Saturday, 12 July 2025
POLITICS NEWS

ก้าวไกล ติง ‘ทัพฟ้า’ ควรฟังเสียงประชาชน อย่าดึงดันซื้อบินรบ F-35A ในภาวะวิกฤติ

อดีตทหารอากาศ ‘พรรคก้าวไกล’ จวกกองทัพบก ของบซื้อเครื่องบินรบ ในขณะที่ประชาชนเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ

ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตลาดพร้าว วังทองหลาง พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงผลกระทบกรณีการเลื่อนโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน หลังจาก กมธ. ตัดงบประมาณจัดซื้อ ‘F-35 A’ ว่า ปัจจุบันกองทัพอากาศมีเครื่องบินขับไล่โจมตี 5 ฝูงบิน โดยได้ปรับปรุงขีดความสามารถของอากาศยานที่มีอยู่ เพื่อให้ดำรงขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจเอาไว้

ธนเดช ระบุว่า ตนในฐานะอดีตทหารอากาศ ตระหนักและเข้าใจดีถึงความสำคัญของการจัดเตรียมกำลังให้มีขีดความสามารถและศักย์กำลังรบพร้อมรับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ การจัดซื้ออาวุธหรือฝูงบินรบที่ทันสมัยอย่าง F-35A  ที่กำลังเป็นข่าวก็เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ควรอยู่บนยุทธศาสตร์ที่มีการวางแผนอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุดและสามารถตอบคำถามประชาชนได้ ไม่ใช่จัดซื้อเพราะได้ลดราคา

ที่สำคัญคือตอนจะซื้อก็ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ กรณี F-35A นี้ ถ้าจำกันได้ ในเดือนมกราคมก็ผ่านเข้าครม. ทั้งที่ประชาชนกำลังอยู่ในช่วงข้าวยากมากแพง แถมยังโดนผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ ทำให้ราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ปุ๋ย อาหารสัตว์แพงไปหมด ส่งผลให้ค่าครองชีพต่าง ๆ ก็แพงไปด้วย มีหลายครอบครัวครับที่ถึงกับต้องให้ลูกหลานออกจากโรงเรียนกลางคัน และมีการประเมินกันว่า ตัวเลขในปีนี้อาจมีเด็กที่เสี่ยงหลุดออกจากการศึกษาถึงล้านคน แทนที่ท่านจะเอาเงิน 7,400 ล้านบาทก้อนแรกที่ท่านจะใช้ ไปทำในสิ่งที่จำเป็นเฉพาะหน้าเพื่อช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือเด็ก ๆ กองทัพควรตระหนักได้ว่าทรัพยากรมนุษย์นี่ล่ะ คือ ความมั่นคงในอนาคตของจริง แต่ท่านกลับเอาแต่งอแงเหมือนเห็นของเล่นใหม่ 

ครม. เคาะ 1.4 หมื่นล้าน จ่ายค่าตอบแทน-ค่าเสี่ยงภัย ให้บุคลากรทางการแพทย์ - สาธารณสุข

ครม. อนุมัติงบ 14,510 ล้านบาท จ่ายค่าตอบแทน-ค่าเสี่ยงภัย ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 6 โครงการ 

เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบกรอบวงเงิน 14,510.3059 ล้านบาท สำหรับชำระค่าตอบแทน ค่าเสี่ยงภัย แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จากภารกิจที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการปรับกรอบวงเงินของโครงการให้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจนถึงเดือน มิ.ย. 2565 และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้อง จำแนกค่าใช้จ่ายตามประเภทบุคลากรทางการแพทย์ ระยะเวลาที่ค้างจ่ายเป็นรายเดือน ตลอดจนปรับแผนการดำเนินงาน แผนเบิกจ่ายให้สอดคล้องกับกิจกรรมภายใต้โครงการในกลุ่มดังกล่าว

‘เพื่อไทย’ เตือนตู่ หยุดประเคน ‘กองทัพ’ ถลุงซื้ออาวุธ ชี้!! งบความมั่นคง 2 แสนลบ. ดูเกินความจำเป็น

‘พรรคเพื่อไทย’ เตือน ‘บิ๊กตู่’ หยุดประเคนงบฯ ความมั่นคง 2 แสนล้านบาทแก่กองทัพ หลังพบหลายส่วนงบประมาณเกินความจำเป็น ชี้ เวลานี้ชาวบ้านยังลำบาก ควรนำงบมาจัดสรรเพื่อดูแลประชาชนก่อน

นายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กล่าวว่า “ขอเตือนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เงินงบประมาณแผ่นดินเป็นเงินของประชาชน มีไว้เพื่อดูแลประชาชนไม่ได้มีไว้เพื่อซื้ออาวุธประเคนกองทัพ การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งเครื่องบินรบ เรือดำน้ำและรถหุ้มเกราะของกองทัพ มันไม่มีความจำเป็นในช่วงที่ประเทศและประชาชนกำลังยากลำบากจากวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตโรคระบาด ควรนำงบฯ ไปแก้วิกฤตและปัญหาให้ประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า” 

นพพล กล่าวอีกว่า ในการจัดสรรงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมนั้น พบความพยายามจัดสรรเกินความจำเป็น ไม่ตรงกับวิกฤตปัญหา ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศ

คนไทยอาจทะเลาะกันเองได้ แต่การต่างประเทศไม่ควรจะถูกเอามาเป็นเครื่องมือในการทะเลาะกัน เพราะต้องเลือกสิ่งเดียว คือ การรักษาผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแก่ประเทศไทยเป็นหลัก

คนไทยอาจทะเลาะกันเองได้ แต่การต่างประเทศไม่ควรจะถูกเอามาเป็นเครื่องมือในการทะเลาะกัน เพราะต้องเลือกสิ่งเดียว คือ การรักษาผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแก่ประเทศไทยเป็นหลัก

นางพรพิมล กาญจนลักษณ์ 
ที่ปรึกษารมว.ต่างประเทศ และผู้แทนพิเศษของรมว.ต่างประเทศด้านเมียนมา

ไม่นานมานี้ นางพรพิมล กาญจนลักษณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้านเมียนมา ได้ตอบข้อสงสัยหลายประเด็นเกี่ยวกะบบทบาทของไทยกับเมียนมาที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวในเมียนมา รวมถึงการนำเรื่องเมียนมา มาโยงกับการเมืองไทย ดังนี้...

>> การประหารชีวิตที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมียนมา 

พรพิมล "เรามีความกังวลมากมาก การที่เขาเลือกจะประหารมันบอกอะไรหลายอย่าง ซึ่งประเทศไทยไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้น การตัดเมียนมาออกไปการปฏิสัมพันธ์กับนานาชาติโดยสิ้นเชิง ทำให้การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ในมือของเขาทั้งหมด ไม่ว่าอาเซียนหรือใครก็จะไม่มีอิทธิพลต่อความคิดหรือการกระทำของเขาทั้งนั้น และการที่เรามีปฏิสัมพันธ์ (engage) กับเขา ไม่ได้หมายความว่าเราให้การรับรองความถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย (legitimacy) แต่เราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเขา เพราะไม่มีการเจรจาสงบศึกใด ๆ ที่จะทำได้โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับทุกภาคส่วน (stakeholders) ที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กน้อย’ เปิดใจนำทัพพรรครวมแผ่นดิน ยัน!! ไม่ใช่พรรคอะไหล่-แตกแบงก์พัน

(1 ส.ค. 65) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์เปิดใจก่อนเข้าร่วมประชุมวิสามัญพรรคพลังชาติไทย ครั้งที่1/2565 ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรครวมแผ่นดิน ว่า…

“เหตุผลจริง ๆ แล้ว ตนทำการเมืองได้มาระยะหนึ่ง และไปเจอกับสิ่งที่เราได้เห็น และยังมีสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ซึ่งคิดว่า หากปล่อยทิ้งไปก็จะไม่ดี อีกทั้งยังมีคนที่เราพาเข้ามาในการเมือง และตอนนี้เขาไม่มีที่พึ่ง ตนจึงต้องกลับมา หาบ้านให้เขาอยู่ให้เรียบร้อยนี่คือเหตุผล ส่วนคนที่จะมาร่วมงานด้วยนั้น ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรคเดิมที่ตามมาด้วย ซึ่งก็มีหลายคนที่เขาอยากเล่นการเมือง จึงมาอยู่ร่วมกันในพรรคนี้ และต้องการหาพรรคการเมืองใหม่ที่ให้ตนเป็นผู้นำ จึงขอกลับมาอีกครั้ง เพราะเราไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”

เมื่อถามว่า จะมีกลุ่ม ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยและกลุ่มพรรคเล็ก โดยเฉพาะกลุ่ม 16 เข้ามาร่วมงานด้วยหรือไม่ พลเอกวิชญ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยคุยกับใครทั้งสิ้น แต่ในส่วนของพรรคพลังชาติไทย มี ส.ส.คนเดียว คือ นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ก็ได้คุยกันอยู่แค่นั้น ยังไม่เคยคุยกับคนอื่น พร้อมยืนยันว่าไม่มีการดีล กับพรรคเล็กตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่วนที่สื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปลง ก็ไม่ทราบว่ามาจากใคร แต่ยืนยันว่า ไม่เคยคุยกับใครแน่นอน 

เมื่อถามว่าพรรครวมแผ่นดินจะเป็นพรรคอะไหล่ พรรคแตกแบงค์พันหรือไม่ พลเอกวิชญ์ กล่าวว่า “ไม่จริง เพราะตนมาทำทุกอย่างก็เพื่อสมาชิกพรรคเดิม ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน และสุดท้ายเขาไม่มีที่ไป และเมื่อไม่มีที่ไปก็ต้องหาบ้านให้เขาอยู่ และไหน ๆ มาแล้วก็จะต้องทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชนต่อ”

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก่อนมาตั้งพรรคหรือไม่ พลเอกวิชญ์ กล่าวว่า “พลเอกประวิตร ไม่เกี่ยว ที่ตนทำตรงนี้ ทำเพื่อสมาชิกพรรคเก่า ที่เขาเดินตามตนมา เมื่อถึงเวลาจะทิ้งเขาไม่ได้ มันดูไม่ดีจึงต้องกลับมาดูแลเขาต่อ

“ส่วนเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พลเอกวิชญ์ ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา ต้องทำในส่วนของเรา ให้ดีที่สุด ส่วนสูตรจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสภา จะพิจารณา เราไม่มีสิทธิ์ไปก้าวล่วง”

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นโจทย์ยาก เพราะพรรคยังไม่มีบิ๊กเนม พลเอกวิชญ์ กล่าวว่า “การเมืองเป็นเรื่องยากมาก สำหรับคนใหม่อย่างเรา แต่ตอนนี้ก็เริ่มชินแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำงานให้ประชาชน เราควรต้องทำให้มากที่สุด และช่วงเวลานี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนหลายเรื่อง ดังนั้น หากเราไม่ช่วยกัน ก็อยู่ที่ประชาชนว่าจะเห็นชอบกับเราหรือไม่”

‘วิษณุ’ เผย ‘บิ๊กตู่’ ไม่เคยถาม ปมบัตรเลือกตั้ง ย้ำชัด ไม่ควรกลับไปใช้บัตรใบเดียว เหตุต้องแก้รธน.อีกรอบ

‘วิษณุ’ เผย ‘บิ๊กตู่’ ไม่เคยถาม ปมบัตรเลือกตั้ง ชี้ หวนใช้บัตรใบเดียวไม่ควรเกิด แจง แก้กฎหมายลูกต้องให้ทัน 15 ส.ค. นี้ ลั่น หากไม่ทัน ถือเป็นความบกพร่องสภาฯ ต้องขุดร่างกกต.มาใช้ทุกมาตรา 

เมื่อเวลา 10.35 น.วันที่ 1ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อถกเถียงเรื่องของการใช้บัตรเลือกตั้งหนึ่งใบ กับสองใบ ในอนาคตจะสามารถกลับไปใช้หนึ่งใบ ได้หรือไม่ ว่า ไม่เคยได้ยิน แต่เห็นจากข่าวและไม่รู้ว่าจะกลับไปใช้บัตรใบเดียวได้อย่างไร เพราะเดิมมีการใช้บัตรใบเดียว ต่อมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ ดังนั้นหากจะกลับไปใช้บัตรใบเดียวอีก ก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง และไม่รู้ว่าจะทำอย่างนั้นทำไม 

ผู้สื่อข่าวถามว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เคยพูดถึงเรื่องนี้หรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เคยพูดถึง ไม่เคยมีการถามทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ และไม่เคยมีใครมาคุยกับตนเรื่องนี้เช่นกัน 

เมื่อถามว่าแสดงว่าแนวทางที่จะกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวไม่ควรเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า  ใช่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้หาร 500 หรือ 100 นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เห็นเถียงกันนานหลายเดือนแล้ว ว่าจะใช้สูตรหารด้วย 500 หรือ 100 

เมื่อถามว่าหากดึงเวลาให้ผ่านวันที่ 15 ส.ค.นี้ จะต้องกลับไปใช้ร่างของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อถึงวันที่ 15 ส.ค. แล้วการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส ยังไม่เสร็จ ก็จะถือว่าทำเสร็จไม่ทันตามกรอบเวลา 180 วัน ต้องกลับไปใช้ร่างเดิมที่กกต.เสนอมาทุกมาตรา 

‘อนุทิน’ ลั่น ‘กัญชา’ จะไม่ถอยสู่ยาเสพติด เหตุเริ่มลงทุนไปแล้ว ทั้งด้านการแพทย์-ศก.

ถอยไม่ได้แล้ว 'อนุทิน' เผยให้ 'กัญชา' กลับไปเป็นยาเสพติดไม่ได้แล้ว หลังกลุ่มคณะแพทย์ รพ. รามาฯ ขอชะลอจัดกิจกรรมกัญชา หวั่นเด็ก-เยาวชนเข้าถึง เหตุเริ่มมีการลงทุน ใช้ได้ผลดีกับผู้ป่วยมะเร็ง ฟื้นเศรษฐกิจ

วันที่ (27 ก.ค. 65) สืบเนื่องจากกรณีที่คณะแพทย์ และศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี 851 คน ออกมาแสดงจุดยืน ขอให้ชะลอการจัดกิจกรรมกัญชา เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย

โดยวานนี้ (26 ก.ค. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุความคืบหน้า ร่างกฎหมาย พรบ. กัญชง-กัญชา พ.ศ. ….ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของชั้นกรรมาธิการ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นเดือน ส.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะช่วยผลักดันให้สำเร็จในรัฐบาลชุดนี้

ส่วนเรื่องความคิดเห็นต่าง ๆ ตนเองรับฟังและขอบคุณทุกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องที่ต้องแก้ไข จะนำกลับไปพิจารณาในชั้นคณะกรรมมาธิการฯ ส่วนของการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับกัญชายังต้องเดินหน้า เพราะประเทศต้องเดินต่อไป และยืนยันว่า เด็กเข้าถึงกัญชาไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย คนที่ทำผิดกฎหมายต้องพิจารณาตัวเอง

'เพื่อไทย' เตือน 'กัญชาเสรี' ทำเยาวชนแห่ลอง จี้ 'ประยุทธ์ - อนุทิน' ควรยกเลิกไปก่อน

'เพื่อไทย' จวก นโยบายกัญชาเสรี สร้างภัยมหันต์ให้กับการศึกษาไทย เอาเด็กและเยาวชนเป็นตัวประกันต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง ธุรกิจขายกัญชาผุดเป็นดอกเห็ด ห่วง เด็ก เยาวชนแห่ลอง เข้าถึงง่ายกว่าบุหรี่ จี้ 'ประยุทธ์ - อนุทิน' ยกเลิกไปก่อน คงไว้ใช้เพื่อการแพทย์ หวั่นอนาคตของชาติพังทลาย

(27 ก.ค. 65) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้วหลังกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศยาเสพติดให้โทษประเภท 5 หรือ กัญชา-กัญชง เสรี ได้สร้างภัยมหันต์ให้กับระบบการศึกษาไทยที่อยู่ในภาวะร่อแร่อยู่แล้วให้ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากมากขึ้น นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2565 ได้เกิดสภาวะกัญชาระบาดในเด็ก มีเด็กป่วยจากการใช้กัญชาทั้งที่โดยตั้งใจและไม่ตั้งใจจำนวนมาก อายุน้อยสุดเพียง 4 ขวบครึ่ง มีนักเรียน จ.ลำปาง ลักลอบเสพและขายกัญชาในโรงเรียน เกิดอาการเมามายหวิดทะเลาะวิวาทกับครู และยังได้สร้างปัญหาทางสังคม สร้างความเห็นแก่ตัวให้กับผู้ประกอบการบางกลุ่มที่แอบผสมกัญชาในอาหารและเครื่องดื่มโดยไม่ละอายใจ โดยหวังผลให้ผู้บริโภคเสพติด

"ทั้งหมดล้วนเกิดจากความคิดน้อย ไม่รอบคอบ ครอบคลุมของรัฐบาล ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา คิดเพียงแค่ปล่อยผ่านให้พรรคร่วมรัฐบาลเจ้าของนโยบายนี้ได้ทำนโยบายที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนตามที่พูดไว้ เพียงเพื่อให้ยังคงเสียงสนับสนุนในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นจริงเท่ากับว่ารัฐบาลนี้กำลังเอาเด็กและเยาวชนเป็นตัวประกันต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง ทั้งที่ต้องตระหนักให้ได้ว่า กัญชาเสรีที่ไร้กฎหมายควบคุม กำลังจะกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อเด็กและเยาวชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ในระยะยาว"

‘จิราพร’ ห่วง ครม. ดันไทยเข้า CPTPP ทั้งที่ไม่มีความพร้อม ไร้ข้อสรุปกับทุกฝ่าย

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรุ่งนี้ (27 ก.ค. 65) คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เตรียมชงให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้ไทยเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ว่า นับแต่วันที่ กนศ. ซึ่งได้รับมอบหมายจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นสัญญากับภาคประชาสังคมว่า จะทำการศึกษาที่ชัดเจนครอบคลุมถึงมาตรการรองรับผลกระทบอย่างรอบครอบ และหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันก่อนตัดสินใจ จนวันนี้ผ่านมาเกือบ 1 ปี ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เป็นรูปธรรม แต่กลับมีกระแสข่าวว่าเตรียมจะให้ไทยเข้าร่วม CPTPP ทั้งที่ยังขาดความพร้อมในหลายเรื่อง


 
นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า หากจะอ้างว่า เตรียมดันให้ไทยเข้าร่วมความตกลง CPTPP เพื่อขยายการค้าการลงทุน อาจเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะข้อเท็จจริงคือ ไทยมีความตกลงเสรีทางการค้า (FTA) กับสมาชิก CPTPP แล้วเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงเม็กซิโก ส่วนแคนาดา ขณะนี้กำลังจัดทำ FTA อาเซียน-แคนาดา 

ดังนั้น ด้วยเหตุผลนี้การเข้าร่วมความตกลง CPTPP จึงไม่เกิดประโยชน์ต่อการขยายการค้าการลงทุนของไทยอย่างมีนัยะสำคัญแต่อย่างใด ซึ่งมีข้อสังเกตว่า หากไทยต้องการขยายการค้าการลงทุนกับประเทศใหม่ๆจริง ควรเร่งการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้ไทยได้ตลาดเพิ่มอีก 27 ประเทศ และ FTA กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ซึ่งจะทำให้ไทยได้ตลาดใหม่เพิ่มขึ้นมา 5 ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยมีแผนจะทำ FTA ด้วยแต่กลับล่าช้าเป็นอย่างมาก

'ทักษิณ' เปิดใจอยากเป็นอมตะ สั่งเสียครอบครัว 'ตายแล้วไม่ต้องเผา'

(26 ก.ค. 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเนื่องในวันคล้ายวันเกิด 73 ปี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิด ส.ส. สมาชิกพรรคเพื่อไทย จะร่วมอวยพรวันเกิดนายทักษิณ ผ่านช่องทางต่างๆแล้ว โดยในปีนี้บรรดาลูกชาย ลูกสาว ทั้งนายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา น.ส.แพทองธาร รวมทั้งลูกเขย ลูกสะใภ้ หลาน ๆ ในครอบครัว ต่างร่วมเดินทางบินไปร่วมฉลองวันเกิด ซึ่งบรรดาลูกๆร่วมกันจัดทำคลิปวิดีโอ “Long distance call” ความยาวประมาณ 14.40 น. ให้กับนายทักษิณ ด้วย โดยในคลิปเป็นลักษณะการถาม ชวนคุยให้นายทักษิณ เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต และบอกเล่าถึงอนาคตวันข้างหน้า

ในช่วงต้น ผู้จัดทำคลิปถามว่า วันที่หลาน น้อง ๆ โตขึ้นอีก 10-20 ปี ได้เห็นคลิป ได้อ่านประวัติศาสตร์อันนี้ จะอธิบายอย่างไร และวันนั้นอาจจะไม่ได้อยู่เล่าให้ฟัง แต่เมื่อได้บันทึกไว้แล้วอยากจะบอกอะไร นายทักษิณกล่าวว่า หลานผม ตอนเอมิ นานิ (ลูกแฝด น.ส.พินทองทา) 2 ขวบครึ่ง ไปเจอผมที่ลอนดอน วันที่เขากลับบ้าน

ถามว่า ทำไมคุณตาไม่กลับไปกับพวกเรา แม่เขาก็อธิบายเรื่องราวเป็นอย่างไร แล้วเขาก็ถามว่า ใครแกล้งคุณตา 2 ขวบครึ่ง พวกหลานผม attract พ่อแม่กับตายายแล้วก็จะรู้เรื่อง เด็กสมัยนี้ฉลาด จำได้หมด ผมถือว่า Happiness at home ความสุขอยู่ที่บ้าน เมื่อกลับบ้านไปแล้ว ทำให้กระชุ่มกระชวยมีกำลังใจในการต่อสู้ ในชีวิต ความโง่ มาก่อนความฉลาด

เมื่อถูกถามว่า รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่สุด เรื่องอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า ผมอาจจะโง่เรื่องคน ประสบการณ์เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่าย ๆ อยู่บ้านนอกโตบ้านนอก พอมาอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตมันก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯ น้อยไป สังคมของ Elite น้อยไป เราเลยไม่ได้อยู่ในสังคม Elite แม้ฐานะเราอยู่ใน Elite แต่แทนที่จะไปคบสังคม Elite กลับไปเข้าการเมือง เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง

ซึ่งอันนี้ต้อง blame(ตำหนิ) ตัวเองว่า เหมือนกับเรายังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า เราไม่เข้าใจ เราถูกปล่อยเข้าไป บางทีเขาบอกว่า say yes อาจจะมี no ซึ่งเราไม่เข้าใจ เราแค่ yes คือ yes และ no คือ no พอเราเป็นเจอ yes but mean no เราตายแล้ว เพราะเราคิดว่าคนทุกคนคงเหมือนเรา เพราะชีวิตเราง่ายมาก แต่ชีวิตของคน elite ยิ่งเป็นนาน ๆ ยิ่ง complicate เร้นลับซับซ้อน อันนี้คือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ แต่ไม่คิดจะเรียนรู้แล้ว แก่แล้ว เอาความรู้ที่เป็นวิชาการ สอนหนังสือไป อบรมลูกหลาน ไม่ได้ถึงกับ เฮิร์ต แต่เสียดายตัวเอง น่าจะเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองได้มากกว่านี้

“ผมไม่เคยกลัวตาย ถูกลอบสังหารมา 4 รอบ ผมเฉย ๆ ผมถือว่า ถ้าคนเรา มันจะตายมันก็ตาย มันยังไม่ตายก็คือยังไม่ตาย”

เมื่อถูกถามว่า ทั้ง 4 ครั้ง ให้อภัยหมดหรือไม่ นายทักษิณบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะผมก็ไม่ค่อยเชื่อ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า ก็ไม่รู้เป็นกรรมเป็นเวรอะไร ผมก็รู้ ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ ภายในครอบครัวเรารู้หมด เพราะไม่อยากให้เขาไปเจอคนไม่คิดดีกับเรา เมื่อเจอแล้วจะได้ระวังตัว แค่นั้นเอง

นายทักษิณบอกอีกว่า ในภาพอนาคต 20-30 ปี ตัวเองอาจไม่ได้อยู่ทันเห็น แต่ระหว่างที่เราอยู่ ไม่รู้ พระเจ้าจะเอาเราไปเมื่อไหร่ แต่ระหว่างที่อยู่ ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคนที่เรารักและที่เขารักเรา คนที่ไม่รักเรา ทำให้เขารักเรามันยาก คนที่รักเราอยู่แล้วก็อย่าให้เขาผิดหวัง คนที่อยู่ตรงกลาง รักบ้าง ไม่ได้รัก ไม่ได้เกลียดอะไร ก็ให้เขาเข้าใจ ทุกวันนี้ไม่ได้มีอะไรเลย เป็นบุคคลอยู่เมืองนอก กลับประเทศก็ไม่ได้ แต่ยังมีคนที่รัก เวลาเรารักลูกก็อยากให้เขาไม่ต้องลำบากเหมือนเรา ตอนที่สร้างตัวเองมา เน้นเรื่องงาน เพราะว่าทุกอย่างบีบคั้น โดยเฉพาะการเงิน

แต่ผมก็เป็นคนที่ขอกำลังใจจากการอยู่กับครอบครัวตลอดเหมือนกัน ตั้งแต่ลำบาก ผมเวลาเครียดเก็บไว้กับตัวเอง เมื่อคิดจนตกผลึกแล้วก็มาคุยกับคุณหญิง บางทีคิด คุณหญิงยังดุเลยว่า ทำไมเธอไม่พูดออกมา ก็พยายามคิด เอาเงินตรงไหนอย่างไร พอพูดออกมาปุ๊บ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top