Monday, 23 June 2025
POLITICS NEWS

‘เศรษฐา’ เชียร์ ‘กิตติรัตน์ ณ ระนอง’ นั่งนายกฯ บอลไทย ชี้!! เป็นคนกว้างขวาง - ทุ่มเท - ซื่อสัตย์สุจริต

(12 ก.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุ ‘กิตติรัตน์ ณ ระนอง’ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้จัดการทีมชาติไทย มีคุณสมบัติคู่ควรกับการเป็น นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย

นายเศรษฐา ระบุว่า “ผมสนับสนุนคุณกิตติรัตน์ครับ ฟุตบอลไทยต้องการคนที่ทุ่มเท เข้าใจสภาพแวดล้อมทั้งหมดของกีฬาประเภทนี้ ไม่ใช่คนที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ คุณกิตติรัตน์เป็นคนที่ทุ่มเท ทำอะไรทำจริง ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่เคารพรักของทุก ๆ คน ไม่ใช่แค่วงการกีฬาอย่างเดียว วงการสื่อวงการธุรกิจมีเพื่อนฝูงมากมาย”

“การที่ได้คนดีคนซื่อสัตย์มาบริหาร จะนำความมั่นใจกลับมาสู่สมาคมฟุตบอลไทยพร้อมทั้งจะได้สปอนเซอร์อีกมากมายทำให้สถานภาพการเงินของสมาคมดีขึ้นนำมาพัฒนาฟุตบอลลีกไทยได้ไม่ต้องมีการค้างจ่ายค่าเตะของนักฟุตบอลถึงเวลาแล้วครับที่สังคมต้องต้อนรับคนดี ๆ ”

‘เพื่อไทย’ เร่งหาสาเหตุ ‘ทางยกระดับลาดกระบังถล่ม’ เยียวยาผู้เสียหาย ควบคุมการก่อสร้างทุกพื้นที่ทันที

(12 ก.ค.66) ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์โครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบังทรุดตัวจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ได้รับความเสียหายทุกท่าน 

ทั้งนี้ ตัวแทนของพรรคเพื่อไทยนำโดย ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตลาดกระบัง และ ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตลาดกระบัง ได้เข้าประสานงานช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายทันทีที่รับทราบสถานการณ์ และขอแสดงความขอบคุณต่อหน่วยงานของกรุงเทพมหานครที่เข้าดำเนินการต่อสถานการณ์ดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว

พรรคเพื่อไทย ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการที่เร่งด่วนในการดำเนินการต่อไป ดังนี้...

1. เร่งรัดกระบวนการตรวจสอบสาเหตุของสถานการณ์ดังกล่าวอย่างโปร่งใส และนำเสนอความคืบหน้าในการตรวจสอบให้สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง 

2. เร่งกำชับการกำกับดูแลการก่อสร้างในทุกพื้นที่ และตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เดินทางผ่านพื้นที่ก่อสร้างต่าง ๆ และประชาชนโดยรอบ ได้มีความสบายใจในการดำเนินกิจกรรมตามปกติ 

3. เร่งรัดมาตรการเยียวยาแก่ผู้เสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

'วันนอร์' เคาะเริ่มโหวตเลือกนายกฯ 5 โมงเย็น 13 ก.ค. จับตา 8 ชั่วโมงแห่งการตัดสินชะตานายกฯ คนที่ 30

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยมติที่ประชุม 3 ฝ่ายเตรียมความพร้อมในการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ โดยสรุป คือ จะมีการอภิปรายและจะโหวตกันได้ในเวลา 17.00 น. โดย ส.ว. ได้เวลา 2 ชั่วโมง และ ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองได้เวลารวม 4 ชั่วโมง

น่าจะสนุก...เมื่อเปิดประชุมรัฐสภาแล้ว เสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ต่อด้วยให้สมาชิกอภิปราย ส.ว.ได้เวลาอภิปราย 2 ชั่วโมง ส.ส.ได้เวลาถึง 4 ชั่วโมง แต่ไม่มีรายละเอียดว่า ให้เวลากับคนที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีกี่นาที กี่ชั่วโมง

เข้าใจว่า 6 ชั่วโมงที่สมาชิกรัฐสภาได้มาเป็นช่วงเวลาของการซักฟอกยกแรกสำหรับชื่อ 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' และจะเป็นโอกาสของพิธาในการได้อธิบายนโยบาย หรือแนวทางของพรรคก้าวไกล ที่สังคม และสมาชิกรัฐสภายังกังขาอยู่

เป็น 6 ชั่วโมง บวกกับการชี้แจงของพิธาอีก 2 ชั่วโมง รวมเป็น 8 ชั่วโมง น่าจะเป็น 8 ชั่วโมงที่น่าสนใจติดตามชมการถ่ายทอดสดเป็นอย่างยิ่ง

คอการเมืองไม่ควรพลาดสำหรับ 8 ชั่วโมงนี้ จะได้กระจ่างกันทั้งสองฝ่าย และจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ตรงประเด็น ไม่ต้องถามกันไปมา และทำให้การสื่อสารผิดเพี้ยนไปอีก

‘ปิยบุตร’ เปรียบเปรย!! ผู้กำกับบท จับหนังม้วนเก่ามาฉายซ้ำ หลัง กกต.ไร้มาตรฐานในเรื่องระยะเวลาในการพิจารณา ‘พิธา’

(12 ก.ค.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

[หนังม้วนเก่ากำลังกลับมาฉายซ้ำ]

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมได้แถลงข่าว ชี้ให้เห็นว่า เกิดกรณีไม่มีมาตรฐานในเรื่องระยะเวลาในการพิจารณาของ กกต. 

กรณีลักษณะต้องห้ามของ ดอน ปรมัตถ์วินัย กกต.ใช้เวลา พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ 386 วัน ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาพิจารณารับคำร้อง 70 วัน และไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

กรณีลักษณะต้องห้ามของ 4 รัฐมนตรีสมัยรัฐบาล คสช. กกต.ใช้เวลาพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ 355 วัน ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาพิจารณารับคำร้อง 75 วัน และไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว 

แต่กรณีของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กกต.ใช้เวลาพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ 51 วัน ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาพิจารณารับคำร้อง 7 วัน และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว 

กรณีของธนาธรกลายเป็นสถิติที่ กกต. พิจารณาเรื่องเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามและศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องได้รวดเร็วที่สุดราวกับนั่งรถไฟความเร็วสูง 

มาวันนี้ 4 ปีผ่านไป 

ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศใช้อำนาจของตนร่วมกันแสดงเจตจำนงสนับสนุนให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี คะแนนเสียงถล่มทลาย คะแนนเสียงมากกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ 

แต่พิธา ก็ยังถูก ‘นิติสงคราม’ กระทำซ้ำ และทำลายสถิติการพิจารณาคำร้องของ กกต. อย่างรวดเร็ว 

หากพิจารณานับจากวันที่เรืองไกร ยื่นคำร้องต่อ กกต.ซ้ำอีกครั้งในวันที่ 20 มิถุนายน ก็เท่ากับว่า กกต.ใช้เวลาพิจารณา 32 วันเท่านั้น!!!

พวกเขา บรรดาผู้กำกับภาพยนตร์ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเอาหนังม้วนเดิมกลับมาเล่นใหม่ หนังม้วนนี้เล่นกันมาเกือบ 20 ปี แล้ว 

เราจะให้มันจบแบบเดิม อย่างนั้นหรือ???

ฉากทัศน์ 13 กรกฎา ตอกย้ำ 'พิธา' ไม่ผ่านด่าน 376 เสียง รัฐบาลหน้าไม่มี 'ก้าวไกล' แต่มี 'รวมไทยสร้างชาติ'

สถานการณ์การเมืองเขม็งเกรียวถึงจุดเลี้ยวโค้งสำคัญ...การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย ซึ่งนาทีนี้แน่นอนแล้วว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เหตุเพราะนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศวางเมืองทางการเมือง ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้ร่ำลาผ่านเพจของพรรคเรียบร้อยไปแล้ว...

บางคนบอกว่าตราบใดที่ยังเป็นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อย่าเพิ่งตัดชื่อบิ๊กตู่ออกไป แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ขอบอกว่าอย่าไปคิดมากขนาดนั้น ปวดหัวเปล่าๆ

'ลุงตู่' แกบอกเป็นนัยแล้วว่า...ท้องฟ้าแจ่มใส...ไม่ใช่หรือ?

เอาเป็นว่า...เรามาสรุปเหตุบ้านการเมือง และการเลือกนายกรัฐมนตรีกันดีกว่า...

>> อันเนื่องจากการประกาศวางมือการเมืองของบิ๊กตู่ โดยลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ  ไม่เพียงทำให้ตัวเลือกนายกรัฐมนตรีชัดเจนขึ้นเท่านั้น ยังทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียงเป็นตัวแปรในการจัดสูตรรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลได้ง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยพรรคนี้ 'ไม่มีลุง' แล้ว  หากแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้บทบาทและรับข้อเสนอของพรรค 36 เสียงพรรคนี้ได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น...

>> สถานการณ์การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค.ซึ่งผลจากประชุมวิปฝ่ายต่างๆ ทำให้ทราบว่าจะลงคะแนนโหวตกันจริงๆ ก็ประมาณ 5 โมงเย็น  โดยก่อนหน้านั้นจะเป็นการอภิปรายถกเถียงกันในประเด็นต่างๆ รวมถึงการแสดงวิสัยทัศน์แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีเพียงผู้เดียวคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

>> ทั้งนี้การอภิปรายที่จะถกเถียงกันให้วุ่นวายแน่นอนก็คือ กฎกติกามารยาทในการโหวต ตั้งแต่การลงมติที่ฝ่ายหนึ่งต้องการให้โหวตแยกทีละสภานัยว่าเพื่อจะเอา 312 เสียงไปเกทับ 250 เสียงของส.ว. อีกฝ่ายบอกต้องคละเคล้ากันไปตามลำดับอักษรรายชื่อ จนไปถึงความพยายามของฝ่ายพรรคก้าวไกลที่คงขอสงวนสิทธิ์ในการเสนอชื่อนายพิธาเป็นครั้งที่สองหรือครั้งที่สามหากครั้งแรกไม่ผ่าน  376 เสียง ในขณะที่ฝ่ายสมาชิกวุฒิสภาหลายคนโดยเฉพาะนายเสรี สุวรรณภานนท์ ได้เงื้อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 ไว้คัดง้างแล้ว..

เอ้า!! ดูข้อบังคับข้อที่ 41 ประดับความรู้ไว้นิด

“ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นมาเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ยังมิได้มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป”

ครับ...แค่เรื่องนี้ก็คงเถียงกันลั่นรัฐสภา...แต่ทั้งหลายทั้งปวงไม่มีอะไรน่าสนใจว่าในที่สุดจะมีเสียงโหวตสนับสนุนเกินจาก 311 เสียงของ 8 พรรคไปกี่เสียง มีเสียง ส.ว.สนับสนุนกี่เสียงกันแน่ เพราะข้อมูลของ 'เล็ก เลียบด่วน' มากสุดยังนิ่งอยู่ที่ 15 เสียงบวกลบ...สรุปคือพิธาสอบไม่ผ่าน...ดูอาการของแกนนำพรรคก้าวไกลก็พอจะรู้...ดูออก

>> พูดไปทำไม...สถานการณ์ตอนนี้วงในการเมืองนั้นข้ามช็อตออกแบบสูตรรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกันแล้ว...โจทย์ของพรรคเพื่อไทยตอนนี้คือ ถ้าพรรคก้าวไกลยึดคาถาเพื่อไทยไปไหนก้าวไกลไปด้วยขึ้นมาจะสลัดได้อย่างไร...เพราะทั้งพรรครัฐบาลขั้วเดิมและ ส.ว.ส่วนใหญ่นั้น นอกจากไม่โหวตให้พิธาแล้ว  ยังไม่เอาพรรคก้าวไกลด้วย...

มีการพูดกันถึงขั้นที่ว่า...สมมุติช็อตต่อๆ ไปพรรคเพื่อไทยเสนอ 'เศรษฐา ทวีสิน' เป็นนายกฯ แต่ส่วนผสมรัฐบาลมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ด้วย คะแนนเศรษฐาก็จะไม่ผ่าน 376 เสียง...สุดท้ายอาจเลี่ยงไม่พ้นที่จะเปลี่ยนเป็น 'อุ๊งอิ๊ง' หรือ 'อนุทิน' หรือ 'ลุงป้อม' เป็นนายกฯ ของรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล...

แต่มี รวมไทยสร้างชาติ !!

ด่วน!! ‘กกต.’ เชือด ‘พิธา’ ส่งศาล รธน.ฟันพ้น ส.ส. ปมหุ้น ITV พร้อมขอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จับตานำเรื่องเข้าพิจารณาบ่ายนี้

12 ก.ค. 66 ที่ประชุมกกต.มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัทไอทีวีจำกัดมหาชนจำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย หลังใช้เวลากว่า 3 วัน รับฟังและพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขอสำนักงาน กกต.แล้วเห็นว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานเพียงพอให้เชื่อว่ามีเหตุตามที่มีการยื่นคำร้องจริง โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ได้ลงนามในคำร้องและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯนำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าในส่วนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการนัดประชุมประจำสัปดาห์วันนี้ในช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. ซึ่งต้องจับตามองว่าสำนักงาน กกต. จะส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันหรือไม่ และหากทันคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการนำคำร้องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาเลยหรือไม่

'โบว์ ณัฏฐา' ตั้งคำถามถึง 'พิธา' หากยืนยันความจงรักภักดีขนาดนั้น เหตุใดจึงเลือกคนที่โด่งดังจากการด่าเจ้ามาเป็น ส.ส.ของพรรค

(12 ก.ค. 66) คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ยังไม่ได้ดูเรื่องเล่าเช้านี้ และไม่ทราบว่าคุณพิธาได้ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างไรบ้าง แต่หากมีการยืนยันความจงรักภักดีขนาดนั้นจริง เราคิดว่าพรรคก้าวไกลต้องตอบคำถามสังคมจริง ๆ แล้วค่ะ ว่าทำไมจึงเลือกคนที่โด่งดังมาจากการแสดงความคิดเห็นสาธารณะตามที่ปรากฏในภาพนี้มาเป็น ส.ส.ของพรรคได้ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นคงไม่ได้จริงๆ เพราะไม่ใช่เหตุการณ์เก่าๆและไม่ได้ไปแอบโพสต์ที่ไหน แต่โพสต์ในขณะที่เริ่มมีชื่อเสียงจากการ “ขับเคลื่อนสังคมด้วยการด่า” แล้ว และในพรรคก็ไม่ได้มีแบบนี้คนเดียวด้วย โดนคดีจากการแสดงออกลักษณะนี้ก็หลายคน นับเท่าที่เป็นการแสดงออกต่อสาธารณะ 

ยังไม่ต้องอภิปรายว่าคนเราต้องจงรักภักดีหรือไม่แค่ไหนอย่างไร (ส่วนตัวคิดว่าแค่ไม่ทำร้ายทำลายกันก็ยังดี) แต่ถามว่าสิ่งที่พูดกับการกระทำที่ผ่านมาหลายอย่าง มันย้อนแย้งกันมากเกินไปหรือไม่? กลุ่มเคลื่อนไหวที่มีพฤติกรรมหนักกว่านี้มาก พรรคก้าวไกลเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมาขนาดไหน ทุกคนก็เห็น 

ร่างเสนอแก้ 112 ของพรรคก้าวไกล ก็มีเนื้อหาที่มีปัญหาและไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ร่างมาแบบแทบไม่เหลือความคุ้มครอง โทษต่ำกว่าหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาด้วยการโฆษณา มีเจตนาดึงสำนักพระราชวังมาเป็นผู้ฟ้อง ด้วยเหตุผลว่าคนที่เดือดร้อนจากการถูกหมิ่นก็ต้องฟ้องเอง เปิดช่องให้เกิดการลดทอนสถานะสถาบันหลักของชาติอย่างชัดเจน แล้วยังผลักดันการนิรโทษกรรมให้การกระทำเหล่านี้ ที่เกิดขึ้นภายใต้การรับรู้และติดตามอย่างใกล้ชิดของพรรคก้าวไกลในช่วงสามปีที่ผ่านมา 

ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะไว้ใจพรรคการเมืองที่ปากอย่างใจอย่างได้อย่างนั้นหรือ?

‘นพ.เจตน์’ ฉุน!! สื่อประโคมข่าวโหวต ‘พิธา’ นั่งนายกฯ  ลั่น!! ถ้ายังแตะ ม.112 จะไม่ได้ 64 เสียงจากตนและพวก

(12 ก.ค. 66) นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีการเผยแพร่รายชื่อตามโซเชียลมีเดียว่าเป็น 1 ใน 20 สว. โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

เล่นไม่เลิก

กรณีสื่อทั้งหลายจับชื่อผมไปอยู่ข้างที่จะโหวตให้พิธา ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ แม้จะปฏิเสธอย่างไร แม้จะโพสต์ FB และพูดจุดยืนชัดเจนผ่าน TV และสื่อไปหลายครั้งแล้ว

ในขณะที่ไม่มีคนของพรรคติดต่อ Lobby มา เข้าใจว่าคงไม่อยากเสียเวลาเปล่า

เชื่อว่าเจตนาเป็นเช่นเดียวกับที่พยายามออกข่าวว่า หาเสียง ส.ว. สนับสนุนได้เพียงพอแล้ว
ทั้งที่รู้กันดีว่า เสียงยังขาดอีกเยอะ ผสมกับการออกปลุกระดมทั่วประเทศของหัวหน้าพรรค

เพื่อสร้างความรู้สึกโกรธแค้นให้ด้อมส้ม

เมื่อผิดหวังในวันที่ 13 ก.ค. ความรู้สึกย่อมรุนแรงขึ้น

แต่ ถ้ายังแตะม.112 อยู่
ไม่ได้ 64 เสียงจากผมและเพื่อน สว. แน่นอนครับ

อ๋อม - สกาวใจ พูนสวัสดิ์ นักแสดงชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์อินสตาแกรม oomsakaojai

(12 ก.ค. 66) จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศวางมือทางการเมือง

ล่าสุด อ๋อม - สกาวใจ พูนสวัสดิ์ นักแสดงชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์อินสตาแกรม oomsakaojai ระบุว่า ประกาศวางมือแล้วยังไม่พอนะ แต่ต้องสำนึกผิดและขอรับโทษกับการก่อกรรมที่ทำไว้ด้วย และย้ายบ้านซะ เปลืองงบว่ะ จะดีกว่าแค่วางมือ

‘บิ๊กป้อม’ กร้าว!! ไม่เอาพรรคแก้ ม.112 ย้ำ ส.ส. ในพรรค ออกเสียงโหวตเป็นเอกภาพ

(11 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ในที่ประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นประธาน ใช้เวลาหารือถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ค่อนข้างนาน และได้เปิดให้ ส.ส.แสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “พรรคเราต้องเป็นเอกภาพ เราจะไม่เอาคนที่ไม่เอามาตรา 112 และวันที่ 13 ก.ค.นี้ อาจจะโหวตงดออกเสียง” 

ขณะที่ ส.ส.อาวุโสรายหนึ่งได้แสดงความเห็นว่า มองว่าการงดออกเสียงก็เหมือนกับไม่เห็นชอบแล้ว ขณะนี้กระแสสังคมค่อนข้างแรง ถ้าโหวตไม่เห็นชอบเลยอาจจะมีผลกระทบ ต่อส.ส.ในพื้นที่ 

ด้านร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือได้ แสดงความเห็นว่าส.ว.หลายคนออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะลงมติงดออกเสียง จนพล.อ.ประวิตร ระบุว่า ค่อยว่ากันอีกทีในวันโหวต ทั้งนี้ระหว่างประชุม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประกาศวางมือทางการเมือง และลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยเมื่อนายมิ่งขวัญเห็นข่าว จึงได้แจ้งกับที่ประชุมว่า พล.อ.ประยุทธ์วางมือทางการเมือง แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้พูดอะไร เช่นเดียวกับ ส.ส.ที่ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรต่อเรื่องนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top