Saturday, 5 July 2025
POLITICS NEWS

‘ฝ่ายค้าน’ พร้อมลุยชำแหละรัฐบาล ประเดิมยกแรกปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า วันนี้เป็นครั้งแรกของการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 วันนี้ฝ่ายค้านเตรียมตัวมาพร้อมทุกพรรคใน 6 พรรคร่วม และจะมีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายสมทบ การอภิปรายวันนี้จะเริ่มโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายเปิดญัตติ และจะตามด้วยหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทุกพรรค จากนั้นจะเริ่มอภิปรายด้วยกลุ่มเศรษฐกิจปากท้อง ต่อด้วยปัญหาโรคระบาดในคนและสัตว์ และไปต่อในวันที่ 18 ก.พ. ในเรื่องกลุ่มปฏิรูปประเทศ การเมืองและกลุ่มทุจริต วันนี้ไฮไลต์คือหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่จะมีประเด็นเด็ดๆ ส่วนวันพรุ่งนี้จะมีหัวหมู่ทะลวงฟันจะทยอยกันขึ้นอภิปราย โดยเราจะใช้เวลาอภิปรายวันละ 11 ชั่วโมงอย่างเต็มที่

'นายกฯ' ห่วงใย 'บุคลากรทางการแพทย์' กำชับดูแลระมัดระวังป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ระหว่างปฏิบัติหน้าที่

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฝากความห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์หลังพบเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ติดโควิด-19 ถึง 156 คน สูงที่สุดตั้งแต่มีการระบาดมา จึงขอให้บุคลาการทางการแพทย์ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ระมัดระวังป้องกันตนเองให้ดีระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ตระหนักตลอดเวลาว่า แพทย์และบุคลการด้านสาธารณสุข เป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขไทยและดูแลรักษาประชาชน นอกจากนี้ ยังฝากเชิญชวนประชาชนเร่งเข้ารับบริการฉีดวัคซีนให้ครอบตามเกณฑ์ก่อนรีบเข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 และ 4 เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อโควิดและสามารถลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้กำชับกระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดเนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอีกรอบโดยเฉพาะการแพร่ระบาดในกลุ่มชุมชนและโรงเรียน ย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19ขั้นสูงสุด การเว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา การฉีดวัคซีนเด็กนักเรียนทุกวัย และการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมได้มากที่สุด จึงมีความสำคัญ จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดลงได้ด้วย

นายกรัฐมนตรียังย้ำให้ติดตามกระแสข่าวการพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์ผสมระหว่างเดลตาและโอมิครอน  หรือ ‘เดลตาครอน’ รายแรกของโลกที่อังกฤษ แม้ยังไม่ทราบความรุนแรงจะมากกว่าเดิมหรือไม่แต่ก็ต้องติดตามอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมให้ทันกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยเชื่อมั่นระบบและมาตรการด้านสาธารณสุขของไทยมีประสิทธิภาพและมีความเข้มแข็งสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดได้

"บิ๊กตู่" ถึงสภา ยันมีกำลังใจดี พร้อมรับศึกอภิปราย กำชับส.ส.สู้เต็มที่สามัคคีกัน เมิน "ทักษิณ" เตือนถูกไฮแจ๊คตำแหน่งนายกฯ ลั่นไม่มีอะไรทั้งนั้น

ที่อาคารรัฐสภา  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางมาร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงได้มีแกนนำกลุ่มสามมิตร รวมทั้งส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บางส่วน ได้มารอต้อนรับ อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ อาทิ นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ นายภูดิท อินสุวรรณ์  ส.ส.พิจิตร นายชูศักดิ์ ศรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย นายพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี  นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช น.ส.ภาดาห์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. เป็นต้น

โดยนายกฯ ได้กล่าวกับส.ส.ว่า ขอบคุณส.ส.ที่มา ขอให้ทุกคนช่วยกัน สู้เต็มที่สามัคคีกัน
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีมีกำลังใจดีหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็มีกำลังใจดีอยู่ทุกวัน

นายกรัฐมนตรีรับรายงานสถานการณ์ส่งออก กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกันรักษาความต่อเนื่องการเติบโต สร้างความเชื่อมั่นการจ้างงานอุตสาหกรรมหลักและเอสเอ็มอี 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานของทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับสถานการณ์การส่งออกในภาพรวม ทั้งในส่วนข้อมูลปี 2564 ที่มูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์  271,173.5 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 17.1  และการประเมินการเติบโตในปี 2565 ที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.0 – 4.0  

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อรักษาความต่อเนื่องของการส่งออกที่ขณะนี้กำลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอุตสาหกรรมของหลายประเทศกำลังฟื้นตัว ความตกลง RCEP ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565  ซึ่งความต่อเนื่องของการส่งออกจะสร้างความความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ และส่งผลไปถึงการจ้างงานทั้งในอุตสาหกรรมหลักและเอสเอ็มอีที่เกี่ยวเนื่องในห่วงโซ่การผลิต  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากข้อมูลและการประมาณการของกระทรวงพาณิชย์แล้ว ปริมาณการการขนส่งสินค้าทางเรือในขณะนี้ก็แสดงให้เห็นสัญญาณบวกของการส่งออก โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท)  ได้เปิดเผยถึงปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือ ณ ท่าเรือหลักของประเทศได้แก่ท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.-ธ.ค.2564)  มีเรือเทียบท่าที่ท่าเรือทั้ง 2 แห่ง รวม 3,721 เที่ยว เพิ่มขึ้น 13.10% สินค้าผ่านท่า 14.60ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.02% และตู้สินค้าผ่านท่า 2.44 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 5.78%  ซึ่ง กทท. ก็ได้ประเมินว่าการส่งออกสินค้าปีนี้จะขยายตัว 4% ปัญหาการขนาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ลดลงและปริมาณการขนส่งทางเรือดีขึ้นตามลำดับ  

'แรมโบ้' ฟาดแรง 'โทนี่' ยกย่องเจ้าแม๊กซ์เป็นหมาฉลาดกัดเจ้าของเพราะรู้ว่าเป็นคนไม่ดี  เผยหากเปรียบตนเป็นกิ้งกือ ใส้เดือน แต่ก็ทำให้ได้เป็น ส.ส.สมัยแรก จนได้เป็นนายกฯ ยันตั้งพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ไม่เกี่ยวข้อง 'บิ๊กตู่' เพราะท่านไม่ได้สั่งให้ไปตั้งพรรค 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ อดีตนายกรัฐมนตรี พูดถึงตนเองและเล่าเรื่องเลี้ยงสุนัข 50 ตัวในบ้าน ผ่านเพจแคร์ คิด เคลื่อน ไทย ในหัวข้อ “จุดสิ้นสุดรัฐบาลตู่ พลิกเกมสู้ของแพง” โดยตนเองอยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่มีใครรู้จักนายโทนี่เท่ากับตนเองแล้ว เพราะเป็นคนที่ทำให้นายโทนี่ ได้เป็น ส.ส.สมัยแรกในปี 2538  ในนามพรรคพลังธรรม เพราะนายโทนี่ ให้อดีผบทบ.คนหนึ่โทรตามตนเองให้เข้ามาช่วยในการเลือกตั้ง ดังนั้นไม่ควรที่จะเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับสุนัขที่บ้านว่าไม่รู้จักบุญคุณคน 

และตั้งแต่ตนเองได้ทำงานร่วมกับนายโทนี่และครอบครัวชินวัตร เป็นเวลากว่า 20 ปี ต้องยอมรับว่าผิดหวัง เพราะคิดว่านายโทนี่ เป็นหัวหน้า คนที่จะมาบริหารประเทศเป็นคนดี ทุ่มเททำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่แสวงหาประโยชน์ ซื่อสัตย์ แต่เวลาผ่านไปกลับพบว่าตนเองอยู่กับหัวหน้าโจร ที่ทุจริตคอรัปชั่น มีแต่ญาติพี่น้องเข้ามาครอบงำในเรื่องของงบประมาณ ซึ่งคนในพรรคทราบเรื่องนี้ดี 

ส่วนที่นายโทนี่ กล่าวหาตนเองเป็นกิ้งกือ ใส้เดือน หรือเล่าเรื่องสุนัขที่บ้านชื่อแม็กซ์ ชอบมากัดเจ้าของตลอด มีลักษณะเปรียบเทียบเป็นตนเองนั้น นายเสกสกล ชี้แจงว่าหากเจ้าของหมาเป็นคนดี ประวัติดี ไม่เป็นหัวหน้าโจร เจ้าแม็กซ์ เป็นสุนัขฉลาดก็คงไม่กัด 

“ตนเองต้องขอยกย่องชื่นชมเจ้าแม็กซ์สุนัขตัวนี้ด้วยซ้ำที่มันฉลาดรู้ว่าเจ้าของเป็นขี้โกง และยังมองว่านายโทนี่ไม่ควรที่จะด้อยค่า ส.ส.ในเครือข่ายของตัวเองเปรียบเทียบเป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้ของคุณโทนี่เช่นเดียวกัน  และบรรดา ส.ส. พรรคเพื่อไทย หรือคนในพรรคน่าจะคิดได้แล้วว่าถูกมองอย่างไร้ค่า ส.ส.จะยอมเสียศักดิ์ศรีให้กับคนที่มาดูถูกดูแคลนเช่นนี้ได้อย่างไร ซึ่งตนเองอายแทนพี่น้องประชาชน”

นายเสกสกล ยังเปิดเผยว่าในขณะที่ตนเองอยู่พรรคไทยรักไทย ได้เห็นพฤติกรรมของนายโทนี่เป็นหัวหน้าโจร เอาครอบครัวมาแสวงหาผลประโยชน์ ในประมาณปี2546-2547 มีตัวแทนภาคประชาชนมาร้องเรียนกับตัวเองซึ่งขณะนั้นเป็นสส.ด้วย ถึงความไม่ชอบมาพากลโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อาจจะมีการทุจริตเสียหายต่อรัฐประมาณ 500 ล้านบาท ตนเองจึงเข้าพบนายทักษิณสมัยนั้นเป็นนายกฯ ชี้แจงเรื่องราวต่างๆพร้อมเอกสารแต่นายทักษิณกลับบอกให้เลขาส่วนตัวรับไปจัดการเรื่องนี้  สุดท้ายโครงการก็ผ่านไปได้โดยที่ไม่มีการตรวจสอบ และยังให้เลขาส่วนตัวโทรมาบอกตนเองว่าอย่าเข้าไปยุ่ง ปล่อยไปให้เขาทำไป

นอกจากนี้ยังมีโครงการมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเสี่ย ป. เดินทางไปพบนายโทนี่ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันที่ตนเองไปพบนายโทนี่ พูดคุยเรื่องงานบ้านเมือง แต่ปรากฎว่าตนเองไม่ได้คุยเรื่องงานเลยนายโทนี่ไม่มีเวลาให้  เพราะนายโทนี่มีแต่เวลาคุยเรื่องผลประโยชน์ใต้โต๊ะ กับเจ้าของบริษัทต่างๆ หลายบริษัท ขากลับตนมีโอกาสเดินทางกลับมาพร้อมเสี่ย ป. โดยเครื่องบินส่วนตัวของเสี่ย ป.และเสี่ย ป.ได้เล่าข้อมูลให้ฟังว่าไปพบนายทักษิณ พูดคุยเรื่องผลประโยชน์ ส่วนแบ่ง ค่าคอมมิชชั่น และเรื่องนี้คนที่รู้ดีที่สุดอีกคนคือเพื่อนรักนายทักษิณ ที่มีอักษรย่อ ช. อยู่ปักกิ่งเป็นคนวางแผนเดินเกมให้นายทักษิณในการจัดการเรื่องเงินทอน 

นายเสกสกล ยังระบุถึงกรณีที่นายโทนี่ กล่าวหาว่านายกฯประยุทธ์ ให้ตนเองไปตั้งพรรคการเมืองและบอกว่านายกฯประยุทธ์ ทำตัวเหมือนพญาหงส์ไม่กล้าลงหนองน้ำเล็ก ปล่อยให้กิ้งกือไส้เดือนอย่างตนเองไป ยืนยันว่าการไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ นายกฯประยุทธ์ไม่ได้เป็นผู้สั่งการ เป็นการคิดและดำเนินการด้วยตนเอง 
ตนเห็นว่า ชื่อพรรคดีมีความหมายดี ตนจึงสนับสนุนพรรคนี้ ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับนายกฯเพราะท่านนายกฯไม่ได้ยุ่งเกี่ยวสั่งการตนกับเรื่องพรรคนี้ 

“ไม่เหมือนในอดีตที่นายทักษิณได้เป็นสส.และเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรมเพราะพลตรีจำลอง ศรีเมือง และตอนหลังตามกระทืบตามกัด พลตรีจำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรม แบบเอาเป็นเอาตาย จนพลตรีจำลองต้องเอามวลชนมาขับไล่ คนที่เนรคุณพลตรีจำลองที่อุตส่าห์สนับสนุนให้ลงสู่ถนนการเมืองแบบนี้ใช้ได้หรือไม่ ตัวอย่างผู้นำที่เนรคุณผู้มีพระคุณ ทำกับพลตรีจำลองเช่นนี้ใช้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ตนเองยังมีข้อมูลของนายทักษิณอีกมากมายที่ยังไม่อยากเอามาพูดในตอนนี้

โฆษกรัฐบาล เผย “นายกฯ” ติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและเกษตรกร  ขณะที่ ธ.ก.ส. รับไม้ส่งผู้แทนสาขาลงพื้นที่ ตรวจสุขภาพหนี้เกษตรกร พร้อมวางแนวทางช่วยเหลือฝ่าวิกฤต 

นายธนกร  วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดนโยบายให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ราคาผลผลิตตกต่ำ ภัยธรรมชาติ

ล่าสุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะธนาคารของรัฐ ได้ดำเนินการให้ผู้แทนแต่ละสาขาเข้าพบลูกค้าทุกรายเพื่อสอบถามข้อมูลการประกอบอาชีพและรายได้ พร้อมกำหนดแนวทางบริหารจัดการหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกค้าแต่ละราย ควบคู่การเติมสินเชื่อใหม่ ในการฟื้นฟูอาชีพอย่างยั่งยืน พร้อมช่วยเหลือลูกค้าเงินกู้ ทั้งเกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ และสถาบันเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีเกษตรกรที่ใช้บริการสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. จำนวน 4.83 ล้านราย การให้พนักงานของ ธ.ก.ส. ลงพื้นที่พบลูกค้าเพื่อสอบถามข้อมูลการประกอบอาชีพ ที่มาของรายได้มาประเมิน โดยวิเคราะห์ศักยภาพสมรรถนะและความสามารถในการประกอบอาชีพ ความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อทำการบริหารจัดการหนี้ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย  

รวมถึงการเติมสินเชื่อใหม่เพื่อฟื้นฟูอาชีพ รวมถึงพิจารณาช่วยเหลือลูกค้าที่มีหนี้สินเป็นภาระหนัก เนื่องจากรายได้ครัวเรือนลดลงหรือไม่ได้มีรายได้เพียงพอเพราะเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต เจ็บป่วย ทุพพลภาพ ชราภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังเสริมสภาพคล่องในการลงทุนและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผ่านโครงการชำระดีมีคืน วงเงินงบประมาณ 1,200 ล้านบาท ให้กับลูกค้าที่นำเงินมาชำระหนี้

'โฆษกรัฐบาล' เผย 'นายกฯ' สั่งการเร่งพัฒนาระบบ Thailand Pass พร้อมเชื่อมโยงเข้ารูปแบบ Thailand Pass Hotel & Swab System (TPHS) รองรับผู้ลงทะเบียนเดินทางเข้าประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเข้าลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass ให้นำข้อผิดพลาดมาปรับปรุงระบบ และพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ โดยในการดำเนินการเพื่อพัฒนานั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขานรับแนวทางจากนายกรัฐมนตรีมาปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ได้ดำเนินการในส่วนของการดูแลและพัฒนาระบบ Thailand Pass ซึ่งได้เร่งพิจารณาและทยอยอนุมัติ QR code อย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ลงทะเบียนภายใน 7 วันตามข้อตกลงการให้บริการ (SLA : Service Level Agreement)

ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก) ได้เร่งสื่อสารทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ใช้ทั้งจากโรงแรม/ที่พักที่ให้บริการ และผู้เดินทางเข้าประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มระบบ Thailand Pass Hotel ซึ่งจะปรับปรุงให้มีศักยภาพในการอนุมัติ (approve) โดยจะนำระบบอนุมัติอัตโนมัติ (auto approve) มาใช้ เพื่อลดงานของระบบ และจะขยายเซิร์ฟเวอร์ต่อให้รองรับการทำงานด้วยข้อมูลจำนวนมากให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และ ททท. ได้ประสานงานกับทีมตลาดในประเทศในการสื่อสารกับกลุ่มโรงแรมที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบให้เข้าระบบ พร้อมทั้งจัดทำอีเมล์แจ้งเตือนเมื่อมีบุ๊คกิ้งเข้ามา เพื่อความรวดเร็วในการอัพเดตข้อมูลข่าวสาร

“บิ๊กป๊อก” สั่งศปถ.ทุกจังหวัดคิกออฟ! ลดอุบัติเหตุทางข้าม 21 – 25 ก.พ. พร้อมรณรงค์สร้างความปลอดภัยทุกวันที่ 21 ของเดือน เข้มเอาผิดใครฝ่าฝืนรับโทษสูงสุด

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนคนเดินข้ามถนนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตบริเวณทางข้ามเมื่อช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน ได้มีมติให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดทั่วประเทศ เร่งสร้างกระแสการรับรู้และสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ให้มีจิตสำนึกและตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขับรถที่ไม่มีวินัย และไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เกิดการสร้างกระแสการรับรู้ สร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยอย่างมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด จัดกิจกรรมสัปดาห์การรณรงค์ภายใต้ชื่อ “การรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม” ระหว่างวันที่ 21 - 25 ก.พ.ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้ได้รับโทษสูงสุด เพื่อให้ผู้ขับขี่เคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎหมาย และเร่งปรับปรุงบริเวณทางข้ามให้มีความปลอดภัย อาทิ การตีเส้นชะลอความเร็วก่อนถึงทางข้าม การจัดทำเครื่องหมายจราจรบนพื้นผิวถนนให้มีความชัดเจน จัดทำป้ายเตือนและป้ายสัญลักษณ์ให้ผู้ขับขี่และผู้ข้ามถนนเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ให้จัดกิจกรรมรณรงค์ในสถานศึกษาเพื่อให้มีความปลอดภัย โดยเฉพาะทางข้ามบริเวณโรงเรียน รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วในเขตชุมชน สถานศึกษา สถานพยาบาล ด้วยการชะลอความเร็วในที่คับขันที่มีการจราจรพลุกพล่านหรือมีสิ่งกีดขวาง ทางร่วม ทางแยก ทางข้ามหรือทางม้าลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหยุดให้คนข้ามในทางข้ามหรือทางม้าลาย ทั้งนี้ ให้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่องทุกเดือน กำหนดให้วันที่ 21 ของทุกเดือนเป็นเป้าหมายในการรณรงค์

"เทพไท" เตือนครม. เปลี่ยนชื่อ "Bangkok" เป็น "Krung Thep Maha Nakhon" อย่าหาทำ พร้อมมองไม่จำเป็นชื่อเดิมคนติดหูทั่วโลก

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ประกาศเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงของ "ประเทศไทย" จาก "Bangkok" เป็น "Krung Thep Maha Nakhon" นั้น

ส่วนตัว ไม่ทราบถึงความจำเป็น หรือหลักวิชาการในการเปลี่ยนชื่อ เมืองหลวงของประเทศไทย จาก "Bangkok" เป็น "Krung Thep Maha Nakhon" ว่า มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะชื่อ Bangkok เป็นชื่อที่มีมานานแล้ว คนทั่วโลกรู้จัก คุ้นเคย เป็นชื่อที่ติดหูคนทั่วโลกมาแล้ว การจะเปลี่ยนชื่อเป็น Krung Thep Maha Nakorn เป็นชื่อที่ยาว จำได้ยาก เขียนก็ยาก คนต่างชาติยิ่งออกเสียงได้ยากกว่าอีก อาจจะทำให้ชาวโลกเกิดความสับสนได้ ผมเห็นว่าไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ในชื่อเมืองหลวงของเรา

ผมเกิดมาก็ได้ยินคำว่า บางกอก แล้ว สมัยก่อนคนบ้านนอก หรือคนต่างจังหวัด จะเข้ากรุงเทพ ก็ต้องพูดว่า ไปบางกอก กันทั้งนั้น แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังใช้ คำว่า”บางกอก” ในการแต่งเพลงอยู่เป็นประจำ และเพลงในสมัยก่อน ก็พูดถึงชื่อเมืองบางกอกกันทั้งนั้น เช่น เพลงอย่าไปเลยบางกอก เพลงบางกอกหลอกลวง เพลงสุดคลองบางกอกน้อย เพลงอย่าหลงบางกอก เพลง บางกอกเมืองสวรรค์ ฯลฯ คำว่า บางกอก จึงเป็นคำที่มีมา ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นประวัติศาสตร์ เป็นตำนานที่น่าภาคภูมิใจของชนชาติไทย

'นายกฯ' ตั้งเป้าพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ เพิ่มการมีส่วนร่วมและผู้นำหญิง 'รัชดา' ประเดิมงานกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ขับเคลื่อนงานด้านสตรี

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ด้านประสานการมีส่วนร่วม เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ อ.เมือง อ.ปะนาเระ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี  อ.จะนะ จ.สงขลา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และอ.เมือง จ.ยะลา เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการด้านเด็กและสตรี (ศป.ดส.) นักวิจัย เครือข่ายภาคประชาสังคม ผู้นำท้องที่และท้องถิ่น เกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานด้านสตรีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เน้นย้ำการทำงานของภาครัฐต้องให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม 

โดยเฉพาะการกำหนดยุทธศาสตร์ของสตรี ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างสูงสุด ภายใต้แนวทางที่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมของพื้นที่ และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทั้งพุทธและมุสลิมในทุกๆมิติ ทั้งนี้  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและสร้างการมีส่วนร่วมจากพลังสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ระยะ 6 ปี) เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมี กลุ่ม/องค์กร/เครือข่ายการปฏิบัติงานด้านสตรี 64 องค์กร ร่วมหารือให้ความคิดเห็น และเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป 

“ขณะเดียวกัน กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมต่อยอดการเสริมบทบาทผู้หญิงและความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมพลังสตรี ระหว่างวันที่ 17 – 18 ก.พ. นี้ ที่ จ.ปัตตานี แก่กลุ่มเครือข่ายสตรีในจังหวัดชายแดนใต้ โดยเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและโอกาสในการเข้าถึงสิทธิ รวมถึงแนวทางและช่องทางการให้ความช่วยเหลือให้กับเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านสตรีในพื้นที่ เพื่อให้สตรีเป็นพลังในการพัฒนาตนเอง ชุมชน และสังคม อีกทั้งจะอบรมเรื่องการเขียนโครงการและจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ (Gender Responsive Budgeting: GRB) ซึ่งเป็นไปตามมติครม.ที่เพิ่งเห็นชอบเมื่อ ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรมและเหมาะสมตามความจําเพาะของผู้หญิง ซึ่งการผลักดันโครงการทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ตอบสนองต่อความต้องการกลุ่มสตรี จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ”รัชดากล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top