'เพื่อไทย' จี้ กกต. สอบ 'พลังประชารัฐ' ปมรับเงินบริจาคนักธุรกิจสีเทา

(28 ต.ค. 65) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง วิกฤตปัญหายาเสพติดที่กำลังทวีความรุนแรงจนกระทบความปลอดภัยในชีวิตพี่น้องประชาชน ข่าว พ่อฆ่าลูก แม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อแม่ คนเมายาคลุ้มคลั่งไล่ทำร้ายผู้คน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ตระหนักในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างแท้จริง 

และยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเมื่อเกิดกรณี เจ้าของผับดังย่านยานนาวา นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาวเจ๋อ ตู้ ถูกตำรวจบุกทลายปาร์ตี้ยาเสพติด เมื่อตรวจสอบพบว่า มีชื่อบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐจำนวน 3 ล้านบาทเมื่อปี 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ออกมายอมรับว่าได้รับเงินบริจาคจริง และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กกต.กำหนด พรรคพลังประชารัฐไม่มีความเชื่อมโยงใด ๆ กับผู้บริจาคและไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า การปฎิเสธความเชื่อมโยงเงินบริจาค 3 ล้านบาท ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ดูเป็นคำตอบที่ปฏิเสธความรับผิดชอบใช่หรือไม่ ในฐานะพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นพรรคการเมืองที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการบริหารประเทศ การตรวจสอบที่มาของเงินรายได้จากการบริจาค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด กลุ่มธุรกิจสีเทา เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการใช้อำนาจรัฐในการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริจาค จนประชาชนเกิดคำถามหรือข้อสงสัยได้ ขอตั้งข้อสังเกตว่าพรรคพลังประชารัฐปล่อยให้บุคคลที่ทำธุรกิจสีเทามาบริจาคเงินสนับสนุนพรรคได้อย่างไร

“เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องตรวจสอบเรื่อง 2 สัญชาติในการบริจาคมีผลต่อการรับเงินบริจาคของพรรคการเมืองหรือไม่เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับสังคมและควรมีการกำหนดระเบียบ ออกข้อบังคับให้สามารถตรวจสอบการบริจาคเงินของพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดการฟอกขาวของเครือข่ายธุรกิจสีเทาในอนาคต พลเอกประยุทธ์ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าจะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ และในระยะเวลาที่เหลืออยู่ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะดูแลคุ้มครองอนาคตลูกหลานและพี่น้องประชาชนอย่างไรให้ปลอดภัยจากยาเสพติด ช่วยทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้คุ้มค่ากับกับภาษีของประชาชน เร่งปราบปรามยาเสพติด บ่อนการพนัน ช่วยเดินหน้าอย่างจริงจังเพราะประชาชนอยากเห็นผลงาน” นส.ลิธณิภรณ์ กล่าว


ที่มา: https://www.thaipost.net/politics-news/251474/