Wednesday, 14 May 2025
NEWS

เปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยมีนบุรี  กระบวนการยุติธรรมทางเลือก ช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งภาคประชาชน

วันที่ 5 สิงหาคม ที่หมู่บ้านพนาสนธิ์ การ์เด้นโฮม 4 เขตมีนบุรี กรุงเทพฯอาจารย์ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ ประธานมูลนิธิสถาบันศึกษาและพัฒนาการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี (ส.พ.ส.) เป็นประธานร่วมกับคุณรัตนาภรณ์ ปานรัตน์ ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน(นิมิตรใหม่)แขวงมีนบุรี ทำพิธีเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน(นิมิตรใหม่)

โดยช่วงเช้าได้มีพิธีการสงฆ์ ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ จากนั้นทำพิธีเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมทั้งลงนาม MOU ร่วมกับมูลนิธิสถาบันศึกษาและ พัฒนาการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี (ส.พ.ส.) 

ทั้งนี้ อาจารย์ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ ได้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับพรบ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทพศ.2562 ให้กับกรรมการศูนย์ไกล่เกลี่ย และผู้เข้าร่วมงาน รวมทั้ง ส.ส.วิชาญ มีชัยนันท์ ได้รับฟัง

คุณรัตนาภรณ์ ปานรัตน์ กล่าวว่า สาเหตุที่นำบ้านมาใช้เป็นศูนย์ไกล่เกลี่ย เพราะเราไม่ใช่หน่วยราชการที่ทำกันทั่วๆไป เพราะบ้านสามารถรับเรื่องได้ตลอด 24 ชม. โดยไม่ปิดกั้นใครที่กำลังเดือดร้อน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ 

ด้านอาจารย์ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ เปิดเผยว่า มูลนิธิสถาบันศึกษาและ พัฒนาการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี (ส.พ.ส.) ก่อตั้งขึ้น 10 กว่าปีแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งส่งเสริมช่วยเหลือให้การแก้ไขความขัดแย้งด้วยแนวทางการไกล่เกลี่ย ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ และสังคมไทย เพื่อเกิดความสงบสุขสมานฉันท์ 

การที่มูลนิธิฯได้มาเซ็น MOU ครั้งนี้ มุ่งเห็นว่าศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชนเป็นหน่วยงานภาคเอกชน ที่เกิดจากผู้มีจิตอาสา น่าจะเข้าถึงประชาชน ที่มีปัญหาข้อพิพาท สามารถหาข้อยุติความขัดแย้ง ทางมูลนิธิฯจึงอยากสนับสนุนองค์ความรู้และเทคนิคด้านต่างๆ ให้กับผู้ที่จะมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้มูลนิธิฯยังจัดอบรมให้ความรู้การไกล่เกลี่ยร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ให้หน่วยงานรัฐ และสถานศึกษา ไปหลายรุ่น

การแก้ปัญหาข้อพิพาท โดยที่ไม่มุ่งไปที่ศาลอย่างเดียว หันมาใช้กระบวนการยุติธรรมทางเลือก สามารถลดความขัดแย้งกับความเห็นต่างลงได้ 

‘ป่าภูเขียว-อช.น้ำหนาว-ภูกระดึง’ ได้ขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียน ภาครัฐฯ พร้อมเดินหน้าคุ้มครอง-รักษาสภาพธรรมชาติอย่างยั่งยืน

(5 ก.ค. 66) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 34 (34th Meeting of the ASEAN Senior Officials on the Environment : 34th ASOEN) วันที่ 1 สิงหาคม 2566 ได้พิจารณารับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียน (ASEAN Heritage Park : AHP) ของประเทศไทย จำนวน 2 แห่ง ได้แก่

- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวและอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เป็นอุทยานมรดกอาเซียนแห่งที่ 56 
- อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นอุทยานมรดกอาเซียนแห่งที่ 57

ได้พิจารณารับรองให้โรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน เข้ารับรางวัลโรงเรียนที่มีกระบวนการจัดการเรียนการสอนสิ่งแวดล้อมดีเด่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ กลุ่ม ASEAN ‘ASEAN Eco-Schools’ ระดับมัธยมศึกษาและระดับประถมศึกษา รวมทั้งรับรองให้นายมนตรี เจือไธสง เข้ารับรางวัลนักวิจัย / ครูผู้สอนสิ่งแวดล้อมศึกษาดีเด่น ระดับชาติและระดับนานาชาติ กลุ่ม ASEAN ‘ASEAN Youth Eco-Champions Award’

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีพื้นที่ที่ได้รับการรับรองเป็นอุทยานมรดกอาเซียน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา กลุ่มอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลันและอ่าวพังงา กลุ่มป่าแก่งกระจาน ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และอุทยานแห่งชาติเขาสก

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการนำเสนอ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ให้เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 หลายภาคส่วนได้ร่วมกันเตรียมเอกสารนำเสนอข้อมูลพื้นที่ ตลอดจนเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อให้สามารถผ่านเกณฑ์การประเมินได้ ซึ่งไทยมีความโดดเด่นหลายประการ อาทิ การอนุรักษ์ธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ มีพื้นที่ที่มีความเชื่อมโยงกับประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น

“โลกมีการตื่นตัวเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญและเร่งพัฒนาแนวความคิดของคนไทยอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ การสนับสนุนให้พื้นที่ในประเทศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นพื้นที่คุ้มครอง รักษาสภาพธรรมชาติ ร่วมกับให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งอุทยานแห่งชาติจะช่วยรักษาสภาวะสมดุลธรรมชาติ พร้อมกันนี้ รัฐบาลสนับสนุนให้ระบบการศึกษาไทยให้ความสำคัญกับการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม สร้างการตระหนักรู้ตั้งแต่เยาวชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลต่อการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต” นางสาวรัชดาฯ กล่าว

‘ครูใหม่’ ได้บรรจุที่โรงเรียนในชุมชนไร้แผ่นดิน-น้ำประปาไม่มี แต่จะสู้ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู เพื่อนักเรียน 28 ชีวิต

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้งาน TikTok บัญชี kongphop_q แชร์เรื่องราวของคุณครูบรรจุใหม่ท่านนึง ที่ได้เล่าเรื่องราวการบรรจุครูครั้งแรกของตัวเอง ซึ่งขอบอกเลยว่า การมาบรรจุและสอนที่นี่เป็นอะไรที่มีความท้าทายมากๆ เรียกว่าเป็นคุณครูที่มี ‘จิตวิญญาณเต็มเปี่ยม’ ถึงเส้นทางจะดูไม่เรียบหรู ออกแนวจะต้องมีความลำบากในการใช้ชีวิต แต่คุณครูก็พร้อมที่จะสู้ไปพร้อมกับเด็กนักเรียนเลยทีเดียว

โดยคุณครูได้บรรยายคลิปเพิ่มเติมว่า “เมื่อเราได้บรรจุเป็นครูโรงเรียนกลางน้ำ นี่มันคิดถึงวิทยาชัดๆ”

ซึ่งในคลิปคุณครูได้เล่าว่า ได้บรรจุที่โรงเรียนวัดบางชัน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่บนชุมชนไร้แผ่นดิน ซึ่งคุณครูหาที่ติดต่อทางโรงเรียนไม่ได้ ไม่มีข้อมูลพื้นฐานบนโลกออนไลน์เลยด้วย โดยคุณครูได้ทำการติดต่อที่พักโฮมสเตย์ในพื้นที่ และขอข้อมูลติดต่อผู้ใหญ่บ้าน และก็ได้รู้ว่า ที่นั่นไม่มีน้ำประปา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวย มีเรือขายน้ำจืด ที่พักเสียค่าน้ำและค่าไฟเอง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่สละสิทธิ์ โดยคุณครูคิดว่าถ้าสละสิทธิ์แล้วเด็กนักเรียนที่นั่นจะมีครูสอนมั้ย เพราะเด็กที่นั่นมีนักเรียนเพียงแค่ 28 คน มีครูอยู่ 4 คน

หลังจากที่คลิปของคุณครูได้ถูกแชร์ออกไป ก็เรียกว่ากลายเป็นคลิปไวรัลที่มียอดเข้าชมมากกว่า 3.1 ล้านครั้ง ยอดไลก์มากว่า 326,000 ครั้ง และยังมีคอมเมนต์อีกมากมายที่เข้ามาชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กับคุณครูกันอย่างล้นหลาม เช่น

“เชื่อว่าครูที่มีแพชชั่นในการสอนมีเยอะมาก แต่สิ่งที่ขาดคือการสนับสนุนด้านศึกษาทั้งฝ่ายผู้เรียนและผู้สอนจากรัฐบาล”
“ขอให้เป็นที่รักของเด็กๆและผู้ปกครองนะ”
“จันทบุรียินดีต้อนรับค่ะ ถึงจะลำบากหน่อย แต่คนที่นี่น่ารักนะคะ”

‘ตะวันฉาย’ ต่อยคิกบ็อกซิ่งครั้งแรก ในศึก ONE Fight Night 13 โชว์หวดแข้งซ้ายน็อกนักชกจอร์เจีย ยก 3 คว้าโบนัส 1.75 ล้านบาท!!

(5 ส.ค. 66) ‘ตะวันฉาย’ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ราชันมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งย้ายข้ามมาทำการแข่งขันในกติกาคิกบ็อกซิ่ง เป็นครั้งแรก ในศึก ONE Fight Night 13 ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) โดยพบกับ ‘ดาวิต คิเรีย’ นักชกรุ่นเก๋าชาวจอร์เจีย

โดยยกแรก เป็น ตะวันฉาย ที่ดักเตะแข้งซ้ายเข้าลำตัว เเละเจาะยาง ทำให้ ดาวิต คิเรีย ออกอาวุธไม่ถนัด แม้จะเป็นฝ่ายเดินเข้าหา เข้าสู่ขึ้นยก 2 ดาวิต คิเรีย ยังเดินเข้าหาต่อยหมัดหวังเผด็จศึกให้ได้ แต่ยังถูก ตะวันฉาย ที่ดักเตะซ้าย เข้าลำตัวอย่างหนักหน่วง ก่อนจะต่อยซ้ายตรงจน ดาวิต คิเรีย ก้นเตี้ย แต่ทว่าช่วงปลายก มีจังหวะที่ ดาวิต คิเรีย ต่อยเข้าใบหน้าตะวันฉายได้ลุ้นเลยทีเดียว

ทว่าขึ้นยกที่ 3 ตะวันฉาย ได้โอกาสเตะซ้ายเข้าลำตัว ดาวิต คิเรีย เป็นจังหวะที่โดนแขนของ ดาวิต เอาชนะ TKO ไปได้ในยกที่ 3 รับโบนัส 50,000 หมื่นเหรียญ (1.75 ล้านบาท) พร้อมประกาศพร้อมเจอ ซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ

‘บิ๊กป้อม’ เตรียมนำทีม พปชร. ลงใต้ ลุยนราธิวาส 7 ส.ค.นี้ เยี่ยม ปชช.-ผู้บาดเจ็บ เหตุโกดังพลุระเบิด พร้อมให้กำลังใจ จนท.

(5 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรค มีกำหนดลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิด ในพื้นที่ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และให้กำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงาน ในวันที่ 7 ส.ค. เวลา 10.40 น. ที่ศูนย์บัญชาการพื้นที่เกิดเหตุ ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหง โก-ลก จังหวัดนราธิวาส จากนั้นเวลา 12.00 น. จะเดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บและให้กำลังใจทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงาน ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ก่อนเดินทางกลับกทม.ในวันเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรค พปชร. พล.อ.ประวิตร จะเป็นประธานประชุม สส.พรรค พปชร.วันที่ 8 ส.ค.นี้ หลังจากที่งดไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากติดช่วงวันหยุดยาว โดยจะหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง และทิศทางของพรรค พปชร.ในการโหวตนายกฯ รวมถึงติดตามการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ มีรายงานว่าวันในการประชุม สส.ได้เตรียมอวยพรวันเกิดให้ พล.อ.ประวิตร เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ครบ 78 ปี วันที่ 11 ส.ค.ที่จะถึงนี้

‘ดร.สุวินัย’ เตือน!! หากเยาวชนยังเชื่อคำพูดของ ‘ผู้นำทิพย์’ ชีวิตที่อ่อนต่อโลก ย่อมเดินเข้าสู่ด้านมืดและวิถีมืดโดยง่าย

(5 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ ‘วิถีก้าวไกล : วิถีมืดของกูรูมืด’ โดยระบุว่า…

ถ้าเชื่อคำพูดของ ‘ผู้นำทิพย์’ จอมกะล่อนที่ภาพลักษณ์ดีอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ชีวิตของเยาวชนที่อ่อนต่อโลก ย่อมเดินเข้าสู่ด้านมืดและวิถีมืดได้โดยง่าย

วิถีมืดของกูรูมืดพวกนี้ มีลักษณะร่วมกันอยู่ 4 อย่างคือ

‘หลอกลวง ครอบงำ ควบคุม และครอบครอง’

1.) อย่างแรก คือ ‘โกหก หลอกลวง’ ถ้าเป็นยุคนี้คือการหลอกลวงผ่านเฟคนิวส์ เงื่อนไขนี้มาก่อนเลย ถ้าหลอกลวงด้วยเฟคนิวส์ได้แล้ว

2.) สิ่งที่ตามมาอย่างที่สอง คือ ‘การครอบงำความคิดของสาวก’ ที่หลงเชื่ออย่างเนียนๆ แทบไม่รู้ตัวในโลกโซเชียลโดยเฉพาะ TikTok กับทวิตเตอร์… จนถลำลึกมากยิ่งขึ้นทุกที

TikTok กับทวิตเตอร์จึงเป็นเครื่องมือที่สะดวกที่สุดในยุคนี้ในการครอบงำความคิดของสาวก

พอครอบงำความคิดจนเกิดอุปทานหมู่ หลงเชื่อตามๆ กัน โดยมีกลไกหลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อที่ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลา

3.) ก็จะมาสู่อย่างที่สามคือ ‘การควบคุมพฤติกรรมของสาวก’ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านการ ‘ชี้นำพฤติกรรม’ ให้แชร์ ให้ทวิต ติดแฮชแท็ก แบบแห่ตามกันเป็นฝูง

4.) ขั้นต่อไปคือ ‘ยุยงให้ใช้ hate speech’ พาไปเอาทัวร์ลง บูลลี กดดัน ถล่มผู้คนที่เห็นต่าง ไม่ทำตามใจพวกตน

โดยที่ในขั้นสุดท้ายนี้ คือ ‘การครอบครองร่างกายและชีวิตจิตใจรวมทั้งจิตวิญญาณของผู้นั้นอย่างสิ้นเชิง’

จะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ จะให้ก่อการร้าย ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ หรือจะให้ฆ่าตัวตายรวมหมู่ก็ยังได้

กูรูมืดมีหลายระดับและหลายวงการก็จริง แต่แค่หลอกลวงด้วยเฟคนิวส์ก็ถือว่าเริ่มเข้าสู่วิถีของกูรูมืดเต็มตัวแล้ว

สังคมที่ปล่อยให้เฟคนิวส์อาละวาด โดยที่ทางการอ่อนแอทำอะไรไม่ได้เลย

คือสังคมที่อ่อนแอทางสติ อ่อนแอทางปัญญาความคิดวิเคราะห์ และอ่อนแอทางจิตวิญญาณ

มหาวิทยาลัยที่ปล่อยให้พวก ‘กูรูมืด’ มาล้างสมองนักศึกษาใหม่ของตน โดยไม่แยกแยะกลั่นกรองให้ดีก่อน

มหาวิทยาลัยนั้นย่อมตกต่ำทางจิตวิญญาณ จนเกินกว่าจะมาชี้นำสังคมด้วยสติและปัญญาญาณเหมือนในอดีตได้

มหาวิทยาลัยแห่งนั้นได้ทำตัวเองให้เสื่อมเองแท้ๆ

คนยุคนี้ ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาท เพราะกูรูมืดแฝงอยู่ในทุกวงการ

ในทางการเงิน กูรูมืดคือเจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่ หรือ เทรดเดอร์โฟโต้ช็อปที่สร้างภาพว่าเป็นเทพ

ในทางการเมือง กูรูมืดคือพวกแกนนำในขบวนการทางการเมืองที่สร้างวาทกรรมปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังประเทศตนเอง และสถาบันหลักๆ ของประเทศอาฆาตอย่างรุนแรง แถมยังขายชาติด้วยการคิดชักศึกเข้าบ้าน

จงอย่าให้ชีวิตของตนเองและครอบครัวต้องพังพินาศ เพราะหลวมตัวไปหลงเชื่อกูรูมืด เข้าสู่วิถีมืดเป็นอันขาด

ถ้าใช้หลักเกณฑ์ 4 ข้อ เรื่อง ‘หลอกลวง ครอบงำ ควบคุม ครอบครอง’ ที่ยกมาข้างต้น คงน่าจะช่วยแยกแยะได้ว่าใครเป็นกูรูมืด

แต่ถ้ายังไม่ได้คิด หรือคิดไม่ได้ ก็ต้องเตรียมรับผลกระทบในชีวิตที่จะตามมา

‘เอกชน’ ยัน!! พร้อมทำงานทุกขั้ว วอนตั้งรัฐบาลใหม่เร็วที่สุด หวั่นยืดเยื้อกระทบเศรษฐกิจ พร้อมเร่งเดินหน้าวางแผนรับมือ

(5 ส.ค. 66) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ขอให้พิจารณากรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และกำหนดวันนัดพิจารณาคำร้องในวันที่ 16 ส.ค. จากเดิมวันที่ 3 ส.ค. ว่า ประเด็นดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ทำให้ศาลต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ โดยการเลือกนายกรัฐมนตรี และการฟอร์มคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เคยประเมินไว้ ซึ่งยังไม่ถือว่าล่าช้าจนเกินไป

ทั้งนี้ หากศาลมีคำสั่งว่ากรณีดังกล่าวไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าหลังจากนั้น รัฐสภาคงจะดำเนินการให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดต่อไป ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นวันที่ 17-18 ส.ค. 2566ดังนั้นอาจจะได้ ครม.ชุดใหม่ ช่วงปลายเดือน ส.ค.- กลางเดือน ก.ย. หากไทม์ไลน์เป็นเช่นนี้ ภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลชุดใหม่ คงจะต้องเร่งจัดทำงบประมาณประเทศ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อดึงกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ส่วนกรณีหากศาลมีคำสั่งว่าการดำเนินการของรัฐสภาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ก็คงต้องรอความชัดเจนว่า จะส่งผลให้การเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีทิศทางเป็นอย่างไร และมีช่วงเวลานานมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องมาประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง แต่เชื่อมั่นว่าศาลจะมีการพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ด้วยความรอบคอบและรวดเร็วที่สุด เพราะการมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศเร็ว เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากในสถานการณ์เช่นนี้

สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองนั้น นายสนั่น มองว่า ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะต้องดำเนินกระบวนการตามกรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ และหาก พท. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจนสำเร็จ ก็เชื่อว่าน่าจะสามารถเร่งดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจได้ทันที เพราะ พท. เคยมีประสบการณ์ในด้านการบริหารประเทศมาก่อนหน้านี้ และหลายนโยบายในสมัยที่เป็นรัฐบาลก็สามารถดำเนินการจนประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ดี ในส่วนประเด็นความเห็นต่างและการชุมนุมที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่จะแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย โดยหากไม่มีการชุมชนที่ยืดเยื้อ หรือสถานการณ์ที่รุนแรง ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว

“ภาคเอกชนนั้น ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็พร้อมทำงานร่วมกัน โดยที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณต่อเนื่องว่า สิ่งสำคัญคือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งล่าช้ายิ่งไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจประเทศ” นายสนั่นกล่าว

ศรชล. นำเรือรับชาวกัมพูชา ติดเชื้อในกระแสเลือดจากเกาะกูดส่ง รพ.ตราด อย่างเร่งด่วน

น.อ.สุรศักดิ์ ภาแก้ว รอง ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดตราด (รอง ผอ.ศรชล.จว.ตราด) มอบหมายให้ น.อ.ยุทธนา วงศ์ช่าง หน.ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จังหวัดตราด (หน.ศคท.จว.ตร.) พร้อม จนท.ฯ ร่วมให้การช่วยเหลือชาวกัมพูชาอย่างเร่งด่วน คาดว่าอาจติดเชื้อในกระแสเลือดจาก รพ.เกาะกูด ส่ง รพ.ตราด 

จากกรณี เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 3 ส.ค.66 ศรชล.จว.ตราด ได้รับการประสานจาก ร.พ.ตราด ขอรับการสนับสนุนเรือ เพื่อทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจาก รพ.เกาะกูด มารักษาต่อยัง รพ.ตราด อ.เมือง จ.ตราด ทราบชื่อ นาย ซัน อิง ชาวกัมพูชา อายุ 62 ปี ที่มีอาการไข้สูง ไอมีเสมหะปนเลือด เหนื่อย หายใจเร็ว ซึม คาดว่าอาจติดเชื้อในกระแสเลือด โดยแพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ และต้องการนำตัวส่งวินิจฉัยอาการและรักษาตัว ณ รพ.ตราด

โดยใน เวลา 20.30 น. ศรชล.จว.ตราด ได้ประสาน ศรชล.ภาค 1 เพื่อขอรับการสนับสนุนเรือจาก มชด./1 พร้อมประสานกับ รพ.เกาะกูด และ รพ.ตราด สำหรับนำทีมแพทย์ช่วยเหลือผู้ป่วยและเส้นทางการส่งสายการแพทย์ และประสานกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือตราด ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเส้นทางบกส่ง รพ.ตราด

ต่อมา เวลา 21.00 น. เรือ ต.263 จาก มชด./1 เดินทางจากท่าเทียบเรือเอนกประสงค์คลองใหญ่ จ.ตราด รับผู้ป่วยที่ รพ.เกาะกูด โดยมีพยาบาล รพ.เกาะกูด 2 คน ที่ให้การดูแลรักษา พร้อมญาติผู้ป่วย 2 คน โดยสารมากับเรือฯ  เดินทางถึงท่าเทียบเรือคลองใหญ่ เมื่อเวลา 21.30 น. โดยมีกู้ภัยสว่างฯ นำรถ 2 คัน พร้อม จนท.ฯ ดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย นำส่งสายการแพทย์ถึง รพ.ตราด เมื่อเวลา 23.45 น. เพื่อทำการวินิจฉัยและให้การรักษาพยาบาล ต่อไป

การประชุมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกวางตรี-ไทย ณ ประเทศเวียดนาม

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชฑูต ณ กรุงฮานอย นำทีมประเทศไทย ประกอบด้วย นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร  กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินท์ พร้อมด้วยนักธุรกิจของไทย อาทิ บมจ. อมตะ เซนทรัล ซีพี SCG และบริษัทผู้ผลิตพลังงาน พลังงานทดแทน  เข้าเยี่ยมคาราวะนายเล กวาง ตุ่ง( Mr.Le Quang Tung ) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จังหวัดกวางตรี  ณ โรงแรมไซ่ง่อน ดองฮา ประเทศเวียดนาม

ทางจังหวัดกวางตรีได้เชิญชวนผู้ประกอบการร่วมลงทุนพร้อมยินดีอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทย ทั้งรายใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กพร้อมทั้งยินดีพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น      

จากนั้นมีประชุมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกวางตรี-ไทย โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งไทยและเวียดนาม คณะผู้บริหารของจังหวัดในเวียดนาม จาก 15 จังหวัด รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและคณะด้วย 
     
ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตได้จัดเลี้ยงรับรอง โดยมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยจากครูและนักเรียน โรงเรียนมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหารอีกด้วย

ศปน.ตร.ระดมกวาดล้างเครือข่ายแอปเงินกู้นอกระบบและแก๊งรับจำนำรถในพื้นที่ภาค 1 และ 2 ปูพรมตรวจค้นพื้นที่ รวมดำเนินคดี ผู้ต้องหา 23 ราย ยึดของกลางอีกหลายรายการ

ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากเงินกู้นอกระบบในหลายรูปแบบ เช่น แอปพลิเคชันเงินกู้  ผิดกฎหมาย , แก๊งหมวกกันน็อค , การรับจำนำรถ เป็นต้น ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./  ผอ.ศปน.ตร., พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. เร่งรัดปราบปรามกลุ่มเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ โดยให้ดำเนินการสืบสวนหาเครือข่ายผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง มีผลการดำเนินการ ดังนี้

1. ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 1 จับกุมแก๊งแอปเงินกู้นอกระบบ
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ ชป.ส่วนกลาง 1 ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ในความผิดเกี่ยวกับแอปพลิเคชันเงินกู้ผิดกฎหมาย ชื่อแอพ“กู้ให้ดีดี” ซึ่งมีรูปแบบการให้กู้ยืมผ่านแอปพลิเคชัน ระยะเวลาในการกู้ยืมเงิน 7 วัน โดยจะหักดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน ต้องชำระเงินคืนเต็มจำนวน เมื่อคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปีจะพบว่า มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2085% ต่อปี หากไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ทัน ผู้กู้ก็จะถูกโทรศัพท์มาข่มขู่ และโพสต์รูปประจานบนสื่อสังคมออนไลน์ 

จากการสืบสวนพบว่า เครือข่ายเงินกู้นอกระบบแอปพลิเคชัน “กู้ให้ดีดี” มีเส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม มีรายละเอียด ดังนี้

- กลุ่มบัญชีโอนเงินให้ผู้กู้ (บัญชีธนาคารขาเข้า) และเชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มบัญชีธนาคารที่ใช้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ (บัญชีม้าสำหรับโอนเงินกู้ให้ผู้กู้)
- กลุ่มเจ้าของบัญชีรับชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย (บัญชีธนาคารขาออกชั้นที่ 1) และเชื่อว่าเป็นกลุ่มบัญชีธนาคารที่ใช้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ (บัญชีม้าสำหรับรับโอนชำระหนี้เงินกู้)
- กลุ่มเจ้าของบัญชี สำหรับพัก/ยักย้าย/รวบรวมทรัพย์สิน (บัญชีธนาคารขาออกชั้นที่ 2) โดยการรับโอนจากบัญชีธนาคารกลุ่มเจ้าของบัญชีรับชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย และพบว่าบางส่วนโอนแจกจ่ายต่อไปยังบัญชีธนาคารกลุ่มโอนเงินให้ผู้กู้ จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มบัญชีนายทุนเงินกู้ และผู้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินกู้ 

จากพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมได้ จึงได้ร้องขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายลักลอบปล่อยเงินกู้ แอพพลิเคชั่น “กู้ให้ดีดี” จำนวน 14 ราย ในข้อหา "ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและโดยกำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้หรือเรื่องอื่นๆไว้ในหลักฐานการกู้ยืม หรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและร่วมกันเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต"  โดยมีเงินหมุนเวียนประมาณ 160 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 3 ส.ค.66 พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.บก.สส.ภ.1 , พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ  ผบก.สส.ภ.๕  , พล.ต.ต.พัลลภแอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ , พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผบก.ภจว.เชียงราย , พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ , พ.ต.อ.พีรศักดิ์  รอดบน  รอง ผบก.สส.ภ.1 / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 1 และ พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร.ชุดที่ 5 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร.ภ.1 และ ภ.5  เข้าทำการ   ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 9 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และ เชียงราย ผลการดำเนินการสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 9 ราย หลบหนี 5 ราย ประกอบด้วย

1. น.ส.พรทิพย์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 476/2566 ลง 20 ก.ค.66
2. นายรังสิมันต์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 477/2566 ลง 20 ก.ค.66
3. น.ส.ศุจิกานต์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 478/2566 ลง 20 ก.ค.66
4. นายกิตติพันธ์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 480/2566 ลง 20 ก.ค.66
5. นายนที (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 484/2566 ลง 20 ก.ค.66
6. นายสิษธินันท์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 485/2566 ลง 20 ก.ค.66
7. นายสุทธินัน (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 486/2566 ลง 20 ก.ค.66
8. นางอรศิริ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 488/2566 ลง 20 ก.ค.66
9. น.ส.มณีพรรณ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 489/2566 ลง 20 ก.ค.66
นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว ภ.จว.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2. ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 2 จับกุมแก๊งเสี่ยไอซ์ จำนำรถ
ด้วยเมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ภ.2  ได้ทำการจับกุม นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี โดยขออนุมัติหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา ที่ 12/2566 ลง 31 ม.ค. 2566 เข้าทำการตรวจค้นบ้าน 299/22 ม.4 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จว.ชลบุรี โดยมีนายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการส่วนกลาง ศปน.ตร.ภ.2 เข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง 
จากการตรวจค้นได้ตรวจยึดจับกุม 
1. รถจักรยานยนต์ จำนวน 37 คัน
2. รถยนต์ จำนวน 69 คัน
3. โทรศัพท์เคลื่อนที่ฯ  จำนวน 1 เครื่อง
4. สมุดจดบันทึกรายการบัญชีเงินกู้ของลูกค้าและรายการรับจำนำรถ จำนวน 1 เล่ม

รวมของกลางทั้งสิ้น จำนวน 108 รายการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับในความผิดฐาน “ ประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต , และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” รวมของกลาง จำนวน 108 รายการดังกล่าวข้างต้น จากนั้นนำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี   เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท. อิทธิพล  อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ชัยต์พจน  สูวรรณรักษ์  รอง ผบช.ภ.2 / รอง ผอ.ศปน.ภ.2 ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ ชป.ส่วนกลาง 2 ให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับบุคคลอื่นที่ร่วมอยู่ในขบวนการ ต่อมาสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับบุคคลผู้เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติม จำนวน 2 ราย ได้แก่

1. นายกฤตภาส (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.359/2566 ลง 13 ก.ค. 66 (จับกุม)
2. นายฐณะวัฒน์ หรือ เสี่ยไอซ์  (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.360/2566 ลง 13 ก.ค. 66 (หลบหนี)
ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต”

จากการดำเนินการดังกล่าว ต่อมาวันที่ 3 ส.ค. 66 พ.ต.อ.ชาตรี  สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 2 และ พ.ต.อ.อรรฆพงษ์  สุนทรวิภาต รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี /หน.ชป. ศปน.ภ.2 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร.ภ.2 , ภ.1 , ภ.7 , สตม. และ บช.ทท. เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 14 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี , ระยอง , พิษณุโลก และ กาญจนบุรี เพื่อค้นหาผู้ต้องหาตามหมายจับ รวมทั้งบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และตรวจยึดทรัพย์สิน ผลการดำเนินการสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้สิ้น 7 ราย ประกอบด้วย
พื้นที่ จ.ระยอง

1. น.ส.จันทิมา (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 153/2564 ลง 2 ส.ค.64 ในข้อหา ฉ้อโกง และ แจ้งข้อกล่าวหา ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. นายนรงค์ฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 150/2566 ลง 31 ม.ค.66 ในข้อหา ยักยอกทรัพย์
3. น.ส.มณิสรา (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต และ จัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
พื้นที่ จ.ชลบุรี

1.นายพิมพ์พันธ์ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.นายทศพนธ์ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และ
ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
พื้นที่ จ.กาญจนบุรี

1.นายกฤตภาส (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 359/2566 ลง 13 ก.ค. 66 ใน
ข้อหา ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.นายภาคภูมิ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต และ 
จัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งในปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้ มีของกลางที่ตรวจยึดได้ ดังนี้

1.รถยนต์  29 คัน
2.รถจักรยานยนต์ 10 คัน
3.กุญแจรถยนต์ 12 ดอก
4.สมุดบัญชีเงินฝาก 10 เล่ม
5.บัตรเอทีเอ็ม  3 ใบ
6.สมุดจดรายการ 5 เล่ม
7.อาวุธปืน  1 กระบอก
8.โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง
9.โน๊ตบุค  3 เครื่อง

ซึ่งเครือข่ายรับจำนำรถของเสี่ยไอซ์ มีเงินหมุนเวียน ประมาณ 100 ล้านบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. กล่าวว่า ในวันนี้ ศปน.ตร. มีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการจับกุม     แอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบผิดกฎหมายที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน และเป็นการตัดวงจรกลุ่มบัญชีม้าซึ่งเป็นต้นทางของการนำไปก่ออาชญากรรมในหลากหลายรูปแบบ หลังจากจับกุมกลุ่มดังกล่าวแล้ว จะให้สืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป เนื่องจากปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ใช้การแปลงเงินตราให้เป็นเงินสกุลดิจิทัลเพื่อให้ยากแก่การติดตาม อย่างไรก็ตาม ศปน.ตร.จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มผู้กระทำผิดให้สิ้นซาก 

นอกจากนี้ในส่วนของการปราบปรามแก๊งรับจำนำรถโดยผิดกฎหมายนั้น ก็เป็นปัญหาหนี้นอกระบบในอีกรูปแบบหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงมาก ยังมีความเสี่ยงที่ผู้รับจำนำรถจะเอารถยนต์ที่มาจำนำไว้ไปจำหน่ายต่อ ในบางรายที่รถยนต์ยังอยู่ระหว่างเช่าซื้อ ทางผู้ประกอบการลีสซิ่งก็อาจจะฟ้องร้องในข้อหายักยอกทรัพย์ได้ จึงได้สั่งการให้เข้าตรวจยึดทรัพย์สินเหล่านี้ เพื่อเป็นการปราบปรามกลุ่มแก๊งรับจำนำรถ ไม่ให้สามารถดำเนินการผิดกฎหมายได้อีก

สุดท้ายนี้ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้  
- ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/app/BotLicenseChec

'บิ๊กลภ' ผู้การสมุทรปราการ จับมือ กต.ตร.จัดประชุม กต.ตร.สัญจร ​กระชับสัมพันธไมตรี ส่งเสริมพัฒนาข้าราชการตำรวจ

พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการ (กต.ตร.) จังหวัดสมุทรปราการ จัดประชุม กต.ตร.สัญจร เพื่อกระชับความสัมพันธไมตรีระหว่าง กต.ตร.แต่ละ สภ.และเพื่อส่งเสริมพัฒนาข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ประจำปี 2566 ณ ร้านอาหาร ลา คาแนล คาเฟ่ ถนนเทพารักษ์ อ.เมือง สมุทรปราการ

โดยมี นายสุดใจ จิรยาภากร ประธานที่ปรึกษา กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน การประชุม กต.ตร.สัญจร พร้อมด้วย คณะกรรมการ (กต.ตร.) ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ทั้ง 15 สถานี คณะแม่บ้านตำรวจ ตลอดจนนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และผู้กำกับการแต่ละ สภ. ร่วมในงานครั้งนี้ อีกทั้ง ยังได้รับการต้อนรับและเอื้อเฟื้อสถานที่จัดงาน โดยนาย ทรงพล  ทองวิจิตร กต.ตร.สำโรงเหนือ และ กรรมการผู้จัดการร้าน ลา คาแนล คาเฟ่ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ พร้อมด้วยอาหาร ไทย จีน ญี่ปุ่น และเครื่องดื่ม รวมทั้ง การแสดงจินตลีลา จากน้องๆ โรงเรียนนาฎศิลป์ไทย 

โดย พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า การประชุม กต.ตร.สัญจรในครั้งนี้ ถือเป็นการพบปะสังสรรค์ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำความเข้าใจแนวทางการทำงานในยุคของการเปลี่ยนแปลง พร้อมยกระดับบริการประชาชน สร้างความปลอดภัยและลดอาชญากรรม สนับสนุน และส่งเสริมการทำงานของข้าราชการตำรวจในสังกัดให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชนชาวสมุทรปราการ อีกทั้ง หน่วยงาน กต.ตร.เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ ที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริมการทำงานของข้าราชการตำรวจให้มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดต่อไป

ภายในงานการประชุม กต.ตร.สัญจร ได้นำเสนอและรับชม VTR การเสนอผลงานที่ผ่านมาของ คณะ กต.ตร.สภ.สำโรงเหนือ จากนั้น พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ รองประธานคณะกรรมการ (กต.ตร.) จังหวัดสมุทรปราการ ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับทางคณะกรรมการ (กต.ตร.) สภ.สำโรงเหนือ นำโดย นายสมจิตร เพชรบดี ประธาน กต.ตร.สภ.สำโรงเหนือ และคณะกรรมการ (กต.ตร.) สภ.สำโรงเหนือ ด้วยเช่นกัน

โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น อีกทั้ง ยังได้พบกับศิลปินชื่อดัง “พลพล” นักร้องจากจีนี่ เรคคอร์ค เครือ GMM แกรมมี่ นักร้องก้อปปี้โชว์ เสก โลโซ นักร้องก้อปปี้โชว์ อี๊ด วงฟลาย และนักร้องก้อปปี้โชว์ พี สะเดิด ร่วมสร้างสีสันภายในงาน โดยมี ร.ต.ต.หญิงพวงผกา สุขศรี  ข้าราชการบำนาญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายนรา ฟองเมือง โฆษก กต.ตร.สภ.สำโรงเหนือ มาร่วมเป็นพิธีกรภายในงานครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับร้าน ลา คาแนล คาเฟ่ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.- 22.00 น.ทุกวัน และมีดนตรีสดเพราะๆ ให้ฟังชิวๆ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์  

'ARIT' พา 2 เด็กไทยสร้างชื่อ คว้ารางวัลบนเวทีระดับโลก ศึกชิงแชมป์โลกด้านไอที ที่สหรัฐอเมริกา

(4 ส.ค. 66) นายวรเทพ มงคลวาที ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอที จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ในฐานะเป็นผู้ดำเนินการจัด และคัดเลือกตัวแทนเยาวชนไทย ไปแข่งขันบนเวที Microsoft Office Specialist World Championship และเวที Adobe Certified Professional World Championship ณ เมือง Orlando, รัฐ Florida, ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 - วันที่ 2 สิงหาคม 2566 โดยการแข่งขันดังกล่าวเป็นกิจกรรมการแข่งขันทักษะการใช้ Microsoft Office และ โปรแกรม Adobe ที่มีเยาวชนมากความสามารถจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมชิงชัยในครั้งนี้ สำหรับในปีนี้มีตัวแทนเยาวชนจากประเทศไทย จำนวน 4 คน ที่เข้าร่วมชิงชัย แบ่งเป็น 

ตัวแทนเวที Microsoft Office Specialist World Championship มี 3 คน ได้แก่ 
1. ตัวแทน Microsoft Excel Version 2019
นายทรงกลด เพชรจำรัส จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

2. ตัวแทน Microsoft PowerPoint Version 2019
นายนพณัฐ ฉลวย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

3. ตัวแทน Microsoft PowerPoint Version 2016
นางสาวสุรางค์ ศิริโต จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี    

ตัวแทนเวที Adobe Certified Professional World Championship มี 1 คน ได้แก่
1. นายพงศธร ทองมาเอง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

ซึ่งผลการแข่งขันเยาวชนไทยสามารถคว้ามาได้ 2 รางวัลได้ดังนี้ 
เวที Microsoft Office Specialist World Championship 2023
1. นายนพณัฐ ฉลวย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โปรแกรม Microsoft PowerPoint  Version 2016

2. นายทรงกลด เพชรจำรัส จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 โปรแกรม Microsoft Excel Version Office365 & 2019

สำหรับกิจกรรมการแข่งขันโปรแกรม Microsoft Office และ Adobe เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ซึ่งในแต่ละปีจะมีประเทศต่าง ๆ จากทั่วโลก คัดเลือกเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันในเวทีระดับโลกเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนประเทศเข้าแข่งขันเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี 

นายวรเทพ กล่าวย้ำว่า “ในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินการจัด และคัดเลือกตัวแทนเยาวชนไทยไปแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นถึงความสามารถของเด็กไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยเฉพาะอย่างทักษะทางด้านไอที ในยุคดิจิทัลแบบนี้ถือเป็นทักษะที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่สามารถต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคตได้ของเยาวชนได้ จึงมองว่าเวทีนี้คือเวทีแห่งโอกาสที่จะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนได้แสดงความสามารถ จึงอยากเชิญชวนไปยัง นักเรียน นักศึกษา คณะครูอาจารย์ สถาบันการศึกษา หรือแม้แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมกันผลักดันเวทีการแข่งขังนี้ ในปีต่อ ๆ ไป ให้ได้เป็นพื้นที่ให้เยาวชนไทย ได้แสดงออกทางความสามารถได้อย่างสร้างสรรค์ อันจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติต่อไปได้” 

สำหรับการแข่งขันในปีหน้า ทาง บริษัท เออาร์ไอที มีกำหนดจัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยขึ้นอีกครั้งช่วงต้นปี 2567 โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารการรับสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.arit.co.th

‘เสี่ยเฮ้ง’ เสียใจ 2 แรงงานไทยเสียชีวิตในไต้หวัน ประสานทูตแรงงานตรวจสอบ-ช่วยเหลือเร่งด่วน

(4 ส.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณี แรงงานไทยประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกเหวเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในไต้หวัน ว่า ในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตจึงกำชับให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบข้อมูลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทูตแรงงานที่ไทเปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือในทันที

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากรายงานของนางประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป พบว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เวลาประมาณ 10.00 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถผู้รับเหมาโครงการของการไฟฟ้าไต้หวัน ขณะขับขึ้นเขาในเขตฟู่ซิง นครเถาหยวน เพื่อส่งคนงานไปทำงาน โดยระหว่างทาง ถนนลื่น จากฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้รถไถล ตกลงไปในเหวลึก ซึ่งในรถมีผู้โดยสารและคนขับรวม 6 ราย หน่วยกู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือ นำขึ้นมาได้ทั้งหมด เสียชีวิต 4 ราย อีก 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นแรงงานไทย 2 ราย

รายแรกทราบชื่อคือ นายประสบโชค แสวงแก้ว มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อปี 2556 และมีเงินสมทบกรณีชราภาพอยู่ 186.75 บาท จากนั้นได้เข้าไปทำงานที่เมืองไทจงต่อมาหลบหนีไปทำงานกับนายจ้างอย่างผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2565

รายที่ 2 นายกิตติศักดิ์ ผิวอ่อน มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดศรีษะเกษ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีเงินสมทบกรณีชราภาพอยู่ 260.40 บาท

ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 ราย รายแรก นายศตวรรษ เติมประชุม มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีเงินสมทบกรณีชราภาพ 4,633 บาท และรายที่ 2 น.ส.พรนภา กลางสุโพธิ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ ไม่เคยมีสถานะเป็นผู้ประกันตนมาก่อน

และจากการตรวจสอบของกรมการจัดหางานทั้ง 4 รายไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าวอยู่ในความดูแลของกระทรวงการต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานจะได้ประสานความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้าน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทย ผมได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดพร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ศรีษะเกษ และบึงกาฬ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทยทั้ง 4 รายดังกล่าว ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจพร้อมแจ้งข้อมูลขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือให้ญาติทราบเพื่อดูแลอำนวยความสะดวกในการประสานกระทรวงการต่างประเทศว่าจะนำศพแรงงานกลับประเทศไทยอย่างไร

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้แรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ ขอให้เดินทางไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมี 5 วิธี ได้แก่ กรมการจัดหางานจัดส่ง บริษัทจัดหางานจัดส่ง นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงานต่างประเทศ นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงานต่างประเทศ และคนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง จึงขอแจ้งเตือนไปยังคนหางานที่ประสงค์เดินทางไปทำงานต่างประเทศไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าหลงเชื่อนายหน้า และสมัครเป็นสมาชิกเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะได้รับสิทธิประโยชน์การคุ้มครอง หากประสบอันตราย เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ หรือประสบปัญหาในต่างประเทศ

ขณะที่ นางประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป ยังได้กล่าวเน้นย้ำว่า แม้ว่านักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางเข้าไต้หวันโดยใช้ฟรีวีซ่า แต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองในการทำงาน จึงขอให้แรงงานไทยที่จะไปทำงานในไต้หวันไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายและผ่านกรมการจัดหางาน เพราะเมื่อประสบเหตุที่ไม่คาดคิดเช่นนี้จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายด้วย

บิ๊กโจ๊ก สั่งเซ็ทซีโร่เกาะหลีเป๊ะใหม่ หลังแผนที่ดาวเทียมทางทหารชี้ชัดบุกรุก 42 แปลงเตรียมเพิกถอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ลงพื้นที่ประชุมตรวจติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายและแก้ไขข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องในชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ และติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายกรณีบุกรุกที่อุทยานฯ รุกล้ำที่ราชพัสดุ และความผิด พรบ.โรงแรมและ พรบ.ควบคุมอาคาร โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในครั้งนี้ ซึ่งความคืบหน้า ประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินคดีโรงแรมทั้งหมด 103 คดีเป็นโรงแรมทั้งหมดในพื้นที่ 100 กว่าโรงแรม ได้แจ้งดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว ยกเว้นโรงแรมที่ เป็นไปตามคำสั่งคสช. ซึ่งส่วนนี้ต้องให้ความเป็นธรรมเขา จำนวนสามสิบกว่าโรงแรมในส่วนของสำนวนทั้งหมดประมาณ 103 สำนวนจะดำเนินการสั่งคดีให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้

ส่วนของการบุกรุกตั้งแต่เรื่องการบุกรุกที่ดินของโรงแรม การก่อสร้างโรงแรมไม่ได้รับอนุญาต การต่อเติมสร้างอาคารต่าง ๆ โดยผิดกฎหมายไม่ได้รับอนุญาต เพราะฉะนั้นวันนี้การดำเนินการของที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะหลักการต้องดำเนินตามกฎหมายเพราะว่าการใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน จะสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกคนบนเกาะหลีเป๊ะเพราะว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันและจากนี้ไปก็เป็นเรื่องการเพิกถอน ที่ต้องใช้เวลา โดยอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการฯ มาพิจารณายกเลิกเพิกถอนกรณีมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ โดยอาศัยหลักฐานทั้งเอกสาร ดีเอสไอ และเอกสารจากกรมอุทยานแห่งชาติ 

ซึ่งวันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยวันนี้มาเพื่อเร่งกระบวนการต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น และในส่วนของหลักฐานก็เพิ่มความชัดเจนให้มากขึ้น คือภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศขณะนี้กรมแผนที่ทหารโดยเจ้ากรมแผนที่ทหารรับรองแล้ว ว่าภาพถ่ายทางอากาศมีการรับรองโดยเอกสารราชการโดยถูกต้อง ต้องกลับไปใช้พ.ศ. 2493 ถึง 2494 เพราะฉะนั้นมันจะชัดเจนว่าอันไหนควรเพิกถอน อันไหนไม่ควรเพิกถอน เพราะฉะนั้นในเอกสารทั้งหมดที่ทำรายงานทั้งหมดประมาณ 10,000 กว่าแผ่น พิจารณาให้เพิกถอนทั้งหมด 42 แปลง หมดทั้งเกาะ ในส่วนนี้ก็จะเซ็ทซีโร่ใหม่ ในส่วนของชาวบ้านที่จะทำกินก็ให้ดำเนินการไป ในส่วนของเอกชนที่จะเข้ามาเพื่อสร้างให้เกาะหลีเป๊ะมีความเจริญเป็นแหล่งท่องเที่ยวเอารายได้เค้าขอหลีเป๊ะก็ต้องว่าไปก็จะได้จัดสรรปันส่วนโดยส่วนนี้ก็จะเป็นของกรมอุทยานแห่งชาติในฐานะเจ้าของพื้นที่จากที่มีการ เพิกถอนหมดทั้งเกาะแล้วอันนี้ยึดหลักกฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนปัญหาทางเดินโรงเรียนและลงชายหาดที่เป็นข้อพิพาทนั้น แม้ขณะนี้ยังไม่เปิดเส้นทาง โดยในวันอังคารหน้านี้ตนจะลงพบเอกชน และติดตามปัญหาทางเดินสารธารณะพร้อมกับ กรมที่ดิน กรมอุทยาน กรมธนารักษ์ และในส่วนของนายอำเภอ ลงไปชี้แนวเขตทั้งหมด เพื่อให้จบและได้ออกเอกสารสิทธิ์ คือวันนี้ถามว่าทำไมมันสั่งสมมานาน อย่าลืมนะว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ก็หนักใจต่างคนต่างอยู่ กรมอุทยานก็กรมนึง กรมที่ดินก็กรมนึง กรมธนารักษ์ก็กรมหนึ่ง เมื่อกรมธนารักษ์พร้อมแต่กรมที่ดินไม่พร้อม ด้วยเหตุนี้ทางนายกจึงได้ตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาเพื่อเอาทุกกรม ไปดำเนินการได้มันจะได้เส็จ

'กรณ์' ชี้!! เร่งแก้ปัญหา Ashton Asoke เป็นเรื่องถูกต้อง แต่ต้องไม่ผิดกฎหมายและต้องเยียวยาผู้ร้องได้แบบครบมิติ

(4 ส.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีใครต้องรับผิดชอบอย่างไร และจะแก้ไขเยียวยาให้ผู้ร้องอย่างไร ในเคส 'Ashton Asoke' ไว้ว่า...

ประเด็นนี้สำคัญครับ

เมื่อวานผู้ว่าชัชชาติแถลงว่า ให้เวลาโครงการ Ashton 30 วัน++ ในการหาทางออกใหม่ 

และเน้นว่า "แต่วันนี้ทางออกปัจจุบันยังใช้ได้เหมือนเดิม"

ในทางปฏิบัติผมว่าถูกต้อง รีบ ๆ หาทางออกให้ผู้อาศัยในอาคารเดือดร้อนน้อยที่สุด

แต่ในทางกฎหมายผมมองว่ามีประเด็นปัญหา

เพราะเมื่อวานสำนักงานกฎษฎีกาได้ออกมายืนยันว่า สำนักงานฯ ได้มีมติแจ้งไปทาง รฟม. (ผู้ที่ให้โครงการเช่าใช้ที่ของตนเป็นทางออก) ตั้งแต่ปี 2563 ว่า รฟม. ไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการนำพื้นที่ให้เอกชนเช่าใช้ ยิ่งศาลพิพากษายืนยันความเห็นนี้ สถานะยิ่งชัดว่า รฟม.ให้เอกชนเช่าใช้ที่นี่ไม่ได้

ดังนั้นประเด็นเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ รฟม. ยังสามารถคงการเปิดทางเข้า/ออกให้โครงการได้โดยไม่ผิดกฎหมาย?

ส่วนทางกทม. ผมมองว่าการให้เวลาทางโครงการไปหาทางออกใหม่ เพื่อมาขอใบอนุญาตใบใหม่นั้นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล 

...แต่ไม่พอ!! เพราะไม่ได้บรรเทาปัญหาให้กับชาวบ้านเดิมที่ฟ้องร้อง กทม. มาตั้งแต่ปี 58 ว่าโครงการนี้สร้างผิดกฎหมาย พูดง่ายๆ คือความผิดสำเร็จแล้ว 

และที่ผู้ว่าฯ ยังไม่ได้พูดคือส่วนนี้ ว่าใครต้องรับผิดชอบอย่างไร จะแก้ไขเยียวยาให้ผู้ร้องอย่างไร และที่สำคัญที่สุด กทม. จะปรับตัวเองอย่างไรไม่ให้มีการสร้างตึกที่ผิดกฎหมายอีกในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top