Saturday, 5 July 2025
POLITICS NEWS

‘ก้าวไกล’ จี้รัฐใช้ ‘กองทุนฟื้นฟูฯ’ แก้โครงสร้างหนี้เกษตรกร พร้อมแนะ ‘นโยบายเกษตรวิถีก้าวไกล’ เป็นทางออกควบคู่

‘คำพอง’ จี้ ภาครัฐใส่ใจแก้ปัญหา ‘หนี้ชาวนา’ เผย กลไก ‘กองทุนฟื้นฟูฯ’ ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ได้มาก แต่ต้องเร่งทำกว่านี้ ด้าน ‘เดชรัต’ สะท้อน เกษตรกรไทยยังขาดกลไกรองรับแบบใกล้ชิด แนะใช้ ‘นโยบายเกษตรวิถีก้าวไกล’ เป็นทางออก

ต่อกรณีที่ กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) เคลื่อนขบวนไปปักหลักชุมนุมบริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยมีข้อเรียกร้องสำคัญ คือขอให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ชะลอการฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของสมาชิก และเร่งดำเนินการโอนหนี้สินเข้าสู่กระบวนการการจัดการหนี้สินของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) พร้อมกับขยายเพดานวงเงินการซื้อหนี้ NPA จาก 2.5 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาทเพื่อออกเป็นมติ ครม. นั้น

นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกรที่กำลังต่อสู้กับภาระหนี้สินทุกๆ คน หนี้สินเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอันเนื่องมาจากการมีรัฐบาลที่ไม่เคยใส่ใจปัญหาของพี่น้องเกษตรกรมาอย่างยาวนาน ปล่อยละเลยให้ต้องเผชิญชะตากรรมและแบกรับผลกระทบจากนโยบายเกษตรแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เรื่อยมา ตนเองเป็นเกษตรกรก่อนจะมาเป็นผู้แทนราษฎรจึงรู้สภาพปัญหาเหล่านี้ดี

“รัฐบาลบอกเสมอว่าลดต้นทุนการผลิตสิ แต่ไม่เคยช่วยอย่างจริงจังอะไรเลย ทุกวันนี้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทุกอย่าง น้ำไม่มีต้องไปหา ค่าปุ๋ยไม่ต้องพูดถึงแพงมากโดยที่รัฐแทบไม่ได้ช่วย สวนทางกับราคาพืชผลการเกษตรที่มีแต่ต่ำลงๆ ภาพแบบนี้เกิดขึ้นวนเวียนจนเป็นวงจรหนี้ของเกษตรกรตามมาด้วยดอกเบี้ยสถาบันการเงิน ยิ่งถมทับมากขึ้นๆ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายกลายเป็นมากกว่าเงินต้น แล้วแบบนี้พวกเขาจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร ยิ่งในสองปีที่ผ่านมา ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รายได้นอกภาคเกษตรลดลงอีก เมื่อก่อนยังมีเงินจากลูกหลานที่ออกไปทำงานในกรุงเทพฯ ส่งกลับมาจุนเจือได้ ตอนนี้ก็ลำบากเหมือนกัน บางคนต้องกลับมาบ้าน แต่งานใหม่ก็ยังไม่มี ผมจึงอยากให้รัฐบาลฟังเสียงเรียกร้องของเกษตรและชาวนาเพื่อตัดสินใจทางนโยบายที่เหมาะสมโดยเร็วด้วย 

“ผมคิดว่าหลังสถานการณ์โควิด ข้อเรียกร้องการพักหนี้ ชะลอหนี้ หรือการเยียวยาเป็นสิ่งที่รับฟังได้ พี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบไม่แตกต่างๆ จากกลุ่มอื่น พวกเขาควรได้รับความเห็นใจจากรัฐบาลในการเจรจาหรือช่วยพยุงสถานทางเศรษฐกิจไม่ให้ทรัพย์สินของเขาถูกยึด ขณะเดียวกัน การปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการซื้อหนี้จากสถาบันการเงินไปให้กองทุนฟื้นฯ ดูแลต่อ เพื่อให้พวกเขาจ่ายหนี้ได้ยาวขึ้น ดอกเบี้ยต่ำลง ทรัพย์สินไม่สูญหาย พอจ่ายได้จนครบก็ได้รับที่ดินกลับคืน นี่เป็นแนวทางที่แก้ปัญหาได้จริง แต่เท่าที่ทราบ ที่ผ่านมากองทุนฟื้นฟูได้รับงบประมาณน้อย ไม่มีเงินไปซื้อหนี้ได้มากนัก จนทำให้คิวยาว พอมากเข้าเป็นล็อตใหญ่ก็อาจสร้างความกังวลให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ เมื่อภาครัฐเห็นปัญหาแบบนี้ก็ควรต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อทำให้การโอนหนี้ไปให้กองทุนฟื้นฟูฯ ทำได้คล่องตัว หลังจากนั้นจะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อทำให้กองทุนเป็นกลไกปกติที่เกษตรกรสามารถพึ่งพาได้เหมือนการรีไฟแนนซ์ในธุรกิจอื่น” คำพอง ระบุ 

ด้าน เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต พรรคก้าวไกล (Think Forward Center : TFC)  กล่าวว่า ที่ผ่านมา กองทุนฟื้นฟูฯ มีข้อจำกัด คือการได้รับจัดสรรทรัพยากรในการชำระหนี้แทนเกษตรกรน้อย ปี 2560-2563 กองทุนฯ สามารถชำระหนี้แทนเกษตรกรได้เฉลี่ยปีละ 320 ราย คิดเป็นวงเงินโดยเฉลี่ย 105 ล้านบาท/ปี เท่านั้น ซึ่งหากรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้แทนเกษตรกรได้ เกษตรกรก็จะสามารถปรับโครงสร้างหนี้ และเข้าสู่แผนฟื้นฟูของกองทุนฯ ได้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เดชรัต ยังกล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์โควิด สถานการณ์หนี้สินเกษตรกรยิ่งน่าเป็นห่วงขึ้น โดยหนี้สินเกษตรปี 2564 เมื่อเทียบกับ ปี 2562 พบว่า เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22 ขณะที่รายได้เกษตรลดลงถึงร้อยละ 27 เป็นภาวะที่สวนทางกันคือรายได้ลดแต่หนี้เพิ่มขึ้น และหากดูที่ศักยภาพของลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) จะพบว่า มีลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการใช้หนี้ต่ำมากถึงร้อยละ 41 คือราว 2 ล้านคน ปัญหาหนี้สินเกษตรกรจึงเป็นปัญหาที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญและเร่งจัดการ

สำหรับแนวทางออก เดชรัต กล่าวว่า จำเป็นต้องใช้หลายมาตรการ โดย TFC มีข้อเสนอเรื่อง ‘นโยบายเกษตรกรวิถีก้าวไกล’ ที่จะต้องทำ 3 ปลดล็อก, 3 เปิดตลาดท้องถิ่น, 3 ยกระดับมาตรฐาน, 3 ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และ 3 กำกับดูแล 

‘อนุทิน’ ปัด!! ‘ภูมิใจไทย’ ไล่ตระเวนดูด ส.ส. ลั่น!! แม้เสียงเพิ่ม ก็ยังเจียมเนื้อเจียมตัว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น 2 อดีตสส.พรรคพลังประชารัฐ สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า... 

ตนไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะคนที่เข้าพรรคภูมิใจไทยต้องแสดงความจำนง หากเป็นคนที่ทุ่มเทเสียสละ และไม่มีประวัติด่างพร้อย ก็รับทุกคนอยู่แล้ว และนายเอกราชไม่มีคดีติดตัว เพราะหากมีคดีคงเป็นส.ส.พรรคไหนก็ไม่ได้ตั้งแต่แรก อีกทั้งนายเอกราชมีความสนิทสนมกับสมาชิกพรรคภูมิใจไทย 

‘เพื่อไทย’ อัดรัฐปล่อยกยศ.ล่าช้า ส่งผลร้าย ทำเด็กพลาดเรียนต่อมหาลัย

วันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนนักศึกษาเยาวชนของชาติในยุครัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและเยาวชนของชาติ ว่า “การดำเนินการของกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ขณะนี้มีปัญหาอย่างมาก ล่าสุดโอนเงินให้นักศึกษาไม่ทันตามกำหนดเวลา ส่งผลให้นักศึกษาหลายคนพลาดโอกาสในการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย เป็นการทำลายอนาคตของเด็กไทยที่จะสามารถศึกษาต่อ”

วันนิวัติ ชี้ว่า ปัญหาการโอนเงินให้นักศึกษาไม่ทันตามกำหนดเวลาดังกล่าวนี้ทำให้นักศึกษาหลายคนพลาดโอกาสทางการศึกษา เมื่อได้มีการสอบถามไปยังผู้รับผิดชอบก็อ้างว่าจะเร่งดำเนินการ และในประเด็นนี้ก็เป็นปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ทราบว่าติดขัดในส่วนไหนปัญหาจึงเกิดขึ้นมาอยู่ตลอด ทั้งที่ กยศ. มีรายได้มหาศาล ในแต่ละปีใช้เงินจ้างทนายติดตามหนี้สิน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ไล่ยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกัน นำไปขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้จำนวนมาก 

ทบ.แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทธโธปกรณ์ และยานพาหนะ ใน 16 - 21 ก.พ. 65 

กองทัพบก โดย กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน  แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และ ยานพาหนะ ของ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 6 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 7 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 และ กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน เพื่อจัดแสดงและสาธิตอำนาจการยิงเหล่าทหารปืนใหญ่ ประจำปี 2565 ในวันที่ 21 ก.พ. 65 ณ พื้นที่ฝึก ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 

“นายกฯ” สั่ง สุ่มตรวจเอทีเคปลอม หากพบให้ดำเนินคดี-คุมราคา ลดภาระปชช. ย้ำ สธ.เร่ง ฉีดวัคซีนเข็ม 2-บูสเตอร์  พร้อม เร่ง สาง “หนี้ครู-หนี้ครัวเรือน” 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่าอย่าประมาท ต้องคอยเตือนให้ป้องกันตัวเอง แม้วโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จะมีอันตรายน้อย อัตราการเสียชีวิตต่ำ และย้ำกระทรวงสาธาณสุข รณรงค์การฉีดวัคซีนให้ครบ2เข็ม และเร่งฉีดเข็มบูสเตอร์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปสุ่มตรวจการจำหน่ายเอทีเค ตามท้องตลาด หากพบเอทีเค ที่เป็นของปลอม ให้ดำเนินการจับกุม และสั่งให้ควบคุมราคาเอทีเคให้เหมาะสม เพื่อลดภาระของประชาชน

“สมศักดิ์ พันธ์เกษม” มาแล้ว!! สมัครสมาชิกภูมิใจไทยเรียบร้อย  “อนุทิน” พร้อมคณะผู้บริหารต้อนรับสุดชื่นมื่น เชื่อ ส.ส.ไหลเข้าพรรคเยอะช่วยเพิ่มเสถียรภาพ “ลุงตู่” ด้าน “สมศักดิ์” ปัดตอบเคลียร์ใจกลุ่ม “ธรรมนัส” ชี้ เลือกซบภท. เหตุนโยบายตรงกัน

ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ซึ่งนายอนุทินได้สวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคให้กับนายสมศักดิ์ เพื่อต้อนรับเข้าสู่พรรคอย่างเป็นทางการด้วย ทำให้ล่าสุดพรรคภูมิใจไทยมีส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งสิ้นในขณะนี้จำนวน 62 คน

จากนั้นนายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พรรคภูมิใจไทยได้ให้การต้อนรับนายสมศักดิ์ ในฐานะที่ได้แสดงเจตจำนงค์ที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตัวนายสมศักดิ์และตนมีความสัมพันธ์กันมานับเป็นเวลา 20 กว่าปี เนื่องจากนายสมศักดิ์เคยเป็นผู้ช่วยลขานุการรมว.คลังสมัยที่พ่อของตนคือนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งรมช.คลัง  ถือว่าไม่ใช่คนอื่นไกลกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด เมื่อมาในครั้งนี้นายสมศักดิ์ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่ต้องบัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องหาพรรคใหม่สังกัดในระยะเวลาที่กำหนด และวันนี้นายสมศักดิ์ได้มาหาพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับสัญญาว่าจะทำงานเพื่อบ้านเมืองไปด้วยกัน เช่นเดียวกับนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น ที่ได้ยื่นใบสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ที่ จ.ขอนแก่น โดยพรรคได้ตรวจคุณสมบัติต่างๆและสอบถามเจตนารมณ์ความตั้งใจความมุ่งมั่นที่จะทำงาน รับใช้ชาติ บ้านเมืองตามนโยบายพรรคภูมิใจไทยและตามหลักการทางการเมืองที่เราได้ดำเนินการอยู่ ซึ่งนายสมศักดิ์ยินดีที่จะมาร่วมงาน และทำงานด้วยกัน นี่เป็นที่มาของข้อสรุปที่ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เมื่อขั้นตอนตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว นายสมศักดิ์ก็เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย สามารถไปประชุมสภาฯในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้ พรรคเรายินดีต้อนรับนายสมศักดิ์มาอยู่ชายคาเดียวกัน และเดินไปด้วยกัน

เมื่อถามว่า ส.ส.เข้ามาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเยอะ ช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองให้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ช่วยนายกฯเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ต่อให้ไม่เอ่ยปากเราก็ต้องนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ที่เราต้องมีบุคลากรที่ไว้เนื้อเชื่อใจ ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ทุกคนเป็นส.ส. หลายสมัย เป็นที่นิยมของประชาชนในพื้นที่ ทำประโยชน์รับใช้พี่น้องประชาชน บ้านเกิดเมืองนอนมากมาย ทุกท่านล้วนมีผลงาน การที่ท่านเหล่านี้เข้ามาร่วมงานกับพรรค จะยิ่งทำให้นโยบายต่างๆ เกิดผลสำเร็จรวดเร็วมากเท่าที่เราจะผลักดันได้ และการที่มีตัวแทนปวนชนชาวไทยทำหน้าที่ในสภา และรัฐบาล จะยิ่งทำให้การทำงานรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วตามสโลแกนลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เราได้เข้ามาเพิ่มอำนาจให้ประชาชนจริง 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือเชื่อว่านายสมศักดิ์มั่นใจในจุดยืนของพรรค ที่จะใช้เป็นนโยบายสร้างความมั่นใจให้ประชาชน คือพรรคพูดแล้วทำ ไม่ว่าเราพูดอะไร เราจะทำในสิ่งที่พูดทุกประการ เชื่อว่านี่คือสาเหตุที่หากบรรดาผู้แทนมีโอกาสพูดคุยกัน เขาจะพิจารณาพรรคภูมิใจไทย เพื่อเข้ามารับใช้บ้านเมืองได้ ซึ่งอะไรที่ทำแล้วดีก็ทำ 

เมื่อถามว่า การที่มีกลุ่มส.ส.อดีตพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาพรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นการลดแรงเสียดทานเพื่อช่วยนายกฯ ลดจำนวนของกลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าอะไรที่ทำแล้วดีเราก็ทำ การที่เรามีส.ส.มาอยู่ในพรรคเพิ่มขึ้น เท่ากับเพิ่มเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล เวลาที่เหลือจากนั้นรัฐบาลจะได้บริหารบ้านเมืองอย่างมีเสถียรภาพ กำหนดงบประมาณได้ และวาระสำคัญการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ถ้าอะไรที่สนับสนุนนายกฯให้ทำสำเร็จ เราก็พร้อมจะทำ

ครม.ไฟเขียวร่างแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ขับเคลื่อน 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 498 ล้านบาท 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการ ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565-2570 ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการไปดำเนินการต่อไป โดยวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อลดความต้องการบริโภคยาสูบที่สูงของประชากรและคุ้มครองสุขภาพประชาชนจากอันตรายของควันบุหรี่ ให้ดำเนินการภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 498.039 ล้านบาท ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถการควบคุมยาสูบของประเทศ วงเงิน 138.800 ล้านบาท ให้ผลักดันนโยบาย ปรับปรุงกฎหมาย ระบบการบังคับใช้กฎหมาย ตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ WHO FCTC เฝ้าระวัง วิจัย จัดการความรู้ กำกับ ติดตามประเมินผลการควบคุมยาสูบในทุกระดับ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่ และเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบ วงเงิน 99.186 ล้านบาท เช่น การให้ความรู้ โทษ พิษภัย ของยาสูบ กับเด็ก เยาวชนและนักสูบหน้าใหม่ เฝ้าระวังแาะบังคับใช้กฎหมาย การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบ การโฆษณา และรู้เท่าทันกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบ ยุทธศาสตร์ที่ 3 บำบัดผู้เสพให้เลิกใช้ยาสูบ วงเงิน 51.832 ล้านบาท เช่น สร้างเสริมพลังชุมชนและเครือข่ายที่เข้มแข็ง เพื่อบำบัดผู้เสพยาสูบ พัฒนาระบบบริการเลิกยาสูบ และสายด่วนเลิกบุหรี่

ยุทธศาสตร์ที่ 4 การควบคุม ตรวจสอบ เฝ้าระวังและเปิดเผยรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ วงเงิน 12.5ล้านบาท เช่น ปรับปรุงกฎหมาย แนวทางการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก สร้างกระบวนการบริหารจัดการข้อมูลส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อวัดสารที่อยู่ในยาสูบและสารที่ปล่อยออกมา ยุทธศาสตร์ที่ 5 ทำสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่ วงเงิน 165.721 ล้านบาท เช่น การออกประกาศกฎกระทรวง กฎ ระเบียบ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้สถานที่สาธารณะและสถานที่ทำงานทุกแห่งปลอดควันบุหรี่

การปรับเปลี่ยน ทัศนคติ พฤติกรรมและค่านิยมของการเสพยาสูบ เพื่อให้การไม่สูบบุหรี่ในบ้าน สถานที่ทำงานและสถานที่สาธารณะเป็นบรรทัดฐานของสังคมไทย และยุทธศาสตร์ที่ 6 มาตรการภาษี การป้องกันและปราบปรามเพื่อควบคุมยาสูบ วงเงิน 30 ล้านบาท เช่น ปรับปรุงโครงสร้างภาษียาสูบ และระบบการบริหารการจัดเก็บภาษียาสูบ การป้องกัน ปราบปรามยาสูบที่ผิดกฎหมาย การดำเนินการสำหรับผู้กระทำความผิด และมาตรการลดผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบอันเนื่องมาจากมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ

ครม.ไฟเขียว! ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงข้อริเริ่มการใช้พลังงานสะอาด ไทย-บริษัทเอกชนสหรัฐ สร้างเม็ดลงทุนกว่า 2.38 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า ครม.เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent: LOI) สำหรับข้อริเริ่มความต้องการใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy Demand Initiative: CEDI) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและภาคเอกชนของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีพิธีลงนามในการประชุม The 2nd United States -Thailand Energy Policy Dialogue (2nd UTEPD) โดยกระทรวงพลังงานไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 หนังสือแสดงเจตจำนงฉบับนี้ เป็นการแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา ในการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจที่สนใจและมีศักยภาพในการจัดหาและใช้พลังงานสะอาด

โดยฝ่ายสหรัฐจะชักชวนนักลงทุนมาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการจัดหาพลังงานสะอาดสำหรับการดำเนินธุรกิจของสหรัฐภายใต้เงื่อนไขและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนาทางเลือกอื่นๆ ที่มีความเหมาะสม ผ่านแนวทางการจัดหาพลังงานสะอาดที่ฝ่ายไทยจะดำเนินการในอนาคต ซึ่งประกอบด้วย 1)การผลักดันให้เกิดตลาดพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพและสามารถแข่งขันด้านราคาได้ 2)การกำหนดนโยบายด้านพลังงานสะอาดให้มีความเหมาะสม 3)การส่งเสริมระบบการรับรองสถานะด้านสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในการซื้อขายพลังงานสะอาด 4)การสนับสนุนการพัฒนานโยบายและโครงสร้างพื้นฐานของด้านไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดได้

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีภาคเอกชนของสหรัฐประสงค์ที่จะร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงค์ทั้งหมด 19 บริษัท โดยจะนำเงินมาลงทุนคิดเป็นมูลค่าอาจสูงถึง 2,384 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งมีรายชื่อบริษัทดังนี้ 1)HP Inc. 2)Apple 3)Akamai 4)Meta Platforms, Inc. 5)Johnson & Johnson 6)Nike 7)Dow Inc. 8)Iron Mountain 9)Inter IKEA Group 10)Lululemon 11)Spiber Inc. 12)Ralph Lauren  Corporation 13)Unilever 14)TAL Apparel 15)Amer Sports 16)RIFE International 17)Amazon 18)WeWork และ 19)TCI Co., LTD

ครม. เห็นชอบลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร 3 เดือน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฏกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆที่คล้ายกัน ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผ่านราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ลดลงโดยตรง และสะท้อนไปยังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะทำให้โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ปรับลดประมาณ 3บาท/ลิตร

โดยรายละเอียด มีดังนี้ น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถัน เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440 บาทน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440

น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสม ไม่เกินร้อยละ 4 อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440 บาท น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสม เกินร้อยละ 4 แต่ไม่เกินร้อยละ 7 อัตราภาษีเดิม 5.990 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.200 บาท น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมเกินร้อยละ 7 แต่ไม่เกินร้อยละ 9 อัตราภาษีเดิม 5.930 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.170 บาท ทั้งนี้ อัตราภาษีใหม่ จะมีผลตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 จากนั้นตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 จะกลับสู่อัตราภาษีเดิม

'อดีตสส.ปชป.' ยื่นหนังสือร้องนายกฯ ตรวจสอบประมูลรังนกฯ จ.ชุมพร ส่อทุจริต 

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานข้าราชการพลเรือง (กพ) .ได้มี นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร 6 สมัย สังกัดพรรคประชาธิปัตย์  มายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี  เรื่องขอให้มีการตรวจสอบกรณีการประมูลและการดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่นในพื้นที่จังหวัดชุมพร ตามที่มีการตาพรบ. อากรรังนกอีแอ่นพ.ศ 2540 เพื่อให้ส่วนท้องถิ่นได้มามีส่วนดูแลและจัดการเก็บรังนกอีแอ่นและให้เงินอากรรังนกอีแอ่นตกเป็นรายได้ให้กับราชการส่วนท้องถิ่นที่มีรังนกอยู่ในเขตราชการส่วนท้องถิ่นนั้น  แต่ได้ปรากฏข้อเท็จจริง เป็นที่ทราบของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชุมพรโดยทั่วไปว่า กรณีดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่น ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อถือได้ว่าเป็นการดำเนินการโดยทุจริตและสร้างความเสียหายให้กับรัฐและผลประโยชน์อันจะตกต่อประชาชนชาวจังหวัดชุมพร อย่างร้ายแรง ในพื้นที่เกาะลังต.ปากคลอง อ.ปะทิว
จ.ชุมพร 

ซึ่งได้มีการเปิดประมูลรวม 16 ครั้ง กับไม่ปรากฏผู้เข้าประมูลประชาชนทั่วไป จึงมีความเคลือบแคลงสงสัยในประเด็นการรักษาทรัพยากรรังนกบนเกาะดังกล่าวเพราะหากไม่มีการประมูล คณะกรรมการซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการต้องมีการตรวจสอบเพื่อป้องกันการสูญหายของรายได้แผ่นดินและท้องถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง ได้มีการเสนอตัวแทนเพื่อเข้าเป็นพนักงานป้องกันการบุกรุกและเฝ้าเกาะ แต่คณะกรรมการดังกล่าวมีการกล่าว อ้างว่าได้มีการแต่งตั้งอาสาสมัครรักษาดินแดน ผู้มีประสบการณ์ความเหมาะสม แล้วจึงเป็นการปิดโอกาสกระบวนการมีส่วนร่วมตามกฎหมายในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้รับผลประโยชน์เกี่ยวกับรายได้ต่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างรุนแรง 

จึงเป็นเหตุที่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรเชื่อได้ว่าการดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่นในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมายมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นการดำเนินงานโดยทุจริตและประโยชน์ต่อกลุ่มนายทุนบางกลุ่ม มูลเหตุดังกล่าว มีความใกล้เคียงกับกรณีการทุจริตในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จึงขอให้มีการสั่งการไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาตรวจสอบ การจัดการประมูลรังนกอีแอ่นในทุกสัญญาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top