหาเร็ว บรรเทาปชช.เดือดร้อน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงราคาเนื้อหมู ที่เริ่มปรับราคาลง โดยราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ส่วนสะโพก ไหล่ ไม่รวมหมูเนื้อแดงปรุงแต่ง อยู่ที่กิโลกรัม(กก.)ละ 164-170 บาท ลดจากสัปดาห์ที่แล้ว วันที่ 30 ม.ค. ที่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 187 บาท และตอนนี้เฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 175 บาท ทั้งนี้เป็นไปตามการสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ให้กำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า แก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบห้องเย็น และโรงเชือด ที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้แจ้งการเก็บสต๊อกเนื้อหมูตั้งแต่ 5,000 กก.ขึ้นไป

โดยมีผู้แจ้ง 404 ราย มีเนื้อหมูในสต๊อก 15.5 ล้านกก. สำหรับรายที่ไม่แจ้ง ก็มีการตรวจสอบด้วย โดยตรวจรวม 616 ราย รวมมีเนื้อหมู 19.5 ล้าน กก. พบผู้กระทำผิด 12 ราย ส่งฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว 3 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 9 ราย นอกจากนี้ยังจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งในกรุงเทพฯ ได้ตรวจสอบตลาดสด 103 แห่ง ห้างค้าส่งค้าปลีก 101 แห่ง และในต่างจังหวัด ตรวจสอบทั้งตลาดสด ห้าง โดยรายที่พบการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายเกินราคา ได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว 

นายธนกร กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคจำเป็นอื่น เริ่มทยอยปรับราคาลง อาทิ เนื้อไก่ ราคาจำหน่ายในห้าง เนื้อน่องติดสะโพกกก. ละ 65 บาท ส่วนในตลาดสด ราคาแตกต่างกันแต่ละพื้นที่ เฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 70-75 บาท และคาดว่าแนวโน้มราคายังทรงตัวต่อไป ส่วนน้ำมันพืชปาล์ม ราคาที่สำรวจจากร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ขวดลิตรละ 64-65 บาท และในห้าง 61-62 บาท และมีแนวโน้มลดลง และทรงตัวในระดับนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ผักสดมีทั้งราคาเพิ่มและลดลงตามแต่ละพื้นที่ โดยมีต้นทุนค่าขนส่งเป็นตัวแปร ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ราคาทรงตัว ยกเว้นภาคใต้ ที่ราคาอาจจะสูงกว่าภาคอื่นเล็กน้อย เนื่องจากมีต้นทุนในเรื่องค่าขนส่งจากระยะทางที่ไกล

รัฐบาลชวนลงทะเบียน 'คนละครึ่ง เฟส 4' วันแรก 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความยินดีที่ประชาชนพอใจโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ที่กระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริงและต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดโครงการเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 65 มีประชาชนที่กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 24.67 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 26.35 ล้านราย และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 แล้วจำนวน 1.33 ล้านราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 205 ราย 

โดยในวันนี้จะเป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนกลุ่มใหม่ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ลงทะเบียนเป็นวันแรก (10 ก.พ. 2565) ต่อเนื่องทุกวัน ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com จนกว่าจะครบจำนวน 29 ล้านสิทธิ ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปฯ ที่ลงทะเบียนโครงการฯ ระยะที่ 4 สำเร็จ จะสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. - 30 เม.ย. 2565


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top