Wednesday, 2 July 2025
POLITICS NEWS

‘อลงกรณ์’ เตือนอย่าปรามาส ‘เพื่อไทย’ กรณีเสนอค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาท

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ เขียนในไลน์ส่วนตัวแสดงความเห็นอย่างน่าสนใจเกี่ยวกับนโยบายค่าจ้าง 600 บาทของพรรคเพื่อไทยวันนี้ (10 ธันวาคม) ว่า…

“..อย่าปรามาส เพื่อไทยกรณีค่าจ้าง 600 บาท !!!

กรณีพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวัน จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือนในอีก 5 ปีข้างหน้าคือปี 2570 เป็นส่วนหนึ่งของ 10 นโยบายพลิกฟื้นประเทศ นั้นเป็นการนำเสนอนโยบายที่น่าสนใจและไม่ควรปรามาสก่อนศึกษาอย่างรอบด้านเสียก่อน ไม่ใช่ค้านกันดิสเครดิตกันเพียงเพราะคนเสนอเป็นคู่แข่งทางการเมือง 

โดยส่วนตัว ชอบคิดนโยบายใหม่ๆ และนวัตกรรมการบริหารนโยบายด้วยกลไกและวิธีการใหม่ๆ 

'เพื่อไทย' เสนอเพิ่มโทษ 'รัฐประหาร' ถือเป็นกบฏ คดีไม่มีอายุความและนิรโทษกรรมไม่ได้

เพื่อไทย อ่านแถลงการณ์ เนื่องในโอกาสวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค. ระบุ ชัดในกฎหมาย 'รัฐประหาร' ถือเป็นกบฏ พร้อมมุ่งแก้รธน.มาตรา 272 เลือกนายกฯ ต้องเป็นธรรม

(10 ธ.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค นำโดยนายชัยเกษม นิติสิริ, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายจาตุรนต์ ฉายแสง และน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ อ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เนื่องในโอกาสวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม ว่า...

พรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นรากฐานของประเทศชาติ ซึ่งต้องยอมรับว่า ในประเทศเสรีประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศมีความสำคัญ ทั้งในเชิงการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจและสังคม หากบ้านเมืองมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ก็จะส่งเสริมให้ระบบการเมือง มีความเข้มแข็ง ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีความเจริญเติบโตและพัฒนาการ ประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศก็ย่อมได้รับประโยชน์ โดยทั่วถึง แต่หากได้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และขาดการยอมรับจากประชาชนที่นอกจากจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ยังเป็นผู้ได้รับผลกระทบด้วย 

ดังนั้น รัฐธรรมนูญที่ดีต้องมีความเป็นประชาธิปไตยสูงมีหลักนิติรัฐนิติธรรม ต้องได้รับการเคารพและปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ จะต้องได้รับการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม และการจัดสรรอำนาจองค์กรต่าง ๆ ต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม ไม่มีองค์กรใดอยู่เหนือองค์กรอื่นจนขาดการตรวจสอบการใช้อำนาจ

'กุนซือสมองเพชร' ยก 'อุ๊งอิ๊ง' เทียบชั้นลูกสาวหัวเว่ย

(10 ธ.ค. 65) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายโพสต์รูปภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก มีรายละเอียดดังนี้

ใครเปิดไพ่โง่ เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ?

1. ดูหน้าค่าตานรลักษณ์คุณอุ๊งอิ๊งวันนี้ ช่างละม้ายคุณเมิ่ง หว่านโจ๋วผู้บริหารรุ่นใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 2 ของหัวเว่ยมากขึ้นคุณเมิ่งถูกสหรัฐจับเป็นตัวประกันอยู่ 2 ปี เธอก็ต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวไม่ยอมจำนน และประกาศว่า

เธอเป็นลูกของประเทศจีน พร้อมพลีชีวิตเพื่อมาตุภูมิ ขอรัฐบาลจีนอย่าเกรงผลกระทบใด ๆ ต่อเธอ ขอให้ตัดสินใจทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศจีน เธอจึงกลายเป็นวีรสตรีรุ่นใหม่ของจีนไปแล้ว

2. คุณอุ๊งอิ๊งเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย ได้เปิดนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 600 บาท ฮือฮากันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะสอดคล้องกับผลประโยชน์และความต้องการของผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ รวมไปถึงครอบครัวด้วย เพราะไม่มีผู้ใช้แรงงานคนใดที่ไม่ต้องการค่าแรงงานขั้นต่ำดังกล่าว คะแนนเสียงผู้ใช้แรงงานเชื่อมโยงถึงพี่น้องชาวนาซึ่งเป็นเครือญาติด้วย จึงเป็นมวลชนกลุ่มใหญ่เป็นกลุ่มเป็นก้อน พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคก็เคยใช้เรื่องนี้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่ไม่ได้ทำ เพราะเมื่อท่านสมคิด พ้นหน้าที่ไปแล้วก็ไม่มีใครทำเป็น

แค่ไม่เสนอนโยบายแบบนี้ก็ยับเยินมากพอแล้ว ยิ่งไปต่อต้านนโยบายนี้ก็มีแต่พังกับพัง ที่สำคัญคือต้องเข้าใจให้ดีว่าเรื่องค่าแรงขั้นต่ำนั้นรัฐบาลไม่ได้จ่ายเป็นเรื่องของผู้ประกอบการที่ต้องปรับตัวตามค่าครองชีพ

หากคิดว่าเป็นภาระของรัฐบาลก็ยิ่งเป้นการปล่อยไก่ให้เขาฮากันทั้งเมือง

‘บิ๊กตู่’ ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต-คอร์รัปชัน ย้ำชัด!! ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม

‘บิ๊กตู่’ ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ยอมรับจุดอ่อนประเทศไทยคือการซื้อขายตำแหน่ง-โยกย้ายข้าราชการระดับสูง-เรียกรับสินบน-จัดซื้อจัดจ้าง ลั่นไม่ยอมให้การทุจริตเป็นมรดกบาป ขอให้เชื่อมั่นตัวผู้นำ บอกความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม ย้ำถูกสอนมาไม่ให้ทุจริต ไม่งั้นจะเอาหน้าไปเสนอให้คนมองไม่ได้

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้ทางองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล เพื่อให้ประชาคมโลกตระหนักถึงภัยร้ายแรงจากการทุจริต และเพื่อร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันอย่างจริงจัง

สำหรับประเทศไทย ในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบตลอดมา รัฐบาลได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ภาคประชาสังคม และภาคีเครือข่าย จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลขึ้น เพื่อร่วมกันแสดงจุดยืนพร้อม ๆ กับคนไทยทุกภาคส่วน ที่จะ ‘ไม่ทำ ไม่ทน และไม่เพิกเฉย’ ต่อการทุจริตอีกต่อไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในวันนี้ แต่จะต้องอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนไทย ทุก ๆ คน ในทุก ๆ วัน

ทุกคนทราบดีว่าปัญหาคอร์รัปชันส่งผลเสียหายต่อประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ หรือ TI (ที-ไอ) ได้สะท้อนว่าปัญหาการทุจริตที่เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยที่สำคัญ คือปัญหาการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบนตลอดจนการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน การไม่สามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนรวม กับประโยชน์ส่วนตน และความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ การทุจริตจึงเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง ทั้งในการบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และการพัฒนาประเทศ ที่สำคัญคือการทำลายภาพลักษณ์ ทำลายความเชื่อมมั่น ในสายตาประชาชนชาวไทย และชาวโลก ซึ่งเราจะต้องไม่ยอมให้การทุจริตเป็นมรดกบาป ตกทอดสู่รุ่นลูก รุ่นหลานอีกต่อไป

'สมเกียรติ' ฉะ 'พรรคก้าวไกล' หูเบา เชื่อคำใส่ร้ายรับเงิน จนไม่ส่งลงสมัครส.ส.กทม.

'สมเกียรติ' ฉะ 'ก้าวไกล' หูเบา เชื่อคำใส่ร้ายรับเงิน จนไม่ส่งสมัครส.ส.กทม. อ้อน 'เพื่อไทย' คิดใหม่ หากส่งลงสมัคร มั่นใจจะชนะเลือกตั้งแน่นอน

(9 ธ.ค. 65) ที่รัฐสภา นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า กรณีที่ตนได้ฟ้องร้องบุคคลที่กล่าวหาว่าตนรับผลประโยชน์หรือเงิน จนเป็นเหตุที่พรรค ก.ก. ไม่ส่งตนเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยที่ส.ส.ควรเคารพการวิพากษ์วิจารณ์ แต่สิ่งที่บุคคลผู้นี้กระทำไม่ได้อยู่ในขอบข่ายที่ควรจะเป็น ตนไม่รู้ว่าบุคคลนี้ได้รับข้อมูลมากจากไหน ทั้งที่ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ตนเป็นคนตั้งใจทำงาน และตั้งใจจะลงเลือกตั้งในครั้งหน้าด้วย จึงจำเป็นต้องฟ้อง เพื่อปกป้องเกียรติ เพราะเป็นฝ่ายถูกกล่าวหา และไม่ได้รับอะไรมาตามที่พูด

‘ศิริโชค’ เย้ย ‘นักการเมือง’ ขยันอวยตัวเอง ทั้งที่คะแนนนิยมรูด ลือ! ขอซบพรรคคู่แข่ง

นายศิริโชค โสภา ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดสงขลา โพสตข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ผมรู้สึกตลกกับนักการเมืองบางคน ที่ชอบโพสต์เชียร์ตัวเอง หรือจ้างให้นักข่าวเขียนเชียร์ตัวเอง และส่งไปตามกลุ่มต่าง ๆ แต่ก็เข้าใจได้ครับ เพราะตอนนี้คะแนนเสียงตกมาก อย่าว่าแต่อันดับ 2 เลย ตกไปถึงอันดับ 3 อันดับ 4 โน่น หัวคะแนนที่เคยสนับสนุน ตอนนี้ถอยออกไปเกือบหมดแล้ว เพราะแกสร้างวีรกรรมไว้เยอะ  

พวกประเภทปากกล้า ขาสั่น นี่ผมชอบจังครับ สร้างภาพว่าคะแนนเสียงดี แต่ดันไปขอลงสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ทำไมครับความลับไม่มีในโลกนี้ 

‘อรรถวิชช์’ ชู Govtech ปราบส่วยรถบรรทุก กางข้อมูลผู้เกี่ยวข้อง ไล่เช็กทุจริตได้ทุกเวลา

‘อรรถวิชช์’ ชู Govtech ปราบส่วยรถบรรทุก เปิดเผยเส้นทางเดินรถ เปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่เข้าเวร มีบันทึกทางดิจิทัล ตามเช็กบิลได้ทุกเวลา

(9 ธ.ค. 65) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ผ่านเวทีเสวนา ‘อิทธิพลส่วยรถบรรทุกกับการคอร์รัปชัน’ ที่จัดโดยสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยว่า ปัญหาส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ปราบปรามได้เป็นครั้งคราว แต่ก็มีปัญหามาตลอด เพราะการสมยอม ทั้งผู้ทำผิดกฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐ มีทั้งรูปแบบส่วยสติกเกอร์ เป็นป้ายเคลียร์ไม่ให้ถูกจับ แปะชื่อย่อบริษัท หรือแบบพวงกุญแจสัญลักษณ์ต่าง ๆ ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการทุจริตคอร์รัปชันที่พบเห็นกันทั่วไป

ดร.อรรถวิชช์ ย้ำว่า การแก้ไขคอร์รัปชันรูปแบบนี้ สามารถใช้ Govtech หรือ Government Technology บูรณาการกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาแก้ปัญหา ซึ่งตอนนี้ก็มีเทคโนโลยีภาครัฐแล้ว แต่กลับไม่เชื่อมโยงหน่วยงาน

‘ก้าวไกล’ เปิดนโยบายปฏิรูปราชการทั้งระบบ ต้องชนะทุจริตด้วยระบบที่โปร่งใส ไม่ใช่พึ่งคนดี

(9 ธ.ค. 65) ที่อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 พรรคก้าวไกลแถลงนโยบาย ‘ราชการไทยก้าวหน้า’ ครอบคลุมทั้ง นโยบายต้านโกง เพิ่มประสิทธิภาพราชการ และ ปฏิรูปตำรวจ ซึ่งนับเป็นชุดนโยบายที่ 4 จากทั้งหมด 9 ชุด ต่อจาก ‘การเมืองไทยก้าวหน้า - สวัสดิการไทยก้าวหน้า - ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า’

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้ตรงกับวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล พรรคก้าวไกลจึงถือโอกาสเปิดนโยบาย ‘ราชการไทยก้าวหน้า’ ที่มีหัวใจสำคัญคือ ‘ราชการเพื่อราษฎร’ ซึ่งรวมถึงนโยบายต่อต้านการทุจริตทั้งระบบ โดยพรรคก้าวไกลไม่ได้มองปัญหาคอร์รัปชันอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะประสิทธิภาพของระบบราชการ และการปฏิรูปตำรวจ เพราะหากบริการภาครัฐมีความล่าช้าและเต็มไปด้วยกฎระเบียบ-ใบอนุญาต จะเป็นการเปิดช่องให้มีการเรียกสินบนจากประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อแลกมาซึ่งความสะดวก รวมถึงต้องปฏิรูปตำรวจ เพื่อขจัดระบบตั๋วและระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้ตำรวจต้องมารีดไถประชาชน เอาเงินส่งนาย

พิธา กล่าวว่า ในเรื่องความโปร่งใส ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทย แย่ลงอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตกลงจากอันดับที่ 85 มาอยู่ที่ 110 ซึ่งทำให้ต้นทุนชีวิตของคนไทยจำนวนมาก ตั้งแต่เกิดจนแก่ วนเวียนอยู่กับการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น ในวัยเด็ก พ่อแม่อาจต้องจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะเพื่อให้ลูกได้เข้าโรงเรียน ในวัยทำงาน จะเปิดร้านอาหารก็ต้องขอใบอนุญาตหลายสิบใบ งบที่จะนำมาสร้างสวัสดิการก็รั่วไหลไปกับการทุจริตงบประมาณ ดังนั้น ขอยืนยันว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องใหญ่

พิธา กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ต้องไม่ใช่การหวังพึ่งแค่การปลูกฝังจิตสำนึก-จริยธรรมในการต่อต้านการโกง หรือ การมอบศรัทธาทั้งหมดไว้ให้กับ ‘คนดี’ มาปกครองบ้านเมืองเหมือนที่ผ่านมา แต่ต้องเป็นการทำให้รัฐโปร่งใสกว่าที่เคยเป็นมา ทุกคนตรวจสอบทุกคนได้ด้วยอาวุธใหม่ ๆ ที่ประเทศไม่เคยมี เพื่อวางระบบที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ตนจะไม่ยอมให้คนไทยถูกโกง โดยสิ่งที่ทำได้ทันทีในฐานะนายกรัฐมนตรี คือการเปิดเผยข้อมูลรัฐทันที เปิดเผยงบประมาณทุกบาทให้ละเอียดในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ (machine readable) รวมถึงเปิดข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ทุกคนถูกตรวจสอบโดยทั้งประชาชนและระบบจับโกงอัจฉริยะที่จะแจ้งเตือนเมื่อมีโครงการส่อทุจริต ‘เราเชื่อว่าประชาชนพร้อมตรวจสอบเรา และพวกเรานักการเมือง-ข้าราชการ ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบเช่นกัน’

นอกจากนั้น รัฐบาลก้าวไกลจะนำเสนออีก 2 โครงการต้านโกง คือ…

(1) โครงการ ‘คนโกงวงแตก’ หรือ leniency programme เพื่อจูงใจให้คนที่คิดจะโกง เกิดความระแวงกันเองจนไม่มีใครกล้าโกง เพราะมีการออกกฎผ่อนผันโทษ ให้ใครที่มอบตัวและแฉกันเองก่อน
(2) โครงการ ‘แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน’ เพื่อสร้างสังคมต้านโกง ด้วยกฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยและความก้าวหน้าทางอาชีพให้กับเจ้าหน้าที่ที่แฉการทุจริตในหน่วยงาน (whistleblower protection) รวมถึงการเพิ่มเงินรางวัลให้ประชาชนที่แจ้งเบาะแส

สำหรับเรื่องประสิทธิภาพภาครัฐ ข้อมูลของธนาคารโลกแสดงให้เห็นว่าตลอด 8 ปี ในช่วงที่ภาครัฐมีขนาดใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพภาครัฐกลับลดลง บริการภาครัฐหลายส่วนล่าช้า-ยุ่งยาก ทำให้ภาระตกอยู่กับประชาชน ดังนั้น ถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลและพิธาเป็นนายกฯ เรื่องแรกที่จะทำคือการทำให้บริการภาครัฐอย่างน้อย 99% ทำได้ผ่านมือถือ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาประชาชน และจะช่วยให้ข้อร้องเรียนไม่เงียบหาย มีการอัปเดตความคืบหน้าทุกขั้นตอน และมีฐานข้อมูลที่ช่วยให้โอนสวัสดิการให้ประชาชนได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน 

นอกจากนั้น ก้าวไกลจะเดินหน้ายกเลิกทุกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชน ยกเลิกใบอนุญาตที่ซ้ำซ้อน 50% และปรับกระบวนการทำงานให้ประชาชนรู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน โดยหากหน่วยงานของรัฐ พิจารณาใบอนุญาตเกินกำหนด ให้ถือว่าคำขออนุญาตนั้น มีผลบังคับใช้เหมือนใบอนุญาตทันที

ในส่วนของการปฏิรูปตำรวจ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายปฏิรูปตำรวจว่า ปัจจุบันมีการสร้างระบบเส้นสาย ตั๋วตำรวจ ตั๋วช้าง ทำให้ตำรวจไม่สนใจการสืบสวนคดีหรือทำงานที่เป็นของตำรวจจริง ๆ แต่กลับไปรีดไถ รับสินบน ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บ่อนการพนัน และการค้ามนุษย์ แม้ว่ารัฐสภาเพิ่งจะผ่าน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งระบบเดิม ๆ ที่เอื้อให้กลับสู่การทุจริตอีกครั้ง

พรรคก้าวไกลจึงเสนอนโยบายตำรวจของประชาชน โดยปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน ทั้งใน ‘ระดับประเทศ’ ที่จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ส่วนใหญ่มีที่มาผ่านผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล คอยป้องกันการใช้เส้นสาย ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องทำงานอยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา และใน ‘ระดับจังหวัด’ จะมี ‘คณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด’ ซึ่งองค์กรท้องถิ่นและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สามารถลงมติว่าจะเห็นชอบนายตำรวจที่ ก.ตร. ตั้งขึ้นมาเป็นผู้บังคับการจังหวัดนั้น ๆ หรือไม่ และช่วยประเมินคุณภาพการทำงานของตำรวจในจังหวัด ส่วนเรื่องการตรวจสอบ พรรคก้าวไกลเสนอให้มีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระแยกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างเด็ดขาด ทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรวจโดยขึ้นตรงต่อรัฐสภาและมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ยึดโยงกับประชาชน เพื่อขจัดปัญหาประโยชน์ทับซ้อนของตำรวจที่อาจช่วยเหลือกันเอง และเปิดให้ตำรวจน้ำดีภายใน สตช. ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสการทุจริตได้อย่างปลอดภัย

‘เพื่อไทย’ ชี้!! ขึ้นค่าแรงเป็นการร่วมมือของ ‘รัฐ-เอกชน’ ยัน!! หากได้เป็นรัฐบาล มีแผนหารายได้เข้าประเทศคู่กันไป

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 65 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ผู้ประกอบการมีข้อกังวลเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศไทยมีแนวโน้มยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดว่า หากพิจารณาเพียงมุมต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นเพียงด้านเดียว โดยรายได้ไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย ในหมวกของผู้ประกอบการเองก็คงต้องกังวลและสามารถเข้าใจได้ว่า พรรคเพื่อไทยกำลังจะหาเสียงแบบผลักภาระให้กับภาคเอกชน ในข้อเท็จจริงแล้วหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล สิ่งที่จะดำเนินการควบคู่กันไปคือการหารายได้ให้กับประเทศ ดังนี้

1. การปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นการปรับตามค่าครองชีพ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SME มีรายได้มากขึ้น เมื่อมีรายได้มากขึ้น ผู้ประกอบการก็สามารถจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับการปรับค่าแรงไม่ได้ขึ้นทีเดียว จะปรับขึ้นตามเพดานสูงสุดในปี 2570 คืออีก 5 ปีข้างหน้า ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการจึงจะมีเวลาปรับตัว

'เพื่อไทย' จ่อฟ้อง ‘รองโฆษกรบ.’ แปลงสโลแกน พรรคเพื่อไทยจะซ้ำรอยอดีต ‘คิดใหญ่ โกงเป็น’

เพื่อไทยฉุนโดนแปลงสโลแกน จ่อฟ้อง ‘รองโฆษกรัฐบาล’ เอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์-กฎหมายอาญา ฐานจงใจหมิ่นประมาท ใส่ร้าย ผ่านเว็บรัฐบาลไทย

(9 ธ.ค. 65) นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์รัฐบาลไทย www.thaigov.go.th เผยแพร่ข่าวนางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ว่า การที่นางสาวทิพานันแสดงความมั่นใจบอกว่าเศรษฐกิจดีนั้น คงจะมีแต่นางสาวทิพานันกับรัฐบาลเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ เพราะแม้แต่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยังบอกว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ รับมือโควิดไม่สำเร็จ จนมีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 20,000 ราย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่คัดค้านกับความเห็นดังกล่าวของนายมิ่งขวัญ ขณะนั่งแถลงข่าวอยู่ด้วยกัน

“ดังนั้นระหว่างนายมิ่งขวัญ ซึ่งเป็นทีมเศรษฐกิจคนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ กับนางสาวทิพานัน ประชาชนคงเชื่อนายมิ่งขวัญมากกว่า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศต่างรู้ดีว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังตกต่ำเพียงใด ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ ยืนยันได้จากหนี้สาธารณะพุ่งชนเพดานที่ 10 ล้านล้านบาท คนจนพุ่งทะลุ 20 ล้านคน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หนี้ครัวเรือนพุ่งทะลุเกือบชนเพดาน ความเหลื่อมล้ำในไทยสูงสุด เด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นนางสาวทิพานันต้องเดินออกมาจากอุปทานหมู่ที่สะกดจิตตัวเองว่าเศรษฐกิจดี เพียงเพราะกังวลว่าตนเองซึ่งอยู่ในรัฐบาลจะเสียแต้มเท่านั้น” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ

“นอกจากนี้ในเว็บไซต์ www.thaigov.go.th ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาล ที่ใช้สื่อสารต่อประชาชนอย่างเป็นทางการ ยังเผยแพร่ข้อความว่านางสาวทิพานัน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะซ้ำรอยอดีต ‘คิดใหญ่ โกงเป็น’ ข้อความที่ปรากฏเป็นการเจตนาจงใจใส่ร้าย ใส่ความให้วิญญูชนทั่วไปให้เข้าใจผิดต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชันในประเทศไทยที่จัดอันดับโดยองค์กร Transparency International พบว่า ในปี 2564 ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อยู่ที่ 35 คะแนน อันดับที่ 110 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับการประเมินจากองค์กรเดียวกันพบว่า ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชัน อยู่ในอันดับที่ 59 ซึ่งดีกว่ารัฐบาลนี้เท่าตัว”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top