Saturday, 12 July 2025
POLITICS NEWS

'วงในเมียนมา' ฉะ!! 'พิธา' จุ้นเรื่องเพื่อนบ้าน ย้อน!! หรือเห็นด้วย 'ยิงพระ-วางระเบิดใต้'

จากกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงการณ์กรณีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา ระบุว่า รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างยิ่งต่อการกระทำอันโหดร้ายของศาลทหารเมียนมา ในการประหารชีวิตผู้นำ NLD และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ขอร่วมกับประชาคมโลกในการประณามการกระทำนี้อย่างรุนแรงที่สุด และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงท่าทีชัดเจนไม่เห็นด้วยในการกระทำของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า...

เพิ่งรู้ว่าพิธา ถือสัญชาติเมียนมาด้วย ไปยุ่งอะไรกับเรื่องในบ้านเขา เอางี้นะ ถามว่า PDF (กองกำลังพิทักษ์ประชาชน : People's Defense Force) มีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมประหาร 4 คน? ทำไม Paing Takhon สุดหล่อถึงไม่โดนประหารไปด้วย? ทั้งที่ก็เคยเป็น PDF ระดับออกโรงแถวหน้า

ก็เพราะว่า...

1. 4 คนนี้เป็น PDF ระดับแกนนำในการจัดหาท่อน้ำเลี้ยงจากต่างประเทศ

2. ทั้ง 4 คนถูกจับพร้อมหลักฐานที่พบในที่ถูกจับ

ถามว่าคุณพิธาเห็นด้วยกับการยิงพระ วางระเบิดโรงพยาบาล ฆ่าคนในร้านน้ำชา วางระเบิดตามสถานที่ราชการในเมืองใหญ่ ๆ และล่าสุดคือวางระเบิดที่จอดรถสำนักงานของธุรกิจคนไทยในย่างกุ้งใช่หรือไม่

ขอถามกลับว่าที่ภาคใต้ของไทยโจรใต้ก็ได้กระทำการไม่ต่างกับกลุ่ม PDF กระทำการในเมียนมา ปัจจุบันนี้ คุณพิธาเห็นด้วยกับการกระทำของโจรใต้อย่างนั้นหรือ

'โฆษกเพื่อไทย' จี้ ป.ป.ช. เอาผิดคนรับกล้วย ชี้!! เป็นผลไม้พิษจากรัฐธรรมนูญ ปี 60

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ในท้ายที่สุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนั่งร้านรวม 11 คน จะอยู่รอดปลอดภัยในสภา แต่ศรัทธาของประชาชนหมดสิ้นแล้ว จากข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เปิดโปงข้อมูลส่อทุจริตในหลายประเด็น เช่น กรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวข้องทุจริตถุงมือยางภาค 2 วงเงิน 2,000 ล้าน ที่ควรถูก ป.ป.ช.อายัด แต่ถูกเบิกออกยักย้ายถ่ายเทหนี

กรณีโอนหุ้นออกจากบริษัทเอกชนของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เคยถือหุ้นอยู่ มีหลักฐานมีพิรุธ ไม่น่าเชื่อถือ

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่บกพร่องไม่ดูแลภัยแก๊งอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ แต่งตั้งคนสนิทเป็นที่ปรึกษารับงานศูนย์ดิจิทัลที่ส่อทุจริต รวมถึงประเด็นการขาดจริยธรรม 

หรือกรณีที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการท่อส่งน้ำ EEC เป็นต้น 

ซึ่งส่วนหนึ่งของความไม่ชอบมาพากลที่มาพร้อมหลักฐานที่ฝ่ายค้านรวบรวมมาได้จะสามารถมัดตัวผู้กระทำผิดโดยเฉพาะนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นการทุจริตเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะประเด็นหลังการลงมติไม่ไว้วางใจที่ได้ปรากฎหลักฐานการแจกจ่ายเงินให้กับพรรคการเมืองเพื่อต่อคานอำนาจให้พลเอกประยุทธ์ได้อยู่ต่อ กระบวนการต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ต้องเร่งดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงให้แน่ชัดและเอาผิดโดยเร็ว

‘พิธา’ ร้อง ‘รัฐ-ยูเอ็น’ กดดันเผด็จการทหาร หลังตัดสินประหารนักเคลื่อนไหวในเมียนมา

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงการณ์กรณีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา ระบุว่า…

ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผมรู้สึกตกใจและเศร้าเสียใจอย่างยิ่งต่อการกระทำอันโหดร้ายของศาลทหารของเผด็จการทหารเมียนมาในการประหารชีวิตผู้นำ NLD และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย เช่น พโย เซยา จ่อ และ ก่อ หมิ่น ยู ผมขอร่วมกับประชาคมโลกในการประณามการกระทำนี้อย่างรุนแรงที่สุด

สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมโดยตุลาการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายอันชอบธรรม เป็นอิสระ และเป็นกลาง เป็นหนึ่งในหลักการอันล่วงละเมิดมิได้ที่บัญญัติไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR การทำลายสิทธิดังกล่าวถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามจิตสำนึกร่วมที่ดีของประชาคมโลก

เผด็จการทหารเมียนมาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยุติความรุนแรงต่อพลเรือนโดยทันที ดังนั้นผมขอสนับสนุนให้อาเซียนทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ให้กับเมียนมา พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยส่งสัญญาณที่เข้มแข็งและชัดเจนต่อเผด็จการทหารเมียนมาว่า การเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้เหตุผลเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเรียกร้องให้คืนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็วผ่านการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เนื่องจากเมียนมาที่เป็นประชาธิปไตยและมั่งคั่ง เป็นประโยชน์ไม่เพียงต่อประเทศไทยแต่ต่อประชาคมโลกในภาพรวมด้วย

'อนุสรณ์' ชี้ แจกกล้วยช่วยให้รอด ทำการเมืองถอยหลัง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงควันหลงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า รัฐบาลพังแค่ไหนในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประชาชนรับรู้และสัมผัสได้ชัด รัฐบาลจะใช้ผลโพลสำนักไหนมากลบเกลื่อนความล้มเหลวหรือใช้ไอโอรูปแบบใดมาแก้เขินก็ไม่เป็นผล เวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึง 8 เดือน รัฐบาลก็ต้องพ้นไป ผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นผลโพลที่สะท้อนความต้องการของประชาชนได้ถูกต้องแม่นยำที่สุด พรรคไหนยังกอดรัฐบาล 3ป. แน่น เป็นนั่งร้านให้รัฐบาลสืบทอดอำนาจ ประชาชนจำได้แม่นและพร้อมจะสั่งสอนในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างแน่นอน 

รัฐบาลย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าที่รอดมาได้เพราะฝีมือของตัวเอง หรือเพราะแจกกล้วยเลยช่วยให้รอด ประชาชนถึงบางอ้อ ที่แกนนำพรรครัฐบาลเคยบอกรัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อพวกเรา หมายถึง การได้ประโยชน์จากการออกแบบการเมืองให้ถอยหลังย้อนยุค สร้างบรรทัดฐานการเมืองใหม่ว่าการจ่ายเงินแลกโหวตเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นสิ่งที่ทำได้ และเชื่อมโยงได้ว่าที่พลิกลิ้นไปใช้สูตรหาร 500 ก็เพื่อให้การเมืองแจกกล้วยดำรงอยู่เพื่อทำลายระบบพรรคการเมือง ทำให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อย ทำการเมืองไร้เสถียรภาพ โหวตแต่ละครั้งต้องแจกกล้วยแลกโหวต รัฐธรรมนูญเขียนโดยคนกลุ่มใด ใครได้ประโยชน์สูงสุด ประชาชนรู้ รัฐธรรมนูญเขียนห้ามเป็นนายกรัฐมนตรีรวมเกิน 8 ปี แต่พอใกล้ครบเวลาห้าม ยังพยายามหาช่องเพื่อจะสืบทอดอำนาจต่อไปให้ยาวนานที่สุด

‘ทิพานัน’ แนะเพื่อไทย ‘มูฟออน’ ได้แล้ว อย่าทำตัวเป็น ‘วัสสการพราหมณ์ยุยง’

‘ทิพานัน’ ย้อนแสบเพื่อไทย ‘มูฟออน’ จากศึกซักฟอกได้แล้ว อย่าทำตัวเป็น ‘วัสสการพราหมณ์ยุยง’ ยุให้พรรคพลังประชารัฐแตกแยก ยันสภาฯ ไว้วางใจ ‘บิ๊กป๊อก’ ทำงานต่อ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแห้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความเห็นกรณีส.ส.พรรคประชารัฐโหวตคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 6 เสียงเป็นการส่งสัญญาณเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า... 

การอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไปแล้ว โดยที่ไม่สามารถล้มรัฐบาลและไม่ได้มีประเด็นใดที่หวือหวาอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อ ในขณะที่รัฐบาลยังมีเสถียรภาพมั่นคง เดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนต่อไป จึงไม่ควรมโน หรือสร้างประเด็นยุยงให้เกิดแรงกระเพื่อมในรัฐบาล และในพรรคพลังประชารัฐ เพราะผลคะแนนโหวตไว้วางใจของ พล.อ.อนุพงษ์ เกินกึ่งหนึ่ง ถือว่าสอบผ่าน ได้รับฉันทามติจากสภาฯ ถือว่าได้รับความไว้วางใจจากตัวแทนพี่น้องประชาชนให้ทำงานต่อ

ปังมาก!! พีเค-พรรคกล้า จัดงาน “การเมืองสร้างสรรค์” สลายขั้วการเมือง คนแห่ร่วมงานเพียบ

พีเค-พรรคกล้า ลุยเปิด “ตลาดนัดสร้างสรรค์” ให้พื้นที่คนรุ่นใหม่ ครีเอทสินค้า มาวางจำหน่าย เริ่มต้นเดือนหน้าก่อนขยายผลทั่วประเทศ พร้อมต่อยอดเปิดย่านวัฒนธรรมไทยแห่งแรกที่ เยอรมัน ส่งออกศิลปะ วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก

เมื่อวันที่ (23 กรกฎาคม 2565) ที่ผ่านมา พีเค- นายพัสกร วรรณศิริกุล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พรรคกล้า เป็นเจ้าภาพจัด แคมเปญ 'Creative Politics For Creative Thailand' เป็นครั้งแรก โดยคนจากหลายวงการ อาทิ  นักการเมือง นักธุรกิจ นักศึกษา คนในวงการบันเทิง ฯลฯ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และผลักดันการเมืองไทยไปสู่การเมืองสร้างสรรค์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายพัสกร กล่าวว่า  การเมืองสร้างสรรค์ถืออีกก้าวของการเดินทาง สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย  และในฐานะที่ตนเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ก็อยากเห็นประเทศไทยลดความตึงเครียดจากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะการเมืองสร้างสรรค์เป็นทฤษฎีที่พยายามจะต่อสู้ความคิดแบบขาวดำเป็นอยู่ทุกวันนี้

“การเมืองสร้างสรรค์ในความคิดของผมก็คือ เรามาเลิกวัดกันได้แล้ว ว่าคนจะใส่เสื้อสีอะไร มาจากพรรคอะไร หรือ เขาถือธงอะไร เรามาวัดที่บุคคลดีกว่าว่าความคิดของเขาเป็นอย่างไร แล้วการกระทำของเขาสะท้อนอะไร พวกเราในฐานะ ส.ส. หรือผู้แทนของประชาชน ถ้ายังทะเลาะกันอยู่ เราจะคาดหวังให้ประชาชนที่เราเป็นตัวแทนอยู่ร่วมมือกันได้อย่างไร เชื่อว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคคือผู้แทนของคนกลุ่มหนึ่ง ถ้าเกิดว่าเรามองแค่พรรคเดียวมันจะต่างอะไรกับเผด็จการ ทุกพรรคการเมืองมีหน้าที่ไม่เหมือนกันและเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางความคิดของคนไทย บางพรรคขับเคลื่อนเรื่องรัฐสวัสดิการ บางพรรคต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม บางพรรคเน้นเรื่องศาสนา บางพรรคทำเรื่องเศรษกิจ แต่ละพรรคมีความคิดเห็นและมุมมองต่างกันในการจัดลำดับ ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว การคิดต่างไม่ได้แปลว่าเขาผิดหรือเลวร้าย เพียงแต่เขาอาจแค่คิดว่าบางอย่างควรรอและบางอย่างควรมาก่อนแค่นั้น” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พรรคกล้า กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายวงการ ทั้งจากพรรคการเมือง นักธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ คนในวงการบันเทิง ศิลปะ นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมครอบครัว รวมถึงคนที่เดินผ่านมา ก็เข้าร่วมแบบหน้างาน เนื่องจากเห็นว่าเป็นแคมเปญที่น่าสนใจ จากนั้นทุกคนได้ประชุมแลกเปลี่ยนมุมมอง ความคิดเห็น จากประสบการณ์ส่วนตัว โดยสิ่งคนส่วนใหญ่อยากเห็นคือ ความเปลี่ยนแปลง ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และมีพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และปลดล็อคการทำธุรกิจสร้างสรรค์ ศิลปะ วัฒนธรรมร่วมสมัย

หมดยุคแล้ว!! อดีตนายกฯ อังกฤษ ชี้!! หมดยุคชาติตะวันตกชี้นำโลก | NEWS GEN TIMES EP.60

✨ ไขปริศนา!! ตุ๊กตาหินอ่อนวัดพระแก้ว มาจากไหนและทำไปเพื่ออะไรกัน? แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ศพคนที่ถูกฝังเอาไว้เพื่อทำพิธีกรรมต่างๆ นานาดังที่โซเชียลมโน!!

✨ หมดยุคแล้ว!! อดีตนายกฯ อังกฤษ ชี้!! หมดยุคชาติตะวันตกชี้นำโลก

✨ คุณไม่มีสิทธิสั่ง!! ‘อินเดีย’ โวย ‘สหรัฐฯ’ เหตุสั่งห้ามรับเรือรัสเซีย พร้อมตอกกลับ “นี่เป็นอธิปไตยของอินเดีย”

✨ รับได้ไหม!! Netflix ถูกลง แต่มีโฆษณา

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

รัฐสภา หรือ ตลาด?

เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ใยมีแต่คนเห็นเป็นเรื่องเล่น ๆ หรือขอแค่ให้ได้เสียดสี ไม่มีแก่นสารก็ไม่แคร์

‘พิธา’ อัด 3 แกนประยุทธ์ สุดกลวง!! แท้จริงมีแต่การทำลายประเทศ-ประชาชน

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้ 8 ปี รัฐบาลประยุทธ์ทำคนไทยมืด 8 ด้าน  อัด ‘เศรษฐกิจ 3 แกน’ คือ ความกลวงปลอมเปลือก แท้ที่จริงคือ 
1.ทำลายศักยภาพในประเทศสร้าง-ซุกหนี้สารพัด 
2.ทำลายศักยภาพในต่างประเทศ เสี่ยงโดนกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ และ 3.ทำลายศักยภาพประชาชน ละเมิดสิทธิเสรีภาพ-หลักนิติรัฐอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมเผยตัวเลขน่าตกใจ โรคระบาดในไทยที่มีคนตายมากกว่าโควิด

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมอภิปรายในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเป็นผู้สรุปการอภิปรายว่า 8 ปีนับตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจมาถึงวันนี้ทำคนไทยมืด 8 ด้าน ไม่มีความหวัง ไม่มีความฝัน ไม่มีอนาคต ซึ่งกลยุทธ์ 3 แกนสร้างอนาคต เมื่อไปดูในรายละเอียดก็พบว่ากลวง เป็นของปลอมที่มีแต่เพียงเปลือก อย่างแกนที่ 1.โครงสร้างพื้นฐานก็ช้าและมีแต่จะเจ๊ง แกนที่ 2.อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มต้นช้าตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ความหวังเป็นศูนย์กลางแทบไม่มีทางเป็นไปได้ และ แกนที่ 3.การเงินการธนาคารที่จะให้คน 30 ล้านเข้าถึงขนาดมีอำนาจเต็มยังทำไม่ได้ อีกทั้งแผนการเงินที่พูดมาก็เป็นสิ่งที่ตัวเองไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ และขนาดที่ผู้บริหารธนาคารระดับประเทศเองก็บอกว่างงเป็นไก่ตาแตกกับแผนนี้

“เรื่องที่ไว้วางใจไม่ได้มากที่สุดคือนายกรัฐมนตรีไม่รู้จักประชาชน ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ประชาชนนอนไม่หลับคือไม่มีความหวัง ท่านต้องเข้าใจว่าตอนนี้เงินเฟ้อทั้งปีจะสูงที่สุดในรอบ 24 ปี เงินบาทอ่อนที่สุดในรอบ 16 ปี หนี้สาธารณะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ปุ๋ยแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ราคาอาหารสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ในเวลาแบบนี้ประชาชนต้องการให้นายกเป็นผู้นำที่จะสร้างความหวังกลับมาให้ประเทศ ไม่ใช่ให้ สมช. คิดแผน แล้วก็ไปตั้งคณะกรรมการ เดี๋ยวก็ตั้งคณะอนุกรรมการ และอนุกรรมการก็ไปตั้งที่ปรึกษา ไม่ได้มีแก่นสาร ไม่ได้มีสาระอะไรที่จะทำให้ประเทศไทยออกจากวิกฤติได้เลย” พิธา กล่าว

พิธา กล่าวอีกว่า สำหรับ 3 แกนที่แท้จริงของประยุทธ์ คือ 3 ทำลาย ได้แก่ 1.ทำลายศักยภาพในประเทศ ผ่านการบริหารที่ผิดพลาดล้มเหลว ทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะมีแต่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีหนี้นโยบายและหนี้กองทุนน้ำมันที่ซุกไว้อีกด้วย 
2. ทำลายศักพยภาพของไทยในต่างประเทศ เพราะเป็นรัฐบาลที่ไม่ทันโลก ไม่เจนจัดสนามการเมืองโลก ขาดลูกล่อลูกชน และโดยหลักการคือควรวางตัวเป็นกลางเพื่อรักษาสมดุลระหว่างประเทศกลับไม่ทำ อย่างกรณีเครื่องบินรบเมียนมา MIG-29 รุกล้ำน่านฟ้าไทยเข้ามายิงคนในประเทศตัวเอง ก็เสี่ยงที่จะทำให้ไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยลากขึ้นศาลได้ ขณะที่การตั้งผู้แทนพิเศษด้านเมียนมา ก็ดันไปเอาบุคคลที่มีมลทินเคย มีความผิดเกี่ยวกับความเป็นล็อบบี้ยีสต์มาดำรงตำแหน่ง 
และ 3.ทำลายศักยภาพประชาชน ซึ่งก็คือการทำลายเสรีภาพของคนไทยทุกคน ละเมิดสิทธิประชาชนด้วยคดีความที่เป็นการทำลายนิติรัฐ ทำลายกติกาของการอยู่ร่วมกันของสังคมไทย เพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองของตัวเอง โดยเฉพาะที่สำคัญคือการแอบอ้างเรื่องสถาบัน ที่ทำให้มีคนจำนวนมากถูกดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
.
 

‘จิรายุ’ อัด ‘บิ๊กตู่’ ปมน้ำมัน-ไฟฟ้าแพง เหตุรัฐบาลบริหารห่วย ไม่เกี่ยวสงคราม

(22 ก.ค. 65) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน เป็นวันที่ 4 ภายใต้ยุทธการ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ ซึ่งเป็นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า วันนี้ตนจะมาฉายมหากาพย์การปล้นชาติกินเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากนายก ฯเพิกเฉยหมายความว่า นายกฯ ทุจริตไปด้วย แต่รัฐบาลพยายามบอกว่านายกฯ เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งนายกฯ รองนายกฯ ปลัดกระทรวง และอธิบดี สวาปามกินทั้งดิน ทั้งน้ำ ทั้งลม และทั้งไฟ โดยนายกฯ ปล่อยให้พวกพ้อง บุคคลแวดล้อมทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง

นายจิรายุ กล่าวว่า เริ่มจากกองทุนทรัพยากรน้ำบาดาล ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จัดทำน้ำขวดบาดาลแจกจ่ายประชาชน หลังจากตนได้อภิปรายเมื่อต้นปี 65 ได้ยกเลิกโครงการไปแล้ว 2 ครั้ง แต่กลับแอบเดินหน้าโครงการต่อ โดยให้กรมทรัพยากรน้ำ 12 เขต จัดซื้อจัดจ้างขวดน้ำ เฉพาะ จ.สุพรรรณบุรี ได้งบประมาณ 4.4 ล้านบาท จัดซื้อขวดน้ำจำนวน 4.8 ขวด ที่มีฉ้อฉลว่าราคาขวดน้ำเปล่าที่กรมทรัพยากรน้ำซื้อมีราคาที่ต่างจากราคาท้องตลาดทั่วไป พร้อมทั้งข้อสังเกตงบประมาณปี 2566 ของกรมทรัพยากรน้ำดาล 10 โครงการ 1,800 ล้านบาท เหตุใดรีบเสนอโครงการทั้งๆ ที่สภายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาวาระ 2-3

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องพลังงานที่มีราคาแพงไม่ได้เกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามยูเครนรัสเซีย แต่เป็นเพราะรัฐบาลห่วยแตกโหลยโท่ย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องโทษโน้นโทษนี่ ซึ่งมาตรการรอบใหม่ลดค่าครอบชีพช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลทั้ง 8 ข้อนั้น โดยเฉพาะขอความร่วมมือประหยัดพลังงาน วันนี้ตนขอหยิบวิธีประหยัดพลังงานที่นายกฯ บอกประชาชน คือ เตาเศรษฐีใช้แล้วดีมีแล้วรวย ที่มีสัญลักษณ์ เบอร์ 5 ที่สนับสนุนโดยกระทรวงพลังงาน กรณีที่จะขอลดค่ากลั่นและจะใช้เป็นตัวเลือกสุดท้ายนั้น ก็ยังหลอกประชาชน เพราะไม่ได้เจรจาจริง ทำให้น้ำมันแพงขึ้นทุกวันๆ และยังไม่ลดค่าการตลาดลงอยู่ที่ 1.40 สตางค์ แต่พบว่าค่าการตลาดอยู่ที่ 1.76-4.75 สตางค์ ขณะที่บริษัทไทยออยล์เพิ่มกำลังการผลิต จากเดิม 2.8 แสน บาร์เรลต่อวัน แล้วเพิ่มอีก 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน เพื่อการส่งออกแต่ไม่ได้ขายในประเทศเพราะได้กำไรดีกว่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top