Wednesday, 2 July 2025
POLITICS NEWS

'ก้าวหน้า-ก้าวไกล' เสียดายอนาคตประเทศ หลังสภาคว่ำร่าง 'ปลดล็อกท้องถิ่น'

‘ก้าวหน้า-ก้าวไกล’ แถลงเสียดายอนาคตประเทศ หลังสภาคว่ำร่างปลดล็อกท้องถิ่น ‘ธนาธร’ ยัน ไม่ได้เสนอยกเลิกกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ด้าน ‘พิธา’ รับไม้ต่อ ชูนโยบายกระจายอำนาจปราศรัยทั่วประเทศ ชี้ ส.ส. มีหน้าที่ผ่านกฎหมายก้าวหน้า ไม่ใช่ดึงงบลงบ้านใหญ่

(7 ธ.ค. 65) ที่รัฐสภา คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวภายหลังรัฐสภามีมติไม่รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ‘ปลดล็อกท้องถิ่น’ จากการเข้าชื่อของประชาชน ด้วยคะแนนรับหลักการ 254 คน ไม่รับหลักการ 245 คน และ งดออกเสียง 129 คน นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล และวีระศักดิ์ เครือเทพ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หนึ่งในผู้ชี้แจงร่างปลดล็อกท้องถิ่น

ธนาธร กล่าวว่า เราอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองมานาน แต่ร่างฉบับนี้เป็นร่างที่ตั้งใจปฏิรูป เพื่อทำให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชน ทันต่อสถานการณ์โลก แบ่งเบาภาระราชการส่วนกลาง ให้ท้องถิ่นดูแลบริการสาธารณะทุกอย่างในพื้นที่และมีงบประมาณเพียงพอ ขณะที่ส่วนกลาง ดูแลมาตรฐานการบริการสาธารณะให้ทุกพื้นที่มีคุณภาพเหมือนกันและพาประเทศไทยไปเวทีโลก

ธนาธร กล่าวต่อว่า บางฝ่ายให้ความเห็นว่าแนวคิดของพวกเราสุดโต่งเกินไป แต่การปล่อยให้ปัญหาของประชาชนอยู่มานานโดยไม่ได้รับการแก้ไขอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คนที่กักขังประเทศไว้แบบนี้ต่างหากที่สุดโต่ง นอกจากนี้ ร่างฉบับนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน แต่ให้จัดทำแผนยกเลิกส่วนภูมิภาค และทำประชามติถามประชาชนว่าจะยกเลิกหรือไม่ภายใน 5 ปี มาถกเถียงกันว่าเมื่อกระจายอำนาจและงบประมาณไปให้ท้องถิ่นเต็มที่แล้ว ราชการส่วนภูมิภาคควรมีบทบาทอย่างไร และสุดท้ายคือเรื่องการทุจริต ตนคิดว่าทุกรายงานยืนยันตรงกัน ว่าส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีมูลค่าการทุจริตมากกว่าท้องถิ่น

“ขอยืนยันความตั้งใจของเรา ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่เป็นการทำให้การบริการของภาครัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลายข้อกล่าวหาที่เราได้รับจึงไม่ได้ตั้งอยู่บนความจริง แต่ตั้งอยู่บนอคติที่ผิด เสียดายเวลาและโอกาสของประเทศ ทั้งที่หากเราเห็นไม่ตรงกัน รัฐสภาควรรับหลักการในวาระ 1 เพื่อไปถกเถียงแลกเปลี่ยนในวาระ 2 ต่อ เพราะเรายืนยันชัดเจนว่าพร้อมประนีประนอม แต่แม้วันนี้ทำไม่สำเร็จ คณะก้าวหน้าจะเดินหน้ารณรงค์เรื่องการกระจายอำนาจต่อไป และเชื่อว่าเพื่อนร่วมงานของเราในพรรคก้าวไกล จะสานต่อภารกิจนี้” ธนาธรกล่าว

ขณะที่ พิธา กล่าวว่า การกระจายอำนาจอย่างแท้จริงเป็นหนทางเดียวของประเทศไทย เป็นนโยบายที่จะปราศรัยทุกเขต เช่นนโยบายยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ล้วงลูกการทำงานของท้องถิ่น หรือการเพิ่มงบของท้องถิ่นทั่วประเทศ 200,000 ล้านบาท ภายใน 4 ปี โดยที่ผ่านมาเห็นว่าเป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี จากการลงพื้นที่ ตนได้เห็นท้องถิ่นที่มีศักยภาพ แต่หากไม่มีการแก้ไขกฎหมายให้กระจายอำนาจมากขึ้น ประเทศไทยก็จะกระจุกตัวต่อไป

เพื่อไทย โต้ ‘สุชาติ’ อัดวิจารณ์ค่าแรง 600 บาทต่อวัน ลั่น!! ไม่กระทบงบแผ่นดิน เหน็บ พปชร. ขึ้น 400 ยังทำไม่ได้

ส.ส.โจ้ โต้กลับ ‘รมว.แรงงาน’ ติงนโยบายค่าแรง 600 บาทพรรคเพื่อไทย ลั่นไม่กระทบงบแผ่นดินฟุ้งถ้าประชาชนเห็นว่าดีจริงต้องเลือกให้ ‘แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน’ เหน็บ ‘ประยุทธ์’ บริหารเศรษฐกิจเหลว เก่งแต่กู้ขนาดขึ้นค่าแรง 400 บาทยังทำไม่ได้

วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่บอกว่า พรรคเพื่อไทย หากจะหาเสียงอะไร ก็แล้วแต่ ควรคำนึงถึงหายนะทางเศรษฐกิจด้วย อย่าหาเสียงเพราะนึกสนุกแบบนี้ (กรณีเพื่อไทยประกาศนโยบายค่าแรง 600 บาท/วัน) เพราะสิ่งที่พูดออกมามันเหมือนการโยนระเบิดเวลาให้เจ้าของกิจการ การหาเสียงแบบนี้เป็นการโยนภาระให้ภาคเอกชน แต่ตัวเองได้คะแนนเสียงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้จะกระทบต่อนักลงทุนต่างประเทศ เพราะจะไม่กล้าเข้ามาลงทุน หากจะหาเสียงอะไรก็แล้วแต่ ควรคำนึงถึงหายนะทางเศรษฐกิจด้วย

นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า นายสุชาติ รมว.แรงงาน ที่ออกมาโวยวาย เรื่องค่าแรงงาน 600 บาท/วัน ภายใน 4 ปี เพราะนายสุชาติ อาจจะไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์ และระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ การที่คุณแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พูดเรื่อง ค่าแรงงาน 600 บาท/วัน ภายใน 4 ปี คือ การที่พรรคเพื่อไทยได้ มาเป็นรัฐบาล และ พรรคเพื่อไทย บริหารเศรษฐกิจ เป็นแบบมืออาชีพ เศรษฐกิจประเทศไทยจะโตเฉลี่ย อย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อปี พอเศรษฐกิจดี นักธุรกิจมีเงินเยอะ มีรายได้เยอะ ก็มีเงินจ่ายค่าแรงงานสูงขึ้น ไม่ได้กระทบอะไร กับภาระงบประมาณแผ่นดินเลย

อิ๊งค์' นำทัพ 'เพื่อไทย' บุกภาคใต้ 'เต้น' โว!! ปักธงแลนด์สไลด์

'เพื่อไทย' ยกคณะปราศรัยภาคใต้ 11 ธ.ค. พา 'อิ๊งค์' ทัวร์สิชล ดูประมงท่องเที่ยว ลั่นขอยกระดับราคา ยางพารา ปาล์ม 'ณัฐวุฒิ' โวปักธงแลนด์สไลด์

(7 ธ.ค. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ครอบครัวเพื่อไทยนำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยและรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง, นายสุธรรม แสงประทุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง และตนเองจะเปิดเวทีปราศรัย ครอบครัวเพื่อไทย ที่ภาคใต้ครั้งแรก ในชื่องานว่า ‘แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง!’ ที่หอประชุมเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า หอประชุมทุ่งท่าลาด

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าในกิจกรรมดังกล่าว จะมีการปราศรัยในเรื่องของนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้คือนโยบายแนวทางการยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร การรักษาเสถียรภาพราคา เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้พี่น้องเกษตรกร ทั้งราคาปาล์มน้ำมัน ยางพารา ซึ่งเมื่อวานนี้ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ปราศรัยประกาศวิสัยทัศน์ ประเทศไทย 2570 ไปแล้ว ก็จะถือเป็นโอกาสได้ไปขยายความรายละเอียดในแต่ละนโยบาย สื่อสารประเด็นให้ชัดเจน เป็นที่เข้าใจให้ตรงกันมากยิ่งขึ้น นอกจากเพียงแค่การพูดคุยเรื่องเป้าหมายการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมีเรื่องการกระจายอำนาจ การแก้ไขปัญหาการประมงในพื้นที่ และการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ชายฝั่งอ่าวไทยก็เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หนึ่ง จึงเป็นนโยบายที่สำคัญที่พรรคเพื่อไทย จะได้ถือโอกาสพูดคุยกับพี่น้องในพื้นที่ได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ จะเป็นโอกาสได้แนะนำผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคเพื่อไทยในกลุ่มภาคใต้ ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้พร้อมด้วยทีมคณะผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ทุกจังหวัดอีกด้วย

'ก้าวไกล' ชู แคมเปญ 'ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น' ยัน!! ไม่นำไปสู่การยกเลิก 'กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน'

(7 ธ.ค. 65) แถลงการณ์พรรคก้าวไกล ต่อกรณีที่มีการพยายามโจมตีว่าการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การยกเลิกกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ยืนยันไม่เป็นความจริงที่ผ่านมา คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์และนำเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับประชาชนที่เข้าชื่อจำนวน 80,772 คน ภายใต้ชื่อแคมเปญ 'ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น'

หัวใจสำคัญของข้อเสนอคือการกระจายอำนาจให้กับประชาชน ให้ทุกจังหวัดทุกพื้นที่มีอำนาจและทรัพยากรเพียงพอในการกำหนดอนาคตของตนเองและยกระดับการพัฒนาของพื้นที่ ผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

ในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ตัวแทนของประชาชนผู้เสนอร่าง ได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างฯ โดยสมาชิกรัฐสภาจากหลายฝ่ายได้แสดงความเห็นในเชิงสนับสนันกับหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ในฐานะกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับบริการสาธารณะ และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่ แม้อาจมีข้อถกเถียงที่แตกต่างกันในเชิงรายละเอียด

ทางเราได้พยายามชี้แจงและตอบทุกข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภาและประชาชนทั่วไป แต่เราเข้าใจเป็นอย่างดีว่าบางท่านอาจยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อสถานะและบทบาทของข้าราชการส่วนภูมิภาค และ เจ้าหน้าที่รัฐส่วนท้องที่ (เช่น กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน) หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา โดยเฉพาะความกังวลที่ถูกสะท้อนในแถลงการณ์ของ ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แห่งประเทศไทย ฉบับที่ 2/2565 (6 ธันวาคม 2565) ทางเราจึงขอชี้แจงเพื่อความชัดเจนดังกล่าว...

1. ส่วนภูมิภาค และ ส่วนท้องที่ มีลักษณะที่แตกต่างกัน - ส่วนภูมิภาคประกอบไปด้วยจังหวัดและอำเภอ (อ้างอิง พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน พุทธศักราช 2534 มาตรา 51) ซึ่งข้าราชการมาจากการแต่งตั้ง ในขณะที่ส่วนท้องถิ่นประกอบไปด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มาจากการเลือก และถูกคาดหวังให้ประสานงานระหว่างราชการส่วนภูมิภาคกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อ้างอิง พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้มีข้อเสนอใด ๆ เกี่ยวกับราชการส่วนท้องที่ ดังนั้น จึงไม่นำไปสู่การยกเลิกกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านแต่อย่างใด

‘สุทิน’ เย้ย ‘มิ่งขวัญ’ หากขายได้คงไม่ย้ายพรรค ชี้!! คนเก่งแต่อยู่ผิดที่ ก็หมดค่า หมดราคา

(7 ธ.ค. 65) เวลา 9.30 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดตัว นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ว่า ตนคิดว่าคนคนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาคนกลุ่มความคิดเดิม ๆ ได้ และคนที่เข้าไปอาจจะเสียด้วย วัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องใหญ่ คนเก่งขนาดไหนหากไปอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ใช่ ก็จะลดทอนความสามารถของคนลง หากวัฒนธรรมองค์กรดี ๆ ถึงคนจะไม่เก่งเข้าไปอยู่ก็จะส่งเสริมทำให้คนเก่งขึ้น

เมื่อถามว่า นายมิ่งขวัญยังสามารถขายได้ในสนามเลือกตั้งหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า นายมิ่งขวัญตั้งพรรคเองมา 2 ครั้ง หากเขาคิดว่าตัวเขาเองขายได้ ก็คงไม่ย้ายไปพรรคอื่น

'ทักษิณ' ลั่น!! ถ้าไม่มีระบบเฮงซวยมารังควาน ค่าแรง 800 บาทต่อวัน "ยังทำได้เลย"

(7 ธ.ค. 65) เฟซบุ๊ก ‘CARE คิด เคลื่อน ไทย’ ได้สรุปการไลฟ์สดพูดคุยกับโทนี่ วู้ดซัม หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในหัวข้อ จาก ‘คิดใหม่ ทำใหม่’ ถึง ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ ตอนหนึ่งว่า วันนี้หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยประกาศว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทภายใน 4 ปี ล่าสุดมีคนออกมาโวยวาย บอกทำไม่ได้หรือเพ้อฝัน บางคนก็ออกมาโวยวายว่า พอกันที พรรคการเมืองเลิกหาเสียงเรื่องรายได้ขั้นต่ำสักที

ผมว่าคุณเข้าใจเศรษฐศาสตร์น้อยไป เข้าใจและเห็นใจเพื่อนมนุษย์น้อยไป วันนี้หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็พูดชัดเจนว่า “จะทำให้เศรษฐกิจดี แม้โลกจะอยู่ในภาวะถดถอย” จะดันเศรษฐกิจไทยให้โตเฉลี่ย 5% เฉลี่ยนะครับ ดีไม่ดีปีแรกอาจจะโต 7% ก็ได้เพราะมาจากฐานที่รัฐบาลทหารทำไว้ต่ำ พอเศรษฐกิจดี นักธุรกิจมีเงินเยอะ ก็มีเงินจ่ายค่าแรงสูงขึ้น ดังนั้น keyword คือ การปั้นเศรษฐกิจให้ดีทำให้ขึ้นค่าแรงได้

'ทิพานัน' โชว์ผลงาน 'บิ๊กตู่' ปรับกฎหมายให้ทันสมัย ปฏิวัติ 'ดอกเบี้ยโหด' ในรอบ 95 ปี ให้เป็นธรรม

'ทิพานัน' โชว์ผลงาน 'พล.อ.ประยุทธ์' ปรับกฎหมายให้ทันสมัย ปฏิวัติดอกเบี้ยโหดในรอบ 95 ปีให้เป็นธรรม ชี้ปรับปรุงกม.แพ่ง ช่วยลดอัตราดอกเบี้ย-เบี้ยปรับ ประชาชนปลดหนี้ได้ไวขึ้น

(7 ธ.ค. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในปี 3 ผลการดำเนินงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินหน้าในการลดข้อจำกัดด้านกฎหมายที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการทำธุรกิจและการดำรงชีวิตของประชาชน แก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ล้าสมัย โดยการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายและแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย 87 ฉบับเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด และอีก 57 ฉบับเกี่ยวกับใบอนุญาต และยังยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นด้วย 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า หนึ่งในกฎหมายที่ส่งผลดีต่อประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง คือกฎหมายเกี่ยวกับ 'การปฏิวัติดอกเบี้ย' ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แก้ไขวิธีการคิดดอกเบี้ยใหม่ ที่ใช้มานานกว่า 95 ปี เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การคิดดอกเบี้ยในประเทศไทยแล้วยังเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อประโยชน์ของประชาชนและผู้ประกอบการทั่วประเทศได้อย่างยั่งยืน มีความเป็นธรรม คุ้มครองไม่ให้ลูกหนี้ถูกเอาเปรียบ และสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป จึงมีพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 (อัตราดอกเบี้ย) ประกาศใช้ เมื่อ 10 เมษายน 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยจากลูกหนี้ในอัตราหรือวิธีการที่ก่อให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้สูงเกินสมควร  โดยมีสาระสำคัญ คือ...

1. หากไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ในนิติกรรมให้ใช้อัตราร้อยละ 3 ต่อปี ซึ่งทำให้ชำระดอกเบี้ยลดลง จากเดิมร้อยละ 7.5 เหลือร้อยละ 3 ต่อปี และเพื่อให้มีการปรับปรุงให้เป็นธรรมกับลูกหนี้ สอดคล้องกับสภาพเหตุการณ์จึงกำหนดให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนทุก 3 ปี ให้ใกล้เคียงกับอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ด้วย

2. อัตราดอกเบี้ยผิดนัด ปรับเป็นอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยผิดนัดอยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี ลดจากเดิมร้อยละ 7.5 ต่อปี

'ก้าวไกล' ขอโทษ 'เพื่อไทย' หลังว่าที่ผู้สมัครมือลั่น วิจารณ์ค่าแรง 600 ไม่รอดแน่ SME ตายเป็นเบือ

ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง พรรคก้าวไกล วิจารณ์นโยบายอุ๊งอิ๊ง ค่าแรง 600 ไม่รอดแน่ ขนาดปี 54 วันละ 300 SME ตายเป็นเบือ เจอทัวร์ลงจนต้องลบทิ้ง กระทั่งออฟฟิเชียลก้าวไกลขอโทษ ด่วนวิจารณ์ขาดไตร่ตรองรอบคอบ 

วันนี้ (7 ธ.ค. 65) จากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2565 ของพรรคเพื่อไทย หนึ่งในนั้นคือค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนของผู้ที่จบปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป กำลังเป็นที่วิจารณ์ว่าทำได้จริงหรือไม่?

ปรากฏว่าเฟซบุ๊ก 'Tipa Paweenasatien - ทิพา ปวีณาเสถียร' ของ น.ส.ทิพา ปวีณาเสถียร ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง เขต 1 พรรคก้าวไกล นักธุรกิจโรงน้ำแข็งและน้ำดื่มในจังหวัดลำปาง ก็ได้โพสต์ข้อความระบุ ดังนี้...

"ค่าแรงในลำปาง ปี 54 จาก 156-กระโดดเป็น 300, 310, 315- SME ตายเป็นเบือ! ถ้าจาก 315-ขยับเป็น 600-ฉันก็คงไม่รอด!!" เรียกเสียงฮือฮาให้แก่ชาวเน็ต

ต่อมาทวิตเตอร์ @MFPThailand ของพรรคก้าวไกล ก็รีบโพสต์ข้อความขอโทษ พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า...

"สืบเนื่องจากกรณีการแสดงความเห็นของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ไม่เห็นด้วยต่อนโยบายขึ้นค่าแรงของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลเสียใจอย่างมากที่ว่าที่ผู้สมัครของพรรค ได้ด่วนวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวโดยขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ พรรคขอน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมด และขออภัยพรรคเพื่อไทย และพี่น้องประชาชนทั่วประเทศอย่างสูง พรรคก้าวไกลตระหนักดีว่าการขึ้นค่าแรงอย่างเป็นธรรม สอดคล้องกับค่าครองชีพ จะทำให้พี่น้องชาวไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ซึ่งก็ถือเป็นแนวนโยบายและคุณค่าหลักที่พรรคก้าวไกลยึดถือเช่นกัน

'บิ๊กเพื่อไทย' อบรม 'จิรายุ' ปมคัดเลือกผู้สมัคร ไม่ควรเอาเรื่องขัดแย้งส่วนตัวไปพูดนอกพรรค

(6 ธ.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแสดงความไม่พอใจที่พรรคที่ไปคัดเลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งฟ้องร้องกัน จะให้มาลงสมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ในนามพรรคเพื่อไทยว่า ต้องแยกกัน ใครเป็นคู่ขัดแย้งถือเป็นเรื่องส่วนตัว บุคคลที่เสนอตัวมาลงสมัครกับพรรคเพื่อไทย หากคุณสมบัติครบถ้วน พรรคก็ต้องพิจารณา พรรคไม่รู้ก่อนหรอกว่าใครเป็นคู่ขัดแย้งหรือทะเลาะกับใคร

“เรื่องความขัดแย้งส่วนตัวก็ควรเคลียร์กัน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว หากอยากให้ผู้ใหญ่เคลียร์ควรมาบอกกัน ไม่ใช่ออกมาไปให้ข่าวแบบนั้น” นายวิชาญ กล่าว

อึ้ง!! 'มิ่งขวัญ' ซบ 'บิ๊กปัอม' พร้อมพ่วงแคนดิเดตนายกฯ ยัน!! ที่มาเพราะไม่มี 'บิ๊กตู่' อยู่ที่ พปชร.แล้ว

'บิ๊กป้อม' ชูมือ 'มิ่งขวัญ' เข้า พปชร. ถึงกับอึ้ง! ประกาศตัวแคนดิเดตนายกฯ กลางวงแถลง แจง 3 เหตุผล 'มาช่วยแก้เศรษฐกิจ-ไม่มีบิ๊กตู่-นั่งแคนดิเดตนายกฯ' ยัน ไม่มีเรื่องเงินมาต้อนเข้าพรรค

(6 ธ.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ในช่วงบ่ายก่อนการเปิดตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แกนนำพรรคทยอยเดินทางเข้ามาร่วมเปิดตัว อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ, นายอภิชัย เตชะอุบล แกนนำพรรค 

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคในเวลา 14.50 น. โดยแกนนำต่างทยอยขึ้นไปพบที่ห้องทำงานของ พล.อ.ประวิตร ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร และแกนนำพรรค จะลงจากห้องทำงานมาพร้อมกับนายมิ่งขวัญ โดยนายมิ่งขวัญได้สวมเสื้อพรรค พปชร. 

จากนั้นเวลา 15.30 น. คณะกรรมการบริหารพรรค และแกนนำพรรค นำโดย พล.อ.ประวิตร ร่วมกันแถลงเปิดตัวนายมิ่งขวัญ โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสที่พรรคได้ต้อนรับนายมิ่งขวัญ เข้ามาอยู่ในพรรค และขอแสดงความยินดีกับนายมิ่งขวัญ และแสดงความยินดีกับตัวเองด้วย ที่จะเข้ามาช่วยกันทำงานให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ซึ่งเป็นความมุ่งหมายของพรรคที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และสมาชิกพรรคทุกคนขอต้อนรับนายมิ่งขวัญด้วยความยินดียิ่ง

ด้านนายมิ่งขวัญ กล่าวถึงเหตุผลในการมาร่วมกับ พปชร. ว่า ต้องให้เครดิต พล.อ.ประวิตร และขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ให้เกียรติเชิญตน โดยบอกว่าวันนี้มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ และหลายปีที่เราต้องทนทรมาน พล.อ.ประวิตร จึงบอกกับตนว่ามิ่งขวัญ ให้มาช่วยกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจหน่อย จึงได้เปิดใจคุยกันว่าถ้าหากมา พปชร.ที่มีคนอยู่มาก จะเอาตนไว้ตรงไหน พล.อ.ประวิตร บอกว่าให้มาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ โดยคนที่ทำเศรษฐกิจของพรรคเก่งอยู่แล้ว แต่ตนเข้ามาเติมเต็ม เหตุผลที่สองคือ ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อยู่ในพรรคนี้แล้ว และความจริง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยอยู่ เพียงแต่เป็นแคนดิเดตนายกฯ และข่าววันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งจะยืนยันว่าไม่ได้อยู่พรรคนี้แล้ว 

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ขอย้ำว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ตลอด 3 ปีครึ่งที่ผ่านมาที่ตนอภิปราย เพราะ เป็นนายกฯ แล้วแก้ปัญหาประเทศไม่สำเร็จ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ และเป็นหัวหน้าศบค.แต่มีตัวเลขผู้เสียชีวิต 2 หมื่นกว่าศพ และหากจะสังเกตการณ์อภิปรายของตน จะมีแค่คนเดียวคือ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่าไม่ได้มีอะไรโกรธเคืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ที่ต้องตรวจสอบเพราะอาสาเข้ามาทำแล้วทำไม่สำเร็จ ทั้งนี้รู้ดีว่าที่มาแถลงข่าวเทรนด์ทวิตเตอร์ขึ้นไปอันดับหนึ่ง ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะมีอะไรสนุกไปกว่านี้หรือไม่ แต่หากไม่แถลงเปิดใจวันนี้ สื่อคงไม่รู้ว่าทำไมถึงพลิกกลับไปกลับมา และอาจจะคิดว่าตนไม่รักษาคำพูด คำว่าตะบัดสัตย์และคำว่าไม่รักษาคำพูด อยากจะชี้แจงให้ชัด รวมทั้งตอนที่ตนลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ไม่ได้บอกว่าการลาออกจะต้องยุติบทบาททางการเมือง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top