Tuesday, 2 July 2024
ตรวจสอบ

'เพื่อไทย' จี้ กกต. สอบ 'พลังประชารัฐ' ปมรับเงินบริจาคนักธุรกิจสีเทา

(28 ต.ค. 65) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง วิกฤตปัญหายาเสพติดที่กำลังทวีความรุนแรงจนกระทบความปลอดภัยในชีวิตพี่น้องประชาชน ข่าว พ่อฆ่าลูก แม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อแม่ คนเมายาคลุ้มคลั่งไล่ทำร้ายผู้คน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ตระหนักในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างแท้จริง 

และยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเมื่อเกิดกรณี เจ้าของผับดังย่านยานนาวา นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาวเจ๋อ ตู้ ถูกตำรวจบุกทลายปาร์ตี้ยาเสพติด เมื่อตรวจสอบพบว่า มีชื่อบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐจำนวน 3 ล้านบาทเมื่อปี 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ออกมายอมรับว่าได้รับเงินบริจาคจริง และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กกต.กำหนด พรรคพลังประชารัฐไม่มีความเชื่อมโยงใด ๆ กับผู้บริจาคและไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า การปฎิเสธความเชื่อมโยงเงินบริจาค 3 ล้านบาท ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ดูเป็นคำตอบที่ปฏิเสธความรับผิดชอบใช่หรือไม่ ในฐานะพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นพรรคการเมืองที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการบริหารประเทศ การตรวจสอบที่มาของเงินรายได้จากการบริจาค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด กลุ่มธุรกิจสีเทา เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการใช้อำนาจรัฐในการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริจาค จนประชาชนเกิดคำถามหรือข้อสงสัยได้ ขอตั้งข้อสังเกตว่าพรรคพลังประชารัฐปล่อยให้บุคคลที่ทำธุรกิจสีเทามาบริจาคเงินสนับสนุนพรรคได้อย่างไร

‘เพื่อไทย’ สยบข่าวผสมพันธุ์ พปชร. ตั้งรัฐบาล ยันหากปชช.ไว้ใจ ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้

‘สมคิด’ ปัดเพื่อไทยจับมือ พปชร. ดัน ‘บิ๊กป้อม’ แจงแค่กระแสข่าว ฟุ้งแลนด์สไลด์ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไม่ต้องง้อใคร

(28 ต.ค. 65) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์กระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ หลังการเลือกตั้งแล้วสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนนรี ว่า มันเป็นแค่กระแสข่าว พรรคเพื่อไทยไม่คิดจับมือใครทั้งนั้น พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับประชาชน ทำงานมากขึ้น เสนอแนวนโยบายที่ทำงานให้ประชาชน เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของประชาชน ผลการเลือกตั้ง หากประชาชนไว้วางใจเราเป็นจำนวนมาก สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องจับมือใคร ขอให้รอฟังคำตอบจากประชาชนว่าจะมอบอำนาจให้เราบริหารประเทศหรือไม่เท่านั้น

กรม ทช. ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบชุมชนหน้าองค์การสะพานปลา (เกาะสิเหร่) ตำบลรัษฎา จังหวัดภูเก็ต

วันที่ 9 ธันวาคม​ 2565 เวลา 08.30 น. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) ได้มอบหมายให้กองป้องกันและปราบปราม ชุดปฏิบัติการพิเศษที่ 10 สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 ร่วมกับศูนย์​อำนวยการรักษาผลประโยชน์​ของชาติทางทะเล​จังหวัด​ภูเก็ต​ ( ศรชล.จังหวัด​ภูเก็ต)​ เจ้าหน้าที่​จากเทศบาลตำบลรัษฎา​ ผู้ใหญ่​บ้าน​ และผู้นำชุมชน​ ลงพื้นที่​ชุมชน​หน้าองค์การ​สะพาน​ปลา(เกาะสิเหร่)​ตำบลรัษฎา​ อำเภอเมือง​ จังหวัดภูเก็ต​ เพื่อตรวจ​สอบการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน​ คทช​.ชุมชน​หน้าองค์การ​สะพาน​ปลา(เกาะสิเหร่)​

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จังหวัด​ภูเก็ต​ ได้ดำเนินการปักหลักเขตชั่วคราว และแสดงแนวเขตพื้นที่เป้าหมาย​โครงการ​ คทช​. ของชุมชน​หน้าองค์การ​สะพาน​ปลา (เกาะสิเหร่)​แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุก​รุกเพิ่มเติม​ จากการตรวจสอบพบมีสิ่งปลูกสร้าง​ มีลักษณะ​เป็นบ้านพักอาศัยจำนวน​ 1 หลัง​ ที่อยู่​นอกขอบเขตพื้นที่ กำหนดเป็นเป้าหมาย​โครงการ​ คทช.​​ แต่อยู่​ในหลักเกณฑ์​ที่จะนำมาดำเนินโครงการ​ คทช.ได้​ ซึ่งอาจเป็นพื้นที่ตกสำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จังหวัด​ภูเก็ต​ จะกำหนดให้เป็นพื้นที่เป้าหมาย​ คทช.​​เพิ่ม​เติมเพื่อเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความเห็นชอบต่อไป​ แต่สำหรับ​สิ่งปลูกสร้าง​ที่อยู่​นอกเขตโครงการ​ คทช.​ และไม่เข้าหลัก​เกณฑ์​ เจ้าหน้าที่​ได้ดำเนินการเจ​รจาให้ดำเนินการ​รื้อถอน​ ภายใน 15 วัน 

ผบ.ตร.สั่ง จเรตำรวจแห่งชาติ เร่งตรวจสอบคดีเครือข่าย 'ทุนมินลัต' หากพบช่วยเหลือใคร ดำเนินการเด็ดขาด ชี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร อยู่ระหว่างพิจารณา ยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู สั่ง ผบช.น.ตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (11 มี.ค.66 ) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า “จากกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเครือข่าย 'ทุนมินลัต' จนปรากฎเป็นข่าวที่เกิดขึ้นนั้น 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้รับทราบข้อมูลแล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติลงตรวจสอบข้อเท็จจริง การทำสำนวนคดี ความล่าช้า ความบกพร่อง ว่ามีหรือไม่อย่างไร หากพบให้ดำเนินการตามหน้าที่อย่างเด็ดขาด ทั้งอาญา วินัย และปกครอง และในส่วนที่มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีดังกล่าวหลุดมา ได้สั่งการให้ ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ และรายละเอียดที่ปรากฎในเอกสาร เป็นข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ 

เนื่องจากเนื้อหาในการกล่าวอ้าง เป็นการเปิดเผยขั้นตอนกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดี ที่ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น และที่ผ่านมาไม่เคยได้รับรายงานจาก ผบช.น. ว่ามีเหตุการณ์เช่นที่บรรยายในหนังสือดังกล่าวเกิดขึ้น 

ส่วนประเด็นการดำเนินคดีกับ เครือข่าย 'ทุนมินลัต' คดีนี้ เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น. หลังสืบสวนพบว่าบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง น่าจะมีส่วนกับการทำผิด ได้ยื่นขอหมายจับและศาลเพิกถอนหมายจับ ต่อมาจึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เมื่อวันที่  4 ต.ค. 2565 และ บช.ปส. เห็นว่าเป็นเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงได้เสนออัยการสูงสุดรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 65 ต่อมาอัยการสูงสุดเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ได้มอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแทน อัยการสูงสุด โดยมอบหมายให้พนักงานอัยการเข้าร่วมสอบสวนด้วยเมื่อวันที่ 21 พ.ย.65 

ต่อมาหลังจากมีประเด็นคดี 'ทุนมินลัต' เมื่อครั้งก่อน ผบ.ตร.ได้เรียก ผบช.ปส. และ ผบก.ปส.3 มากำชับให้ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบ ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้ทำการสอบสวนอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ ไม่ละเว้นหรือช่วยเหลือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมทั้งให้สนับสนุนการทำงานของพนักงานสอบสวนในด้านต่างๆที่จำเป็นอย่างเต็มที่ อย่าให้เกิดเป็นอุปสรรคในการทำงานได้ และวันนี้ได้สั่งการ ผบก.ปส.3 รายงานความคืบหน้าในทางคดี ในส่วนที่ไม่เสียต่อรูปคดี มาเป็นระยะ เพื่อที่จะไม่ให้สังคมคลางแคลงใจในความโปร่งใสของการทำงานของพนักงานสอบสวน ซึ่งผบ.ตร.ได้ยืนยันว่าไม่มีใครมาสั่งการ กดดัน หรือเข้าแทรกแซงการทำสำนวนในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด และได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานที่ปรากฎตามข้อเท็จจริงทุกประการ

จะเห็นได้ว่า ในคดีนี้ พงส.บช.ปส.3 หลังจากที่รับคำกล่าวโทษประมาณ 1 เดือนกว่า ก็ได้เร่งรวบรวมหลักฐาน ทำสำนวนมาตลอด จนพบว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด โดยไม่ได้มีการประวิงสำนวนเพื่อช่วยเหลือใครแต่อย่างไร และ มีการส่งรายงานเพิ่มเติมตามคำร้องขอของอัยการสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการพิจารณาทางคดีร่วมกันของอัยการ และตำรวจที่ทำคดี ที่ทำงานในรูปแบบคณะทำงาน ตำรวจไม่ได้ทำคดีฝ่ายเดียว โดยได้มีการหารือร่วมกันกับพนักงานอัยการมาโดยตลอด 

‘เสี่ยหนู’ ชี้ ถือเป็นเรื่องดีหลัง ‘ทนายตั้ม’ ตรวจสอบ ‘ชูวิทย์’ ขออย่าข่มขู่-บ่ายเบี่ยง ต้องมีน้ำใจนักกีฬา ยอมให้ตรวจสอบ

(24 มี.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ‘ทนายตั้ม’ ออกมาแฉว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รับเงินสีเทาภายใต้หัวข้อแฉไปไถมา ว่า ส่วนตัวยังไม่ได้ติดตาม พอดีมีภารกิจส่วนตัวลาราชการมา 2 วัน ได้แต่อ่านข่าวเห็นว่ามีการเปิดเผยกันบางอย่าง ซึ่งก็ดีเป็นสังคมแห่งการเปิดเผย ใครที่ชอบเปิดเผยอะไรของแต่ละคนไว้ เมื่อถูกเปิดเผยบ้างก็ขอให้มีน้ำใจนักกีฬาเพียงพอที่จะให้ตรวจสอบ อย่าไปข่มขู่ อย่าไปขออะไรใคร อย่าไปบิดเบือน ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่พี่น้องประชาชนจะได้เห็นว่าที่จริงแล้วเป็นเช่นไร

‘วัชระ’ จี้ ‘พีระพันธุ์’ สอบปม ‘ทักษิณ’ จำคุกจริงหรือไม่? กร้าว!! ให้เวลา 7 วัน หากเรื่องไม่คืบเตรียมร้อง ป.ป.ช.

(4 ม.ค. 67) นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือต่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ผ่าน นายสมพาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน 10 ประเด็น กรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า

เรื่อง ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียวจริงหรือไม่ มีอาการป่วยเป็นเท็จหรือไม่ และอยู่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลาหรือไม่ และขอสำเนาเอกสารตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540

เรียน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี

อ้างถึง คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 381/2566 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2566

สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำคุก นช. ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 3 คดี คือ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี , คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 10/2552 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2 นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี, คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 5/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก 5 ปี จำนวน 1 ชุด

2. ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 1 กันยายน 2566 จำนวน 1 ชุด

3. สำเนาข่าวผู้จัดการออนไลน์ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2566 สื่อนอกตีข่าว 'ทักษิณ' ป่วยทันทีหลังกลับไทย ถูกส่งตัวจากเรือนจำเข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ จำนวน 1 ชุด 

4. หนังสือนายวัชระ เพชรทอง ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เรื่องขอให้ระงับยับยั้งการที่จะส่งตัว นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษไปคุมขังนอกเรือนจำและขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษข้าราชการกรมราชทัณฑ์ เรียน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จำนวน 1 ชุด 

5. หนังสือนายวัชระ เพชรทอง ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2566 เรื่องขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียว และขอให้บังคับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งโทษอาญาและแพ่งให้ นช.ทักษิณชำระเงินให้แก่รัฐคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงค์) จำนวนเงิน 189,125,644.55 บาท พร้อมดอกเบี้ย กราบเรียนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จำนวน 1 ชุด 

6. หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร 0105.5/47874 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ถึงนายวัชระ เพชรทอง จำนวน 1 ชุด ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่อ้างถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ในฐานะปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบกระทรวงยุติธรรม (ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ) นั้น 

ข้าพเจ้านายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกรณีเคลือบแคลงสงสัยว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 3 คดี รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี (สิ่งที่ส่งมาด้วย 1) และประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 1 กันยายน 2566 มีการประกาศให้โทษจำคุกเหลือ 1 ปี (สิ่งที่ส่งมาด้วย 2) และข่าว นช. ทักษิณฯ ถูกส่งตัวจากเรือนจำเข้าโรงพยาบาลคืนวันที่ 23 สิงหาคม 2566 (สิ่งที่ส่งมาด้วย 3) แต่ไม่ได้มีการจำคุกจริงตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 (ไม่เท่าเทียมนักโทษทั่วไป) 

ต่อมาข้าพเจ้ามีหนังสือร้องเรียนกรณีดังกล่าวถึง พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (สิ่งที่ส่งมาด้วย 4) และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (สิ่งที่ส่งมาด้วย 5) เนื่องจากมีการเอื้อประโยชน์เพื่อช่วยเหลือ นช.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบิดาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนของบุคคลในรัฐบาลนี้

ในการนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือถึงข้าพเจ้าว่าได้ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมซึ่งมีหน้าที่และอำนาจเพื่อพิจารณา (สิ่งที่ส่งมาด้วย 6) ซึ่งหมายถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังละเว้นไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามที่ข้าพเจ้าได้ร้องเรียนตามหนังสือลงวันที่ 26 ธันวาคม 2566 (สิ่งที่ส่งมาด้วย 5) 

บัดนี้ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบกระทรวงยุติธรรม โปรดดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียวจริงหรือไม่ ดังนี้

1. ปรากฏข้อเท็จจริงว่าวันที่ 22 สิงหาคม 2566 กรมราชทัณฑ์มีการดำเนินการตามขั้นตอนเมื่อรับ นช.ทักษิณ ชินวัตร เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หรือไม่ มีการกรอกทะเบียนประวัตินักโทษ (ร.ท.101) ครบทุกข้อจำนวน 4 หน้าหรือไม่ ถ่ายรูปในชุดนักโทษและตัดผมทรงนักโทษหรือไม่ เข้าห้องขังหรือไม่ มีข้าราชการการเมืองสั่งการให้ข้าราชการกรมราชทัณฑ์กระทำการขัดต่อระเบียบ กฎ กฎหมายของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ และขอให้ท่านมีข้อสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ส่งคลิปกล้องวงจรปิดของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 

ในวันที่ 22-23 สิงหาคม 2566 ในจุดที่ นช.ทักษิณ เดินเข้าและออกจากเรือนจำแก่คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร และให้เปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย 

2. กรณีแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ส่งตัว นช.ทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจมีอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่ ออกใบรับรองเท็จหรือไม่ และขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแพทย์และพยาบาลทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้กันข้าราชการที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานด้วย

3. นช.ทักษิณ ชินวัตร อยู่พักรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลาหรือไม่ ป่วยจริงหรือไม่ มีแพทย์และพยาบาลดำเนินการรักษาจริงทุกวันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2566 จนถึงปัจจุบันหรือไม่ มีเวชระเบียนการรักษาทุกวันหรือไม่ ขอให้เปิดเผยรายชื่อเจ้าพนักงานเรือนจำที่ควบคุม นช.ทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจทุกนาย และขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าพนักงานเรือนจำที่ควบคุม นช.ทักษิณ ทุกนายและผู้ตรวจเวรที่ไปเฝ้า นช.ทักษิณทุกวันว่าได้พบ นช.ทักษิณหรือไม่ มีการบันทึกภาพหรือไม่ และมีอาการเจ็บป่วยหรือไม่ โดยขอให้กันข้าราชการที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานด้วย

4. การออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2566 นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เร่งรัดบังคับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการออกระเบียบให้ทันบังคับใช้ในปี 2566 หรือไม่ ขอให้ท่านมีข้อสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ส่งสำเนาการประชุมการร่างออกระเบียบดังกล่าวทุกครั้งแก่คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร และส่งสำเนาให้ข้าพเจ้าด้วยจำนวน 1 ชุด

5. ขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนกรณีกล้องวงจรปิดโรงพยาบาลตำรวจเสียทุกตัวทุกชั้นและขอให้ประสานงานสั่งการให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจภายใน 7 วันเพราะ นช.ทักษิณ ชินวัตร มีสภาพเป็นนักโทษเด็ดขาดอยู่ภายใต้กฎหมายของกรมราชทัณฑ์

6. ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2566 มีอำนาจเหนือคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน 3 คดี (สิ่งที่ส่งมาด้วย 1) หรือไม่ และมีอำนาจเหนือราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 1 กันยายน 2566 (สิ่งที่ส่งมาด้วย 2) หรือไม่ การเร่งรัดออกระเบียบฯ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นช.ทักษิณเป็นการละเมิดพระราชอำนาจตามพระบรมราชโองการที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 1 กันยายน 2566 หรือไม่ ท่านจะดำเนินการอย่างไร

7. ขอให้บังคับโทษทางแพ่ง นช.ทักษิณ ชินวัตร ชำระเงินให้แก่รัฐคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงค์) จำนวนเงิน 189,125,644.55 บาท พร้อมดอกเบี้ย คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 4/2551 มีการบังคับคดีแล้วหรือยัง เมื่อไร ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ถ้ายังไม่ดำเนินการท่านจะสั่งการตามอำนาจหน้าที่อย่างไร

8. นช.ทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ข้อ 7 (3) ที่ต้องรายงานต่อรัฐมนตรีทราบนั้นขอให้เปิดเผยรายงานต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศภายใน 7 วัน

9. ขอให้ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ภายใน 7 วัน เพื่อตรวจสอบว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร ป่วยจริงหรือไม่ และอยู่โรงพยาบาลตลอดเวลาหรือไม่

10. มีข่าวว่าจะมีการทำบัญชีโยกย้ายข้าราชกรมราชทัณฑ์ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่ายการเมืองในกรณีนี้หลายตำแหน่ง ท่านจะให้ความยุติธรรมเบื้องต้นแก่ข้าราชการอย่างไร การกระทำของข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำตามข้อ 1 - ข้อ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างกรรมต่างวาระ ผิดประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรงจึงขอให้ท่านตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายใน 7 วันเพื่อผดุงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและนิติธรรม

ดังนั้นจึงขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทุกประเด็นในเรื่องนี้ เพื่อมาตรฐานความยุติธรรมที่เท่าเทียมกับนักโทษ 280,000 รายทั่วประเทศ รวมทั้งขอให้บังคับโทษทางอาญา นช.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเคร่งครัด หากท่านไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามที่พี่น้องประชาชนร้องเรียนข้าพเจ้ามานี้ภายใน 7 วัน ข้าพเจ้าจำเป็นต้องยื่นร้องเรียนกล่าวโทษบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมาเพื่อให้ ป.ป.ช.สอบสวนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกมาตราและสอบจริยธรรมร้ายแรงต่อไป และข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าท่านรักษาและปฏิบัติตามกฎหมาย ด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม และจริยธรรมทรงการเมืองอย่างเคร่งครัด จึงได้ส่งหนังสือร้องเรียนมายังท่าน

อนึ่งขอให้กันข้าราชการกรมราชทัณฑ์ แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจที่ให้การตามความจริงและเป็นประโยชน์แก่ทางราชการทุกคนไว้เป็นพยานทุกราย และเอกสารทุกข้อ ข้าพเจ้ามีความประสงค์ที่จะขอตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ขอให้จัดส่งแก่ข้าพเจ้าภายใน 30 วัน พร้อมลงลายมือชื่อรับรองเอกสารทุกแผ่น

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายโดยเร่งด่วน หากผลเป็นประการใดโปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าและพี่น้องประชาชนทราบโดยเร็วที่สุดด้วย จักขอบคุณ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top