Tuesday, 17 June 2025
POLITICS NEWS

‘กรุณพล’ เบรกโซเชียล อย่าคาดเดาชื่อ สส.โหวตมติอุ้ม 'ปูอัด' ฟากชาวเน็ต สวน!! “ถ้ากล้าไม่ขับออก ก็ต้องกล้ารับผิดชอบ!!”

(3 พ.ย. 66) หลังจากที่ประชุมร่วมกันของกรรมการบริหารพรรคและสส.ของพรรคก้าวไกล พิจารณาเรื่องร้องเรียนกล่าวหา สส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ โดยลงมติขับ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พ้นสมาชิกภาพ และคาดโทษ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงบรรทัดฐานในมติดังกล่าว

โดยผู้ใช้ X ในชื่อ @HiHextor โพสต์ภาพ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ที่กากบาทว่าสส.คนใดโหวตแบบไหนบ้าง พร้อมข้อความว่า คาดเดาล้วน ๆ แต่พอตัดชื่อออกแล้วเหลือ 22 ท่านพอดีเลย

ทำให้ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.ส.บัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคก้าวไกล Petchkaroonpon @petchy66 โพสต์ข้อความตอบกลับว่า

อย่าเดาเลยครับ มันจะสร้างความเสียหายให้บุคคลอื่นได้ หากบางท่านอ่านเพียงผ่านๆ ตอนโหวตหลายท่านก็ก้มหน้า บางท่านก็หลับตาเพราะต้องการแสดงออกเฉพาะความเห็นของตัวเองไม่ก้าวก่ายความเห็นที่แตกต่างของท่านอื่น และไม่ว่าจะออกแบบไหนพวกเราทุกคนในพรรคก็ต้องรับผลนั้นไปด้วยกันครับ

นอกจากนี้มีผู้โพสต์แสดงความคิดเห็นสนับสนุนให้เปิดชื่อด้วยว่า

จริงๆพรรคไม่ควรปล่อยให้พวกเราๆต้องเดานะครับ มันเป็นเรื่องใหญ่ ควรชี้แจงให้ชัดเจน และโปร่งใส อย่างที่ได้รับปากประชาชนไว้ในช่วงแรกๆ

มันควรเปิดเผยนะครับ กล้าลงมติไม่ขับออก ก็ต้องกล้ารับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองลงไป กล้าเปิดหน้าชี้แจงเหตุ

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เฉลย นิยาม '3 F' พรรคส้ม สัจธรรมความเฟล เพราะได้มาแบบฟลุ้กๆ

(3 พ.ย. 66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'เปลือยตัวตน' ระบุว่า...

วันนี้ความจริงเริ่มพิสูจน์ตัวเอง เปลือยตัวตนให้คนได้เห็นมากขึ้น

คนบางคนสู้บินไปโม้ถึงเมืองนอก ต้อง 3 F

จะช่วยเฉลยให้...

F แรก คือ Fluke

F สอง คือ Fake

F สาม คือ Fail

นั่นคือที่มาของแก๊งกวนเมือง

อย่าไปกดดันให้ สส.ลาออกเลย อยู่ให้เป็นหนามตำใจ คนจะได้ตาสว่าง อะไรคือจริงอะไรคือปลอม

ให้เห็นสัจธรรมว่า ได้มาแบบฟลุ้กๆ ก็ต้องเฟลอย่างนี้

‘เศรษฐา’ โต้!! ไม่ใช่หุ่นเชิด ‘เพื่อไทย-ชินวัตร’ หลังบางสื่อโจมตี ชี้!! ‘อย่าดูหมิ่นประชาชน’

เมื่อวานนี้ (2 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงกรณีสื่อบางสำนักโจมตีว่า เป็นหุ่นเชิดของพรรคเพื่อไทย หรือตระกูลชินวัตร หรืออะไรก็แล้วแต่

“ผมขอชี้แจงดังนี้

1. พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายยุบ กอ.รมน.ในการหาเสียงของเรา และการยุบ กอ.รมน.ไม่อยู่ในนโยบายที่ผมแถลงต่อรัฐสภา

2. แต่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยมีความประสงค์/ความปรารถนาที่จะทำกองทัพให้ทันสมัย สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น”

“ในส่วนของ กอ.รมน.นั้น เราตระหนักดีว่าบทบาทการปราบปรามศัตรูของรัฐในยุคสงครามเย็นได้จบลงแล้ว บัดนี้ในยุคของรัฐบาลพลเรือน โดยผมเป็นนายกฯจะทำให้ กอ.รมน.มีบทบาทในการเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงทางประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และในยามวิกฤตก็พร้อมช่วยเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประชาชนด้วย”

“3. พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้เชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาเกือบ 20 ปี เรายืนยันไม่เลือกหนทางที่จะหักโค่นทำลายกันและกัน แต่จะเลือกวิธีประสานแนวคิด วิธีการทำงานให้เป็นคุณต่อประชาชน เพราะเราตระหนักดีว่าความต่อเนื่องของการเมืองในระบอบการเลือกตั้งคือหัวใจของประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและสันติที่สุด”

“4. ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย หาเสียงและขอฉันทามติจากเสียงของประชาชนและรัฐสภา ไม่ใช่หุ่นเชิดของใคร โปรดอย่าดูหมิ่นประชาชนครับ” นายเศรษฐากล่าว

'โบว์ ณัฏฐา' กังขากระบวนการสอบคุกคามทางเพศ 'ก้าวไกล' ที่เพิ่งจบไป คือ กระบวนการที่เชื่อถือได้แล้วจริงหรือ?

(3 พ.ย. 66) จากกรณีการประชุมร่วมกันของกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรคก้าวไกลกรณีสมาชิกพรรคมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ โดยมีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พ้นสมาชิก และคาดโทษ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม ขณะที่นายวุฒิพงศ์แฉกลับฝ่ายหญิงส่งคลิปเปลื้องผ้า 50 คลิป ยืนยันไม่เคยมีเพศสัมพันธ์

ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องดังกล่าวว่า...

หากเป็นการพิจารณาคดีในศาล จะมีกระบวนการพิจารณาคดี และข้อมูลข้อเท็จจริงในคดีจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ สังคมจะรู้ว่าผู้ถูกตัดสินมีความผิดหรือไม่ด้วยเหตุใด มีรายละเอียดเหตุการณ์เป็นอย่างไร ข้อกฎหมายใดที่ใช้ประกอบการพิจารณา และมีอะไรบ้างที่เป็นองค์ประกอบความผิด

แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่มีหรือไม่ปรากฏต่อสังคมในการดำเนินกระบวนการของพรรคก้าวไกล สังคมจึงต้องมาต่อจิ๊กซอว์เอาเอง ซึ่งไม่มีทางครบ

ปัญหาวิธีคิดและกระบวนการในการทำงานเพื่อนำมาซึ่งความยุติธรรมของพรรค เป็นเรื่องที่สังคมควรให้ความสนใจยิ่งไปกว่าเรื่องคดีความที่สามารถพิสูจน์กันได้ในชั้นศาล

เพราะนั่นคือสิ่งที่สะท้อนทัศนคติและศักยภาพของ 'พรรคการเมือง' ที่อาสามาทำงานนิติบัญญัติและบริหารประเทศ ถ้าไม่รอบคอบ ถ้าเป็นไปตามกระแสหรือตั้งต้นด้วยอคติมากกว่าเป็นไปเพื่ออำนวยความยุติธรรมจริงๆ ก็ยิ่งน่ากังวล

ส่วนหนึ่งของการแถลงวันนี้ที่ปรากฏในข่าวนี้ เป็นส่วนที่ถูกตัดออกไปจากสื่อส่วนใหญ่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่แสดงความบริสุทธิ์ของผู้ถูกร้อง (นั่นคือสิ่งที่ต้องถูกพิสูจน์ในศาล) แต่เป็นสิ่งที่ชวนให้ตั้งคำถามว่า กระบวนการที่เพิ่งจบไป คือกระบวนการที่เชื่อถือได้แล้วจริงหรือไม่?

ขอบคุณนักข่าวที่ตั้งคำถามถึง 'ข้อเท็จจริง'

'สส.แจ้-ก้าวไกล' ตัดพ้อ!! 'ไร้คอนเนคชันการเมือง-เพื่อนน้อย' ชี้!! สส.บางคน ไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค มักลงเอยเช่นนี้

(2 พ.ย.66) จากกรณีพรรคก้าวไกลมีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค แต่กับนายไชยามพวาน แค่ถูกคาดโทษเท่านั้น

โดยในวันนี้ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรีเขต 2 อดีต สส.พรรคก้าวไกล เปิดใจครั้งแรกหลังมีมติขับออกจากพรรคปมคุกคามทางเพศ เมื่อมาถึงนายวุฒิพงศ์ได้กล่าวก่อนแถลงว่า ไม่ได้เจอกัน 20 วันเพราะอยู่ภายใต้กระบวนการไม่สามารถออกมาพูดได้ โดยบอกว่ายอมรับมติของ สส.ในพรรคที่ออกมา แต่ผิดหวังกับกระบวนการสอบสวนของพรรคว่าเป็นธรรมหรือไม่

โดยนายวุฒิพงศ์ เล่าว่า ตนโดนเรียกไปสอบ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือวันที่ 10 ตุลาคม กรรมการสอบวินัยมี 7 คน แต่มา 6 คนพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมงตนก็ได้ยื่นหลักฐานต่าง ๆ ให้กรรมการสอบวินัยและเห็นบันทึกทีมกฎหมายมีแค่ 3 แผ่นเท่านั้น ส่วนครั้งที่ 2 คือวันที่ 30 ตุลาคมก็เข้าห้องประชุมของกรรมการช้าไป 1 ชั่วโมง คือนัด 10 โมง ได้เข้าห้อง 11 โมง ซึ่งกรรมการสุดท้าย จาก 7 คนเหลือเพียง 4 คน จึงรู้สึกข้อมูลที่ให้ต่อกรรมการไม่มีความสำคัญ และก่อนที่จะยุติการสอบสวนมีกรรมการคนที่ 5 เข้ามา นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าความสำคัญระดับนี้ของผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

และตั้งข้อสังเกตว่าการแถลงของกรรมการบริหารพรรคบางคนล่วงหน้า เข้าข่ายเป็นการชี้นำสังคมหรือไม่ เพราะเป็นการแถลงก่อนที่จะมีการตัดสิน จึงถามความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำด้วยเหตุผลอะไร ทั้งนี้ยอมรับมติ สส. ของพรรคทุกคนโหวต มองเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ

ทั้งนี้ในระหว่างแถลงข่าว นายวุฒิพงศ์ ยังโชว์ภาพหลักฐาน ที่เป็นภาพผู้หญิงหนอนหงายและมีการเซ็นเซอร์บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเขาอ้างว่า ภาพนี้ไม่ใช่ภาพโป๊แม้มีการเซ็นเซอร์ เพราะภาพจริงผู้หญิงยังใส่กางเกง และเจตนาจริง ๆ ของตนคือแผลที่บริเวณขาของผู้หญิงในภาพ และได้รับคลิปส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมอีก 50 คลิป รวมถึงจดหมายที่ผู้เสียหายเขียนถึงตนว่าอยากทำงานร่วมกับตนตลอดไป ไล่ก็ไม่ไป

โดย นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าหากผู้เสียหายรู้สึกถูกคุกคาม ณ ตอนนั้น ไม่น่าจะแสดงออกแบบนี้ พร้อมยอมรับว่าการพูดคุยที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งตนก็เป็นคนผิด แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือทำอะไรกับผู้เสียหาย และภายหลังตนก็ไม่ได้ทำงานร่วมกับผู้เสียหายแล้ว หากรู้สึกว่าถูกคุกคามทางเพศก็ไม่ต้องมาทำงานร่วมกันก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดเห็นอย่างไรที่มติของเขาต่างจากกรณีของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.จอมทอง ที่มีปมคุกคามทางเพศเหมือนกันแต่ไม่ถูกขับออก เพียงถูกคาดโทษ นายวุฒิพงศ์ตอบว่าเป็นเรื่องของการเมือง ตนอาจเป็น สส.ต่างจังหวัด สส.ภูธร ทำงานเรื่องมลพิษ ค้านเรื่องเหมือง การเป็นคอนเนคชันกับเพื่อน ตนจะมีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ แต่ว่าตนไม่มีคอนเนคชันกับเพื่อนที่เป็นการทำงานเชิงการเมืองที่ต้องรู้จักคนเยอะ

นายวุฒิพงศ์ ยังกล่าวว่า ในการตั้งคณะกรรมการวินัยสอบควรจะเป็นกรรมการที่เป็นแพทย์หรือเป็นจิตแพทย์ทางด้านนี้โดยตรง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ว่าผู้ที่ถูกคุกคาม มีความรู้สึกที่ถูกคุกคามจริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการวินัยในการสอบไม่มีคนนอกแต่เป็น สส. ทั้งหมด ตนมองว่ากรณีที่เสียงโหวต สส. ในพรรคก้าวไกลที่ต่างจากอีกกรณีกว่า 10 เสียงนั้น เพราะตนเองไม่มีคอนเน็กชันหรือความสัมพันธ์กับ สส.ในพรรค โดยมองว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในพรรค

โดยนายวุฒิพงศ์ ยังแสดงความกังวลการใช้กระบวนการภายในของพรรคในการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะหากผู้ถูกร้องเรียนหรือ สส.บางคน ไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

เมื่อถามถึงเส้นทางการเมืองหลังจากนี้ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าตนขอเวลาพักก่อนขอใช้เวลานี้ลงพื้นที่ และยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคการเมืองใด

‘สุทิน’ ชี้ การยุบ ‘กอ.รมน.’ มีปัจจัยหลายอย่างต้องพิจารณา คนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ทุกอย่าง แต่ต้องดูความเป็นจริงด้วย

(2 พ.ย. 66) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาเรียกร้องให้ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่าคนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ แต่การจะยุบต้องประเมินปัจจัยหลายๆ อย่าง บางเรื่องพูดได้แต่บางเรื่องก็เปิดเผยข้อมูลไม่ได้ เพราะฉะนั้น คนที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ทุกอย่าง แต่เมื่อมาเป็นแล้ว ก็ต้องมาดูความเป็นไปได้อีกทีว่าทํายากแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับโครงสร้างกำลังพลของกองทัพ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายสุทิน กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวกำลังสรุปมาให้เป็นระยะๆ ตอนนี้อยู่ขั้นตอนการสรุปแนวทางว่าจะปรับอย่างไร เพราะฉะนั้นยังไม่เห็นแนวทางการปรับลดอย่างเป็นรูปธรรม เพราะยังไม่มีการปฏิบัติ ทั้งนี้ ตามแผนเดิมที่กองทัพได้ทำมาคือปรับตามแผนราชการที่ทำไว้ คาดว่าปี 2570 จะสามารถปรับกำลังพลได้เยอะ และจะมีการเพิ่มมาตราการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดแบบใหม่ น่าจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้พลทหารที่ไม่ใช่สายหลักเข้าสู่ระบบเยอะ และจะทำให้กำลังพลลดลงมาก

เมื่อถามว่า มีเป้าหมายที่จะทำให้กำลังพลลดลงเท่าไหร่ นายสุทิน กล่าวว่า ตัวเลขยังไม่ชัดเจน กำลังทำอยู่ แต่ยืนยันว่าลดลงเยอะ ในปี 2570 เชื่อว่ากำลังพลโดยเฉพาะระดับนายพล จะลดลงไม่น้อยกว่า 20-30% ขณะเดียวกันก็ต้องคำนวณงบประมาณที่จะไปใช้ในการจ่ายให้กับผู้ที่ขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด กับเงินที่จะใช้หากกำลังพลขออยู่ต่อ ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่าการจ่ายให้กำลังพลที่เกษียณก่อนกำหนดจะคุ้มกว่า จะช่วยให้ทั้งงบประมาณและกําลังพลลดลง

ถามว่า เมื่อกำลังพลลดลงแล้ว ภารกิจของกองทัพจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็ต้องมีการปรับตามบริบทเดิม โดยเฉพาะภัยคุกคามใหม่

เมื่อถามถึงนโยบายการเกณฑ์ทหาร หรือการรับสมัครทหารทางออนไลน์ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) เป็นการรายงานตัวรอบแรกของทหารที่สมัครใจ พบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว พบว่าปีนี้มีการสมัครมากขึ้น ซึ่งจากที่ผ่านมาจะพบว่าเมื่อถึงวันรายงานตัวมีคนเปลี่ยนใจเยอะ แต่ปีนี้ไม่มี ทั้งนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวนตัวเลขเท่าไหร่ ต้องรอให้จบโครงการแล้วจะสรุปให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี และขอฝากไปยังลูกหลานเยาวชนที่เดิมคิดว่า 2 ปีที่เข้ามาเป็นทหารเกณฑ์จะเป็นการเสียโอกาส เป็นการสะดุดชีวิต แต่วันนี้เรากำลังทำให้เป็น 2 ปีแห่งการเพิ่มโอกาสของชีวิต เมื่อทุกคนเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์แล้วจะได้รับโอกาสใหม่ๆ และดีๆ ซึ่งทางกองทัพกำลังเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากที่เอาคนมาฝึกทหารมาเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยจะเติมการพัฒนาทุกมิติ รวมถึงการซ้อมรบและการศึกษา คนที่มาเป็นทหารเกณฑ์ในสมัยนี้จะสามารถเรียนต่อได้ และจบพร้อมกับผู้อื่นที่ไม่ได้มาเป็นทหาร

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้วิชาทหารโอนมาเป็นหน่วยกิตใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้มีระบบเรียนออนไลน์ที่สามารถใช้เทียบวุฒิได้ เพราะฉะนั้นใครกำลังศึกษาอยู่ก็สามารถเรียนต่อได้เลยแม้ต้องเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ เมื่อถามอีกว่า ทางกองทัพจะประสานกับทางมหาวิทยาลัยใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ได้มีการคุยไว้แล้ว และจะทําเอ็มโอยูกับทบวงมหาวิทยาลัย โดยจะเริ่มนำร่องบางแห่งก่อน และจะพยายามให้ครอบคลุมทั้งหมด เพราะขณะนี้สถาบันการศึกษาก็ต้องการนักศึกษา และผู้ที่มาเป็นทหารเกณฑ์ ก็มีโอกาสที่จะเป็นข้าราชการประจำมากขึ้น

'รุ้ง ปนัสยา' ซัด 'ปูอัด ก้าวไกล' หน้าด้าน ใช้ความเมาเป็นข้ออ้าง ชี้!! ถ้าก้าวไกลแก้ปัญหาเรื่องเพศไม่ได้ เรื่องอื่นก็ไปไม่รอด

(2 พ.ย. 66) จากกรณีที่คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหาร พรรคก้าวไกล มีมติว่า นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม ส.ส. และกรรมการบริหาร โหวตขับ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ลาออกจากตำแหน่ง ถึง 106 เสียง จาก 128 เสียง จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)

ล่าสุด “รุ้ง ปนัสยา” แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X (ทวิตเตอร์) ส่วนตัว @PanusayaS ระบุว่า...ปูอัดต้องลาออก อย่าหน้าด้าน เมาไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไปกระทำเลวต่อคนอื่น ก้าวไกลต้องแก้ปัญหาเรื่องเพศให้ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ เรื่องอื่นก็สู้ไม่รอด

‘ปธ.วินัยก้าวไกล’ เปิดคำชี้แจง 2 สส.คุกคามทางเพศ  เผยกรณี ‘ปูอัด’ ไม่ยอมรับข้อหา แถมโต้ “คนอื่นก็ทำ”

กรณีพรรคก้าวไกล ได้มีการประชุมเครียดของคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.ของพรรคก้าวไกล เพื่อหาข้อยุติกรณีเรื่อง ส.ส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ 2 กรณี คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โดยมีผู้ร่วมประชุมจำนวน 128 คน โดยนายวุฒิพงศ์ มติเสียงส่วนใหญ่ 120 เสียง ให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ส่วน นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 เสียง จาก 128 เสียงที่มาประชุม เห็นควรให้ขับออกจากพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่มีอยู่ คือ 116 เสียง จึงยังไม่สามารถมีมติให้ขับพ้นออกจากสมาชิกพรรคได้

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 66 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการวินัยฯ ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวในรายการ ‘กรรมกรข่าวคุยนอกจอ’ ของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า... 

สำหรับนายวุฒิพงศ์ มติของที่ประชุมร่วมให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ขั้นต่อไปพรรคจะแจ้งให้ทาง กกต.รับทราบ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายสรยุทธ ถามว่า ทั้งคู่เข้าประชุมหรือไม่? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ทั้งคู่แสดงความประสงค์เข้าประชุม แต่เนื่องจากเป็นการพิจารณาเกี่ยวข้อง และวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา จึงไม่เปิดให้ทั้งคู่เข้าประชุม การลงคะแนนเมื่อวาน เป็นการลงคะแนนอย่างเปิดเผยยกมือ”

นายสรยุทธ ถามว่า มีการได้บันทึกไว้หรือไม่ ว่าใครเป็น 8 เสียง ที่เห็นว่ายังไม่ควรขับ นายวุฒิพงศ์ และอีก 22 เสียงที่ไม่ต้องขับ นายไชยามพวาน? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ที่จริงเราเห็นและรับทราบว่าเป็นท่านใด แต่มีการพูดกันออกไปว่าเป็น สส.ชายทั้งหมด หรือเป็น สส.หญิง ไม่ได้ตรงกับข้อเท็จจริง ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการลักษณะที่อุ้มกัน และก่อนการลงมติ ก็ได้ถามแล้วว่าจะลงมติแบบเปิดเผยหรือแบบลับ และผลออกมาเป็นการลงมติแบบเปิดเผย ซึ่งเราก็เคารพ และคงไม่มีการเปิดเผยข้อมูลมากไปกว่านี้ว่าท่านใดลงมติแบบใด”

นายสรยุทธ ถามว่า ทาง สส.ฝั่งธนฯ มีความแตกต่างอย่างไร? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “มีความแตกต่างกันพอสมควร อย่างในกรณีของ สส.ปราจีนบุรี พยายานหลักฐานที่ได้มา โดยเฉพาะแชตไลน์ แต่สิ่งที่ขอขอบคุณคือ ความเด็ดเดี่ยวของผู้เสียหายที่ยอมส่งหลักฐานเพิ่มเติมให้กับเรา ซึ่งเราพบว่ามีพยานหลักฐานชิ้นสำคัญอีกหลายชิ้นที่เป็นเอกสารที่บ่งชี้ว่า พฤติการณ์ของ สส.ปราจีนบุรี มีลักษณะร้ายแรงจริง และไม่ใช้ประเด็นของการคุกคามทางเพศ แต่เป็นการใช้สถานะที่ตนเอง เป็นว่าที่ผู้สมัคร ให้อำนาจเหนือต่อผู้เสียหายที่เป็นอาสาสมัครและทีมงานของพรรค...

“ส่วนกรณีของ สส.ฝั่งธนฯ ไม่ใช่ว่า ไม่มีพยานบุคคล หรือพยานเอกสาร เพียงแต่ว่าในข้อต่อสู้ของเขา เขามองว่าสิ่งที่เขากระทำนั้น เป็นสิ่งที่ปฏิบัติต่อคนอื่นโดยทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ถกเถียงกันมากว่า การที่คุณแตะเนื้อต้องตัว การที่คุณสัมผัส และการที่คุณพยายามเข้าหาอาสาสมัคร และเพื่อนร่วมงานแบบนี้เป็นการคุกคามหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่ามีรายละเอียดที่แตกต่างกันจริง ๆ...

“และเป็นเรื่องใหญ่ที่ในอนาคตเราต้องทำความเข้าใจว่า แบบใดที่เรียกว่าการคุกคามทางเพศ แบบใดเรียกว่าการละเมิด หรือว่าสัมพันธ์แบบไหนที่ไม่อนุญาตและเปิดช่องให้คุณกระทำการดังกล่าวได้ ซึ่งผมคิดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของมุ้ง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะต้องลงมติแบบใด แต่เป็นเรื่องมุมมองต่อข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่อาจจะมีการตีความแตกต่างกัน”

นายสรยุทธ ถามว่า กรณี สส.ปราจีนบุรี สู้ว่าสมยอมถูกหรือไม่? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ความสัมพันธ์เป็นลักษณะของการรู้จัก และมีสัมพันธ์พิเศษระหว่างกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ในเชิงเพศอย่างเดียว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เขาต่อสู้ ในขณะที่กรณีของฝั่งธนฯ ก็คล้าย ๆ กัน แต่เขามองว่า เขาปฏิบัติแบบนี้เป็นปกติ”

นายสรยุทธ ถามว่า กรณี สส.ปราจีนบุรี พยายามใช้ตำแหน่ง อำนาจปกปิดความผิด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “เป็นเรื่องของการตีความ แต่หลังจากที่มีการร้องเรียน สส.ก็มีการติดต่อพูดคุยกับคนหลายคนว่าข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ ทาง สส.มีการพูดคล้าย ๆ ว่า ทางพรรคจะออกมาปกป้องตัวเขา ซึ่งทางพรรคยืนยันข้อเท็จจริงว่าเราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และไม่มีทางที่พรรคจะส่งทนายความไปปกป้องตามที่เขากล่าวอ้างกับบุคคลอื่น

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ โต้แย้งว่ากรณีนี้เป็นปกติ? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “เวลาลงพื้นที่มีประชาชนเข้ามาทักทาย ก็จะมีการโอบกอด แตะเนื้อต้องตัว มีประชาชนมาจูบ ซึ่งเรื่องต้องแยกกัน ต้องดูสถานะ ดูบริบท ดูกาลเวลา และความเหมาะสมด้วย”

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ มีความผิดแตกต่างกับ สส.ปราจีนอย่างไร เพราะตอนนี้ความผิดดูไม่ชัด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ไม่ใช่พฤติกรรมที่ปรากฎต่อสาธารณะ และเป็นลักษณะเข้าข่ายคุกคามทางเพศ ที่ผู้เสียหาย ที่เป็นทีมงานอึดอัดและรับไม่ได้กับการกระทำ”

นายสรยุทธ ถามว่า สส.ฝั่งธนฯ ไม่ได้ยอมรับผิด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการพูดคุยทำความเข้าใจ ในกรณีของ สส.ฝั่งธนฯ เขายอมรับข้อเท็จจริง แต่เขาไม่ยอมรับเรื่องของการตีความ ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการคุกคามหรือไม่ หลายครั้งเขาบอกว่า คนอื่นก็ทำนะ แสดงว่าเพื่อนสมาชิกท่านอื่นก็โดนกันหมด ซึ่งเราก็ยืนยันว่าไม่ใช่ คนอื่นไม่ได้ทำแบบนี้ แล้วจะมาบอกไม่ได้รับการอบรมก็คงฟังไม่ขึ้น เพราะว่าพรรคย้ำเรื่องนี้มาโดยตลอด...

“ทั้งนี้ ในอนาคต คิดว่าเราต้องเพิ่มกระบวนการจริง ๆ ในการทำความเข้าใจให้มันลึกซึ้งกว่านี้ว่า เรื่องของเพศ บางครั้งไม่ได้วัดจากเรา แต่บางครั้งต้องวัดจากตัวผู้เสียหายว่า เขาอึดอัด ไม่โอเค ไม่ยอมรับ ไม่ได้ยินยอม กับสิ่งที่เราใช้เงื่อนไขกระทำกับตัวเขา…

“โดยเขาพยายามสื่อสารว่า สิ่งที่ปรากฎต่อสาธารณะที่ถ่ายรูปโอบกอด การจับศีรษะด้วยความเอ็นดู เป็นสิ่งที่คนอื่นทำกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่กรณีของแฟนคลับหรือคนติดตาม แต่มีเงื่อนไขของผู้เสียหายที่มีสถานะไม่เท่าเทียมกันด้วย ซึ่งจะเรียกว่ายินยอมเต็มใจในทุกกรณีไม่ได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังมติพรรคเป็นไปในทิศทางดังกล่าว นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ สส.อีกหลายคนของพรรค ต่างโพสต์สถานะลงเฟซบุ๊กเป็นสีดำ กันโดยพร้อมเพรียง

'ธนกร' เอือม!! ผลสอบ 2 สส.ก้าวไกลคุกคามทางเพศ 'ผิดจริง' คนหนึ่งถูกขับออกจากพรรค แต่อีกคนกลับได้ไปต่อ

(2 พ.ย.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงความปั่นป่วนของพรรคก้าวไกล หลังมติขับ สส.คุกคามทางเพศ 2 มาตรฐาน ระบุว่า...

"มาตรฐานใหม่สูงลิ่วจริง ๆ
ผลสอบ 2 สส.คุกคามทางเพศผิดจริง
คนหนึ่งถูกขับออกจากพรรค 
สส. อีกคนได้ไปต่อ อนาถใจจริง"

‘ทส.-กษ.’ รวมพลังแก้ปัญหาฝุ่นเชิงรุก เฝ้าระวัง 10 ป่าอนุรักษ์-ป่าสงวนฯ จับตาพื้นที่เกษตรเผาไหม้ซ้ำชาก พร้อมหนุนใช้เทคโนโลยีแจ้งเตือน ปชช.

(2 พ.ย. 66) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการหารือกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อร่วมมือและกำหนดแนวทางแก้ปัญหา โดยในภาคเกษตรจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งจากการหารือได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายหลักแบบมุ่งเป้า ได้แก่ 10 ป่าอนุรักษ์ 10 ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่เกษตรที่ไฟไหม้ซ้ำชาก จะลดป่าเผาไหม้ และพื้นที่เกษตรเผาไหม้ลงร้อยละ 50 พื้นที่ ส่วนเป้าหมายรองเป็นพื้นที่อื่นๆ ที่ต้องลดการเผาไหม้ และควบคุม

น.ส.เกณิกา กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดแนวทางบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่เกษตร จัดทำข้อมูลเกษตรกรและจำนวนพื้นที่ กำหนดเงื่อนไขการเผา และประกาศให้รับรู้ ใช้ระบบ BurnCheck ประมวลผล พร้อมทั้งส่งเสริมเกษตรปลอดการเผา โดยเฉพาะในพื้นที่ไร่อ้อย และพื้นที่นาข้าว การบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้การเกษตร ในพื้นที่เกษตรรอบโรงไฟฟ้า ชีวมวลในรัศมี 50 กิโลเมตร การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม

พล.ต.อ.พัชรวาท เข้าใจเกษตรกร หากจำเป็นต้องเผา ให้ขออนุญาตฝ่ายปกครอง หรือ ‘อปท.’ ก่อน ฝ่ายปกครอง หรือ ‘อปท.’ อนุญาตเผาตามหลักเกณฑ์ที่ตกลงกัน และกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ประมวลผล ผ่านระบบ BumCheck จัดตั้งชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่ (ระดับอำเภอ) เฝ้าระวัง ออกตรวจป้องปราม ระงับ ยับยั้ง แจ้งเหตุ และระดมสรรพกำลัง เฝ้าระวัง ป้องกันการลักลอบเผา

พร้อมกันนี้ จะให้มีการนำระบบการรับรองผลผลิตทางเกษตรแบบไม่เผา (GAP PM2s Free) มาใช้เป็นเครื่องมือปรับเปลี่ยนระบบการปลูกพืช และการเปลี่ยนพืชที่มีการเผาให้ปลอดการเผา ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่สูงอ้อย ข้าว กำหนดเงื่อนไขเรื่องการห้ามเผากับมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ ของภาครัฐ

“ในส่วนของการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ฤดูฝนกำลังจะหมดไป โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีปัญหารุนแรงด้านมลพิษฝุ่นมาโดยตลอด ค่าฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ทั้งนี้ กระทรวงทรัพากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เตรียมความพร้อมปฏิบัติการเชิงรุก มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศทั่วประเทศ และมีระบบแจ้งเตือนข้อมูลไปยังประชาชน โดยนับจากวันนี้ไป ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง ในการให้ข้อมูลสถานการณ์ฝุ่นแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง” น.ส.เกณิกา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top