Wednesday, 18 June 2025
POLITICS NEWS

'ชาดา' สั่ง 'ลูกเขย' ลาออก 'นายกเทศมนตรี' ไม่ใช่อยู่ต่อ ‘ตั้งรักษาการ’ และอ้างคดียังไม่สิ้นสุด

(25 ต.ค. 66) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังชี้แจงต่อ กมธ.การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ว่า "ตนพูดไว้ว่าต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองไว้ก่อน เรื่องนี้ในฐานะ รมช.มหาดไทย ได้โทร. หาผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีว่า ให้สั่งพักปฎิบัติหน้าที่ นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ได้หรือไม่ ขอให้ฟังดี ๆ และใช้สมองคิด"

นายชาดา กล่าวว่า เมื่อวานลูกเขยตนได้รับการประกันตัว ได้มีการพูดคุย ซึ่งเขาได้ขอโทษแล้ว ตนบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือการลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง การรอการพักปฎิบัติหน้าที่ ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ ปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชนในตำบล ดังนั้นหากลาออกกระบวนการจะต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงก็ว่าไปตามระบบ ถือเป็นว่ามาตรฐานของสังคมไทยในทางการเมืองท้องถิ่น โดยนายวีระชาติ ลาออก เมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่มของวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา

"คุณ (ลูกเขย) ต้องลาออก เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่ ไม่ใช่อยู่ต่อ (ตั้งรักษาการ) และอ้างคดียังไม่สิ้นสุด" รมช.มหาดไทย เสริม

นายชาดา กล่าวอีกว่า "ผมในฐานะพ่อต้องกอดลูกทุกคนด้วยความรักความอบอุ่น และเดินไปด้วยกัน แม้ทางเดินจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ครอบครัวของผม ผมรัก และผมทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอร้องว่า อย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี แอ็กเคาต์อวตาร ขออย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี เพราะมันจะเกิดสงครามโซเชียล วันนี้คนไทยต้องรักกัน รักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าตอนนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว ออกข่าวทุกวัน ไม่ใช่มาด่ากันในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์" นายชาดา กล่าว

'เศรษฐา' เตรียมถก 'คลัง' หาช่องช่วยแรงงานไทย หลังกู้เงินไปทำงานอิสราเอล จนไม่กล้ากลับมา

(25 ต.ค. 66) ที่โรงละครอักษรา คิงพาวเวอร์ ถนนรางน้ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปล่อยตัวประกัน 50 คน จากเหตุการณ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในจำนวนนี้มีคนไทยด้วยหรือไม่ ว่ายังไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ แต่เห็นนายปานปรีย์ บอกว่าจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ ซึ่งท่านเองก็พยายามอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงของเราสามารถเจาะข้อมูลเชิงลึกได้มากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า "ได้มาก ยืนยันว่าด้านความมั่นคงเราไม่มีจุดบอด ทางฝ่ายความมั่นคง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และมีรายงานมาโดยตลอด"

เมื่อถามต่อว่า จำเป็นต้องตั้งรองนายกฯ มาดูแลด้านความมั่นคงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ไม่จำเป็นเพราะมีสายตรงถึงตนเองตลอด"

ถามว่า หลังจากที่นายกฯขอความร่วมมือให้แรงงานไทยเดินทางกลับ มีตัวเลขเพิ่มเติมเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า "ดีขึ้น มีแนวทางที่ดีขึ้น เราเองก็พยายาม และเที่ยงวันนี้จะมีการพูดคุยกับ รมช.การคลัง ทั้ง 2 ท่าน และทีมงานกระทรวงการคลังว่าจะมีมาตรการไหนพอช่วยเหลือเขาได้หรือเปล่า เพราะเราเองก็ดูในเชิงลึกเหมือนกันว่าแรงงานไทยหลายคนที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศและอิสราเอลก็ต้องมีการกู้เงินมา ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่บางท่านยังตัดสินใจไม่กลับ และยอมเสี่ยงชีวิต เพราะเป็นเรื่องของเงินกู้ เราก็ต้องกลับมาดูว่าจะช่วยเหลือตรงไหนได้บ้างอย่างไร ยืนยันว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ ทั้งกดดันว่าอย่าให้นายจ้างเอาเงินมาล่อทั้งทำในส่วนที่เราทำได้เอง ทำทั้ง 2 ส่วนทำทุกทาง"

'แรมโบ้' กระเด็น!! 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผงาด สส. ประกาศิตจากบุรุษนิรนาม พิกัดชั้น 14

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่หนังสือลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ 'แรมโบ้อีสาน' น่าสังเกตว่าหนังสือลาออกที่ยื่นต่อ กกต.ดังกล่าว ลงวันที่ 3 ต.ค. แต่เพิ่งนำมาเผยแพร่ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นพลันที่ข่าวแรมโบ้กระจายในช่วงสาย ๆ เย็นวันเดียวกัน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ สส.บัญชีรายชื่อลำดับ 2 ของพรรค รทสช. ก็โชว์หนังสือลาออกจาก สส.

อันว่า 'แรมโบ้' นั้นเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 15 ของพรรครทสช. ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 พรรครทสช.ได้สส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 13 คน ต่อมานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคลาออกจากปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1 ทำให้ลำดับ 14 คือ นายอนุชา บูรพชัยศร ได้ขยับเป็น สส. แทน 

ดังนั้นคิวต่อไป...หากนายสุพัฒนพงษ์ หรือ สส.ปาร์ตี้ลิสต์คนใดคนหนึ่งลาออกก็จะถึงคิวของ 'แรมโบ้'

แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีการลาออก...

ถามว่าทำไมจึงไม่ลาออกเพื่อเปิดทางให้แรมโบ้?

สืบค้นเบื้องหลังเบื้องลึกแล้วพบว่า...มีประกาศิตจากบุรุษนิรนามที่สถิตย์อยู่ ณ ชั้น 14 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า...คนชื่อ 'เสกสกล' หรือ 'แรมโบ้' ต้องไม่ได้เข้าสภาฯ ในสมัยนี้...ไม่มีใครอธิบายเหตุผลได้ชัด ๆ ว่าทำไม...

ทว่าสืบสาวแล้วได้คำตอบประมาณว่า อาจเป็นเพราะแรมโบ้เคยปฏิบัติการปะฉะดะกับระบอบทักษิณ และบดขยี้คนแดนไกลในช่วงก่อนและระหว่างศึกเลือกตั้งอย่างเข้มข้น...นั่นเอง

กระแสข่าวยังเล่าลือว่า นอกเหนือจากคนชื่อ 'แรมโบ้' แล้ว บัญชีรายชื่อลำดับที่ 18 อย่าง 'อ้น ทิพานัน ศิริชนะ' ก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่คนแดนไกลดังกล่าวขีดเส้นใต้ชื่อเอาไว้เช่นเดียวกัน...

อันที่จริงเรื่องนี้รับทราบกันมานานแล้ว บางคนยังเถียงคอเป็นเอ็นว่าเป็นไปไม่ได้...แต่ทุกอย่างก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ดังกล่าวแล้ว เมื่อ 'แรมโบ้' ลาออก หมดโอกาสเป็น สส.ปุ๊บ นายสุพัฒนพงษ์ก็ลาออกทันทีปั๊บ และเปิดทางโล่งให้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผู้สมัครลำดับที่ 16 ขยับเป็น สส. แทนแรมโบ้ และได้ไปรายงานตัวกล่าวปฏิญาณตนทำหน้าที่ สส. เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.66

ทั้งหลายทั้งปวง...ก็ต้องยอมรับว่า 'รังสีอำมหิต' ของบุรุษชั้น 14 ที่ว่า...ยังแผ่ซ่านมีอิทธิฤทธ์ในแวดงวงการเมืองมากกว่าที่นึก...พิลึกกว่าที่คิด...งานนี้เอาเข้าจริง พรรครทสช. ก็คงกระอักเลือดอยู่เหมือนกันที่ยอมจำนน...เฮ่ออ..!!

พูดถึงพรรครทสช. ก็ต้องพูดต่ออีกหน่อย...ไม่เพียงแรมโบ้ที่ลาออกไป บุญยอด สุขถิ่นไทย ที่เดินตามหลัง จุติ ไกรฤกษ์ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคก็ตัดสินใจลาออกแล้วเช่นกัน แต่ก็เป็นการลาออกด้วยท่าทีที่สร้างสรรค์ เป็นมิตร

แต่ในวันเดียวกับที่มีข่าวแรมโบ้ลาออก ข่าวเชิงบวกของ รทสช. ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน นั่นคือการย่างสามขุมมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคของ 'บิ๊กเนม' อย่างถาวร เสนเนียม อดีตประธานไทยภักดี ในช่วงเลือกเดือน พ.ค.2566

การเข้ามาร่วมสังฆกรรม พรรครทสช.ของถาวร เสนเนียม น่าจะเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า พรรครทสช.จะเดินหน้าต่อไป อย่างน้อยศึกเลือกตั้งสมัยหน้า...ซึ่งยังพอมีช่องว่างให้พรรคระดับกลางอย่างรทสช., พปชร.และ ปชป.แย่งชิงเก้าอี้สส.กันได้จำนวนหนึ่ง...ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย ของครูใหญ่ 'เนวิน' ที่มี 71 เสียงในวันนี้ สมัยหน้าไม่น่าที่จะเบ่งกล้ามขยายพื้นที่ได้อีก...

ส่วนพรรคเพื่อไทย...วันที่ 27 ต.ค.นี้จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ 'อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร' เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และ 'บอย' สรวงศ์ เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ อาจจะเป็นโมเมนต์ที่ดีอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้เพื่อไทยยังอยู่ในขาลง...เดิมพันจะเป็นขาขึ้นได้หรือไม่อยู่ที่ผลงานรัฐบาลเป็นหลัก...แค่ลอกคราบพรรคยังไม่พอ...

ส่วนพรรคก้าวไกล...'เล็ก เลียบด่วน' ขอรอดูการจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศของ สส.ในพรรคก่อน แล้วค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์นะครับ 555

‘นายกฯ เศรษฐา’ ห่วงคนไทยในอิสราเอล ยกหูคุย ‘ทูตฯ อิสราเอล’ ยอมรับพูดแรง ปมนายจ้างเอาเงินล่อแรงงานไทยให้อยู่ต่อ

(24 ต.ค. 66) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยวันเดียวกันนี้นายกฯ เปลี่ยนใช้รถ RANGE ROVER ทะเบียน 4 ขถ 8832 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนตัว เคยใช้มาแล้วช่วงก่อนเป็นนายกฯ ส่วนรถยนต์เลกซัส ทะเบียน 3 ขส 30 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ประจำอยู่ระหว่างนำไปซ่อมบำรุง

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายกฯ กล่าวถึงกรณีแรงงานไทยในอิสราเอล ว่า ก็ยังเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิมเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ไปแล้ว จากปัญหาที่มีการเพิ่มเงินเป็นแรงจูงใจให้แรงงานไทยอยู่ทำงานต่อ เราก็พูดแรงในเชิงบอกว่าแบบนี้ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้ เอาเงินมาล่อ เรื่องแบบนี้ไม่ได้ ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เขาบอกว่าไม่ทราบเรื่องเลย แต่เขาจะไปสืบทราบและจะแจ้งให้รับทราบโดยเร็ว เพราะเขาก็เป็นห่วงเหมือนกัน และอีกเรื่องการเลื่อนจ่ายเงินเดือนแรงงานไปวันที่ 10 พ.ย. เขาบอกว่าไม่ทราบเรื่อง แต่ตนก็ยืนยันไปและพูดเสียงหนักแน่นว่าต้องดูให้เรา

เมื่อถามว่า มีรายงานว่าจะมีการปล่อยตัวประกัน 50 คน ในส่วนนี้มีคนไทยด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง ขอไปติดตามเรื่องนี้ก่อน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ มี ครม.แจ้งลาการประชุม 2 คน ได้แก่ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์

'อนุทิน' ยัน 320 เสียงพรรคร่วมฯ หนุนดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็ต้องตรวจสอบ

(24 ต.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสพรรคร่วมรัฐบาลพยายามลอยแพพรรคเพื่อไทย หลังมีกระแสด้านลบเกี่ยวกับเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า ยืนยันว่าไม่มีการลอยแพ ตนเองก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะมีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ต้องตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะมาเป็นนโยบายรัฐบาลไม่ได้ และเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคร่วมจะต้องช่วยกันสนับสนุน แต่ก่อนจะออกเป็นนโยบายจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และการตราเป็นพระราชบัญญัติ อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วเราก็มีหน้าที่ในการทำให้นโยบายของรัฐบาลได้รับการผลักดัน พร้อมย้ำว่าไม่มีการลอยแพอยู่แล้ว แต่อยู่ในเรือนแพ

เมื่อถามว่า กรณีที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่าอยากให้เป็นการใช้เงินเฉพาะกลุ่ม จะมีผลกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำมาพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสม ตามรัฐธรรมนูญและทำได้จริง ขออย่าไปมองว่า มีนโยบายอะไรที่เป็นพิเศษขึ้นมา เพราะนโยบายนี้ถือเป็นนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าการนำไปใช้ ต้องไม่ขัดแย้งกับหลักกฎหมาย ส่วนที่ขณะนี้มีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังขาดเสียงสนับสนุนนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล 320 เสียง ต้องสนับสนุน 

เมื่อถามว่า ในฐานะคณะรัฐมนตรีหากในท้ายที่สุดนโยบายนี้มีปัญหาจะต้องรับผิดชอบร่วมกันหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า นโยบายนี้ไม่ใช่ว่าจะนำออกมาใช้ได้เลย ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณา แต่ในขณะนี้ก็ยังสนับสนุนในฐานะเป็นรัฐบาล แต่หากดูแล้วมีอะไรที่เป็นปัญหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ระเบียบ ก็ต้องคุยกันเพื่อหาทางออกให้ได้

‘พม.’ พร้อมเยียวยาจิตใจ-ให้คำปรึกษา ‘เหยื่อก้าวไกล’ หากร้องขอ ปมถูก สส.คุกคามทางเพศ โดยไม่ตัดสินใครเป็นผู้กระทำผิด

(24 ต.ค. 66) เวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเยียวยาจิตใจเหยื่อที่ถูก ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) คุกคามทางเพศว่า ในแต่ละเคสที่โดนกระทำนั้น หากมีการติดต่อเข้ามาทางกระทรวง พม. เราก็ยินดีเข้าไปให้คำปรึกษาโดยไม่ตัดสินว่า ใครเป็นผู้กระทำ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละเคสย่อมมีความกระทบกระเทือนด้านจิตใจ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ที่อยู่ภายใต้กระทรวง พม. จะเข้าไปดูแลสภาพจิตใจของเหยื่อผู้เสียหายในแต่ละเคส 

เมื่อถามว่า จะถูกมองว่าเป็นการเมืองระหว่างพรรค ก.ก. และพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนไม่คิดเช่นนั้น แต่เมื่อมีการร้องเรียนขึ้นมา ก็เป็นสิทธิของเหยื่อแต่ละคนที่จะดำเนินการ รวมถึงการกระทำเช่นนี้ก็มีขั้นตอนทางกฎหมายอยู่แล้ว ทั้งเรื่องกฎหมายจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กฎหมายอาญา หรือกฎหมายด้านอื่นๆ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะรับไปดำเนินการต่อไป 

‘ประเสริฐ’ ยก ‘อุ๊งอิ๊ง’ มีความรู้-ภาวะผู้นำ เหมาะนั่ง ‘หน.พรรค’ ชี้!! ถึงยุคของคนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อน ‘เพื่อไทย’ ไปข้างหน้า

(24 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทย วันที่ 27 ตุลาคม ที่มีกระแสข่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย จะขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค ว่า ขอให้รอดูว่ากรรมการพรรคชุดใหม่จะเป็นใครบ้าง ขอให้รอดูการลงคะแนนเสียงของสมาชิกพรรค ว่ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะเป็นใครบ้าง

เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวที่ออกมา นายประเสริฐกล่าวว่า เป็นกระแสข่าวสมาชิกหลายท่าน เห็นว่า น.ส.แพทองธารมีความเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรค มีภาวะความเป็นผู้นำ และมีองค์ความรู้ในการขับเคลื่อนพรรค จึงขอให้รอดูการโหวตของสมาชิกพรรค

เมื่อถามว่า ในฐานะรักษาการเลขาฯ หากได้รับการเสนอชื่อจะรับตำแหน่งหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายสรวงศ์ตามกระแสข่าว นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้คงเป็นเวลาของคนรุ่นใหม่ในการเข้ามาทำงาน ตนรับตำแหน่งเลขาฯ มา 3 ปี ตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยจะสร้างคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ตอนนี้น่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ตนแล้ว ส่วนทิศทางการเดินของพรรคเพื่อไทย หลังได้กรรมการบริการพรรคชุดใหม่ จะมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้น ทั้งกระบวนการทำงาน การวางยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

‘อนุทิน-ชาดา’ หารือ ‘สมาคมสมาชิกรัฐสภาไทยฯ’ ร่วมมือสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ-ประชาชน

เมื่อไม่นานมานี้ ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนันตชัย คุณานันทกุล นายกสมาคมสมาชิกรัฐสภาไทยและคณะกรรมการ ได้เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนการบริหารราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การวางผังเมือง การพัฒนาชุมชน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือของอดีตสมาชิกรัฐสภาจังหวัดต่างๆ

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีภารกิจสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ปกป้องสถาบันหลักของชาติให้เป็นที่เคารพบูชาเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย มุ่งบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน พร้อมประสาน ความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการให้บริการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่นายชาดา กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายดูแลเรื่องการขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลทั้งประเทศ พร้อมประสานบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง "แม้จะยาก แต่ก็ทำอย่างเต็มที่" เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน

ซึ่งกระทรวงมหาดไทยพร้อมรับคำแนะนำและประสานความร่วมมือกับทางสมาคมสมาชิกรัฐสภาไทย ที่เป็นผู้มีประสบการณ์ ทั้งอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอดีตสมาชิกวุฒิสภา เพื่อช่วยกันรับฟังปัญหาของประชาชนนำมาสู่การแก้ไข

ขณะเดียวกันสมาคมสมาชิกรัฐสภาไทย นำโดย นายอนันตชัย และคณะกรรมการสมาคม ประกอบด้วย นายสันติภาพ อินทรพัฒน์ นายสามารถ รัตนประทีปพร น.ส.เสาวลักษณ์ สุริยาทิพย์ รศ.สุชาติ นวกวงษ์ นายเกียรติ์อุดม เมนะสวัสดิ์ นพ.ประสิทธิ์  พิทูรกิจจา นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง นายนิเวศ พันธุ์เจริญวรกุล นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล จุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร และนายปรพล อดิเรกสาร ได้ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่งของรัฐมนตรีด้วย

‘สรรเพชญ’ เชื่อ!! วิกฤตเศรษฐกิจปีหน้าหนักหนาสาหัส แนะรัฐบาลหาทางรับมือ พร้อมแก้ปัญหาปากท้อง-ครัวเรือน

เมื่อวันที่ 22 ต.ค.66 นายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมทำโพล มติชน x เดลินิวส์ สอบถามประชาชนว่าอยากให้รัฐบาลเศรษฐา แก้ปัญหาอะไรก่อนระหว่างเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งสามารถโหวตได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ว่า ในส่วนการทำงานของรัฐบาล อย่างที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภาฯ หลังจากนี้ก็คงจะเป็นกระบวนการของการจัดทำงบประมาณปี 67 ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าพี่น้องประชาชนก็ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดนี้มากพอสมควร ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดก็คือเรื่องของปากท้อง เศรษฐกิจ ที่เราต้องยอมรับว่าอยู่ในช่วงของวิกฤตเศรษฐกิจที่คิดว่ารุนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ อาจจะยังไม่เห็นผลกระทบ ณ วันนี้ แต่ตนเชื่อว่าปีหน้าเราอาจจะได้เห็นการเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าปีนี้ เพราะฉะนั้นตนก็อยากเห็นรัฐบาลมีการเตรียมตัวรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า พี่น้องประชาชนก็อยากจะเห็นรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้ในหลาย ๆ เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือการลดภาระค่าครองชีพภาคครัวเรือน ลดค่าน้ำมัน ขณะเดียวกันก็ต้องมีการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่กำลังพุ่งสูงขึ้น และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าเรื่องนี้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง โดยเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน รวมไปถึงนโยบายที่รัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เพราะถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารายละเอียดของโครงการจะเป็นอย่างไร ตนไม่ได้บอกให้ยกเลิก แต่ถ้ารัฐบาลยืนยันว่าจะทำเงินดิจิทัลต่อไปก็ขอให้มีการทบทวนหรืออาจจะต้องปรับหลักเกณฑ์ สำคัญที่สุดคือรัฐบาลต้องตอบพี่น้องประชาชนให้ได้ว่าเงินดิจิทัล ที่รัฐบาลจะนำมาแจก คือ

1.แหล่งที่มาของเงิน 
2.หลักเกณฑ์ในการแจกต้องแจกทุกคนหรือไม่ 
3.ทำไมต้องเป็นเงินดิจิทัล ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลยังไม่ให้ความชัดเจน

“ผมจึงอยากให้นายกฯ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ต่อพี่น้องประชาชน เพราะผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนก็มีสิทธิที่จะรับรู้ รับทราบ เพราะสุดท้ายแล้วการที่รัฐบาลเอาเงินมาแจกได้ก็ขึ้นอยู่กับภาษีของพี่น้องประชาชนและภาระของพี่น้องประชาชนที่จะต้องจ่ายในอนาคต” นายสรรเพชญ กล่าว

นายสรรเพชญ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันการปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปสังคม การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามโรดแม็บที่ได้ตกลงกันไว้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งตนเชื่อว่าต้องดำเนินควบคู่กันไป ขณะเดียวกันก็อยากเห็นฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทำงานร่วมมือกันอย่างเข้มข้น เราสงวนจุดต่าง แสวงจุดร่วม เพื่อที่จะทำงานร่วมกันในการผลักดันกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และครอบคลุมสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เชื่อว่าพี่น้องประชาชนตั้งความหวังอยากจะให้สภาฯ ชุดนี้ได้ช่วยกันแก้ไขและออกกฎหมายดี ๆ ที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และลดผลกระทบของปัญหาต่างๆ  ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ จึงขอฝากประเด็นนี้ให้รัฐบาลได้พิจารณาด้วย

นายสรรเพชญ กล่าวว่า ดังนั้นขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ท่านใดมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สามารถที่จะเข้าไปในคิวอาร์โค้ด สแกนเข้าไปแสดงความคิดเห็นทำโพลเพื่อสะท้อนให้กับรัฐบาลและสภาฯ ได้รู้ เพราะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ประชาชนสามารถร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาลได้

‘กิตติ์ธัญญา’ ชี้ ดิสเครดิต ‘เงินดิจิทัล’ เป็นเรื่องปกติ เหน็บคนไม่เห็นด้วย คงหวั่น ปชช.จะชื่นชอบ ‘พท.’ มากขึ้น

(23 ต.ค. 66) น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงท้วงติงและบางส่วนอาจมีการด้อยค่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นเจ้าของนโยบายว่าเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ ว่า เป็นธรรมดาของการเมืองที่จะมีการดิสเครดิตกัน แต่อยากให้คนที่คอยดิสเครดิตนโยบายต่างๆ ฟังเสียงประชาชนด้วย ทั้งนี้ จากที่ตนได้ลงพื้นที่ไม่มีใครไม่อยากได้ มีแต่คนบอกว่าอยากได้ให้เร็วที่สุด ซึ่งเงินจำนวน 10,000 บาท หากรวมคนในครอบครัว บางครอบครัวก็อาจจะสามารถตั้งตัวได้ และเราไม่ทราบเลยว่าส่งผลเสียตรงไหน

น.ส.กิตติ์ธัญญากล่าวต่อว่า คนที่มาด้อยค่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ถามว่าเขามีเงินเดือนหลักแสน หลักห้าหมื่น หกหมื่นต่อเดือน เขาเคยลำบากหรือไม่ว่าวันนี้หางานหาเงิน กินพรุ่งนี้ คำที่บอกว่าหาเช้ากินค่ำ วันนี้ใช้ไม่ได้แล้วเพราะหาเช้าวันนี้กินเช้าวันพรุ่งนี้ ทุกวันนี้ชาวบ้านโดยเฉพาะคนที่มีหนี้นอกระบบ เขาหาเงินตัวเป็นเกลียว หากมีเงิน 10,000 บาทมาซัพพอร์ตเขาบ้าง แม้จะไม่ใช่เงินที่ยิ่งใหญ่ที่อาจจะไม่ได้ทำให้เขารวยเป็นมหาเศรษฐี แต่มันสามารถทำให้เขายืดระยะเวลาในการอดมื้อกินมื้อได้

“เหตุผลหลักที่เขาต่อต้านเป็นเพราะเขากังวลว่าจะเป็นนโยบายที่ประชาชนชอบ แล้วจะดึงความสนใจของประชาชนกลับมาที่นายกรัฐมนตรีและพรรคการเมือง แต่คนที่จำเป็นต้องใช้ไม่มีใครต่อต้านเลย มีแต่ถามว่าแค่นี้หรือ ขยายการซื้อได้หรือไม่ เรื่องนี้มีประเด็นเดียวคือประเด็นเรื่องการเมือง กลัวว่าเราเป็นพรรคที่ประชาชนชื่นชมอยู่แล้ว ประชาชนจะยิ่งเครซี (crazy) ในนโยบายพรรคเพื่อไทยที่จะทำได้มากยิ่งขึ้น” น.ส.กิตติ์ธัญญากล่าว

เมื่อถามว่า กังวลว่าจะกระทบกับความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อพรรค พท.หรือไม่ น.ส.กิตติ์ธัญญากล่าวว่า คนที่กังวลไม่ใช่เราแต่เป็นชาวบ้านที่เขารอความหวังจะใช้เงินนี้ ชาวบ้านเขาพูดว่าเห็นคนรวยมาบอกไม่ให้แจก แล้วถ้าคนรวยไม่ยอมให้แจก ส.ส.กับนายกรัฐมนตรีจะกลัวคนรวยไม่เลือกหรือไม่ แล้วจะยังมองเห็นคนจนอยู่หรือไม่ คนจนอยากได้ อย่าฟังแต่เสียงคนรวย ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็มองว่าไม่สามารถแบ่งคนรวยกับคนจนได้ เพราะเงินที่นำมาให้ก็เป็นเงินภาษีของทุกคน ย้ำว่าเราไม่กังวลเพราะเป็นนโยบายที่เราจะทำ

“ดิฉันมองว่าแม้แต่พระพุทธเจ้ายังถูกวิพากษ์วิจารณ์ แล้วนับประสาอะไรกับพรรคการเมือง นายกรัฐมนตรี หรือนักการเมืองที่จะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เสียดสี แต่ทั้งนี้หากเรามองแค่คนกลุ่มหนึ่ง แล้วไปแคร์แค่กลุ่มเดียว คนอีกล้านๆ คนที่เขาต้องการ เราจะไม่แคร์เขาหรือ คนที่กังวลในการที่ด้อยค่าหรือบูลลี่ในเงินหมื่นบาท ไม่ใช่เรา ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นประชาชนตาดำๆ ที่เขารอคอยความหวังกับเงินนี้ เราแคร์และเราฟังทุกเสียง ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่อะไรที่มีข้อเสียน้อยที่สุด และเราจะทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์มากที่สุดให้กับประชาชน” น.ส.กิตติ์ธัญญา กล่าว

เมื่อถามว่า อยากสื่อสารอะไรถึงประชาชนที่ทั้งเห็นด้วยและอาจมีเสียงท้วงติงหรือไม่ น.ส.กิตติ์ธัญญากล่าวว่า ปัจจุบันถามว่าระหว่างสุขภาพดีกับมีเงินจะเลือกอะไร ฉะนั้น พรรค พท.เราทำควบคู่กันไป เรารื้อเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อจะให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้เรายังพยายามลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้ประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top