Monday, 9 June 2025
POLITICS NEWS

‘อาจารย์อุ๋ย’ เตือน!! ‘นักการเมือง’ พยายามจะเข้าเยี่ยม ‘ทักษิณ’ ชี้!! ขัดประมวลจริยธรรม ซ้ำ!! ‘พักโทษ’ ไม่ได้แปลว่า ‘บริสุทธิ์’

เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย โพสต์เฟสบุ๊กแสดงความเห็นว่า…

“เห็นมีกระแสข่าวว่านักการเมืองบางคนโดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลแสดงความกระเหี้ยนกระหือรือจะไปเข้าเยี่ยม/ขอคำปรึกษาจากคุณทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้ากันใหญ่ ซึ่งผมเห็นแล้วไม่สบายใจอย่างมาก 

ประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 ข้อ 10 (9) กำหนดว่า ข้าราชการการเมืองจะต้องไม่คบหาหรือให้การสนับสนุนแก่ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติ หรือมีชื่อในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน

ในพระราชหัตถเลขาอภัยโทษ กล่าวไว้ชัดแจ้งว่าคุณทักษิณยอมรับว่าได้กระทำความผิดฐานทุจริตจริงตามคำพิพากษา และได้สำนึกผิดแล้ว ประเด็นที่ว่าคุณทักษิณผิดจริงหรือไม่จึงยุติโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องโต้แย้งกันอีกว่าเป็นเพราะรัฐประหารหรือถูกกลั่นแกล้ง และการได้รับการอภัยโทษหรือพักโทษ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณทักษิณจะกลายเป็น ‘ผู้บริสุทธิ์’ เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของรับโทษทัณฑ์ สิ่งที่คุณทักษิณทำไปนั้นผิดกฎหมายบ้านเมืองอย่างชัดแจ้ง ซึ่งต่างจากการนิรโทษกรรมที่จะทำให้สิ่งที่กระทำกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความผิด

ดังนั้นจึงต้องถือว่าคุณทักษิณเป็น ‘ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย’ และเป็น ‘ผู้มีชื่อในทางเสื่อมเสีย’ อันอาจกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน ซึ่งหากข้าราชการการเมืองคนใดไปคบหาหรือให้การสนับสนุน ก็จะต้องกลายเป็นผู้กระทำผิดประมวลจริยธรรมข้างต้น และอาจเป็นสารตั้งต้นในการถูกดำเนินคดีทางจริยธรรมต่อไป

ผมจึงอยากฝากให้นักการเมืองทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีตำแหน่งแห่งหน ว่าคิดจะทำอะไร หัดเกรงอกเกรงใจประชาชนด้วยครับ

ด้วยความปรารถนาดี”

‘วราวุธ’ ไม่สน!! ใครจะวิจารณ์มี ‘นายกฯ’ 2 คน เชื่อ!! ศักยภาพการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนๆ เดียว

(19 ก.พ. 67) ที่กระทรวงพม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ และปล่อยตัวกลับบ้าน ทำให้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อ่อนกำลังลง ว่า เรื่องนี้หากใครจะมองว่าเกี่ยว ก็เกี่ยวได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่าการทำงานของรัฐบาลตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมานั้น ได้เดินหน้าไปมากพอสมควร ซึ่งตนพูดในนามของกระทรวงอื่นไม่ได้ แต่พูดในนามของกระทรวงพม. ที่ตนในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอยู่นั้น ก็ได้ดำเนินการไปหลายเรื่องอย่างมาก ดังนั้นศักยภาพในการทำงานของรัฐบาลคงไม่น่าขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงบุคคลเดียวไม่ว่าจะอยู่โรงพยาบาล อยู่ที่บ้าน หรืออยู่ที่ใด ตนคิดว่าศักยภาพในการทำงาน ของรัฐบาลขึ้นอยู่กับตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คนมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า บางคนมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า อันนี้ตนเห็นต่าง เพราะการทำงานของครม. ตามที่ตนเคยได้พูดไปแล้วคือปัญหาของประชาชนมีอยู่ทุกวัน ดังนั้นบทบาทภารกิจการทำงานของทุกกระทรวงย่อมเดินหน้าเต็มที่เหมือนเดิม อย่างเช่นกระทรวงพม. ที่พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลอยู่ ถึงจะอย่างไรก็แล้วแต่ เราทำงานกันจนนาทีสุดท้าย เพื่อการแก้ไขปัญหาสังคมที่มีอยู่มากมาย

เมื่อถามถึงกรณีเสียงวิจารณ์ที่ระบุว่าขณะนี้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 2 คน หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า หากจะบอกว่ามี 3 หรือ 4 คน หรือ 5 คน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบางครั้งนายกรัฐมนตรีจะต้องมีทีมที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษา หรือแม้แต่รัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงก็ยังมีที่ปรึกษา เช่นตนก็มี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา เป็นที่ปรึษา รวมถึงคณะที่ปรึกษาอีกหลายคน จึงไม่น่าแปลกใจที่นายกรัฐมนตรีจะมีที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ จะปรึกษาใคร ก็เป็นสิ่งที่ท่านพึงใช้วิจารณญาณของตนเอง แต่การที่จะมีนายกรัฐมนตรีหลายคน ตนก็ยังเห็นต่างอยู่ว่า มีคนเดียวอยู่เช่นเดิม 

เมื่อถามว่าเสียงวิจารณ์ต่างๆ เหล่านี้จะทำให้คณะรัฐมนตรีบั่นทอนในการทำงานหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่สำหรับตนไม่บั่นทอนแน่นอน เพราะปัญหาของประเทศชาติปัญหาของพี่น้องประชาชนคือกำลังที่จะทำให้ตนสามารถเดินไปข้างหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนๆ ข้าราชการในกระทรวงพม.ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนคนไทยทุกคน

'ชาวเน็ต' ถกสนั่น!! ผลโหวต 'ความนิยมนักการเมือง เดือน ก.พ.67 'ก้าวไกล' ติดโผเพียบ!! ไร้เงา รทสช. ส่อ!! 'โพลไม่โปร่งใส-ชี้นำ'

(19 ก.พ. 67) แม้จะเป็นเดือนแรก ๆ ของปี 2567 แต่บรรยากาศทางการเมืองยังคงน่าจับตามองไม่เปลี่ยนแปลง ‘LINE TODAY’ จึงขอชวนทุกคนมาสำรวจคะแนนความนิยมของนักการเมืองที่คุณชื่นชอบ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ซึ่งได้แก่…

- แพทองธาร ชินวัตร
- เศรษฐา ทวีสิน
- ชลน่าน ศรีแก้ว
- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
- ปดิพัทธ์ สันติภาดา
- รักชนก ศรีนอก
- พริษฐ์ วัชรสินธุ
- รังสิมันต์ โรม
- วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
- ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
- สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
- ศิธา ทิวารี
- อนุทิน ชาญวีรกูล
- ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
- ชาดา ไทยเศรษฐ์
- ประวิตร วงษ์สุวรรณ
- ธรรมนัส พรหมเผ่า
- ชวน หลีกภัย
- ชัยธวัช ตุลาธน
- ศิริกัญญา ตันสกุล
- กัณวีร์ สืบแสง
- กรุณพล เทียนสุวรรณ
- วราวุธ ศิลปอาชา
- สุวัจน์ ลิปตพัลลภ

ทั้งนี้ ภายหลังโพลเรียกคะแนนโหวตดังกล่าวเผยแพร่ ก็มีความคิดเห็นชาวเน็ตเข้าไปท้วง ถึงการตีความบุคคลที่มาให้โหวตว่า ทำไมมีแต่คนจากพรรคก้าวไกล 

ขณะเดียวกัน ก็มองว่าการทำโพล Vote โดย Line หนนี้เหมือนตั้งใจชี้นำ เพราะไม่มีแคนดิเดตนายกฯ อย่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เลย

นอกจากนี้ในคอมเมนต์ยังได้มีการคุยกันว่า มีการบิดเบือนผลโหวต เช่น กดโหวตให้พี่ท็อปวราวุธ แต่คะแนนไปกระเด้งขึ้นที่พิธา เป็นต้นอีกด้วย

‘เจี๊ยบ’ โพสต์จิก ‘ทักษิณ’ ใส่ปลอกคอกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า พ้อ!! เจ็บปวดกับอภิสิทธิ์ชน หวังคนอื่นๆ ได้รับความยุติธรรมบ้าง

(18 ก.พ.67) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟสบุ๊ก และ X ต่อเนื่องจากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ดังนี้…

“ดิฉันน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดกับข่าวอภิสิทธิ์ชนของสังคมนี้ เมื่อไหร่ #อานนท์ และคนอื่น ๆ ที่แค่คิดต่างจะได้กลับบ้าน #ยุติธรรมไม่มีสามัคคีไม่เกิด #ทักษิณ”

“พี่น้องครับ ถ้าเสียงปืนแตกนัดแรกเมื่อไร ผมจะกลับมานำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพเอง… กูรู้สึกโดนหลอกมาชั่วชีวิต”

ต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “ปลอกคอปลอกแขนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์? #ทักษิณกลับบ้าน”

‘ก้าวไกล’ ประกาศจุดยืนปม ‘ทักษิณพักโทษ’ ส่งเสริมอภิสิทธิ์ชนหรือไม่ หลังขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วย ยัน!! ต้องไม่ตอกย้ำสองมาตรฐาน

(18 ก.พ. 67) เพจพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกจาก รพ.ตำรวจ กลับไปยังบ้านพักจันทร์ส่องหล้า เพื่อเข้ารับการพักโทษตามเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ หลังถูกจองจำนอกเรือนจำครบ 180 วัน เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา โดยระบุว่า…

จุดยืนพรรคก้าวไกล ต่อกรณีคุณทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ

แม้รัฐบาลและนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มักย้ำในหลายเวทีถึงความสำคัญของการสร้างหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคุณทักษิณ ชินวัตร ตลอด 180 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะการได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาลที่เรือนจำเป็นกรณีพิเศษโดยขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วยของคุณทักษิณ ต่อเนื่องมาจนได้รับสิทธิพักโทษเพื่อปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนั้น กลับเพิ่มคำถามที่มีในใจของประชาชนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน สอดคล้องกับหลักการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่

แน่นอนว่าหากมองไปที่อดีต ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรัฐประหาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อคุณทักษิณ

แต่หากมองมาที่ปัจจุบัน เมื่อคุณทักษิณตัดสินใจนำตนเองกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญทั้งเรื่องสุขภาพของคุณทักษิณที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้คุณทักษิณได้รับการพักโทษ ไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้ถึงความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติเมื่อเปรียบเทียบกับนักโทษและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองคนอื่นๆ

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐานหรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน

ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณ ในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง หรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง แนวทางในการดำเนินการ ต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรม ให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน

‘วันชัย’ สวมบทโหร ชี้!! ‘ทักษิณ’ กลับบ้านเป็นฤกษ์จันทร์มหาอุจจ์ เชื่อ ความนิยมจะหวนคืนอีกครั้ง พร้อมแนะจับตาทิศทาง ครม.

(18 ก.พ. 67) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้โพสต์ข้อความเรื่อง​ ‘เมื่อจันทร์ส่องหล้า’ โดยระบุว่า…

ระยะนี้ดาวจันทร์กับดวงเมืองและผู้มีอำนาจทางการเมืองมีความสัมพันธ์และสำคัญมาก เพราะตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 ก.พ. 67 ดาวจันทร์ย้ายจากราศีเมษเข้าสู่ราศีพฤษภในตำแหน่งมหาอุจจ์ อันหมายถึงมหาเสน่ห์ที่จะเกิดขึ้นกับปวงชน อำนาจวาสนาและบารมีจะแน่นปึ้ก! พลังแห่งความยิ่งใหญ่จากจันทร์ดับที่อับแสง จะกลายเป็นจันทร์ส่องหล้าที่สว่างไสว รัฐบาลและผู้มีอำนาจจะสร้างผลงานให้ปรากฏ ดับข้อขัดแย้งและความติดขัดทั้งมวลให้กระจ่างแจ้ง ทั้งในสภาและนอกสภาจะปลอดโปร่งโล่งไสว

“คุณทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจตัวจริงเสียงจริงออกมาแล้ว ระยะเวลาแห่งความเป็นรัฐบาลกับที่อยู่ในเรือนจำเท่ากัน เห็นปัญหาต่างๆ มากมาย แต่ก็คงมีข้อจำกัดทำให้ขยับกับอำนาจไม่เต็มที่ วันนี้เมื่อจันทร์ส่องหล้าแล้ว คงจะทำให้การบริหารจัดการทางการเมือง และการทำงานของคุณเศรษฐา และคณะรัฐมนตรีให้มีพลังที่เป็นเอกภาพ มีการขับเคลื่อนผลงานออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่นิยมชมชอบของประชาชนได้ เพราะคุณทักษิณ คือ ‘ศูนย์รวมแห่งอำนาจตัวจริง’

คุณเศรษฐาแม้จะแสดงบทบาทมาแล้ว 6 เดือน ใครก็รู้ว่าไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริง พลังขับเคลื่อนจึงยังไปไม่เต็มสูบ

วันนี้ เวลานี้ ถ้าปล่อยให้เหมือน 6 เดือนที่ผ่านมา เพื่อไทยและรัฐบาลก็จะหมดมนต์ขลัง หมดพลังแห่งความนิยมชมชอบ แต่วันนี้ดาวจันทร์เป็นมหาอุจจ์ ทั้งมหาอุจจ์ตัวจริงก็ออกมาแล้ว ทั้งเสน่ห์ ทั้งความนิยมชมชอบ บริวารว่านเครือจะมาดำรงคงไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่ในอดีตอีกครั้ง ที่ออกจากเรือนจำในช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.พ. เป็นฤกษ์แห่งจันทร์เสน่ห์ จันทร์มหาอุจจ์ มุ่งไปสู่จันทร์ส่องหล้า ทางการเมืองอาจปรับ ครม.อาจปรับเปลี่ยนกระทรวง หรือวิธีการทำงาน อันจะทำให้เศรษฐกิจและสังคม กลับมาเฟื่องฟูเข้มแข็งก็ด้วยจันทร์มหาอุจจ์นี่แหละ”

นายวันชัย ระบุอีกว่า แม้จันทร์จะส่องหล้า ถ้ามากราบหลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชค วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน ยิ่งจะเพิ่มมนต์ขลังมนต์เสน่ห์ มหาอุจจ์มหานิยมที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลนาน

‘แกนนำ คปท.’ เชื่อ ‘ทักษิณ’ ไม่ได้ป่วยหนักมาตลอด 180 วัน ชี้!! ภาพกลับบ้านคือหลักฐาน จี้หาตัวผู้ร่วมกันโกหกต้องรับผิดชอบ

(18 ก.พ. 67) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเป็นรูป นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนั่งรถออกจากโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมระบุว่า…

“หลักฐานบุคคล นี่ยืนยันชัดเจนว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ป่วยหนักวิกฤตตลอด 180 วัน ตามที่กล่าวอ้าง กรมราชทัณฑ์ คณะแพทย์ รมต.ยุติธรรม นายกรัฐมนตรี พวกคุณจะรับผิดชอบอย่างไรกับการป่วยทิพย์ครั้งนี้

พวกคุณสมคบคิดกัน ร่วมกันโกหกสังคม ร่วมกันทำลายกระบวนการยุติธรรมมาตลอด 180 วัน วันนี้มันชัดเจนว่า พวกคุณรับใช้ทักษิณมากกว่าความถูกต้องของนิติรัฐไทย หลักฐานวันนี้ จะนำพวกคุณเข้าคุกแทนทักษิณ”

‘รทสช.’ จัดงาน ‘อาสามาด้วยใจ’ ครั้งแรก เดินหน้าตามอุดมการณ์พรรค ด้าน ‘พีระพันธุ์’ ลั่น!! ขอมุ่งมั่นทำงานค้ำจุน 3 สถาบันหลักของชาติ

(17 ก.พ. 67) ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดกิจกรรม ‘อาสามาด้วยใจ’ ครั้งที่ 1 เพื่อให้อาสาสมัครในโครงการได้ทำกิจกรรมร่วมกับแกนนำของพรรค นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค โดยกิจกรรมดังกล่าวนี้ จะมีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การมาตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อลงเลือกตั้ง และถูกวิจารณ์มากว่าไม่เคยอยู่ในสายตา สื่อบางสำนักบอกว่าเลือกตั้งจะได้สส.ไม่เกิน 7 คน แต่ผลการเลือกตั้งออกมาได้ สส.ได้ถึง 36 คน ถือว่าเกินความคาดหมาย ด้วยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนั้น โดยทำพรรคตามแนวทางที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ใช้พละกำลังทั้งหมด เพื่อช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ นี่คือ DNA ของพรรค ตามสโลแกนของพรรคที่ว่าเราจะแก้ไขให้ทุกปัญหา เราจะเป็นที่พึ่งพาได้ทุกเรื่อง ประชาชนที่เดือดร้อนถ้าเราแก้ปัญหาให้เขาได้ ประชาชนก็มีความสุข

“การทำโครงการอาสาสมัครด้วยใจ เพื่อต้องการแขนขาของพรรคมาช่วยเหลือประชาชน เป็นหูเป็นตา อะไรที่ช่วยเหลือกันได้ก็มาช่วยกัน วันนี้เรามีอาสาสมัครที่มาทำงานด้วยใจกว่า 400 คนแล้วจากทั่วประเทศ จากเดิมที่คิดว่า 100 คนก็ดีใจแล้ว โดยการทำงานจะแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ขอขอบคุณที่มาช่วยกัน หวังว่าจะมาช่วยกันสร้างชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า อุดมการณ์ที่สำคัญที่สุดคือ ทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่ต่อไป” หัวหน้าพรรคไทยรวมไทยสร้างชาติกล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การทำงานการเมืองไม่มีอะไรตอบแทน มีแต่ความเสียสละทำงานด้วยใจ พร้อมช่วยชาวบ้าน ความสุขอยู่ตรงนั้น นั่นคือคำตอบของอาสาสมัคร มีความเสียสละ ถ้ามีปัญหาเดือดร้อนขอให้แจ้งมาที่พรรค พรรคพยายามช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้มากที่สุด โดยสามารถแจ้งได้ที่สถานียุติธรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งทำมาตั้งแต่ตนเป็น รมว.ยุติธรรม และได้เอามาสานต่อที่พรรครวมไทยสร้างชาติ

ด้านนายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนมีความภาคภูมิใจมาก ที่ได้มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ แม้เส้นทางไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ เป็นเส้นทางที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรค แต่ตนศรัทธาในจุดยืนของพรรค และจุดยืนของนายพีระพันธุ์ว่า จะเป็นผู้นำพรรคให้สามารถทำงานร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติได้ ในที่สุดเราผ่านการเลือกตั้งมา และโชคดีที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มีผู้ใหญ่ที่เป็นที่รักเคารพของคนไทยทั้งประเทศมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค รวมไทยสร้างชาติ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ถือธงนำทัพพรรครวมไทยสร้างชาติครั้งแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ของพรรคหลังเลือกตั้งได้ สส.36 คน ได้คะแนนกว่า 4,800,000 คะแนน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา ครั้งนี้จึงเป็นงานสำคัญที่ นายพีระพันธุ์ และตนต้องระดมพลทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาที่เราได้มาเจอกันในวันนี้ เพราะปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราไม่อยากปล่อยให้หายไป เราอยากรักษาพลังส่งต่อภารกิจไปยังรุ่นต่อๆ ไป

“สำหรับ จุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อบ้านเมืองประสบปัญหาเราแสดงจุดยืนชัดเจน จึงเห็นภาพเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 ก.พ. ) ผมได้ขออนุญาตหัวหน้าพรรค คุยกับ สส.ของพรรค และวิปรัฐบาลว่า จะเสนอญัตติ เรื่อง การถวายความปลอดภัย ขบวนเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ นี่คือจุดยืนสำคัญของพรรคในการรักษาสถาบันเสาหลักของประเทศ ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวด้านความรักความสามัคคีของประเทศ ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า“ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวว่า หลังจากวันนี้ไปจะมีการจัดเวทีลักษณะนี้อีกหลายครั้ง ขอขอบคุณด้วยใจจริงที่ทุกคนได้เอื้อมมือมาที่พรรค หวังว่าหลังจากนี้ไปพวกท่านจะไปเชิญชวนเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของกิจกรรมได้มีการเปิดโอกาสให้อาสาสมัครได้ซักถามปัญหา โดยมี นายพีระพันธุ์ เป็นผู้ตอบปัญหา เพื่อไขความกระจ่างด้วยตนเอง พร้อมทั้งถ่ายรูปหมู่ร่วมกันบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

‘วราวุธ’ เชื่อ ไม่เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง แม้ ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน ชี้!! ไม่ว่าอยู่ที่บ้านหรือโรงพยาบาล รัฐบาลก็ยังทำงานกันตามปกติ

(17 ก.พ. 67) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ ถูกมองว่าอาจส่งผลต่อสถานการณ์การเมือง ว่า เบื้องต้นตนต้องขอแสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตร ที่ได้บุคคลอันเป็นที่รักกลับมาสู่อ้อมกอด ถือเป็นเรื่องปกติที่ตนเชื่อว่า ครอบครัวใดเมื่อได้บุคคลอันเป็นที่รัก กลับมาสู่ครอบครัวและอ้อมกอดของทุกคน ได้คงมีความดีใจจึงต้องขอแสดงความดีใจในเบื้องต้น

นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่กันว่าจะมีแรงกระเพื่อมทางการเมืองนั้น ตนคิดว่า คงไม่ได้ต่างอะไรกันมาก อยู่ที่บ้านหรืออยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนได้เห็นแล้วว่าทางรัฐบาลก็ทำงานไปตามปกติ และเท่าที่ตนเห็นก็ไม่ได้มีการเข้ามายุ่งเกี่ยวแต่อย่างใดในการที่รัฐบาลทำงานอยู่ ดังนั้นเมื่อนายทักษิณย้ายจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่ที่บ้านคงไม่มีเหตุการณ์อะไรมาก รัฐบาลก็ยังคงทำงานเช่นเดิม ยังมีปัญหาของประเทศชาติก็ยังมีเหมือนเดิม ปัญหายังอยู่เราก็ต้องแก้ปัญหากันต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงทิศทางทางการเมือง ที่อาจมีการเขย่าและปรับ ครม. ตามที่ยังมีกระแสข่าว นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ที่รัฐบาลอยู่กันมา 5-6 เดือนแล้ว แต่คงต้องดูพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลว่าจะมีนโยบายอย่างไร เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาเรามีเพียง 10 คน เราก็ติดตามสถานการณ์ไป แต่จะทำอะไรอย่างไรตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงส่งข่าวกันมาก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่มีวี่แวว ยังไม่มีการส่งสัญญาณมาว่าจะปรับ ครม.

‘อดิศร เพียงเกษ’ ประธานวิปรัฐบาล โพสต์กลอนต้อนรับ ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน

(17 ก.พ. 67) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้โพสต์กลอนต้อนรับ กรณี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการปล่อยตัวตามกำหนดการพักโทษ หลังรับโทษครบ 180 วัน ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ โดยระบุว่า…

“กลับสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า มองท้องนภาดูแจ่มใส ดอกไม้บานกลางดวงใจ รักกันไว้ตลอดกาล… ยินดีต้อนรับ ท่าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top