Tuesday, 17 June 2025
POLITICS NEWS

‘นิด้าโพล’ ชี้ ปชช.ส่วนใหญ่หนุน ‘แจกเงินดิจิทัล’ ถ้วนหน้า แบบไม่อิงเงินเดือน-เงินฝาก พร้อมไม่จำกัดรัศมีในการใช้

(5 พ.ย.66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘หลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง

จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.08 ระบุว่า จ่ายทุกกลุ่มโดยไม่ต้องมีเกณฑ์เงินเดือน หรือเงินฝากในบัญชีมาเป็นข้อจำกัด รองลงมา ร้อยละ 26.64 ระบุว่า จ่ายเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 14.66 ระบุว่า ตัดสิทธิ์ผู้ที่มีรายได้เกินเดือนละ 50,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 5 แสนบาท ร้อยละ 8.01 ระบุว่า ตัดสิทธิ์ผู้ที่มีรายได้/เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 1 แสนบาท และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านเกณฑ์พื้นที่/รัศมีการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 69.85 ระบุว่า ควรใช้จ่ายในร้านค้าใดก็ได้ในประเทศไทย โดยไม่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่/รัศมีมากำหนด รองลงมา ร้อยละ 14.50 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้าภายในจังหวัด (ตามทะเบียนบ้าน) ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้าภายในอำเภอ (ตามทะเบียนบ้าน) และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้ารัศมี 4 กิโลเมตร (ตามทะเบียนบ้าน)

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงระยะเวลาในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 62.60 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายเงินภายใน 6 เดือน รองลงมา ร้อยละ 37.09 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายเงินภายใน 1 ปี และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

‘พงศ์สินธุ์’ ปฏิเสธ ‘เทพไท’ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัววันนี้ ชี้ เคยยื่นขอพักโทษหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายถูกปัดทิ้ง

(5 พ.ย. 66) นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า…

คุณเทพไท จะได้รับการปล่อยตัววันไหน?
เงื่อนไขการพักโทษ หรือ อภัยโทษ?

ผมไม่ได้ไปเยี่ยมคุณเทพไทที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว จึงไม่ค่อยได้ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของคุณเทพไทมากนัก แต่จากกระแสข่าวเรื่องการปล่อยตัวคุณเทพไทในสื่อโซเชียลว่า คุณเทพไทจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 5 พฤศจิกายน คือวันนี้นั้น

จากข้อเท็จจริงที่ผมรับทราบนั้น น่าจะเป็นวันเวลาที่คลาดเคลื่อน เพราะถ้าหากจะมีการปล่อยตัวในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ การปล่อยตัวนักโทษในเงื่อนไขการพักโทษ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เว้นแต่การปล่อยนักโทษที่ครบกำหนดวันคุมขังเท่านั้น เพราะการปล่อยโทษในเงื่อนไขการพักโทษนั้น จะต้องมีการติดกำไล EM จากกรมควบคุมประพฤติด้วย

ดังนั้น เมื่อวันนี้เป็นวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ คงไม่มีเจ้าหน้าที่ข้าราชการมาดำเนินการปล่อยตัวคุณเทพไทในวันนี้ ตามกระแสข่าวที่ปรากฏในสื่อโซเชียลอย่างแน่นอน

ส่วนการพูดถึงเงื่อนไขการปล่อยตัวที่จะเกิดขึ้นว่า จะเป็นการพักโทษ หรือการได้รับอภัยโทษนั้น ตามที่ผมเคยได้พูดคุยกับคุณเทพไท ซึ่งเคยยื่นขอพักโทษมาหลายครั้งแล้ว ตามเงื่อนไขการพักโทษที่เคยใช้กับกรณีของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา มาแล้ว คือจำคุกได้ 1 ใน 3 ของโทษ แต่รับแจ้งจากกรมราชทัณฑ์ว่า ประกาศฉบับนั้นได้ยกเลิกไปแล้ว หลังจากใช้บังคับได้ไม่นาน

ต่อมาเมื่อคุณเทพไทถูกจำคุกครบ 1 ใน 2 ของโทษ คือครึ่งหนึ่งของโทษแล้ว ก็เคยยื่นขอพักโทษเช่นเดียวกัน แต่ได้รับคำตอบจากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่มีเงื่อนไขของการประกาศพักโทษแต่ประการใด จึงได้รอคอยจนถึงวันต้องโทษจำคุกครบ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ที่ใช้กับนักโทษทั่วไป คุณเทพไทก็ขอใช้สิทธิตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทุกประการ ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษแต่ประการใด

ดังนั้น การปล่อยตัวคุณเทพไท ถ้าจะมีก็ไม่ใช่วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอน แต่จะเป็นวันใดนั้น ทางครอบครัวกำลังรอให้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์แจ้งมาก่อน และเงื่อนไขในการปล่อยตัวคุณเทพไทครั้งนี้ คือการพักโทษไม่ใช่การอภัยโทษครับ

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นายเทพไท เสนพงศ์ พร้อม นายมาโนช เสนพงศ์ ติดมา 16 เดือน เหลือ 8 เดือน เข้าเกณฑ์ 2 ใน 3 ได้รับพักโทษ วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. โดยนายเทพไทจะวิ่งจากเรือนจำมาที่บ้านหัวถนน

'หยุ่น' โพสต์!! 'ลุงตู่-อุ๊งอิ๊ง' ทักทายในงานแสดงโขน ชวนคิด "ดูการเมือง ก็เหมือน ดูโขน ดูละคร"

(5 พ.ย.66) นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suthichai Yoon' ระบุว่า…

ดูการเมืองก็เหมือนดูโขนดูละคร!

พล.อ.ประยุทธ์ กับ ครอบครัว ‘ชินวัตร’ แพทองธาร-พินทองทา พร้อมสามีของทั้งคู่ ทักทายกัน ระหว่างการเดินทางไปชมการแสดงโขนรอบปฐมทัศน์ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา (จาก Jin Somroutai ช่อง 3)

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ฉะ!! ‘ก้าวไกล’ ยกมาตรฐานสูงลิ่ว พอกรวดเข้าตาตัวเอง กลับมองไม่เห็น เขี่ยไม่ออก

(5 พ.ย.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า…

มาตรฐานสูงลิ่ว

พรรคก้าวไกลยกมาตรฐานไว้สูงลิ่ว แถมกดคนอื่นลงต่ำ แต่พอกรวดเข้าตาตัวเอง กลับมองไม่เห็น เขี่ยไม่ออก

ขว้างงูไม่พ้นคอ

ไล่ออกคนหนึ่งแต่อีกคนให้แก้ตัว สุดท้ายต้องอ้อนวอนให้ลาออก หากจะไล่ซ้ำสองทำได้ไหม

อย่าดรามาสร้างเฟสสีดำ ติดโบว์ขาว ปกป้องสตรี

ก่อนโหวตทำไมไม่คิด ตอนนี้มาขอร้องให้ลาออก ช้าไปแล้ว คนรู้ทันทั้งแผ่นดิน แก้ตัวไม่ขึ้น

ไม่อยากขยี้ แค่ขัดใจคนรุ่นใหม่

เรียกร้องความเป็นธรรมจากคนอื่น แต่ฝ่ายตัวเองสารพัดแก้ตัว

ขอถามหาความเป็นธรรมของผู้ถูกละเมิด อยู่ที่ไหน ความโปร่งใส ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับ มีไหม อยู่ที่ไหน อะไรคือมาตรฐานที่แตกต่างจากคนอื่น

‘เหยื่อ สส.ปูอัด’ ซัด!! เจ้าตัวไม่สำนึก เผยข้อมูลสู่สาธารณชน-ซ้ำเติมเหยื่อ ลั่น!! ผิดหวัง 22 สส.ก้าวไกล อุ้มคนผิด-เพิกเฉยต่อความรุนแรงทางเพศ

(4 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ก.เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล และ รองโฆษกสภากทม. ได้รีโพสต์ ผู้ใช้ X (ทวิตเตอร์) เปิดเผยจดหมายเปิดผนึกของผู้เสียหาย กรณี นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เพื่อไว้อาลัยให้กับการละเลยในการตระหนักเรื่องความรุนแรงทางเพศ โดยมีเนื้อหาว่า…

“จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อไว้อาลัยให้กับความละเลยของคุณ ในการตระหนักถึงประเด็นความรุนแรงที่เกิดจากการคุกคาม การล่วงละเมิดทางเพศและความเหลื่อมล้ำทางเพศในสังคมปัจจุบัน

ดิฉันเห็นว่าประเด็นความรุนแรงและความเหลื่อมล้ำทางเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตามประเด็นเหล่านี้ เป็นประเด็นที่บุคคลที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘ตัวแทนของประชาชน’ จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

จากเหตุผลข้างต้นทําให้ดิฉันรู้สึกผิดหวังในผลการลงคะแนนเสียงเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งเผยให้เห็นว่าสมาชิก ผู้แทนราษฎร 22 คน ในพรรคก้าวไกล ยังไม่ตระหนักถึงความรุนแรงจากการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้น

นอกจากนั้น ยังเพิกเฉยต่อทัศนคติที่คับแคบและขาดความรับผิดชอบของผู้กระทำ การพิจารณาคดีอย่างเหมาะสม สําหรับกรณีความรุนแรงทางเพศจำเป็นต้องมีการสอบสวนถึงปัจจัย หลักฐาน และเจตนาของผู้กระทำ

ดิฉันมีความ พยายามอย่างเต็มที่ในการมอบหลักฐานทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงเจตนาที่ชัดเจนของผู้กระทำในการล่วงละเมิดทางเพศ

ความคาดหวังของดิฉัน คือ การที่สมาชิกผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ซึ่งมักยกย่องตนเองว่าเป็นผู้มีการศึกษา มี เกียรติ และมีความตระหนักรู้ถึงประเด็นต่างๆในสังคม ใช้วิจารณญาณและจิตสำนึกความเป็นเพื่อนมนุษย์ในการ ตัดสินโดยพิจารณาจากหลักฐานทั้งหมด

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังจนทำให้ดิฉันเกือบจะสิ้นหวัง เพราะผลลัพธ์นั้นแสดงให้เห็นว่าสมาชิกบางท่านได้ปล่อยให้แรงจูงใจส่วนบุคคล บ่อนทําลายการแสวงหาความยุติธรรม

ขณะนี้สังคมจําเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่เพิกเฉยต่อกรณีการล่วงละเมิดทางเพศ และไม่ควรหาคำแก้ตัวใดๆ ที่พยายามลดความรุนแรงของพฤติกรรมดังกล่าว การล่วงละเมิดทางเพศเป็นสิ่งที่ผิดอย่างแน่ชัดและปฏิเสธไม่ได้

การกระทํา ที่ทำให้ผู้อื่นตกเป็น ‘วัตถุทางเพศ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระทำโดยบุคคลในตำแหน่งที่มีอำนาจเหนือกว่า สามารถ ให้คุณ ให้โทษได้ ถือเป็นความผิดร้ายแรง

ดิฉันเห็นว่าการกระทำเหล่านี้เป็นการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยเจตนาว่าคนเหล่านั้นไม่มีความสำคัญ ลดทอนคุณค่า และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างหาที่สุดไม่ได้ การกระทำนี้เป็น สิ่งที่ ‘น่ารังเกียจ’ ส่งผลทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างใหญ่หลวงต่อผู้เสียหาย

ความอยุติธรรมที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การที่ผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ตระหนักรู้ถึงความผิดนั้น นอกจากนั้นยังมีการกล่าวหาและนำข้อมูลส่วนตัวของดิฉันออกสู่สาธารณชน การกระทำเหล่านี้เป็นการโยน ความผิดและผลักภาระในการพิสูจน์ความจริงมาที่ผู้ร้องโดยตรง

ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ตามหลอกหลอน ผู้ถูกกระทำแม้กระทั่งหลังจากที่ได้รับความยุติธรรมแล้วก็ตาม และมีเพียง ‘เหยื่อ’ เท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ ผลกระทบที่เจ็บปวดอย่างหาที่สุดไม่ได้จากการล่วงละเมิดทางเพศ

จากสิ่งที่ดิฉันได้ชี้แจงข้างต้น ดิฉันขอวิงวอนให้ทุกท่านพิจารณาอีกครั้งว่า บุคคลนี้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนราษฎรหรือไม่ ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ว่า ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดกับคนใกล้ชิด คนสนิท พี่สาว น้องสาว ลูกสาวหรือภรรยาของคุณ

คุณจะยังยินดีที่สนับสนุนบุคคลที่คุกคามทางเพศหรือไม่ คุณยังยืนยันที่จะเข้าข้างเพื่อนของคุณหรือไม่ คุณเป็นเพียงนักการเมืองที่มีอคติอีกคนที่ปล่อยให้ผลประโยชน์ส่วนตัวกลืนกิน จิตสำนึกของคุณหรือไม่ หรือคุณจะเป็นนักการเมืองที่ยืนอยู่บนหลักการ ความจริง และความถูกต้อง

การตัดสินใจของคุณในครั้งนี้สะท้อนมุมมองและทัศนคติของคุณ รวมถึงอุปนิสัยและความจริงใจในการตระหนักถึง ความรุนแรงในการคุกคามทางเพศ

นอกจากนี้ ผลลัพธ์จากทางเลือกที่คุณตัดสินใจยังทำหน้าที่เป็น เครื่องเตือนใจ ว่าคุณได้ล้มเหลวในความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้แทนราษฎรที่ดี และไม่สามารถเป็นผู้แทนราษฎรที่ประชาชนไว้ใจอีกต่อไป”

ด้วยความนับถือ

ผู้เสียหาย

‘ดร.เสรี’ ชี้!! ภาพลักษณ์พรรคก้าวไกลเสียหายหนัก อาจต้องหาทางขับ ‘ปูอัด’ เพื่อทวงแต้มกลับคืนพรรค

(4 พ.ย. 66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า…

เจ้าตัวเขาบอกว่าเขาไม่ผิด ไม่ได้คุกคามทางเพศ

กรรมการวินัยของพรรคตัดสินว่าผิดจริง หัวหน้าพรรคแถลงว่า สส.ผิดจริง สส.พรรคเดียวกัน 116 คนโหวตให้ขับออก

เจ้าตัวออกมาแถลงว่า เขาไม่ผิด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ฝ่ายหญิงยินยอม แสดงว่าไม่มีสำนึก ไม่คิดจะขอโทษเหยื่อ

แบบนี้แล้วหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรคที่โหวตขับเขาออกจากพรรคจะว่ายังไง

ยังมีประชาชนในพื้นที่มาให้กำลังใจเขาอยู่นะ แบบนี้แล้วพรรคยังมีเอกภาพอยู่อีกหรือ?

หัวหน้าพรรคทำถูกแล้ว ที่จะเรียกประชุมกรรมการพรรคพิจารณาพฤติกรรมของ สส.รายนี้ใหม่อีกครั้ง

ถ้าสรุปว่าเขาไม่ทำตามมติพรรค อาจจะขับออก

ถ้าทำได้ตามที่หัวหน้าพรรคพูด ภาพลักษณ์ของพรรคก็พอจะตีตื้นกลับมาได้บ้าง ตอนนี้เสียหายไปเยอะแล้วนะ

'โฆษกรวมไทยสร้างชาติ' วอน!! ต่อไปหากเลือก สส.ต้องดูภูมิหลังดีๆ อย่าดูที่พรรคอย่างเดียว รับ!! สส.คุกคามทางเพศกระทบภาพรวม

(3 พ.ย.66) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมของสส.พรรคก้าวไกล คุกคามทางเพศว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วงถึงการจัดการภายในพรรคก้าวไกล กรณีที่จะดำเนินการกับสส.ที่คุกคามทางเพศอย่างไร เพราะแต่ละพรรคมีวิธีการบริหารจัดการแตกต่างกันไป แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ในอนาคต เพื่อให้ประชาชนต้องตระหนักถึงการเลือกผู้แทนเข้ามาทำหน้าที่เป็นสส.ในสภาฯ ไม่ใช่เลือกจากพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูคุณสมบัติ และผลงานของแต่ละบุคคลที่ลงสมัครด้วย

นายอัครเดช กล่าวว่า ในอนาคตตนอยากให้ประชาชนได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่อาสามาเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย ว่ามีภูมิหลังอย่างไร ทั้งวุฒิการศึกษา ประวัติในการทำงาน ความรู้ความสามารถ ประวัติการมีคดีและพฤติกรรมส่วนตัวมีความด่างพร้อยหรือไม่ 

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประชาชน อาจจะเลือกสส.จากพรรคการเมืองที่สังกัด โดยไม่ได้ดูคุณสมบัติส่วนตัวของคนที่แต่ละพรรคเสนอให้เลือก  ดังนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องพิจารณา โดยดูหลายองค์ประกอบ มาเป็นส่วนในการตัดสินใจ ไม่ใช่ดูจากพรรคที่สังกัดอย่างเดียว

“พรรคการเมืองต้องให้เกียรติประชาชน ควรส่งคนที่มีคุณสมบัติพร้อมให้ประชาชนเลือกด้วย ไม่ใช่ส่งคนที่ไม่เคยผ่านการทำงานเพื่อส่วนรวมมาเลย หรือมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมายแล้วมาให้พี่น้องประชาชนเลือก เหมือนที่เคยมีบางพรรคการเมืองกล่าวไว้ ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือกตั้ง เหตุการณ์ สส.คุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนใช้เป็นอุทาหรณ์ในการเลือกสส.ครั้งต่อไป ต้องดูภูมิหลัง และประวัติของคนที่แต่ละพรรคส่งมาให้เลือกด้วย” นายอัครเดชกล่าว

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์สส.คุกคามทางเพศในครั้งนี้หลีกเลี่ยงผลกระทบที่มีต่อนักการเมืองโดยรวมไม่ได้ แต่ตนอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ดี อยากให้ประชาชนได้จดจำ เพื่อเป็นบทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคไหนส่งคนที่มีประวัติไม่ดีมาก็อย่าไปเลือก แต่ละพรรคต้องกรองมาก่อน ประชาชนก็ต้องกรองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพมาเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะสส.มีความสำคัญเข้าไปใช้อำนาจทางนิติบัญญัติและบริหาร ถ้าเลือกคนไม่ดีเข้ามาก็จะได้ผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่ไม่ดีเข้ามาด้วย ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง

มติพรรคขับ ‘2 สส.ก้าวไกล’ 2 มาตรฐาน การเมืองคอนเนกชัน ที่ดูท่าจะมีอยู่จริง

ต้องยอมรับว่าปมร้อนที่กำลังส่งผลกระทบต่อพรรคก้าวไกลอย่างหนัก อย่างรณี การล่วงละเมิดทางเพศ หรือ บ้างจะเรียกว่าคุกคามทางเพศ ดูจะเป็นไฟที่ยากจะมอดลงได้ยาก แม้ที่ประชุมพรรคก้าวไกล จะมีมติลงโทษ สส.ทั้ง 2 คน โดย มติ 120 เสียง ให้ ‘สส.แจ้’ วุฒิพงศ์ สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรคก้าวไกล แต่กลับกัน ‘สส.ปูอัด’ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิต สส.กทม. กลับมีสมาชิก 106 เสียงที่มีมติเห็นควรให้ขับออก ซึ่งเท่ากับว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 หรือ 116 เสียง จึงทำให้ ไม่สามารถขับ ‘ปูอัด’ ออกจากพรรคได้ 

กระแส 2 มาตรฐานในสังคม รวมถึงภายในพรรคก้าวไกล จึงเกิดเป็นไฟลามทุ่งให้นักวิชาการ รวมถึงประชาชนให้ความสนใจต่อมาตรฐานดังกล่าวนี้

แน่นอนว่า เมื่อวาน ปฏิกิริยาจาก ‘สส.แจ้’ หลังที่ประชุมมีมติขับออกจากพรรค ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับต่อมติขับออกจากพรรค แต่ดูเหมือนจะมีถ้อยคำให้สังคมต้องเก็บไปคิดอย่าง ‘ไม่มีเพื่อนทางการเมือง’ จึงทำให้เสียงหายไปและถูกขับออกจากพรรคในที่สุด โดยระบุว่า...

“ผมเป็น สส.ภูธรทำงานในพื้นที่หนัก และทำงานในเชิงมลพิษ และค้านเรื่องเหมือง มีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ ไม่มีเพื่อนในทางการเมือง ทำให้เสียงหายไป และเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง”

ถึงตอนนี้ ก็ดูเหมือนชะตากรรมของ ‘สส.แจ้’ ก็ไม่รู้ว่าจะลงเอยเช่นไรต่อไป เพราะเจ้าตัวก็ยอมรับว่า การไม่มีคอนเนกชันเรื่องพรรคการเมืองเลยนั้น ทำให้ยังคิดไม่ออกว่าจะไปพรรคไหนหรือไปต่อในเส้นทางการเมืองอย่างไรต่อไป

สถานการณ์นี้ต่างกับ ‘สส.ปูอัด’ ที่ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 พ.ย.66 เจ้าตัวนอกจากจะยังไม่ถูกขับออกจากพรรคแล้ว ยังออกมาแถลงโต้ถึงหลักฐานที่สะท้อนให้เห็นว่าพฤติการณ์ที่ถูกโจมตี ไม่เข้าข่าย ‘ละเมิด-คุกคาม’ ทางเพศ พร้อมทั้งยังไม่มีการประกาศลาออกจากพรรคแต่อย่างใด ตามกระแสของกลุ่มคนในพรรคก้าวไกลที่แห่กันออกมากดดัน

ว่ากันว่า ‘ปูอัด’ ถูกตั้งคำถามว่า มี ‘แบ็กดี’ โดยเฉพาะกับปูมหลังที่มีการร่วมทำงานด้วยกันมานานในกลุ่ม Resolution รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน รวมถึงเคยอยู่กลุ่มนิวเดม ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ กับ ‘ไอติม’ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ส่งผลให้ผลการลงมติที่ยังทำให้ ‘ปูอัด’ รอดจากการถูกขับออกจากพรรคหรือไม่? ซึ่ง ‘ไอติม’ เองก็ถูกตั้งคำถามด้วยเช่นกันว่า ‘เพราะเป็นพวกพ้องของไอติม จึงรอดพ้นการถูกอัปเปหิออกจากพรรคหรือเปล่า’ 

แน่นอนว่า แม้ ‘ไอติม’ จะออกมาบอกว่า ตนเองไม่ได้ปกป้องปูอัด แถมยังประกาศกร้าวว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่โหวตขับ ‘ปูอัด’ ให้พ้นพรรค พร้อมทั้งโพสต์จุดยืนและการทำงานของตน ว่ายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องและข้อเท็จจริงเท่านั้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคนที่รู้จัก หรือเคยร่วมงานกันมามากน้อยแค่ไหนก็ตาม

แต่อย่างไรเสีย จากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็อดคิดไม่ได้ที่จะต้องกลับมาทบทวนคำพูดของอดีต สส.ก้าวไกล ที่ลี้ภัยไปก่อนหน้าหลายๆ คน รวมถึงอดีตคนอนาคตใหม่บางคนด้วยว่า … พรรคที่มักชูเรื่องความเทียมทางสังคมพรรคนี้ ท่าจะมี ‘มุ้ง’ หรือ ‘ก๊ก’ จริงๆ เสียแล้ว… 

‘ป.ป.ช.’ เผยทรัพย์สิน ‘พิธา’ รวย 65 ลบ. หนี้ลด 19 ลบ. ไม่พบถือหุ้น iTV แต่มีที่ดินเพิ่มอยู่ ‘ปทุมฯ-เชียงใหม่’

(3 พ.ย. 66) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สส. กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 จำนวน 90 ราย โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยนายพิธา แจ้งสถานภาพโสด พร้อมกับระบุว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 65,530,955 บาท และมีหนี้สิน โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 463,263 บาท

ทรัพย์สินของนายพิธา ประกอบด้วย เงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 22 บัญชี มูลค่ารวม 2,789,741 บาท เงินลงทุน 64 รายการ มูลค่ารวม 1,337,777 บาท ในจำนวนนี้ไม่พบหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาท โดยแจ้งว่า ให้กู้ยืมแก่ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นน้องชาย ที่ดิน 2 แปลงในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 2 ไร่เศษ และในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 1 ไร่ แจ้งว่าได้มาในปี 66 มูลค่ารวม 11,776,000 บาท ซึ่งในจำนวนนี้ไม่พบที่ดิน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เป็นประเด็นก่อนหน้านี้ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุดในเขตวัฒนา กรุงเทพ มูลค่า 15,000,000 บาท ยานพาหนะแจ้งว่า เป็นรถยนต์ Majesty รถจักรยานยนต์ และจักรยานไฟฟ้า รวม 4 คัน มูลค่ารวม 2,140,000 บาท

ส่วนสิทธิและสัมปทานเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต 4 รายการ ได้แก่ ลิขสิทธิ์หนังสือ 4 รายการ นอกจากนั้นยังแจ้งว่ามีใบจองรถ Tesla และสมาชิกราชกรีฑาสโมสรมูลค่ารวม 3,650,446 บาท ทรัพย์สินอื่น 12,036,990 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจคือ โทรศัพท์มือถือ 3 รายการ เสื้อ 28 ตัว สูท 16 ตัว เนกไท 76 ชิ้น รองเท้า 21 คู่ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 28 รายการ ชุดเฟอร์นิเจอร์ 1 รายการ กล้อง 2 รายการ นาฬิกา 10 เรือน พระเครื่อง 8 รายการ

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับรายละเอียดทรัพย์สินที่นายพิธา ยื่นไว้กรณีพ้นตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 66 พบว่า นายพิธามีทรัพย์สินลดลง 19,192,765 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับรายการหนี้สินอื่นที่แจ้งไว้ 19,932,762 บาท ซึ่งไม่ปรากฏในการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งล่าสุด

‘ส.ก.เนอส’ แฉ!! ‘ปูอัด’ โกหกซ้ำซาก ใช้ ‘ความจน’ สร้างความนิยมให้ตัวเอง ซัด!! ไม่แคร์ความรู้สึกเหยื่อ หลังให้สัมภาษณ์ “ทีมงานที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา”

(3 พ.ย. 66) น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย หรือ ‘ส.ก.เนอส’ ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงผลประชุมร่วมกันของกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรคก้าวไกล กรณีการคุกคามทางเพศ ดังนี้…

“ดิฉันในฐานะที่เป็น ส.ก.จากพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า เรื่องการละเมิดทางเพศกรณีคุณไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.เขตจอมทอง พรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ถูกร้องไม่ยอมรับในสิ่งที่ทำ การโกหกหน้าด้านๆ ออกสื่อก่อนจะเข้าไปรับการพิจารณาเมื่อคืนที่ผ่านมา รวมถึงการคุกคามเหยื่ออีกหลายครั้งเพื่อ ‘ขอให้เหยื่อบอกว่าสมยอม’ ตามที่ได้ออกข่าวไปแล้วนั้น

ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดที่ผู้ถูกร้องพูดซ้ำๆ ว่า “ทีมงานร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา” เป็นการทำร้ายเหยื่อทั้ง 3 ซ้ำอีก เนื่องจากเหยื่อเป็นทีมงานที่ช่วยผู้ถูกร้อง หาเสียงด้วยความหวังและความฝันร่วมกันกับพรรคก้าวไกลด้วย การที่ผู้ถูกร้องล่วงละเมิดเหยื่อแล้วยังกล้าพูดออกสื่อว่า “ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา” นั้น เป็นความ Tone-deaf อย่างถึงที่สุด และไม่มีความละอายแก่ใจเลยแม้แต่นิดเดียว

อีกเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในสมการการตัดสินของพรรคในคืนที่ผ่านมา คือ เรื่องการโกหกอย่างเป็นนิสัยของผู้ถูกร้อง หากท่านติดตามผู้ถูกร้องมาตลอด ท่านจะพบว่าผู้ถูกร้องพยายามขาย ‘ความจน’ ของตนเอง และผู้ถูกร้องก็ใช้ความจนนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างความนิยมส่วนตัว ตลอดจนวางตัวเป็นเหยื่อของสังคมว่าตนไม่เคยได้รับโอกาสมาทั้งชีวิต ทำให้เหยื่อ รวมถึงเพื่อนสส.หลงเชื่อจนนำไปสู่ความเห็นใจ หลายครั้งจึงมีการสนับสนุนสิ่งของหรือทุนทรัพย์ให้ผู้ถูกร้อง ซึ่งผู้ถูกร้องได้กระทำเป็นแพทเทิร์นเดิมซ้ำๆ

ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ถูกร้องอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวสองชั้น ชั้นสองของบ้านเป็นไม้สัก มีพระเครื่องจำนวนมาก คนในครอบครัวประกอบธุรกิจส่วนตัว ไม่ได้ยากจนข้นแค้นอย่างที่ผู้ถูกร้องพยายามนำเสนอให้พี่น้องประชาชนเชื่อ

ดิฉันขอเรียกร้องให้ผู้ถูกร้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการพูดความจริงทั้งหมดแก่สาธารณะ ชดใช้เยียวยาตามที่เหยื่อเรียกร้องเต็มจำนวน และลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของทีมงานที่คุณล่วงละเมิดทั้ง 3 ราย

สุดท้ายนี้ ดิฉันขอชื่นชมกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ปกป้องเหยื่ออย่างถึงที่สุดแม้จะต้องแลกมาด้วยการเสียชื่อเสียงของพรรค และหวังว่าบทเรียนราคาแพงครั้งนี้จะเป็น Wake-up call ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของพรรคก้าวไกลในเรื่องการคุกคามทางเพศอย่างจริงจังตามที่ได้ให้สัญญากับสังคมไว้เสียที

ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย
ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top