Saturday, 21 June 2025
POLITICS NEWS

ล้วงลึกโควตารัฐมนตรีรัฐบาลใหม่ พลิกโผ เปลี่ยนมือ พอสมควร

คณะเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาลมีความคืบหน้าไปมาก ตกลงที่ 314 เสียง 11 พรรคการเมือง ประกอบด้วย เพื่อไทย 141 เสียง ภูมิใจไทย 71 เสียง พลังประชารัฐ 40 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง ที่เหลือเป็นพรรค 1 เสียง

คณะเจรจาจัดตั้งรัฐบาลเริ่มลงลึกในรายละเอียด โควตารัฐมนตรีที่แต่ละพรรคจะได้ รวมถึงกระทรวงไหนเป็นของพรรคไหน ซึ่งอาจจะมีพลิกโผไปจากเดิมไม่น้อย เช่น...

กระทรวงกลาโหม ตกเป็นของพลังประชารัฐ โดยเพื่อไทยเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เป็นของเพื่อไทย กระทรวงอุดมศึกษา เป็นของเพื่อไทย

ที่พลิกไปมาก คือกระทรวงเกษตรฯ ที่เดิมต่างคิดว่าเป็นโควตาเพื่อไทย แต่กลับเป็นของภูมิใจไทย โดยมีพลังประชารัฐ และเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ

เช่นเดียวกับกระทรวงคมนาคม กลับเป็นของเพื่อไทย มีภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ เข้าใจว่ามีการเจรจาแลกเปลี่ยนกระทรวงกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กับกระทรวงคมนาคม

และมีการเจรจาแลกเปลี่ยนระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับกระทรวงพาณิชย์ด้วย โดยภูมิใจไทย ได้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และเพื่อไทยบริหารกระทรวงสาธารณสุข

กระทรวงพลังงานเดิมเป็นโควตาของเพื่อไทย แต่การเจรจาล่าสุดกลับเป็นของรวมไทยสร้างชาติ แต่ที่ยังเหนียวแน่น คือกระทรวงมหาดไทย ที่เพื่อไทยยังไม่ปล่อย และไม่ควรปล่อย แต่น่าแปลกใจมีพรรคเสรีรวมไทย และพรรคเล็ก ได้ช่วยมหาดไทย 1 ตำแหน่งด้วย

ส่วนรายละเอียดตามเอกสารแนบในคอมเมนต์นะครับ 

‘ธนกร’ ยัน!! ‘รทสช.’ พร้อมทำงาน-สร้างประโยชน์ให้ ปชช. ย้ำ!! ถึงเวลาปรองดอง ร่วมมือกันขจัดภัยคุกความความมั่นคง

(18 ส.ค. 66) ที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี มีกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังไม่สามารถตกลงโควตากับพรรคเพื่อไทยได้ ว่า ยังไม่ทราบ แต่ในส่วนของพรรครทสช.ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งตนได้พูดคุยกับเลขาธิการพรรคทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าพรรครทสช. จะขอโควตารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสามเก้าอี้และรัฐมนตรีช่วย 1 เก้าอี้ นายธนกร กล่าวว่า เราไม่ได้มีเงื่อนไขตรงนั้น และพรรคได้มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครทสช. และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เป็นคนไปเจรจา และเท่าที่ฟังทุกอย่างไม่ได้มีปัญหาอะไร เราไม่ได้มีเงื่อนไขในเรื่องของกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งพรรคยึดหลักสามารถทำงานให้กับประชาชน ได้อย่างเต็มที่พรรคก็ยินดี ย้ำว่าพรรคไม่ได้มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีควรที่จะพูดคุยกันให้จบก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ เพราะในหลักการของการเมืองเป็นแบบนี้ และการโหวตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้จะต้องมีการพูดคุยประสานงานกันก่อน หากไม่มีการพูดคุยประสานงานกัน ตนคิดว่าก็อาจจะไม่จบ แต่ในพรรครทสช.จบแล้ว แต่พรรคอื่น ตนไม่รู้เพราะไม่ได้ไปก้าวล่วงเขา

เมื่อถามย้ำว่าได้มีการแจ้งหรือไม่ว่า 4 เก้าอี้รัฐมนตรีที่ได้ตามสูตรคณิตศาสตร์การเมืองมีกระทรวงอะไรบ้าง นายธนกร กล่าวว่า เรื่องตำแหน่งอะไรตนไม่ทราบ ทราบแค่ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการแบ่งโควตากระทรวงอะไร และพรรครทสช. ไม่ได้ยึดตรงนั้นเป็นหลักตนคิดว่าพรรครทสช.มี สส. 36 คน สามารถทำงานให้กับประเทศได้อย่างเต็มที่ เพราะทุกคนเป็น สส. ที่เก่ง ดูได้จากการอภิปรายในสภาฯ ฉะนั้นในการบริหารงานพรรค รทสช. ยึดหลักตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้ไว้ในช่วงที่เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. โดยเฉพาะการทำงานและสานงานต่อ ที่พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำไว้แล้ว แม้วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ในพรรคแล้ว แต่ก็ได้วางโครงสร้างไว้กับพรรคและพวกเราก็ได้เดินต่อ

เมื่อถามอีกว่าการตั้งรัฐบาลสลายขั้วจะทำงานกันราบรื่นหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนคิดว่าวันหนึ่งก็ถึงเวลา ในการที่พรรคการเมืองแต่ละพรรค ได้สลายสีเสื้อและควรที่จะยึดประโยชน์ของประเทศด้วยความปรองดอง ซึ่งตนคิดว่ามันมีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศมากกว่า ฉะนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่ทุกพรรคจะต้องร่วมมือกันทำงาน

เมื่อถามด้วยว่าในพรรค รทสช. ได้มีการแบ่งโควตาหรือไม่ว่าสัดส่วนจะต้องเป็นอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นหลัก

เมื่อถามว่าชื่อแคนดิเดตนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน หรือน.ส. แพทองธาร ชินวัตร พรรครทสช. พร้อมจะยกมือโหวตให้ใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนคิดว่าถ้าเราตัดสินใจร่วมรัฐบาลแล้วก็อยู่ที่สิทธิ์ของพรรคแกนนำในการที่จะเสนอนายกฯ พวกเราก็พร้อมที่จะดำเนินการตามมติของพรรค ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เมื่อถามย้ำว่าแต่ สว.ตั้งแง่เรื่องคุณสมบัติของนายเศรษฐา ตรงนี้จะราบรื่นหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายเศรษฐา ซึ่งเขาก็ต้องอธิบาย และนายเศรษฐาก็ระบุว่าอธิบายได้ ดังนั้นทุกฝ่ายก็จะต้องฟัง ส่วนนายเศรษฐาควรที่จะต้องไปชี้แจงในสภาหรือไม่นั้น นายธนกร กล่าวว่า ก็แล้วแต่พรรค

'ศิริกัญญา' แจงประเด็น "คลังลงทุนอาบอบนวด...เมื่อไรขาย?" รู้อยู่แล้ว!! ไม่ได้เข้าซื้อหุ้นโดยตั้งใจ แต่ได้จากการยึดทรัพย์ของปปง.

(18 ส.ค.66) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความชี้แจงจากกรณีที่อภิปรายในสภาฯ ประเด็นลงทุนอาบอบนวด?? ตกลงขายได้มั้ย? ว่า...

เมื่อวันพุธ ดิฉันได้อภิปรายซักถามเกี่ยวกับรายงานการเงินแผ่นดินไป ไล่เรียงคำถามตั้งแต่การบริหารจัดการที่ราชพัสดุ งบประมาณที่ลงบัญชีว่าเบิกจ่ายเกินกว่าที่สภาอนุมัติ ไปจนถึงเงินลงทุนประเภทต่าง ๆ ของแผ่นดินที่กระทรวงการคลังบริหารแทน ซึ่งรวมถึงบริษัทที่ประกอบกิจการอาบอบนวด 5 บริษัท ที่ดิฉันได้สอบถามผู้มาชี้แจงว่าถือไว้ทำไม เมื่อไหร่จะขาย

กลายมาเป็นประเด็นโจมตีตามภาพ จึงขอชี้แจงและให้ข้อมูลที่ถูกต้องดังนี้ค่ะ

> คลังไม่ได้ลงทุนในอาบอบนวด

...ทราบดีค่ะ ว่ากระทรวงการคลังไม่ได้เข้าซื้อหุ้นโดยตั้งใจ และได้มาจากการยึดทรัพย์ของ ปปง. ซึ่งได้อภิปรายเรื่องนี้ไปแล้วด้วย สไลด์ก็เขียนอยู่ว่ามาจากยึดทรัพย์ เราไม่ควรอ่านแต่พาดหัวข่าวนะคะ ควรอ่านเนื้อข่าว หรือย้อนฟังการอภิปรายเต็ม ๆ เพื่อให้เข้าใจ

> การขายทอดตลาดทรัพย์สินใด ๆ เมื่อคดีสิ้นสุดเป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม

...กรณีนี้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำที่ผิดกฎหมายตกเป็นของแผ่นดิน และให้ตกเป็นของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา 51 พ.ร.บ. ปปง.

การบังคับคดีสิ้นสุดตั้งแต่ตอนที่โอนหุ้นมาเป็นของกระทรวงการคลังเมื่อ 11 ปีก่อนแล้วค่ะ

อำนาจการจำหน่ายสินทรัพย์ก็อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่ทำหน้าที่หลักทรัพย์

และถ้าฟังจนถึงผู้ชี้แจงจากสคร. ตอบคำถามดิฉัน ก็จะทราบว่าเค้าอยากจะขายค่ะ แต่ขายไม่สำเร็จ ราคาไม่เป็นที่พอใจ

กรมบังคับคดีจะมาขายทอดตลาดได้ยังไงก่อน...!!

เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งทราบ แต่ได้ซักถามกระทรวงการคลังมาหลายปีเกี่ยวกับหุ้นที่ถือเหล่านี้ทั้งที่ได้จากนโยบาย (ในอดีต) และที่ได้จากการยึดทรัพย์ สคร.ก็พูดตลอดว่าจะพยายามจำหน่ายออก แต่จำหน่ายไม่ออกซักที

ที่ต้องมาเร่งรัด เพราะเมื่อต้นปีก็มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับบริษัทนี้ ทั้งเรื่องผู้ถือหุ้นใหม่ ที่เกี่ยวพันกับทุนจีน และการจับกุมเพราะเปิดโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จึงไม่อยากให้หน่วยงานรัฐต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ค่ะ

จึงขออนุญาตชี้แจง เพราะไม่ได้แค่คนเดียวที่เข้าใจผิด คนระดับครูบาอาจารย์ก็ยังกระจายข่าวด้วยอคติไปทั่ว เดี๋ยวประชาชนจะเชื่อข้อมูลที่ผิด ๆ ค่ะ

‘รทสช.’ ประกาศชัด ร่วมรัฐบาลไร้เงื่อนไขต่อรอง แต่นี่คือเวลาที่บ้านเมืองควรจะมีความสามัคคีได้แล้ว

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 66 ‘เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี’ อดีตผู้สมัคร สส.กทม. เขต 33 บางพลัด-บางกอกน้อย พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า…

“จากการคุยกับพี่น้องหลายท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุน พวกเรา พรรครวมไทยสร้างชาติ เนเน่ได้รับรู้ถึงหลายความกังวลใจของหลายๆ คนนะคะ

… บ้างก็ไม่อยากให้ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยด้วยอดีตที่เรามีกันมา
… บ้างก็เห็นว่าแนวทางและอุดมการณ์เราต่างกันมากเหลือเกิน
… บ้างก็กังวลในเรื่องการประกาศที่จะแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย

เนเน่ขอสรุปประเด็นจากการโพสต์ของท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาให้ทุกท่านทราบว่า เราตัดสินใจร่วมรัฐบาลเพราะ… 

… ถึงเวลาที่บ้านเมืองควรจะมีความสามัคคีปรองดอง ความสงบสุข และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
… เราไม่มีข้อต่อรองหรือข้อเรียกร้องใดๆ ขอแค่ได้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน 
… พรรคเพื่อไทยเขายืนยันจะไม่มีการทำการที่ขัดต่ออุดมการณ์ของเราเรื่องชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์

เนเน่วอนขอความเข้าใจจากทุกท่าน และขอยืนยันให้ทราบว่าความเห็น ความรู้สึกของ พี่น้องแฟนคลับทุกท่านสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราค่ะ #เราจะสู้ไปด้วยกัน #ประเทศไทยต้องไปต่อ”

'สลัดข้าง-สลายขั้ว' กระแสคนไทยกลับมารักกันเพราะมี 'ขั้ว' ล้มสถาบันฯ มาช่วยประสานใจ

ตอนนี้ในโซเชียลมีเดียเริ่มมีการพูดถึงกระแส 'สลายขั้ว' ระหว่าง 'คนเสื้อเหลือง-คนเสื้อแดง' มากขึ้น แนวโน้มการพูดคุยเป็นไปในทิศทางของการปรับความเข้าใจกัน และให้อภัยต่อเรื่องในอดีต เพื่อจับมือกันก้าวไปข้างหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้ง ภายใต้จุดร่วมเดียวกัน คือ ธำรงไว้ซึ่ง 'ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์'

อย่างไม่นานมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Peemai Sirikul' ซึ่งออกตัวว่า FC พี่โทนี่และพรรคเพื่อไทย และก็มักจะโพสต์ล่วงเกินฝั่งตรงข้ามบ่อย ๆ ก็ได้ออกมาโพสต์ด้วยว่า...

"ขอโทษพี่น้องเหลือง - สลิ่มเฟส 1 สิ่งใดที่ได้ล่วงเกินกันในอดีต ขออโหสิ นับจากนี้เราคือพี่น้องร่วมชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เดียวกัน ขอเชิญชวนทุกท่านสมานฉันท์ ปรองดอง"

โดยข้อความดังกล่าว ได้ถูกแชร์ออกไปในโลกโซเชียลมากมาย สร้างแรงกระตุ้นในขั้วเหลืองแดงในอดีตเริ่มรู้สึกถึงสปิริตที่อยากแสดงออกในห้วงเวลาที่ประเทศไทยต้องรวมใจเป็นหนึ่ง

ประกอบกับความเคลื่อนไหวของต่างขั้วพรรคการเมืองที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อนำพาประเทศเดินหน้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยมีพรรครวมไทยสร้างชาติตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทยเป็นไฮไลต์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.นั้น ก็ยิ่งทำให้คนไทยเริ่มมองเห็นแสงสว่างขอการยุติสงครามสีอันยาวนานหลายทศวรรษลงได้แน่ ๆ

พร้อมทั้งเหลือเพียงสีของธงชาติไทยทั้งสาม ที่คนไทยจะกอดไว้เพียงหนึ่งเดียว

เพียงแต่ขั้วหรือสีที่ทำให้ 'เหลือง-แดง' เริ่มผสานกลมกลืน และสลายขั้วกันได้นี่สิ...จะอยู่ในฐานะอะไรต่อไป?

'สรรเพชญ' ซัด!! เหตุใด 'การกระจายอำนาจ' หลุดผังวาระประชุม กระทุ้ง!! หากยิ่งช้ายิ่งทำให้แผนปฏิรูปประเทศหลากด้านสะดุด

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.66 ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายรับทราบรายงานความคืบหน้าในแผนการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 20 ของรัฐธรรมนูญฯ ครั้งที่ 18 (เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2565)

นายสรรเพชญ ได้กล่าวว่า การรายงานแผนการปฏิรูปประเทศในครั้งนี้ เป็นการรายงานรอบสุดท้าย เนื่องจากระยะเวลาของแผนการปฏิรูปประเทศในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยนายสรรเพชญ ได้ถามถึงแผนการกระจายอำนาจในแผนการปฏิรูปประเทศ เนื่องจากไม่ปรากฎในรายงานที่เสนอต่อที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงได้เสนอแนะหัวใจของการกระจายอำนาจ ที่ต้องกระจายทั้งงบประมาณและทรัพยากรที่เพียงพอควบคู่กับความพร้อมของพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

พร้อมทั้งยังได้หยิบยกประเด็น 'ความล่าช้าของโครงการก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ จ.สงขลา' ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 15 ปี ใช้งบประมาณแผ่นดินสูงถึง 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการผลาญเงินภาษีของประชาชนกว่าวันละ 70,000 บาท โดยกรณีนี้นายสรรเพชญ กล่าวว่า เป็นการสะท้อนถึงความต้องการในการปฏิรูปประเทศหลายด้าน ทั้งด้านกฎหมาย ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งในอนาคต นายสรรเพชญ เตรียมการอภิปรายในประเด็นนี้ ให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาการก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ฯ ต่อไป

เมื่อกล่าวถึงประเด็นในการปฏิรูปด้านกฎหมาย นายสรรเพชญ กล่าวว่า การปฏิรูปกฎหมายมีความล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้เนื่องจากตามแผนจะปฏิรูปกฎหมาย 45 ฉบับ แต่ครบระยะเวลาตามกรอบ 5 ปี กลับทำสำเร็จ 10 ฉบับ "ท่านตั้งเป้าหมายไว้ถึง 45 ฉบับ แต่ทำจริงได้เพียง 10 ฉบับในกรอบระยะเวลาที่เรียกว่า Deadline หรือหมดเวลากำหนดส่งอย่างนี้ หากตนเป็นนักเรียนอยู่ ป่านนี้ผมเตรียมตัวได้เกรด F พร้อมไข่ต้มกลับไปกินที่บ้าน"

‘อดีตอาจารย์เศรษฐศาสตร์ มธ.’ ซูฮก!! ทีม ศก. รทสช. รวมกุนซือประสบการณ์สูง พร้อมแก้ปัญหาหนักระดับโลก

(18 ส.ค.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ว่า…

ถึงเวลาสลายขั้วเสียที
ข่าวดีมากๆ ครับ
ปัญหาเศรษฐกิจต่อจากนี้จะหนักมากและเป็นปัญหาระดับโลก

รทสช. มีกุนซือเศรษฐกิจเก่งหลายคน
เพราะ บริหารเศรษฐกิจเป็น ดูผลงานสมัยรัฐบาลลุงตู่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้

โควตา รมต. ดูเหมือนจะได้ 4 คน… ขอให้ รทสช.ได้ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจสักกระทรวง คงจะดีไม่น้อย

ประเทศชาติต้องมาก่อน!!

- อย่าชักศึกเข้าบ้าน
- ไม่แก้ ม.112 ที่มุ่งลดสถานะของสถาบันฯ
- ร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ


 

‘รวมไทยสร้างชาติ’ ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย หลังได้รับคำมั่น ไม่มีนโยบายขัดแย้งกันในเรื่อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

เมื่อวานนี้ (17 ส.ค. 66) นายพีรพันธุ์ สารีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนเองและเลขาธิการพรรคได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย เรื่องการร่วมกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง ซึ่งเราทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าถึงเวลาที่บ้านเมืองควรจะมีความสามัคคีปรองดอง และร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุข และการพัฒนาอย่างยั่งยืน การพูดคุยกันวันนี้เป็นการพูดคุยในหลักการทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญเท่านั้น ไม่ได้มีการพูดคุยกันในรายละเอียดอื่น ๆ

ทั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีข้อต่อรองหรือข้อเรียกร้องใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงให้ร่วมกันทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชนอย่างแท้จริงเท่านั้น

ทางพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าจะไม่มีนโยบายหรือการดำเนินการใดที่ขัดต่อเจตนารมณ์และแนวทางทางการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะในเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยจะช่วยกันสร้างความเข้มแข็งมั่นคงของสถาบันหลักทั้งสามต่อไป ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้เกียรติและเห็นถึงศักยภาพของพรรครวมไทยสร้างชาติครับ


 

'สำนักข่าวอิศรา' ขุดที่มา บ.เบียร์พิษณุโลก ที่ ‘ปดิพัทธ์’ โพสต์ภาพโชว์ ด้าน 'ผู้ถือหุ้นใหญ่' รับสาย แต่ไม่สะดวกแจงสินค้าว่าเป็นของใคร

(17 ส.ค. 66) กรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ได้เผยแพร่ภาพคราฟต์เบียร์ยี่ห้อหนึ่งลงในโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก และ TikTok แนะนำด้วยความภาคภูมิใจว่า “เอาแล้วๆๆๆๆ พิษณุโลกมีคราฟท์เบียร์ตัวแรกอย่างเป็นทางการแล้วครับ เป็นของดีพิดโลกนอกจากกล้วยตากและหมีชั่วครับ” กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 32 วรรคแรก บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อมหรือไม่

ต่อมาวันที่ 15 ส.ค. 66 นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดนายปดิพัทธ์ เข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 66 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า เจ้าตัวได้ลบโพสต์ข้อความและภาพดังกล่าวออกไปจากหน้าเฟซบุ๊กแล้ว

กรณีดังกล่าวสำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า ในเพจเฟซบุ๊กที่เกี่ยวข้องในกับเบียร์ยี่ห้อนี้ โพสต์ข้อความเมื่อ 9 สิงหาคม ว่า “เรารอสิ่งนี้มาโดยตลอด เครื่องดื่มคราฟต์พิดโลก by Phitsanulok Brewing เปิดตัวที่แรกที่ร้าน Girl’s don’t cry ผลิตถูกกฎหมายทุกขั้นตอน เสียภาษีเรียบร้อย พร้อมกระจายไปให้ทุกท่านได้ลองผลิตภัณฑ์แบรนด์ท้องถิ่น ที่เราฝ่าฟันกันมากับวงการคราฟต์เบียร์มาตลอด 7ปี”

ก่อนหน้านี้วันที่ 8 ส.ค.โพสต์ข้อความว่า “อันนี้ไม่ใช่นโยบายหาเสียง แต่เป็นการโฆษณาเพื่อทำมาหากิน สัปดาห์นี้เรามีของเด็ดรอเข้าอยู่ เป็นตัวที่ผมอยากนำเสนอมาตั้งแต่ที่เราทำคราฟต์เบียร์มาเลย วันนี้อากาศดีมาก มาเจอกันมาชลแก้ว ศรีน่าน เอ้ย!! ชนแก้วเฉย ๆ กันได้ที่บาร์เลยค้าบ”

เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้เผยแพร่ภาพคล้ายนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายปดิพัทธ์ รวมทั้ง ส.ส.พรรคก้าวไกลบางคนเคยเดินทางมาที่ร้านแห่งนี้ด้วย

จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า PHITSANULOK BREWING ตามที่ระบุข้างต้น พบว่า PHITSANULOK BREWING หรือ บริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จำกัด ทะเบียนวันที่ 9 ธ.ค. 65 ทุน 1 ล้านบาท แจ้งวัตถุประสงค์ 20 ข้อ แบบ สสช. 1 ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ที่ตั้งเลขที่ 441/58 ซอย13 ถนนบรมไตรโลกนาถ 2 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก นายภูวดล ศิริสินเลิศ เป็นผู้ก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ และเป็นกรรมการร่วมกับนายธนาบูรณ์ ตระกูลฤกษ์ชัย 

เมื่อช่วงสายวันที่ 17 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังนายภูวดล ศิริสินเลิศ หนึ่งในผู้บริหารบริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จำกัด เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในเอกสารจดทะเบียนบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 

เมื่ออีกฝ่ายรับสาย ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่านายภูวดล บริษัท พิษณุโลก บรูอิ้ง ใช่หรือไม่ อีกฝ่ายตอบว่า "ใช่"

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า ทราบเรื่องกรณีนายปดิพัทธ์โพสต์ภาพคราฟต์เบียร์ลงในโซเชียลมีเดียแล้วหรือไม่ นายภูวดล กล่าวว่า "ทราบแล้ว"

แต่เมื่อถามต่อว่าเป็นเบียร์ของบริษัทเลยใช่ไหม ที่นายปดิพัทธ์ได้นำไปพูดถึง นายภูวดลได้ทวนว่า "สำนักข่าวอิศราใช่หรือไม่"

ผู้สื่อข่าวตอบว่า "ใช่" นายภูวดลได้ตอบกลับว่า "ยังไม่สะดวกตอนนี้" ก่อนที่จะวางสายโทรศัพท์ไป

จึงทำให้สำนักข่าวอิศรา ยังไม่ได้รับคำชี้แจงต่อกรณีจากฝั่งของผู้บริหารบริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จำกัด เพิ่มเติม ณ เวลานี้

‘บิ๊กตู่’ เปรียบประเทศไทยเป็นรถไฟ ต้องเดินไปข้างหน้า หัวขบวนต้องดี ไม่งั้นล้มทั้งขบวน

(17 ส.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางตรวจราชการ จ.สระบุรี เข้าตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ ณ พื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ฯ สถานีรถไฟหินลับ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี 

ทั้งนี้ระหว่างรับฟังบรรยายสรุปนายกฯ กล่าวว่า ให้ผู้มีรายได้น้อยได้เข้าใจว่ารัฐบาลได้ทำอะไรให้เขาต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจนี่คืออนาคตประเทศ ซึ่งหลายๆอย่างทำมาได้ดีแล้ว ขึ้นอยู่กับรัฐบาลหน้าทำอะไรได้มากกว่า ซึ่งรัฐบาลวางยุทธศาสตร์ไว้แล้ว ต้องขอบคุณกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทยและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งมีหลายเรื่องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่ไปห้ามใครทำอะไรอยากจะทำอะไรก็ทำไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ 6 ข้อ ก็สามารถทำได้หมด เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และทั้งหมดตอบคำถามได้ก็จบ ไม่ได้ไปห้ามให้ทำอะไร ยุทธศาสตร์ชาติสามารถปรับได้ตลอดเวลา ถ้าไม่มียุทธศาสตร์ชาติก็จะเดินสะเปะสะปะไป ซึ่งก็แล้วแต่แล้วกัน หลายคนก็บอกว่ามีไว้ทำไม ขอให้อ่านดูก่อน ทุกเรื่องถ้าไปจับเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่เข้าใจกัน ต้องอ่านกฎหมายก็ต้องอ่านให้หมด

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ขึ้นขบวนรถไฟหมายเลข 3 บชส.1221 จัดเฉพาะระยะทาง 300 เมตร ไปยังบริเวณอุโมงค์ผาเสด็จ โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้นั่งมาหลายปีแล้ว ซึ่งเราชอบขนมอาหารที่ขาย ข้างทางรถไฟเช่น ข้าวเหนียวเนื้อ

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกภูมิใจหรือไม่กับผลงานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องภูมิใจไปด้วยกัน ไม่ใช่จะว่ากันไปกันมามันก็จะไม่เสร็จ เมื่อถามว่าถือเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายของรัฐบาลนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อะไรสุดท้ายมีตั้งหลายขบวน รถไฟมันไม่มีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าไม่มีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว ถ้าทุกคนช่วยกันทำมันก็ไปข้างหน้าได้ มันถึงเกิดได้ไงฉะนั้นรถไฟยังมีหัวขบวน ถ้าหัวขบวนดีก็ไปได้ตลอด ถ้าหัวขบวนไม่ดีก็ล้มทั้งขบวน มันไปไม่ได้เข้าใจหรือเปล่า เข้าใจไหม

เมื่อถามว่าจะฝากไปถึงรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ไปเกี่ยวกับเขาหรอก ก็เรื่องของเขาสิ เราทำไว้ให้หมดแล้ว

เมื่อถามว่าวันนี้ถือว่าอากาศดีแล้วใช่หรือไม่ เพราะบนท้องฟ้าพระอาทิตย์กำลังทรงกลด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เหรอ โชคดีของพวกเธอ ขอให้ประเทศชาติโชคดีด้วยก็แล้วกัน

เมื่อถามว่าถือว่าโครงการรถไฟนี้เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าก็ใช่ ในเร็ว ๆ นี้ก็จะเสร็จอีกหลายช่วง มันก็ไม่ง่ายนักการก่อสร้างอะไรแต่ละอย่าง ซึ่งจากเดิมวิ่ง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เวลานี้วิ่งได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ได้สรุปให้ฟัง การเดินทางจะเร็วขึ้น และจะไปเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงด้วย ที่จังหวัดหนองคายคู่ขนานกันไปจะทำให้คอขวดจุดนี้หายไป เพราะก่อนหน้านี้ตรงนี้เป็นพื้นที่คอขวดที่เดินทางขึ้นเขาไม่ได้ การเดินทางช้า ขอให้ลงรายละเอียดจะได้เข้าใจกัน การที่เราพูดเยอะเพราะอยากให้ได้รับรู้รายละเอียด ถ้าจับตรงนั้นตรงนี้ของคนนั้นคนนี้มาพูดมันก็ตีกันอยู่อย่างนี้ สื่อก็ต้องช่วยกันหาเหตุผลว่ามันใช่หรือไม่ใช่ มันเป็นอย่างไรข้อเท็จจริงก็จะไม่ทะเลาะกันเข้าใจหรือไม่ สิ่งนี้ใครได้ประโยชน์ นายกฯ ได้หรือ ตรงนี้นายกฯ ไม่ได้ แต่คนที่ได้คือประชาชนรัฐบาลก็ต้องทำแบบนั้น ใช้งบประมาณให้เกิดความสมดุลพูดง่าย ๆ

เมื่อถามว่าเป็นการฝากไปยังรัฐบาลใหม่ด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ต้องฝากก็ส่งต่อไปบางอันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและบางอันเป็นโครงการอยู่แล้วก็หวังว่าเขาจะทำต่อ

จากนั้นขบวนรถไฟได้เคลื่อนตัวออก ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่าขบวนรถไฟนี้ยังมีเสี่ยหนูนั่งอยู่ด้วย ขณะที่ นายอนุทิน นั่งอยู่ด้านหลังนายกฯ ถึงกับหัวเราะเสียงดังชอบใจ 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะต่อขบวนกันไปแบบนี้ไปตลอดหรือเปล่า พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถาม 

เมื่อถามย้ำว่าจะฝากนายอนุทินไปสานงานต่อในรัฐบาลหน้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากทุกคนนั่นล่ะ ฝากเสี่ยหนูก็ฝาก 

เมื่อถามว่าฝากไปถึงรัฐบาลหน้าด้วยหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไปถามนายกฯ ใหม่เขานู้น จังหวะนี้ทำให้นายอนุทินถึงกับหัวเราะ ก่อนที่นายอนุทินจะพูดกระเซ้านักข่าวพร้อมโบกมือกล่าวว่า “ลาก่อน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top