Friday, 20 June 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘รองประธาน อลป.จีน’ หารือยกระดับด้านกีฬา ส่งเสริมความร่วมมือ-เชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง ‘ไทย-จีน’ อย่างยั่งยืน

(31 ส.ค. 66) ที่บ้านอัมพวัน คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ รอง โฆษก คณะกรรมการ โอลิมปิกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้การต้อนรับ ‘นายหวัง รุ่ยเหลียน’ (Mr.Wang Ruilian) รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีน และคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุม รัฐมนตรีอาเซียน - สาธารณรัฐประชาชนจีน ในด้านกีฬา

พล.อ.ประวิตร ได้ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวขอบคุณนายหวัง รุ่ยเหลียน และคณะทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาเข้าพบในวันนี้  ซึ่งประเทศไทยกับจีนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มาอย่างยาวนาน ในทุกระดับ รวมทั้งประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ที่มีความรักความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งด้านการค้า วัฒนธรรม ประเพณี และอื่นๆ รวมถึงด้านการกีฬาด้วย

ซึ่งในโอกาสที่จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 23 ก.ย.- 8 ต.ค. 66 โดยมีนักกีฬาของไทยหลายประเภท เข้าร่วมการแข่งขันด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวอวยพรขอให้จีนประสบความสำเร็จ ในการจัดการแข่งขันด้วยดี

นายหวัง รุ่ยเหลียน ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในวันนี้ และยืนยันความสัมพันธ์อันดีที่มีมาอย่างมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้กล่าวเรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร และคณะ เพื่อเป็นเกียรติเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย

ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือความร่วมมือทางด้านกีฬา เพื่อส่งเสริมการกีฬาของทั้ง 2 ประเทศ ให้มีการพัฒนาร่วมกัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้นต่อไปด้วย พร้อมกล่าวยินดีต้อนรับ และสนับสนุนนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ของไทยอย่างเต็มที่ ในการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ทั้ง 2 ฝ่ายได้มอบของที่ระลึกระหว่างกัน ก่อน รองประธาน คณะกรรมการโอลิมปิกฯ ของจีน พร้อมคณะจะเดินทางกลับ สำหรับ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯของไทย ต่อเนื่องทันที

'เสรีพิศุทธิ์' ฟาดงวงฟาดงาก่อนลาจาก แขวะลาม 'ชวน-ปชป.' พรรคแตก

เมื่อวาน (30 ส.ค.66) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงลาออกจาก สส. บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา หรือหลังวัน #โหวตนายกรอบ 3 ได้ 1 วัน ตัดพ้อผู้สมัครของพรรคฯ ดี ๆ คนไม่เลือก ไปเลือกเมาแล้วขับ ทำร้ายผู้หญิง เคยติดคุกมาก่อน แต่งกายไม่เหมาะสม พาดพิงอดีตประธานสภาฯ 2 สมัย นายกรัฐมนตรี 2 สมัย แต่ไม่เสียสละ จนพรรคแตก

ส่วนตัว #นายหัวไทร อยากรู้ว่า แล้วพรรคเสรีรวมไทย จะโตไปข้างหน้าแค่ไหน ส่งผู้สมัครคนดีคนยังไม่เลือก คราวเลือกตั้งปี 62 ได้มาถึง 10 คน เลือกตั้งปี 2566 ได้มาแค่หน่อเดียว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ หลังพรรคก้าวไกลจับขั้วเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ไปเข้าร่วมกับเขาด้วย และมีชื่อว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเปิดหน้าแบบออกหน้าออกตา แต่เพียงไม่นาน ก็หลุดขั้วออกมาสนับสนุนเพื่อไทยเต็มสตีม

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ยังออกแรงเชียร์เพื่อไทยเต็มที่ และอาละวาดใส่ก้าวไกลแบบไม่ยั้ง เหมือนคนโกรธกันมานาน และหลังโหวตเลือก 'เศรษฐา ทวีสิน' เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว มีข่าวหลุดออกมาว่า จะมีการโปรดเกล้าฯ ในค่ำของวันนั้น มีสัญญาณให้ สส.เพื่อไทยแต่งชุดขาวเต็มยศ รอรับราชโองการ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ก็เป็นคนหนึ่งที่ทะเล่อทะล่าแต่งชุดขาวเดินทางไปยังพรรคเพื่อไทย เพื่อรอรับราชโองการ เหมือนคนไม่รู้ระเบียบขั้นตอนอะไรเลย

ซึ่งขั้นตอนหลังจากสภาโหวตเลือกแล้ว ทางสภาต้องส่งผลไปให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนนำชื่อขึ้นทูลเกล้า ซึ่งวันนั้นชื่อจากสภายังมาไม่ถึงทำเนียบรัฐบาลเลย ยังไม่มีการทูลเกล้า แล้วจะโปรดเกล้าได้อย่างไร แต่กลับแต่งชุดขาวไปรอรับราชโองการแล้ว

...มันน่าขำ และน่าอายมาก!!

เมื่อมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และมีการฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรี ชื่อของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ก็ไม่มีอยู่ในสารบบคิดของพรรคเพื่อไทย เพราะน่าจะเป็นที่รับรู้กันว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์เคยถูกคำสั่งปลดออก จึงน่าจะขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี และคำสั่งนั้นก็ยังอยู่

ซึ่งผิดกับกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่เคยถูกปลดออกเหมือนกัน แต่ พล.ต.อ.พัชรวาทต่อสู้เรื่อยมา จนปี 2557 สมัย คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ได้ยกเลิกคำสั่งปลดออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท เขาจึงมีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีได้

แต่ลึก ๆ จริงไม่รู้อารมณ์ไหนของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ จึงอาละวาดลามไปถึงอดีตประธานสภาสองสมัย อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย ถึงแม้นจะไม่เอ่ยชื่อ แต่สำหรับคอการเมืองแล้ว มันสิบ่ทราบกันได้ไม่ยาก ถ้าไม่ใช่ 'ชวน หลีกภัย' แล้วจะเป็นใคร

วันมูหะมัดนอร์ มะทา แม้จะเป็นประธานสภาสองสมัย แต่ไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ยังนึกไม่ออกว่า ถ้าไม่ใช่ 'ชวน' แล้วจะเป็นใคร แถมยังพาดพิงไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย อยู่จนจะพรรคแตกแล้ว

ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า พรรคเสรีรวมไทย ถ้าไม่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์เสียแล้ว จะยังดำรงความเป็นพรรคอยู่หรือไม่ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้วเชื่อเหลือเกินว่า ไม่มี 'ชวน-บัญญัติ-จุรินทร์-เฉลิมชัย-เดชอิศม์' ความเป็นประชาธิปัตย์จะยังคงดำรงอยู่ เพียงแต่ว่าช่วงนี้อาจจะมีสถานการณ์ความขัดแย้งสูง รอการแก้ไขภายในพรรคอยู่ เมื่อปัญหาภายในพรรคได้รับการแก้ไขปัญหาเชื่อว่าประชาธิปัตย์จะได้แสดงบทบาทฝ่ายค้านอย่างเข้มข้นจริงจัง เวลาว่างก็กลับมาขบคิด ถอดบทเรียน วางแผน วางยุทธศาสตร์ใหม่ โอกาสที่ประชาธิปัตย์จะฟื้นกลับคืนมาก็ยังมีอยู่ 

ที่กล่าวอ้างเช่นนั้น เพราะประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองไปแล้ว มีคนพร้อมสืบทอดเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรค ที่ผ่านมาก็เห็นการสืบทอดมาจนมีหัวหน้าพรรคมาแล้วถึง 8 คน กำลังจะเลือกคนที่ 9 

"ความขัดแย้งนั้นคือ แรงหลักที่เป็นตัวผลักดันให้กงล้อเร็วไว"

ความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อได้รับการแก้ไข สรุปบทเรียน กำหนดยุทธศาสตร์ แนวทางของพรรคใหม่ เปิดโอกาสให้เลือดใหม่ คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม สร้างคนใหม่ขึ้นมาสืบทอดเจตนารมณ์ อุดมการณ์ของพรรค เชื่อว่า แรงใจ แรงเชียร์จะกลับมายังประชาธิปัตย์ไม่ช้าไม่นาน

เรื่อง: นายหัวไทร

'บิ๊กป้อม' เผย เตรียมลาออก สส.พปชร. เร็วๆ นี้ ลั่น!! เป็น หน.พรรคอย่างเดียว ไม่เล่นการเมืองแล้ว

(31 ส.ค.66) ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ว่า "ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวแล้วในตำแหน่ง สส. บัญชีรายชื่อจะอย่างไร? พล.อ.ประวิตร กล่าวทันทีว่า "เดี๋ยวก็จะลาออก คนอื่นก็ทำไป" เมื่อถามถึงความชัดเจนว่าจะลาออกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามย้ำว่า จะยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวใช่หรือไม่? พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช่ อย่างเดียว"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพล.อ.ประวิตร ลาออกจากสส. บัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะขยับขึ้นมาเป็นสส.แทน คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ที่มีชื่อเป็น รมช.สาธารณสุข

สำหรับบรรยากาศในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและกล่าวอวยพรสื่อ อย่างอารมณ์ดี "โอเคนะ โชคดีนะทุกคน โชคดีจ๊ะ" จากนั้นเดินทางเข้าห้องรับรอง และเมื่อออกจากห้องได้กวักมือเรียกสื่อผู้สื่อข่าว ให้มาถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเสริมกับสื่อมวลชนอีกด้วยว่า "ตนยังมีพลังการทำงานในด้านกีฬา ส่วนการเมืองขอให้เป็นหน้าที่คนอื่น ทำมาเยอะแล้ว"

เมื่อถามย้ำว่าทำมาเยอะแล้วและอยากทำต่อหรือไม่? (ก่อนผู้สื่อข่าวจะแซวว่า ทำอยู่ ทำต่อ) พล.อ.ประวิตร จึงถามกลับว่า "ทำอยู่ ทำต่อ หมายความว่าอย่างไร" ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า หมายถึงทำให้ประเทศ พล.อ.ประวิตร จึงกล่าวว่า "ผมทำมาเยอะแล้ว ผมทำให้พรรคบ้าง"

‘บัญญัติ’ ยัน!! มติพรรคโหวตนายก ‘งดออกเสียง-ไม่เห็นชอบ’ ชี้!! พฤติกรรม 16 สส.งูเห่าอันตราย ฉุดภาพลักษณ์พรรคตกต่ำ

(30 ส.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์กรณี นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป.และ สส.สงขลา พาดพิงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องย้ายไปอยู่พรรคไทยรักไทย ว่า จำได้แน่นอนว่าสมัยนั้นตอนที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค หลักใหญ่ที่ใช้ในการตัดสินใจสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนใครให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง มีสองหลักการ หลักแรกมักให้ สส.ที่มีอยู่ในจังหวัดพูดจาและลงความเห็นกันเอง และหลักที่สองใช้หลักคณะกรรมการบริหาร โดยเฉพาะให้รองหัวหน้าพรรคเป็นหลัก ยืนยันตนตัดสินใจไม่ผิด เพราะการเลือกตั้งครั้งนั้นพรรค ปชป.ได้ สส.สงขลา ยกจังหวัดเช่นกัน จึงไม่เข้าใจว่าทำไมนายเดชอิศม์จึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในเวลานี้

นายบัญญัติ ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. พรรคมีมติให้งดออกเสียง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แน่นอน ในวันดังกล่าวตนเป็นคนสรุปด้วยตัวเอง พูดกันเพียง 2 แนวทาง คือ จะงดออกเสียง หรือไม่เห็นชอบ คนเริ่มเรื่องนี้คือ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา โดยบอกว่าเมื่อเที่ยวนี้พรรคไม่ได้เป็นรัฐบาล แนวทางมติก็มีเพียงงดออกเสียงกับไม่เห็นชอบเท่านั้น ซึ่งถูกต้อง เพราะในทางปฏิบัติที่แล้วมา ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เขาไม่เชิญเข้าร่วมรัฐบาล แล้วอยู่ ๆ ไปยกมือสนับสนุนนายกฯ ของเขา ตนยังแปลกใจว่าเที่ยวนี้ไปไกลแบบนั้นได้อย่างไร

"พรรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลมีอยู่สองอย่างคือ งดออกเสียง กับไม่เห็นชอบ งดออกเสียงคือปฏิเสธแบบสุภาพ แม้กระทั่งนายเดชอิศม์เองก็ลุกขึ้นพูดในที่ประชุมวันที่ 21 ส.ค. อยากให้งดออกเสียง หลังจากพูดกันพอดูออกว่าอยากให้งดออกเสียงจำนวนมาก นายชวน หลีกภัย ก็ลุกขึ้นบอกว่าขอลงมติไม่เห็นชอบ เพราะสู้กับระบอบทักษิณมายาวนานเป็นพิเศษ และวันนี้ก็ไม่ทราบว่าระบอบทักษิณเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญ อยากให้คนใต้สบายใจว่าจุดยืนยังมั่นคงแข็งแรง จากนั้นผมลุกขึ้นอภิปรายต่อ สุดท้าย ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลุกขึ้นพูดว่าคงไม่ต้องลงมติมั้ง ซึ่งหมายความคงไม่ต้องนับคะแนนกัน เพราะฟังแล้วก็พอรู้ว่าจะมีผลอย่างไร ไม่ใช่แปลว่าจะไม่มีมติ ซึ่งจำได้ว่านายเดชอิศม์ยังลุกขึ้นทักท้วงว่าไม่ต้องมีมติหรือ ซึ่งผมก็ได้บอกว่าสิ่งที่นายจุรินทร์พูด หมายความว่าไม่ต้องลงคะแนน เพราะฟังดูแล้วเสียงส่วนใหญ่ให้งดออกเสียง ถ้าเช่นกันก็มีมติให้งดออกเสียง จึงถือว่าวันนั้นมีมติพรรคแน่นอน และที่กล่าวหาว่าผมและท่านชวนฝืนมติพรรค ก็ไม่ใช่" นายบัญญัติ กล่าว

นายบัญญัติ กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสที่ว่านายชวน จะขับ สส.ออกจากพรรคนั้น คิดว่าไม่ใช่วิสัยของนายชวน เพียงแต่ว่าอะไรไม่ถูกต้องนายชวนก็ทักท้วง เรื่องจะให้ขับกันเป็นเรื่องที่สมาชิกส่วนหนึ่งเคลื่อนไหวกันเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งเป็นปกติของพรรค วันดีคืนดีเมื่อสมาชิกจำนวนหนึ่งเห็นว่า สส.ไปลงคะแนนไม่น่าจะถูกต้องในความรู้สึกของเขา ก็ออกมาส่งเสียงเรียกร้องให้พรรคพิจารณา ซึ่งพรรคจะไม่พิจารณาคงไม่ได้ และทราบว่านายจุรินทร์กำลังเล็งหาคนมาเป็นประธานคณะกรรมการมาทำหน้าที่สอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น และคณะกรรมการชุดนี้จะทำความชัดเจนได้มากขึ้น ทั้งเรื่องพรรคมีมติหรือไม่มีมติ และใครกันแน่ที่กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะจะได้จบ ไม่คาราคาซังกันอีก

นายบัญญัติ กล่าวตอนท้ายว่า ภายหลังลงมติโหวตนายกฯ ผ่านพ้นไป มี สส.ใหม่มาปรับทุกข์ว่าไม่สบายใจที่ลงมติเห็นชอบ ตนก็ได้ให้สติไปว่าอาจมีอีกหลายคนที่คิดแบบเดียวกัน และให้คำแนะนำว่าการทำการเมืองมีเพื่อนเป็นเรื่องดี แต่อย่าตามใจเพื่อนจนเสียหลัก นักการเมืองมีศิลปะที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือสามารถขัดใจเพื่อนโดยเพื่อนไม่โกรธ เช่น การตัดสินใจทางการเมืองต้องคิดหลายปัจจัย นอกเหนือจากพรรคแล้ว ต้องมองว่าประชาชนคิดอย่างไร การเป็นนักการเมืองความคิดของตัวเองสำคัญ แต่ความคิดของคนอื่นสำคัญกว่า โดยเฉพาะความคิดของประชาชน กรณีที่ไปลงคะแนนกัน ตนคิดว่าอันตราย เพราะในความรู้สึกของชาวบ้านอาจมองว่าเราอยากเป็นรัฐบาลมากเหลือเกินหรือไม่ และอาจมองว่าเราตกเป็นเหยื่อของเขาแล้ว เพราะตนได้ยิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่ายังเปิดกว้างสำหรับทุกพรรคการเมือง พรรคใดอยากเข้าเป็นสมการก็ดูวันโหวตนายกฯ ซึ่งตรงนี้ผิดธรรมเนียม ไม่มีใครลงคะแนนให้นายกฯ ง่าย ๆ เว้นแต่จะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและตกลงกันแล้วถึงตำแหน่งรัฐมนตรี

'เศรษฐา' ลั่น!! ประชุม ครม.นัดแรกประกาศลดราคาพลังงานแน่ แย้ม!! 'สุพัฒนพงษ์' เน้นส่งไม้ต่อให้ด้วยความราบรื่น

(30 ส.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้การต้อนรับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพื่อหารือถึงการส่งไม้ต่อในการทำงานด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการจัดทำร่างนโยบายของรัฐบาลเพื่อแถลงต่อรัฐสภา

เวลา 12.50 น. นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการหารือเรื่องของราคาพลังงาน รวมถึงประเด็นอื่นๆ ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ก็ได้ฝากฝังไว้หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือขั้นตอนในการลดราคาค่าไฟกับค่าน้ำมันดีเซล โดยจะมีประกาศหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกแน่นอน 

เมื่อถามว่าหลังการประชุมครม. นัดแรกจะสามารถลดได้ทันทีแน่นอนใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ทันทีครับทันที ประกาศทันทีและขอดูขั้นตอนนิดหนึ่ง” ก่อนจะย้ำว่าทำงานไม่หยุด เพราะต้องดูนโยบายอื่นๆ ด้วย และถือว่านายสุพัฒนพงษ์ให้ความกรุณาและยินดีส่งไม้ต่อให้ด้วยความราบรื่น

ด้านนายสุพัฒนพงษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการลดราคาพลังงานว่า เป็นเรื่องที่ต้องคุยกับหัวหน้าพรรค เมื่อถามถึงนโยบายหลักที่เสนอต่อ พท. ที่จะนำไปเป็นนโยบายร่วมของรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันมากกว่า ส่วนการพูดคุยอย่างเป็นทางการต้องให้ หัวหน้าพรรค รทสช.มาพูดคุยกันอีกครั้ง วันนี้เป็นการมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่า มีอะไรจะส่งไม้ต่อไปถึงรัฐบาลใหม่ได้ การมาหารือวันนี้ เป็นโอกาสที่ดีของรัฐบาลรักษาการ จะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่ามีอะไรจะส่งมอบ หรือส่งต่อความคิดเห็นใดๆ ไปถึงรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจที่รัฐบาลใหม่ได้ขอรับทราบสิ่งที่รัฐบาลรักษาการ หรือรัฐบาลที่ผ่านมาได้ทำอะไรไว้บ้าง ส่วนจะสานต่อเรื่องอะไร จะดัดแปลง หรือทำให้ดีขึ้นก็เป็นนโยบายของรัฐบาลใหม่ ว่าจะพิจารณา และในการหารือ นายเศรษฐาก็รับทราบสิ่งต่างๆ ของรัฐบาลที่ทำมาแล้ว ถือเป็นการให้ข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้รัฐบาลใหม่สามารถพิจารณานโยบายเดิมที่ทำอยู่แล้วไปพิจารณาต่อได้โดยไม่ต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ โดยข้อคิดเห็นต่างๆ มีการคุยกันครั้งนี้ก็คงจะมีการไปพิจารณาในรายละเอียดอีกที

เมื่อถามว่ามีการหารือเกี่ยวกับการจัดทำนโยบาย ร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อแถลงต่อรัฐสภาหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษในลักษณะของการหารือด้านนโยบาย เพราะคงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่นำข้อมูลต่าง ๆ ไปพิจารณา

‘หมอชลน่าน’ ลาออก ‘หัวหน้าพรรคเพื่อไทย’ เซ่นปมจับมือพรรคลุงจัดตั้งรัฐบาล

(30 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. จะลาออกจากกก.บห. จากนั้นเวลา 16.20 น. นพ.ชลน่าน พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากการประชุมกก.บห.ครั้งนี้ ถือว่าเป็นจุดสุดท้าย ที่ตนเคยระบุไว้ว่า ถ้าตนทำหน้าที่หัวหน้า ในฐานะประธานกก.บห. พิจารณารับผิดชอบในการตั้งรัฐบาลของพรรค พท. เสร็จเรียบร้อย ตนจะมาประกาศกับสื่อมวลชนผ่านไปยังประชาชนว่า เรื่องที่ตนจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตามที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ในเวลาดีเบตหาเสียงเลือกตั้ง สส. วันนี้ภารกิจก็เสร็จเรียบร้อย

“ผมนพ.ชลน่าน ขอทำตามที่เคยประกาศไว้ เป็นสัจจะที่ผมเคยลั่นวาจาไว้ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทย ถ้ากก.บห. มีมติจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีมติจับมือดีลกับลุงป้อม ผมในฐานะหัวหน้าพรรคพร้อมที่จะลาออก และขออนุญาตประกาศ ณ ตรงนี้ว่า ขอลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อไทยตามที่ผมได้ประกาศเอาไว้ ณ บัดนี้” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เหตุผลความจำเป็นที่ตนเลือกมาประกาศในวันนี้ เพราะเหตุผลความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ ที่พรรค พท. มีความจำเป็นจาก กก.บห. และสมาชิกพรรคที่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำรายชื่อทูลเกล้าฯ ก็ถือว่าภารกิจสำเร็จเรียบร้อย

ขณะที่นายประเสริฐ กล่าวว่า ในที่ประชุมกก.บห.นั้น นพ.ชลน่าน ได้กล่าวขอบคุณกก.บห.ทุกท่าน และชี้แจงประชาชนตามข้อบังคับเมื่อหัวหน้าพรรคลาออก กก.บห.ที่เหลือทั้งหมด ต้องหมดสภาพกก.บห. แต่ กก.บห. อื่น ๆ นอกจากหัวหน้าพรรคยังรักษาการอยู่ ซึ่ง ที่ประชุม กก.บห. วันนี้มีมติเลือกนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ขึ้นมาเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคแทน ส่วนการสรรหา กก.บห.ชุดใหม่นั้น จะต้องทำในระยะเวลา 60 วัน

เมื่อถามว่า หากมีสมาชิกเสนอชื่อให้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคจะรับหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนต้องนำเรื่องนี้ไปพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน ยืนยันว่าการทำหน้าที่หัวหน้าที่ผ่านมา ตนทำงานด้วยความสุข ความภาคภูมิใจ ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพรรคในวันที่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 โดยทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองเพื่อประชาชน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากสมาชิกและบุคลากรภายในพรรคเป็นอย่างดี

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ช่วงวิกฤตรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพวกเราทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง แต่สิ่งที่เราได้รับคือบทเรียนอันยิ่งใหญ่มาก หลังเลือกตั้งยิ่งทำให้ผมรู้สึกเองว่าผูกพัน มีความรัก มีความยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค และเห็นผู้คนของพรรคทุ่มเทเสียสละเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ฉะนั้น คำกล่าวอ้างวาทกรรม ข้อโจมตีหรือข้อที่เห็นแย้งต่าง ๆ เราล้วนเห็นว่าเป็นมิติหนึ่งทางการเมือง แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเราคือทำเพื่อประชาชน

“ถามว่ารู้ผมรู้สึกอะไร ผมไม่มีความรู้สึกที่จะเสียใจ โกรธเคือง หรืออะไรต่าง ๆ ผมไม่มีครับ เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่ ผมพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อทุกอย่างมีข้อจำกัด ทุกอย่างมีสิ่งต้องรับและผูกมัดไว้มันก็ต้องปฏิบัติตามแบบนั้น ผมไม่ได้หนีไปไหนยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า การลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่ยังคงเป็น สส. และว่าที่รัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “มันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่ผมประกาศเอาไว้ ผมพูดไว้เพียงแต่จะลาออกจากหัวหน้าพรรค”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทั้ง 3 ท่านได้ต่างไหว้ พร้อมทั้งลุกขึ้นมาจับมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า อยากฝากถึงประชาชนที่หมดศรัทธากับตัวเองหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องศรัทธาและความเชื่อไปสิทธิส่วนบุคคล เป็นเสรีภาพบนพื้นฐานที่เขาได้รับ ซึ่งหวังว่าประชาชนที่มีความรู้สึกแม้จะแตกต่างกัน หรือจะมีความเชื่อหรือศรัทธาหรือไม่อย่างไรหากได้พิจารณาข้อมูล ข้อเท็จจริง เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะไม่ต้องมาบอกว่าศรัทธาหรือไม่ศรัทธา แต่เราพร้อมที่จะหันหน้าเข้าหากัน และมองจุดสำคัญของแต่ละคนที่เป็นประโยชน์ของบ้านเมือง ตรงนั้นน่าจะเป็นมุมที่ดีที่สุด

“เราไม่สามารถตอบสนองความพึงพอใจของทุกคนได้ มีเพียงระดับหนึ่งที่เราสามารถตอบสนองได้ และเป็นเรื่องธรรมดา หน้าที่ของเราคือการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนของประชาชน สมาชิกพรรคการเมือง อยู่ในมิติทางการเมือง ก็แสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องให้เหมาะสมที่สุด ภายใต้สิทธิเสรีภาพของกฎหมาย” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า จะเป็นเหมือนพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ที่ลาออกจากหัวหน้าพรรค แล้วมีการเสนอชื่อเข้ามาใหม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอให้ไปดูกระบวนการ เพราะระหว่างพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองกับบุคคลต้องแยกกัน ตนแสดงความรับผิดชอบในฐานะบุคคล ไม่ได้เอาพรรคมาเกี่ยวข้อง เกี่ยวเพียงเล็กน้อยที่เป็นเหตุเป็นผลเท่านั้น

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ยก 'ลุงตู่' ที่รู้จัก ต่างจากนักการเมืองทั่วไป 'แข็งนอก-อ่อนใน-ไม่สร้างวาทกรรม' ผู้ร่วมงานด้วยล้วนหลงเสน่ห์

ไม่นานมานี้ นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ดังนี้…

ลุงตู่ที่รู้จัก

วันนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งอาจจะเป็นนัดสุดท้ายของรัฐบาลลุงตู่ จะเล่าเรื่องลุงตู่ที่ผมรู้จัก

แม้จะไม่ใกล้ชิดสนิทสนมกับลุงตู่มากนัก แต่มีแง่มุมที่พอเล่าสู่กันฟังได้ แต่จะไม่เขียนถึงผลงานของลุงตู่ เพราะมีหลายท่านเขียนผลงานลุงตู่กันมากพอสมควรแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นการสร้างกระแสลุงตู่

แน่นอน ในสมัยแรกลุงตู่เป็นนายกมาจากการยึดอำนาจ แต่ลุงตู่ยึดอำนาจเพื่อยุติการเผชิญหน้าทางการเมืองระหว่างคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ที่มีการชุมนุมทางการเมืองด้วยมวลชนจำนวนมากและมีทีท่าที่จะเกิดสงครามกลางเมือง ลุงตู่จัดให้ฝ่ายการเมืองพูดคุยกันเพื่อหาทางออกแต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ จึงนำมาสู่การยึดอำนาจ เพื่อรักษาชีวิตและเป็นการยึดอำนาจที่ไม่มีการเสียชีวิตและเลือดเนื้อของคนในชาติ

ลุงตู่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ แต่เนื้อแท้จริง ๆ แล้ว ลุงตู่เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน คือภาพของลุงตู่เป็นคนพูดไม่เพราะ พูดแข็ง ๆ ห้วน ๆ ภาษาแบบคนบ้าน ๆ แต่จริงใจ ไม่สร้างวาทกรรม ไม่มีการประดิดประดอยสรรหาถ้อยคำหวานหู ผิดจากนักการเมือง

หากลุงตู่เป็นเผด็จการอย่างที่ถูกกล่าวหา ม๊อบที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล และชุมนุมตลอดสมัยการเป็นนายกของลุงตู่ ต้องถูกปราบปรามด้วยการเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ เหมือนสมัยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่จัดการอย่างรุนแรงต่อผู้ชุมนุมมีคนเจ็บคนตาย 

แต่ลุงตู่กลับให้ตำรวจดำเนินการด้วยกฎหมาย ทำงานด้วยความอดทน จนถูกกองเชียร์ลุงตู่บอกว่า หน่อมแน๊ม ไม่มีน้ำยา 

ลุงตู่เป็นทหารมาตลอดช่วงชีวิต แต่เมื่อมาเป็นนักการเมือง ลุงตู่ใจเย็นมากในการทำงานร่วมกับนักการเมืองและฝ่ายต่าง ๆ แต่เมื่อจะจบการประชุมที่เคร่งเครียด คำพูดของลุงตู่ที่ง่าย ๆ แต่ติดหู คือ ขอบคุณ รู้นะว่าทุกคนทำงานหนักและเหนื่อย ความเรียบง่ายและจริงใจของลุงตู่ทำให้คนที่ทำงานด้วยรักลุงตู่

แม้แต่นักการเมืองจำนวนมากก็หลงเสน่ห์ลุงตู่และย้ายพรรคมาร่วมงาน ร่วมหัวจมท้ายกับพรรคลุงตู่ ไม่ไปไหนทั้ง ๆ ที่รู้ว่า พรรคตั้งใหม่เกิดยากถ้าหัวไม่ลง

ขอบคุณลุงตู่ที่เหน็ดเหนื่อย ช่วงนี้ให้ลุงตู่พักเหนื่อยก่อน

เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ

'เศรษฐา 1' พอใช้ได้ 'ไม่โกง-ไม่รื้อรธน.' อยู่ยาว 3 ปี ติด!! บางกระทรวงแม้ลงตัว แต่ยังแอบขัดใจในดีกรี

มาถึงนาทีนี้ก็ใกล้จะประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1 กันแล้ว...รออีกแป๊บบบ...โปรดเกล้าฯ เมื่อไหร่จะได้วิพากษ์วิจารณ์กันเต็มที่ 

ในชั้นนี้ประสา 'เล็ก เลียบด่วน' ขอแสดงความเห็นส่วนตัวถึงโครงสร้างและรูปลักษณ์ของรัฐบาลเศรษฐาสั้น ๆ 3 ประการ

ประการแรก - เป็นรัฐบาลที่เป็นผลิตผลของรัฐบาลผสมระหว่างฝ่ายที่อ้างว่าเป็นฝ่ายเสรีนิยมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมซึ่งนำโดยพรรคสองลุง...ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อย่างที่เห็น ๆ มันก็คือ เผ่าพันธุ์นักการเมืองทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น โดยมีนายทุนพรรคเข้ามาหยิบชิ้นปลามันอย่างสมน้ำสมเนื้อที่ได้ลงทุน เช่นกรณีกระทรวงคมนาคม, กระทรวงพลังงาน หรือแม้แต่กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น

ประการที่สอง - แม้หลายตำแหน่งจะลงตัว เหมาะสม แต่เหตุเพราะการแบ่งกระทรวงอาจจะไม่ถูกที่ถูกพรรค ทำให้การวางตัวคนบางตำแหน่งอาจจะดูขัด ๆ เขิน ๆ ไม่ ‘พุท เดอะไร้ท์ แมน ออน เดอะ ไร้ท์ จ๊อบ’ ...เช่น ภูมิธรรม เวชยชัย ควรนั่งมหาดไทยหรือรองนายกฯ ควบกระทรวงเชิงสังคม แต่กลับต้องไปนั่งว่าการพาณิชย์ หรือแม้แต่กรณี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ต้องไปนั่งว่าการศึกษาธิการ และกรณีสุทิน คลังแสง ที่หากไม่พลิกก็จะไปคุมกองทัพในตำแหน่งว่าการกลาโหม เป็นต้น

ประการที่สาม - แม้ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ แต่ก็พอจะคาดหมายได้ว่า...เคาะสุดท้าย...คำสั่งสุดท้าย...โผสุดท้ายที่ออกมาจากห้องสูท ชั้น 14 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง...ซึ่งนายกฯ ที่ชื่อเศรษฐา ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้...ดังกรณีตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการปูนบำเหน็จให้คนชื่อพิชิต ชื่นบาน 'ทนายถุงขนม'

กรณีพิชิต ชื่นบาน นี่ต้องขอเสริมสักนิดว่า เมื่อตรวจสอบในเชิงตัวบทกฎหมายแล้ว ไม่สามารถไปห้ามเขาได้ครับ ที่พิชิตต้องไปนอนคุก 6 เดือนเมื่อปี 2551 กรณีพยายามติดสินบนบนศาลนั้นก็เป็นคำสั่งศาล ยังไม่ใช่ คำพิพากษา' ของศาลจากคดีอาญาแต่ประการใด...แต่ที่ 'เล็ก เลียบด่วน' ติดใจและสังคมก็น่าจะคาใจกันทั้งประเทศก็คือ ประเด็นจริยธรรม ที่เขาเป็นสินค้ามีตำหนิชัดเจน...

มาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญ สองวงเล็บ บัญญัติชัดเจนว่า...รัฐมนตรีต้อง (4) มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ส่วนกรณีของ 'บิ๊กทิน' สุทิน คลังแสง นั้นเป็นคนมีความรู้รอบตัว ถ้าให้เหมาะสมกับสเปกของเจ้าตัวน่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ หรือวัฒนธรรม หรือเกษตรและสหกรณ์ แต่ด้วยเหตุที่เก้าอี้รัฐมนตรีจำกัดและไม่สามารถนายทหารในสเปกเพื่อไทยได้ รวมทั้งลึกๆ อยากสร้างมิติใหม่ทางการเมืองให้พลเรือนที่ไม่ใช่นายกฯ คุมกลาโหม จึงส่งพ่อใหญ่หมอลำอย่างสุทินไปว่าการ...ซะเลย

ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงนายทหาร เตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร ปรากฏชื่อ พล.อ.พิศาล  วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 27 ของพรรคเพื่อไทย แต่ พล.อ.พิศาล มีบาดแผลใหญ่กรณีสลายม็อบตากใบ 85 ศพ เมื่อปี 2547 เลยไม่ผ่าน...ต่อมาจึงมีชื่อ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ 'บิ๊กเล็ก' อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายทหารสายบุ๋น สายตรงลุงตู่...แต่สุดท้ายก็เงียบไป...

ฉะนั้นถึงนาทีนี้ ชื่อ 'บิ๊กทิน' จึงยังเต็งจ๋า...แต่นาทีสุดท้ายเมื่อต้องเผชิญแรงต้านจากกองทัพในระดับพอสมควร ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร...

ส่งท้ายวันนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' สวมวิญญาณโหร นั่งเทียนพยากรณ์ว่ารัฐบาลเศรษฐาจะไปได้ยาวกว่าที่หลายคนกำลังแช่ง เพราะทุกพรรคจะถ้อยทีถ้อยอาศัยประสานผลประโยชน์กัน

วันนี้จึงขอบอกเพียงว่า...ครึ่งเทอมหรือสองปีจะผ่านไปได้ชิวๆ และถ้าไม่โกงและไม่ติดหล่มแก้รัฐธรรมนูญตามเกมพรรคก้าวไกลมากเกินไป..เอาไปเลยสามปี..!!

'วิโรจน์' แซะ!! คนยังสนข่าว 'ชลน่าน' ออกอีกหรือ  ชี้!! ออกไปก็ได้นั่ง รมต. คงมีคนอยากออกเยอะ 

(30 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค มองว่าเป็นการรับผิดชอบที่ไปจับมือกับพรรค 2 ป. หรือไม่

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ นพ.ชลน่าน แต่ยังมีคนสนใจข่าวนี้อยู่อีกหรือ คิดว่าการประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้วก็ไปเป็นรัฐมนตรี ส่วนตัวมองข้ามช็อตไปแล้ว

เมื่อถามว่าการลาออก นพ.ชลน่าน จะช่วยลดแรงเสียดทานที่พรรคเพื่อไทยโดนโจมตีได้หรือไม่ นายวิโรจน์ ย้อนว่า นักข่าวถามก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นการเพิ่มหรือลดแรงเสียดทาน เพราะไม่ใช่การลาออกไปตัวเปล่าเล่าเปลือย

"ถ้าลาออกแบบนี้ ก็คงมีคนอยากลาออกเยอะแยะไปหมด เพราะคำว่าลาออกในมุมมองของประชาชนคือการแสดงความรับผิดชอบ แต่การลาออกลักษณะนี้เหมือนลาออกไปรับตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้น ให้คุ้มกับสิ่งที่ตนเองได้ทำ" นายวิโรจน์ กล่าว

‘เศรษฐา’ ลั่น!! วิจารณ์ว่าที่ รมต. ได้ในกรอบที่เหมาะสม มั่นใจ!! ทุกคนมีคุณสมบัติเหมาะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรี

(30 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บางคนอาจไม่เหมาะกับบางตำแหน่งว่า ต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลและผู้ที่ประสานงานจัดตั้ง ครม.ด้วย ตนคิดว่าหน้าตาหรืออะไร ก็มีสิทธิ์ที่คนจะคิดกันได้ แต่ต้องให้เกียรติกับรัฐมนตรี และมั่นใจว่ารัฐบาลของเรามีภารกิจมาก มีเป้าหมายในการทำงานอย่างชัดเจน เราคงวัดกันที่ตรงนี้ เพราะวันนี้ทุกคนคงต้องเริ่มทำงานแล้ว


เมื่อถามว่ามีเสียงสะท้อนว่าหากพลเรือนมาคุมกองทัพ อาจจะเป็นการถูกด้อยค่า นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่านายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีผู้รายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้อาวุโส เป็น สส. หลายสมัย เท่าที่ตนรู้จักนายสุทิน ท่านเป็นคนที่ให้เกียรติคน เชื่อว่าการประสานงานกับกองทัพจะเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งส่วนตัวตนจะเข้าไปช่วยดูตรงนี้ด้วย ก็ต้องให้แน่ใจว่าทุกสถาบันได้รับการดูแลเอาใจใส่ และได้รับการพูดคุยอย่างเหมาะสม สมฐานะ

เมื่อถามว่าว่าที่รัฐมนตรีทยอยเข้าไปกรอกประวัติที่ทำเนียบรัฐบาล ทางสำนักเลขาธิการ ครม. ได้แจ้งหรือไม่ว่าจะใช้เวลากี่วันและขั้นตอนต่อไปจะเริ่มได้เมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ได้พูดคุยกับเลขาธิการ ครม. ระยะเวลาในการตรวจสอบน่าจะอยู่ที่ 2 วัน หลังจากนั้นก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เลย

เมื่อถามว่าทางเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งเรื่องคุณสมบัติมาบ้างหรือไม่ เพราะมีรายงานว่ารัฐมนตรีบางคนคุณสมบัติไม่ผ่าน นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องยังไม่ถึงตน ตนยังไม่ทราบ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายณฐพร โตประยูร จะทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ว่ามีว่าที่รัฐมนตรี 4 คน ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คุณสมบัติไม่ผ่าน โดยอ้างอิงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับข้อมูล แต่ตนเชื่อว่าทั้ง 4 คนเป็นบุคคลที่เหมาะสมในการเข้าดำรงตำแหน่ง เหลือแค่เช็กคุณสมบัติจากเลขาธิการ ครม. อีกครั้ง

เมื่อถามถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนทราบเรื่องแล้ว วันนี้ นพ.ชลน่านคงประกาศเรื่องนี้เอง ต้องให้เกียรติท่าน ซึ่งท่านก็เป็น สส. หลายสมัย ทำประโยชน์ให้กับพรรคเพื่อไทยมานาน และเป็นที่รักของ สส. ทุกคน ตนเพิ่งเข้ามาใหม่ ท่านก็ให้การดูแลที่ดี เชื่อว่าไม่ว่าท่านจะตัดสินใจเช่นไร ในอนาคตท่านก็จะยังอยู่ในพรรค เพื่อไทยต่อไป ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ในพรรคมีการคุยกัน แต่ต้องให้เกียรติ นพ.ชลน่านในการแถลง

เมื่อถามย้ำว่าเรื่องเซอร์ไพรส์ที่นายเศรษฐาเคยบอกคือเรื่องที่ นพ.ชลน่านจะลาออกใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ใช่ครับ นพ.ชลน่านประกาศไว้นาน หากมีการเลือกนายกฯ เสร็จเรียบร้อย และหากเสร็จภารกิจ นพ.ชลน่านก็จะมีการประกาศของท่านออกไป”

เมื่อถามต่อว่าถ้า นพ.ชลน่านลาออกใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องมีการประชุมพรรค เพราะเราเป็นพรรคที่มีสมาชิกเยอะ คงต้องว่าไปตามกฎพรรคการเมือง และคงต้องมีการรักษาการไปก่อน ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใหม่ภายใน 60 วัน ทั้งนี้ ขอฟัง นพ.ชลน่านแถลงก่อน

เมื่อถามว่ามองคุณสมบัติของคนที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไปอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนในฐานะหนึ่งในสมาชิกพรรค คิดว่าต้องเป็นคนที่อยู่ในพรรคมานาน มีความรู้ความสามารถ รอบรู้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมือง ความมั่นคงเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อถามว่ามองว่านพ.ชลน่านจะมีโอกาสกลับมานั่งหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไปก้าวล่วงสิทธิของสมาชิกพรรคทุกท่านไม่ได้ ต้องให้เกียรติสมาชิก เราหนึ่งคนหนึ่งเสียง เราเคารพระบบพรรคการเมือง

เมื่อถามว่าส่วนตัวจะเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ขอพูดเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับการเลือกกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการจัดทำนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา นายเศรษฐา กล่าวว่า มีความคืบหน้าตลอด เมื่อวานนี้มีการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แล้ว ซึ่งนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ว่าที่เลขาธิการนายกฯ เป็นคนเจรจาและรวบรวมข้อมูล แล้ววันนี้เวลา 11.00 น. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเข้ามาพบตนที่พรรคเพื่อไทย เพื่อพูดคุยเรื่องนโยบาย ซึ่งเราก็เร่งด่วนในเรื่องนี้ เพราะอยากแถลงนโยบายโดยเร็วหลังเข้าถวายสัตย์ฯ เพื่อที่ประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องทำ

เมื่อถามว่าหลังจากนำ ครม. ถวายสัตย์ฯ แล้ว คาดว่าจะใช้เวลากี่วันในการแถลงนโยบายต่อสภาฯ ได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอไปดูนิดหนึ่งก่อน ขึ้นอยู่กับถวายสัตย์ฯ เมื่อไหร่ แต่คาดว่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์

เมื่อถามว่าภารกิจที่ว่าเน้นไปที่การท่องเที่ยว ช่วงไฮซีซันตั้งตัวเลขไว้อย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า กำลังทำการศึกษาอยู่ ซึ่งในทุกเวทีที่เราพูดคุย การท่องเที่ยวที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุด รวมถึงเดือน ต.ค. ซึ่งใกล้ถึงช่วงไฮซีซันแล้ว ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ที่ จ.ภูเก็ตและพังงา ได้คุยกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการท่าอากาศยาน การบินไทย กระทรวงคมนาคมเรื่องแผนการพัฒนาและสนับสนุน และมีการคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องของการดูแลด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งท่านก็สนับสนุนและเห็นชอบในเรื่องนี้ ฉะนั้นเรื่องนักท่องเที่ยวจีน ที่เรามีดำริว่าเราจะยกเลิกขอวีซ่าก็หวังว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากทุกภาคส่วน ส่วนตัวเลขวันประกาศคงจะมีการอธิบายให้ฟังว่าจะดีขึ้นอย่างไร แล้วจะเห็นผลเมื่อไหร่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top