Saturday, 21 June 2025
POLITICS NEWS

'ดร.สุวินัย' รับ!! ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นสิ่งที่ดี  ให้ความหวังและน่าชื่นชม ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

(21 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ระบุว่า…

ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นปรากฏการณ์ที่ดี ที่ให้ความหวังและน่าชื่นชม...ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

ทุกข์ของคนไทยตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว โดยเฉพาะทุกข์ทางเศรษฐกิจและทุกข์เรื่องทำมาหากินที่ยังฝืดเคือง

การมีข่าวดี ๆ ออกมา ที่ช่วยลดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกันเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง จงอย่าใจแคบ ความคิดก็อย่าคับแคบ มองภาพใหญ่ให้ออก มองป่าทั้งป่าให้ได้

ทุก ๆ วัน การดึงตัวเองไปอยู่ในมณฑลแห่งพลัง และโลกของผู้บำเพ็ญในจิตของตนก่อนเมื่อลืมตาตื่น คือกิจวัตรของผม

ฝึกฝนเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกเช้าค่ำ จนกระทั่งมันเป็นไปเอง

อย่างการนั่งฟัง (เห็นโพสต์) ‘เสียงทุกข์’ ของสรรพสัตว์ (หรือ กวนอิม 観音) ผ่านจอแท็บเลตของตัวเองทุกวันด้วยจิตผู้รู้…ก็เป็นอีกวิธีภาวนาที่ผมใช้เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ 

คนทั่วไปมักไม่รู้ว่า การรับรู้กับการตีความของเรานั้นเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ทำให้คนเรามักมองโลกด้วย ‘จิตที่กะเกณฑ์’ ไว้ล่วงหน้าเสมอ

ผลก็คือคนเราได้สร้างสิ่งขวางกั้นระหว่างตัวเรากับ ‘ความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น’ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

การเห็นอย่างบิดเบือนแล้วปักใจเชื่ออย่างนั้นเลย จึงหมายถึง การยึดมั่นถือมั่น คือหลงไปยึดสิ่งที่เรารับรู้ ซึ่งเข้ากันได้กับประสบการณ์ทางจิตอันจำกัดของเรา ทำให้เกิดการบิดเบือนการรับรู้อย่างตรงไปตรงมาหมายความว่า ตอนนั้นเราไม่มีความรู้ตัว หรือขาดสัมปชัญญะไปแล้ว

อวิชชาหรือความไม่รู้สึกตัว คือที่มาแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง 

ความทุกข์มากมายจนท่วมโลกขนาดไหน สุดท้ายมันก็มีแค่นี้แหละ คือความไม่รู้ตัว หรือไม่มีสัมปชัญญะ เมื่อฝึกภาวนาเห็นทุกข์ของผู้คนแบบนี้บ่อยเข้า บ่อยเข้า

วิราคะ หรือความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏมันย่อมเกิดขึ้นเอง

'เศรษฐา' เปิดใจ วันนี้ต้องลืมวาทกรรม 'มีลุงไม่มีเรา' พาประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ เชื่อทุกคนจะเข้าใจ

(21 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้กล่าวในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ว่า ตนมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มายืนตรงนี้เวลานี้ในตลอดระยะเวลาที่ตนได้ก้าวเข้ามาสู่เวทีการเมืองเข้ามาสู่ในบ้านหลังนี้ ภายใต้การเชื้อเชิญของคุณแพรทองธารได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสมาชิกทุกท่านในพรรคเดินเข้ามาคนเดียวไม่ได้มีคนเข้ามาจะได้รับความช่วยเหลือได้รับการประคับประคองอย่างดีจากพี่น้องเพื่อไทยทุกคน ขอใช้โอกาสนี้กราบขอบพระคุณ ทุกท่านในที่นี้ด้วยจริงๆ

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา มีความประหม่า มีความไม่แน่ใจมีความกังวลอยู่ มากหลายมีคนมาช่วยติวให้ มีคนมาช่วยให้คำแนะนำหลายหน หนึ่งในนั้นที่ผมมีความซึ่งใจและประทับใจคือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็มีส่วนช่วยในการที่ให้ตนขึ้นอภิปรายหาเสียง ได้ช่วยแนะนำในการพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในทุกๆ พื้นที่ที่ได้ลงไป วันนี้ผลการเลือกตั้งออกมาชัดเจน พรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียง ชัดเจนไม่เป็นที่ตามที่เราคาดหวัง สิ่งที่เราพูดไประหว่างการเลือกตั้งชัดเจนครับ คำพูดเป็นนาย อยู่บนบรรทัดฐานของการที่เราต้องได้แลนสไลด์ น.ส.แพรทองธารได้พูดไปเมื่อวานนี้หลายเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องที่เราต้องกลืนเลือด เรื่องที่เราต้องพาพรรคเพื่อไทยเดินไปข้างหน้าที่เราต้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

"มันไม่เป็นการโกหกพี่น้องประชาชนแต่ ผมเรียนตรงตรงว่าเป็นการที่เราต้องยอมรับความจริง 9 ปีที่ผ่านมา พี่น้องเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ที่เราเป็นฝ่ายค้าน ที่เราไม่ได้ถืออำนาจรัฐในมือเป็นที่ประจักษ์ดีว่าพี่น้องประชาชนมีมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ได้ตกต่ำลงไป วันนี้เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องลืมวาทกรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 2 ลุง เรื่องมีลุงไม่มีเราหรืออะไรก็ตามที วันนี้คณิตศาสตร์พื้นฐานเป็นตัวบ่งบอก ชัดเจนครับว่าเราต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างช่วง จะเข้าถึง 100 วันพรุ่งนี้ ตัวผมเองได้มีโอกาสพบปะกับพี่น้องสมาชิกผู้แทนราษฎร เพื่อไทยหลายท่าน ได้รับทราบถึงปัญหา ได้รับทราบถึงความต้องการ ได้รับทราบถึงความไม่ต้องการ แต่ว่าได้มีการชี้นำ ได้มีการอธิบาย ด้วยใจจิงไม่มีการเสแสร้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้นถึงเรื่องที่มีความจำเป็นในพรรค ที่เราต้องจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยโดยเร็วที่สุด เรื่องการใช้วาทกรรมการใช้สังคมโซเชียลในการด้อยค่าพรรคเพื่อไทย ในส่วนตัวผมเองก็เจ็บพอๆ กับพวกท่านทุกคน แต่เราอยู่ในสังคมของความเป็นจริง ยังมีคนอีกเยอะ เกษตรกรอีกนับ 10 ล้านคน ซึ่งคอยการจัดตั้งรัฐบาลคอยนโยบายดีดีของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรสามเท่าภายใน 4 ปี ไม่ว่าจะเป็นอีกหลายหลายเรื่องสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่มีรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย" นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องขอความกรุณาว่าเราต้องอยู่บนความเป็นจริง ต้องรบกวนพี่น้องสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทุกคนต้องกราบขอร้องว่าเวลาลงพื้นที่อยากจะใช้เวลาในการอธิบายให้หัวหน้ากลุ่มชน ให้พี่น้องประชาชน คนไทยทุกคนที่ท่านเป็นตัวแทนอยู่ อธิบายถึงความจริงใจที่พวกเราทุกคนนั่งอยู่ในห้องนี้ ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน หล่อหลอมจิตใจให้ประเทศนี้เดินไปข้างหน้าให้ได้ เรื่องนี้ผมถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

นายเศรษฐา กล่าวว่า พรุ่งนี้ (22 ส.ค.) ที่รัฐสภาอันทรงเกียรติจะมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายจากสมาชิกในที่นี้ทุกท่านให้ชิงนายกฯ ตนจะพยายามเต็มที่ให้สุดความสามารถ ที่จะนำรัฐบาลของประชาชนภายใต้การนำของพรรเพื่อไทย แก้ไขทุกปัญหาด้วยความตั้งใจจริง ไม่ลืมความเหน็ดเหนื่อย ไม่ลืมพรรคพวกเพื่อนฝูงเราหลายๆ คนที่จำใจต้องเดินออกจากพรรคไป ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า ด้วยความปรารถนาดีกับพรรคเพื่อไทย ไม่มีการทรยศต่อมิตรภาพที่เรามีอยู่ และไม่มีการขว้างหินกลับมาใส่บ้านที่เขาเคยอยู่ เชื่อว่าทุกคนเข้าใจในความจำเป็นที่พวกเขามีจุดยืน แต่ตนก็เชื่อว่าทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องเดินไปในทางนี้ ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่หวังว่าจะได้รับความเห็นชอบจากสส.จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้อย่างภาคภูมิใจ 

'วิโรจน์' ยินดีร่วมงาน ‘ณัฐวุฒิ’ เดินหน้าผ่านร่างกฎหมาย คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง-ทำงานเพื่อ ปชช.ด้วยกัน

(21 ส.ค. 66) จากกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเผยผ่านรายการคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย (พท.) แล้ว โดยเรื่องนี้บอกผู้ใหญ่ของพรรคเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม

ในช่วงหนึ่ง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย (พท.) อยากให้พรรคทำสำเร็จในสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับ อยากให้มีการผ่าน พ.ร.ป.ป.ป.ช. ซึ่งจะส่งผลให้ญาติของผู้เสียชีวิตในคดีสลายการชุมนุม 2553 ที่ราชประสงค์และแยกคอกวัว สามารถฟ้องศาลได้โดยตรง

นายณัฐวุฒิระบุว่า ผมได้ฝากฝังกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ส.ส.ว่าถ้าพรรคจะเสนอกฎหมายนี้ ซึ่งต้องเสนอ และต้องเสนอเป็นลำดับต้น ๆ ด้วย ถ้าไม่เสนอเจอผมแน่ แต่ถ้าเสนอกฎหมายนี้ผมขอทั้ง 141 เสียงของพรรค พท. เข้าเสนอชื่อ ผลักดันกฎหมายนี้สำเร็จ และจะขอ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ช่วยด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงนั้นเป็นความมุ่งมั่นที่อยู่ในหัวใจของผมอยู่แล้ว พี่เต้นประสานผมมาได้ทุกเมื่อครับ ผมพร้อมร่วมมือกับพี่เต้นอย่างเต็มที่

ยินดีที่จะได้ร่วมกันกับพี่เต้นนะครับ

ยินดีต้อนรับครับพี่ แล้วเรามาทำงานเพื่อประชาชนร่วมกันครับ

‘รองอ๋อง’ ชี้ สส. ต้องทำงานรับใช้ประชาชน เพราะประชาชนทุกคนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

‘รองอ๋อง’ ชี้ สส. ต้องทำงานรับใช้ประชาชน เพราะประชาชนทุกคนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

ไม่นานมานี้ 'หมออ๋อง' ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ได้โพสต์ข้อความจากการร่วมเวทีกิจกรรมเสริมสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย สำนักประชาสัมพันธ์รัฐสภาร่วมกับคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ห้องประชุมสัมมนา อาคารรัฐสภา ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ผมเป็นสัตวแพทย์ คุณเป็นครู เราเรียนจบก็ได้ใบประกอบวิชาชีพ

แต่การจะเป็น สส.ได้ ต้องไปขอคะแนนเสียง เพราะฉะนั้นอาชีพนี้จึงศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ความศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ได้ทำให้ผมกับคุณต่างกัน

ผมทำหน้าที่ของผม พวกคุณเป็นคนมอบอาณัติให้ผมเพราะฉะนั้นคุณเป็นเจ้าของอำนาจ

ประชาชนต้องเชื่อเรื่องนี้ให้ได้ ไม่ใช่เลือกตั้งเสร็จผมเป็นเจ้านายพวกคุณ พวกคุณจ้างผมทำงาน เพราะฉะนั้นผมต้องรับใช้พวกคุณ นี่คือสิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้น โตไปเป็นครูขอให้สอนเด็ก ๆ ว่าพวกคุณคือ ‘เจ้าของประเทศ’

'บ.สุรา ฉะเชิงเทรา' แจง!! ไม่เกี่ยวธุรกิจคราฟต์เบียร์ที่ 'ปดิพัทธ์' โพสต์เชียร์ แค่รับจ้างผลิตตามข้อตกลง ไม่ใช่กลุ่มทุนร่วมทำธุรกิจ

สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ชื่อ THAI SPIRIT INDUSTRY CO.,LTD. หรือ บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ซึ่งชื่อบริษัทแห่งนี้ปรากฏอยู่ข้างกระป๋องเบียร์ ที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งได้เผยแพร่ภาพคราฟต์เบียร์ยี่ห้อลงในโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก และ TikTok

โดยข้อความภาษาอังกฤษข้างกระป๋องเบียร์ระบุว่า...

Produce By (ผลิตโดย-สำนักข่าวอิศรา) Thai Spirit Industry 71/25 Moo 5 Thakham Bangpakong Chachoengsao Thailand 24130

Distributed By (กระจายสินค้า-สำนักข่าวอิศรา) Phitsanulok Brewing co,Ltd. 441 /58 Baromtrilokanart 2 Rd. Nai-mueang Phitsanulok Thailand 65000

จากกรณีดังกล่าว ล่าสุด บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ได้ส่งเอกสารชี้แจงข้อมูลอีกด้านมายังสำนักข่าวอิศรา มีรายละเอียดดังนี้...

จากกรณีที่มีสื่อมวลชนหลายสํานักได้นําเสนอข่าวเกี่ยวกับ บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด เรื่องการรับผลิตเครื่องดื่มคราฟต์เบียร์ให้กับบริษัท พิษณุโลกบรูอึ้ง จํากัด ในชื่อ ‘เครื่องดื่มคราฟพิดโลก’ นั้น บนกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมายทุก ขั้นตอน ทั้งนี้มีข้อมูลที่เผยแพร่ไป และหรือเกิดการจากคอมเมนต์ของบุคคลต่าง ๆ ในพื้นที่โซเชียลมีเดียและสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่พาดพิงถึง บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด อย่างผิดพลาด คลาดเคลื่อน และไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง

บริษัทฯ จึงเรียนมาเพื่อ ขอชี้แจงในข้อมูลที่ถูกต้องต่อไปนี้

บริษัทไทย สพิริท อินดัสทรี จํากัด ไม่ใช่กลุ่มทุนของบริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จํากัด หรือ 'เครื่องดื่มคราฟพิดโลก' และไม่มี ความเกี่ยวข้องในการขายและการทําการตลาดของเครื่องดื่มคราฟพิดโลกนี้ ตลอดจนมิได้เป็นผู้ถือหุ้นหรือร่วมบริหารจัดการกับ บริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จํากัด แต่อย่างใด บริษัทฯ เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตตามข้อตกลงการจ้างและรับจ้างเท่านั้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ ดําเนินธุรกิจการรับจ้างผลิตให้กับผู้ประกอบการทั่วไปที่สนใจผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในรูปแบบของ OEM เพื่อผู้ประกอบการผู้ว่าจ้างนั้นจะได้นําไปจัดจําหน่ายทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออกจําหน่ายต่างประเทศด้วยตนเองต่อไป

บริษัทฯ มิได้ดําเนินธุรกิจแค่การเลือกคู่ค้ารายใหญ่เท่านั้น บริษัทฯ ให้บริการรับผลิตกับผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศ ไทยที่สนใจผลิตเพื่อจัดจําหน่าย แต่ยังขาดความพร้อมในด้านการผลิตบนระบบการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตเพื่อ ความปลอดภัยต่อผู้บริโภคระดับสากล จึงเป็นที่มาของการว่าจ้างให้บริษัทฯ ดําเนินการผลิตให้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ผลิต คราฟต์เบียร์ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยมาแล้วมากกว่า 56 ตราสินค้าและมีไม่น้อยกว่า 150 รสชาติ

จากประสบการณ์กว่า 20 ปี บริษัทฯ ดําเนินธุรกิจบนนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย ช่วยเหลือชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง เน้นการใช้วัตถุดิบหลักส่วนใหญ่จากประเทศไทยและกําลังจัดเตรียมโครงการ 'สหกรณ์ชุมชน' เพื่อเดินหน้าช่วยเหลืออย่างเต็ม ความสามารถ นอกจากการรับจ้างผลิตแล้ว บริษัทฯ ยังสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรูปแบบ R&D ให้ความเข้าใจในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อผู้ประกอบการที่สนใจอย่างถูกต้องต่อเนื่องเสมอมา อีกทั้งบริษัทฯ ยังดําเนินธุรกิจบนความรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอด อาทิเช่น การติดตั้งแผงโซลาเซลล์เพื่อใช้ในโรงงานซึ่งเป็น พลังงานที่สะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และมีการติดตั้งระบบบําบัดน้ําเสียเพื่อกําจัดและทําลายสิ่งปนเปื้อนในน้ํา เสียให้หมดไป และไม่ทําให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงดูแลส่งเสริมและทํากิจกรรมของวัด ชุมชน และโรงเรียนรอบ ๆ โรงงานอย่างต่อเนื่อง

จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงในข้อมูลที่ถูกต้อง และขอความร่วมมือท่านสื่อมวลชน ได้เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับนี้ เพื่อแก้ไขข่าวที่ ไม่ถูกต้องและคลาดเคลื่อน อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับข้อมูลข่าวสารบนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องผ่านสื่อคุณภาพของท่าน

‘ตรีชฎา’ มั่นใจ!! ‘เศรษฐา’ เหมาะนั่งตำแหน่ง ‘นายกฯ’ วิสัยทัศน์ก้าวหน้ากว้างไกล เชื่อ!! พาคนไทยพ้นบ่วง ‘ยากจน’

(21 ส.ค. 66) นางสาวตรีชฎา ศรีชฎา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วสำหรับการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ความพร้อมมีทั้งด้านคุณสมบัติ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รวมถึงการที่บริษัทแสนสิริเป็นแบบอย่างบริษัทที่มีธรรมาภิบาลในการประกอบกิจการธุรกิจ การเห็นความเท่าเทียมของคนในสังคม เช่น การสร้างโอกาสคนพิการได้ทำงานที่บริษัทที่ทำมาอย่างเด่นชัด การชี้แจงของ สส. พรรคเพื่อไทยกรณีอาจจะมี สส. หรือ สว. บางคนอภิปรายซักถามเรื่องการซื้อที่ดินของบริษัทแสนสิริ และความพร้อมของ สส. จากพรรคร่วมที่จับมือกันสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและโหวตเห็นชอบนายเศรษฐาโดยมีเสียง สส. เกิน 300 เสียง และเมื่อรวมกับ สว. จะเกิน 374 เสียงซึ่งถือว่าเกินกึ่งหนึ่งของ สส. และ สว. รวมกัน

นางสาวตรีชฎากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พิจารณาแล้วว่านายเศรษฐามีความเหมาะสม ดี 1 ประเภท 1 ในการจะเป็นนายกฯ คนที่ 30 จึงเชิญนายเศรษฐามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายเศรษฐาได้ออกเดินทางไปพบกับพี่น้องประชาชนในสถานที่ต่าง ๆ ที่พรรคเปิดปราศรัย นายเศรษฐาได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าและกว้างไกล การพูดจาปราศรัยที่ฟังง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากับประชาชนได้ง่ายโดยไม่ต้องเสแสร้าง มีความเป็นกันเอง ไม่ถือเนื้อถือตัว มีจิตใจที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่พร้อมรับฟังปัญหาและข้อแนะนำต่าง ๆ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงที่จะบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน

ทั้งนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักธุรกิจด้านธุรกิจสถานบริการอาบอบนวดและอดีตนักการเมืองที่ปัจจุบันผันมาทำธุรกิจโรงแรม สิ่งที่นายชูวิทย์นำมาเปิดเผยกับสาธารณะเป็นการกล่าวหาที่ปราศจากมลทินให้กับนายเศรษฐา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายชูวิทย์อ้างว่ารู้ข้อมูลมานานแต่กลับใช้ช่วงจังหวะในการมาพูดในวันโหวตนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งโดยเจตนาชัดเจนและถูกมองว่า เอาอารมณ์มาเหนือทุกสิ่งเพื่อต้องการสกัดนายเศรษฐา ซึ่งเนื้อหาที่นายชูวิทย์เอามาล้วนแต่เป็นการกล่าวหาที่ปราศจากการถูกพิสูจน์จากกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“สิ่งที่นายเศรษฐาทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตจึงล้วนแต่เป็นที่ประจักษ์ว่า มีคุณสมบัติของคนที่มีความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่ไม่เคยถูกบุคคลใดหรือหน่วยงานใดดำเนินคดีใด ๆ ให้ด่างพร้อย เป็นคนดีเป็นที่ประจักษ์ทุกวงการ สิ่งที่นายชูวิทย์ควรจะทำมากที่สุดในเวลานี้ คือ แฉเรื่องที่ดินของลูกที่เป็นประเด็นที่ประชาชนก็เคลือบแคลงสงสัยว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจริงหรือไม่เพราะเป็นเรื่องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครอบครัวนายชูวิทย์เอง ควรแฉตัวเองให้ประชาชนและสังคมรับทราบด้วย จะเป็นการดีต่อสังคมและประเทศชาติ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

นางสาวตรีชฎากล่าวทิ้งท้ายว่า มั่นใจว่า สส. และ สว. ล้วนเห็นว่าประเทศไทยต้องไปต่อและพร้อมในการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และมั่นใจว่าภายใต้รัฐบาลที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะถูกสร้างขึ้น วิกฤตเศรษฐกิจ จะได้รับการพลิกฟื้น ขจัดความยากจน คนไทยจะต้องหายจน ภาระหนี้สินในครัวเรือน การไม่มีงาน จะถูกแก้ไขโดยไม่ชักช้า ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากัน ปรองดองสมานฉันท์ หน้าใหม่ของการเมืองประเทศไทย

‘เต้น ณัฐวุฒิ’ ประกาศยุติบทบาท ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หลัง ‘เพื่อไทย’ ดึงพรรค 2 ลุงร่วมจัดตั้งรัฐบาล

(21 ส.ค. 66) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการ ‘คุยนอกจอ’ ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา หลังจากโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งระบุ ว่า “ข้าพเจ้าเพียงรอเวลา และเวลาของข้าพเจ้า มาถึงแล้ว”

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนยุติบทบาทผู้อำนวยการครัวเพื่อไทย (พท.) เรื่องนี้ได้บอกกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม เมื่อสถานการณ์อาจจะมีแนวโน้มว่าจะมีการจับมือกับพรรคการเมืองบางพรรค ที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล ด้วยความเข้าใจ พท. ไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้มีอะไรขัดข้องหมองใจกัน ตนได้บอกผู้หลักผู้ใหญ่ภายในวันนั้นว่า ถ้ามันถึงจุดนั้น ตนก็คงจะอยู่ในพรรคไม่ได้ แล้วเหตุการณ์ก็เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ตนได้ติดต่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ว่าจะอยู่ในพรรค หรืออยู่ในกระบวนการของรัฐบาลไม่ได้ นอกจากนี้ ได้บอก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บอกผู้หลักผู้ใหญ่ บอกทุกคนในพรรค

“ผมได้โทรเรียนท่านนายกฯ ทักษิณ (ชินวัตร) ด้วย เพราะว่าท่านเป็นคนที่ผมเคารพนับถือ และท่านเป็นคนที่ก่อตั้งพรรคการเมืองนี้ พร้อมกับเรียนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ด้วย ก็บอกทุกคนไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน เพียงแต่ผมรอเวลาให้พรรคการเมืองที่ผมรัก ให้บุคคลการเมืองที่ผมรัก เดินมาอยู่ในจุดที่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้กำลังยากลำบากนัก อย่างน้อยที่สุด กำลังเดินไปสู่การโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมได้ถามคนสำคัญในพรรค ก็ได้รับการยืนยันว่านายเศรษฐาผ่านการโหวตเป็นนายกฯ แน่ ๆ นายเศรษฐาปลอดภัยแล้ว ผมไม่เคยเดินออกมาจากใครในวันที่เขาลำบาก รอจนกว่าทุกอย่างเดินไปข้างหน้า ผมจึงมาส่งตรงนี้” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายสรยุทธถามว่า ไม่ใช่ละครใช่หรือไม่ ทำทีจากไป แต่จริง ๆ ก็ยังอยู่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ครับ ผมเป็นผมครับ นักเลงเขาไม่ทำกันแบบนั้น”

นายสรยุทธถามอีกว่า ตัดขาด? นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “อย่าใช้คำนั้น ใช้คำว่ายุติบทบาท แล้วไม่ร่วมกิจกรรมกับพรรค และรัฐบาล และไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว”

นายสรยุทธถามว่า เป็นผลจาก พท. ตั้งรัฐบาล โดยร่วม 2 ลุง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ครับ เหตุผลนั้น เป็นเหตุผลสำคัญ ผมไม่ได้ปฏิปักษ์ส่วนตัวกับนักการเมืองคนไหนใน 2 พรรคนั้นนะ แม้ว่าจะยืนคนละข้างทางการเมือง ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นศัตรู เข้าใจ และเห็นใจ พท. อย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ที่มันเป็น เพียงแต่ว่าวิถีการเมืองแบบผม เมื่อได้ประกาศประชาชน และแสดงจุดยืนเช่นนั้นมาตลอด ผมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ยืนยันมา”

“การตัดสินใจยุติบทบาทของผม มันก็เป็นเรื่องมีรอยในใจ ที่นี่เป็นบ้านผม ผมเกิดที่นี่ ผมโตที่นี่ ผมสู้ที่นี่ แล้วคนในบ้านที่น้องผมนั้น แต่ว่าถึงเวลามันต้องตัดสินใจ” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายสรยุทธถามอีกว่า ตัดสินใจยากหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ยาก ไม่ได้ยากที่ห่วงยศศักดิ์ ตำแหน่ง ไม่ได้มีอยู่แล้ว ตอนผมเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พรรคพวกเพื่อนฝูง บอกว่าให้เอาเมีย หาญาติพี่น้องไปลงบัญชีรายชื่อ ในลำดับที่ปลอดภัย ผมบอกว่าไม่ใช่ผม ผมเป็นนักการเมือง แต่เมีย ลูก และญาติพี่น้องผมไม่ใช่ ก็ไม่มี จะตั้งรัฐบาล ไม่ต่อรองเรียกร้องอะไรให้ตัวเองก็ไม่มี เดินออกมามือเปล่า”

“ความยากที่เดินออกมา คือความผูกพัน ความรัก ความปรารถนาดี มันยาก แต่ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ผมไม่มีทางที่ผมจะทำให้พรรคนี้เกิดความเสียหาย ไม่มีทางที่ออกมาแล้วเขวี้ยงก้อนหินใส่หลังคาบ้าน ไม่มี”

นายสรยุทธถามว่า ทั้งที่ไม่เห็นด้วย แล้วทำไมไม่ต่อว่า นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ไม่เห็นด้วย แต่อย่าทำเลย คนต่อว่า พท. เยอะแล้ว อย่าให้มันออกจากปากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อเลย มันไม่ใช่ผม”

‘อุ๊งอิ๊ง’ มั่นใจ โหวต ‘เศรษฐา’ ชิงเก้าอี้นายกฯ 22 ส.ค.นี้ ผ่านฉลุย ลั่น!! หาก พท. จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาให้ ปชช. เต็มที่

(20 ส.ค. 66) ที่ ม.กรุงเทพธนบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายกฯ คนที่ 30 ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า พรรคเพื่อไทย พยายามเต็มที่ ซึ่งมีมติเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยยืนยันว่าเรามั่นใจและอยากตั้งรัฐบาลให้ได้เร็วที่สุด เพื่อที่จะให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใช้นโยบายพรรคแก้ปัญหาให้กับประชาชน

เมื่อถามว่าหากนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยโหวตไม่ผ่าน ก็จะมาถึงคิวของ น.ส.แพทองธาร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อยากให้โฟกัสที่นายเศรษฐาก่อน อย่าเพิ่งโฟกัสที่ตนเอง เพราะหากเราโฟกัสหลายจุด มันก็จะไม่มั่นคง ดังนั้นเราทำเต็มที่เสนอชื่อนายเศรษฐา และหวังว่าจะสำเร็จ และตั้งรัฐบาลให้กับประชาชนได้

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการโหวตนายกฯ จะม้วนเดียวจบภายในวันที่ 22 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ก็หวังเป็นอย่างยิ่งค่ะ”

เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในการหาเสียงก่อนหน้านี้ ทั้งของนายเศรษฐา น.ส.แพทองธาร  และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่าจะไม่จับมือกับพรรค 2 ลุง แต่วันนี้กลายเป็นกระแสโจมตีพรรคเพื่อไทยหนักมาก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอพูดตรงๆ เลยว่าอย่างวันนั้นที่เขาบอกว่าเราไม่ชัดเจน เราหาเสียงและพยายามทำโพลทุกอย่าง เพื่อเราอยากได้แลนด์สไลด์ แต่เราทำแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ ดังนั้นที่ยังไม่ชัดเจนเพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 มีเรื่องของสว.อยู่ ซึ่งเราเคยผ่านมาก่อนคือชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นเราทราบดีว่าการไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลมันสามารถเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นบางคนอาจจะมีความชัดเจนหรือไม่ชัดเจนในบางที แต่เรามีความตั้งใจ แล้ววันนี้เมื่อไม่เป็นอย่างที่เราคิด มันไม่เป็นไปตามที่เราแพลนไว้ เราจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้ประเทศชาติไปต่อ แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยมีต้นทุนที่จะต้องจ่าย นั่นคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เราขอน้อมรับและก็ต้องขอโทษที่ทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ แต่หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว เราทำเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนที่มีอยู่มากมาย และเราก็จะก้าวข้ามผ่านสนามอารมณ์นี้ไปให้ได้ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยการเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง

เมื่อถามว่าปฎิเสธไม่ได้ว่ามีข้อกังขากับตัวของนายเศรษฐา ได้มีแผนสำรองอะไรหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราเช็กตามข้อกฎหมายทุกอย่าง ถ้าเราจะดูตามเสียงของคนที่พูดว่าผิดอย่างนั้นอย่างนี้ โดยหลักฐานมันไม่มี ซึ่งหลักฐานที่นายเศรษฐาเอามาเปิดเผยก็ชัดเจน ดังนั้นจะต้องมีหลักฐาน ซึ่ง บ.แสนสิริ ก็เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าสามารถตรวจสอบได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทั้งนี้ตนอยากให้ฟังข้อมูลเป็นตัวสำคัญในการตัดสินใจ

เมื่อถามอีกว่าน.ส.แพทองธารสนใจตำแหน่งรัฐมนตรีหรือทำงานในพรรคมากกว่า น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้เน้นทำงานพรรค เห็นสื่อต่างๆ มอบตำแหน่งให้ตนหลายตำแหน่ง ทั้งตำแหน่งรองนายกฯ และตำแหน่งรัฐมนตรี รู้สึกดีใจมากก็ต้องขอขอบคุณ 

‘อุ๊งอิ๊ง’ คอนเฟิร์ม ‘ทักษิณ’ เตรียมกลับไทย 22 ส.ค.นี้ ยัน!! การกลับมาครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการเมือง-พรรคพท.

(20 ส.ค. 66) ที่ ม.กรุงเทพธนบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการไปทำบุญที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่าได้มีโอกาสทำบุญและอวยพรให้คุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) เดินทางกลับด้วยความราบรื่น และเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ติดภารกิจ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว พอมีเวลาก็เลยอยากไปทำบุญ ซึ่งก็ได้ชวนพี่สาว สามีและเพื่อนสนิทไปทำบุญไหว้พระร่วมกัน ซึ่งก็รู้สึกสบายใจ

เมื่อถามว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณถือเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดให้กับตัวเองที่มีอายุครบ 37 ปีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ปกติเวลาพูดคุยกันเองในครอบครัว พูดเสมอว่าถ้าพ่อกลับเมื่อไหร่ ก็ถือเป็นของขวัญของทุกคนในบ้าน และใกล้วันเกิดของตนเองก็ถือเป็นของขวัญวันเกิดด้วยแน่นอน

เมื่อถามต่อถึงข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางกลับ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ความปลอดภัยตนขอรวมไปถึงเรื่องการเดินทางมาถึงแล้ว รวมถึงเรื่องสุขภาพ ที่ตนอยากให้ท่านปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรง เพราะเมื่อเดินทางมาถึงก็ยังไม่ได้เข้าบ้าน

เมื่อถามว่านักวิชาการมีการวิเคราะห์กันว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณ ถือเป็นตัวประกันทางการเมือง และมีการเชื่อมโยงไปถึงการโหวตแคนดิเดตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เข้าใจว่าคุณพ่อถูกแยกออกจากการเมืองได้ยาก แต่การกลับมาของคุณพ่อถือเป็นการกลับมาของประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์กลับมาในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ผ่านมา 17 ปีแล้ว ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กัน ท่านก็จะพูดเสมอว่าหลาน 7 คนแล้วอยากกลับมาเลี้ยง นี่เป็นข้อแรกเสมอที่คุณพ่อพูดถึงการจะกลับมา ดังนั้นตนเข้าใจในบทบาทของคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องการเมืองหรือเรื่องเป็นตัวประกัน ท่านคิดว่ากลับมาแล้วปลอดภัย รอวันที่จะได้กลับมาอยู่กับลูกหลาน  

เมื่อถามว่ามีการพูดไปถึงว่าการกลับมาของนายทักษิณครั้งนี้ จะถูกหลอกหรือเป็นเหยื่อทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ถามกลับทันทีว่า “ถูกใครหลอก จริงๆ แล้วคุณพ่อออกไป 17 ปีแล้ว ก็จะมีหลายข้อมูลที่ได้รับ ทั้งข้อมูลที่ผิดและข้อมูลที่ถูก ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว 17 ปี ผ่านอะไรมากันเยอะมาก ดังนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจของท่านเองไม่ได้มีใครหลอก หรือท่านก็ไม่ได้หลอกใคร ซึ่งการเดินทางกลับมาครั้งนี้เป็นการตกลงกันภายในครอบครัว ท่านถึงตัดสินใจกลับมา”

เมื่อถามว่ามีการประเมินว่าหากการโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.ไม่ผ่าน อาจจะต้องมีการเสนอชื่อน.ส.แพทองธาร แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท. ซึ่งก็อาจจะกลายเป็นตัวประกันทางการเมือง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อยากให้มองการเมืองสร้างสรรค์ขึ้น การที่คุณพ่อกลับมาเป็นเรื่องของคุณพ่อกลับมา เพราะอยากกลับมาอยู่กับครอบครัว นี่คือเรื่องที่ชัดเจนมากๆ ส่วนเรื่องของการเมืองขอให้เป็นเรื่องการเมืองของพรรคพท. การกลับมาของคุณพ่อไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองหรือพรรคพท.และคดีของคุณพ่อต่างๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการโหวตนายกฯ ดังนั้นอยากให้แยก 2 เรื่องนี้ออกจากกันอย่างชัดเจน

เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณเดินทางกลับในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันโหวตนายกฯ ไม่สามารถปฏิเสธความเชื่อมโยงนี้ได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ใช่ความเชื่อมโยงทางการเมืองใดๆ เลย เพราะวันที่ 22 ส.ค.นี้ คุณพ่อประกาศตกลงที่จะกลับมาก่อนที่จะมีการประกาศโหวตนายกฯ และส่วนตัวนับวันแล้วยังคิดว่าจะโหวตนายกฯวันที่ 18 ส.ค.นี้ ด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณพ่อบอกจะกลับมาวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันหยุด คุณพ่อก็เลยเปลี่ยน ซึ่งตนเองก็ได้ช่วยดูปฏิทินวันไหนฤกษ์ดี ก็คือวันที่ 10 ส.ค. ที่ประกาศไป แต่คุณพ่อต้องไปตรวจสุขภาพ แต่ละส่วนในร่างกาย ในแต่ละสถานที่กัน ฉะนั้นจึงทำให้เลยวันที่ 10 ส.ค.ไป จึงหาวันฤกษ์ดีวันใหม่ ซึ่งตรงกับวันที่ 22 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ทางครอบครัวรู้กันก่อนที่จะมีวันประกาศวันโหวตนายกฯ

เมื่อถามว่าการตรวจสุขภาพของคุณพ่อถือว่าตอนนี้โอเคแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คุณพ่อตรวจสุขภาพทุกปี บางครั้งก็มีปัญหาบ้าง ก็ต้องมีการฟอลโลว์อัพกัน ตอนนี้คุณพ่ออายุ 74 ปีแล้ว และความจริงท่านก็เป็นคนแข็งแรง อยู่ต่างประเทศท่านก็มีผ่าตัดเล็กน้อยบ้าง แต่พอตอนนี้อายุเข้า 74 ปีต้องตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าต้องมีการดูฤกษ์ยามในการเดินทางกลับ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ก็ต้องดูนิดนึง ดูไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี วันฤกษ์ดี ทุกคนก็อยากให้ทุกวันเป็นวันที่ดี

เมื่อถามอีกว่ามีโอกาสจะเลื่อนเดินทางกลับอีกหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่มี ย้ำว่าวันที่ 22 ส.ค.นี้แน่นอน

เมื่อถามถึงดีลกับฝ่ายผู้มีอำนาจจบแล้วใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ดีลอะไร ดีลฝ่ายไหน ยืนยันว่าไม่ได้ดีลกับใครเลย”

เมื่อถามถึงขั้นตอนการเดินทางกลับที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า  คุณพ่อจะเดินทางกลับมาที่สนามบินดอนเมืองในเวลา 09.00 น. โดยเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งครอบครัวมารอรับ จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังจากนั้นจะต้องมาดูต่อว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ทั้งนี้จะไม่มีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ซึ่งครอบครัวได้มีการดำเนินการอะไรไว้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ต้องถามคุณพ่อก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าครอบครัวต้องเคารพการตัดสินใจของคุณพ่อว่าจะให้ทำอย่างไร เดี๋ยวก็คงจะได้ทราบกัน

เมื่อถามว่ากระบวนการยุติธรรมล่าสุดที่มีการเปิดเผยจำนวนปีที่ต้องถูกจำคุกประมาณ 5 ปี น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในเรื่องของคดีตนขอไม่ไปแตะ เพราะกลัวจะพูดข้อมูลไม่ตรงหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกไป เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวสั้นๆว่า “ยังค่ะ”

เมื่อถามว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณ ซึ่งพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวยอมรับได้ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธา กล่าวว่า “ยอมรับค่ะ ตนคิดว่ามันคือการตัดสินใจของคุณพ่อ ถ้าคุณพ่อยอมรับได้ครอบครัวซัพพอร์ตเต็มที่แน่นอน” 

‘ศรีสุวรรณ’ ย้ำเตือนความจำ!! ฝากถึง ‘หมออ๋อง-เจี๊ยบ’  ยังจำนโยบายพรรคตัวเองได้ไหม หรือมีไว้ให้เคลิ้มเล่นๆ 

(20 ส.ค. 66) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ใช้งบประมาณสำหรับเลี้ยงรับรอง เลี้ยงหมูกะทะแม่บ้านอาคารรัฐสภา จำนวน 370 คน เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา โดย นายศรีสุวรรณ ระบุว่า

"ฝากถึงหมออ๋อง กับ เจี๊ยบ จำโพสต์นโยบายของพรรคตัวเอง นโยบายนี้ได้ไหมครับ หรือมีไว้เพื่อให้ด้อมส้มเคลิบเคลิ้มเล่นๆ หรือต้องให้แจ้งความเล่นทั้งพรรคฯ เกี่ยวกับ พรบ.คอมฯ อีกกระทงดี ฐานนำเข้าข้อความอันเป็นเท็จฯ เพราะท่านทั้งสองเป็น กก.บห.ของพรรคด้วยนะครับ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top