Thursday, 10 July 2025
POLITICS NEWS

‘เพื่อไทย’ แซะ ‘บิ๊กตู่’ โวเศรษฐกิจขยายตัว ทั้งที่บวกลบแล้ว ยังติดลบอยู่ถึง -4.6%

‘เพื่อไทย’ ติง ‘ประยุทธ์’ อย่าพูดเกินจริง เศรษฐกิจขยายตัวยังไม่ถึงระดับที่ได้ตกลงมา ชี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบมา 3 ปีแล้ว ประชาชนลำบาก รายได้ลด ค่าใช้จ่ายเพิ่ม แนะ ฟื้นฟูเศรษฐกิจดีกว่าแจกเงิน คนอยากมีรายได้ที่มั่นคง 

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แย่งซีน สภาพัฒน์ฯ เร่งแถลงการขยายตัวในไตรมาสที่สองว่าจะขยายตัวได้ 3.3% ทั้งที่โดยมารยาทแล้วต้องให้สภาพัฒน์ฯ แถลงข่าวก่อนในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นเพราะพลเอกประยุทธ์ถูกโจมตีเรื่องความล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ จึงพยายามหาเรื่องเพื่อมากลบปมด้อย โดยที่อาจจะไม่ทราบเลยว่าการขยายตัวได้ 3.3% ไม่ได้แปลว่าดี ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ทรุดหนักติดลบไปถึง -6.2% และปี 2564 เศรษฐกิจไทยแทบไม่ฟื้นเลย โดยขยายได้แค่ 1.6% ซึ่งบวกลบกันแล้ว ยังคงติดลบอยู่ถึง -4.6% ดังนั้น การขยายตัว 3.3% ก็ยังฟื้นไม่ถึงระดับที่ได้ตกลงมา แถมไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 2.2% เท่านั้น ดังนั้น ครึ่งปีแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียงประมาณ 2.8% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ไม่เห็นน่าจะภูมิใจถึงกับต้องเร่งแย่งแถลงข่าวแต่อย่างไร ทั้งที่ตอนต้นปีพลเอกประยุทธ์ยังโม้เองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายได้ 4% ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้บอกแต่แรกแล้วว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะทำได้ไม่ถึงแน่ 

การที่ในปีนี้เศรษฐกิจไทยก็ยังขยายตัวได้ต่ำยังไม่ฟื้นกลับไปถึงระดับที่ได้ตกลงมา ทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขนาดนักวิชาการของทีดีอาร์ไอยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นช้าที่สุดประเทศหนึ่งของโลก  ส่งผลทำให้ทำไมประชาชนถึงรู้สึกลำบากกันอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจติดลบทำให้รายได้ของประชาชนลดลง คนหาเงินไม่พอค่าใช้จ่ายที่จะเลี้ยงตัวเองแลครอบครัว หาเงินไม่พอผ่อนบ้าน ไม่พอผ่อนรถ ต้องกู้เงินมาประคองชีวิต กู้มาจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูกหลาน ทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง อีกทั้งธุรกิจก็ย่ำแย่ หนี้สินรุงรังและพุ่งสูงขึ้นเพราะรายได้เข้ามาน้อยแต่รายจ่ายเพิ่ม แถมยังต้องมาเจอกับภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง ไข่แพง หมูแพง น้ำมันแพง ก๊าซหุงต้มแพง ไฟฟ้าแพง ปุ๋ยแพง ค่าขนส่งแพง ฯลฯ ซ้ำเติม ยิ่งทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่รู้จะหารายได้ที่ไหนมาประคองชีวิตให้เพียงพอ อีกทั้งหากดอกเบี้ยขึ้นอีก ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเดิมอยู่แล้วให้ยิ่งหนักขึ้น ซึ่งพลเอกประยุทธ์ไม่ได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เลย ปัญหาจะเพิ่มหนักขึ้น และ ประชาชนจะทนกันไม่ไหว

'ก้าวไกล' ยื่น ป.ป.ช. ไต่สวน 'ประยุทธ์และคณะ' ปมเตะถ่วงสอบทุจริตกองบินตำรวจ-ตั๋วช้างนักบินเถื่อน

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม และ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งคณะรัฐมนตรี และข้าราชการตำรวจระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในกรณีที่รังสิมันต์ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบที่เกิดขึ้นภายในกองบินตำรวจ

โดยคำร้องที่นำมายื่นมี 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.) เรื่องการทุจริตกรณีกองบินตำรวจสั่งจ้างบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซ่อมอากาศยาน ก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณปี 2563 จนต้องนำงบกลางไปชำระ หนี้เป็นจำนวนถึง 937 ล้านบาท และกรณีกองบินตำรวจทำสัญญาแลกเปลี่ยนอะไหล่อากาศยาน นำอะไหล่ที่ใช้งานได้ไปแลกโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายและตีราคาต่ำเกินจริง กระทำการโดย พล.ต.ต.กำพล กุศลสถาพร อดีตผู้บังคับการกองบินตำรวจ และพวก 

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้บังคับบัญชาสูงสุด ของข้าราชการตำรวจ แม้จะได้รับทราบถึงกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้ว แต่กลับปล่อยปละละเลยให้เกิดการ ประวิงเวลาในกระบวนการสืบสวนสอบสวนและพิจารณาวินิจฉัยลงโทษผู้กระทำความผิด ซึ่งสั่งการโดย พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติ ไม่เร่งรัดให้ สตช. ตรวจสอบภาระหนี้ ไม่กำกับดูแลข้าราชการตำรวจจนแจ้งปฏิเสธหนี้ต่อกรมบังคับคดีไม่ทันกำหนดเวลา ส่งผลให้ สตช. กลายเป็นลูกหนี้เด็ดขาดและต้องถูกศาลล้มละลายบังคับให้ชำระหนี้ ตลอดไปจนถึงร่วมกับคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้การก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณของ สตช. ชอบด้วย กฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลรับรองความชอบของการกระทำของ พล.ต.ต.กำพลและพวกด้วย

และ 2.) เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยปละละเลยให้ พล.ต.ต.กำพล อ้าง 'ตั๋วช้าง' หรือหนังสือจาก ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาใช้จัดทำแผนถวาย ความปลอดภัยขบวนเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ โดยมี พล.ต.ต.ณรงค์รัตน์ พิชัยณรงค์ รองผู้บัญชาการ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ เป็นผู้จัดทำแผนและผนวกประกอบแผน และ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วยผู้ บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ลงนามอนุมัติแผน มีเนื้อหาแต่งตั้ง พล.ต.ต.กาพล เป็นผู้อำนวยการรวมถึง นักบินเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งภายหลังจากที่โดยปราศจากอำนาจตามกฎหมาย ทั้งยังไม่ได้รับการตรวจสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจสำหรับความเป็นนักบินตามเกณฑ์ของ สตช. ซึ่งถือเป็นการนำสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง

การกระทำทั้งสองเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ คณะรัฐมนตรี และข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 อันมีโทษ ฐานเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต จำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้ อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ในกรณีการสั่งจ้างเกินงบประมาณและทำการสัญญา แลกอะไหล่ ความผิดตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ฐานข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพัน หรือโดยรู้อยู่แล้วยินยอมให้กระทำการดังกล่าวนั้นโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ. นี้ จะต้องรับผิดชดใช้เงินงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณได้จ่ายไปหรือต้องผูกพันจะต้องจ่าย ตลอดจนค่าสินไหมทดแทนใด ๆ ให้แก่หน่วยรับงบประมาณ การกระทำขัดต่อ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และ พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 ในกรณีออกตั๋วช้างและตั้งหน่วยงานนอกกฎหมาย

'เพื่อไทย' ติง 'ประยุทธ์' อย่าพูดเกินจริง เศรษฐกิจขยายตัวยังไม่ถึงระดับที่ได้ตกลงมา ชี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบมา 3 ปีแล้ว แนะ ฟื้นฟูเศรษฐกิจดีกว่าแจกเงิน คนอยากมีรายได้ที่มั่นคง

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แย่งซีน สภาพัฒน์ ฯ เร่งแถลงการขยายตัวในไตรมาสที่สองว่าจะขยายตัวได้ 3.3% ทั้งที่โดยมารยาทแล้วต้องให้สภาพัฒน์ฯ แถลงข่าวก่อนในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นเพราะพลเอกประยุทธ์ถูกโจมตีเรื่องความล้มเหลวด้านเศรษฐกิจจึงพยายามหาเรื่องเพื่อมากลบปมด้อย โดยที่อาจจะไม่ทราบเลยว่าการขยายตัวได้ 3.3% ไม่ได้แปลว่าดี ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ทรุดหนักติดลบไปถึง - 6.2% และปี 2564 เศรษฐกิจไทยแทบไม่ฟื้นเลย โดยขยายได้แค่ 1.6% ซึ่งบวกลบกันแล้ว ยังคงติดลบอยู่ถึง - 4.6% ดังนั้น การขยายตัว 3.3% ก็ยังฟื้นไม่ถึงระดับที่ได้ตกลงมา แถมไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 2.2% เท่านั้น ดังนั้น ครึ่งปีแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียงประมาณ 2.8% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ไม่เห็นน่าจะภูมิใจถึงกับต้องเร่งแย่งแถลงข่าวแต่อย่างไร ทั้งที่ตอนต้นปีพลเอกประยุทธ์ยังโม้เองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายได้ 4% ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้บอกแต่แรกแล้วว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะทำได้ไม่ถึงแน่ 

การที่ในปีนี้เศรษฐกิจไทยก็ยังขยายตัวได้ต่ำยังไม่ฟื้นกลับไปถึงระดับที่ได้ตกลงมา ทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขนาดนักวิชาการของทีดีอาร์ไอยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นช้าที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ส่งผลทำให้ทำไมประชาชนถึงรู้สึกลำบากกันอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจติดลบทำให้รายได้ของประชาชนลดลง คนหาเงินไม่พอค่าใช้จ่ายที่จะเลี้ยงตัวเองแลครอบครัว หาเงินไม่พอผ่อนบ้าน ไม่พอผ่อนรถ ต้องกู้เงินมาประคองชีวิต กู้มาจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูกหลาน ทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง อีกทั้งธุรกิจก็ย่ำแย่ หนี้สินรุงรังและพุ่งสูงขึ้นเพราะรายได้เข้ามาน้อยแต่รายจ่ายเพิ่ม แถมยังต้องมาเจอกับภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง ไข่แพง หมูแพง น้ำมันแพง ก๊าซหุงต้มแพง ไฟฟ้าแพง ปุ๋ยแพง ค่าขนส่งแพง ฯลฯ ซ้ำเติม ยิ่งทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่รู้จะหารายได้ที่ไหนมาประคองชีวิตให้เพียงพอ อีกทั้งหากดอกเบี้ยขึ้นอีก ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเดิมอยู่แล้วให้ยิ่งหนักขึ้น ซึ่งพลเอกประยุทธ์ไม่ได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เลย ปัญหาจะเพิ่มหนักขึ้น และ ประชาชนจะทนกันไม่ไหว

'พงศ์พล' แนะ!! ส.ส. อย่าเล่นเกมทำ 'สภาล่ม' ชี้!! ปชช. ผิดหวัง แถมรัฐเสียหายครั้งละ 4 ล้านกว่า

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ คณะทำงานด้านการเมือง พรรคกล้า กล่าวตั้งคำถามถึงกรณีสภาล่ม จนอาจทำให้การพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ไม่ทันกำหนดเวลา ว่า ตลอด 5 เดือน เราต่อสู้กับความไร้วินัยในการทำงานของ ส.ส. ที่ทำให้สภาล่มต่อเนื่อง ล่าสุด (3 ส.ค. 65) สภาล่มอีกครั้ง คราวนี้ บางพรรคออกมายอมรับตรง ๆ ว่า จงใจไม่กดบัตรเข้าแสดงตน ต้องการยื้อร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้พิจารณาไม่เสร็จภายใน 15 ส.ค. เพื่อกลับไปใช้กติกาหาร 100 ที่ตนได้เปรียบ 

นายพงศ์พล กล่าวว่า 3 ปีกว่า ๆ สภาล่ม 20 ครั้ง มูลค่าความเสียหายเฉียด 83.6 ล้านบาท แทคติคทำสภาล่มมีความเสียหายครั้งละ 4 ล้านกว่าบาท ล่าสุด ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. ทั้งสิ้น 12 มาตรา ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าถึงการคุ้มครองทางกฏหมายเร็วขึ้น, เพิ่มโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ดึงเรื่องล่าช้า, เพิ่มช่องทางติดต่อหน่วยงานทางดิจิตัลได้ตรง นี่คือกฎหมายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ต้องหยุดแค่มาตรา 8 เพราะองค์ประชุมในสภาไม่ครบ

‘ลุงตู่’ ปลื้มคนเมืองกาญจน์ต้อนรับอบอุ่น ลั่น จะกระตุ้นศก. สร้างรายได้ให้ปชช.อย่างเต็มที่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ภายหลังการลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัดกาญจนบุรี โดยระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ

อย่างที่เราทราบดีว่าในช่วงนี้เป็นฤดูฝน และเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้อาจมีน้ำหลาก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่า และดินถล่มในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งผมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตามแผนเผชิญเหตุที่รัฐบาลได้ให้การอนุมัติงบประมาณไปแล้ว โดยรัฐบาลได้เตรียม 13 มาตรการ ป้องกันและรับมือกับผลกระทบจากอุทกภัยในแต่ละพื้นที่ไว้ล่วงหน้าแล้ว ขอให้ทุกครัวเรือนได้ติดตามการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการและผู้นำในชุมชนอย่างใกล้ชิดนะครับ

อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง ฤดูฝนก็เป็นโอกาสสำหรับเกษตรกรเช่นกัน ผมจึงได้สั่งการให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค สนับสนุนภาคการผลิต ทั้งเกษตรกรรม-อุตสาหกรรม ตลอดจนการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งด้วย เช่น การวางแผนเพาะปลูกข้าวนาปี ทุกภาคของประเทศ 59.42 ล้านไร่ ทั้งในเขตชลประทาน 16.83 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 42.59 ล้านไร่ ที่จะต้องได้รับน้ำอย่างทั่วถึงและเพียงพอ 

นอกจากการใช้ประโยชน์จากน้ำฝนแล้ว รัฐบาลยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน จากน้ำบาดาล โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเงาฝน ที่ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน และขาดแคลนระบบชลประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และสนับสนุนการประกอบอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งในการนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรชาวไทยเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง” 15 โครงการใน 11 จังหวัด ไว้เป็น “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ตามพระราชปณิธาน "สืบสาน รักษา ต่อยอด" อย่างแท้จริง

และในวันนี้เอง (4 ส.ค. 65) ผมได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านทุ่งคูณ หมู่ที่ 19 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจาจ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 8 โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ใน จ.กาญจนบุรี โดยเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ตามแผน จะมีปริมาณน้ำบาดาลต้นทุน รวมทั้งสิ้น 7.37 ล้าน ลบ.ม./ปี มีผู้ที่ได้รับประโยชน์รวม 13,254 ครัวเรือน  ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ 3 โครงการ และได้มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำบาดาล เพื่อรับผิดชอบการบริหารจัดการระบบประปาบาดาล ในรูปแบบที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมร่วมกันต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุด 

'โรม' ผิดหวัง!! สภาไม่รับหลักการแก้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เตือน ส.ส. วันไหนอยู่ตรงข้ามรัฐ อาจถูกกม.นี้รังแก

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อแทนที่พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 กล่าวภายหลังร่างกฎหมายดังกล่าว ไม่ผ่านวาระ 1 ในการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ว่า...

รู้สึกผิดหวังและเสียดายที่ร่างกฎหมายที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชนฉบับนี้ไม่ผ่านสภา ทั้งๆ ที่สิ่งที่เราเห็นอยู่กันวันนี้ สถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รังแกคนเห็นต่างทางการเมืองเยอะมาก และยิ่งมาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็สามารถที่จะใช้ พ.ร.บ.ควบคุมโรคและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขจัดการได้ ดังนั้น จึงไม่ชอบธรรมอย่างยิ่งที่จะยังคงประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ ยิ่งการที่สภาไม่สามารถแก้กฎหมายนี้ได้ ก็ยิ่งชัดว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับปัจจุบันมีปัญหาอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันร่างกฎหมายนี้ต่อไป 

ทั้งนี้ อยากฝากไปถึงสมาชิกทุกท่านว่า วันนี้คุณอาจไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการถูกละเมิดด้วยกฎหมายพิเศษแบบนี้ เพราะคุณอาจจะอยู่ฝ่ายเดียวกันกับรัฐบาล แต่วันหนึ่ง ถ้าเกิดว่าต้องกลายไปเป็นฝั่งตรงกันข้าม ก็อาจจะตกเป็นส่วนหนึ่งของการใช้อำนาจที่ไร้ขอบเขตนี้ก็เป็นได้

'หนองคาย' คึกคัก!! 'ป้ายบิ๊กป้อม' โผล่ทั่วเมือง รับทีม 'พปชร.' ไฮปาร์คผลงานพรรค 6 สิงหา นี้

วันนี้ 4 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดหนองคาย พบป้ายไวนิลขนาดใหญ่ปรากฎภาพของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมระบุข้อความ “ไม่รู้ ไม่รู้ แต่ไม่แล้งแน่” โครงการพัฒนาน้ำบาดาล ไม่ร้อน ไม่แล้ง กักเก็บน้ำ ฟื้นชีวิต พัฒนา ต่อยอดเกษตรกรไทย ด้วยภาษีเกษตรกร พลิกชีวิตเกษตรกรทั่วไทย ให้มีน้ำใช้ตลอดปี งบประมาณจากภาษีประชาชน เพื่อประชาชน ติดอยู่ทั่วบริเวณจังหวัดหนองคาย

ขณะเดียวกันกันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 6 สิงหาคม 2565 พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายเอกภาพ พลซื่อ และนายศักดิ์ดา จันทรสุวรรณร่วมคณะไปด้วย เรียกว่างานนี้ “ลุงป้อม” ลุยเต็มพิกัด ไม่มียั้ง

ดร.สามารถ ไขปริศนาปมประมูล ‘สายสีส้ม’ ชี้ ผลปรับแก้ทีโออาร์ ช่วย 'ผู้เดินรถไฟฟ้าเกาหลี' โผล่ชิง

(4 ส.ค. 2565) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและท่าอากาศยาน โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไขปริศนา ! "ผู้เดินรถไฟฟ้าเกาหลี" แหวกม่านชิง “สายสีส้ม” เป็นปริศนาที่หลายคนค้างคาใจว่า เหตุใดผู้เดินรถไฟฟ้าเกาหลีจึงสามารถจับมือกับผู้รับเหมาไทยเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 ได้ ทั้ง ๆ ที่ในการประมูลครั้งที่ 1 ซึ่งถูก รฟม. ยกเลิกไป (ต่อมาศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยว่าเป็นการยกเลิกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย) ผู้เดินรถไฟฟ้าต่างชาติเข้าไม่ได้เลย หาคำตอบได้จากบทความนี้

ผู้เดินรถไฟฟ้าเป็นองค์ประกอบสำคัญของผู้ยื่นประมูล เนื่องจากจะต้องให้บริการการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มตลอดเส้นทางจากบางขุนนนท์-มีนบุรี เป็นระยะเวลาถึง 30 ปี การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จึงได้กำหนดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าไว้ดังนี้

1. การประมูลครั้งที่ 1 ผู้เดินรถไฟฟ้าจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ?
ในการประมูลครั้งที่ 1 รฟม. ให้ความสำคัญต่อผู้เดินรถไฟฟ้าไว้อย่างมาก โดยได้กำหนดคุณสมบัติไว้ดังนี้

1.1 ประสบการณ์ในการจัดหาหรือผลิตระบบรถไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง
(1) จะต้องมีประสบการณ์ในการจัดหาหรือผลิตระบบรถไฟฟ้าพร้อมติดตั้งที่แล้วเสร็จภายในช่วงระยะเวลา 25 ปี นับถึงวันยื่นข้อเสนอ โดยผลงานต้องมีลักษณะและความซับซ้อนเทียบเท่ากับโครงการนี้ มีมูลค่าสัญญาเดียวหรือรวมกันหลายสัญญาไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท

(2) ผลงานดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยประสบการณ์ทางด้านระบบรถไฟฟ้าครบทั้ง 6 ระบบ ได้แก่ ระบบขบวนรถไฟฟ้า (Heavy Rail) ระบบอาณัติสัญญาณและควบคุมการเดินรถไฟฟ้า ระบบไฟฟ้ากำลัง ระบบสื่อสาร ระบบเก็บค่าโดยสาร และอุปกรณ์ซ่อมบำรุงรักษาภายในและภายนอกศูนย์ซ่อมบำรุงรักษา

1.2 ประสบการณ์ในการให้บริการการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษาระบบรถไฟฟ้า

(1) จะต้องมีประสบการณ์ในการให้บริการการเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Heavy Rail) ภายในระยะเวลา 25 ปี นับถึงวันที่ยื่นข้อเสนอ และมีระยะเวลาดำเนินงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี นับถึงวันที่ยื่นข้อเสนอ อย่างน้อย 1 โครงการ ที่เป็นโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Heavy Rail) “ในประเทศไทย” โดยมีหนังสือรับรองจากเจ้าของโครงการเป็นลายลักษณ์อักษร

(2) ในกรณีที่เป็นกลุ่มนิติบุคคล ผู้นำกลุ่มจะต้องมีประสบการณ์ในการให้บริการการเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Heavy Rail) และซ่อมบำรุงรักษาระบบรถไฟฟ้าของตนเอง

2. การประมูลครั้งที่ 2 คุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าถูกปรับแก้เป็นอย่างไร ?
การประมูลครั้งที่ 2 รฟม. ได้ปรับแก้คุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้า โดยได้ตัดประสบการณ์ในการจัดหาหรือผลิตระบบรถไฟฟ้าพร้อมติดตั้งออกไป คงเหลือเฉพาะประสบการณ์ในการให้บริการการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษารถไฟฟ้าเท่านั้น ดังนี้

(1) ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีประสบการณ์ในการให้บริการการเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Heavy Rail) ภายในระยะเวลา 25 ปี นับถึงวันที่ยื่นข้อเสนอ และมีระยะเวลาดำเนินงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี นับถึงวันที่ยื่นข้อเสนอ อย่างน้อย 1 โครงการ ที่เป็นโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Heavy Rail)

(2) ผลงานดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยประสบการณ์ทางด้านระบบรถไฟฟ้าครบทั้ง 6 ระบบ ได้แก่ ระบบขบวนรถไฟฟ้า (Heavy Rail) ระบบอาณัติสัญญาณและควบคุมการเดินรถไฟฟ้า ระบบไฟฟ้ากำลัง ระบบสื่อสาร ระบบเก็บค่าโดยสาร และอุปกรณ์ซ่อมบำรุงรักษาภายในและภายนอกศูนย์ซ่อมบำรุงรักษา

(3) ในกรณีที่เป็นกลุ่มนิติบุคคล ผู้นำกลุ่มจะต้องมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการก่อสร้างงานโยธา หรือประสบการณ์ในการให้บริการการเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Heavy Rail) ของตนเอง

3. ข้อสังเกตในการปรับแก้คุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าในการประมูลครั้งที่ 2

การปรับแก้คุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าในการประมูลครั้งที่ 2 ผมมีข้อสังเกตที่น่าสนใจดังนี้

(1) รฟม. ตัดประสบการณ์ในการจัดหาหรือผลิตระบบรถไฟฟ้าพร้อมติดตั้งที่แล้วเสร็จ โดยมีมูลค่าสัญญาเดียวหรือรวมกันหลายสัญญาไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท ออกไป “จึงชวนให้น่าสงสัยว่า Incheon Transit Corporation (ITC) ผู้เดินรถไฟฟ้าจากเกาหลีที่ร่วมยื่นประมูลกับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ในการประมูลครั้งที่ 2 มีคุณสมบัติเหล่านี้หรือไม่ ? ถ้าไม่มี และ รฟม. ไม่ตัดประสบการณ์นี้ออก ITC ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้”

(2) รฟม. ตัดประสบการณ์การเดินรถไฟฟ้า “ในประเทศไทย” ออก ถ้าไม่ตัดออก ITC จากเกาหลีก็จะไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้

(3) กรณีที่เป็นกลุ่มนิติบุคคล รฟม. เพิ่มโอกาสให้ผู้รับเหมาเป็นผู้นำกลุ่มได้ด้วย ทำให้ ITD ซึ่งเป็นผู้รับเหมาสามารถเป็นผู้นำกลุ่มยื่นประมูลร่วมกับ ITC ได้ หาก รฟม. ไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาเป็นผู้นำกลุ่ม ผู้เดินรถไฟฟ้าก็จะต้องเป็นผู้นำกลุ่มเช่นเดียวกับการประมูลครั้งที่ 1 แต่ผู้เดินรถไฟฟ้าอย่างเช่น ITC จากเกาหลีคงคิดหนักที่จะรับเป็นผู้นำกลุ่ม เนื่องจากเขาจะต้องถือหุ้นในกลุ่มนิติบุคคลมากที่สุด และไม่น้อยกว่า 35%

ธณิกานต์’ รับ เลินเล่อ - ไม่กล้าดึงบัตรออก ยันไม่ได้ฝากเสียบบัตรแทนกัน เตรียมสู้ต่อชั้นอุทธรณ์

‘ธณิกานต์’ รับพลาดโดยประมาท ชี้ศาลให้สิทธิ์อุทธรณ์ คำพิพากษายังไม่ถึงที่สุด ยืนยันไม่เคยฝากบัตรและไม่ได้ทำผิดตามฟ้อง

วันที่ (3 สิงหาคม 2565) เวลา 9.30 น. น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขตบางซื่อ-ดุสิต เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเข้ารับฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. ๑๙/๒๕๖๔ โดยศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษา จำคุก 1 ปี แต่รอลงโทษ 2 ปี และปรับ 2 แสนบาท

น.ส.ธณิกานต์ รับว่า วันนั้นระบบเครื่องลงมติใช้งานจริงวันแรก มีปัญหาเครื่องขัดข้อง ด้วยความเป็น ส.ส.ใหม่ ไม่กล้าดึงบัตรออก เพราะยังถกเถียงเรื่องระบบมีปัญหา และตนรีบไปภารกิจงานเสวนาเทิดพระเกียรติวันแม่แห่งชาติ ยืนยันไม่มีเจตนา ไม่เคยใช้ให้ใครกดบัตรแทน ก็ต้องเคารพการตัดสินของศาล เคสมาเกิดขึ้นที่เรา คำตัดสินอาจจะเป็นบรรทัดฐานให้เคสของพรรคอื่นที่กำลังตามมา แม้รายละเอียดจะต่างกรรมต่างวาระกันอย่างสิ้นเชิง ก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ ที่ประมาทเลินเล่อ ขั้นต่อไปก็ต้องต่อสู้ตามสิทธิและขอความเมตตาในชั้นอุทธรณ์

‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่เมืองกาญจน์ฯ ติดตามแก้น้ำแล้ง หลังรัฐบาลอนุมัติงบ 136 ล้าน ช่วยปชช.มีน้ำใช้

‘บิ๊กตู่’ ควง ‘บิ๊กป๊อก’ พร้อมคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่เมืองกาญจน์ ฯ ตรวจราชการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ - แผนฟื้นการท่องเที่ยวหลังโควิดคลายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 4 ส.ค.ที่สนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกเดินทางไปยังจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอห้วยกระเจา ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจราชการที่จังหวัดกาญจนบุรี  โดยจุดแรกนายกรัฐมนตรี ติดตามแก้ไขปัญหาการขนาดแคลนน้ำ เพื่อการอุปโภคและการเกษตร ณ โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านทุ่งคูน หมู่ที่ 19 ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ทั้งหมด 136.264 ล้านบาท เพื่อจะก่อสร้างระบบกระจายน้ำ โดยวางท่อเมนเหล็กเพื่อส่งต่อน้ำบาดาลไปยังพื้นที่ ระยะทาง 11.835 กิโลเมตร ให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ผลปรากฎสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ 4,911 คน 1,816 ครัวเรือน มีพื้นที่รับประโยชน์ 7,264 ไร่ และคาดว่าจะช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 120,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี 

จากนั้นนายกฯ และคณะเดินทางไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน พร้อมกับไปตรวจติดตามความคืบหน้าการจัดระเบียบเรือนแพและปรับปรุงภูมิทัศน์ ท่าเทียบเรือขุนแผน บริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำแคว ณ Sky Walk ริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ที่ได้มีการปรับภูมิทัศน์เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top