Saturday, 21 June 2025
POLITICS NEWS

'ช่อ' โยนบาป 'พท.' ขวางตั้งรัฐบาล เหตุไม่เอา ภท.  ทั้งที่ความเป็นจริง 'พิธา' เคยพูดเองว่าไม่เอา ภท.

(20 ส.ค. 66) มีรายงานว่า ขณะนี้มีข้อความและคำพูดของ น.ส. พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล แชร์ว่อนเน็ต หลังไปออกรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ระบุถึงย้อนไปถึงเหตุการณ์ ครั้งที่ ‘พรรคก้าวไกล’ จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เป็นเพราะพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องให้ พรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมรัฐบาล ท้้งที่หากได้ 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทย จะได้เสียง เกิน 376 เสียงเป็นนายกฯ ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่ง สว. พร้อมระบุว่า ถ้าเรื่องที่ตัวเองพูดไม่จริง ก็บอกมาว่าไม่จริง

ขณะที่ข้อเท็จจริงช่วงนั้น ผู้ที่ไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ร่วมรัฐบาล ก็คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทุกแขนงเมื่อวันที่ 15 พ.ค. หลังวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. มั่นใจเสียงของ 8 พรรคเดิม ก่อนจะเพิ่มเป็น 312 เสียง เพราะเชื่อว่าในขณะนั้นจะได้เสียงสนับสนุนเป็นนายกฯได้ ก่อนถูกรัฐสภาโหวตคว่ำในเวลาต่อมา

'ชุมพล กาญจนะ' ฝ่าดง ปชป.หอบหิ้ว 6 สส.เข้า รทสช. ผลงานเด่น!! ควรได้รัฐมนตรีเป็นรางวัลตอบแทนหรือไม่

เมื่อรวมไทยสร้างชาติร่วมรัฐบาล 'ชุมพล กาญจนะ' ควรเป็นรัฐมนตรี เพราะเขาจับมือกับ 'กำนันศักดิ์-พงศ์ศักดิ์ จ่าแก้ว' นายกฯ อบจ.สุราษฎร์ หอบหิ้ว สส.เข้ามาได้ถึง 6 คน จาก 7 คน ในสุราษฎร์ธานีหรือไม่?

ต้องยอมรับความจริงว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นสนามหิน สังเกตจากเลือกตั้งครั้งก่อน ประชาธิปัตย์ชนะยกจังหวัด 6 ที่นั่ง และมี 'สินิตย์ เลิศไกร' นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์

เลือกตั้งปี 66 พรรครวมไทยสร้างชาติก่อเกิดขึ้น เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้าต่อทางการเมือง โดย 'ชุมพล กาญจนะ' เดินออกจากประชาธิปัตย์ เข้าร่วมภารกิจกับรวมไทยสร้างชาติ ปลุกปั่นทีมสุราษฎร์ธานี จนเดินฝ่าดงประชาธิปัตย์มาได้ถึง 6 คน ซึ่งก็ถือว่าไม่ธรรมดา ถึงแม้จะอ้างว่าประชาธิปัตย์ขาลงก็ตาม แต่มีภูมิใจไทย ตามจี้ก้นอยู่เหมือนกัน จนภูมิใจไทยมาแย่งไปได้ 1 ที่นั่ง

เมื่อชุมพลหอบหิ้วชัยชนะมาให้รวมไทยสร้างชาติได้สวยงามขนาดนี้ จังหวัดเดียวได้มา 6 ที่นั่งจากที่รวมไทยสร้างชาติทั่วประเทศได้มา 36 ที่นั่ง รางวัลแห่งความสำเร็จควรจะยกให้ 'ชุมพล กาญจนะ' หรือไม่?

ชุมพล กาญจนะ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมาโชกโชน ถือเป็นเบอร์ต้นๆ ของสุราษฎร์ธานี ไม่เสียหายอะไรหรอกถ้าเขาจะได้รับกับค่าเหนื่อย

แต่โควตานี้ ถ้าเป็นไปตามโผ ได้ตกเป็นของ 'วิทยา แก้วภารดัย' กับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นตำแหน่งที่วิทยาไม่ควรรับ เพราะเคยนั่งว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาแล้ว

เหมือนคนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี คุณค่ามันด้อยลงไป เหมือนสมัยหนึ่งที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วมารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในเวลาถัดมา

แม้บางคนอาจจะแย้งว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับผมถือว่า 'แปลก' และในทางการเมืองก็วิจารณ์กันได้ และวิทยาควรจะไปเอาโควตาภาคอีสาน เพราะช่วงเลือกตั้งวิทยาเป็นคนที่พรรคมอบหมายให้ดูแลภาคอีสาน

อย่างไรก็ตาม ชุมพลช่วงออกจากประชาธิปัตย์ ก็ถูกถล่มเรื่องเงิน 200 ล้าน ซึ่งข้อเท็จจริงประการใดไม่มีใครทราบ แต่ชุมพลก็ออกมาปฏิเสธเรื่องเงิน 200 ล้าน

เอาเป็นว่า ยังเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ และทางการเมืองก็กล่าวหากันได้ แต่ยังไงซะ วันนี้ชุมพลได้หอบหิ้วความสำเร็จให้รวมไทยสร้างชาติ ในสนามสุราษฎร์ธานีแล้ว เพื่อความเป็นธรรมเขาจึงควรได้รับรางวัลสมน้ำสมเนื้อ เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมรัฐบาล จะเป็นรัฐมนตรีว่าการ หรือช่วยว่าการก็ไม่ว่ากัน

เพียงแต่ว่า แกนนำรวมไทยสร้างชาติ 2 คนของสุราษฎร์ธานี คือ 'ชุมพล' กับ 'กำนันศักดิ์' ไม่ลงรอยกัน เดินคนละทางกันเท่านั้นเอง โดยกำนันศักดิ์จะแพคกันกับกลุ่มลูกหมี (ชุมพร) และนายกฯ วิสุทธิ์ พัทลุง ส่วนชุมพลก็เป็นสายวิทยา

เมื่อสุราษฎร์ธานีไม่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ชุมพลมีอยู่ 3...กำนันศักดิ์มีอยู่ 3...การแยกจากกันจึงไม่มีพลังอำนาจในการต่อรอง จึงอาจจะพลาดเก้าอี้รัฐมนตรี

จริงไหม 'พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค' หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

'สมชัย' ยัน!! จุดประสงค์ 'งบรับรอง' ต้องเพื่องานราชการเท่านั้น แนะ 'หมออ๋อง' รีบเอาเงินส่วนตัวไปคืน จะไม่ถือเป็นความผิด

(20 ส.ค. 66) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ใช้งบประมาณสำหรับเลี้ยงรับรอง เลี้ยงหมูกะทะแม่บ้านอาคารรัฐสภา จำนวน 370 คน เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา โดย นายสมชัย ระบุว่า...

"งบรับรอง มีวัตถุประสงค์การใช้ชัดเจน ต้องเป็นเพื่องานราชการ ไม่สามารถใช้ตามใจชอบได้ ระเบียบราชการมีอยู่ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลสมควรทักท้วง หากใช้ไปแล้วก็ยังไม่จบ สตง.สามารถเข้ามาตรวจสอบได้เพราะเป็นเงินหลวง การแก้ไข ไม่ยากครับ เอาเงินส่วนตัวมาจ่ายคืน ไม่ถือเป็นความผิด"

'สรยุทธ' อึ้ง!! ‘ก้าวไกล’ ฝันสลาย ตรงกับทุกคำพูดตัวตึง ‘ชัยวุฒิ’ บนเวทีดีเบตก่อนเลือกตั้ง 66 ชาวเน็ตยกให้เป็น 'ผู้มาก่อนกาล'

จากรายการเรื่องเล่า เสาร์-อาทิตย์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566 นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวและผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ได้ยกคำดีเบตช่วงหนึ่งของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเคยกล่าวไว้ใน 'รายการดีเบตเลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ตอน ดีเบตครั้งสุดท้าย' ที่ช่อง 3 จัดขึ้น เมื่อวันที่ 11 พ.ค.66

โดยช่วงหนึ่งในเนื้อหาของนายชัยวุฒิ ที่มักถูกตั้งฉายาว่า 'ตัวตึง' และไม่ได้เต็มอิ่มไปด้วยวาทกรรมโดนใจใครเหมือนผู้ดีเบตท่านอื่นนัก ก็ได้พูดถึง 'พรรคก้าวไกล' เกี่ยวกับแนวนโยบายหาเสียง ที่ถึงเวลาได้เป็นรัฐบาลแล้ว ก็จะทำไม่ได้ และหากจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา ก็จะไม่มีเสถียรภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น จะไม่มีใคร พรรคไหน พร้อมเคียงข้างกับพรรคก้าวไกลด้วย ซึ่งดูเหมือนคำดีเบตในวันนั้น จะกลายเป็นคำพยากรณ์กลายๆ ที่แม่นยำ จนถูกสังคมโซเชียลนำมาแชร์กันอย่างแพร่หลาย เพราะก้าวไกลอยู่ในสภาพดังกล่าวจริงๆ

โดยหลังจากจบการรีวิวคำดีเบตดังกล่าว นายสรยุทธ ถึงกล่าวว่า "แกรู้ล่วงหน้าหรืออะไร? อ้าว!! หา!! รู้ล่วงหน้าหรือยังไง?" และนั่นก็ทำให้ผู้คนเริ่มกลับมาย้อนฟังคำพูดของ 'นายชัยวุฒิ' ในฐานะ 'ผู้มาก่อนกาล' กันเลยทีเดียว...

‘ศรีสุวรรณ’ จ่อ ร้อง ‘ป.ป.ช.’ สอบ ‘รองอ๋อง’ ปมเลี้ยงหมูกระทะ ชี้!! ใช้งบหลวงผิดประเภท ส่อเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

(19 ส.ค. 66) นายศรีสุวรรณ จรรยา กลุ่มองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ใช้งบรับรองแขก เลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภา จากเงินภาษีของ ปชช.เพื่อหน้าตาของตนเอง ถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่?”

ขณะเดียวกัน นายศรีสุวรรณ แจ้งสื่อมวลชนว่า ในวันจันทร์ที่ 21 ส.ค. 66 เวลา 10.00 น. จะไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวน ตรวจสอบ รองฯอ๋อง (นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พรรคก้าวไกล รองประธานสภาฯ ) เพื่อวินิจฉัยว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติห้ามไว้ หรือไม่ เพราะกระทำการที่อาจขัด รธน.เกี่ยวกับผลประโยชน์ขัดกัน ประกอบมาตรฐานจริยธรรมฯ

‘โบว์ ณัฏฐา’ ตั้งข้อสังเกต!! ‘รองอ๋อง’ ใช้งบรับรองแขกเลี้ยงหมูกระทะ ติง ‘ไม่เหมาะสม-ไม่สมเหตุสมผล’ ด้วยเหตุผลหลายประการ

(19 ส.ค. 66) ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณีการใช้งบรับรองแขกของรองประธานสภาฯ ไปจัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภาฯ นั้น ไม่เหมาะสมและไม่สมเหตุสมผลด้วยเหตุผลหลายประการ โดยส่วนตัวมีข้อสังเกตดังนี้…

1.) วัตถุประสงค์ของงบก้อนนี้ ให้ใช้เพื่อรับรองแขกบ้านแขกเมืองเป็นหลัก ในแต่ละปีจะมีคณะบุคคลหลากหลายมาขอเข้าพบประธานและรองตลอดปี เช่น คณะผู้แทนราษฎรหรือส่วนงานนิติบัญญัติจากต่างประเทศ ทูต ผู้แทนกระทรวง หรือคณะบุคคลจากรัฐบาล และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีวาระตามจุดประสงค์ของทั้งสองฝ่าย

งบก้อนนี้ไม่ใช่งบสวัสดิการพนักงาน มิฉะนั้น ประธานและรองก็สามารถเอางบนี้ พาพนักงานไปเที่ยวเล่นได้ทั้งปีโดยอ้างเหตุผลต่างๆ ได้

นี่คือการใช้งบผิดประเภท

2.) แม่บ้านจำนวนมากในสภาฯ นั้น มาจากบริษัท Outsource ที่ทางสภาฯ ทำการจัดจ้างมา และมีเงื่อนไขในการทำงานที่ตกลงกับบริษัทเอกชน หากพบว่ามีเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม สิ่งที่สภาฯ ควรทำ คือการทบทวนสัญญากับบริษัท ให้มีความครอบคลุมถึงส่วนที่เกี่ยวกับสวัสดิการ และความเหมาะสมของเงื่อนไขในการจ้างพนักงาน (หลายคนถูกจ้างแบบรายวันต่อเนื่องเป็นปีๆ โดยไร้สวัสดิการ ซึ่งผิดกฎหมายแรงงาน หากต้องการให้รัดกุม ต้องมีการปรับรายละเอียดส่วนนี้ ให้ครอบคลุมการตรวจสอบในสัญญา ซึ่งคือสิ่งที่ทำได้เลยเพราะเป็นสัญญาระยะสั้น และรองประธานควรตรวจสอบได้เอง เพราะเป็นส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างภาครัฐกับเอกชน)

3.) สภาพแวดล้อมพื้นฐานในการทำงานของแม่บ้านสภาฯ ควรได้รับการปรับปรุงก่อน และเป็นสิ่งที่รองประธานย่อมมองเห็นได้เองอยู่แล้ว เพราะเป็นมาตรฐานที่ลูกจ้างทุกคนควรมี เช่นห้องพัก ที่เก็บของส่วนตัว และโซนรับประทานอาหารของพนักงาน เมื่อทำสิ่งเหล่านี้ หลังจากนั้น มีรายละเอียดเพิ่มเติมอะไร ก็ดำเนินการทบทวนรายละเอียด โดยส่วนงานที่เกี่ยวข้องไปได้ตามปกติ

เมื่อข้อเท็จจริงมีดังที่กล่าวมานี้ อีเวนต์เลี้ยงหมูกระทะที่เกิดขึ้นจึงไม่เหมาะสม ทั้งในเรื่องการใช้งบประมาณผิดประเภท การจัดเลี้ยงลูกจ้างของบริษัทเอกชนโดยไม่ติดต่อสื่อสารกับบริษัท การสร้างประเด็นข่าวจากสิ่งที่ควรเป็นงานปรับปรุงแก้ไขตามปกติในสภาฯ

และสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นการ ‘หาเสียง’ ด้วยการสร้างภาพกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของพรรคก้าวไกล โดยนำกลุ่มแม่บ้านสภาฯ ขึ้นมาเป็นตัวแทนประกอบฉาก ด้วยงบประมาณของรัฐฯ

เปิดโผ จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ครม. ‘เพื่อไทย 1’ ‘คลัง-มหาดไทย-คมนาคม’ อยู่ พท. ส่วน ‘เกษตรฯ-สาธารณสุข’ ภท.คุม

เปิดโผ ครม.เพื่อไทย 1 จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้ว เพื่อไทยยึดคลัง มหาดไทย คมนาคม พาณิชย์ ยกเกษตร-สาธารณสุขให้ภูมิใจไทย รอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคมนี้…?

ล่าสุดสำหรับการทำงานของทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ได้ข้อสรุปหมดแล้ว ทั้งเรื่องการแบ่งกระทรวง และการจัดสรรบุคคลเข้าสู่ตำแหน่ง ประกอบด้วย...

- เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากเพื่อไทย
- ชูศักดิ์ ศิรินิล รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- แพทองธาร ชินวัตร รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคภูมิใจไทย
- พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ
- สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากพรรคพลังประชารัฐ
- ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากพรรคพลังประชารัฐ
- อำนาจ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย
- อดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ จากพรรคเพื่อไทย
- ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย
- จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย
- สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคพลังประชารัฐ
- ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย
- แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากเพื่อไทย
- เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยคลัง จากพรรคเพื่อไทย
- สรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย
- ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย
- วิสุทธิ์ ชัยอรุณ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย
- ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย
- สุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย
- เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีข่วยคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย
- กิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย
- วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย
- อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคภูมิใจไทย
- วิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากพรรคพลังประชารัฐ
- ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จากพรรคเพื่อไทย
- ปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย
- วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ จากพรรคชาติไทยพัฒนา
- พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกนะทรวงท่องเที่ยว จากพรรคภูมิใจไทย
- พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล จากพรรคเพื่อไทย
- สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- สุขสมรวย วันทนียกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จากพรรคภูมิใจไทย
- จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา จากพรรคเพื่อไทย
- ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากพรรคประชาชาติ

การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวหมดแล้ว รอเพียงผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากรัฐสภา ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้เท่านั้น

‘ทักษิณ’ กลับบ้าน ขออภัยโทษ แจกกล้วยสภาสูง ดัน ‘เศรษฐา’ มีลุ้น

ไม่น่าจะเลื่อนหรือล้มเลิกอะไรอีก… วันที่ 22 ส.ค.นี้ รัฐสภาก็จะได้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 กันเป็นครั้งที่ 3 และในวันเดียวกัน ตอน 9.00 น. ‘คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ จะยกทีมไปต้อนรับการกลับบ้านของคุณพ่อ ‘นายทักษิณ ชินวัตร’

สองเหตุการณ์มาบรรจบกัน ในวันเดียวกัน… แบบนี้ต้องร้องอั๊ยหยา!!... เกือบๆ ฟ้าสะท้าน แผ่นดินสะเทือนทีเดียวเชียวแหละ!!

ว่ากันกรณีโหวตเลือกนายกฯ ก่อน พรรคเพื่อไทยดีลจบแล้ว ได้รัฐบาล 314 เสียง สูตร ‘มีลุง มีเรา สลายขั้ว สลายสี’ อาจจะคลุมๆ เครือๆ อยู่นิดหน่อย กรณีพรรคพลังประชารัฐของ ‘บิ๊กป้อม’ ยังไม่ปรากฏว่าผู้บริหารพรรคของฝั่งเพื่อไทยและพลังประชารัฐ ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ… แต่คาดว่า ในอีกวันสองวันนี้ก็คงแสดงความชัดเจนออกมา

วิเคราะห์ ตรวจสอบแล้ว แม้ว่าขณะนี้ ‘นายเศรษฐา ทวีสิน’ จะถูก ‘นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ จอมแฉจ้วงแทงเอาหลายแผล อาการไม่สู้ดีนัก และเชื่อขนมกินเถอะ ว่าวันที่ 22 ส.ค.ที่จะถึงนี้ จะถูก สว.ตัวตึง 3-4 คน ขยี้แผลซ้ำก็ตาม… แต่ความที่พรรคสองลุงร่วมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ภายใต้เงื่อนไข ‘เพื่อไทยไม่ยุ่ง-ไม่แก้มาตรา 112 และไม่เบี้ยวไปเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลในภายหลัง’ ก็ทำให้ สว.สายลุงที่เคยค้านสุดตัวหรือเตรียมงดออกเสียง เปลี่ยนใจมายกมือ ‘เห็นชอบ’ ด้วยเห็นแก่ประเทศที่จะต้องเดินหน้ากันมากขึ้น…

และไม่แค่นั่น… สายข่าวยืนยัน นั่งยัน ว่าขณะนี้ปฏิบัติการแจกกล้วยให้ สว.ผู้หิวโหยได้ดำเนินไปอย่างเอาการเอางาน และได้ผลค่อนข้างดี…

อย่างไรก็ตาม คะแนนของนายเศรษฐาก็ยังไม่ปลอดภัย… ได้เสียงสนับสนุนจาก 11 พรรค รวม 314 ต้องหาเพิ่มอีก 61 จึงจะครบ 375 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา… ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย…
ถ้านาทีสุดท้ายเกิด สว.ส่วนใหญ่ ‘งดออกเสียง’ ขึ้นมาล่ะก็นายเศรษฐาอาจชีช้ำไปตลอดชีวิต พรรคเพื่อไทยอาจเข็นคนป่วย ‘นายชัยเกษม นิติสิริ’ หรือทิ้งไพ่ตายให้ลูกสาวนายห้าง ‘อุ๊งอิ๊ง’ ก็ได้…

ดูเกมทั้งกระดานแล้ว… พรรคเพื่อไทยไม่ยอมสูญเสียเก้าอี้นายกฯ อย่างแน่นอน ยิ่ง ‘นายใหญ่’ เดินทางกลับบ้านในยามนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องคว้าเก้าอี้นายกฯ ให้ได้…

สำหรับกรณีที่นายทักษิณ ซึ่งมีโทษจำคุกจากคดีทุจริตที่ถึงที่สุดแล้วรวม 10 ปี สายข่าวระบุว่า ได้ทำการบ้านในเชิงข้อกฎหมายมาเป็นอย่างดี ทั้งประเด็นระยะเวลาจำคุกที่ทับซ้อนโทษจำคุกจริงน่าจะเหลือน้อย และคงใช้ช่องทางขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะตัวด้วย… ส่วนกรณีที่จะใช้ช่องทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอาจไม่จำเป็น อาจจะแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) เพียง 2 ฉบับ คือ ‘พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง’ และ ‘พ.ร.ป.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ’ เพื่อให้คดีเปลี่ยนจากไม่มีอายุความเป็น ‘มีอายุความ’ เพื่อที่นายทักษิณจะได้ใช้ระยะเวลาที่หลบหนีคดีลบล้างโทษได้…

ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งหลายทั้งปวง… ‘เล็ก เลียบด่วน’ ขออนุญาตโลกสวยสักวัน ขอภาวนาให้รัฐบาลสลายขั้ว สลายสี เดินหน้าประเทศไทยไปให้ได้ ออกจากหล่ม 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งให้ได้สักครึ่งหนึ่ง ก็ยังดี… สาธุ!!

‘เอกนัฏ’ ขอยุติสงครามหลากสี เดินหน้าตั้งรัฐบาลปรองดอง เร่งพา ปชช.ฝ่าวิฤกต วอนสังคมอย่าจมกับความขัดแย้งในอดีต

(18 ส.ค. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า มีการพูดคุยกันมาตลอด โดยคณะเจรจามีเพียงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและตนที่เข้าไปคุยกับทีมบริหารของพรรคเพื่อไทยเป็นการคุยอย่างเป็นทางการได้ระบุเงื่อนไขว่า จะต้องไม่มีการแก้ไข ม.112 ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีการแก้ไข และยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการแบ่งกระทรวง โดยพรรคเพื่อไทยรับปากว่า จะไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติติดแค่เรื่องการเดินหน้าแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลเท่านั้น

เงื่อนไขสำคัญ เรามีแค่ 2 ข้อคือไม่มีพรรคก้าวไกลและไม่มีการแก้ ม.112 ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า อยากรีบจัดตั้งรัฐบาล เพราะบ้านเมืองไม่มีรัฐบาลก็จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนลำบาก จึงขอความร่วมมืออย่าไปจมกับความขัดแย้งในอดีต ควรเดินหน้าด้วยความปรองดองสมานฉันท์ดีกว่า

เมื่อถามถึงประเด็นความขัดแย้งในอดีตของกลุ่ม กปปส.กับกลุ่มเสื้อแดงในอดีตนายเอกนัฏ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ลบไม่ได้อยู่แล้ว ตนก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เคยทำมาได้ แต่ต้องดูว่าเหตุผลที่เคยทำมาตอนนั้นคืออะไร มีความพยายามจะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม จึงได้มีการออกมาชุมนุมต่อต้าน แต่ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวก็ไม่มีแล้ว เหตุการณ์ผ่านมากว่า 10 ปี ความขัดแย้งที่คนเข้าใจว่ามีระหว่างเสื้อเหลือง เสื้อแดง กปปส.ควรยุติ ควรจะร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ ให้โอกาสซึ่งกันและกัน

“หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มีการเลือกตั้งมาแล้ว 2 ครั้ง ทุกพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง ที่ผ่านมาต่างคนต่างเจ็บด้วยกัน ผมเองก็ถูกคดี หลายคนอาจคิดว่าเวลานี้มีเรื่องการต่อรองเก้าอี้ ขอบอกว่าเจรจากับผมดีที่สุด เพราะผมเป็นอะไรไม่ได้เพราะติดคดีอยู่ และผมจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นอุปสรรคในการเดินหน้าประเทศ เพราะหากจมอยู่แต่ในอดีตก็จะไม่สามารถเดินหน้าไปสู่อนาคตได้ ในฐานะเลขาธิการพรรค ผมไม่สามารถไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ แต่ส่วนตัวมีความตั้งใจในการทำงานการเมืองและเร่งพัฒนาพรรครวมไทยสร้างชาติให้เป็นสถาบันการเมือง ในส่วนของการทำงานในรัฐบาลก็จะมีบางส่วนเข้าไปร่วม แต่ในส่วนงานการเมืองของพรรคก็เป็นเรื่องสำคัญที่มีความตั้งใจว่า พรรคจะได้นำเสนอแนวทางการทำงานเป็นทางเลือกอีกแบบหนึ่งที่ทันสมัย” เลขาพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว

เมื่อถามว่าการคุยเรื่องโควตารัฐมนตรีมีการต่อรองหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ตนและหัวหน้าพรรคไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องตำแหน่ง โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์ หากจำได้ในช่วงที่เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนเดียวที่ประกาศชัดว่า ขอปฏิเสธทุกตำแหน่งใน ครม.หากเป็นหัวหน้าพรรค วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ตนก็ไม่สามารถเป็นอะไรได้เพราะติดคดี ดังนั้นจึงต้องตัดสินใจบนพื้นฐานการเดินหน้าประเทศ ส่วนจำนวนคณิตศาสตร์คำนวณเก้าอี้ยังไม่ทราบชัดเจน แต่ที่สำคัญคณิตศาสตร์ในระบบรัฐสภาต้องมีเสียงสนับสนุนในสภาฯ เกินครึ่ง เนื่องจากมีบทเฉพาะกาล คือการออกมาร่วมโหวตนายกฯ จะต้องผ่านมติด้วยคะแนน 375 เสียงตอนนี้ต้องช่วยกันให้ผ่าน แต่การจะช่วยหาเสียง สว.นั้นก็เป็นเรื่องยาก เสียงของรวมไทยสร้างชาติ 36 เสียงถือว่าไม่มาก ไม่สามารถไปช่วยมากกว่านั้นได้

เมื่อถามว่าเห็นใจพรรคเพื่อไทยหรือไม่ที่จะต้องมาชี้แจงกับกลุ่มสนับสนุนหลังจากตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องยอมรับในผลการเลือกตั้งที่อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่พรรคเพื่อไทยหวัง แต่ระบบของไทยจะต้องโหวตนายกฯ และจะต้องหาทางจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยสามารถชี้แจงได้ สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกกับตนชัดเจนว่าต้องการวางมือ ทั้งหมดอยู่ที่มุมคิด ถ้าทำใจได้ ละได้ คิดเป็นบวกก็เป็นบวกถ้าคิดเป็นลบก็จะไม่จบ จากที่คุยกันเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีหลายเรื่องที่จะต้องทำและเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย

นายเอกนัฏ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับว่า ได้มีการพูดคุยกันแต่ยังไม่ตกผลึกมีบางประเด็นในรัฐธรรมนูญที่พรรครวมไทยสร้างชาติคิดว่ายังไม่ควรแก้ เช่น หมวดเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ดังนั้นจึงจะต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง หากจะแก้ไขจะต้องมีหลักประกันว่าแก้แล้วจะดีขึ้นไม่กลับมาสร้างปัญหา ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เข้าใจ นั่นคือไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ทำไปแต่จะต้องไม่มีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มาจากประชาชน จะแก้ก็จะต้องถามประชาชนด้วย ถ้าประชาชนส่งเสียงว่าต้องการแก้รวมไทยสร้างชาติก็ไม่มีปัญหาอะไร

'กลุ่มคนเสื้อแดง' ให้กำลังใจ ‘พท.’ ตั้งรัฐบาล พร้อมเรียกร้อง 9 ข้อสำคัญแก้ปัญหาประเทศ

(18 ส.ค. 66) นายชัชวาล กาญจนะหุต ประธานชมรมสื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย (เสื้อแดง) และนายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมฯ และคณะเดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย และยื่นหนังสือสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหลังจากเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วก็ขอให้รีบจัดตั้งรัฐบาลพร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาชาติและประชาชน โดยมี นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยรับมอบแถลงการณ์

โดยจุติพงษ์ ได้อ่านแถลงการณ์ จากคณะสื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย (เสื้อแดง) ว่า

ด้วยขณะนี้การฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พอเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ในโอกาสนี้ ทางคณะสื่อฯ เล็งเห็นว่าควรจะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชน โดยเรียงลำดับความสำคัญ ดังนี้...

1.ขอให้พรรคเพื่อไทย เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ในทันทีที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ใช้คนตรงกับงาน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนคนไทยเป็นการเร่งด่วน และประกาศพันธสัญญาในพรรคร่วมด้วยกัน ว่าจะไม่แก้ไข ม.112

2.ขอความร่วมมือจากบุคคล ผู้ที่เห็นต่างในการจัดตั้งรัฐบาล เคลื่อนไหวทำกิจกรรมในกรอบของกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับฝ้ายสนับสนุน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด

3.ให้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วม ได้โฟกัสแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เป็นกรณีเร่งด่วน โดย การจัดลำดับดังนี้...

3.1 การยืนยันจะมอบเงินเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทดิจิทัล ให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไปโดยเร็ว โดยหลีกเสี่ยงเงื่อนไขอุปสรรคที่เป็นเรื่องปลีกย่อย

3.2 คืนความชอบธรรม ให้กับผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยไม่มีข้อกำหนด ในการจัดชั้นคนจน-คนรวย ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

3.3 ดูแลเอาใจใส่ผู้ประกอบการ SME, ภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ, สินเชื่อรายบุคคล ในเรื่องการบรรเทาการชำระหนี้ และการสนับสนุนด้านการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

3.4 ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนโดยแท้จริงผ่าน สสร.ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด

3.5 ดูแลลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทุกประเภททันที ทั้ง ค่าไฟฟ้า, น้ำมัน, น้ำประปา, ก๊าชภาคขนส่งและก็าซหุงต้ม เป็นต้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนการประกอบการด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมภายในประเทศ

3.6 เปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่ไม่ใช่คดี 112 ได้กลับ ในฐานะผู้บริสุทธิ์ประเทศอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ

3.7 การแก้ไขกฎหมายอื่น ๆ ที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ให้จัดลำดับไปอยู่ท้าย ๆ อาทิเช่น เรื่อง สุราก้าวหน้า, สมรสเท่าเทียม เป็นต้น แต่ขอให้ไปสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว, การนำเงินตราเข้าประเทศ, การส่งแรงงานไปต่างประเทศ เป็นต้น

3.8 เอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด เหมือนในยุคอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร

รวมทั้งเข้าไปดูแล ปัญหาการแบ่งแยกดินแดนจริงจัง

3.9 ขอความกรุณานักปั่นข่าวทั้งหลาย และเกรียนคีย์บอร์ด เพื่อเห็นแก่พี่น้องประชาชน กรุณาลดการวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ตนเองคาดการณ์ สิ่งที่ไม่มีความจริง เพราะทำให้ประเทศบอบช้ำมามาก และร้องขอไปยังพรรคเพื่อไทย ให้ดำเนินการกับนักปั่นข่าวพวกนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

ด้าน นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคฯ รับเรื่อง พร้อมระบุว่า จะพยายามเร่งดำเนินการตามนโยบายที่พรรคฯ หาเสียงไว้อย่างเต็มที่เพื่อให้สำเร็จโดยเร็ว และจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่พรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคอื่น ๆ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างความปองดองสมานฉันท์ ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนจึงขอวิงวอนกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง หลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยขอให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์เพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน

นอกจากนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการนำข้าวต้มมัดใหญ่จำลอง ที่ประดิษฐ์จากโฟมมัดด้วยเชือกไนลอน พร้อมแกะให้เห็นภายใน ว่าทุกอย่างมีสองด้าน เพราะข้าวต้มมัดมีสองซีก โดยหนึ่งเป็นข้อความที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ นโยบายต่าง ๆ ที่ขอให้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top